คำตอบ
ถามถึงจำนวนผู้ประกาศตนว่าเป็นผู้นับถือพุทธศาสนา (พุทธมามกะ) ตอบว่าไม่ทราบ เพราะรู้ไปไม่ได้ทำให้พ้นทุกข์ เหตุที่จำนวนชาวพุทธลดลงเป็นเพราะ พุทธบริษัทจำนวนหนึ่ง นิยมพัฒนาปัญญาทางโลก (สุตมยปัญญาและจินตมยปัญญา) จึงเข้าไม่ถึงความจริงแท้ในธรรมวินัยที่ระบุไว้ในพุทธศาสนา ความศรัทธาจึงลดลงและนำตัวออกจากพุทธศาสนา
คำตอบ
มีความรู้สึกว่า นักบวชที่ประพฤติไม่ถูกตรงตามธรรมวินัยเป็นครูสอนใจ มิให้ประพฤติแบบเขา ชีวิตก็จะไม่เสื่อมเช่นเขา
คำตอบ
มิได้ติดตามว่าถูกจัดอยู่ในลำดับที่เท่าไร แต่ไม่ใช่ลำดับที่หนึ่งและสอง เพราะพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งการใช้ปัญญาเห็นแจ้ง ส่องนำพาชีวิตไปสู่การพ้นทุกข์ การพัฒนาจิตให้เข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก และเมื่อนำปัญญาเห็นแจ้งมาส่องนำพาชีวิตแล้วเป็นการทวนกระแสโลก จึงเป็นเหตุทำให้พุทธศาสนิกมีไม่มาก
คำตอบ
เหตุที่ทำให้คนมีศรัทธาในพุทธศาสนาลดน้อยลง เป็นเพราะคนจำนวนมากนิยมพัฒนาปัญญาทางโลก ซึ่งพัฒนาได้ง่ายกว่าและไม่สวนทางกับกระแสโลก ส่วนปัญญาทางธรรมเป็นปัญญาสูงสุดที่พัฒนาได้ยาก และเมื่อนำมาใช้แล้วเป็นการทวนกระแสโลก จึงมีคนจำนวนน้อยสนใจและพัฒนาขึ้นกับตัวเอง
คำตอบ
คำว่า มือถือสาก ปากถือศีล หมายถึงคนที่ยังประพฤติชั่ว แต่มีปากพร่ำพูดอยู่แต่ความดีงาม เช่นสอนให้คนอื่นประพฤติดี ทั้งที่ตัวเองยังประพฤติคอรัปชั่น ประพฤติเบียดเบียน ประพฤติทุศีล ฯลฯ
คำตอบ
คำว่า ยุติธรรม หมายถึง ความชอบด้วยเหตุผล (ทางโลก)
คำว่า อิ่มบุญ หมายถึง ความชุ่มชื่นใจที่ได้ทำบุญมามาก
คำตอบ
พฤติกรรมชอบทะเลาะกัน เป็นพฤติกรรมของสัตว์เดรัจฉาน สัตว์เดรัจฉานที่หมดอายุขัย แล้วจิตวิญญาณโคจรมาอาศัยอยู่ในร่างของมนุษย์ ความนิยมในพฤติกรรมชอบทะเลาะกัน ชอบยกพวกตีกัน ชอบอบายมุข ฯลฯ จึงได้เกิดขึ้น เรียกมนุษย์ประเภทนี้ว่า มนุสฺสติรัจฉาโน
ถามว่าจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร? ตอบว่าแก้ไขได้สองทางคือ แนวทางแรก ทำกฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ด้วยการพัฒนาผู้รักษากฎหมาย ให้ทำหน้าที่อย่างถูกตรง รวดเร็ว ตามอำนาจที่ได้รับมอบหมาย แนวทางที่สอง คือพัฒนาบุคคลของสังคม ให้มีศีลมีธรรมเป็นพื้นฐานของใจ และคัดเลือกเอาคนเก่งที่มีศีลธรรมขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วยงาน
คำตอบ
หากพัฒนาคนที่อยู่ในหมู่บ้านให้เป็นผู้มีศีลมีธรรมได้เมื่อไร ปัญหาที่ถามไปจะไม่เกิดขึ้น
คำตอบ
คือวัดที่มีภิกษุประพฤติตนถูกตรงตามธรรมวินัย คือประพฤติตนให้มีศีลมีธรรมนั่นเอง
คำตอบ
