1

 

 

 

                                                       
คำถาม-คำตอบ ข้อ 2351-2400
2400.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นลูกกราบขออภัยท่านอาจารย์มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ที่เขียนคำถามมาเรียนถามท่านลูกอ่านคำถามที่สหธรรมมิกรวมถึงปุถุชน ที่ได้ถามคำถามท่านอาจารย์มามากมายจนเกือบ  3000 คำถาม ลูกได้อ่านคำตอบที่อาจารย์ได้ตอบไปนั้น แต่ลูกไม่สามารถที่จะอ่านทั้ง 3000 สนทนาธรรมนั้นได้ทั้งหมดและลูกไม่แน่ใจว่า คำถามของลูกอาจจะมีผู้ใดได้ถามท่านแล้ว จึงกราบขออภัยท่านอาจารย์ มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะลูกมิได้มีเจตนาจะทำให้อาจารย์เหนื่อยล้าแต่อย่างใด ขออาจารย์โปรดให้ความรู้เห็นแจ้งด้วยเถิดค่ะ

ในสมัยเด็กๆย่าให้หลานๆทุกคน สวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนทุกคืน แม้กระทั่งเจริญเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ลูกไปทำบุญที่วัดในวันสำคัญทางพุทธศาสนาลูกไม่เคยเข้าถึงธรรมเลย   รู้แต่ว่าต้องทำเพราะย่าสอนให้ทำบุญๆเยอะจะได้ขึ้นสวรรค์ จนกระทั่งเมื่อปลายปี ๒๕๕๕ ลูกได้อ่านหนังสือ "เตรียมตัวก่อนตาย" ของอาจารย์ที่สหธรรมมิกท่านหนึ่งได้ให้หนังสือเล่มนี้แก่ลูกมา ลูกขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ ที่ได้เปิดประตูธรรมแก่ลูกจนเกิดปัญญาเห็นแจ้ง หลังจากนั้นลูกได้พิมพ์หาชื่อของอาจารย์ทางอินเตอร์เนต จนได้รู้ว่านอกจากหนังสือเล่มแรกที่ลูกได้อ่านนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการบรรยายธรรมที่ท่านอาจารย์ได้เสียสละเวลามากมาย บรรยายเผยแพร่ธรรมะ ของพระพุทธะ เพื่อเป็นแสงสว่างนำทางชีวิต ให้กับมวลชนอีกทั้งมหากุศลกรรมที่อาจารย์ทุ่มเทแรงกายแรงใจ บรรยายเผยแพร่ธรรมะ อาจารย์ยัง อธิษฐานให้แก่ทุกท่านที่เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมได้มีดวงตาเห็นธรรม ถือเป็นบุญอันยิ่งใหญ่โดยแท้   และลูกตั้งใจที่จะปฏิบัติธรรม เพื่อพิสูจน์ตามที่ท่านอาจารย์ได้บรรยายไว้ในเรื่องของการปฏิบัติ การอธิษฐานจิต การนั่งสมาธิเพื่อสู่ความทรงฌาณ ไปพัฒนาปัญญาสูงสุด (ภาวนามยปัญญา)   ที่ลูกได้ฟังผ่านทาง Youtube และลูกขอกราบขอบพระคุณ ชมรมกัลยาณธรรมมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะคำถามของลูกก็คือ

  ๑) ด้วยความที่ลูกได้ฟังการบรรยายของอาจารย์ผ่าน You Tube และมีบทบรรยาย (ของพระอาจารย์ท่านอื่น) ในเรื่องของการระลึกชาติและมีผู้แสดงความคิดเห็นท่านหนึ่งได้บอกว่า "  ผมก็ระลึกชาติได้ และเห็นอนาคต แต่มันไม่ใช่สิ่งที่มีความสำคัญ ? ในการดำเนินชีวิตเท่าไร

การที่เราเห็นอดีต หรือ อนาคต อาจทำให้เราเสียชีวิตเร็ว ยิ่งขึ้นถ้าเราเปิดเผยความลับ ของสวรรค์ผมเกือบโดน ไอ้ดำจับตัวเอา ไปฆ่าตายหลายครั้งแล้ว ถ้าคนระลึกชาติได้จริงจะรู้ว่าไ ? อ้ดำคือ อะไร "   ลูกมิได้ลังเลหรือคิดจะล้มเลิก   การปฏิบัติสมาธิเพื่อสู่ความทรงฌาณ ไปพัฒนาปัญญาสูงสุด (ภาวนามยปัญญา) แต่ความหมายของผู้แสดงความคิดเห็นนี้เป็นจริงหรือไม่คะ แล้วไอ้ดำคืออะไรคะ เนื่องจากลูกยังไม่พบอาจารย์ที่จะมาสอนธรรม แก่ลูกแต่ลูกรู้ว่าต้องทำบุญใหญ่แล้วอธิษฐานจิต ตามที่อาจารย์ได้บรรยายและตอบคำถามจากหลายๆคำถามสนทนาธรรม เมื่อถึงเวลาลูกก็จะเจอท่านเอง  

   ๒)ก่อนหน้านี้(ก่อนที่จะได้รู้ธรรมจากอาจารย์) ลูกมักจะมีความฝันถึงเสียงๆหนึ่่งที่ไม่สามารถแยกได้ว่าคือ เสียงของผู้หญิงหรือผู้ชายไม่เห็นหน้า ได้ยินแต่เสียง  ท่านจะมาบอกหลายๆสิ่งกับลูก และสิ่งนั้นก็มักจะเกิดขึ้นจริงเสมอ ซึ่งเป็นเรื่องที่เหนือธรรมชาติมาก และครั้งหนึ่งปี ๒๕๕๔ ลูกได้ฝันถึงเสียงนั้นอีก ท่านบอกว่า

ปีหน้า(๒๕๕๕) ลูกจะตายแล้วนะให้หมั่นทำความดีไว้เยอะๆ จะได้ไม่ตกนรก ด้วยความที่หลายครั้งสิ่งที่ฝันนี้มักเกิดขึ้นจริง และลูกยังมีห่วงคือลูกเพิ่งมีลูกชายได้เพียงขวบเศษเท่านั้น ลูกจึงได้ปรึกษากับสหธรรมมิกท่านหนึ่ง ท่านจึงได้ให้ลูกคุยกับผู้รู้ ซึ่งผู้รู้ท่านนี้ปฏิบัติเคร่งครัด สายธรรมของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน

ท่านบอกให้ลูกอธิษฐานจิตต่อหน้าพระพุทธรูป ว่าลูกขอมีชีวิตอยู่ต่อโดยปวารณาตนเป็นศากยมุนี ทำความดี ละเว้นเนื้อสัตว์ทุกวันพระ และไถ่ชีวิตสัตว์ที่กำลังจะถึงฆาตทุกครั้งที่มีโอกาส ซึ่งลูกก็ปฏิบัติเรื่อยมาโดยยึดศีล ๕ เป็นหลักเพื่อดูแลลูกน้อยอันเป็นเหตุแห่งห่วงนี้ คำถามคือจริงๆแล้วหากเราถึงเวลาที่ต้องสิ้นอายุขัยแล้วเราสามารถต่ออายุได้โดยการอธิษฐานจิตใช่หรือไม่คะ    
  
