1

 

 

 

                                                       
คำถาม-คำตอบ ข้อ 1351-1400
1400.
เรียน อ สนอง วรอุไร ที่เคารพอย่างสูง

   เสียดาย เพิ่งมารู้จักอาจารย์ได้ไม่นาน โดยเปิดเจอในเวป และ ติดตามไปฟังอาจารย์ ที่หอประชุม มช     ตอนนี้เสียดายเวลาที่ผ่านมาในอดีตมาก ที่ไม่ทำตัวให้เป็นสาระกับชีวิต ตอนนี้อยากปรารถนา จะสร้างตนเองให้เป็นคนที่มีสาระให้มากที่สุด แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำยังไงครับ กับเวลาที่ผมเหลืออยู่  

   วันนี้ ผมเพิ่งไปตรวจร่างกายมา และเพิ่งทราบจากหมอท่านว่าผมเป็นมะเร็ง ไม่รู้ว่าระยะใดแล้ว หมอไม่ได้พูดถึง แต่ตำหนิผมเพิกเฉยกับอาการที่เป็นอยู่ ที่จริงแล้วอาการของผมเรียกว่า โรคกรรมครับ เพราะเป็นแต่เกิด และ คนจะเป็นโรคนี้น้อยครับ กล่าวคือ ผมมีลูกอัณฑะไม่ลงถุงทั้งสอง และตอนขณะอายุน้อย คุณแม่ท่านก็ไปให้หมอดู และ    ผ่าตัด แต่ปรากฎว่า หมอท่านทำไม่สำเร็จครับ เพราะเหตุผลไรไม่ทราบ บอกว่าสายมันสั้น พ่อ แม่ และ ผม ก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะไม่มีความรู้เท่าได ต่อมาปรากว่า ผมทำงานยกของต่างๆ มันจะมีโอกาสกระทบกับ อัณฑะ ที่บริเวณท้องน้อย บ่อย มันเจ็บ ไปหาหมอ หมอท่านให้ผ่า ปรากฎว่า ok ทำได้ตอนนี้ แต่ก็ใม่ใช่ว่าผลเลิศนัก มีข้อบกพร่องทั้งสองข้าง ข้างหนึ่ง โตกว่าปกติ ข้างหนึ่งเล็กกว่าปกติ เหตุการณ์ผ่านมาประมาณ 20 ปี ทีนีมันก็ค่อยค่อยเปลี่ยนแปลง แข็ง และ บางครั้งก็เจ็บ แต่ผมก็ไปให้หมอท่านตรวจดูอยู่   หมอท่านว่าไม่น่าใช่มะเร็ง อักเสบธรรมดา

    ก่อนหน้านี้ใจผม เป็นอะไรไม่ทราบ เหมือนระแวงว่าผมอาจเป็นโรคร้ายครับ เวลาสวดมนต์ เวลาอธิษฐาน จิตส่วนหนึ่งเหมือนแช่งตัวเองว่า เป็นโรคนี้

   ที่ประหลาดอีกประการหนึ่งคือ มีคนแนะนำลูกความอยู่คน เป็นคนบ้านนอก มาปรึกษาคดีเกี่ยวกับมรดกกับผม เราก็คุยกัน ปรากฎว่าแกดันเล่าให้ฟังว่า ตัวแกเป็นมะเร็งลูกอัณฑะ ทั้งที่ผมไม่ได้เล่าเรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวผมให้เขาทราบ   ทำให้ใจผมกระเพื่อมมาก ทำไมคนเป็นโรคนี้น้อยมาก ทำไมมาเจอกับผม สดุดใจจริง  

  ผมจึงตัดสินใจ มาพบคุณหมออีก ทั้งที่ผมก็ไม่เจ็บ หรือ รู้สึกผิดปกติมากนัก   แต่ทำให้ผมน้ำตาไหล เพราะผม อาจเป็นไปได้ว่าเราจะมีเวลาเหลืออีกเท่าไร   เรายังทำอะไรให้คุณแม่ได้ไม่มากเลย ชีวิตที่ผ่านมาไร้สาระมามากแล้ว    

   ผมขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์ครับ ทำอะไรดีครับ ให้คุ้มกับเวลาตอนนี้ที่สุด

   ทุกวันนี้ผมก็ พยายาม รักษาศีล ให้ทาน และ เจริญภาวนา ( แบบทำเอง) อาจไม่ถูกต้อง

   ไม่รู้ว่าจะได้รับคำตอบเมื่อใด อาจารย์งานแยะ อยากมีความรู้ ที่สามารถเป็นที่พึ่งของคนอื่นได้เช่นท่านอาจารย์

คำตอบ
    โปรแกรมจิตที่ตั้งไว้ผิด ว่าตัวเองเป็นมะเร็งที่ลูกอัณฑะ เป็นสัญญาเก่าที่สืบมาแต่อดีตที่เคยตัดสินคดีความไม่ถูกตรงตามความเป็นจริง ผลของกรรมจึงผลักดันจิตให้ระลึกเป็นเช่นนั้น หากยังคงปล่อยให้จิตระลึกติดลบอยู่เช่นนี้ ตายแล้วพลังของอกุศลกรรม ยังมีโอกาสผลักดันจิตวิญญาณให้โคจรไปเกิดเป็นสัตว์ที่มีลูกอัณฑะใหญ่อยู่ในอบายภูมิได้

      อนึ่ง ผู้ใดประสงค์นำพาชีวิตให้พ้นไปจากแรงผลักของกรรมบาปเช่นนี้ ต้องหยุดกระทำกรรมที่ไม่ซื่อตรงอย่างเด็ดขาด แล้วหันมาพัฒนาจิตวิญญาณ ประพฤติทาน ศีล ภาวนา จนสามารถปิดอบายภูมิได้แล้ว ความปลอดภัยของชีวิตหน้าจึงจะเกิดขึ้นได้
  

1399.
เรียนถามท่านอาจารย์ สนอง วรอุไร

กระผมใคร่รบกวนสอบถามปัญหาดังต่อไปนี้

ขณะที่นั่งกรรมฐานมี ปัญหาที่พบ คือขณะนั่งสมาธิเกิดรู้สึกเหมือนมีมดแมลงมาไต่หน้า ไต่ตัวหรือขา ซึ่งบางครั้งลืมตามาดูก็จะพบบ้างไม่พบบ้าง จะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นของจริงหรือเป็นเวทนา

ขอบพระคุณครับ

คำตอบ
    สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสภาวสัจจะ ผู้มีปัญญาทางโลก (สุตมยปัญญาและจินตามยปัญญา) สามารถสัมผัสได้ว่ามีอยู่จริง แต่หากผู้ใดพัฒนาปัญญาเห็นถูกตามธรรมได้แล้ว จะเห็นว่าอาการดังกล่าวไม่มีอยู่จริง
  

1398.
เรียนถามท่านอาจารย์ที่เคารพ

   1. สงสัยว่าเมื่อครั้งพุทธกาลที่มีเปรตซึ่งเป็นญาติของพระเจ้าพิมสารมาขอส่วน บุญซึ่งพระองค์ก็ได้ทำบุญและอุทิศให้โดยกรวดน้ำ ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยดังนี้
      1.1 เคยได้ยินมาว่าการทำบุญเสร็จไม่จำเป็นต้องกรวดน้ำก็ได้ ซึ่งผมเคยกรวดน้ำแบบเกาะต่อๆกันไป ซึ่งก็ถูกตำหนิ เพราะดูแล้วไม่สมควร ท่านว่าหากกรวดเองไม่สะดวกก็ให้ใช้วิธีสาธุหรืออธิษฐานให้ญาติที่ล่วงลับแทน ก็ได้ เช่นนี้เป็นวิธีการที่ถูกต้องหรือไม่
     1.2 มีคนบอกว่าการที่บุพการีล่วงลับไปแล้ว หากเราเป็นบุตรทำบุญ แม้ไม่กรวดน้ำบุพการีนั้นก็ได้เช่นกัน จึงอยากทราบว่าเหตุใดกรณีของพระเจ้าพิมสารทำไมพระองค์จึงต้องใช้วิธีกรวดน้ำ ทำไมถึงใช้อฐิษฐานจิตไม่ได้
     1.3 จริงหรือไม่ที่เราเป็นบุตรเมื่อทำบุญแล้วบุพพการีที่ล่วงลับไปแล้วจะได้รับ ผลนั้นไปด้วย

   2. อยากทราบที่มาดวงวิญญาณมากมายที่มาเกิดยังโลกมนุษย์นี้ มากมายเหลือไม่ทราบว่าจากไหน
   ( หรือจะแนะนำชื่อหนังสือให้ไปค้นคว้าต่อก็ได้นะครับ)

   3. การทำบุญเราควรจะเลือกหรือไม่ว่าควรทำกับใครและหากเราเลือกผลบุญที่ได้จะได้ เท่ากับที่เราไม่เลือกไหม

   4. การที่เราเห็นผู้ทรงศีลบางท่านประพฤติไม่เหมาะสมแล้วเราพูดคุยถึง เหตุการณ์ดังกล่าวให้ผู้อื่นฟังด้วยใจที่ไม่ได้อคติและเป็นเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นจริงอย่างนี้เราจะบาปหรือไม่ครับ

คำตอบ
    (๑.๑). ถูกต้องครับ

   (๑.๒). ผู้ใดมีบุญ แล้วอุทิศบุญให้ผู้อื่น และผู้อื่นมาอนุโมทนาบุญ การอุทิศบุญนั้นย่อมสัมฤทธิ์ผล

   อนึ่งการอุทิศบุญ ด้วยการกรวดน้ำหรือไม่กรวดน้ำ เป็นสิ่งที่ทำได้ตามศรัทธาเพราะให้ผลเป็นอย่างเดียวกัน ในกรณีของพระเจ้าพิมพิสารอุทิศบุญด้วยการหลั่งทักขิโณทก (กรวดน้ำ) ตามศรัทธาที่พระองค์มี

   (๑.๓) จริง หากบุตรมีบุญ แล้วอุทิศบุญให้บุพการีที่อยู่ในวิสัยที่จะรับบุญได้ และต้องมาอนุโมทนาบุญนั้น ตรงกันข้าม ไม่จริงหากบุพการีไม่อยู่ในวิสัยที่จะมาอนุโมทนาบุญได้ การอุทิศบุญย่อมไม่สัมฤทธิ์ผล

   (๒). พระพุทธโคดมสอนชาวกาลามะ แห่งเกสปุตตนิคม แห่งแคว้นโกศลว่า อย่าปลงใจเชื่อด้วยเหตุ ๑๐ อย่าง (คัมภีร์ติกนิบาตร อังคุตตรนิกาย) ดังนั้นผู้ตอบปัญหาจึงบอกว่า ดวงวิญญาณที่โคจรมายังโลกมนุษย์ใบนี้ มาจากการทิ้งรูปขันธ์ของสัตว์ที่อยู่ในภพต่างๆของวัฏสงสาร จึงอย่าปลงใจเชื่อตามหลักกาลามสูตร แต่หากประสงค์พิสูจน์สัจจธรรมนี้ ต้องพัฒนาจิต (สมถภาวนา) จนเข้าถึงความตั้งมั่นแน่วแน่ (ฌาน) แล้วถอยจิตออกจากความทรงฌาน ความรู้สูงสุดระดับโลกิยะ (อภิญญา ๕) ย่อมยืนยันคำตอบนี้ได้

   (๓). ขึ้นอยู่กับปัญญาและความศรัทธาของผู้ทำบุญ อาทิ ทำบุญโดยไม่เลือกผู้รับ (ปฏิคาหก) ย่อมได้บุญน้อยกว่าทำบุญให้กับผู้ทรงไว้ซึ่งคุณธรรม ทำบุญกับผู้มีคุณธรรมหมู่มาก ย่อมได้บุญมากกว่า ทำบุญกับผู้ทรงคุณธรรมเพียงคนเดียว ทำบุญด้วยการให้ปัญญาเป็นทาน ย่อมได้อานิสงส์สูงสุด ฯลฯ

   (๔). ผู้ใดรับฟังเรื่องราวแล้วเกิดเป็นความไม่สบายใจ ถือว่าผู้พูดเป็นต้นเหตุทำบาปให้เกิดขึ้นกับผู้ฟัง ผู้พูดต้องได้รับบาปนั้นด้วย
  

1397.
กราบสวัสดีท่านอาจารย์ดร. สนอง วรอุไรด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ

   1. หนูอยู่ประเทศอเมริกาค่ะ หนูอยากทราบค่ะว่า   การทำเราทำงานเสริฟที่ร้านอาหารไทย และส่วนมากเจ้าของร้านจ่ายเงินพนักงานเป็นเงินสด โดยไม่มีการหักภาษีใด ๆ ไว้เลยค่ะ    ซึ่งเป็นการผิดกฎหมายของประเทศอเมริกาค่ะ ทีนี้หนูก็สงสัยค่ะว่า ถ้าผิดกฎหมายแล้ว   ก็น่าจะผิดศีลธรรมด้วยเช่นกัน เพราะถือว่าเป็นการโกงประเทศชาติ หรือปล่าวคะ พอดีหนูศึกษาธรรมะ หนูค่อย ๆ พิจารณาดูแล้วว่าถ้าอยากจะพ้นทุกข์ ควรจะหลีกเลี่ยงการทำไม่ดีให้มากที่สุด กระทำความดีให้ถึงพร้อม ทำจิตให้ผ่องใส ดั่งที่พระพุทธองค์ได้บอกทางไว้อ่ะค่ะ เพื่อนบางคนบอกว่า เจ้าของร้านเค้าทำแบบนี้จะให้ทำอย่างไร

   ส่วนปัญหาเรื่องการที่ต้องเสริฟเครื่องดื่มแอลออฮอล์ให้ลูกค้า หนูสงสัยเหมือนกันค่ะ แต่บังเอิญได้มาอ่านคำตอบของท่านอาจารย์ก่อนค่ะ

   2.  หนูอยากทราบว่าอันนี้คือผลของการเจริญมรณานุสติหรือปล่าวอ่ะค่ะ คือช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา   หนูเจริญมรณานุสติค่ะ    หนูมองเห็นว่าพอหนูจะหลงระเริงไปกับความสุขทางโลก เช่น การไปเดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า   พอจิตหนูไประลึกถึงความตาย มันหยุดชะงักไปค่ะ ไม่สนุกสนานเลย แต่หนูมาค่อย ๆ พิจารณาดู ในทางกลับกันว่า เวลาที่หนูไปเจอความทุกข์ หรือโกรธ หนูไม่ค่อยได้ไปคิดถึงเรื่องความตายเลยอ่ะค่ะ ไม่ทราบว่าผิดถูกอย่างไร อาจารย์ช่วยกรุณาแนะนำหนูด้วยนะคะ

   สุดท้ายนี้หนูขอกราบขอขมาท่านอาจารย์ดร .สนอง วรอุไร มา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ ถ้าหนูเคยได้ล่วงเกินท่านอาจารย์จะด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดี จะอดีตชาติหรือปัจจุบันชาติก็ดี ต่อหน้าหรือลับหลังก็ดี รู้เท่าถึงการณ์หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี หนูขอกราบขอขมาท่านอาจารย์ด้วยค่ะ ขอท่านอาจารย์ดร.สนอง ได้โปรดอโหสิกรรมให้หนูด้วยเทอญค่ะ

   กราบขอบพระคุณในความเมตตาของท่านอาจารย์ที่มีเสมอมาด้วยค่ะ

     ผู้ใฝ่ธรรมแห่งทางพ้นทุกข์

คำตอบ
    (๑). การทำกิจการค้าใดๆในประเทศที่มีความเจริญทางโลก ทางร้านหักเงินเป็นภาษี ณ ที่จ่าย ส่งให้กับรัฐแล้วโดยส่วนรวม แต่ควรมีใบกำกับฯ มอบให้พนักงานเสิร์ฟอาหารเก็บไว้เป็นหลักฐานด้วย หากเจ้าของร้านประพฤติทุจริต ก็ไม่ใช่หน้าที่ของผู้เสิร์ฟอาหาร จะไปก้าวล่วงในการดำเนินชีวิตของผู้อื่น ผู้ถามปัญหาประสงค์นำพาชีวิตของตัวเองไปสู่ความพ้นทุกข์ ต้องไม่นำตัวเข้าร่วมกระบวนกรรมที่ข้องเกี่ยวกับธุรกิจทางโลก แล้วหันมาปฏิบัติธรรม ความเป็นอิสระจากกิเลสหรือพ้นไปจากความทุกข์ จึงจะเกิดขึ้นได้

   (๒). ผู้ใดมีจิตระลึกถึงความตาย แล้วหยุดซื้อหาของที่เกินความจำเป็นแก่การดำเนินชีวิต นั่นคือผลที่เกิดจากการเจริญมรณานุสติ และหากยังรักษาจิตให้จดจ่อ (สติ) อยู่กับความตาย ความทุกข์อันเนื่องมาจากความโกรธย่อมไม่เกิดขึ้น ดังนั้นพึงเร่งความเพียร และมีสัจจะพิจารณามรณานุสติอยู่เสมอ แล้วความสุขจากมีจิตระงับ (สงบสุข) ย่อมเกิดขึ้น .... สุดท้ายผู้ตอบปัญหาอโหสิกรรมให้แล้ว
   

1396.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง
 
       ดิฉันเคยเขียนมาเรียนถามท่านอาจารย์หลายครั้งแล้ว   คราวนี้ดิฉันมีเรื่องมาขอรบกวนสอบถามท่านอาจารย์อีกดังนี้ค่ะ
 
    1. CD เพลง , VCD ภาพยนตร์/ Concert ต่าง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งบันเทิง หรือหนังสือที่สอนในสิ่งที่ไม่ดี เช่น สอนทำไวน์ ซึ่งเราไม่อยากเก็บรักษาแล้ว เราควรจะทำอย่างไรดีกับมันจึงจะสมควรที่สุดคะ ยกตัวอย่าง
        ข้อ 1 บริจาคแก่ห้องสมุด เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิชาการทางด้านนั้นๆ
         ข้อ 2 นำไปขายต่อ/ให้คนที่สนใจ เพื่อส่งต่อให้แก่คนที่อยากได้จริงๆ
        ข้อ 3 นำไปทิ้ง เพื่อให้คนเก็บขยะได้ประโยชน์ เช่น ขายต่อหรือเอาไป Re-cycle ( เขาจะเก็บไปทำอะไรต่อ ก็ขึ้นอยู่กับเขาแล้ว ไม่เกี่ยวกับเรา)
        ข้อ  4  ทำลายทิ้ง   เนื่องจากเป็นสิ่งที่มอบเมาผู้คน
               หรือ หากไม่ใช่ตามด้านบน ควรจะทำอย่างไรดีคะ       
 
     2. ระยะหลังมานี้ ดิฉันได้ฟังธรรมบ่อยมากขึ้น และพยายามเจริญสติอย่างต่อเนื่องตลอดเวลามากขึ้นไม่ว่าจะอยู่ในที่ใด สถานการณ์ใด รู้สึกกิเลสคือตัวทุกข์เกิดขึ้นตลอดเวลา ไม่ว่าจะได้สมอยากหรือไม่สมอยาก รู้สึกถึงใจที่ดิ้นไปมา หาความสงบไม่ได้ และวันนี้ อยู่ๆ ก็เกิดปัญญารู้ความจริงอย่างหนึ่งเมื่อชีวิตผ่านพ้นมาหลายสิบปีแล้วว่า ว่าดิฉันเป็นผู้ที่มีนิสัยอิจฉาริษยาเป็นอย่างมากนอกเหนือจากเป็นคนอ่อนไหวมากกับท่าทีของคนอื่น (ชอบเป็นกระสอบทรายตลอดเวลา)   เมื่อได้รู้เห็นคนอื่นทำสิ่งที่เหลวไหล   ไร้สาระ   ดิฉันจะรู้สึกสงสารในความเป็นมนุษย์ปุถุชน แต่เพิ่งรู้ว่าจริงๆแล้ว แอบสะใจอยู่ในที แอบรู้สึกว่าเราเหนือกว่าเขา ดีกว่าเขา แต่ตอนที่ดิฉันเห็นคนเดียวกันนั้นทำดีและได้ดี มีความสุข   ดิฉันกลับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจคับแค้นใจ และอิจฉา ว่าทำไมดิฉันด้อยกว่าเขา ทำไมดิฉันจึงไม่เก่ง ไม่ดี ไม่เจริญก้าวหน้าอย่างเขาบ้าง ทั้งที่ดิฉันเป็นคนดี ชอบทำความดีต่างๆ

   ดิฉันเกิดความรู้ขึ้นว่าควรจะปล่อยวาง ไม่ควรยินดียินร้ายในความรู้สึกเหล่านั้น ไม่ว่าจะความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ หรือความรุ้สึกอันเป็นต้นเหตุ คือความอยากได้ อยากมี อยากเป็น อย่างคนอื่นเขา และพยายามมีสติรู้ตัวอยู่กับปัจจุบันบ่อยๆ ตั้งใจทำหน้าที่ของตนเท่านั้น สร้างเหตุปัจจัยต่อโดยไม่หวังผลอะไรทั้งสิ้น ก็รู้สึกว่าผ่านเวลาแห่งความรู้สึกร้ายๆ นั้นมาได้งดงามขึ้นกว่าในอดีต   และคาดหวังว่าจะทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต   และการเรียนรู้ที่จะปล่อยวางไม่ยึดมั่นถือมั่นในความคิด ความรู้สึกของตัวเอง กลับทำให้ดิฉันรู้สึกว่าเจริญสติได้ดีขึ้น   ส่วนในเวลาที่ดิฉันไม่ต้องคิดอะไร ก็จะดูลมหายใจเข้าออก หรือดูการเคลื่อนไหวของกาย แล้วแต่ว่าเห็นอะไรชัดค่ะ ถ้ามีเวลาก็จะนั่งสมาธิเพื่อฝึกให้จิตมีความตั้งมั่นเพื่อเจริญสติได้ดีขึ้น รู้ตัวบ่อยขึ้น แต่ก็ไม่ค่อยได้นั่งเท่าไหร่ค่ะ    การฟังธรรมแต่ละครั้ง แม้ว่าจะเคยฟังแล้ว แต่ดิฉันกลับรู้สึกเข้าใจชัดเจนมากขึ้น มองในแง่มุมใหม่ๆ ได้จนน่าแปลกใจ ดิฉันถือศีล 5 ค่ะ แต่ก็มีหม่นหมองบ่อยๆ ในข้อกาเม (แอบชอบแฟนคนอื่น) และมุสา   ค่ะ แต่ดิฉันคิดว่าเมื่อมีสติรู้ตัวมากขึ้น ก็จะรักษาศีลได้ดีขึ้นตามลำดับ