ในทางโลก พระนางจามเทวีปกครองประชาราษฎร์โดยมีราชธรรม (ทาน ศีล ปริจจาคะ อาชชวะ มัททวะ ตบะ อักโกธะ อวิหิงสา ขันติ และอวิโรธนะ) เป็นเครื่องสนับสนุน แต่ในบั้นปลายของชีวิตพระนางฯ ประพฤติตนอยู่ในทางธรรม ด้วยการบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญจิตตภาวนาอยู่เสมอ แต่ยังมิได้เข้าถึงดวงตาเห็นธรรม
อดีตของพระนางฯ ข้องเกี่ยวกับผู้ตอบปัญหา ด้วยการนำพาชีวิตดำเนินอยู่ในทางธรรมเช่นกัน หลังจากที่ผู้ตอบปัญหาได้ทำประวัติของพระนางฯแล้วเสร็จ หลังจากอนุสาวรีย์ฯถูกประดิษฐานแล้ว หลังจากวัดต่างๆที่เนื่องด้วยพระนางฯถูกบูรณะขึ้นแล้ว ฯลฯ คืนวันหนึ่งท่านมาบอกว่า แม่ไปละ ผู้ตอบปัญหามิได้ถาม จึงไม่ทราบว่าท่านไปเกิดอยู่ที่ไหน
คำตอบ
ในขณะที่เกิดเป็นมนุษย์และบำเพ็ญตนเป็นฤๅษีอยู่ที่เมืองสาเกต แคว้นโกศล ในห้วงเวลานั้นพระพุทธะประทับอยู่ที่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี แคว้นโกศลเดียวกัน ระยะทางระหว่างเมืองสาเกตกับเมืองสาวัตถีห่างกันประมาณ ๑๑๒ กิโลเมตร ด้วยเหตุฤๅษีมีปัญญาเห็นผิด จึงมัวแต่เพลินและหลงติดอยู่ในอภิญญา ๕ มิได้ศรัทธาในคำสอนพระพุทธ จึงเป็นเหตุนำเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในทุกวันนี้
คำตอบ
การจะเห็นผัสสะดับได้ ต้องพัฒนาจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) ให้ได้ก่อน แล้วใช้จิตที่เป็นสมาธิระดับนี้ ตามดูผัสสะที่เกิดขึ้นทางตา ผัสสะที่เกิดขึ้นทางหู ว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อผัสสะเข้าสู่ความเป็นอนัตตา ผัสสะที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่ตัวตน จิตจะวางผัสสะ แล้วเข้าสู่ความว่างเป็นอุเบกขา ต้องใช้จิตตามดูแบบนี้ครับ
คำตอบ
ผู้ใดยังมีจิตเป็นทางของสมมุติ จะรู้ว่าปอบคือผีที่สิงอยู่ในตัวคน และกินตับไตไส้พุงจนคนที่ถูกสิงตายลง เหตุที่เป็นปอบเพราะก่อนตายจากมนุษย์ มีจิตเห็นผิดไปจากความเป็นจริงนั่นเอง
คำตอบ
ภิกษุกรุงเทพฯประพฤติเช่นนั้น เพื่อเติมความโลภของตน ภิกษุชนบทประพฤติเช่นนั้น เพื่อทำตามความอยากโดยไม่คำนึงถึงความถูกผิด หลวงพ่อคูณพูดเช่นนั้นเพื่อสื่อความหมายถึงองค์ท่าน และถึงคนที่ท่านพูดด้วย พูดเพราะหรือไม่เป็นเรื่องที่คิดเอาเอง แต่คนโบราณใช้คำเช่นนี้แทนสรรพนาม
คำตอบ
คิดว่าเขาเป็นครูสอนผู้ตอบปัญหา ว่าหากตนเองได้บวชเป็นภิกษุ ต้องไม่ประพฤติละเมิดวินัยเช่นนั้น
คำตอบ
คำว่า สมาทาน หมายถึง การถือปฏิบัติหรือรับเอามาเป็นข้อปฏิบัติ ฉะนั้นบุคคลสามารถปฏิบัติศีล ๕ หรือศีล ๘ ด้วยตัวเองก็ได้ หรือไปรับศีล๕ หรือศีล ๘ มาจากบุคคลอื่น แล้วนำมาปฏิบัติก็สามารถทำได้