   ๓)ด้วยเหตุปัจจัยจากข้อ ๒ ในปี ๒๕๕๕ ที่ผ่านมานี้สุขภาพของลูกแย่มาก ลูกต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลถึง ๓ครั้ง ด้วยเหตุแห่งการเจ็บเหมือนกันคือลูกหกล้มแรงมาก ล้มจนข้อเท้าซ้ายพลิกจากหลังเป็นหน้า และก็ล้มแล้วล้มอีกจนกระดูกข้อเท้าแตก เส้นเอ็นฉีก ไม่สามารถยืนนานๆได้ เกิดการอักเสบบ่อยครั้ง จนต้องผ่าตัดเอากระดูกที่แตกออกแต่ยังโชคดีที่เส้นเอ็นนั้นไม่ได้เกาะอยู่ตรงกระดูกข้อเ้ท้าที่แตก จึงไม่ต้องร้อยน็อต ตอนหลังจากผ่าตัดกระดูกข้อเท่านั้นเจ็บปวดทรมานมาก ปวดจนนอนไม่หลับ หลังผ่าตัดลูกเดินได้ปกติ แต่ยังมีล้มอยู่อีกหลายครั้ง ซึ่งครั้งที่หนักที่สุดคือ เมื่อวันพระของเดือนมกราคม ๒๕๕๖ ซึ่งวันนั้นลูกตั้งใจจะไปซื้อโต๊ะหมู่บูชา เพื่อสวดมนต์ไหว้พระและปฏิบัติสมาธิภายในห้องพระ ตั้งใจว่าจะนอนห้องพระทุกๆวันพระ ซึ่งลูกละเว้นจากการทานเนื้อสัตว์อยู่แล้ว แต่แล้ววันนั้นลูกก็ตกจากฟุตบาทสูงประมาณ ๒๐ เซ็นติเมตร ทั้งๆที่ลูกเห็นว่ามีฟุตบาทอยู่ แต่ตอนที่ก้าวเท้าลงไปนั้นเสมือนกับลูกไม่มีขา ลูกก็ล้มจนขาพลิกจากหน้าเป็นหลังอีก มันเจ็บมากค่ะ เจ็บจนร้องไห้ สามีบอกให้ไปโรงพยาบาลแต่ลูกปฏิเสธ และค่อยๆเดินไปให้ถึงร้านขายโต๊ะหมู่บูชา ทุกอย่างก้าวที่เดินตอนนั้น มันช่างทรมานเหลือเกิน แต่ลูกก็อดทนต่อความเจ็บปวดนั้นแล้วภาวนาอยู่ในใจว่า เจ็บหนอๆ จนกระทั่งสามารถซื้อโต๊ะหมู่บูชากลับบ้านได้สำเร็จ ซึ่งเหตุจากการล้มและเจ็บแต่ขาข้างซ้ายนี้ ทำให้ลูกระลึกว่าในอดีตชาติลูกคงไป ทำให้ขาข้างซ้ายใครเขาเจ็บมาก จนสหธรรมมิกท่านเดิมแนะนำให้ไปหาองค์พิฆเนศ ซึ่งท่านจะเข้าประทับทรงทุกๆวันพฤหัส (ลูกเพิ่งอ่านคำถาม-คำตอบสนทนาธรรม ของอาจารย์เมื่อสักครู่ ซึ่งมันเป็น ความประพฤติที่เป็นเดรัจฉานวิชา ( เข้าทรง ) มิใช่ปฏิปทานำพาชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์ ผู้ใดไม่ประพฤติตามพฤติกรรมหลงๆเช่นนั้น ไม่ถือว่าเป็นบาป) ลูกคงบาปแล้วล่ะค่ะ เพราะองค์พิฆเนศท่านว่าท่านเห็นผู้ชายและผู้หญิง (เจ้ากรรมนายเวร) ตามหนูอยู่ คนหนึ่งขาซ้ายขาดจากหัวเข้าลงมา คนนึงขาซ้ายขาดตั้งแต่โคนขา ท่านบอกว่าอดีตชาติลูกขับรถชนคนทั้งสองนี้ แล้วไม่หันกลับไปมอง จนเค้าทั้งสองต้องเจ็บปวดทรมานจนตาย ลูกก็คิดในใจว่าลูกเกิดในปี พศ ๒๕๒๕ แล้วอดีตชาติของลูกคงจะเกิดในสมัย รศ แล้วลูกจะมีรถขับได้อย่างไร เหมือนท่านรู้ความคิดเราท่านเลบอกว่า รู้ได้เท่าที่ควรรู้ บอกได้เท่าที่ควรบอก ลูกก็เลยไม่ได้ถามท่านต่อเลยค่ะ คำถามคือ จากเหตุปัจจัยนี้มีความเป็นไปได้ไหมคะ ที่ลูกขับรถชนคนตายในอดีตชาติ และหากลูกปฏิบัติ สมาธิเพื่อสู่ความทรงฌาณ ไปพัฒนาปัญญาสูงสุด ลูกจะสามารถระลึกชาติได้ใช่ไหมคะ  

ท้ายนี้ลูกขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย ดลบันดาลให้อาจารย์สนอง วรอุไร ผู้เปิดประตูธรรมแก่ลูกและมวลชนทั้งหลาย จงมีแต่ความสุขความเจริญสำเร็จมรรคผล ตามที่อาจารย์ปรารถนาด้วยเทอญ  

สรันยา

คำตอบ
     ( ๑ ). ถามไปว่า “ไอ้ดำคืออะไร” หากผู้ตอบปัญหาบอกไปก็เป็นเพียงสัญญา แต่หากผู้ถามปัญหาพัฒนาจิต ( สมถภาวนา ) จนตั้งมั่นเป็นสมาธิแน่วแน่ ( ฌาน ) แล้วนำจิตออกจากฌานพร้อมอธิษฐานขอเห็นไอ้ดำ ทิพพจักขุของผู้เข้าฌานได้ ย่อมรู้ เห็น เข้าใจ ถูกตรงตามเป็นจริงว่า “ไอ้ดำคืออะไร” แล้วความสงสัยจะไม่เกิดกับผู้ถามปัญหาอีกต่อไป

     ( ๒ ). การอธิษฐานจิตเพียงอย่างเดียว ไม่สมารถยืดอายุของรูปขันธ์ได้ แต่หากบุคคลประพฤติกุศลกรรมอยู่เสมอ ย่อมยึดอายุของรูปขันธ์ให้ยืนยาวออกไปได้ จงดูเหลี่ยวฝานเป็นตัวอย่าง

     ในครั้งพุทธกาลที่พระพุทธโคดมยังไม่เข้านิพพาน พระองค์ได้ชวนพระอานนท์ไปที่ป่าวาตเจดีย์ ( แคว้นวัชชี ) แล้วตรัสในทำนองที่ว่า “อิทธิบาท ๔ ผู้ใดเจริญให้มากแล้ว จะอธิษฐานให้มีอายุขัย ๑ กัปหรือมากกว่า ย่อมทำได้”

     เช่นเดียวกันในยุคปัจจุบัน หญิงชรา ( อุ๊ย ) ที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย หมอในโรงพยาบาลบอกว่า “จากสถิติของคนที่เป็นมะเร็งระยะนี้ จะมีอายุอยู่ได้ไม่เกิน ๕ เดือน” แต่หญิงชราได้กำหนดลมหายใจแบบ “พุทโธ” “ธัมโม” “สังโฆ” สามารถยืดอายุให้ยืนยาวออกไปถึง ๕ ปี จึงได้เสียชีวิต

     ( ๓ ). หากผู้ถามปัญหาศรัทธาในคำสอนของพระพุทธโคดม ต้องไม่ปลงใจเชื่อตามหลักกาลามสูตร ๑๐ ข้อ แต่ควรปฏิบัติธรรมแล้วอุทิศบุญใหญ่ให้เจ้ากรรมนายเวรทุกครั้งที่ปฏิบัติธรรมแล้วเสร็จ เพื่อให้หนี้เวรกรรมลดน้อยถอยลง จนหมดไปในที่สุด หรือไม่เช่นนั้น ต้องปฏิบัติธรรมจนสามารถปิดอบายภูมิได้ หรือนำพาชีวิตไปเกิดในสุทธาวาสพรหมโลก และจะดีที่สุดหากเข้าสู่นิพพานได้ แล้วหนี้เวรกรรมที่เหลือทั้งหมด ย่อมถูกยกเลิก ( อโหสิ ) ไปโดยปริยาย
 