         ท่านอาจารย์คะไม่ทราบว่าแนวทางที่ดิฉันเล่ามานี้ถูกต้องหรือไม่ นำไปสู่ความหลุดพ้นหรือไม่ค่ะ ดิฉันต้องการบรรลุธรรมโดยเร็วที่สุด อย่างน้อยก็ขอให้เข้าถึงโสดาบันในชาตินี้ค่ะ เพื่อให้พ้นอบายค่ะ
 
      กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยปกปักรักษาท่านอาจารย์ให้ประสบแต่ความสุข ความเจริญ มุ่งสู่จุดหมายอันเป็นที่หวังโดยเร็วที่สุดค่ะ

คำตอบ
    (๑). ผู้มีปัญญาเห็นถูกตามธรรมในพุทธศาสนา เลือกกระทำตามข้อย่อยที่สี่ ผู้ประสงค์ได้ทั้งบุญได้ทั้งบาป เลือกกระทำตามข้อย่อยที่สาม ผู้ที่ยังมีความโลภและยังชื่นชมยินดีอยู่กับบาป เลือกกระทำตามข้อย่อยที่สอง ผู้ที่ยังมีโมหะส่องนำทางให้ชีวิต นิยมสร้างกรรมนำสู่การเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เลือกกระทำตามข้อย่อยที่หนึ่ง ดังนั้นเลือกตามที่ชอบครับ

   (๒). ผู้ใดทำความดี แล้วยังหวังให้คนอื่นชื่นชมยินดีกับความดีที่ตนทำ ผู้นั้นยังมีอัตตา ยังไม่ใช่คนดีในพุทธศาสนา คนดีในพุทธศาสนา คิด พูด ทำ ต้องไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม นิสัยชอบอิจฉาริษยา ความสมอยากหรือไม่สมอยาก (ตัณหา) เห็นสิ่งที่ทำใจให้เศร้าหมอง ความรู้สึกด้อยกว่าเขา เป็นผลที่เกิดมาจากความเห็นแก่ตัว (อัตตา) เมื่อถึงวาระที่ต้องทิ้งขันธ์ลาโลก โทษสมบัติเหล่านี้มีพลังผลักดันจิตวิญญาณให้โคจรไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในอบายภูมิ

   ดังนั้นผู้ใดหวังความเจริญให้เกิดขึ้นกับชีวิต ต้องพัฒนาจิตให้มีกำลังสติรับทันสิ่งกระทบ (ผัสสะ) ที่เกิดขึ้นกับใจ และต้องพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นถูกตรงตามธรรม คือเห็นผัสสะดับไปตามกฎไตรลักษณ์ แล้วอารมณ์ตามที่บอกเล่าไป จะไม่เข้ามารบกวนใจให้ขุ่นมัวได้อีก

   ดังนั้นสิ่งที่บอกเล่าไป ดำเนินมาถูกทางแล้วจงปฏิบัติต่อไป ด้วยการสวดมนต์บทสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยก่อนนอน หลังสวดมนต์แล้วกำหนดลมหายใจเข้า-ออก (อานาปานสติ) และสุดท้ายอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร โดยมีความเพียรและสัจจะเป็นแรงสนับสนุน โอกาสที่ศีลข้อสามและศีลข้อสี่ จะกลับมาคุ้มครองใจ แล้วส่งผลให้เกิดความสงบสุข และมีจิตเป็นอิสระจากสิ่งกระทบใดๆ ย่อมเกิดขึ้นได้
  

1395.
กราบเรียนถาม อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพอย่างสูงค่ะ

     ดิฉันปฏิบัติธรรมมาประมาณ ๕ ปีแล้วค่ะ ติดตามผลงานอาจารย์ และปฏิบัติตามคำแนะนำดี ๆ ของอาจารย์ให้ได้มากที่สุดค่ะ ครั้งแรกที่เห็นอาจารย์ในงานชมรมฯ ที่บพิตรพิมุข ดิฉันน้ำตาไหลโดยไม่รู้สึกตัวเลยค่ะ ตอนเลิกงาน ก็รอส่งอาจารย์ที่บันได อาจารย์ยังแตะหัว และบอกว่า โชคดีนะลูก ปิติใจมาก ๆ ค่ะ ต่อไปเป็นคำถามค่ะ

     ๑) ๕ ปีที่ผ่านมาดิฉันชอบนั่งสมาธิ เดินจงกรมน้อยมาก การนิ่งในสมาธินาน ๆ เวลามาเจอปัญหาในชีวิตประจำวัน ดิฉันก็ร้อนเลยนะคะ ทำให้ที่บ้านปรามาสบ่อย ๆ ได้แต่คิดว่าเป็นวาสนา อาจารย์มีอะไรจะแนะนำตรงนี้บ้างคะ

     ๒) ทำบุญ นั่งสมาธิ เห็นคนทำ แล้วบอกว่ารวยขึ้น แต่ธุรกิจของดิฉันก็ไม่ได้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่เลย แต่นั่นไม่ใช่

     จุดมุ่งหมายที่ดิฉันปฏิบัติธรรมนะคะ เท่าที่มีอยู่ ก็คิดว่ากินไม่ไหวใช้ไม่หมดแล้ว และบั้นปลายชีวิตอยากไปอยู่วัดเงียบ ๆ ต่างจังหวัดเลยค่ะ เคยแต่งงานและสามีทิ้งไป เจ็บไม่น้อยเลยคะ เคยคิดจะฆ่าตัวตาย แต่ธรรมรักษาค่ะ ไม่อยากโดดตึกตายอีกห้าร้อยชาติ จึงเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส อยู่ตัวคนเดียวก็มีโอกาสปฏิบัตธรรมมากขึ้น ไม่มีห่วง บ้านที่ดิฉันอยู่ตอนนี้ก็เงินสองคนช่วยกันซื้อก่อนแต่ง เขาว่าจะฟ้อง แต่ไม่เห็นทำซะที และเขาไม่เคยกลับมาเลย ไม่ติดต่อมาเลย (ถึงวันนี้ก็สองปีกว่าแล้วค่ะ) แล้วดิฉันจะคืนได้ยังไงคะ นั่งภาวนาเสร็จทุกครั้งก็จะอุทิศบุญกุศลไปให้เขา ขออโหสิกรรม และอโหสิกรรมให้เขา ให้เจอกันชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายเท่าที่เจอกันมา อย่าเจอกันอีกเลยทั้งภพนี้และภพไหน ไม่อาฆาตเลย ความรู้สึกทุกอย่างจบไปแล้ว ดิฉันต้องทำอะไรอีกมั้ยคะ

     ๓) สุดท้าย ขอถามเรื่องคำอธิษฐานค่ะ ทุกครั้งที่นั่งสมาธิเสร็จ จะอธิษฐานจิตว่า ขอให้บุญกุศลนี้จงเป็นพลวปัจจัยให้ข้าพเจ้าปิดอบายได้ในชาตินี้ ขอให้ถึงพระโสดาบันในชาตินี้ ขอให้บรรลุพระนิพพานในอนาคตกาลโดยเร็วเทอญ อยากทราบว่าอธิษฐานเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่ ถ้าปฏิบัติไม่ถึงโสดาบัน อธิษฐานเช่นนี้ก็จะเป็นโมฆะไปทั้งหมดหรือป่าวคะ หรือถ้าปฏิบัติได้มากกว่าโสดาบัน แต่อธิษฐานชาตินี้ขอแค่นี้ ทำให้เราติดอยู่แค่โสดาบันหรือป่าวคะ เคยได้ยินมาว่า อธิษฐานถึงพระนิพพานไปเลย ขอใหญ่ ๆ ไว้ก่อน แต่ดิฉันเกรงว่าจะไม่ถึงค่ะ ดิฉันรับฟังและจำแม่นจากอาจารย์ว่าโสดาบันต้องละสามข้ออะไรได้บ้าง ดิฉันพากเพียรปฏิบัติอย่างยิ่งเลยค่ะ

    ขออนุโมทนาสาธุในบุญกุศลที่อาจารย์ได้ปฏิบัติแล้ว ทุกภพทุกชาติ ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนแห่งบุญนั้นทั้งสิ้นด้วยเทอญ

    ขอให้อาจารย์สุขภาพแข็งแรงตลอดไปค่ะ เพื่ออยู่เป็นกำลังใจ เป็นแสงสว่างให้กัลยาณชนทั้งหลายไปนาน ๆ เลยค่ะ

    ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
   (๑). ผู้ใดฝึกจิตจนมีกำลังของสติกล้าแข็งได้แล้ว ผู้นั้นย่อมระลึกทันสิ่งกระทบ (คำปรามาส) แล้วไม่ทำให้เกิดอารมณ์หวั่นไหว (ร้อนเลยค่ะ) หากผู้ถามปัญหาปรารถนามีอารมณ์สงบเย็น สามารถทำได้สองทางคือ ให้อภัยเป็นทานกับคำปรามาสที่ได้ยิน ด้วยการภาวนาว่า “ ช่างมันเถอะๆๆๆ ” ไปเรื่อยๆจนกว่าอารมณ์หวั่นไหวจะสงบลง แล้วความเมตตาก็จะเกิดขึ้นในจิตใจ ส่วนวิธีที่สอง ต้องพัฒนาจิตให้มีกำลังสติกล้าแข็ง แล้วใช้จิตพิจารณาคำปรามาสว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อใดคำปรามาสหมุนเข้าสู่ความเป็นอนัตตา (ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน) จิตย่อมไม่รับเอาสิ่งที่ไม่มีตัวตนเข้ามาปรุงเป็นอารมณ์ จิตจะปล่อยวางคำปรามาส แล้วว่างเป็นอุเบกขาด้วยตัวของจิตเอง วิธีนี้เป็นการบริหารจัดการกับสิ่งที่เข้ากระทบจิตที่ดีที่สุด

  (๒). ผู้ถามปัญหามีโชคดีที่ห่วงผูกมือ (สามี) หลุดไปได้ โดยไม่ต้องใช้ความพยายามกระทำด้วยตัวเอง แต่ยังมีห่วงผูกขา (บ้าน) ที่เขายังไม่มาปลดให้เรา และยังมีทรัพย์ของตัวเอง ที่ตายแล้วต้องทิ้งเป็นทรัพย์กำพร้าไว้กับโลก ดังนั้นสิ่งที่น่ากระทำที่สุดในขณะปัจจุบันคือ พัฒนาจิต (ปฏิบัติธรรม) ให้เป็นอิสระจากโลกธรรม วัตถุ กิเลส ตัณหา อุปาทาน ได้เมื่อใดแล้ว ชีวิตข้างหน้าดีแน่นอน

  (๓). ที่บอกเล่าไปเป็นการอธิษฐานที่มีปัญญาเห็นถูกตามธรรมสนับสนุน .... สาธุ แต่เมื่ออธิษฐานแล้วต้องทำเหตุให้ถูกตรงกับคำอธิษฐานคือ พัฒนาจิต (วิปัสสนาภาวนา) ให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้ง กำจัดอย่างน้อยสังโยชน์สามตัวแรก (สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส) ให้หมดไปจากใจได้เมื่อใด ความเป็นอริยบุคคลขั้นต้นย่อมเกิดขึ้นได้ และหากใครผู้ใดเร่งความเพียร โดยมีศีลและสัจจะเป็นแรงสนับสนุนด้วยแล้ว การกำจัดอวิชชาให้หมดไปจากใจ (นิพพาน) ย่อมเกิดขึ้นได้

  อนึ่ง ผู้ใดประพฤติเหตุถูกตรง แต่ยังเข้าไม่ถึงผลที่ตนปรารถนา คำอธิษฐานยังคงมีอยู่ครับ
  

1394.
กราบเรียนอาจารย์ดร.สนอง ที่เคารพอย่างสูง

    ดิฉันมีเรื่องไม่สบายใจ จากการประกอบอาชีพ ขายเครื่องดื่มม กาแฟ และไอศกรีมค่ะ ทั้งนี้เพราะมีพระท่านมาซื้อ เครื่องดื่มกาแฟ และไอศกรีม ซึ่งมีนม เป็นส่วนประกอบ พระท่านจะมาซื้อทุกวัน และจำนวนมากๆ และให้แบ่งบรรจุแยกน้ำแข็งเพื่อนำกลับไปฝากที่วัดด้วย ทั้งในช่วงบ่ายและค่ำ ทั้งนี้ดิฉันก็ต้องขาย เพราะไม่ทราบว่าจะปฎิเสธท่านอย่างไร ขายไปก็กลุ้มใจไป

    ไม่ทราบว่าการขายเครื่องดื่มและไอศกรีมเช่นนี้ เป็นบาปหรือไม่คะ ถ้าบาปแล้วดิฉัันควรทำเช่นไรดีคะ ที่ผ่านมาดิฉัน พยายามถือศิลห้า อะไรไม่ถูกไม่ควร จะไม่ทำเด็ดขาด มาเจอเหตุการณ์ แบบนี้แล้วรู้สึกไม่สบายใจคะ รบกวนขอคำแนะนำจาก อาจารย์ด้วยค่ะ

     กราบขอบคุณคะ

คำตอบ
   ผู้ใดมีศีล ๕ คุมใจอยู่ทุกขณะตื่น ตายแล้วคุณธรรมที่เกิดจากการเว้นทำลายชีวิต เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้ เว้นจากการประพฤติผิดในกาม เว้นจากการพูดเท็จ เว้นจากการเสพของมึนเมา ย่อมผลักดันจิตวิญญาณให้โคจรไปเกิดเป็นมนุษย์ได้อีก ทั้งนี้เป็นเพราะเหตุบุญมีพลังผลักดันไปสู่สุคติภพ ดังนั้นอาชีพของผู้ถามปัญหา จึงมิได้เป็นการสร้างบาปให้เกิดขึ้นกับชีวิต แต่จะมีบาปตรงที่ว่า ตัวเองเข้าไปมีส่วนร่วมให้ภิกษุประพฤติละเมิดวินัย ดังนั้นหากยังมีความจำเป็นต้องทำอาชีพนี้อยู่ ต้องประพฤติตนให้เป็นผู้มีบุญ (บุญกิริยาวัตถุ ๑๐) คุ้มรักษาอยู่เสมอ แล้วบาปจะตามให้ผลไม่ทัน และจะยิ่งเป็นการดีหากประพฤติบุญใหญ่ (ปฏิบัติธรรม) ให้เกิดขึ้น แล้วสามารถปิดอบายภูมิได้ จะทำให้ชีวิตมีความปลอดภัย ไม่ลงไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในภพที่ปราศจากความเจริญ (อบายภูมิ) อีกต่อไป
  

1393.
กราบเรียนถามท่าน อจ. ดร. สนอง ด้วยความเคารพยิ่ง

   ข้าพเจ้าและครอบครัว ได้ปลูกต้นไม้พญาสัตบัน ไว้ตั้งแต่ปี 2536 อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยจากระยะเวลาที่ปลูก และความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ (แทงค์น้ำเก็บของบ้าน) ทำให้ต้นไม้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้บ้านของข้าพเจ้าทรุด รวมทั้งพื้นผิวของบ้านเกิดความเสียหาย เนื่องจากรากของต้นไม้ที่เติบโต

   ทำให้ในเดือนธันวาคม 2552 ที่ผ่านมา คุณแม่ของข้าพเจ้าได้ตัดต้นไม้ออก ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ได้มีการไหว้ใด ๆ ซึ่งหลังจากที่บ้านของข้าพเจ้าไม่มีต้นไม้ใหญ่นี้ ก็มีสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับคนในบ้านทุกคน รวมถึงสุนัขที่เลี้ยงไว้ก็ถึงแก่กรรมในช่วงระยะเวลาเพียง 1 เดือนหลังจากตัดต้นไม้ใหญ่

   จึงอยากกราบเรียนถามอจ. ดร.สนอง ถึงวิธีการที่สมควรที่ข้าพเจ้าควรกระทำ เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวนะคะ

ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูง

คำตอบ
   มนุษย์เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งในบรรดาสัตว์ทั้งหลาย ที่อุบัติขึ้นท่ามกลางสิ่งแวดล้อมของผิวโลกใบนี้ หากมนุษย์ประพฤติตนมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับสิ่งที่อยู่แวดล้อม ย่อมมีชีวิตอยู่อย่างสงบและมีความเป็นปกติสุข ตรงกันข้ามหากประพฤติเบียดเบียน ย่อมทำให้เกิดการผูกจองเวรกับสัตว์ (รูปนาม) ที่มีกายหยาบและมีกายเป็นทิพย์ เมื่อใดผลของการผูกเวรเกิดขึ้น ผู้ประพฤติเบียดเบียนย่อมได้รับผลของกรรมนั้น เป็นความไม่สบายกายไม่สบายใจ ผู้รู้ยอมรับความจริงในกฎแห่งกรรม และยอมชดใช้หนี้เวรกรรมจนกว่าจะหมดสิ้น และหากประพฤติบุญใหญ่ (จิตตภาวนา) ให้เกิดขึ้น แล้วเอาบุญใหญ่ใช้หนี้ ผลแห่งการผูกจองเวรย่อมหมดสิ้นได้เร็ว
  

1392.
กราบเรียนถามท่านอจ. ดร. สนองด้วยความเคารพยิ่ง

   ปัจจุบันหนูประกอบอาชีพเป็นลูกเรือสายการบิน ซึ่งมีการบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ให้แก่ผู้โดยสารบนเครื่องด้วยใจหนูปรารถนาที่จะรักษาศีลห้าให้ได้ในใจทุกข้อ และไม่ได้มีใจยินดีในการที่จะเสริฟเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ให้ผู้โดยสารเลยถ้าเป็นไปได้ก็จะคอยเลี่ยง และบอกตัวเองในใจว่ามิได้ยินดีหรือเห็นดีในการเสพเครื่องดื่มแอลกอฮอร์เหล่านั้น

   ที่หนูประกอบอาชีพดังกล่าวก็เพราะเห็นว่าเป็นอาชีพสุจริต และช่วยให้หนูมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถเก็บเงินให้คืนพ่อแม่ได้เร็วขึ้นขณะเดียวกันหนูก็รู้ว่าใจหนูใฝ่ธรรมะ ต้องการความเจริญในธรรม และข้ามให้พ้นไปจากกองทุกข์และอบายภูมิทั้งหลาย

   จึงอยากกราบเรียนถามอจ. ขอความเมตตาจากท่านอจ.กรุณาชี้ทางให้ด้วยว่า ในกรณีนี้หนูควรทำอย่างไร   หรือ จะมีทางที่จะลดวิบากได้อย่างไร จากการที่หนูไปข้องเกี่ยวในการผิดศีลห้า เช่นบริการสุรา และการดื่มสุราของผู้โดยสาร โดยที่ใจหนูมิได้มีความยินดีในการผิดศีลห้าดังกล่าวแม้แต่น้อย

   ขอกราบพระคุณท่านอจ.เป็นอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
     การให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนเครื่องบิน เป็นอาชีพที่ประพฤติชอบ (สุจริต) ในทางโลก ของผู้เป็นลูกเรือของสายการบิน แต่เป็นการประพฤติชั่ว (ทุจริต) ที่เป็นต้นเหตุ ทำให้ผู้ใช้บริการของสายการบินขาดสติ เมื่อใดที่กรรมให้ผลเป็นบาป ผู้ร่วมในอกุศลกรรมต้องรับผลแห่งบาปนั้นด้วย

    วิธีแก้ปัญหา คือ ทำหน้าที่ (งานภายนอก) ให้ดีที่สุด และพัฒนาตัวเอง (งานภายใน) ให้เป็นผู้มีบุญคุ้มรักษาอยู่ทุกขณะที่ปฏิบัติงาน ด้วยการประพฤติบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ (ทาน ศีล ภาวนา ประพฤติอ่อนน้อม ช่วยเหลือผู้อื่นในทางชอบธรรม แบ่งความดีให้ผู้อื่น ยินดีในความดีของผู้อื่น ฟังธรรม สั่งสอนธรรม และทำความเห็นให้ตรง) อยู่เสมอ โดยเฉพาะประพฤติบุญใหญ่ (ภาวนา) ด้วยการสวดมนต์ก่อนนอน หลังสวดมนต์เจริญอานาปานสติ แล้วอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรไปเรื่อยๆ ผู้ใดพัฒนาตนเองให้มีบุญคุ้มใจจนบาปตามให้ผลไม่ทัน การดำเนินชีวิตของผู้นั้น จะยังคงความสะดวก ความราบรื่น และปลอดภัยได้
  

1391.
เรียนถามท่านอาจารย์ที่เคารพ

   จากคำสอนของพระพุทธเจ้า เรื่องหน้าที่ของบุตร ข้าพเจ้ามีความสงสัยในข้อที่มีความว่า บุตรควรสืบทอดกิจการของบิดามารดา

   หากบุตรมีความต้องการที่จะทำธุรกิจส่วนตัวของตนเอง และไม่สืบทอดกิจการของบิดามารดา อันซึ่งบิดามารดาต้องการให้สืบทอดต่อ ถือว่าอกตัญญู และเป็นอกุศลกรรมหรือไม่

   ขอขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบจากท่านอาจารย์ค่ะ

คำตอบ
   หน้าที่ของบุตรตามหลักจริยธรรมของลูกหนึ่งเรื่องคือ ช่วยพ่อแม่ทำงาน ซึ่งมิได้หมายความว่าให้สืบทอดกิจการ ผู้รู้ไม่ประพฤติก้าวล่วงในชีวิตของผู้อื่น ชีวิตเป็นของตัวเอง จึงต้องบริหารจัดการด้วยตัวของเจ้าของชีวิตเอง การไม่ประพฤติตามความต้องการของผู้ก้าวล่วง ไม่ถือว่าเป็นความอกตัญญู และไม่บาปด้วย
  