คำตอบ
คำว่า ทศบารมี หมายถึง คุณธรรม ๑๐ อย่าง (ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา) เมื่อบุคคลประพฤติได้แล้ว จะเกิดเป็นบารมีสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณของผู้ประพฤติ
คำตอบ
ต้องให้ของดีของที่ประณีต (ดีกว่าที่ตนมีตนใช้) เป็นทาน และให้ทานด้วยความศรัทธา ให้ทานด้วยความเคารพ ให้ทานตามกาล ให้ทานด้วยจิตอนุเคราะห์ และให้ทานด้วยไม่เบียดเบียนตนและคนอื่น
คำตอบ
รู้จากประสบการณ์ที่ฝังอยู่ในจิตวิญญาณ และตรวจสอบสมมุติบัญญัติจากพระไตรปิฎก เพื่อสื่อความหมายให้ตรงกัน
คำตอบ
หากคิดตามความหยาบความละเอียดของสภาวะจิต ที่ทำให้บุคคลไปอุบัติเป็นสัตว์อยู่ในภพภูมิต่างๆ สามารถจำแนกบุญออกได้เป็น ๔ ระดับ
๑.กามาวจรบุญ ได้แก่บุญที่นำพาบุคคลให้เวียนตาย-เวียนเกิดอยู่ในกามภพ บุญเช่นนั้นได้ทาน ศีล
๒.รูปาวจรบุญ ได้แก่บุญที่นำพาบุคคลให้เวียนตาย-เวียนเกิดอยู่ในรูปภพ เช่นบุญที่เกิดจากการปฏิบัติสมถกรรมฐาน
๓. อรูปาวจรบุญ ได้แก่บุญที่นำพาบุคคลให้เวียนตาย-เวียนเกิดอยู่ในอรูปภพ ได้แก่บุญที่เกิดจากการเจริญอรูปกรรมฐาน ๔ อย่าง (อากาโสอนนฺโต วิญฺญาณํอนนฺตํ นตฺถิกิญฺจิ เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํ)
๔. โลกุตตรบุญ ได้แก่บุญที่อยู่เหนือกามภพ รูปภพและอรูปภพ คือบุญที่เกิดจากการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
ส่วนคำว่า ทำความเห็นให้ตรง หมายถึง ทำความเห็นให้ถูกตรงตามธรรม บุคคลจะทำเช่นที่กล่าวได้ ต้องปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจนเกิดปัญญาเห็นแจ้งขึ้นกับจิต ความเห็นจึงจะถูกตรงตามธรรมได้คำตอบ
ศีลเป็นคุณธรรมที่ให้ผลเป็นบุญได้ ให้ผลเป็นบารมีได้ ศีลและกุศลกรรมบถ ๑๐ ให้ผลเป็นบารมีที่แตกต่างกันดังนี้
ศีล ๕ เป็นบารมีที่นำให้บุคคลเข้าถึงความเป็นอริยบุคคล ระดับโสดาบันและระดับสกิทาคามีได้
ศีล ๘ และศีล ๑๐ เป็นบารมีที่ทำให้บุคคลเข้าถึงความเป็นอริยบุคคล ระดับอนาคามีและระดับอรหันต์ได้
กุศลกรรมบถ ๑๐ เป็นคุณธรรมที่ทำให้บุคคลเข้าถึงสวรรค์สมบัติได้
คำตอบ
ต้องพัฒนาจิตให้มีสติกล้าแข็งและให้มีปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้สติปัญญาเห็นแจ้งไปตามดูการใช้ความรู้ (ปัญญา) ทางโลกมาใช้ในการทำงานให้กับโลก หรือพูดในอีกแนวทางหนึ่งว่า รู้เท่าทันการใช้ความรู้ทางโลก
คำตอบ
คำว่า ทดแทน หากหมายถึงตอบแทนหรือชดเชยแล้ว บุญกับบาปจึงทดแทนกันไม่ได้ เมื่อใดที่บุญให้ผล ผู้มีบุญต้องเป็นผู้ได้รับผลบุญคือความสุข เมื่อใดที่บาปให้ผล ผู้มีบาปต้องเป็นผู้ได้รับผลบาปคือความทุกข์