2399.
กราบเรียนอาจารย์ ดร. สนอง วรอุไร

ดิฉันเป็นคนคิดมากค่ะ คิดตลอดเวลา จนทุกข์ พยายามนั่งสมาธิเป็นประจำ แต่นั่งทีไร ไม่ฟุ้งไปก็หลงไป มันก็รู้ว่าหลงว่าฟุ้งนะคะ แต่มันหยุดไม่ได้ คิดตลอด แล้วก็รู้สึกไม่ชอบ ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ เหนื่อย ไม่พัฒนาไปไหนบ้างเหรอทำมาก็นานแล้วนะ เป็นอย่างนี้ตลอด จนตอนนี้ท้อแท้ เหนื่อย ไม่อยากปฎิบัติต่อ ไม่อยากเป็นคนดีแล้ว  แต่ดิฉันอยากจะหมดทุกข์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ในชาตินี้ (อยากได้โสดาบัน แต่มันคงไปไม่ได้) อาจารย์พอจะช่วยแนะนำแนวทางในการปฎิบัติธรรม เพื่อให้ดิฉันหน่อยได้ไหมคะ เผื่อว่ามีอะไรติดขัดที่ดิฉันไม่รู้ตัวจะได้แก้ไข อาจารย์เป็นความหวังท้ายที่จะเหนี่ยวรั้งจิตใจในตอนนี้  เมตตาดิฉันด้วยเถอะนะคะ

ขอบพระคุณค่ะ

ไหม

คำตอบ
    จิตฟุ้งมีอารมณ์มาก เหตุเป็นเพราะใจไม่มีศีลบริสุทธิ์คุ้ม ผู้ใดมีศีลที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ( มีศีลครบ ) และมีศีลไม่ด่าง ไม่พร้อย ( ไม่มีกิเลสปนเปื้อน ) ผู้นั้นฝึกสมถกรรมฐานแล้ว จิตย่อมตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ง่าย ดังนั้นพึงดูที่ใจตัวเองแล้วปรับแก้ไขให้ถูกตรง ความสมปรารถนาจึงจะเกิดขึ้น
 

2398.
กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

ผมมีปัญหาหลายเรื่องที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับธรรมะจึงใคร่ขอความเมตตาจากอาจารย์ครับ
1. ผมอยากทราบว่าเวลาเรานั่งสมาธิไปนาน ๆ ประมาณหนึ่งชั่วโมงขึ้นไปแล้ว เวลาเราจะออกต้องทำยังไงครับ เพราะผมนั่งได้มากที่สุด 2 ชั่วโมงแต่เป็นแบบวิธีเก่า มีการสั่นตัวตามที่เขาบอกแต่ไม่ได้สั่นจริง และลดฌาณลงมา และเวลาออกจะไม่รู้สึกปวดเลย แต่ลองมาทำตามวิธีที่กำหนดลมหายใจเข้าออก พุธโธ หรือยุบหนอ พองหนอ
นั่งไปได้สัก 40 นาที พอออกมาลุกไม่ได้เลยปวดขา จนต้องนั่งอยู่นิ่ง ๆ สักพักจึงจะลุกได้ จะกราบพระยังไม่ได้เลย เรามีวิธีแก้ไหมครับ หรือว่าผมออกสมาธิผิดวิธี เพราะไม่รู้ว่าเขาออกกันยังไง ช่วยอธิบายได้ไหมครับ

2. ผมอยากทราบว่าผมสามารถโหลดไฟล์วีดีโอ หรือไฟล์เสียง   MP3 การบรรยายของอาจารย์ได้ไหมครับ
ตามที่ต่าง ๆ ที่เขาให้เราโหลด หรือได้ดู แต่การโหลดนี้เพื่อนำมาฟังเป็นการส่วนตัและไม่ได้นำไปให้คนอื่น
หรือเพื่อการค้าใด ๆ เลย จะได้ไหมครับ เพราะมีคนบอกผมว่าถ้าทำแบบนั้นจะปฏิบัติไม่ขึ้น ถ้าได้ผมสามารถนำ การบรรยายธรรมนี้ไปเผยแพร่ให้คนอื่นได้ไหมครับ โดยไม่เป็นการค้าใด ๆ

3. การถือศีล 8 ถ้าเราผิดศีลสามารถต่อได้ทุกข้อไหมครับ เพราะปัจจุบันผมถือศีล 8 ทุกวันพระ วันธรรมดาถือศีล 5 แต่ก็มีผิดบ้างแต่ต่อตลอด ไม่รู้ว่าจะได้ไหมครับ มีคนกล่าวว่ามีศีลให้ขาดดีกว่าไม่มีศีลเลย

4. เพื่อนที่ทำงานผมพยายามให้ผมกลับมาเป็นเหมือนเดิมคือเลิดถือศีลและมาเป็นแบบคนทั่วไป เลยพยายาม
ทำทุกอย่างให้ผมผิดศีล ผมอยากทราบว่าเขาจะบาปไหม และผมควรแก้ไขอย่างไรในเมื่อยังต้องอยู่ร่วมกัน
ทุกวัน เขาบอกว่าสิ่งที่ผมทำเป็นการทำร้ายตัวเองและเป็นบาปมากกว่าเสียอีกคือเบียดเบียนตนเอง เขาไม่ยอมรับ ฟังธรรมเลย บอกว่าเหลวไหลถ้าดีอย่างนั้นทุกคนก็สบายกันหมดแล้วสิ แต่ผมก็เฉย ๆ เพราะผมก็ไม่ได้เชื่อครับ แต่ผมอยากพิสุจน์คำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด

5. ผมมักจะถูกแกล้งบ่อย ๆ ในที่ทำงาน เพราะตั้งแต่ผมมาถือศีลผมไม่ค่อยตอบโต้ใคร มักจะยอมเขาแต่ก็ไม่ได้ทุกอย่าง นะครับ ผมพยายามไม่โกรธทั้งที่ถูกยั่วยุต่าง ๆ นา ๆ แต่บางครั้งมันก็เหลือทนบ้าง อย่างนี้ผมจะบาปไหมครับ

6. หากผมได้มีโอกาสได้ไปทำบุญกับพระโพธิสัตว์ หรือพระอรหันต์ ในขณะที่ท่านออกนิโรธสมาบัติ ผมอยากทราบว่า บุญที่ผมได้รับจากการถวายอาหามื้อแรกนั้นจะส่งผลใน 7 วันหรือชาตินี้ไหมครับ เพราะเคยได้ยินมาอย่างนั้น แต่ถ้า การถวายอาหารครั้งนั้นเป็นการถวายหมู่หลายๆ คน บุญที่ทุกคนได้จะเป็นแบบ ทิฏฐ ธรรม เวทนียกรรม . ทุกคนไหมครับ
เพราะมีคนเคยบอกว่าบุญที่ได้ใน 7 วันต้องทำคนเดียวและทำในชั่วโมงแรกเท่านั้น

สุดท้ายผมขอให้อาจารย์อโหสิกรรมในการกระทำใด ๆ ของผมที่มีต่ออาจารย์ด้วยความตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี
และผมขอให้อาจารย์และครอบครับ มีสุขภาพแข็งแรงตลอดไปครับ

คำตอบ
     ( ๑ ). ก่อนนั่งสมาธิต้องอธิษฐานว่า จะนั่งปฏิบัติสมถกรรมฐานเป็นเวลานานเท่าใด พอถึงกำหนดเวลาจิตจะถอนออกจากสมาธิโดยอัตโนมัติ

     การปฏิบัติสมถภาวนาวิธีใด เมื่อนำมาปฏิบัติแล้ว จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ดี และเมื่อถอนจิตออกจากสมาธิแล้วไม่มีปัญหาเกิดขึ้น ควรใช้กรรมฐานบทนั้นมาเป็นองค์บริกรรม

     ( ๒ ). ได้ครับ แต่ควรขออนุญาตไปทางชมรมกัลยาณธรรมในฐานะผู้ผลิต web site ด้วย

     ( ๓ ). ผู้ใดมีสัจจะคุมใจ จะถือศีล ๕ หรือ ศีล ๘ ย่อมมีศีลคุมใจอยู่ครบทุกข้อ คือ ศีลไม่ขาด ไม่ทะลุ