1390.
เรียนท่านอาจารย์ที่นับถือ

     อาจดูเป็นเรื่องเล็กๆในมุมมองของคนอื่นทั่วไปนะคะ แต่สำหรับดิฉันมันรบกวนจิตใจมานานแล้วค่ะขอรบกวนขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์ว่า หากต้องการรักษาศีลข้อสองให้บริสุทธิ์ ไม่ด่างพร้อยจะทำอย่างไรคะ ที่จะไม่เป็นการเอาเวลาทำงานของบริษัทมาใช้ทำเรื่องส่วนตัว เพราะที่ทำงาน มีเวลาว่างค่อนข้างมาก
(ไม่ใช่งาน routine ) อ่านหนังสือที่เป็นองค์ความรู้เกี่ยวกับงานหรือศึกษางานเพิ่มเติม ก็ซ้ำๆเพื่อนร่วมงานคนอื่นดูหนัง ฟังเพลง เล่น net ( หัวหน้างานก็ไม่ว่า เนื่องจากเค้าก็ทำ เพราะมันค่อนข้างว่างจากงานจริงๆค่ะ)โดยนำ Notebook ส่วนตัวมาใช้ไฟของบริษัท (เพราะเครื่องคอมฯที่ฝ่ายมีน้อยค่ะ)

     ทุกวันนี้ดิฉันซื้อชม. internet เอง   ใช้ Notebook ส่วนตัวเหมือนกัน แต่ charge battery จนเต็มมาจากบ้าน และใช้งาน Notebook ในเรื่องส่วนตัวแค่แบตหมดค่ะ (ไม่ได้ใช้ไฟขององค์กร) และเข้า net ก็ในส่วนของการอ่านธรรมหรือบางที ดิฉันก็นำหนังสือธรรมมาอ่านที่ทำงานตอนว่างน่ะค่ะแต่ลึกๆแล้ว ก็คิดว่ามันยังเป็นการละเมิดศีลข้อสองอยู่อาจารย์ช่วยแนะนำทางออกด้วยนะคะ (ทุกวันนี้เพื่อนร่วมงานมองว่าดิฉันเคร่งครัดเรื่องศีลเกินไป) ไม่อยากสั่งสมสิ่งไม่ดีในจิตค่ะ

กราบขอบพระคุณค่ะ

จันทร์นภัส

คำตอบ
   ผู้ใดพัฒนาจิตให้มีสติและปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ทุกขณะตื่นย่อมมีงานให้จิตได้ทำ ดังนั้นปัญหาที่ถามไปต้องแก้ด้วยสวดมนต์ก่อนนอน หลังสวดมนต์แล้วเสร็จ ต้องเจริญอานาปานสติ โดยมีความเพียรและสัจจะเป็นเครื่องสนับสนุน เมื่อใดจิตเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ให้พิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม ตามกฎไตรลักษณ์ แล้วจะเห็นว่า จิตมีงานให้ทำอยู่ทุกขณะตื่น

   คำพูดติเตียนที่ได้ยิน ต้องนำมาพิจารณาตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อใดคำพูดติเตียนหมุนเข้าสู่ความเป็นอนัตตา จิตจะปล่อยวางคำพูดนั้น แล้วจะเห็นว่า คนพูดติเตียนเป็นครูสอนใจให้เราได้พัฒนาจิตได้อีกทางหนึ่งด้วย
  

1389.
กราบสวัสดีท่านอาจารย์สนองครับ
 
   เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ฉบับนี้ผมมีข้อสงสัยต่าง ๆ มาสอบถามอาจารย์ดังต่อไปนี้
 
     1. ปกติเป็นคนที่มีภวตัณหาน้อยกว่าคนทั่วไป แต่มีวิภวตัณหาแรง โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นพื้นฐานที่ดีให้ได้มาสนใจธรรมะ เพราะอย่างน้อย วิภวตัณหาไม่ทำให้เราเพลิดเพลินกับโลกธรรม และมองโลกแบบถอนตัวเองออกมาเพื่อให้รับรู้ได้อย่างเป็นกลางได้ง่ายกว่าคนมีภวตัณหา   แต่ก็อยากลดตรงส่วนนี้ แล้วก็ไม่ได้คาดหวังให้กลายเป็นคนคิดบวก มองโลกเป็นสีชมพู แต่ขอให้ไปสู่ความไม่ยินดียินร้าย ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์จะแนะนำให้ต้องปฏิบัติภาวนาในรูปแบบใด อย่างไรเป็นพิเศษ ? เพื่อแก้ไขตรงส่วนนี้โดยเฉพาะ
 
     2. การฝึกสมถกรรมฐานของผมเป็นการดูหน้าท้องยุบพองเสียส่วนมาก แต่สถานปฏิบัติธรรมที่ใกล้ที่สุดจะฝึกแบบดูลมหายใจ ไม่ทราบว่าควรจะปฏิบัติควบคู่กันไป หรือเจาะจงเลือกเฉพาะที่ตัวเองฝึกแล้วรู้สึกว่าได้สติเจริญดีกว่า ? ( ถึงจะฝึกดูหน้าท้องเป็นหลัก แต่ผมกลับรู้สึกว่าการดูลมทำให้จิตผมตั้งมั่นได้ง่ายกว่าครับ สันนิษฐานว่าจุดที่เราเพ่งจิตไปมันอยู่ใกล้ศีรษะมากกว่า) แล้วหากเลือกจะเข้าร่วมปฏิบัติธรรมที่วัดแล้ว ควรไปปฏิบัติธรรมกับครูบาอาจารย์บ่อยเพียงไร ?
 
     3. ได้อ่านหนังสือของศาสนาอื่นเล่มหนึ่ง ที่มุ่งหมายชวนเชิญชาวพุทธให้มาเข้าศาสนา   เนื้อหาโดยหลักจะเกี่ยวข้องกับพระศรีอารยเมตตรัย ว่าเป็นคนคนเดียวกันกับศาสดาของพวกเขา   ซึ่งจะกลับมาโปรดชาวโลกอีกในอนาคต   มีการกล่าวอ้าง พระธรรมมูลปัญหาคัมภีร์ขอม โดยคัดมาจากพระธรรมไตรปิฎกวัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ และได้มีการรับรองความถูกต้อง ต่าง ๆ นา ๆ แต่สะกิดใจข้อความตอนหนึ่งโดยอ้างว่าเป็นพุทธวัจนะ ที่มีเนื้อหาในทำนองที่ว่า ในยุคพระศรีอารย์ ทางปฏิบัติสู่ความพ้นทุกข์เดิมของพระศากยโคดมจะไม่สามารถนำมาใช้ได้อีกต่อไป ซึ่งขัดกับความเข้าใจเดิมที่ว่าธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นอกาลิโก   จึงอยากเรียนถามท่านอาจารย์ซึ่งได้ศึกษาพระไตรปิฎกมามากกว่าว่า ข้อความนี้น่าเชื่อถือมากเพียงไร ? หรือเกิดจากการบิดเบือนเนื้อหา และตีความผิด ?  มุมมองส่วนตัวของผม คิดว่าในเมื่อมีน้ำบ่อนี้อยู่ แล้วได้สัมผัสถึงความเย็นฉ่ำมาพอสมควร ก็มุ่งมั่นขุดบ่อนี้ต่อไป อย่าไปคาดหวังอะไรกับน้ำบ่อหน้า
 
     4. ในอนาคตผมวางแผนไว้ว่าจะไม่สร้างครอบครัว แล้วบวชในพุทธศาสนา เพื่อแสวงหาปัญญาเห็นแจ้งตามทางของอาจารย์สนอง แต่ยอมรับว่าส่วนหนึ่งของความคิดนี้เกิดจากวิภวตัณหาของตัวเองที่มีต่อทางโลก และความหวังในการหาความสุขที่ประณีตกว่าทางโลก บวกกับแรงบรรดาลใจจากเรื่องที่เคยเล่าเอาไว้ในคำถามที่ 1342 ที่ได้เคยลิ้มลองความสุขที่เป็นอิสระจากโลกธรรม ( ?- ไม่แน่ใจว่าอิสระจริงหรือไม่ แต่มั่นใจว่าประณีตกว่าความสุขทางโลก) มาแล้วเป็นเวลาสั้น ๆ   เลยอยากสอบถามว่าความหวังในความสุขอันประณีตนี่ใช่โลภะหรือไม่ ? แล้วการมีครอบครัวในความเห็นของผู้เห็นถูกตามธรรม เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติและเข้าถึงธรรมหรือไม่ ?
 
  ฉบับนี้รบกวนอาจารย์เพียงเท่านี้ก่อนครับ กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ล่วงหน้าด้วยครับ  

คำตอบ
    (๑). ตัณหา หมายถึง ความทะยานอยาก แม้จะเป็นวิภวตัณหาก็ยังเป็นกิเลสอยู่ดี การทำใจให้พ้นจากกิเลสตัวนี้ได้ชั่วคราว ต้องพัฒนาจิต (สมถภาวนา) ให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิแน่วแน่ ตัณหาย่อมไม่รบกวนใจให้หวั่นไว ตราบใดที่จิตยังทรงอยู่ในสภาวะเช่นนี้ วิธีที่สอง คือ พัฒนาจิต (วิปัสสนาภาวนา) ให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งพิจารณาวิภวตัณหาว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อใดวิภวตัณหาดำเนินสู่ความเป็นอนัตตา จิตจะปล่อยวางสิ่งที่ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน (วิภวตัณหา) แล้วว่างเป็นอิสระจากตัณหาได้ตลอดไป

   (๒). ผู้ไม่รู้เอาจิตไปผูกติดอยู่กับสถานที่ฝึกกรรมฐาน ผู้รู้เอาปัจจุบันขณะที่ต้องพอง-ต้องยุบ มาเป็นตัวกำหนดจิตให้จดจ่ออยู่กับอาการดังกล่าว มาเป็นองค์บริกรรม ทำที่บ้านก็ได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปฝึกยังสถานที่อื่นใด

   อนึ่ง บทกรรมฐานใดนำมาเป็นองค์ภาวนา แล้วทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้เร็ว ให้เลือกใช้องค์ภาวนานั้นเพียงอย่างเดียว โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการอื่น ทั้งนี้เป็นเพราะผลที่เกิดจากการฝึกเป็นอย่างเดียวกัน คือ จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ควรฝึกจิตภาวนาทุกขณะตื่น หรือฝึกจิตภาวนาทุกครั้งที่นึกได้ และฝึกจิตภาวนาทุกครั้งว่างจากการทำงานภายนอก

   (๓). พระพุทธโคดมสอนภาวนา กาลามะแห่งเกสปุตนิคม ชนบทแห่งแคว้นโกศลว่า อย่างปลงใจเชื่อด้วยเหตุสิบอย่าง (กาลามสูตร) ผู้ใดประสงค์พิสูจน์คำกล่าวอ้างที่ยกขึ้นมาปุจฉา ว่าเป็นคำกล่าวที่ถูกต้องหรือไม่ ต้องพัฒนาจิต (วิปัสสนาภาวนา) จนเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว จะเห็นว่ามรรคมีองค์แปด เป็นทางดำเนินสู่ความพ้นทุกข์ โดยไม่มีกาลเวลามาเป็นปัจจัย ทำให้มรรคมีองค์แปดแปรเปลี่ยนไปเป็นความไม่จริงได้

   (๔). ปัญญาเห็นแจ้งเป็นปัญญาสูงสุด มีอยู่สองระดับ คือ เห็นแจ้งระดับที่เป็นมรรค (ญาณกำหนดแยกรูปนาม – ญาณหยั่งรู้อริยสัจจ์) กับปัญญาเห็นแจ้งระดับที่เป็นผล (ญาณข้ามพ้นภาวะปุถุชน – ญาณทบทวนกิเลสที่ละได้กับกิเลสที่ยังเหลืออยู่) ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่พระพุทธโคดมค้นพบ (ไม่ใช่ของอาจารย์สนอง) แล้วทำเผยแพร่ให้ชาวโลกได้รู้จัก

   อนึ่ง ความสุขอันประณีตได้แก่ ความสุขที่มีจิตสงบจากอารมณ์ปรุงแต่ง อันเนื่องมาจากสิ่งกระทบภายนอก ได้แก่ ความสุขที่จิตเข้าถึงฌานสมาบัติ และยังไม่ใช่ความสุขสูงสุด (วิมุตติสุข) ที่มนุษย์สามารถพัฒนาจิตให้เข้าถึงได้
   

1388.
กราบเรียนอาจารย์ดร.สนอง ที่เคารพอย่างสูง

    หนูชื่อขนบพร   ตั้งตระกูลวนิช   กำลังศึกษา ปริญญาเอก ที่   University of Nebraska ,  Lincoln,  USA  สาขา Entomology.   หนูมีปัญหาที่เป็นทุกข์   อยากกราบเรียนถามวิธีแก้ไขปัญหาจากอาจารย์ค่ะ

    หนูมาเรียนที่นี่ช่วงแรกด้วยทุนส่วนตัว(ทุนของสามี)   อยู่ไปได้ช่วงหนึ่งก็ได้รับทุนสนับสนุนการเรียน ( graduate assistanceship ) จาก อาจารย์ที่ปรึกษาที่เป็น Americans ที่นีี่   ทำให้ไม่ต้องเสียค่าเรียน หนูกำลังทำ dissertation และ ต้องทำการวิจัยซึ่งเป็นการทดลอง ที่จำเป็นต้องฆ่าแมลง   พยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะฆ่าให้น้อยที่สุดเท่าทีีจะน้อยได้ เพราะทราบดีว่า ผิดศีลข้อปาณาติบาต   แต่จะไม่ทำก็ไม่ได้เพราะมิฉะนั้นก็จะไม่สำเร็จการศึกษา เพราะต้องการกลับไปสมัครทำงานเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่ อเมริกานี้ ก็ได้ download ธรรมะบรรยาย ของอาจารย์ผ่านทาง web site กัลยาณธรรม     เมื่อปิดเทอม ช่วง Christmas ที่ผ่านมาก็กลับไปเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย และได้ไปบวชชีพรามณ์ 3 วัน   และ ปฏิบัติ กรรมฐาน   เพื่ออุทิศให้แมลงที่ได้ฆ่าไป   ช่วงที่กำลังปฏิบัติอยู่นั้น เวลาเดินจงกรมในโบสถ์ ก็ จะมีผึ้ง   ผีเสื้อ   มด   แมลงวัน และ แมลง ต่าง มาบินตามตลอด แต่พวกเขาก็ไม่ได้มากัด อะไร ก็ได้อุทิศบุญให้พวกเขาตลอด   พอกลับมาที่ อเมริกาเพื่อศึกษาต่อ   ช่วงเปิดเทอม ก็ต้องฆ่าแมลงวันที่ทำการทดลองเพื่อ ทำ dissertation   

    เกือบทุกเดือน หนูจะส่ง Check ให้วัดที่ California ซึ่งเป็นวัดสาขาของหลวงปู่ชา   ทุกคืนหนูจะ สวดมนต์   แผ่เมตตา   นั่่งสมาธิ ขออโหสิกรรม ต่อแมลงวันได้ฆ่าไป แทบทุกคืน    เพื่อเพิ่มกุศลกรรมให้มากขึ้นเพื่อหนีวิบากกรรมนี้ แต่รู้ดีว่าอย่างไรก็ต้องชดใช้    เนื่องจากผิดศีลข้อหนึ่ง    ทำจิตให้นิ่งค่อนข้างลำบาก   จิตจะคิดถึงแมลงที่ฆ่าตลอด   สงสารพวกเขา แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร  
   กราบเรียนถามอาจารย์ว่าพอจะมีวิธีใดที่จะทำให้จิตนิ่งได้มากกว่านี้ได้บ้างหรือไม่คะ

  หนูควรจะต้องปฏิบัติธรรมหมวดใดให้มากขึ้น ตอนบวชชีพรามณ์นั้นจะนิ่งมากกว่านี้มาก   หนูจะทำอย่างไรให้เข้าถึงธรรมให้ได้มากกว่านี้คะ

ขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ
  ขนบพร

คำตอบ
   มนุษย์เป็นสังคม เกิดมามีงานให้ทำอยู่สองงาน คือ งานที่ทำให้กับสังคมส่วนรวม เพื่อให้ได้ปัจจัยมาเลี้ยงชีวิต กับงานภายในที่ทำให้กับตัวเอง เพื่อเตรียมบุญเป็นปัจจัยเดินทางสู่โลกหน้า

   การศึกษาเล่าเรียนเพื่อให้ได้ปริญญาสูงขึ้น และนำมาใช้ทำงานให้กับสังคมได้มากขึ้นเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ความรู้เช่นนั้นนำเอาบาปติดมาด้วย จึงต้องชดใช้ด้วยการอุทิศบุญใหญ่ (ปฏิบัติธรรม) ให้กับเจ้ากรรมนายเวรอยู่เสมอ ตราบใดที่การประพฤติทุศีลข้อปาณาติบาตยังจำเป็นต้องกระทำอยู่

   ผู้ใดยังมีศีลที่ขาด ทะลุ ด่าง พร้อย ไม่สามารถพัฒนาจิต ให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับที่จะใช้พัฒนาปัญญาเห็นแจ้งให้เกิดขึ้นได้ แต่หากเมื่อใดหยุดประพฤติทุศีลได้แล้ว เมื่อการพัฒนาจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิย่อมเกิดขึ้นได้ หมวดธรรมที่สำคัญคือ ศีล เป็นพื้นฐานนำจิตสู่สมาธิ สมาธิเป็นฐานนำสู่การเกิดปัญญาเห็นแจ้ง ตามหลักของไตรสิกขา (ศีล สมาธิ ปัญญา) นั่นเอง
  

1387.
เรียนอาจารย์สนอง

หนูเกิดมาในครอบครัวที่นับถือศาสนาคริสต์
แต่ตอนนี้หนูอยากบวชในศาสนาพุทธ

พ่อคิดว่าหนูทำไม่เหมาะ เพราะ เป็นการไม่ไว้หน้าญาติๆ และพ่อรู้สึกไม่ดีที่ลูกไม่ได้บวชในพระเป็นเจ้า ส่วนกับแม่นี่ หนูยังไม่กล้าคุย  

หนู ควรหรือไม่ควร บวช หรือ โน้มน้าวพ่อแม่ ต่อไปคะ
ตอนนี้หนูก็ชักเริ่มจะรู้สึกว่า เราอยากบวชเพราะโลภ คือคิดว่าบวชแล้วจะต้องสุขอย่างนั้นอย่างนี้ อยู่กับโลกต่อไป เป็นบ้า เป็นทุกข์หาสุขไม่เจอแน่

ตอนแรก แค่คุยกับแม่ชีท่านนึง แล้วท่านบอกให้มาอยู่ที่วัด แค่นี้หนูก็ดีใจแล้ว
แต่หนูไม่ได้บอกท่านว่า ครอบครัวหนูเป็นคริสต์..

หนูเลยไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองเป็น เป็นกิเลส หรือ กุศลกันแน่
แล้วเราควรใช้ชีวิตอย่างไรต่อจากนี้


ขอบพระคุณอาจารย์คะ

คำตอบ
   บุคคลมีชีวิตเป็นของตัวเอง ผู้รู้จริงไม่เข้าไปก้าวล่วงในชีวิตของผู้อื่น ดังนั้นที่พ่อไม่เห็นด้วยกับการเลือกทางชีวิตของลูก จึงเป็นความเห็นผิดของผู้เป็นพ่อ คือยังรู้ไม่จริงแท้และยังมีความเห็นแก่ตัว จึงอยากให้ลูกเป็นอย่างที่พ่อคาดหวังได้

   บุคคลในโลกส่วนใหญ่แสวงหากามสุข คือความสุขที่เกิดจากประสาทสัมผัส เป็นความสุขที่หยาบ มีความทุกข์เป็นของคู่ มาเร็วไปเร็วและซื้อหาได้ด้วยราคาแพง แต่ความสุขที่ทำจิตให้สงบจากอารมณ์ เป็นความสุขที่ละเอียด ประณีต ยืนยาวกว่ากามสุข และลงทุนเพียงน้อยนิด ก็สามารถหาความสงบสุขได้ และยิ่งได้เข้าถึงความสุขที่จิตเป็นอิสระจากโลกธรรมและวัตถุได้แล้ว ก็นับได้ว่าประสบความสำเร็จในชีวิตปัจจุบันที่เข้าถึงความสุขเช่นนี้ได้ ดังนั้นพึงเลือกเอาตามที่ใจปรารถนา
   

1386.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนองที่เคารพ
 
         ดิฉันอยากเรียนถามว่าถ้าดิฉันตายไปแล้ว   และติดต่อให้ทางโรงพยาบาลมารับศพไปเป็นอาจารย์ใหญ่เลยโดยไม่ต้องจัดพิธีสวดศพเลย   ดวงจิตที่ออกจากร่างของดิฉันแล้ว จะสามารถไปในภพภูมิที่จิตดวงสุดท้ายกำหนดได้หรือไม่   จะผิดหลักการตามศาสนาพุทธหรือไม่ เพราะดิฉันคิดว่าการที่คนตายไปแล้วไม่อยากให้วุ่นวาย   และจะบอกกับลูกว่าถ้าต้องการจะจัดงานศพให้จริง ๆ ก็ไปถือศีลปฏิบัติธรรมให้แม่สัก 7  วันก็พอแล้ว   เพราะเป็นการไม่รบกวนคนอื่นด้วยและดิฉันคิดว่าผู้ตายน่าจะได้ผลบุญมากกว่าใช่หรือไม่ค่ะ
 
         ขอกราบขอบพระคุณในความกรุณาที่ให้ความกระจ่างล่วงหน้านะค่ะ และขออนุโมทนาในผลบุญที่อาจารย์ได้เผยแผ่ให้ความรู้เป็นธรรมทานแก่คนทั่วไปค่ะ

คำตอบ
   ผู้ใดปรารถนามีชีวิตในวันข้างหน้าเป็นเช่นไร ต้องทำเหตุให้ถูกตรง อาทิ

     •  ประพฤติศีล ๕ อยู่เสมอ เป็นเหตุให้เกิดเป็นมนุษย์

     •  ประพฤติกุศลกรรมบถ ๑๐ หรือให้ทาน + รักษาศีล เป็นเหตุให้เกิดเป็นเทวดา

     •  เข้าฌานแล้วตายในฌาน เป็นเหตุให้เกิดเป็นพรหม

   อนึ่ง ผู้ใดพัฒนาจิตจนบรรลุอย่างน้อยโสดาปัตติผล ตายแล้วไปเกิดอยู่ในสุคคติภพ และไม่ต้องการบุญที่เกิดจากมีผู้อุทิศให้ ฉะนั้นการให้ลูกไปถือศีลปฏิบัติธรรมจึงเป็นความเห็นที่ถูก และผู้ใดยินดี (อนุโมทนา) ในการทำความดี (ปฏิบัติธรรม) ของผู้อื่น ผู้อนุโมทนาได้บุญด้วย
  

1385.
กราบเรียนท่านอาจารย์ที่เคารพอย่างสูง
                
            หนูติดตามผลงานอาจารย์มานานมากเลยค่ะ แต่ยังมีข้อสงสัยดังนี้
 
1 ตามประเพณีของคนพื้นเมืองเหนือ เมื่อจัดงานศพ เจ้าภาพจะจัดหาปราสาทสวยๆเพื่อนำโลงศพมาประดับและอุทิศให้ผู้ตาย และได้สมบัติเป็นปราสาทใช้บนสวรรค์ไม่ทราบว่าเป็นจริงไหมคะ

2 ถ้าไม่เป็นจริงเมื่อจัดงานศพ ควรปฏิบัติอย่างไรจึงจะได้ชื่อว่าเป็นบัณฑิตทั้งทางโลกและทางธรรมค่ะ

 
                                    กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงและขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
 
                                                                   ดอกบัวค่ะ

คำตอบ
    (๑). มนุษย์ผู้ประพฤติปาณาติบาต ตายแล้วมีโอกาสลงไปเกิดอยู่ในภพนรก ไม่มีสัตว์นรกตนใดมีปราสาทอยู่อาศัย ตรงกันข้าม นันทิยะมาณพ สร้างศาลาจตุรมุขถวายพระพุทธโคดมไว้ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ปรากฏว่ามีวิมานร้างเจ้าของ รออยู่ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทั้งนี้เพราะนันทิยะมาณพยังไม่ตายจากภพมนุษย์ ฉะนั้นประสงค์พิสูจน์สัจจธรรมในเรื่องนี้ ผู้ถามปัญหาต้องเข้าฌานให้ได้ แล้วอธิษฐานขอเห็นด้วยทิพพจักขุ

   (๒). ผู้ใดประสงค์มีวิมานเป็นของตัวเองอยู่อาศัย ต้องประพฤติเหตุให้ถูกตรง ด้วยการบำเพ็ญทานและรักษาศีลตลอดชีวิต หรือประพฤติกุศลกรรมบถ ๑๐ ตลอดชีวิต หรือพัฒนาจิตจนเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับฌาน แล้วตายลงในขณะจิตทรงอยู่ในฌาน ตายแล้วไปเกิดเป็นพรหม ทั้งเทวดาและพรหมมีวิมานอยู่อาศัย
  

1384.
กราบสวัสดิ์ดีท่านอ.ดร.สนอง วรอุไร ครับ  
ขอเรียนถามปัญหาธรรม ขอความกรุณาดังนี้ครับ

---- ถ้าเราหายใจแบบเอาสติตามไปดูพองหนอ-ยุบหนอ-พองหนอ-ยุบหนอ แบบนี้เป็นการหายใจเข้าทางช่องท้อง เช่นนี้ทำให้ได้สุขภาพ ด้วยใช่ไหมครับ เพราะเคยอ่านหนังสือสุขภาพเขาบอกว่าถ้าเราหายใจเข้าช่องท้องช้าๆ ลึกๆ เช่นนี้จะทำให้สุขภาพดี  

   ... ปัญหาของกระผมที่อยากเรียนถามอยู่ตรงที่ว่า ถ้าเราฝึกสติตามดู โดยตามลมหายใจเข้าออกที่ปลายจมูก แบบนี้อากาศมันจะไปกักอยู่ที่ปอด ไม่ลงไปในช่องท้องเต็มที่ แบบนี้สุขภาพจะไม่ดีเท่ากับหายใจเข้าช่องท้อง (เหมือนเด็กทารกตอนเกิดมาใหม่ๆ จะหายใจเข้าช่องท้อง) ดังนี้.....ถ้าเราอยากฝึกสติเราควรฝึกดูลมหายใจเข้าออก พองหนอ-ยุบหนอ , หรือดูที่ลมที่กระทบปลายจมูกดีครับ ??? บ่อยครั้งที่สลุบไปสลับมา    ..  .
( เพราะเข้าใจว่าถ้าเลือกอันใดอันหนึ่งไปเลยน่าจะดีกว่า )

*** กราบขอบพระคุณท่านอ.ดร.สนอง วรอุไรเป็นอย่างยิ่ง ขอให้ท่านอาจารย์มีสุขภาพดี ช่วยเหลือผู้คนไปนานๆ ยิ่งๆขึ้นไป ขอบคุณครับ

*** และขอบคุณพี่ๆทีมงานชมรมกัลยาณธรรมเป็นอย่างสูงเช่นกัน ขอบคุณครับ .

คำตอบ
  
เป็นการหายใจเอาอากาศเข้าทางจมูกอย่างมาก แล้วไปมีผลทำให้หน้าท้องพองขึ้น เซลล์ที่บุผนังหน้าท้องได้รับออกซิเจน ทำให้มีสุขภาพดีได้ ตรงกันข้าม หากหายใจเอาอากาศเข้าทางจมูกเพียงปริมาณน้อย เซลล์ที่บุผนังหน้าท้องอาจได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ สุขภาพจึงไม่ดีได้ ฉะนั้นการหายใจเข้าลึกๆและปล่อยลมออกจากร่างกายยาวๆ จึงทำให้การฝึกจิตทั้งสองแบบ มีสุขภาพดีได้ จึงควรเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งที่เหมาะกับจริตมาใช้ฝึกจิต ก็สามารถทำให้จิตมีสติตั้งมั่นเป็นสมาธิและมีสุขภาพจิตดีได้
  

1383.
เรียน อ.ดร.สนอง   วรอุไร   ที่เคารพ
      ดิฉันมีปัญหาว่าเมื่อนั่งสมาธิแล้วมีอาการเมือนสมองเบาๆ เย็นที่ลูกตา และรู้สึกเหมือนชาๆที่ลิ้น และตามผิวเนื้อตัวเย็นๆและเบาๆ และคล้ายๆจะถึงจุดสุขมากๆ แต่ไปไม่ถึง ไม่ทราบต้องใช้จิต ณ ขณะนั้นดูที่อาการที่เกิด ขึ้นกับกายหรือต้องทำอย่างไรคะ

                ขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงที่เมตตาตอบคำถาม

คำตอบ
   ขณะนั่งสมาธิ ทุกอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับจิต เช่น รู้สึกสมองเบา เย็นที่ลูกนัยน์ตา ชาที่ลิ้น ฯลฯ ต้องกำหนดจิตให้รู้ทันอาการที่เกิดขึ้นว่า “ เบาหนอๆๆๆ ” “ เย็นหนอๆๆๆ ” “ ชาหนอๆๆๆ ” ตามลำดับจนกว่าอาการดังกล่าวหายไป แล้วดึงจิตกลับมาสู่องค์บริกรรมเดิม ที่ใช้เป็นฐานกำหนดฝึกจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิ
  

1382.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนองที่เคารพ
 
        ผมขอรบกวนสอบถามอาจารย์เรื่องเดียวที่สงสัยคือ ทุกอย่างนั้นย่อมต้องมีเหตุมาก่อนจึงเกิดผลในปัจจุบันหรือในอนาคตแน่นอน แต่การที่มนุษย์ได้กระทำสิ่งที่เป็นกุศล เช่น   บุญกิริยาวัตถุ 10 สามารถทำให้ตนเองอยู่เหนือดวงได้ มีความสัมพันธ์กันอย่างไรครับ
 
ด้วยความเคารพอย่างสูงครับ

คำตอบ
   ผู้ใดประพฤติบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ (เหตุ) อยู่เสมอ เมื่อบุญให้ผลแล้ว ผู้นั้นมีโอกาสพัฒนาชีวิตให้อยู่เหนือดวง (ผล) ได้
  

1381.
อยากจะถามเรื่องการปฏิบัติธรรมและสุขภาพอยากถามว่าวิปัสนากรรมฐานแก้กรรมได้ไหมคะ

อยากทราบว่าตอนนี้ได้ปฏิบัติมาหลายเดือนแล้ว อยากทราบว่ามีปัญหาเรื่องเนื้องอกในมดลูก จะได้ผ่าตัดหรือไม่ได้ผ่าตัด


   ขอบคุณค่ะ

คำตอบ
   วิปัสสนากรรมฐานแก้ (ทำให้หาย , ทำให้หมดไป) กรรมไม่ได้ หนี้กรรมจะหมดไปได้ด้วยการชดใช้ ผู้ใดดับรูปดับนามเข้านิพพานได้ หนี้ธรรมที่เหลือค้างอยู่ในจิต ยกถูกยกเลิกให้ผล (อโหสิ)

ผู้ใดปฏิบัติธรรมมานานหลายเดือน มิได้หมายความว่า ผู้นั้นเข้าถึงธรรมที่ปฏิบัติ ตรงกันข้าม ผู้เข้าถึงธรรมที่ปฏิบัติเป็นผู้มีบุญใหญ่ เมื่ออุทิศบุญใหญ่ให้เจ้ากรรมนายเวร เนื้องอกในมดลูกมีโอกาสหายไปได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
  

1380.
กราบเรียนอาจารย์สนอง วรอุไร ค่ะ
 
   หนูขอเรียนถามอาจารย์เรื่องกรรมกับความรักค่ะ   ปกติแล้วหนูเป็นคนนิ่งๆเฉย แต่หากเมื่อใดมีความรักแล้วรู้สึกเหมือนไฟเผา ใจจะร้อนรุ่มกระวนกระวายระแวงไปหมด
ทำให้หนูต้องเจ็บกับความรักหลายครั้งหลายคราด้วยความที่จิตไม่ปกติของหนู   จนหนูรู้สึกความรักปนความพยาบาท   ไม่พอใจก็ทำอะไรขาดสติ
 
   หนูจะแก้ปัญหาโดยวิธีใดคะ   และเรียนอาจารย์ว่าจิตหนูขณะนี้ไม่สงบเลย
เวลาทำบุญ ปฏิบัติธรรม หนุก็ขอให้พบรักที่ดี   แต่ไม่เจอเลยค่ะ   มีปัญหาตลอด
จึงขอความกรุณาอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ

 
ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    ต้องแก้ปัญหาด้วยการให้อภัยได้ในทุกเรื่องที่เป็นเหตุขัดใจ แล้วเมตตาย่อมเกิดขึ้น ผู้ใดรักผู้อื่นด้วยมีเมตตาเป็นพื้นฐานของใจ เช่น พ่อแม่รักลูก ความรักเช่นนี้ย่อมมีความสุข ตรงกันข้าม ความรักที่มีตัณหาเป็นพื้นฐานของใจ ความรักเช่นนี้ย่อมนำมาซึ่งความทุกข์ เพราะตัณหาทำให้ใจมีความทะยานอยาก เช่น อยากได้อารมณ์อันน่าใคร่ อยากเป็นนั่นเป็นนี่ อยากไม่เป็นนั่นไม่เป็นนี่
  

1379.
สวัดดีครับท่านอาจารย์

1. มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาทั้งหมด คือเกิดมาเสวยกรรมดีและกรรมไม่ดี ผมมีความสงสัยว่า

สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนต้องมาจากจุดเริ่มต้น หรือมาจากศูนย์ทั้งนั้น มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาชาติแรกล้วนยังไม่ได้ทำกรรมอะไรเลย เหตุใดถึงต้องมาเกิดครับ

2. ผู้คุมสมัยก่อนที่ลงโทษนักโทษโดยการทรมานนักโทษต่างนานาตามหน้าที่ (เป็นนักโทษที่ทำผิดจริง) เป็นบาปไหมครับ (ถ้าบาป)ยมบาลที่อยู่ในนรกลงโทษผู้ที่เคยทำกระทำความผิดบนโลกมนุษย์ สิ่งที่ยมบาลทำแล้วไม่มีความผิดเพราะเป็นนหน้าที่     กรรมมีข้อยกเว้นใช้ไหมครับ

3. ยมบาลที่อยู่ในนรก ที่คอยลงโทษ ผู้ที่เคยทำผิดบนโลกมนษย์ คนที่ถูกลงโทษนี้จะอาฆาตแค้นยมบาลได้ไหมครับ

4. สวรรค์และนรกเป็นสากลไหมครับ ถ้าผมนับถืออิสลามอยู่ประเทศอื่น ต้องเจอสวรรค์หรือนรก ตามความเชื่อ แบบศาสนาพุทธหรือปล่าวที่ยมบาลใส่กางเกงเเดง เป็นแบบนี้ทั้งโลกหรือปล่าว หรือว่าสวรรค์นรกขึ้นอยู่ของแต่ละศาสนาไม่เกี่ยวกัน เวลาคนตายก้ไปตามศาสนาใครศาสนามัน

คำตอบ
   (๑). เพราะความไม่รู้จริง (อวิชชา) ที่มีอยู่ในจิต เป็นพลังผลักดันให้ต้องมาเกิด

   (๒). เป็นบาปกับนักโทษผู้มีจิตจองเวรกับผู้ที่ทำให้เขาต้องทุกข์จากการถูกทรมาน ไม่ถือว่ายมบาลประพฤติผิด เพราะทำหน้าที่ถูกตรงตามกฎแห่งกรรม

   (๓). คนที่เป็นเกิดเป็นสัตว์อยู่ในนรกแล้ว ไม่มีโอกาสอาฆาตแค้นยมบาลได้ เพราะต้องเสวยความทุกข์ล้วนจากการถูกทรมาน

   (๔). มีความเป็นสากลในเรื่องของสภาวะ คือ เทวดาเสวยกามสุขที่เป็นทิพย์เหมือนกัน แต่มีสมมุติ เช่น เครื่องแต่งกายไม่เหมือนกัน และเช่นเดียวกัน สัตว์นรกมีสภาวะที่เหมือนกัน คือ เสวยกามทุกข์ล้วนๆจากการถูกทรมาน แต่มีสมมุติ เช่น แต่งกายไม่เหมือนกัน

   ผู้ใดประสงค์พิสูจน์สัจจธรรมในเรื่องเช่นนี้ ผู้นั้นต้องพัฒนาจิต (สมถภาวนา) จนบรรลุความทรงฌานให้ได้ก่อน แล้วใช้ทิพพจักขุไปสัมผัส สัตว์ เทวดาและสัตว์นรก ที่มาจากศาสนิกของแต่ละศาสนา
   

1378.
สวัสดีครับอาจารย์

1. สอบถามเรื่องอาบัติของพระครับถ้าพระติดอาบัติหนัก (สังฆาทิเสส )ต้องเข้าปริวาสถึงจะระงับได้ใช่ไหมครับ
แล้วพระรูปนั้นถ้าตั้งใจปฏบัติธรรมจะมีสิทธิได้ดวงตาเห็นธรรมรึเปล่าครับหรือหมดสิทธิ์แล้ว

2. เวลานั่งสมาธิมีอาการเพ่งตรงหน้าผากเกิดจากอะไรหรือครับมีวิธีแก้ไขรึเปล่าหรือค่อยดูไปเรื่อยๆครับ


                                                                             ขอขอบคุณอาจารย์ที่ช่วยตอบคำถาม
                                                                            ขอให้อาจารย์เจิรญในธรรมมะนะครับ

คำตอบ
    (๑). ใช่ครับ ผู้ใดหยุดประพฤติอาบัติอย่างเด็ดขาด แล้วหันมาปฏิบัติธรรมที่สมควรแก่ธรรม ยังมีสิทธิ์ที่จะพัฒนาจิตให้เข้าถึงดวงตาเห็นธรรมได้

   (๒). การเพ่งตรงหน้าผาก เกิดจากการเอาจิตไปจดจ่ออยู่ที่หน้าผาก หากเพ่งแล้วทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ ถือว่าเป็นสมถภาวนาแบบหนึ่ง ผู้ใดเอาจิตไปผูกติดกับการเพ่งแบบนี้ ผู้นั้นยังมีความหลงเพราะมิได้ทำสมาธิที่เกิดขึ้น ไปพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง ดังนั้นควรแก้ไข ด้วยการพิจารณาอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งในสติปัฏฐาน ๔ ที่เกิดขึ้นว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์
   

1377.
เรียน อาจารย์สนอง ที่เคารพ
 
   ต้องขออนุญาตอาจารย์นะคะ ถ้าหนูเขียนอะไรผิดไป หนูขออโหสิด้วยนะคะ
หนูได้อ่านหนังสือของอาจารย์แล้วรู้สึกศรัทธา และได้ฝึกปฏิบัติวิปัสสนา
ของพระธรรมวิสุทธิกวี เจ้าอาวาสวัดโสมนัส และได้ฝึกปฏิบัติเอง มา ๑ ปีกว่า
ซึ่งเป็นเวลาที่น้อยมาก ฝึกนั่งสมาธิทุกวันๆละประมาณ ๒ ชั่วโมง
ช่วงแรกๆ เริ่มครั้ง ๕ นาที ๑๐ นาที และค่อยๆ เพิ่มมาเรื่อยๆ ปัจจุบันนั่งติดต่อกัน
เป็นเวลา ๑ ชั่วโมง
   หนูมีปัญหาคือเป็นคนตื่นเต้นง่ายมาก เวลาตื่นเต้นควบคุมไม่ได้เลย
มือสั่น ใจสั่น พูดไม่ออก ไม่ทราบมีกรรมอะไร หนูพยายามฝึกสมาธิ
แต่ยังช่วยไม่ได้ไม่ทราบต้องทำอย่างไรคะ และการที่เราทำบุญโดยการนั่งสมาธิ
แล้วทำไมกรรมถึงได้ตอบสนองเราเร็วมากและเห็นทุกครั้งที่เราทำกรรม
รู้สึกเหมือนกรรมตอบสนองเราทุกครั้งและเร็วด้วย   เพราะว่าตอนนี้จิตยังไม่เข้มแข็ง
พอที่จะไม่ทำกรรมทางการคิด   บางครั้งเกือบจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน
ที่ไม่ทราบว่าแต่ละวันทำกรรมอะไรไป และกรรมอะไรตอบสนอง เพราะสนุกไปวันๆ


                                  ขอขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูง  

คำตอบ
    ผู้ใดขาดสติ ผู้นั้นมีอารมณ์หวั่นไหวได้ง่าย ประสงค์ให้ให้อารมณ์ของจิตลดลง ต้องพัฒนาใจให้มีศีล ๕ ที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย ให้ได้ทุกขณะตื่น แล้วจิตย่อมตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ง่าย อารมณ์หวั่นไหวของจิตจะลดน้อยลง จนกระทั่งจิตเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิแน่วแน่ได้

การปล่อยให้กิเลสเข้ามามีอำนาจเหนือใจ (สนุกไปวันๆ) เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นกับคนที่มีจิตขาดสติ ฉะนั้นหากผู้ถามปัญหาประสงค์มิให้ชีวิตตนเองตกต่ำ ต้องเอาศีล ๕ มาคุมใจ เจริญอานาปานสติโดยมีความเพียรและสัจจะเป็นเครื่องสนับสนุน
  

1376.