ส่วนคำว่า ลบล้าง หากหมายถึงทำให้หมดสิ้นไป ฉะนั้นบุญกับบาปจึงลบล้างกันไม่ได้ แต่เลิกแล้วต่อกัน (อโหสิ) ได้ หากผู้นั้นสามารถดับรูปดับนามเข้านิพพานได้
คำตอบ
ต้องถามว่าถูกของใคร ผิดของใคร บุคคลที่อยู่ในอิริยาบถนอน เช่นเป็นอัมพาต แต่ยังมีปากพูดได้ก็สามารถสวดมนต์ได้ สามารถอธิษฐานได้ เช่นเดียวกันคนที่อยู่ในอิริยาบถนอนแต่ยังไม่หลับ ก็สามารถสวดมนต์ได้ สามารถอธิษฐานได้เช่นกัน จะสวดมนต์ จะอธิษฐาน ณ ที่แห่งใด สามารถทำได้ทั้งนั้นถ้าปรารถนาจะทำ
คำตอบ
ได้บุญครับ แต่บุญให้ผลแตกต่างกันระหว่างผู้ตั้งปรารถนา (เอ่ยจุดประสงค์) และผู้มิได้ตั้งปรารถนา (ไม่เอ่ยจุดประสงค์) ตัวอย่างเช่น พระอานนท์ตั้งปรารถนาเป็นพุทธอุปัฏฐากในพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งไว้ในสมัยพระปทุมุตตรพุทธเจ้า เมื่อมาถึงสมัยพระพุทธโคดมอุบัติ จึงได้รับแต่งตั้งเป็นพุทธอุปัฏฐาก ทั้งๆที่พระนาคิตะ พระมหาจุนทะ พระเมฆิยะ พระสาคตะ ฯลฯ เคยอุปัฏฐากพระสมณโคดมมาก่อน แต่มิได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพุทธอุปัฏฐากประจำพระองค์ ทั้งนี้เพราะมิได้ตั้งจุดประสงค์ไว้แต่กาลก่อน
คำตอบ
ขออโหสิกรรมได้ แต่สิทธิในการยกโทษให้หรือไม่ยกโทษให้ ยังเป็นของสัตว์ที่ถูกฆ่า หากสัตว์ที่ถูกฆ่ายกโทษให้คือไม่ผูกพยาบาทถือว่าผู้ฆ่าไม่มีบาป ตรงกันข้ามขออโหสิแล้ว แผ่เมตตาให้ก็ทำแล้ว แต่สัตว์ที่ถูกฆ่ายังผูกพยาบาทอยู่ ถือว่าผู้ฆ่ายังมีบาปอยู่
คำตอบ
คำว่า กรวดน้ำปากเปล่า หากหมายถึง ไม่ได้กรอกน้ำแต่พูดด้วยวาจา และบุคคลที่ถูกอุทิศให้อยู่ในสถานะที่รับบุญได้และเขามาอนุโมทนาบุญ การกระทำในลักษณะนี้เป็นประโยชน์ได้
คำตอบ
หากพฤติกรรม โอนบุญ ได้กระทำให้เกิดขึ้นแล้ว ถือว่าเป็นความจริงครับ
คำตอบ
ไอคิว ( Intelligence Quotient) หมายถึง ระดับเชาวน์ปัญญา ซึ่งเทียบระหว่างอายุจริงกับอายุของสมอง
อีคิว ( Emotional Quotient) หมายถึง จริยธรรมหรือความประพฤติที่ดีงาม
เอสคิว (Spiritual Quotient) หมายถึง ความเป็นอิสระของจิตวิญญาณ
คำตอบ
คนที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ (มังสวิรัติ) มีอยู่ในโลกนี้มายาวนานและบัดนี้ก็ยังมีอยู่ คนที่บริโภคเนื้อสัตว์ด้วยการไปซื้อซากศพของสัตว์มาประกอบเป็นอาหารก็ยังมีอยู่ คำว่าฆ่าสัตว์ หมายถึง การทำให้จิตวิญญาณของสัตว์ต้องหลุดออกจากร่าง แล้วไปหาร่างใหม่อยู่อาศัย พระพุทธะจึงได้บัญญัติเป็นศีลข้อปาณาติบาตมิให้พุทธบริษัทกระทำ
ถามว่า : ฆ่าสัตว์บาปมากไหม?
ตอบว่า : โทษอย่างหนักตายแล้วไปเกิดเป็นสัตว์นรก โทษอย่างเบาทำให้อายุสั้น
ถามว่า : จะแก้บาปนี้อย่างไร?