     ( ๔ ). บาปครับ เพื่อนดี ( กัลยาณมิตร ) ย่อมป้องกันไม่ให้เราทำชั่ว และยังชักชวนให้เราทำดีอีกด้วย ดังนั้นเพื่อนที่เห็นผิดไปจากธรรม ( ปาปมิตร ) ควรคบไว้ให้ห่าง แล้วเราจะไม่มีชีวิตวิบัติเหมือนเขา

     ( ๕ ). จงมีสติและดูให้ออกว่า ผู้ที่กลั่นแกล้งเราเป็นผู้มีคุณ เขาทำให้เราได้สร้างขันติบารมี ผู้ใดถูกกลั่นแกล้งแล้วให้อภัยเขาได้ ผู้นั้นย่อมมีบุญเกิดขึ้น ตรงกันข้าม หากทนไม่ได้แล้วตอบโต้ ให้ผลเป็นบาป

                                                  ( ๖ ). ทำบุญกับผู้ออกจากนิโรธสมาบัติเป็นคนแรก ย่อมได้อานิสงส์ตอบกลับมาแรง หากมีเหตุปัจจัยลงตัวแล้ว ย่อมได้ผลดีในชาตินี้ และยังส่งผลถึงชาติหน้าอีกด้วย การถวายทานเป็นหมู่ ( หลายคน ) ทุกคนย่อมได้รับผลดีเมื่อบุญให้ผล และหากมีเหตุปัจจัยถึงพร้อม โอกาสที่บุญจะให้ผลภายใน ๗ วัน ย่อมมีได้ สุดท้าย … .. อโหสิครับ
 
2396.
กราบเรียน อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพ

    หนูต้องขอขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูง ที่เคยตอบปัญหาให้ความกระจ่างกับหนูค่ะ ตอนนี้หนูมีปัญหาสงสัยจะถามอาจารย์ค่ะ

    หนูเพิ่งคุยกับน้าสาวที่อเมริกาถึงเรื่องของแม่หนูที่เสียชีวิตไป น้าไม่ค่อยพอใจที่พวกหนูไม่เก็บอัฐิของแม่ไว้ แต่น้าได้บอกให้ป้าไปทำพิธีที่วัด และทำที่อยู่ให้แม่กับพ่อของหนูที่เสียชีวิตไปนานแล้วอยู่ด้วยกัน น้าบอกว่าฝันเห็นแม่กับพ่อของหนูอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข หนูบอกกับน้าว่า ก่อนนอนหนูจะสวดมนต์ นั่งสมาธิ และอุทิศบุญกุศลไปให้กับแม่ โดยเอ่ยชื่อพ่อกับแม่ด้วย แต่น้าบอกว่าไม่เหมือนกับการไปทำบุญสังฆทาน และฟังพระสวดที่วัด การที่หนูทำอย่างนี้จะได้กับตัวหนูเองมากกว่า หนูก็เลยไม่อยากจะเถียงกับน้าค่ะ เพราะดูเหมือนน้าจะคิดว่าหนูไม่เชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ ซึ่งจริงๆแล้วหนูเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้าค่ะ หนูรบกวนถามอาจารย์ค่ะว่า  

   1. หนูอุทิศบุญกุศลให้พ่อกับแม่ด้วยการสวดมนต์ นั่งสมาธิ ก่อนนอนทุกคืนไม่ให้ขาดแม้แต่วันเดียว หนูทำถูกต้องแล้วใช่ไหมคะ พ่อกับแม่จะได้รับบุญไหมคะ

   2. หนูไม่เคยฝันเห็นพ่อกับแม่เลย (พ่อหนูเสียตั้งแต่หนู 2 ขวบ) น้าบอกว่าเพราะพวกหนูไม่ค่อยได้ไปทำบุญ ถวายสังฆทาน กรวดน้ำไปให้ ซึ่งต้องไปทำที่วัด ฟังพระสวด คำพูดของน้าถูกหรือไม่คะ แต่น้าบอกว่าน้าจะฝันเห็นแม่กับพ่อของหนูบ่อย (น้าจะไปวัดทุกวันเสาร์ ถวายอาหารพระ)

   3. หนูทำถูกต้องแล้วใช่ไหมคะ ที่ไม่เถียงกับน้าเรื่องการลอยอัฐิของแม่ไปหมด ไม่ใช่พวกหนูไม่รักแม่ แต่พวกหนูมองว่าเมื่อเรามาจากธรรมชาติ เราจากไปแล้วก็ต้องคืนสู่ธรรมชาติ แม้แต่พวกหนูเ้องก็จะไม่ให้ลูกหลานเก็บไว้ แต่น้ามองว่าเราเป็นลูกควรเก็บไว้สักนิดก็ยังดี

    สุดท้ายนี้หนูขอรบกวนอาจารย์เพียงเท่านี้นะคะ และขอขอบพระคุณอาจารย์ที่กรุณาตอบปัญหาของหนูค่ะ ขอให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงค่ะ

คำตอบ
     ผู้เห็นผิดแนะนำแบบโลกๆ พระพุทธโคดมเป็นผู้เห็นถูกตามธรรม มิได้แนะนำเช่นนั้น

     ( ๑ ). ทำถูกต้องแล้ว ผู้ที่ตายไปเกิดเป็นปรฑัตชีวีเปรตเท่านั้นที่ต้องการบุญจากการอุทิศ แต่มีเงื่อนไขว่า เขาต้องมาอนุโมทนาบุญ จึงจะได้รับส่วนบุญที่อุทิศไปให้ หากตายไปเกิดอยู่ในภพอื่นที่เป็นสุคติ เขามีบุญมากอยู่แล้วจึงไม่ต้องการบุญ หรือไปเกิดในภพที่การสื่อสารไปไม่ถึง หรือภพที่ต้องเสวยอกุศลวิบากล้วนๆก็มารับบุญไม่ได้

     ( ๒ ). คำพูดของน้าถูกตรงตามความเห็นของเขา แต่ไม่ถูกตามความเห็นของผู้เข้าถึงธรรม เช่น พุทธสาวก พุทธสาวิกา ในพุทธศาสนา

     ( ๓ ). เมื่อถึงวาระสิ้นสุดการใช้งาน ก็ต้องคืนสิ่งที่ขอยืมมาใช้ชั่วคราว กลับสู่ธรรมชาติดั้งเดิม นั่นเป็นความเห็นที่ถูกตรงตามธรรม
 

2295.
กราบเรียน อาจารย์ ดร.สนองที่เคารพ

ดิฉันชื่อเบญจวรรณ อยู่ประเทศเยอรนีค่ะ มีครอบครัวและมีลูกสองคนค่ะ ดูแลลูก บ้าน และทำงานด้วยค่ะ    ได้มีโอกาสอ่านหนังสือธรรมะ เมื่อตอนชีวิตทุกข์มากๆ   ก็พยายามปฏิบัติตามหนังสือ ก็เรียกว่า เดินไปแบบปูน่ะค่ะ ไม่มีอาจารย์คอยสอน   เข้าไปในอินเตอร์เนตเป็นส่วนใหญ่   เวลากลับเมืองไทยก็ไม่มีโอกาสไปปฏิบัติแบบจริงๆจังๆ   เมื่อปีที่แล้วได้มีพระท่านที่มาแนะนำให้ปฏิบัติแบบเจริญสติ โดยให้ซีดีของท่านอาจารย์กำพลค่ะ ดิฉันได้ฟังและเริ่มปฏิบัติ พบว่า ถูกกับจริตของดิฉันค่ะ พบว่ามีความก้าวหน้าบ้าง รู้สึกว่า จิตไม่ทุกข์เหมือนเมื่อก่อนค่ะ     เวลาโกรธ(สามี) ก็จะเห็นกองไฟในอก ก็ดูกองไฟไปค่ะ บางทีสุข ก็ดูตัวสุข แต่ว่า ดิฉันขาดความต่อเนื่อง   เวลาที่ยุ่งมากๆ ก็ละการปฏิบัติ มารู้ตัวอีกทีก็ อ้าว   หายไปค่อนวัน(รู้สึกว่า ตัวเองแย่มาก คือ   แบบว่า...สติหายอีกแล้วเรา)   แต่ถ้าตัวกระทบแรงๆมาก   จิตก็จะรวมตัวกำหนดสติอัติโนมัติค่ะ   ทำงานคล้ายๆระบบ   Self-defence mechanism  พอเสร็จภาระกิจหมด จะเข้านอน นั่นแหละค่ะ ถึงจะมีสติ   ก็จะสวดมนต์ก่อนนอน   นั่งสมาธิประมาณ 30 นาที ก็ได้แค่พอสงบค่ะ เติมกำลังใจค่ะ    แต่บางทีก็นั่งสมาธิหลับในไปเลยค่ะ เนื่องจากเหนื่อย   แต่ถ้าเป็นเวลาปรกติที่อยู่คนเดียว ไม่มีคนอื่น คือลูก หรือสามีอยู่   ก็จะกำหนดสติบ้าง ฟังธรรมะบ้าง ไปได้เรื่อยๆ เวลาทำความสะอาดบ้าน    เช่นสวดอิติปิโส เวลาเดินทาง ไปทำงาน   เหล่านี้เป็นต้นค่ะ  