เมื่อปีใหม่ที่ผ่าน 2553 มาทางดิฉันได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 9 รูป มาบิณฑบาตร อาหารแห้ง ที่โรงงานที่ดิฉันทำงานอยู่ และได้เตรียมอาหารคาว หวานใส่ปิ่นโตถวายให้พระท่านฉันในเวลาเพลพร้อมการถวายสังฆทาน   ซึ่งในหลายครั้งที่มีการจัดงานทำบุญปกติ ทางโรงงานดิฉันจะให้พระท่านฉันเพลที่โรงงาน แต่เมื่อต้นปีใหม่ 2553 วันนั้นไม่สะดวก เรื่องเวลา จึงเป็นไปตามขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้น   ภายหลังจากจบงานทำบุญก็มีการส่งพระ
 
ดิฉันมีคำถามดังนี้
 
1  เพื่อนร่วมงานดิฉัน ซึ่งเป็นผู้หญิง   ได้เข้าไปช่วยถือบาตรที่ทางโรงงาน ได้เตรียมข้าวสวยใส่ในบาตรพระขณะที่ท่านกำลังกลับเนื่องมาจาก ไม่มีผู้ชายช่วยถือเพียงพอ พระ 9 รูป   เป็นการกระทำที่สมควรในทางธรรมหรือไม่คะ


2  การที่ไม่ได้ให้พระสงฆ์ท่านนั่งฉันเพลที่โรงงาน แต่ใส่อาหารในปิ่นโตแทนถือว่าผิดมั้ยคะ แล้วอานิสงค์ต่างกันกับให้พระท่านฉันที่โรงงานหรือเปล่าคะ
 
ปล ... พนักงานหลายคนตำหนิทางเพื่อนร่วมงานดิฉัน และเรื่องการที่ดิฉันจัดอาหารใส่ปิ่นโตถวายให้พระท่านไปฉันที่วัด
 
ขอขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงคะ ที่เมตตาในการตอบข้อข้องใจในครั้งนี้

ด้วยความเคารพอย่างสูงคะ

คำตอบ
   
(๑). หากสตรีผู้อุ้มบาตรเป็นญาติกับภิกษุ ถวายบาตรโดยภิกษุรับจากมือโดยตรง ไม่ถือเป็นบาป ตรงกันข้าม หากสตรีผู้อุ้มบาตรมิใช่ญาติอุ้มบาตรถวาย แล้วภิกษุรับบาตรด้วยมือโดยตรง ภิกษุรูปนั้นมีโทษจากการล่วงละเมิดสิกขาบท (บาป) สตรีผู้ร่วมกระทำบาปให้เกิดขึ้น ย่อมต้องรับโทษนั้นด้วย จึงไม่ควรกระทำ แต่หากภิกษุใช้ผ้ารองรับบาตรที่สตรีผู้มิใช่ญาติส่งถวาย ไม่ถือว่าเป็นบาป

   (๒). การนิมนต์พระสงฆ์มาฉันภัตตาหารที่โรงงาน หรือนำอาหารบรรจุลงในปิ่นโตแล้วถวายให้พระนำกลับไปฉันที่วัด สามารถทำได้ ไม่ถือว่าเป็นความผิด ส่วนบุญที่เกิดขึ้นจากการกระทำทั้งสองรูปแบบ ประพฤติแบบไหนได้บุญมากกว่าขึ้นอยู่กับ ก่อนทำบุญศรัทธา ขณะทำบุญตั้งใจ ทำบุญแล้วสบายใจ ประพฤติแบบไหนแล้วทำให้ปัจจัยทั้งสามมีกำลังมากกว่า การประพฤตินั้นได้บุญมากกว่า
     

1375.
   หนูเป็นนักศึกษาเภสัชค่ะ ได้พบธรรมะของพระพุทธเจ้าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้
หนูหมั่นไปทบทวนธรรมะที่นิโรธารามอยู่ตามที่โอกาสจะเอื้ออำนวย อยู่ที่หอพักหนูก็ฟังธรรมก่อนนอนทุกคืน
ตอนที่อยู่ในวัดหนูเข้าใจและเรื่องคำสอนของพระพุทธองค์มากค่ะ และตั้งใจว่าจะทำตาม
แต่พอออกมาอยู่กับสภาพสังคม อยู่กับเพื่อน ๆ ก็กลับไปหลงระเริงอย่างเดิมอีก
บางครั้งก็ยังส่องกระจกแล้วเห็นว่ายังมีคนที่จะงามอีก แต่หนูก็บอกตัวเองว่า จริง ๆแล้วคนไม่ได้งามหรอก
แต่บางครั้งมันก็ยังเผลอค่ะ
 
หนูไปอ่านหนังสือ เค้าบอกว่า การจะเข้าถึงธรรมะต้องใช้ตาปัญญาในการมอง
ไม่ได้เข้าถึงด้วยการคิด หรือการฟังธรรม
 
อยากเรียนถาม   ท่านอ.ดร.สนอง วรอุไร ว่า
  อ.มีคำแนะนำในการปฏิบัติตัวให้สามารถดำเนินตามอริยมรรคมีองค์ 8 ที่เป็นไปได้จริง
สำหรับนักศึกษาปัญญาน้อยอย่างหนูบ้างไหมคะ

 
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะที่กรุณาชี้ทางสว่างให้

คำตอบ
    ผู้ใดฟังธรรมก่อนนอน ผู้นั้นมีบุญเกิดขึ้นและสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณ ผู้ใดเข้าใจคำสอนของพระพุทธะ (มีความเห็นถูกตรง) ผู้นั้นมีบุญเกิดขึ้นและสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณ

   ตรงกันข้าม ผู้มีจิตหลงระเริงอยู่กับกิเลสของสังคม ผู้นั้นมีบาป (จิตเศร้าหมอง) เกิดขึ้นและสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณ ผู้ใดส่องกระจกแล้วเผลอใจว่าตนเองยังมีความงาม ผู้นั้นมีบาป (ขาดสติ) เกิดขึ้นและสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณ

   ใจที่มีลักษณะดังเช่นที่กล่าวมานี้ เปรียบได้กับคนที่ยังว่ายน้ำไม่เป็นแล้วตกน้ำ จึงต้องมีกิริยาผลุบๆโผล่ๆ คือทำบ้างไม่ทำบ้าง (ไม่สม่ำเสมอ) ตายแล้วยังมีโอกาสเกิดเป็นสัตว์อยู่ในทุคติภพหรือในสุคติภพได้ ดังนั้นผู้ที่ไม่ประมาทในชีวิต ย่อมเร่งความเพียรฝึกจิตให้มีสติ และฝึกจิตให้มีปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้สติปัญญาที่พัฒนาได้ สั่งสมแต่สิ่งที่เป็นบุญ เพื่อใช้นำพาชีวิตไปสู่ความสวัสดีในวันข้างหน้า
    

1374.
สวัสดีค่ะอาจารย์

พอดีหนูได้อ่านคำตอบของอาจารย์ไว้ในคำถามคำตอบค่ะว่า

   ลมหายใจเข้าออกเป็นกัลยาณมิตรที่ดี เพราะอยู่กับเราตั้งแต่แรกเกิด จนบัดนี้ยังทำหน้าที่ได้อย่างซื่อตรง ฉะนั้นควรประพฤติดีต่อกัลยาณมิตร ด้วยการหายใจเข้ากำหนด “ พุท ” หายใจออกกำหนดว่า “ โธ ” กำหนด “ พุท-โธ ” ทุกครั้งที่มีจิตระลึกได้ถึงเพื่อนดีคนนี้ และกำหนดทุกครั้งที่ว่างจากการทำงานภายนอก คือหมดภาระที่ต้องทำให้กับสังคมแล้ว ต้องทำงานให้กับเพื่อนดีคนนี้

อนึ่ง พระสารีบุตรกล่าวว่า การมีสติระลึกได้ในกาย (กายคตาสติ) เป็นกัลยาณมิตรที่ดีที่สุด

ทีนี้หนูอยากทราบค่ะว่าในชีวิตการทำงานระหว่างวัน ถ้าหนูพยายามให้มีสติตลอดเวลาเท่าที่จะทำได้โดยการระลึกรู้อยู่ที่คำบริกรรม พุทโธ หรือรู้ลมหายใจ หรือรู้เห็นความคิดในระหว่างวัน ถือว่ามีสติหรือยังคะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์มา ณ ที่นี้ค่ะ

เบญญาภา

คำตอบ
    ขณะทำงานในรอบวัน (งานภายนอก) ผู้ใดเอาใจจดจ่ออยู่กับงานที่ทำ ผู้นั้นมีสติ ตรงกันข้าม ขณะทำงานในรอบวัน ผู้ใดเอาใจจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า-ออก (งานภายใน) ผู้นั้นขาดสติจากงานที่ทำ โอกาสผิดพลาดในงานที่กำลังทำอยู่ย่อมเกิดขึ้นได้ ดังนั้นหากผู้ถามปัญหารู้วาพัฒนาจิตผิดพลาด แล้วแก้ไขใหม่ให้ถูกต้อง เพื่อนดีของชีวิตย่อมเกิดขึ้นได้
  

1373.
กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพ
 
1. จะทำอย่างไรให้แม่มองเห็นความสุขที่เกิดจากการให้ได้บ้างคะ ?  เพราะแกอายุมากแล้วไม่ทราบจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน   เพราะแกยึดติดกับของของแกเหลือเกิน

2. ช่วงหลังๆ หนูขัดแย้งกับแม่บ่อยมาก   ทำให้แม่เป็นทุกข์เพราะหนูไม่เข้าข้างแม่ เพราะหนูเห็นว่ามันเป็นแค่ของนอกกาย   ถ้าคนอื่นเขาอยากได้ก็ทำทานไปเถอะ   แต่แม่ไม่เห็นด้วยและทำให้แม่โกรธหนูในบางครั้ง   หนุรู้สึกบาปมาก   หนูควรทำอย่างไรดีคะ

 
ขอบพระคุณมากค่ะ

คำตอบ
    (๑). กิเลส คือ สิ่งที่ทำใจให้เศร้าหมอง ราคะ โทสะ โมหะ มีอำนาจเผาใจให้เร่าร้อน โทสะกำจัดได้ด้วยการให้อภัยเป็นทาน ราคะกำจัดได้ด้วยการพิจารณาอสุภะ โมหะกำจัดได้ด้วยการปฏิบัติธรรมจนเกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งพิจารณาอวิชชาตามกฎไตรลักษณ์ ฉะนั้นผู้เป็นลูกต้องทำให้แม่ศรัทธาคำสอนในพุทธศาสนาให้ได้ก่อน แล้วนำตัวเข้าปฏิบัติธรรม โอกาสที่แม่จะเลิกยึดติดในวัตถุสิ่งของ จึงมีได้เป็นได้

   (๒). ผู้ใดทำให้แม่ผู้มีอุปการคุณมีความโกรธเกิดขึ้น ผู้นั้นได้สร้างบาปเป็นสมบัติไว้กับตัว แต่หากผู้เป็นลูกมีสติประพฤติจริยธรรมของการเป็นลูกที่ดี อาทิ ท่านเลี้ยงดูเรามา เราต้องเลี้ยงท่านตอบแทน ช่วยทำงานแทนแม่ ดำรงวงศ์สกุลไม่ให้เสียชื่อเสียง ทำงานเป็นทายาทที่ดี ไม่ขัดใจ ไม่โต้แย้งโต้เถียง ฯลฯ เหล่านี้หากประพฤติได้แล้ว ความดีงามย่อมเกิดขึ้นเป็นบุญสั่งสมอยู่ในจิต นำข้ามภพชาติได้ ความประพฤติเหล่านี้เป็นสิ่งที่ลูกควรทำให้เกิดขึ้น
  

1372.
กราบท่านอาจารย์ และอนุโมทนาบุญกับธรรมทานของท่านอาจารย์ค่ะ

คำถามนี้อาจจะฟุ้งซ่านไปหน่อย ไม่ทราบว่าจะมีใครเหมือนไหม

1. ปกติในเวลาตื่นหนูไม่ค่อยมี sense หรือประสาทสัมผัสรับรู้สิ่งเหนือธรรมชาติ เพียงแต่เป็นบางช่วงที่บางวันรู้สึกร้อนไปหมดตั้งแต่เช้า มันเกิดความรู้สึกขึ้นมาเองว่าสงสัยจะมีเรื่องขุ่นใจเข้ามาเยือน และก็จริงตามนั้น เพราะมีคนคอยเข้ามาชวนให้หงุดหงิดซ้ำๆ พยายามข่มใจว่า "โกรธหนอ ๆ ๆ" ก็ยังไม่หาย เพราะยังได้ยินคนๆนั้นก็ยังกวนอารมณ์อยู่   ในความรู้สึกที่เกิดคือพอเอาจิตเข้าไปกระทบอารมณ์นั้น อธิบายไม่ถูกค่ะ คือ เหมือนเราก้าวขาออกไปพอตัวสัมผัสประตูเท่านั้น ปรากฎว่า ความโกรธมันโถมเข้าใส่ทันทีเหมือนระเบิด รู้ตัวว่าทำไม่ถูกต้อง แต่ไม่สามารถระงับได้ แบบนี้รบกวนท่านอาจารย์ชี้แนะด้วยค่ะ  

2. เหมือนจะสัมผัสสิ่งที่ตามองไม่เห็นเฉพาะเวลาหลับและฝันไปค่ะ บางครั้งมาเป็นปริศนาธรรมโดยรู้เองในฝัน เช่น ฝันเห็นกระแสน้ำไหลเชี่ยวมากแบบน้ำป่า แต่ยังมีคนลงไปนั่งบนห่วงยางลอยไปกับกระแสน้ำนั้นโดยหัวเราะสนุกสนานไปด้วย ในขณะที่หนูเดินบนฝั่งไปตามกระแสน้ำในฝันรู้สึกกลัวมาก ยังคิดว่าทำไมกล้าเล่นน้ำเชี่ยวอย่างนั้น สุดท้ายหนูเดินทวนกระแสน้ำและไปพบลูกแก้วกลมๆเหมือนส้มโอ ในฝันรู้สึกเองว่า สิ่งใดก็แล้วแต่คงจะเตือนให้อย่าหลงละเลิงตามกิเลส   แล้วจะได้พบสิ่งดีๆ     สิ่งที่หนูตีปริศนาธรรมจากความฝันนี้ถูกต้องไหมคะ

3. เวลาฝันเห็นญาติที่เสียไปแล้ว ทำไมรู้สึกว่าพวกเขาดูอายุอ่อนวัยขึ้น ผมดำ หน้าใส ซึ่งตอนที่เสียนั้นอายุมากแล้ว ผมก็หงอก ผิวก็เหี่ยวย่น บางครั้งเห็นหน้าชัดเจน บางครั้งพล่ามัว แต่รู้ได้ว่านั่นคือใคร มีเป็นบางช่วงเหมือนกันที่จะฝันเห็นวิญญาณอยู่ปะปนกับมนุษย์ รู้ได้โดยเห็นเป็นรูปร่างแบบร่างคนที่โปร่งแสง ปะปนกับร่างทึบแสงแบบมนุษย์ อย่างล่าสุดก็พึ่งฝันเห็นญาติที่เสียไปแล้วดูหนุ่มขึ้น แต่ปรากฎว่าตอนใกล้ตื่นกลับได้ยินเสียงริมหูว่า “ หนาว ” ซึ่งก็หลายครั้งที่ได้ยินเสียงติดหูตอนกำลังตื่น เช่นเสียงกุ๊งกิ๊งไพเราะซึ่งได้ยินพร้อมกับเหมือนเป็นยานอะไรสักอย่างที่ขยับปีกก็จะมีเสียงดังไพเราะ เสียงนั้นติดหูจนตื่นก็ยังไม่ยิน แต่ไม่ใช่เสียงที่อยู่รอบตัวขณะนั้นแน่ๆค่ะ บางครั้งก็เสียงหวีด ครั้งนี้มาเป็นคำพูด สิ่งเหล่านี้ทำให้บางครั้งสับสนว่าฟุ้งไป หรือ ฝันจริง ค่ะ

4. เมื่อก่อนได้ฝึกเดินจงกลมและนั่งสมาธิบ้าง แต่ติดตรงเมื่อนั่งสมาธิจับพองยุบนิ่งอยู่กับที่ อธิบายไม่ถูกค่ะเป็นความสบายที่อึดอัด เพราะ เหมือนติดอะไรบางอย่าง ไม่ก้าวหน้า จนหนูละทิ้งวิธีนี้ และใช้แบบกำลังทำอะไรอยู่ก็ให้รู้ตัว และดูจิตบ้าง แต่ไม่สม่ำเสมอ วิธีนี้ในหนึ่งวันบางทีรู้ตัวอาจไม่ถึง 1 นาทีค่ะ รบกวนท่านอาจาย์ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ

ถ้าเป็นคำถามที่เลอะเทอะ ต้องกราบขออภัยทุกท่านค่ะ แต่ข้องใจจริงๆ ค่ะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ
พัฒน์

คำตอบ
    (๑). ปัญหาความโกรธแก้ได้สองวิธีคือ ต้องแก้ที่ตัวเอง ด้วยการพัฒนาจิตให้มีศีลคุมอยู่ทุกขณะตื่น สวดมนต์ก่อนนอน หลังสวดมนต์แล้วเสร็จ ให้เจริญอานาปานสติ ประมาณครึ่งชั่วโมงทุกวัน และอีกวิธีหนึ่งต้องให้อภัยเป็นทานอภัยอยู่เสมอ ให้อภัยทุกครั้งที่มีเหตุขัดใจเกิดขึ้น เมื่อใดจิตมีเมตตาเกิดขึ้นแล้ว ปัญหาความโกรธจะไม่เกิดอีกต่อไป

  (๒). ถูกตามความรู้เห็นเข้าใจของผู้ถามปัญหา ผู้ใดพัฒนาจิตจนกระทั่งตั้งมั่นเป็นสมาธิได้แล้ว ผู้นั้นจะไม่มีความฝันเกิดขึ้น

  (๓). ฝันจริงครับ เหตุเป็นเพราะจิตมีกำลังของสมาธิอ่อน

  (๔). การเอาใจไปจดจ่ออยู่กับงานที่ทำ เป็นการพัฒนาจิตให้มีสติได้ จิตใดมีสติกำกับ จิตนั้นมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิ ปัญหาอยู่ที่ว่า การปฏิบัติที่ไม่สม่ำเสมอเป็นจุดอ่อนของผู้ถามปัญหา ควรแก้ไขด้วยการเร่งความเพียร ประพฤติต่อเนื่อง โดยมีสัจจะเป็นเครื่องสนับสนุน
  

1371.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนองผู้มีพระคุณอย่างสูง
 
กระผมขอกราบเรียนถามปัญหาทางธรรมกับอาจารย์
ขออาจารย์ช่วยกระผมผู้มืดบอดด้วยกิเลสด้วยครับ
 
ผมเป็นเกย์ อยู่กับแฟน ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว
ผมอายุ 30  แฟนอายุ 26
อยู่กันด้วยความรัก และต่างคนต่างทำงานเลี้ยงตัวเอง
 
ผมศรัทธาและนับถือพระพุทธศาสนาอย่างมาก
อยากมีโอกาสบรรลุพระธรรมสูงสุดของพระบรมศาสดาผู้มีมหากรุณาธิคุณ
ทุกวันนี้ไม่มีโอกาส ไปปฏิบัติตามสถานที่ฝึกอบรม
ได้แต่พยายามฝึกฝนดูจิตไปพร้อมกับการดำเนินชีวิตประจำวัน
ตั้งใจถือศีล ภาวนาศีล 5 เป็นเครื่องคุ้มกาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์
มีความตั้งใจจริงที่จะหลุดพ้นจากภพชาติ จากสังขารอันเป็นทุกข์
 
แต่มีคนบอกว่า การที่ผมอยู่กับแฟน โดยไม่ได้ขอพ่อขอแม่ ของเค้า
ถือว่าผิดศีลข้อ 3
ทำให้ผมไม่สบายใจมาก
จึงขอเรียนถามอาจารย์ครับ ว่าควรทำอย่างไรดี
เพราะผมกับแฟนเป็นเกย์ ไม่สามารถบอกกับที่บ้านได้อยู่แล้วครับ
ผมไม่อยากผิดศีลข้อ 3 กลัวว่าจะเจริญสติไม่ได้
ขออาจารย์ช่วยให้ทางสว่างด้วยครับ
 
อีกข้อ คือ งานที่ทำ ต้องใช้ความคิดเยอะ คิดละเอียด คิดรอบคอบ
บางครั้งต้องคิดไปในอนาคต คิดเผื่ออนาคต วางแผนล่วงหน้า
เวลาอยู่บ้านก็ต้องคิดงานล่วงหน้า เพราะงานหนัก
ทำให้ผมรู้สึกว่าจิตไม่ค่อยนิ่ง
เพราะไม่สามารถฝึกจิตไปพร้อมกับการใช้ความคิดอย่างหนักได้
อาจารย์เป็นผู้รู้ เป็นผู้มีปัญญาทางโลกอย่างแตกฉาน
ช่วยให้คำแนะนำผมด้วยครับ
 
ขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงครับ
ผมขออนุโมทนาในบุญกุศลที่อาจารย์ได้สร้างนะครับ

คำตอบ
  ลูกที่พ่อแม่ยังมิได้กล่าววาจายกให้กับผู้อื่น หากผู้ถามปัญหาไปประพฤติเสพเมถุนกับลูกของเขา ถือว่าประพฤติผิดศีลข้อ ๓ ทางเลือกมีอยู่สองอย่างคือ ไปขอกับพ่อแม่ให้เขายกแฟนให้ หรือหยุดประพฤติดังที่บอกเล่าไป แล้วพัฒนาตนให้มีทาน ศีล ภาวนาคุ้มครองใจ โดยมีความเพียร มีสัจจะ และมีบุญบารมีเก่าเป็นเครื่องสนับสนุน เมื่อเหตุปัจจัยลงตัว โอกาสปิดอบายภูมิดังที่สิริมาโสเภณีในครั้งพุทธกาลได้ทำให้ดู หรือปฏิบัติทาน ศีล ภาวนา จนพัฒนาจิตพ้นไปจากวัฏสงสาร ดังที่อัมพปาลีโสเภณีในครั้งพุทธกาลได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว ความตั้งใจแน่วแน่ที่จะหลุดพ้นจากภพชาติของผู้ถามปัญหาย่อมเกิดขึ้นได้

อนึ่ง ศีลเป็นเกราะคุ้มกันใจมิให้หวั่นไหว ผู้ใดมีศีลที่ไม่บริสุทธิ์คุมใจ จิตย่อมปรุงอารมณ์หลากหลาย และยิ่งเอาจิตไปจดจ่ออยู่กับอนาคตของงาน จิตย่อมห่างไกลจากปัจจุบันขณะ ความตั้งมั่นเป็นสมาธิของจิตเกิดไม่ได้ครับ
  

1370.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพเป็นอย่างยิ่ง

   ผมก็เป็นคนที่รักในธรรมะ และติดตามผลงานหนังสือของท่านอาจารย์อยู่สม่ำเสมอ     ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือธรรมะมาก ถ้าคิดดูแล้วการอ่านหนังสือธรรมะ อาจเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผมไปแล้วก็ได้    เมื่ออ่านแล้วก็เกิดมีความสุขทางใจ และทำให้เกิดความสงบด้วย...

   ผมมีข้อสงสัยเป็นอย่างมาก   โดยสิ่งที่ผมไม่เข้าใจนั้นอาจดูง่ายในสายตาของผู้อื่น แต่สำหรับผมแล้ว ถ้ายิ่งสงสัย ก็ต้องถามผู้ที่รู้จริง และตอบเราได้อย่างกระจ่างชัด.
คือว่าตอนนี้ผมอายุประมาณ 20 ปี จึงกล่าวได้ว่า ความรู้ทางธรรมของผมยังน้อยมากนัก   ผมมีข้อสงสัยดังนี้ครับ

   1. การสูบบุหรี่ ดื่มน้ำชา กาแฟ   เมื่อทำจนติดเป็นนิสัย   ผลของกรรมนั้น จะทำให้ตกนรกหรือไม่ครับ(เพราะผมเป็นคนหนึ่งติดกาแฟ และบุหรี่ มาก และก็เคยเห็นพระเถระสูบบุหรี่   ฉันหมาก ฉันกาแฟอยู่บ่อยๆ   )

   2. การอ่านหนังสือธรรมะมาก   จะขัดขวางการประพฤติธรรมหรือไม่ (ผมเคยอ่านในหนังสือ ธรรมะเล่มหนึ่ง เลยเกิดความสงสัย)

   3. การปราถนา พุทธภูมิ ไม่ทราบว่า จะมีวิธีปฏิบัติต่อตนเองอย่างไร จึงจะไม่ดูอาจเอื้อมเกินไป.