ตอบว่า : ดีที่สุดคือปิดอบายภูมิ ด้วยการพัฒนาจิตให้เป็นพระโสดาบัน ดีน้อยกว่า หยุดทำกรรมชั่วทำแต่กรรมดี แล้วอุทิศบุญใช้หนี้สัตว์ที่ถูกฆ่า
คำตอบ
ประสงค์จะเพิ่มความอดทน ต้องพัฒนาจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิด้วยการปฏิบัติสมถภาวนา หากพัฒนาจนเข้าถึงฌานได้แล้ว ความทุกข์ย่อมหายไปนานตราบเท่าที่จิตทรงอยู่ในฌาน และหากเมื่อใดถอนจิตออกจากความทรงฌาน จะมีความอดทนเพิ่มมาก ทำให้อ่านหนังสือได้ยาวนาน
ส่วนเหตุที่ทำให้จิตวิญญาณโคจรไปเกิดเป็นสัตว์ในภพต่างๆ มีดังนี้
โทสะ เป็นเหตุนำเกิดเป็นสัตว์อยู่ในภพนรก
โลภะ เป็นเหตุนำเกิดเป็นสัตว์อยู่ในภพเปรต
โมหะ เป็นเหตุนำเกิดเป็นสัตว์อยู่ในภพเดรัจฉาน
ศีล ๕ เป็นเหตุนำเกิดเป็นสัตว์อยู่ในภพมนุษย์
ศีล ๕ + ทาน หรือศีล ๘ เป็นเหตุนำเกิดเป็นสัตว์อยู่ในภพสวรรค์
ฌาน เป็นเหตุนำไปเกิดในพรหมโลก
คำตอบ
ตอบว่าไม่ทราบ เพราะตัวเองยังพัฒนาจิตไม่ถึงความเป็นอริยบุคคลสูงสุด จึงไม่มีความรู้เกี่ยวกับพระอรหันต์ที่ดับรูปดับนามไปแล้ว
คำตอบ
เป็นเพราะธาตุกำเริบ
คำตอบ
เรียกว่า เกิดวิปัสสนูปกิเลส
คำตอบ
ต้องมีศีล ๕ คุมใจ แล้วปฏิบัติสมถกรรมฐาน โดยมีความเพียรเป็นเครื่องสนับสนุน เมื่อจิตเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิได้แล้ว สิ่งที่ปรารถนาย่อมเกิดขึ้นได้
คำตอบ
กำจัดนิวรณ์ ๕ (กามฉันทะ พยาบาท ถีนมิทธะ อุธัจจกุกกุจจะ วิจิกิจฉา) ให้หมดไปได้ ต้องพัฒนาปัญญาเห็นแจ้งให้เกิดขึ้น แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งตามดูกิเลสที่เป็นนิวรณ์ว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์
คำตอบ
ปัจจุบันน้ำยังไม่ท่วมกรุงเทพฯ
คำตอบ
การกระทำ (กรรม) ต้องดูที่เจตนา หากการฉลองพัดยศมีเจตนาอยู่ที่การบำเพ็ญทาน เทศน์ธรรม ฟังธรรม อุทิศบุญกุศล ฯลฯ เหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดศีล หากภิกษุใดประพฤติไม่ถูกตรงตามธรรมวินัย หากประสงค์จะขจัดค่านิยมที่ผิด ต้องไม่นำตัวเข้าร่วม
คำตอบ
ไปที่ชอบ ผู้ใดชอบประพฤติอยู่แต่กุศลธรรม ตายแล้วย่อมไปเกิดอยู่ในภพภูมิที่ดี (สุคติภพ) ผู้ใดประพฤติอยู่แต่อกุศลธรรม ตายแล้วย่อมไปเกิดอยู่ในภพภูมิที่ไม่ดี (ทุคติภพ)
คำตอบ
มีจริงครับ
คำตอบ
ถือได้ว่าเป็นบาปครับ
คำตอบ
ประพฤติแล้วทำให้จิตเศร้าหมอง ถือว่าเป็นบาป
คำตอบ
การเกิดเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ เช่น ไดโนเสาร์ ต้องมีเหตุปัจจัยบนดวงดาวที่จะไปเกิดมีความพร้อม ที่ทำให้เกิดเป็นรูปร่างกายที่มีขนาดใหญ่โตเช่นนั้นได้ จึงจะมีไดโนเสาร์เกิดขึ้นใหม่ได้ แต่ปัจจุบันยังไม่มีเหตุปัจจัยที่จะเป็นเช่นนั้น แต่จิตวิญญาณของไดโนเสาร์สามารถโคจรมาเข้าอยู่อาศัยในร่างของสัตว์อื่นหรือมนุษย์ได้
ส่วนคนในประเทศที่มิใช่ชาวพุทธ ตายแล้วไปเกิดตามแรงผลักของกรรมที่ทำไว้ (ดูข้อ ๓๙.)
คำตอบ
การเปลี่ยนชื่อไม่มีผล แต่ความเชื่อ (ศรัทธา) ในสมมุติบัญญัติของชื่อมีผลต่อกรรม (การกระทำ) ที่จะเกิดขึ้นกับตัวของผู้ที่เชื่อว่าเปลี่ยนชื่อแล้วดี