ดิฉันขอความกรุณาอาจารย์ช่วยแนะนำ การปฏิบัติที่ถูกต้องให้ด้วยค่ะ    และดิฉันได้ฟังธรรมะของอาจารย์ สิ่งหนึ่งที่คิดอยู่ตลอดเวลาเรื่องอาจารย์ผู้สอนกรรมฐานค่ะ   สองสามปีที่ผ่านมา ก็พยายามอธิษฐานขอให้ได้พบกัลยณมิตรและอาจารย์มาแนะนำเรื่องแนวทางการปฏิบัติที่เหมาะ   แต่เนื่องจากอยู่เมืองนอกก็เป็นการลำบากค่ะ   เวลาไปเมืองไทย เนื่องจากสำนักวิปัสนาภาวนามีมากเหลือเกิน ดิฉันก็ไม่มีใครที่มาในทางปฏิบัติที่พอจะชี้แนะได้   ก็เลยไม่ทราบว่าตัวเองควรจะไปที่ไหนดี   บางท่านก็มีความเห็นว่า ที่ไหนก็เหมือนกัน   แต่ดิฉันมีความคิดเห็นที่ตรงข้ามค่ะ สำหรับตัวดิฉัน ศรัทธาในตัวครูอาจารย์ เป็นสิ่งสำคัญค่ะ   การที่ครูจะให้เราทำแบบหลับตา หรือแบบคนตาบอด คนจะทำได้ก็ต่อเมื่อ มีความศรัทธาและมั่นใจในตัวครูค่ะ   และจะเป็นการวางพื้นฐานให้กับตัวดิฉันด้วยค่ะ   จะได้นำเป็นเส้นทาง(สายเอก) ปฏิบัติต่อไปค่ะ

ดิฉันอยากจะกลับพร้อมลูกซัมเมอร์นี้ประมาณเดือนสิงหาคมค่ะ   โดยมีจิตแน่วแน่อยู่เพื่อใช้เวลากับพ่อและแม่ให้มากที่สุด และอีกเรื่องคือ เรียนการปฏิบัติที่ถูกต้องจากครูอาจารย์ค่ะ   ดิฉันเป็นคนภูเก็ต ค่ะ เคยไปเรียนที่ม เชียงใหม่ และเคยอยู่กรุงเทพค่ะ   รบกวนอาจารย์เมตตาสงเคราะห์ ให้ดิฉันได้มีโอกาสเดินในเส้นทางสายเอกด้วยนะเจ้าคะ ขอคำแนะนำครูบาอาจารย์และสถานที่ให้ด้วยนะคะ   ถ้าเป็นจังหวัดเหล่านี้ดิฉันคุ้นเคยค่ะ แต่ถ้าเป็นจังหวัดอื่น ก็จะดั้นด้นไปค่ะ  

กราบขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ

เบญจวรรณ

คำตอบ
      ครูที่สอนกรรมฐานได้อย่างถูกตรง ไม่สำคัญเท่ากับศิษย์ ต้องปฏิบัติตามคำสอนให้ถูกตรงด้วย การเข้าถึงธรรมที่ปฏิบัติจึงจะเกิดขึ้น คำสอนที่ถูกตรงคือ

( ๑ ). ต้องมีอย่างน้อยศีล ๕ ลงคุมให้ถึงใจ หมายความว่า กาย วาจา ใจ มีศีลคุมอยู่ทุกขณะตื่น

( ๒ ). ใจมีสัจจะ

( ๓ ). ปฏิบัติได้ถูกตรงตามคำสอนโดยไม่สงสัย ( แนะนำเจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ จังหวัดอยุธยา )

( ๔ ). เร่งความเพียร คือปฏิบัติให้มากชั่วโมงในรอบวัน

( ๕ ). ไม่พูด ไม่ดูสิ่งรอบข้าง ไม่อ่านหนังสือ ไม่ฟังวิทยุ แต่ฟังผู้สอนชี้แนะ

( ๖ ). อุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เมื่อปฏิบัติธรรมแล้วเสร็จในรอบวัน

ผู้ใดเอาชนะใจตัวเองได้ การเข้าถึงธรรมเป็นเรื่องไม่ยาก
 

2394.
กราบเรียนถามท่านอาจารย์ดร.สนอง วรอุไรค่ะ

คนทีี่ทำไม่ดีกับบิดา หรือมารดา ต้องรับกรรมหรือวิบากกรรมอย่างที่เราทราบกันดี แต่ถ้าลูกเขยหรือลูกสะใภ้ทำไม่ดีกับบิดา-มารดาของสามีหรือของภรรยา จะต้องรับวิบากกรรมหรือไม่ อย่างไรคะ น้องสะใภ้ กินข้าวยังต้องให้แม่สามีล้างให้เกือบทุกวัน ไม่มีความเคารพในตัวแม่ของสามีเลยค่ะ เราเป็นลูกสาวเห็นเค้าทำไม่ดีกับแม่ของตัวเอง ก็อดทุกข์ใจแทนแม่ไม่ได้ค่ะ  

กราบขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
     ทำกรรมไม่ดีไว้เป็นเหตุ เมื่อกรรมให้ผลเป็นอกุศลวิบาก ผู้ทำเหตุไว้ไม่ดีจึงต้องรับผลของอกุศลวิบากนั้น

การใช้ให้ผู้อื่นทำงานแทนตน เมื่อกรรมให้ผล ตนเองต้องเสวยอกุศลวิบากนั้น คือต้องเป็นคนใช้ของเขา ดังนั้นผู้รู้จริงจึงระมัดระวังในการดำเนินชีวิต คือกระทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง

เห็นคนอื่นทำไม่ดีกับแม่แล้วไปทุกข์แทนแม่ นั่นคือคนที่ยังเห็นไม่ถูกตามธรรม ผู้รู้จริงแท้ไม่เอาเรื่องของคนอื่นมาทับถมใจตัวเอง ผู้รู้จริงแท้ดูคนที่ทำไม่ดีเป็นครูสอนใจตัวเองว่า เราจะไม่ประพฤติเช่นเขา แล้วเราจะไม่ต้องรับใช้คนอื่นเหมือนแม่ที่ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
 

2393.
กราบเรียนท่านอาจารย์ดร.สนอง วรอุไร

ดิฉันมีปัญหารบกวนถามท่านอาจารย์ดังนี้ค่ะ

ดิฉัน อาศัยอยู่ที่ต่างประเทศ และได้ฟังท่านอาจารย์บรรยาย จากทางยูทูปรวมถึงถ้ามีโอกาสกลับไปเมืองไทย ก็จะเข้ารับฟังการบรรยายธรรมจากท่านอาจารย์ ดิฉันก็ได้เริ่มถือศีลห้า สวดมนต์ นั่งสมาธิ มาได้หลายเดือนแล้วค่ะ และมีความตั้งใจให้มีศีลคุมใจเพื่อให้การปฎิบัติก้าวหน้าขึ้น.