  ขอขอบพระคุณ อาจารย์   ดร.สนอง วรอุไร เป็นอย่างสูง ที่กรุณาตอบคำถามให้

   ขออนุภาพแห่งธรรม คุ้มครอง ท่านอาจารย์ และครอบครัว และทางชมรมกัลยาณธรรมทุกท่าน ให้สูงยิ่งในธรรม ขึ้นๆไป      ขอบคุณครับ.

คำตอบ
   (๑). คำว่า “ ติด ” หมายถึง ชอบอย่างขาดไม่ได้ อาการที่ข้องอยู่ คงอยู่ ไม่หลุด ฯลฯ

   ฉะนั้นคำว่า “ ติดกาแฟ ” จึงหมายถึงชอบดื่มกาแฟอย่างขาดไม่ได้ เพราะในกาแฟมีสารคาเฟอีน ซึ่งเป็นยาเสพติดอย่างอ่อน แต่มีฤทธิ์อย่างแรงต่อการเต้นของหัวใจ ด้วยเหตุนี้คนที่มีสติอ่อน จึงมีจิตเป็นทาสของสารคาเฟอีน จึงเลิกดื่มกาแฟไม่ได้

  เช่นเดียวกันในบุหรี่มีสารเสพติดอย่างอ่อน เป็นสารพิษที่เรียกว่า นิโคติน ผู้ใดสูบบุหรี่เอาสารนี้เข้าสู่ปอด หรือคนที่อยู่ใกล้คนสูบบุหรี่หายใจสูดเอาควันบุหรี่เข้าสู่ปอด แล้วร่างกายกำจัดออกไม่หมด สารนิโคตินจะถูกสั่งสมอยู่ในปอด ทำให้เป็นมะเร็งปอดได้ ดังนั้นจิตที่ติดกาแฟหรือบุหรี่ เป็นจิตที่มีกำลังของสติอ่อน เป็นจิตหลง (โมหะ) ตายแล้วความหลงมีโอกาสผลักดันจิตวิญญาณไปสู่ภพเดรัจฉานได้ แต่ไม่ถึงภพนรก

   (๒). อ่านหนังสือธรรมะมาก ทำให้จิตมีสัญญาในธรรมะสั่งสมไว้มาก เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรมได้

   (๓). ผู้ใดปรารถนานำพาชีวิตดำเนินไปในแนวทางของพุทธภูมิ ให้ดูตัวอย่างและประพฤติตามปฏิปทาของ ครูบาศรีวิชัย แห่งล้านนา ครูบาบุญชุ่มแห่งถ้ำราชคฤห์ อำเภองาว จังหวัดลำปาง หลวงพ่ออนันต์แห่งวัดพระธาตุแสงแก้วมงคล อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา
  

1369.
เรียน อาจารย์สนอง

  ทางครอบครัวของหนูกลุ้มใจและร้อนใจเพราะแม่มีท่าทีไปรักและชอบคนคราวลูก เขาเป็นลูกน้องที่ช่วยแม่ขายของคะ แม่บอกว่าจะรับเขาเป็นลูก และอยากให้เขาเข้ากับพวกเราทุกคนให้ได้ แต่ความรู้สึกเราไม่แน่ใจว่าแม่รักเขาแค่นั้น เพราะแม่ทั้งผ่อนรถให้เขา และซื้อ notebook ให้เขา ทั้ง ๆ ที่ลูก ๆ อย่างเราเราก็ไม่เคยได้แบบนั้น และเราก็ไม่ได้รวยอะไรเลย เงินที่แม่มี ก็คือ เงินเดือนของเราทุกคนที่ให้แม่ไว้ใช้จ่าย แม่ให้เหตุผลว่าเพื่อใช้ในงานของแม่ แต่กลายเป็นว่า เขาใช้อยู่คนเดียว แต่มันก็มีข้อดีอยู่ตรงที่ว่า เขาก็คอยไปรับส่งแม่เวลาขายของ เพราะเราทุกคนทำงานนอกบ้าน   และแยกครอบครัวไปแล้ว แต่เวลาอื่น ๆ รถก็อยู่กับเขา  

   หนูก็พยายามคิดว่า อะไรที่เป็นความสุขของแม่ก็ให้เขาทำเถิด หนูเลยไม่แน่ใจว่าอะไรผิดอะไรถูก บาปไม่บาป เราควรห้ามเขาไหมคะ แต่ถ้าเราพูด คงบ้านแตกแน่ ๆ เพราะเขาคงไม่ฟังเรา

ปล พ่อหนูเสียไปนานแล้ว และเขาคนนั้นก็ไม่มีลูกเมีย

ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่ช่วยไขความกระจ่าง

คำตอบ
   การตอบแทนพระคุณของแม่ นอกจากส่งเงินให้แล้ว ยังสามารถทำอย่างอื่นได้อีก เช่น นำอาหารไปเลี้ยงดูท่าน ช่วยทำงานแทนท่าน ดำรงวงศ์สกุลไม่ให้เสื่อมเสีย เจ็บป่วยนำท่านไปให้หมอรักษา ฯลฯ ฉะนั้นการส่งเงินให้เป็นหนึ่งในวิธีตอบแทนคุณ หากส่งเงินให้แล้วท่านนำไปใช้ผิดทาง ลูกไม่ส่งให้ไม่ถือว่าผิดธรรม ฉะนั้นพึงเลือกปฏิบัติตามที่เหมาะสม ปฏิบัติแล้วสบายใจนั่นแหละดีที่สุด ผู้รู้ไม่เข้าไปก้าวล่วง เช่น ไม่แนะนำ ไม่สั่งสอน ไม่สั่งให้ใครทำตามที่ต้องการ จึงถือว่าไม่ผิดธรรม
  

1368.
เรียน   อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

ที่ปฏิบัติอยุ่ตอนนี้ คือ

  1. ตื่นตีห้า มาสวดมนต์-เดินจงกรม-นั่งสมาธิ ประมาณ 2 ชม. ส่วนหัวค่ำ สวดมนต์-นั่งสมาธิ ประมาณ 30- 45 นาที
  2. รักษาศีล 5
  3. ช่วงเวลาทำงาน ถ้าว่างจะดูกาย ดูจิตไป แต่จะทำยากเพราะมักจะหลง
  4. ตักบาตร – ทำบุญ – พิมพ์หนังสือธรรมะ สม่ำเสมอ
  5. อ่านหนังสือธรรมะ และเข้าร่วมฟังบรรยายธรรมะ และฟังซีดีธรรมะทุกวัน

ที่ปฏิบัติมานี้ ถูกทางแล้วยังคะ เพื่อที่จะได้ นิพพาน หรืออย่างน้อยในชาตินี้ขอบรรลุโสดาบัน อยากให้อาจารย์แนะนำด้วยค่ะ ว่าต้องทำอะไรอีกบ้าง เพราะมุ่งมั่นมากค่ะ หรือ ควรจะบวชชี เลยดีคะ (ในกรณีหมดภาระดูแลพ่อ-แม่แล้ว)

ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ

คำตอบ
     การดูกายดูจิต แล้วทำให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง ต้องใช้จิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) พิจารณากายและจิตโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) ว่ากายและจิตดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อกายและจิตเข้าสู่ความเป็นอนัตตาได้ ปัญญาเห็นแจ้งในกายและจิตย่อมเกิดขึ้น ผู้รู้ไม่จริงใช้สมองคิดว่า กายและจิตต้องเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ อย่างนี้ความหลงหรือรู้ไม่จริงแท้ย่อมเกิดขึ้น

   อนึ่ง การตักบาตร ทำบุญ พิมพ์หนังสือ ฯลฯ ได้อานิสงส์เป็นเพียงสวรรค์สมบัติ แต่การฟังธรรมฟังซีดี แล้วใช้จิตโยนิโสมนสิการ ทำให้มีโอกาสเข้าถึงดวงตาเห็นธรรมได้ และการเป็นฆราวาสหากปฏิบัติธรรมได้ถูกตรงตามธรรม ย่อมเข้าถึงดวงตาเห็นธรรมได้โดยไม่ต้องบวชเป็นชี
   

1367.
กราบเรียน อาจารย์สนอง ครับ

    ตอนนี้กระผมเรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ศึกษาต่อปริญญาโท ช่วงที่ก่อนมาประเทศอังกฤษทำงานมาสี่ปี ชีวิตออกนอกลู่นอกทางบ้างและใช้ชีวิตด้วยความประมาทมาก รับประทานเหล้าบ่อยมาก แต่ก็ยังมีความรับผิดชอบต่องาน เหตุผลที่มาศึกษาต่อเพราะต้องการก้าวหน้าทางการงานแต่ต้องทำงานที่อังกฤษด้วย และทางบ้านสนับสนุนค่าเรียน ผมจะรับผิดชอบค่ากินอยู่ ตั้งแต่ก่อนผมมาผมมีความสนใจด้านสมาธิมานานแล้วโดยเพิ่งเข้าศึกษาปริญญาโทปีนี้ และรู้สึกเครียดต่อการเรียนมากๆ จนไปรู้จัก อ.สนอง ในรายการทไวไลท์ ของคุณไตรภพ ครั้งนั้นท่านอาจารย์แนะนำว่าให้ฝึกความเชื่อ , ความเพียร , สติ , ศีล และปัญญา ผมก็พยายามฝึก ทุกวันครั้งละสามสิบนาทีและสามารถทำให้ผมมีสมาธิมากขึ้นช่วงนี้ผมจะพยายามนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ พุทธ โธ แต่ก็ไม่รู้ว่าดำเนินมาถูกทางหรือไม่ กระผมจึงอยากให้อาจารย์แนะนำการฝึกด้วยครับ หรือหนังสือช่วยฝึกครับ

   ตั้งแต่ผมมาอยู่นี่ มันทำให้ผมสามารถคิดถึงความดีที่พ่อกับแม่กระทำให้ผมมาและเลี้ยงดูมามากยิ่งขึ้น และเมื่อจบการศึกษา ผมมีความตั้งใจจะบวชทดแทนคุณท่านประกอบกับที่ดูรายการกระผมก็อยากกลับไป พยายามเป็นคนดี และจะช่วยเหลือผู้อื่น อยากจะทำหน้าที่เป็นผู้ให้กับสังคมบ้าง อย่างที่อาจารย์ทำบ้าง

   อยากให้อาจารย์แนะนำสถานที่บวชด้วยครับ บ้านผมอยู่แถวมีนบุรี ความตั้งใจผมอยากจะศึกษาพุทธศาสนา คือในความคิดครั้งแรกผมตั้งใจบวชวัดแถวฉะเชิงเทรา ซึ่งน้องชายเคยบวช และประกอบกับสะดวกคุณพ่อ และคุณแม่ด้วยครับ แต่มาคิดดูอีกที ไหนๆเป็นการบวชเพื่อหาความรู้ด้วย จึงอยากได้ความรู้จากวัด จึงอยากได้คำแนะนำครับ

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณอาจารย์มากๆครับ

นับถืออย่างสูง

คำตอบ
   จากงานวิจัยต่างประเทศพบว่า ผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต ใช้ปัญญาไอคิวร้อยละ ๒๐ ใช้คุณธรรมร้อยละ ๘๐

   ฉะนั้นหากผู้ถามปัญหาประสงค์ความสำเร็จในการเรียน ต้องประพฤติให้ได้ดังนี้
      ๑. มีศีล ๕ บริสุทธิ์คุมใจ
      ๒. มีสัจจะ
      ๓.  มีความเพียร
           •  สวดมนต์ก่อนนอน
           •  เจริญอานาปานสติ ๑๕ - ๓๐ นาที หลังสวดมนต์
      ๔. อุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร

   และในฐานะเป็นชาวพุทธ ควรทำดวงให้ดีด้วยการประพฤติบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ได้แก่ ทาน ศีล ภาวนา ประพฤติอ่อนน้อม ช่วยเหลือผู้อื่น อุทิศความดีให้คนอื่น ยินดีในความดีของคนอื่น ฟังธรรม สั่งสอนธรรม และทำความเห็นให้ตรง

    ส่วนเรื่องอนาคตที่จะกลับไปทำความดีตอบแทนคุณของพ่อแม่ยังมาไม่ถึง ผู้รู้ไม่เอาจิตไปคิด เพราะคิดแล้วยังทำไม่ได้ ประโยชน์ย่อมไม่เกิด
  

1366.

ผมมีศีล 5 เป็นปกติและพยายามพยายามรักษากรรมบท 10 ด้วย
แต่เวลานั่งสมาธิจิตยังฟุ้งอยู่รบกวน อาจารย์ แนะนำหน่อยครับ

คำตอบ
  ศีล ๕ ที่เป็นพื้นฐานให้จิตเข้าสู่ความตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ ต้องเป็นศีลที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย แล้วเอาศีลที่มีลักษณะเช่นนั้นลงคุมใจ ศีลที่มีลักษณะข้างต้น
  
    ๑. ใจไม่คิดเบียดเบียนสัตว์ ไม่คิดฆ่า ไม่คิดกักขัง ผูกล่าม ไม่คิดทำร้าย

    ๒. ใจไม่คิดล่วงอทินนาทาน เช่น ไม่คิดเอาของที่เจ้าของมิได้อนุญาตมาเป็นของตน ไม่ใช้เวลาของหน่วยงานมาทำประโยชน์ส่วนตน ไม่ลอกเลียนแบบ ไม่ก๊อปปี้ซีดีของคนอื่น ฯลฯ

    ๓. ไม่คิดละเมิดกาเมสุมิจฉาจาร เช่น ไม่คิดเสพเมถุน ไม่คิดลวนลามผู้อื่น

    ๔. ไม่คิดพูดเท็จ ไม่คิดพูดให้ร้าย ยุแหย่ให้สังคมแตกแยก

    ๕. ไม่คิดเสพของมึนเมา
         ฯลฯ

     หากผู้ถามปัญหาประพฤติได้ดังนี้ โอกาสพัฒนาจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิย่อมเกิดได้ง่าย
     

1365.
เรียน   อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

    ขออนุญาตเรียกอาจารย์ว่าคุณพ่อนะคะ เนื่องจากหนูอ่านหนังสือของคุณพ่อหลายเล่มแล้ว และรู้สึกเข้าใจง่ายและเหมาะแก่คนที่เริ่มปฎิบัติได้เป็นอย่างดี ตัวหนูเองมีความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม และ เชื่อว่าทำดีย่อมได้ดีทำชั่วย่อมได้ชั่ว ตามพระพุทธพจน์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ค่ะ ดังนั้นหนูจึงพยามยามปฎิบัติธรรมให้ได้มากที่สุด เท่าที่มีโอกาส แต่มีีคำถามหลายอย่างที่อยากจะถามจากผู้รู้ จึงขอความเมตตาคุณพ่อช่วยชี้แนะให้ลูกได้ผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหลาย และได้มีโอกาสมีปัญญาเห็นธรรมด้วยนะคะ คำถามมีดังนี้ค่ะ

   1. ทุกวันนี้หนูพยามสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน และหลังจากสวดมนต์เสร็จจะนั่งสมาธิต่อครั้งละ 30 นาที แต่หนูยังสับสนเรื่องการกำหนดลมหายใจค่ะ เนื่องจากหนูจะกำหนดหายใจเข้า พุท หายใจออก โธ แต่พอหายใจออกทีไรมันจะมีความรู้สึกว่า ต้องกลั้นหายใจไว้ก่อนแล้วค่อยหายใจเข้าต่อไป ทำให้รู้สึกอึดอัดไม่โปร่ง ควรจะแก้อย่างไรดีคะ

   2. คุณพ่อบอกเสมอว่าผู้ปฎิบัติจะสำเร็จได้ต้องมีศิลบริสุทธิ์ ซึ่งหนูอยากจะทำให้ได้ดีที่สุด แต่ความจำเป็นบางอย่างทำให้หนูรู้ว่าศิลตัวเองไม่บริสุทธิ์ คือหนูมีครอบครัวแล้ว และสามีเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีมากค่ะ ส่วนตัวหนูเองมีพี่น้องหลายคน และแต่ละคนมักจะนำปัญหามาให้ต้องแก้ไขเสมอ ซึ่งหลายครั้งที่หนูแก้ปัญหาโดยไม่บอกให้สามีทราบ เนื่องจากเกรงใจและไม่อยากให้สามีตำหนิพี่น้องของเรา หรือเอือมระอากับพี่น้องของเรา ทำให้หลายครั้งที่หนูต้องโกหกสามี หรือ แอบนำเงินที่สามีฝากเข้าบัญชีไว้ ให้เป็นเงินเก็บของครอบครัวโดยสมุดบัญชีเป็นชื่อของหนู ไปให้พี่น้องยืมบ่อยๆ โดยไม่ได้บอกสามีอย่างนี้ถือว่าหนูผิดศิลข้ออนินนา หรือเปล่าคะ และปัจจุบันนี้หนูถูกยืมเงินไปแล้ว ไม่ได้คืนทำให้ไม่มีเงินมาคืนในบัญชีไว้เหมือนเดิม ทุกครั้งเวลาสามีถามถึงจำนวนเงินหนูจะบ่ายเบี่ยง และตอบยอดไม่ตรงกับที่มีอยู่จริงหนูจะทำอย่างไรดีคะ หนูคิดว่าทุกวันนี้ที่หนูนั่งสมาธิไม่เกิดผล คงเนื่องมาจากศิลของหนูไม่บริสุทธิ์ แต่หนูไม่กล้าบอกความจริงกับสามี เนื่องจากสามีเป็นคนใจดี แต่เวลาโมโห ก็แรงมากหนูคิดว่าถ้าสามีรู้คงโกรธมากกกกกกกก   หนูควรจะทำอย่างไรดีคะคุณพ่อ ควรจะบอกความจริงและยอมรับผิด เพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่้งปิดบังโกหกต่อไปดีมั๊ยคะ แต่หนูเองไม่มั่นใจว่าถ้าสามีโกรธและโมโหรุนแรง หนูจะมีสติพอจะตั้งรับได้ดีแค่ไหน รบกวนคุณพ่อช่วยชี้แนะทางสว่างให้กับหนูด้วยค่ะ

   3. หนูเคยมีโอกาสได้ไปปฎิบัติธรรม ที่วัดอัมพวันสิงห์บุรีเป็นเวลา 3 วัน ซึ่งเป็น 3 วันที่หนูตั้งใจดีมาก กลับมาที่บ้านก็ตั้งใจปฎิบัติอย่างต่อเนื่อง โดยมีการสวดมนต์ก่อนนอน หลังจากนั้นจะเดิมจงกรม 30 นาที นั่งสมาธิ 30 นาที 2-3 วันแรกที่ทำหลังกลับจากวัดปฎิบัติได้นิ่งไม่มีอะไร แต่พอวันที่สี่ที่ห้า หลังจากเดิมจงกรมเสร็จ ช่วงเวลาที่นั่งสมาธิหนูรู้สึกปวดหลัง และหงุดหงิดมาก จนไม่สามารถนั่งหลับตาต่อได้ ต้องลืมตาขึ้นมา พอลืมตาก็ไม่รู้สึกอะไร แต่พอหลับตาจะนั่งสมาธิต่อ ก็รู้สึกเหมือนเดิมอีกและรุนแรงมากขึ้น หงุดหงิดไม่มีสาเหตุ หลังปวดไปหมด หนูพยายามกำหนดปวดหนอๆๆๆๆ ไปเรื่อยๆ แต่ไม่สามารถผ่านได้ ต้องยุติการนั่งหลายครั้ง ซึ่งทำให้หนูกลายเป็นคนเสียสัจจะ อย่างนี้การปฎิบัติธรรมของหนู จะมีโอกาสสำเร็จได้หรือไม่ และควรจะทำอย่างไรดีคะ

     สุดท้ายนี้ขอบคุณคุณพ่อและขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ ที่คุณพ่ออุตส่าห์เสียสละเวลา เสียสละตนเอง เพื่อช่วยชี้แนะให้คนด้อยปัญญาอย่างหนูได้มีโอกาสเดินตามรอยเท้าพ่อค่ะ

คำตอบ
  (๑). การบริกรรมเพื่อให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ต้องบริกรรมให้เหมาะกับจริตของแต่ละบุคคล

   (๑.๑) คนที่ชอบรักสวยรักงาม (ราคจริต) เหมาะกับการบริกรรมอสุภะหรือกายคตาสติ

   (๑.๒) คนที่ใจร้อนหงุดหงิด (โทสจริต) เหมาะที่จะบริกรรมวรรณกสิณหรือเจริญเมตตา

   (๑.๓) คนที่เหงาซึม เชื่อคนง่าย (โมหจริต) เหมาะแก่การเจริญอานาปานสติ

   (๑.๔) คนที่มีจิตซาบซึ้งเลื่อมใสโดยง่าย (สัทธาจริต) เหมาะแก่การบริกรรมอนุสติ หกข้อแรก

   (๑.๕) คนที่มีช่างคิดพิจารณา (พุทธิจริต) ควรใช้มรณสติ จตุธาตุววัตถาน ๔ หรืออาหาเรปฏิกูลสัญญา มาบริกรรม

   (๑.๖) คนที่ชอบคิดวกวน คิดฟุ้งซ่าน (วิตกจริต) ควรเจริญอานาปานสติ

   ดังนั้นผู้ถามปัญหาควรลองเลือกวิธีการตามที่เสนอ วิธีใดทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้เร็ว ให้เลือกใช้วิธีนั้น ก็สามารถก้าวข้ามปัญหาที่ถามไปได้

   (๒). สามีประสงค์ให้เป็นเงินเก็บของครอบครัว หากเขามิได้อนุญาตให้ไปใช้อย่างอื่น ผู้ที่นำไปใช้ย่อมผิดศีลข้ออทินนาทาน หากผู้ถามยอมรับความจริง สารภาพความจริง แล้วรักษาสัจจะมิให้ประพฤติทุศีลเกิดขึ้นซ้ำ ปัญหาย่อมผ่านพ้นไปได้

   (๓). นั่งปฏิบัติสมาธิแล้วปวดหลัง ควรลุกขึ้นเดินจงกรม เมื่อใดจิตมีกำลังของสติกล้าแข็ง จึงจะอยู่เหนือทุกขเวทนา (ปวดหลัง) ได้ ด้วยการกำหนดว่า “ ปวดหนอๆๆๆๆ ” จนกว่าอาการปวดหลังหายไป
  

1364.