ปัญหาของดิฉันมีอยู่ว่า . ดิฉันได้ไปซื้อหอยแมลงภู่ที่แพคขายในซุปเปอร์ด้วยดิฉันคิดว่า หอยเหล่านั้นตายแล้วเพราะอยู่ในกล่องที่ไม่มีอากาศมาสองวันแล้ว. จึงทำอาหารโดยการนึ่ง และแกะเนื้อไว้ทำอย่างอื่น

ตอนหลังสามีได้มาอ่านที่ด้านหน้ากล่องที่แพคว่ามีชีวิต ดิฉันรู้สึกว่าได้เบียดเบียนชีวิตสัตว์โดยที่ไม่ทราบว่าเขาเหล่านั้นยังมีชีวิต

ดิฉันกลัวว่าจะมีเวรมีกรรมต่อกัน จึงอยากขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์ค่ะ

สุดท้ายนี้ กายกรรม วจีกรรม. มโนกรรมใดที่ข้าพเจ้าล่วงเกิน ขอท่านอาจารย์อโหสิกรรมให้ข้าพเจ้าด้วย

ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ได้เมตตาค่ะ

คำตอบ
    คำว่า “ปาณาติบาต” ที่มีระบุไว้ในเบญจศีลข้อแรก หมายถึงการทำให้จิตวิญญาณของสัตว์ แยกออกจากร่างที่เข้าอยู่อาศัย เจตนาเป็นตัวกำหนดการกระทำ ( กรรม ) ขณะไปซื้อหอยแมลงภู่ที่บรรจุในกล่องแช่เย็นขาย ผู้ซื้อคิดว่าเป็นหอยที่ตายแล้ว จึงไม่ถือว่าผิดศีล แต่เมื่อรู้จากการบอกเล่าของผู้อื่นว่า “เป็นหอยที่ยังมีชีวิต” ต้องเลิกซื้อหอยแมลงภู่มาทำเป็นอาหาร จึงจะไม่ผิดศีลข้อปาณาติบาต … . สุดท้ายอโหสิให้
 

2392.
กราบ อ. ดร. สนอง ที่เคารพ

ผมได้ฟัง ซีดี บรรยายธรมมะของอาจารย์   ผมมีคำถามเกี่ยวกับ สัจจะ อธิษฐาน หรือ สัญญา ที่เคยตั้งไว้ อธิษฐานไว้  

เมื่ออายุมากขึ้น โตขึ้น ความคิดเปลี่ยน ตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันที่เคยตั้งคำสัญญา อธิษฐานไว้ ต่อหน้าประปฏิมา หลายข้อ ได้ทำตามที่อธิษฐานไว้บ้าง ไม่ได้ทำบ้าง แต่ขณะปัจจุบันนี้เมื่อระลึกถึงสิ่งที่ตนเองที่เคยตั้งสัญญา อธิษฐานไว้ ประเมินแล้วอาจเป็นไปไม่ได้   ผมมีคำถามดังนี้ ครับ

1. คำสัญญา อธิษฐาน ที่ตัวเองเคยตั้งไว้ ทั้งที่ระลึกได้และไม่ได้ ถ้ามีข้อที่ไม่ได้ทำตาม จะมีผลอย่างไรต่อชีวิตนี้ และ ชีวิตหลังความตาย ?

2. ถ้าต้องการจะตั้งคำสัญญา อธิษฐาน ปรับปรุงให้สอดคล้องกับปัจจุบันขณะและความเป็นไปได้ ควรทำอย่างไร ?

ขอขอบพระคุณอาจารย์มากครับ

คำตอบ
     คำว่า “สัจจะ” หมายถึง ความสัตย์

    คำว่า “อธิษฐาน” หมายถึง การตั้งจิตปรารถนาในสิ่งดีงาม

     คำว่า “สัญญา” ในหลักกรรม หมายถึง ความจำได้หมายรู้

     การตั้งอธิษฐานจะสัมฤทธิ์ผลได้ต้องทำเหตุให้ถูกตรง ผู้ใดมีศีลและมีสัจจะคุมใจอยู่ทุกขณะตื่น ผู้นั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ เมื่อทำเหตุให้ถูกตรงแล้ว ผลสัมฤทธิ์ตามคำอธิษฐานย่อมเกิดขึ้น

     ( ๑ ). คนที่ไม่มีสัจจะคุมใจ ย่อมไม่มีคนเชื่อถือ ปฏิบัติธรรมได้แต่เข้าไม่ถึงธรรมที่ปฏิบัติ ตายแล้วไปเกิดใหม่ย่อมได้บริวารที่ไม่ดีในภพหน้า

    ( ๒ ). การยกเลิกคำสัญญาและยกเลิกคำอธิษฐานเดิม ต้องกล่าววาจาต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วตั้งอธิษฐานใหม่ที่ตนปรารถนาจะเข้าถึง
 

2391.
กราบเรียน อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไรที่เคารพ

    ขอขอบพระคุณที่อาจารย์ให้ความเมตตาตอบคำถามของผมในคราวก่อน และแนะนำให้ปฏิบัติธรรมต่อเนื่องครับ (ข้อ ๒๓๑๗) หลังจากนั้นผมก็พยายามหาเวลาว่างเพื่อปฏิบัติธรรม(ส่วนใหญ่จะเป็นการนั่งสมาธิเองที่บ้าน) ในยามที่ว่างจากงานแต่สภาพแวดล้อมไม่เหมาะจะนั่งสมาธิ ก็จะอ่านหนังสือธรรมะ หรือฟังไฟล์เสียงของอาจารย์ที่โหลดเก็บไว้จากเว็ปไซต์ของชมรมกัลยาณธรรมครับ เนื่องจากยังไม่สามารถเข้าถึงความจริงของเหตุและผลของกรรมด้วยตัวเองได้ แต่ด้วยความสงสัยจึงขอเรียนสอบถามอาจารย์ดังนี้ครับ

     ๑. ที่อาจารย์บรรยายว่า การที่คุณหมอช่วยเหลือคนไข้ที่ป่วยจากโรคกรรมให้หาย ซึ่งทำให้คุณหมอได้บุญจากการช่วยเหลือคนไข้ แต่ก็ทำให้เจ้ากรรมนายเวรของคนไข้มาจองเวรคุณหมอแทน ในส่วนนี้ผมสงสัยว่า ถ้าคุณหมออุทิศบุญที่ได้จากการรักษาให้แก่เจ้ากรรมนายเวรของคนไข้ เพื่อให้เขายอมอโหสิให้คนไข้ และคุณหมอก็ไม่ต้องโดนจองเวรแทน เพราะไม่ได้รับบุญนั้นมาเป็นของตัวเอง เปรียบเสมือนคุณหมอทำบุญแทนคนไข้ อย่างนี้ทำได้หรือไม่ครับ ผมเข้าใจว่า ทำได้ แต่เจ้ากรรมนายเวรเขาจะยอมรับบุญที่คุณหมออุทิศให้ หรือยอมอโหสิให้คนไข้ที่เขาจองเวรหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่อง  ถูกต้องหรือไม่ครับ ถ้าไม่รบกวนอาจารย์อธิบายว่าเป็นอย่างไรครับ

     ๒. ผมเข้าใจว่า กรรมเป็นเรื่องของแต่ละชีวิต ใครทำกรรมใดไว้ ก็ย่อมต้องรับผลของกรรมนั้น จากคำถามข้อที่ ๑ ทำให้ผมเข้าใจว่า เจ้ากรรมนายเวรสามารถเลือกที่เปลี่ยนมาจองเวรเราแทนได้ ถ้าเราไปทำให้การจองเวรของเขาไม่สำเร็จ  ผมขอสอบถามว่า ถ้าเราอธิษฐานขอให้เจ้ากรรมนายเวรของคนที่เรารัก มาจองเวรเราแทนคนที่เรารัก เช่น พ่อแม่ที่ขอรับผลจากการเจ็บป่วยของลูก จะสามารถทำได้ หรือมีผลหรือไม่ อย่างไรครับ