     ปัจจุบันการจัดงานศพ ใช้เงินมาก เท่าที่ผมเจอ วัดที่หาดใหญ่ ต่ำๆ ประมาณเจ็ดหมื่นบาท คำถามที่จะตั้งนี่ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากจ่ายเงินนะครับ ผมเพียงมาคิดว่า ในเมื่อเราปฎิบัติธรรม นั่งสมาธิ ทำบุญทำทานมาดี ชีวิตวันหน้าก็หวังไปนิพพาน ไม่ยึดติดอะไรอีกแล้ว แม้แต่ร่างกายเรา

     หากผมตายแล้วสั่งคนข้างหลังว่า ถ้าผมตายให้เผาได้เลยไม่เอาพระมาสวด ประมาณว่าตายเช้าเผาเย็น

     ผมจะทำเช่นนี้ได้หรือไม่ การนำพระมาสวดมีผลอะไรต่อดวงวิญญาณเราอย่างไร

     หวังว่าคำถามนี้ท่าน ดร สนอง คงจะได้รับนะครับ   ขอบพระคุณครับ

คำตอบ
    ผู้ใดปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงดวงตาเห็นธรรมได้แล้ว เมื่อจำเป็นต้องทิ้งขันธ์ลาโลก ย่อมไม่ต้องการบุญที่เกิดจากการอุทิศของใครผู้ใด ทั้งนี้เป็นเพราะตัวเองสั่งสมบุญไว้มากพอแล้ว ที่จะนำพาชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์

   อนึ่ง หากผู้ถามปัญหา ได้พัฒนาจิตจนเข้าถึงความเป็นอริยบุคคล แม้เพียงขั้นต้น (โสดาบัน) ได้แล้ว แม้จะนำพระมาสวดให้กับศพ ย่อมไม่มีผลต่อดวงวิญญาณของผู้มีสภาวะจิตเป็นเช่นดังที่กล่าว ฉะนั้นจงดูใจตัวเองให้ออก แล้วคำตอบจะอยู่ที่นั่น
  

1363.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

     ก่อนที่ผมต้องส่งคำถามมาถามท่านอาจารย์ ผมต้องตรองอยู่นานเกรงว่า สิ่งที่ผมถามจะเป็นเรื่องไร้สาระรึเปล่าสำหรับท่านอาจารย์ แต่ผมคงต้องถามไม่งั้นผมคงจะคาใจ แล้วจะปฎิบัติต่อไปไม่ได้ ดังนั้นจึงขอความอนุเคราะห์จากทางท่านอาจารย์ด้วยนะครับ คือกระผมได้เจริญสติตามแต่เวลาเอื้ออำนวย สืบเนื่องมาจากกระผมต้องทำงาน และต้องอ่านหนังสือไปด้วย ทำให้บางทีอาจจะปฎิบัติได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก และเป็นการปฎิบัติตามแนวท่านที่เคยได้ไปปฎิบัติกับทางวัดกรรมฐานแห่งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว ทำให้กระผมเองไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ผมคิดไปเองรึเปล่า ดังนั้นจึงขออนุญาตถามท่านอาจารย์เป็นข้อๆดังต่อไปนี้

   1. คือที่ผ่านมาผมก็ฝึกเจริญสติอยู่ที่บ้านไม่ได้ไปที่วัด แต่ก็ได้ปฎิบัติโดยอาศัยจากคำสอน ที่ท่านพระอาจารย์ท่านหนึ่งเคยให้ไว้ นำมาปฎิบัติประกอบหาจากหนังสือ ของท่านพระอาจารย์ที่มีเผยแพร่ไว้ ซึ่งเมื่อนานมาแล้ว ผมได้ไปปฎิบัติกรรมฐานกับพระอาจารย์ท่านนี้โดยทางวิทยาลัยจัดไปซึ่งเป็นวัด ที่เน้นทางด้านกรรมฐานแห่งหนึ่ง ย่านสิงห์บุรี ซึ่งก็มีการรับกรรมฐานจากท่านพระอาจารย์ อย่างกรณีนี้ถือว่าผมมีอาจารย์กรรมฐานแล้วหรือไม่ครับ หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยได้ปฎิบัติเลยครับ บอกตรงๆนะครับรู้สึกหลายอย่างมันไม่เอื้อเลยครับช่วงนั้น

   2. หลังจากกลับมาจากวัด ผมเองก็ไม่ได้สนใจปฎิบัติมากนัก แต่หลังจากที่ผมได้มีโอกาสบวชทดแทนคุณบุพการี ที่วัดแถวบ้านซึ่งท่านก็สอนการเจริญสติแบบสมถภาวนา ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยสนใจมากนัก และเมื่อได้ลาสิกขาออกมาและได้ฟังเสียงธรรมและเรื่องราวของท่านเจ้าคุณโชดก และพระอาจารย์ท่านนั้น ซึ่งท่านก็เป็นศิษย์ท่านเจ้าคุณอาจารย์เช่นกัน ทำให้ผมเกิดศรัทธาและเสียดาย ที่ไม่ได้ปฎิบัติในสิ่งที่ควรปฎิบัติขณะอยู่ในเพศบรรพชิต เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเริ่มปฎิบัติ

   ผมจึงได้ปฎิบัติเรื่อยมาตามแต่เวลาเอื้ออำนวย ซึ่งขณะเจริญสติผม ณ.ขณะนั้นก็ไม่ค่อยรุ้สึกอะไรมากนัก กล่าวคือไม่รุ้สึกถึงสิ่งต่างๆแบบคน อื่นๆเขา ไม่ว่าจะนิมิตหรืออะไร นอกจากอาการเวทนาต่างๆ พวกปวดโน่น ปวดนี้ หรืออาการคันหรือปิติ ซึ่งอาการดังกล่าวผมเอง ก็ได้กำหนดตามที่เคยได้รับการสอนมา หรือค้นคว้าเพิ่มเติมตามแนวของท่านทั้งสอง ซึ่งผมเคยได้มีโอกาสไปที่คณะห้า ซึ่งทางคณะห้าได้บอกว่าเป็นแนวเดียวกัน ซึ่งผมเองก็ไม่แปลกใจครับ ก็ท่านเป็นศิษย์อาจารย์กันนี่นา นอกจากขณะเจริญสติจะไม่มีอาการใดเด่นชัด ดังเช่นคนอื่นแต่มีอาการวูบซึ่งเกิดทั้งขณะเดินหรือนั่ง ซึ่งอาการแบบนี้เกิดจากอะไรคับ เคยได้ยินมาบ้างว่าอาจเกิดจากอาการง่วง ถ้าอย่างงั้นเราจะรุ้ได้ยังไงว่า อาการดังกล่าวเกิดจากการง่วงจริงหรือเกิดจากอย่างอื่น

   และบางครั้งในขณะที่ไม่ได้เจริญสติ เวลาผมมองร่างกายแล้วมันเหมือนไม่ใช่ของเรา ซึ่งอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นขณะเรามองส่วนนั้นสักระยะ เช่น ขณะล้างมือ เมื่อมองดูมือ เหมือนไม่ใช่มือ ขณะขับถ่าย มองขาเหมือนไม่ใช่ ขา ตัวเอง เป็นต้น ส่วนเวลามองคนอื่นนั้นหากเป็นคนอื่น บางครั้งก็รุ้สึกเช่นเดียวกันแต่ก็ไม่ทุกคน ซึ่งอาการดังกล่าวเพิ่งมาเกิดในช่วงนี้ สืบ เนื่อง จากช่วงนี้จะปฎิบัติมากกว่าช่วงก่อนหน้านี้ครับ และบางครั้งหากไม่ได้เจริญสติอาการนั้นก็ยังมีอยู่ และมีความรุ้สึกอยากจะกลับไปเจริญสติ อาการดังกล่าวผมผิดปกติหรือคิดไปเองรึเปล่าคับ ถ้าผิดปกติมีทางแก้ไหมคับ และจำเป็นไหมที่เราต้องไปสอบอารมณ์ และฟังเทศน์ลำดับญาณ (ซึ่งกรณีหลังผมไม่อยากฟังเนื่องจากกลัวว่าพอฟังไปแล้วจิตจะเกิดสัญญา แล้วจะมีปัญหาในการปฎิบัติ)

   3. ผมอยากให้อาจารย์ช่วยอธิบายเกี่ยวกับพละ 5 ด้วยครับหรือจะชี้ช่องว่าไปหาดูเพิ่มเติมที่ไหนก็ได้ครับ รวมถึงอยากทราบด้วยว่า ขณะที่เราเรียนหนังสือ (คือผมต้องเตรียมตัวสอบเข้ารับราชการ และทำงานไปด้วย ซึ่งก็ไม่เกี่ยวกับที่จะไปสอบเลย ซึ่งผมเรียนมามาสองสาขาครับ)

   เราควรจะปฎิบัติเน้นทางสมถภาวนาดี หรือวิปัสสนาดีครับ และควรใช้เวลาประมาณเท่าใดต่อวัน หรือจะเอาตามที่เวลาเอื้ออำนวย และหาเวลาเพิ่มเติมจากเลิกทำกิจกรรมที่ไม่มีสาระ เช่นดูทีวี และหันมาปฎิบัติแทนครับ และท่านอาจารย์ครับช่วงนี้ผมอยากบอกท่านอาจารย์ว่า ผมเองก็สับสนไปหมดแล้วว่าจะเอายังไงจะเน้นทางโลก หรือทางธรรมดี เพราะทางโลกผมเองก็ยังมีภาระอยู่ครับ ซึ่งก็ต้องรอให้อะไรมันคลี่คลาย แต่ก็กลัวว่าจะหมดอายุเสียก่อนได้ปฎิบัติธรรมอย่างจริงจัง หวังว่าท่านอาจารย์จะอนุเคราะห์ผมด้วย

   ขอบคุณสำหรับความอนุเคราะห์ และความเสียสละของท่านอาจารย์ ที่กรุณามาช่วยไขปัญหาให้ครับ
   และสุดท้ายนี้ต้องขออภัยด้วยถ้าเขียนข้อความวกวน หรือเขียนผิดไปบ้าง ขอขอบคุณอีกครั้งครับ

คำตอบ
   (๑). ที่บอกเล่าไปถือได้ว่ามีอาจารย์ให้กรรมฐานแล้ว

   (๒). ผู้ใดปฏิบัติธรรมอย่างไม่จริงจัง ย่อมเข้าไม่ถึงมรรคผลของธรรมที่ปฏิบัติ ที่บอกเล่าไปเป็นอาการปกติของคนที่มีกำลังสติ กำลังความเพียร กำลังขันติ กำลังปัญญา ฯลฯ อ่อน

   (๓). ผู้ถามปัญหาประสงค์รู้เรื่อง พละ ๕ สามารถหาอ่านได้จากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ของ พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต) และหากประสงค์ให้มีพละ ๕ เกิดขึ้นกับจิตของตัวเอง ต้องนำตัวเข้าปฏิบัติธรรม

   ผู้ใดปรารถนาให้ตัวเองมีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ มีความจำดี มีความขยัน ต้องปฏิบัติสมถกรรมฐาน และผู้ใดปรารถนามีปัญญาเห็นถูกตามธรรม ต้องนำตัวเองเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน โดยมีศีล มีสัจจะ มีความเพียร มีขันติ ฯลฯ เป็นเครื่องสนับสนุนแล้ว ย่อมบรรลุความปรารถนาได้ แต่จะได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับกำลังของคุณธรรมที่พัฒนาได้ รวมถึงบุญบารมีเก่าที่ทำสั่งสมไว้
   

1362.
เรียนท่านอาจารย์ดร.สนอง

ขอเรียนสอบถามเรื่อง ผีสิงหรือผีเข้า

   ขออนุญาติเล่าที่ไปที่มาก่อน คือน้องสาวมีอาการผิดปกติ เหมือนคนป่วย จะรู้สึกกระวนกระวาย ใจไม่ดี ประมาณดึกๆเที่ยงคืนบ่อยไปหาหมอวินิจฉัยโรคจิต มีวันหนึ่ง แสดงอาการเป็นคนอื่น บอกเป็นผีผู้ชาย อยากมาอยู่ด้วย ได้ไปหาคนทรงทำพิธี ทุกอย่าง แล้วอาการดีขึ้น จากนั้นไปปฏิบัติธรรม เพื่ออุทิศส่วนกุศล ให้ผี หลังจากนั้น มีอาการปวดท้อง หมอวินิจฉัย ไส้ติ่ง และผ่าไส้ติ่ง ไปตรวปวดหลัง ขาขวาอ่อนแรง หมอวินิจฉัยกระดูกทับเส้น แต่เอกเรย์ไม่มีอะไร ไปตรวจซ้ำ มีอาการสั่น หมอสงสัยโรคไทรอยด์ เจาะเลือดก็ปกติ ต่อมาน้องสาวจะรู้สึกว่า อึดอัด หายใจไม่ออก ถ้ามีคนที่ทำบุญเยอะๆ เดินเข้าหา และยังหลุดแสดงตัวเป็นผี มีเสียงเปลี่ยน อึดอัด บอกเป็นผีตนเดิมที่ยังอยู่เกาะอยู่ในร่างกาย มาขออยู่ด้วย ได้ไปหาพระอาจารย์หลายวัด ท่านแนะนำทำบุญแผ่ส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร

   ถึงตอนนี้ น้องสาวดีขึ้น แต่ยังรู้สึกว่ายังมีอยู่ในร่างกาย แต่สามารถกำหนดรู้ และบังคับ เวลามีอาการไหลท้องขึ้นมาถึงหน้าอก ยังมีอาการเดินกระเผลก บ้าง แต่จิตใจดีขึ้น แต่ยังอยากให้หายขาด ตั่้งแต่ผีเข้า จน ปัจจุบัน เกือบ 3 เดือนแล้ว ที่ทำอยู่ตอนนี้ ตักบาตร ไปวัด ทำบุญ สวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ แผ่ส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ทุกวัน ทุกวันก็ให้น้องสาวมองบวก ว่าเขามาสอนให้เราปฏิบัติ ในการกำหนดรู้ แต่น้องสาวอยากหายเป็นปกติ

   เรียนขออาจารย์ช่วยเหลือ น้องสาว ให้หายป่วย ด้วยครับ ว่าจะต้องทำวิธีใด
     ขอบพระคุณมากครับ

คำตอบ
  พฤติกรรมที่น้องสาวประพฤติอยู่ขณะนี้ ทำได้ถูกตรงแล้ว แต่จะให้ดียิ่งขึ้น ควรนำตัวเข้าปฏิบัติธรรมที่เป็นหมู่คณะ ยิ่งมีจำนวนนักปฏิบัติธรรมมากยิ่งดี แล้วขอความเมตตาทุกคนที่ร่วมปฏิบัติธรรม อุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของน้องสาว และจะยิ่งดีที่สุด หากน้องสาวปฏิบัติธรรมจนสามารถเข้าถึงดวงตาเห็นธรรมได้แล้ว ปัญหาดังกล่าวย่อมหมดไป
   

1361.
เรียน ดร.สนอง วรอุไร ที่นับถือ

   ดิฉันขอเรียนถามปัญหาที่ดิฉันติดอยู่ในใจมานาน   ดิฉันมีลุงคนหนึ่งเป็นพี่ชายของแม่   ปัจจุบันแกกำลังลำบาก   อยู่ห้องเช่าเพียงคนเดียว มีหลานชายไปมาหาสู่บ้างนานๆ ครั้ง อายุแกก็มากแล้ว   ร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรง   ดิฉันสำนึกว่าแกมีบุญคุณเคยดูแลดิฉันเมื่อพ่อแม่ไม่ว่างเมื่อยามเด็กๆ เคยสั่งสอนอบรมดิฉัน   ปัจจุบันส่งเงินให้แกทุกเดือน ป่วยไข้ก็ส่งเงินไปให้เพิ่มเติม แต่ไม่เคยไปเยี่ยมเยียนเลย   เนื่องจากดิฉันไม่สามารถทำใจได้  

   เมื่อก่อนแกอาศัยอยู่กับครอบครัวลูกเลี้ยงของแก ต่อมามีปัญหากับครอบครัวนั้น   ซึ่งสาเหตุไม่ชัดเจน แต่ประมาณว่า แกไปทำมิดีมิร้าย   กับหลานสาวคนหนึ่ง   จะร้ายแรงแค่ไหน เป็นเรื่องที่ปิดบังกัน   หลานสาวคนนี้ ปัจจุบันสติก็ไม่ค่อยดี   ไม่ทราบว่าเกิดจากเรื่องที่แกกระทำ หรือ เป็นของแกเอง

   เมื่อดิฉันได้ยิน เรื่องนั้นมา   ตอนแรกก็ไม่เชื่อ แต่มีบางอย่างในจิตใต้สำนึก   บอกว่าเชื่อว่าแกทำแน่   บางครั้งเคยหวนคิดไปถึงตอนเด็ก   แกอาบน้ำให้ครั้งนึง   ตอนนั้นแม้เป็นเด็ก รุู้สึกไม่ชอบ และ ก็ไม่อยากให้แกอาบน้ำให้อีกเลย   ส่วนแม่ของดิฉัน   ตัดขาดกับแกอย่างสิ้นเชิง   ไม่รับรู้เรื่องของแกอีก   แกขอมาอาศัยอยู่ที่บ้าน แม่ก็ไม่ให้   พ่อดิฉันก็รังเกียจแก   การส่งเงินให้แกทุกเดือนนั้น   แม่ดิฉันก็ไม่รู้  

   ตอนนี้ ดิฉันรังเกียจแก   รังเกียจพฤติกรรมของแก   แต่พยายามข่มไว้ไม่ให้ใครรู้   แม้แต่แกเอง ก็ไม่เคยแสดงให้รับรู้   ยังส่งเงินให้ทุกเดือน   และสอบถามความเป็นอยู่แกบ้างตามสมควร

   ดิฉันอยากถามว่า การตอบแทนบุญคุณนั้น ทำแค่นี้พอหรือไม่   เราตอบแทนไปตามหน้าที่ โดยจิตใจเราไม่สามารถกำจัด หรือแยกส่วนดี เลวของแกออกจากกันได้   ถือว่าเราตอบแทนบุญคุณพอแล้วหรือไม่  

   การไม่ไปดูแล เยี่ยมเยียน จะถือว่าเนรคุณหรือไม่

   ขอแนวทางในการทำใจในกรณีนี้   และหากมีคำแนะนำอย่างไร   ดิฉันขอน้อมรับไว้เพื่อพยายามปฏิบัติต่อไป  

   ขอให้อาจารย์ เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป   บุญกุศลที่อาจารย์ชี้แนะแนวทางให้แก่ผู้คน ขอเป็นแสงสว่างในทางธรรมให้แก่อาจารย์และครอบครัวตลอดไป

ขอบคุณค่ะ

คำตอบ
    ผู้ใดมีความไม่ชอบใจ (รังเกียจ) เกิดขึ้นกับจิตของตัวเอง ผู้นั้นมีบาปอยู่ในใจ แต่หากผู้ใดเห็นคนอื่นประพฤติไม่ดี แล้วเอาเขามาเป็นครูสอนใจตัวเองว่า เราจะไม่ประพฤติเช่นเขา ผู้นั้นมีบุญเกิดขึ้นกับใจ เจ้าคุณโชดกเคยสอนผู้ตอบปัญหาว่า “ หนีหมาให้ห่างศอก หนีวอก (ลิง) ให้ห่างวา หนีพาลา (คนพาล) ให้หนีห่างไกลลับตา ”

   ฉะนั้น ผู้ถามปัญหาไม่เคยไปเยี่ยมเยียนผู้ถูกสมมุติว่าเป็นลุง มิได้ประพฤติผิดธรรมแต่อย่างใด

   การส่งเงินไปให้ลุง การสอบถามความเป็นอยู่ของลุง เป็นสิ่งที่ประพฤติถูกแล้ว แต่ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น ควรนำหมู่ (หลายคน) ไปเยี่ยมเยือนตามโอกาสอันควร และการไม่ไปเยี่ยมเยือน ไม่ถือว่าเป็นการให้ร้ายผู้มีคุณ (เนรคุณ)
  

1360.
อ้างถึงคำถาม 1354

  เป็นบุญของผมที่อาจารย์ช่วยชี้แนะทางออกให้ ผมต้องการจะปฏิบัติตามที่อาจารย์บอกครับ แต่ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ขอรบกวนอาจารย์ช่วยชี้แนะแนวทางได้ไหมครับ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะขอเรียนพบอาจารย์ได้ไหมครับ หรือจะให้ผมทำอย่างไรก็ได้ครับ
 
  ด้วยความเคารพ

คำตอบ
    ผู้ถามปัญหาต้องพัฒนาจิตด้วยการปฏิบัติสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน จนจิตเข้าถึงอริยธรรมเป็นอย่างน้อยพระอนาคามีให้ได้ก่อน แล้วจึงนำตัวเข้าฝึกสมถกรรมฐานอย่างยิ่งยวด กับพระอริยบุคคลผู้มีประสบการณ์ในการเข้านิโรธสมาบัติ แล้วโอกาสหายจากโรคดังกล่าว จึงจะเป็นไปได้
  

1359.
ถึงท่านดร.สนอง วรอุไร

   1. เรื่องของฮวงจุ้ยและโหราศาสตร์นั้นมีผลต่อชีวิตเราประมาณกี่เปอร์เซนต์ครับ และส่วนในเรื่องของกรรมนั้น มีผลต่อชีวิตของเรากี่เปอร์เซนต์ครับ
 
   2. ผมอยากทราบวิธีที่จะรุ่งเรืองแบบรวดเร็ว และมั่งคั่งในอนาคต ผมรู้ว่าการให้ทานนั้นเป็นเหตุทำให้เรามีทรัพย์มาก แล้วทานแบบไหนที่ให้ผลได้ทันตาเห็นครับ พอผมได้ไปอ่านข้อมูลในเว็บไซด์ ก็ได้เห็นข้อความอันหนึ่งที่ว่า การถวายสังฆทานนั้นอานิสงค์มาก แม้แต่พุทธญาณยังหาที่สิ้นสุดมิได้อันนี้เป็นจริงแน่แท้แล้ว เพราะผมและคุณแม่ได้พิสูจน์แล้วเป็นจริงครับ แต่ตอนนั้นผมและคุณแม่ได้ถวายไปตอนเมื่อต้นปีที่แล้ว แค่หนึ่งครั้งเองโดยที่ผมไม่ซื้อของสำเร็จมาถวาย แต่ซื้อของที่มีคุณภาพมาจัดถวายเอง และเมื่อผมพึ่งได้ไปอ่านหลังสือ ชื่อเรื่อง ความสำเร็จที่มาจากพระพุทธเจ้า นั้นเขาบอกให้ทำทุกเดือน ซึ่งผมเสียดายมากถ้ารู้ก่อนคงจะดีกว่านี้แน่นอน เพราะในหนังสือบอกให้ทำทุกเดือน   ขอให้ผู้ที่อ่านไปลองพิสูจน์ดูนะครับ ซื้อของที่มีคุณภาพมาถวายแล้วสิ่งที่ดีจะกลับมาหาท่านเอง   และกระผมอยากทราบวิธีที่จะเจริญอยากมั่งคั่ง ยั่งยืนเท่าที่ผมรู้มาว่ามีการกตัญญู   รักษาศีล   เจริญภาวนา   กระผมอยากท่านแจกแจงรายละเอียดเพิ่มครับ ว่าจะต้องทำทุกวัน   หรือทำให้ยิ่งขึ้น   หรือทำมากขึ้น และอยากให้ท่านช่วยขี้แนว่าในการทำบุญควรทำอย่างไรบ้างอย่างไร และมีวิธีอย่างอื่นอีกหรือปล่าวครับขอความเมตตาท่านโปรดช่วยชี้แนะโดยละเอียดเพื่อให้ทำเหตุให้ตรงอย่างให้ดีที่สุดครับ   และกระผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะน้อมนำมาปฏิบัติให้เพื่อพิสูจน์ความเป็นจริงต่อไปครับ

  ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ ที่เมตตาแสดงพระธรรมให้แก่กระผมได้ทราบครับ ขออนุโมทนาบุญที่ท่านได้ตอบข้อนี้ครับ   สาธุ    สาธุ   สาธุ

คำตอบ
  ฮวงจุ้ยและโหราศาสตร์มีผลต่อชีวิตของบุคคลกี่เปอร์เซ็นต์ ไม่มีใครตอบได้ถูกตรง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณธรรมที่เก็บบันทึกไว้ในดวงจิตของแต่ละบุคคลมีไม่เท่ากัน และความรู้เกี่ยวกับฮวงจุ้ยหรือความรู้ที่เกี่ยวกับโหราศาสตร์ มิอาจเข้าถึงความจริงในชีวิตของผู้มีสภาวะจิตเป็นอริยบุคคลได้
  

1358.
เรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง   วรอุไร
 
การที่คนที่มากู้เงินแล้วโกงไปอย่างนี้เป็นกรรมที่มาจากดอกเบี้ยที่เราคิดเขาหรือปล่าวครับ
การที่ปล่อยเงินกู้เป็นบาปหรือปล่าวครับ   แล้วต้องปล่อยดอกเบี้ยเท่าไรจึงจะไม่บาปครับ
 
แล้วถ้าคนโกงไปทรัพย์นั้นจะกลับมาหาเรารึปล่าวครับ ขอความเมตตาท่านโปรดให้ขอคิดทางธรรมด้วยครับ

คำตอบ
    การออกเงินกู้แล้วทำให้ผู้กู้เงินเกิดความไม่สบายใจ ถือว่าเป็นบาป ผู้ปล่อยเงินกู้ต้องรับบาปนั้นด้วย การออกเงินกู้ที่ไม่คิดดอกเบี้ย ไม่ถือเป็นบาป

   คนที่โกงทรัพย์ไปแล้ววกกลับเอาทรัพย์มาคืนให้กับผู้เป็นเจ้าของ ไม่เรียกว่าโกงทรัพย์ แต่เรียกว่าเป็นผู้สำนึกผิดในกฎแห่งกรรม
   

1357.
กราบเรียน  ท่านอาจารย์ดร. สนองที่เคราพอย่างสูง

   ผมเปิดร้านขายแว่นตา และคอนแทคเลนส์มาได้สามปีกว่า ปีแรกยอดขายไม่ดีนัก จึงมีลูกค้าแนะนำให้นำคอนแทคเลนส์จากเกาหลี ที่มีคุณภาพสูงกว่าเลนส์ทั่วๆไปมาขาย และประกอบกับการบริการ และแนะนำสินค้าอย่างตรงไปตรงมา และคิดถึงความปลอดภัย และประโยชน์ของลูกค้าเป็นหลัก จึงมียอดขายดีขึ้นเป็นลำดับ จึงอยากเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายโดยการเปิดเว๊ปไซด์ แต่เนื่องจากในช่วงนั้นรายได้ยังไม่มากพอ จึงนำเงินที่ได้จากคุณยายมาลงทุน ซึ่งเดิมผมตั้งใจว่าจะนำเงินจำนวนนี้ไปทำบุญ แต่กะว่าขอเอามาลงทุนทำเว๊ปก่อน พอมีกำไรจะเอาไปทำบุญตามที่ตั้งใจ ซึ่งเปิดเว๊ปผ่านไป 1 ปี ก็ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ยอดขายที่หน้าร้านกลับดีขึ้นเรื่อยๆ จากการบอกต่อของลูกค้าประจำจึงเก็บเงินแต่งานได้สำเร็จเมื่อต้นปี 52 และขายดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปลายปีคุณยายป่วยหนัก เราจึงนำเงินไปช่วยค่ารักษาพยาบาล คุณยายเป็นจำนวนเท่ากับที่คุณยายได้ให้มาในความก่อน ต่อมาเราก็ตั้งใจจะทำเว๊ปไซด์กันอีกครั้ง แต่ก็มีความติดขัน และอุปสรรค์เกิดขึ้นหลายอย่างที่ยังไม่สามารถเปิดเว๊ปไซด์ได้ จึงขอความกรุณา ดร . สนอง โปรดชี้แนะและให้ปัญญากับผมและภรรยาด้วยครับ

   ผมได้ทำสมาธิด้วยตัวเองมาเป็นเวลา 5-6 ปี เมื่อมีข้อสงสัยก็อ่านหนังสือคุณดังตฤณเพื่อชี้ทางบ้าง ต่อมาได้รู้จักกับภรรยา ก่อนที่จะได้แต่งงานกัน ก็ได้รู้จักกับน้าหมอหล ซึ่งเป็นที่เคารพของครอบครัวภรรยา จึงได้อ่านหนังสือของ  ท่านอาจารย์ ดร. สนองและได้ยึดเป็นแนวทางมาตลอด กระทั่งปลายปี 51 ได้ฝันว่า ผมไปนั่งรวมกับคนหลายคน กลางบ้านเรือนไทยหลังใหญ่  ไม่นานจากนั้นทุกคนก็หมอบกราบ พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นปลายเท้า และจีวรสีส้ม แล้วท่านก็นั่งลงบนเก้าอี้แล้วเรียกให้ผมเข้าไปหา ผมจึงคลานเข้าไป ท่านจึงพูดขึ้นว่า “ อย่างมึง ต้องได้กูเป็นครูบาอาจารย์ก่อน จึงจะก้าวหน้า “ ผมได้ยินแล้วดีใจมาก ก้มลงกราบเท้าแล้วน้ำตาก็ไหลไม่หยุด พอรู้สึกตัวตื่นก็ทำให้สงสัยว่าท่านที่รูปร่างท้วมมาก แต่ไม่ท้วมเท่ากับท่านพุทธทาส เป็นใคร เดือนมกราคมปี 52 ผมบวชได้ 2 วัน ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง หนังสือเล่นนี้ได้ตอบคำถามที่ผมสงสัยในขณะทำสมาธิได้อย่างหายสงสัย ซึ่งก่อนนี้ถามใครก็ไม่ได้คำตอบที่กระจ่างใจ เมื่อพลิกดูภาพท่านที่หน้าปก จีงมั่นใจได้ทันที ว่าเป็นองค์เดียวกับที่ได้เจอในฝันคือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เคยปรึกษากับน้าหมอหลว่าทำอย่างไรจะได้เจอกับครูบาอาจารย์ ท่านแนะนำให้ไปอธิฐานจิตในสถานที่ศักดิ์สิทธิ   ผมก็ไปที่เขาคิชฌกูฏ เมื่อปลายเดือนมีนาคม ปี 52 แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ จึงขอความกรุณาจาก ท่านอาจารย์ ดร . สนอง มีสิ่งใดที่ผมควรทำต่อไปได้บ้างครับ

      ต้นเดือน กุมภาพันธ์ ปี 53 นี้ ผมและภรรยาจะเดินทางไปทำบุญ ที่วัดของครูบาน้อย พร้อมกับน้าหมอหล หากไม่เป็นการเกินวิสัยที่ผมจะพึงได้ ขอให้ผมและครอบครัวได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับ ท่านอาจารย์ ดร . สนองด้วยครับ

ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ ดร.สนองอย่างสูง ที่กรุณาชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่กระผมและครอบครัว

กานต์ เกราะเพ็ชร

คำตอบ
   การทำธุรกิจให้เจริญ เจ้าของธุรกิจต้องปฏิบัติตนให้มีคุณธรรม อย่างน้อยดังนี้
     ๑. มีศีล ๕ คุมใจ
     ๒. บำเพ็ญทานอยู่เสมอ
     ๓. มีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีอุปการะ (ลูกค้า พ่อแม่ ยาย ฯลฯ)
     ๔. มีความซื่อสัตย์ต่อผู้มาใช้บริการ (ลูกค้า)
     ๕. ทำธุรกิจโดยมีอิทธิบาท ๔ เป็นเครื่องสนับสนุน
     ๖.  ต้องเว้นอบายมุข
           ฯลฯ

1356.
กราบอนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์ค่ะ

    หนูต้องการตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ด้วยการแนะนำท่านให้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ด้วยเวลาที่มีจำกัด และสุขภาพที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งต้องผ่าตัดในเร็วๆนี้      จึงขอความกรุณาท่านอาจารย์แนะนำอาจารย์หรือกัลยาณมิตรผู้ที่มีเมตตาสอนวิปัสสนาที่ถูกต้อง ตรงแนวของพระพุทธองค์ที่สุด ในเวลาอันจำกัด   เพื่อให้เป็นอริยทรัพย์ติดตัวไปทุกชาติ   ทุกภพ  

ขออนุโมนาบุญอีกครั้งค่ะ

พัฒน์

คำตอบ
    ผู้ใดมีสุขภาพกายไม่ดี จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด หรือผู้ใดมีสุขภาพกายดี ไม่ต้องเข้ารับการบำบัดจากหมอ

   ลมหายใจเข้าออกเป็นกัลยาณมิตรที่ดี
เพราะอยู่กับเราตั้งแต่แรกเกิด จนบัดนี้ยังทำหน้าที่ได้อย่างซื่อตรง ฉะนั้นควรประพฤติดีต่อกัลยาณมิตร ด้วยการหายใจเข้ากำหนด “ พุท ” หายใจออกกำหนดว่า “ โธ ” กำหนด “ พุท-โธ ” ทุกครั้งที่มีจิตระลึกได้ถึงเพื่อนดีคนนี้ และกำหนดทุกครั้งที่ว่างจากการทำงานภายนอก คือหมดภาระที่ต้องทำให้กับสังคมแล้ว ต้องทำงานให้กับเพื่อนดีคนนี้

อนึ่ง พระสารีบุตรกล่าวว่า การมีสติระลึกได้ในกาย (กายคตาสติ) เป็นกัลยาณมิตรที่ดีที่สุด
  

1355.
    สวัสดีค่ะอาจารย์   หนูติดตามอาจารย์มานานค่ะ ขอเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ
 
   1. หนูนั่งสมาธิมา ปีกว่าแล้วค่ะ บางครั้งนั่งได้นานเป็น 1-2 ชม.แต่หนูยังไม่ก้าวหน้าเลยค่ะ ยังไม่สามารถเห็นกายดับได้โดยใช้จิต ไม่ใช้สมอง แต่หนูสามารถดับเวทนาได้คือ เมื่อปวดก็กำหนด ปวดหนอ ตามดูตำแหน่งที่ปวด อาการปวดก็ชาแล้วหายไป   2-3 รอบค่ะ หนูควรทำอย่างไรต่อไปคะ
 
  2. หนูไม่ได้เดินจงกรมค่ะ เพราะจิตไม่นิ่งค่ะ ได้ไม้คะ
 
  3. หนูอยู่ชลบุรี วันที่ 17 มค.นี้เป็นวันเกิด ขอพรจากอาจารย์ด้วยค่ะ    และตั้งใจจะไปปฏิบัติธรรมอยากให้อาจารย์แนะนำสถานที่ด้วยค่ะ  

คำตอบ
   
(๑). การแก้ปัญหาเรื่องเวทนา (ปวดขา) ทำได้ถูกวิธีแล้ว ให้ดำเนินต่อไป เมื่อใดจิตเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิจวนแน่วแน่(อุปจารสมาธิ) ได้แล้ว ให้นำจิตไปตามดูกาย เวทนา จิต ธรรม ว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อใดจิตเห็นผัสสะที่เกิดขึ้น เข้าสู่ความเป็นอนัตตา ปัญญาเห็นแจ้งในผัสสะย่อมเกิดขึ้นเมื่อนั้น

   (๒). การเดินจงกรมเป็นอิริยาบถใหญ่ เมื่อใช้จิตระลึกอยู่กับเท้าที่ก้าวเดิน สมาธิย่อมเกิดขึ้นได้ง่ายกว่านั่งบริกรรม ฉะนั้นผู้ปฏิบัติธรรมที่หวังความก้าวหน้าในสมาธิ ต้องนั่งบริกรรมสลับกับการเดินจงกรม ผู้ตอบปัญหาใช้อิริยาบถใหญ่ (ยืน เดิน นั่ง นอน) และอิริยาบถย่อย (กิน ดื่ม พูด ดู ฟัง ฯลฯ) มาเป็นเครื่องมือใช้ในการพัฒนาจิตด้วยในครั้งที่ไปปฏิบัติธรรมอยู่กับเจ้าคุณโชดก

   (๓). ประพฤติตนให้มีศีล มีสัจจะ มีความเพียรได้แล้ว คุณธรรมทั้งสามอย่างนี้คือพรที่ให้กับผู้ถามปัญหา ส่วนสถานที่ปฏิบัติธรรมแนะนำให้ไปปฏิบัติที่วัดอโศการาม
   

1354.
เรียนท่านอาจารย์ที่เคารพ
 
  ผมอยากเรียนถาม อาจารย์ว่า
 
 1. กรรมอันใดที่ทำให้เราต้องไปเกิดติดเอาเชื้อโรคร้ายแรงมา คือเชื้อ HIV
 2. เราจะมีวิธีรักษาโรคร้ายแรงนี้ โดยการใช้ธรรมมะช่วยได้ไหมครับ     ถ้ามีขออาจารย์โปรดชี้แนะหนทางด้วยนะครับ

 
  ด้วยความเคารพครับ

คำตอบ
   (๑). ประพฤติผิดศีลข้อสามหรือเคยประพฤติเบียดเบียน ด้วยการนำเชื้อโรคเข้าตัวผู้อื่นมาก่อน

   (๒). ช่วยได้ แต่ผู้ถามปัญหาจะทำได้หรือไม่ คือพัฒนาจิตให้เข้าถึงภาวะนิโรธสมาบัติอย่างน้อยสามวัน
   

1353.
เรียนอาจารย์ที่เคารพอย่างสูง
       มีปัญหาอยากเรียนถามอาจารย์ว่าหากเคยผิดคำอธิษฐานต่อพระพุทธรูปและพระที่เราเคารพด้วยการระลึกถึง จะมีวิธีการใดเป็นการแก้ไขเพื่อขอขมากรรมและแสดงถึงความสำนึกผิดได้บ้างค่ะ   ( ความจริงแล้ว วิบากกรรมที่ผิดต่อคำอธิษฐานได้เกิดขึ้นแล้ว  )  สิ่งที่ได้ทำไปแล้วคือ   ทำสมาธิ ระลึกจิตขอขมาต่อท่าน ที่ได้ผิดคำอธิษฐาน   แล้วยังมีสิ่งใดที่ควรทำเพิ่มเติมหรือไม่คะ   เพราะเกรงว่า จะมีวิบากกรรมที่ยาวนาน กว่าการผิดคำพูดทั่วไป

ขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างยิ่งค่ะ

คำตอบ
  การขอขมากรรมที่เคยประพฤติผิดคำอธิษฐานเป็นเรื่องที่ทำได้ ด้วยการสวดมนต์ต่อหน้าพระพุทธรูป หรือต่อองค์พระธาตุเจดีย์ เสร็จแล้วกล่าวขอขมาโทษที่ได้ประพฤติผิดคำอธิษฐาน และให้สัจจะว่าจะไม่ประพฤติผิดคำอธิษฐานอีก ผู้ใดประพฤติเช่นนี้แล้วรักษาสัจจะไว้ได้ โทษย่อมไม่มีกับผู้นั้น

หลวงพ่อธีร์ แห่งถ้ำวัวอนัตตา ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ บอกกับผู้ตอบปัญหาว่า
“
ผู้ใดเห็นสรรพสิ่งเป็นอนัตตา โทษย่อมถูกยกเลิกโดยปริยาย ”
  

1352.
เรียน อ.ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพ

   ผมขอถาม คำถามพื้นๆ แต่คำตอบไม่ชัดสักที คือ
กินเนื้อสัตว์ ไม่บาปจริงหรือ ??? ตามเหตุที่อ้างอิงจากพระไตรปิฎก ทั้งๆที่เรารู้ว่า จะมีเนื้อกิน ก็ต้องมีการฆ่า
ดังนั้น หากเราส่งเสริมการกินเนื้อ ชอบการกินเนื้อ ก็เท่ากับ ส่งเสริมการฆ่า ส่งเสริมให้ผู้อื่นฆ่า ทำบาปยิ่งขึ้น
( เพราะ เรารู้อยู่แล้วว่า ทำอย่างไร จึงได้เนื้อมาทำอาหาร) เปรียบไปแล้ว ก็เท่ากับ รับซื้อของโจร ซึ่งผิดกฏหมายแน่นอน มีกรณีเดียว ที่จะไม่บาป คือ ได้เนื้อมาจากการตายโดยธรรมชาติของสัตว์นั้นๆ
นี่คือ ข้อสงสัยในชีวิตมากๆ แต่ทุกคนล้วนตอบตามพระไตรปิฏกจนผม ตั้งข้อสงสัย ว่า พระไตรปิฏก นั่นเป็นการแต่งเอาเองภายหลัง ตามจริตผู้แต่งสมัยนั้นๆ ปัจจุบัน มีหลักฐานทางการแพทย์มากมาย ระบุว่ามังสวิรัตินั้น มีผลดีต่อร่างกาย ยิ่งกว่า เช่น เป็นมะเร็ง ไม่ควรกินเนื้อ ไขมันจากสัตว์ นั้นอันตรายกว่าพืช ฯลฯ ช้าง ม้า วัว ควาย กินพืช ตัวโตจัง โตเร็วด้วย หรือว่า นี่คือ อวิชชา เรื่องหนึ่งของมนุษย์


ด้วยความเคารพยิ่ง
ยุทธ   กัลยา

คำตอบ
   พระพุทธะตรัสสอนชาวกาลามะ มิให้ปลงใจเชื่อในเรื่องสิบอย่าง หนึ่งในนั้นคือ มิให้ปลงใจเชื่อด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์ ฉะนั้นหากผู้ถามปัญหาประสงค์จะเข้าให้ถึงแก่นแท้ของความจริง เรื่องการกิน
เนื้อสัตว์ว่าเป็นบาปหรือไม่ ขออภัยต้องวางพระไตรปิฎกลงชั่วคราว แล้วนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรม จนเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้เมื่อใดแล้ว ความสงสัยเรื่องการกินเนื้อสัตว์ย่อมหมดไป

   พระอริยสงฆ์หลายรูป (ขอไม่เอ่ยนาม) ยังบริโภคเนื้อสัตว์ก็สามารถพัฒนาจิตจนเข้าถึงธรรมที่ทำให้เป็นอริยบุคคลได้ อริยบุคคลไม่สงสัยในเรื่องที่ถามครับ
  

1351.
เรียน อาจารย์ดร.สนอง

หนูมีสองคำถาม รบกวนอ.ตอบเป็นแนวทางเพื่อการปฎิบัติต่อไปนะคะ

1  อาจารย์คิดว่าจะมีกลยุทธ์ใดที่จะช่วยทำให้คนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ทั้งระดับนักเรียน นักศึกษา และวัยทำงานรวมถึงเกษียญอายุ ได้มีโอกาสในการสัมผัสแก่นคำสอนของพระพุทธเจ้าที่กระชับ สั้น เข้าใจง่าย และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงบ้างค่ะ   

2  เวลาฟังเทศน์ หนูมักจะมีอาการขนลุกค่ะ   อาการแบบนี้เกิดขึ้นเพราะอะไรค่ะ อากาศก็ไม่ได้หนาวค่ะ

ขอบพระคุณในความเมตตาล่วงหน้าค่ะ

ยิ้มๆ
ตาล

คำตอบ
   (๑). ต้องพิสูจน์คำสอนในพุทธศาสนา ด้วยนำตัวเองไปปฏิบัติธรรม โดยมีศีล สัจจะและความเพียรเป็นเครื่องสนับสนุน นี่แหละเป็นกลยุทธที่ดีที่สุด ในการเข้าให้ถึงแก่นของพุทธศาสนา

   (๒). อาการขนลุกเกิดขึ้น เพราะจิตเริ่มตั้งมั่นเป็นสมาธิ
   

 

 

 

 

 

 

browser stats