     สุดท้ายนี้ ผมขอให้ผลบุญที่ผมได้จากการฟังธรรม จากการอ่านหนังสือธรรมของอาจารย์สนอง และจากการปฏิบัติธรรม จงดลบัญดาลให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรง จิตใจร่าเริงเบิกบาน เดินทางปลอดภัยในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ และมีความเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปครับ

       ขอบพระคุณครับ

คำตอบ
    การอ่านหนังสือธรรมะ ( คันถธุระหรือปริยัติ ) ให้ผลเป็นความจำที่เรียกว่า สัญญา แม้จะรู้พระไตรปิฎกจนจบสิ้นแล้ว ก็ไม่สามารถนำพาชีวิตพ้นไปจากวัฏสงสารได้ ตรงกันข้าม การปฏิบัติธรรม ( วิปัสสนาธุระ ) ให้ผลเป็นปัญญา ที่สามารถรู้ เห็น เข้าใจ เหตุและผล ( ความจริง ) ด้วยตัวเอง ซึ่งสามารถนำพาชีวิตไปสู่ความหลุดพ้นจากวัฏสงสารได้

    ผู้ที่เข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนอกุศลกรรม ระหว่างคนไข้กับเจ้ากรรมนายเวรคือ หมอ ยังต้องรับผลแห่งอกุศลจิตวิบากนั้นด้วย

     ( ๑ ). ผู้ถามปัญหาเสนอความคิดเห็น ตามที่บอกเล่าไปให้อ่าน เรียกได้ว่าเป็นผู้มีความเห็นถูกตามธรรม

     ( ๒ ) ผู้มีความเห็นถูกตามธรรม ไม่อธิษฐานให้เจ้ากรรมนายเวรของคนอื่นมาจองเวรเราแทน ทั้งนี้เพราะผู้มีความรู้จริงแท้และมีความเป็นสัพพัญญูได้ตรัสไว้ว่า “สัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาในโลกนี้ มีกรรมเป็นเชื้อสาย มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมจึงแบ่งสัตว์ออกเป็นสองฝ่ายคือ ฝ่ายชั่วช้าเลวทราม และฝ่ายประณีตดีงาม”
 

2390.
กราบเรียน อาจารย์ดร.สนอง วรอุไร ด้วยความเคารพ

ผมเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ผมอายุ 22 ปี ผมมีความสนใจในเรื่องของธรรมมะอยู่บ้าง โดยศึกษาจากคำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ แต่ก็ไม่ได้ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพราะวัยรุ่นอย่างผมมีสิ่งยั่วยุรอบข้างเยอะ จนบางครั้งผมท้อและทุกข์มาก ซึ่งผมได้คำแนะนำจากอาจารย์ที่สอนในมหาวิทยาลัยท่านหนึ่ง ที่เคยฟังธรรมจากท่านอาจารย์ดร.สนอง วรอุไร ให้ลองมาสอบถามท่านอาจารย์ดร.สนองดู ผมมีปัญหาอยากเรียนถามท่านอาจารย์ดร.สนอง วรอุไร ว่า

๑. ผมเคยคิดอยากบวช แต่ว่าจะรอให้เรียนจบก่อน แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่จบผมเรียนมาสี่ปีแล้ว อยากทราบว่าเป็นเพราะกรรมอะไรครับ  ? และมีวิธีปฏิบัติอย่างไรบ้างครับ

๒.ในการปฏิบัติธรรมของผมนั้น บางทีก็ทำแล้วมีความสุข จนไม่อยากทำอย่างอื่น แต่บางครั้ง แม้แต่จับเอาพุทโธ คาบเดียว ยังทำไม่ได้เลย จึงอยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า เป็นเพราะกรรมอะไรครับ และมีวิธีปฏิบัติอย่างไรต่อไปครับ

ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูง ด้วยความเคารพในธรรม ครับ

คำตอบ
     ( ๑ ). ผู้รู้จริงแท้ แนะนำให้เอาศีล ๕ คุมใจ ทำใจให้มีสัจจะ สวดมนต์สรรเสริญคุณพระรัตนตรัยก่อนนอน หลังสวดมนต์ให้เอาจิตจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า - ออก ( นาน ๓๐ นาทีหรือมากกว่า ) หลังจากนั้น ต้องอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร

     ผู้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้มีศีลและมีสัจจะ ทำการใดๆย่อมเข้าถึงความสำเร็จ หากปฏิบัติได้ถูกตรงแล้ว การเรียนจบการศึกษาย่อมเกิดขึ้นได้ง่าย และยังเป็นการปฏิบัติธรรมในขณะเป็นฆราวาสอีกด้วย

     ที่ถามไปว่า เป็นเพราะอะไร ? ตอบมาว่า ทำเหตุไม่ถูกตรง จึงยังไม่สำเร็จการศึกษา

     ( ๒ ). จิตที่มีกำลังสติอ่อน จึงไม่สามารถต้านอำนาจของกิเลสมารได้ ผู้ปรารถนาผ่านพ้นมาตัวนี้ ต้องปฏิบัติตามข้อชี้แนะในข้อ (๑).
 

2389.
กราบเรียนถามครูบาอาจารย์ ดร สนอง ที่เคารพครับ

เวลานั่งสมาธิแล้วเจอความปวด หรือฟุ้งซ่าน เท่าที่ฟังมาอ่านมาหรือถูกสอนมามีสองวิธีคือ

วิธี 1 ใช้สติกับเวทนาและบริกรรมในใจว่าปวดหนอ

วิธี 2 ไม่สนใจความปวดแต่จดจ่อกับลมหายใจเข้าออกพร้อมบริกรรมในใจว่าพุทโธตามลมหายใจเข้าออก  

สองวิธีนี้ต่างกันยังไงครับ หรือถึงแม้ต่างกันแต่จุดหมายหรือผลที่ได้ในท้ายสุดแล้วเหมือนกันไหมครับ เท่าที่ผมเข้าใจ วิธีแรกเป็นการมีสติกับเวทนาเป็นวิปัสสนา ส่วนวิธีที่สองเป็นสมถะผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ

ผมเคยได้ยินว่า พระโพธิสัตว์หรือผู้รู้จะอธิษฐานว่า ขอให้คำว่า ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้ ไม่สบาย จงอย่าเกิดกับข้าพเจ้า ตลอดไปทุกๆชาติ กับอีกทางก็เคยได้ยินว่าบางคนอธิษฐานให้มีดวงตาเห็นธรรม หรือให้ถึงซึ่งนิพพาน ระหว่างสองอย่างนี้ อย่างแรกผมคิดว่าเหมาะสำหรับพระโพธิสัตว์ ที่ยังต้องบำเพ็ญบารมียังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ แต่การอธิษฐานให้เข้าถึงพระนิพพาน หรือมีดวงตาเห็นธรรมเป็นทางตรง สำหรับผู้ที่ต้องการพ้นทุกข์หยุดการเกิดแก่เจ็บตาย ไม่ได้ปราถนาพุทธภูมิ ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ

การที่อธิษฐานว่า ขอให้คำว่าไม่มี ไม่ดี ไม่ได้ ไม่สบาย จงอย่าเกิดกับข้าพเจ้า ในทุกๆชาติถ้าเป็นจริงสมปราถนาขึ้นมา จะเป็นโอกาศให้คนเราประมาทได้หรือเปล่าครับ ในเมื่อชีวิตมีพร้อมทุกอย่างทำให้หลงโลกไม่มาทางธรรม

การเข้าถึงอัปนาสมาธิต้องใช้สมถะกรรมฐานใช่ไหมครับ แล้วใช้อัปนาสมาธิมาดูไตรลักษณ์เป็นวิปัสสนาได้ไหมครับ ผมเข้าใจถูกไหมครับ

กราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ ดร สนอง ด้วยครับ

คำตอบ
     ตอบที่ถามไปวิธีที่ ๑ จากผู้ปฏิบัติธรรมที่เข้าถึงธรรมนั่งแล้วปวดขา ต้องใช้จิตที่ตั้งมั่นจวนแน่วแน่ กำหนดอาการปวดที่ขาว่า “ปวดหนอๆๆๆๆ” ไปเรื่อยๆ ในที่สุดอาการปวดที่ขาหายไป แล้วจึงนำจิตกลับมาจดจ่ออยู่กับอาการพอง - ยุบของผนังหน้าท้อง คนที่แพ้ใจตัวเอง ย่อมล้มเลิกการกำหนดดังกล่าว ก่อนที่อาการปวดขาจะดับไป ( อนัตตา ) หรือคนที่เป็นเสมือนน้ำชาล้นถ้วย มักจะใช้สมองคิดหรือปรามาสผู้ชี้แนะว่าสอนผิด จึงล้มเลิกไปก่อนที่อาการปวดขาจะดับไป

     ตอบที่ถามไปวิธีที่ ๒ เมื่ออาการปวดขาเกิดขึ้นแล้ว ทำเป็นไม่สนใจ เรียกผู้มีวิธีการคิดเช่นนี้ว่า “เป็นผู้หลง” หรือ “เป็นผู้มีโมหะ” อยู่ในดวงจิต

     พฤติกรรมที่แนะนำตามวิธีที่ ๑ เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกตรง แต่คำชี้แนะตามวิธีที่ ๒ เป็นการหนีปัญหา ซึ่งผู้รู้จริงแท้ไม่แนะนำให้ทำเช่นนั้น

     อนึ่ง คำว่า ผู้รู้ หมายถึง ผู้มีความรู้หรือมีปัญญานั่นเอง ต้องถามต่อไปว่า มีความรู้ระดับโลก ( สุตมยปัญญา และ จินตามยปัญญา ) มักประพฤติหนีปัญหา แต่ผู้มีปัญญาสูงสุด ( ภาวนามยปัญญา ) ไม่ประพฤติตนหนีปัญหา ตรงกันข้าม ประพฤติตนด้วยการดับที่ต้นเหตุ แล้วปัญหาจึงจะหมดไปได้ ดังนั้นผู้ถามปัญหาเข้าใจได้ถูกต้องแล้ว

     ผู้ที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ต้องประพฤติตามแนวทางของพระโพธิสัตว์ จึงจำเป็นต้องมีความหลงส่องนำทางชีวิต ให้ไปเกิดอยู่ในภพต่างๆของวัฏฏะ เพื่อสั่งสมบริวารให้มีมากขึ้น จึงต้องอธิษฐานคำวา “ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้ ไม่สบาย จงอย่าได้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้า”

     ถูกต้องครับ การพัฒนาจิต ( สมถภาวนา ) ให้เข้าถึงอัปปนาสมาธิต้องใช้สมถกรรมฐาน แต่จิตที่เข้าถึงอัปปนาสมาธิไม่สามารถพิจารณาไตรลักษณ์ได้ ( จึงตอบว่าไม่ใช่ครับ )
 

2388.
ขอเรียนถามท่านอาจารย์ค่ะ

ท่านอาจารย์คะ ดิฉันได้ติดตามการบรรยายธรรมของอาจารย์มาประมาณ 1 เดือนแล้วค ่ ะ รู้สึกว่ามีความเข้าใจบ้าง รวมทั้งมีกำลังใจอยากปฏิบัติธรรมมากขึ้น วันนี้ขอเรียนถามสิ่งที่ตกค้างอยู่ในใจมานานแสนนาน หวังว่าอาจารย์จะกรูณาตอบให้กระจ่าง ขอขอบคุณท่านอาจารย์มา ณ โอกาศนี้ ค่ะ

                  1. เมื่อสมัยเป็นเด็ก อายุระหว่าง 7-8 ปี นอนหลับอยู่บนบ้านคนเดียว ขณะนั้นได้รู้สึกว่าตัวเองลุกขึ้นเดินออกไปหน้าห้อง และมองกลับมาเห็นร่างตัวเองนอนหลับอยู่ รู้สึกตกใจมาก ตอนนั้นพยายามนึกชื่อพ่อ แม่ หรือคนในหมู่บ้านแต่ไม่สามารถจำได้ จึงพยายามแก้ปัญหาโดยการนอนทับร่างตัวเองด้วยท่าเดิม และไม่สามารถจำเหตุการณ์หลังตื่นนนอนที่เชื่อมกับเหตุการณ์ปัจจุบันได้ อยากเรียนถามอาจารย์ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ความตายใช่หรือไม่คะ

                  2. ปัจจุบันเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวง่าย โมโหง่าย หงุดหงิดง่าย ควรแก้อย่างไรให้ถูกกับจริตตนเองคะ

                  3. ต้องการสอนคุณธรรมให้กับนักเรียน ปัจจุบันเริ่มจากให้นั่งสมาธิก่อนเรียนประมาณ 3 นาที และอยากเพิ่มเติมข้อคิดของคุณงามความดีเข้าไปอีก แต่โดยนิสัยเป็นคนพูดน้อย และสั้นๆ ควรเริ่มอย่างไรดีคะ

       ขอกราบขอบคุณท่านอาจารย์มากค ่ะ

คำตอบ
     หากไม่หลงทางไปมากกว่านี้ คงติดตามรับฟังสิ่งดีงามของพระพุทธโคดม หรือปฏิบัติธรรมไปนานแล้ว

     ( ๑ ). ตอบว่า … . ไม่ใช่ความตาย แต่เห็นวิธีการตายของตัวเอง

     ( ๒ ). ต้องพัฒนาจิต ( สมถภาวนา ) ให้มีกำลังสติเพิ่มมากขึ้น คนที่โมโหง่าย หงุดหงิดง่าย ควรใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง ของกสิณ ๑๐ อัปปมัญญา ๔ หรือ อรูป ๔ มาเป็นองค์บริกรรม ( กำนด ) แล้วจิตจะเข้าถึงการมีสติได้ง่าย

     กสิณ ๑๐ ได้แก่ ดิน น้ำ ไฟ ลม สีเขียว สีเหลือง สีแดง สีขาว แสงสว่าง ที่ว่าง

     อัปปมัญญา ๔ ได้แก่ ที่ว่างหาที่สิ้นสุดมิได้ วิญญาณหาที่สุดมิได้ ภาวะที่ไม่มีอะไรๆ ภาวะที่เป็นสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่เป็นสัญญาก็ไม่ใช่

     ( ๓ ). ผู้ใดพัฒนาจิตตนเองจนมีคุณธรรมได้แล้ว ผู้นั้นจึงจะสามารถส่งต่อคุณธรรมไห้คนอื่นได้ หรือฝึกตนเองให้ดีได้ก่อน แล้วจึงจะไปฝึกคนอื่นให้ดีตามได้ในภายหลัง
 

2387.
กราบเรียนอาจารย์ ดร. สนอง ที่เครพ

ผมสวดมนตร์ไหว้พระอยู่เป็นประจำ ก่อนนอน สวดเสร็จแล้วจึง อธิฐานจิตขอให้ บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ เจ้าที่ องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และกษัตย์ราชวงจักรีทุกพระองค์ แต่ไม่ได้ขอให้ตัวเองเลย จะดีหรือไม่ และจะส่งผลอย่างไรครัับ

ขอบพระคุณครับ

คำตอบ
    ดีครับ จะส่งผลให้มีเพื่อนมีบริวารที่เป็นกัลยาณมิตร
 

2386.
กราบเรียนท่าน อ. สนอง ที่เคารพ

   ขอเรียนถามปัญหาดังนี้ค่ะ

    1. หากญาติผู้ล่วงลับ ไม่ได้ติดต่อกลับหาลูกหลาน ไม่ว่าทางฝันหรือทางใดๆ   นั้น   หมายถึงว่าท่านจะไปเกิดอยู่ที่ภพภูมิใดได้บ้างคะ

   2. บุญใดที่มนุษย์ จะส่งให้ถึงเทวดาที่เป็นญาติผู้ล่วงลับได้บ้าง และเทวดาท่านจะได้รับผลบุญเช่นไรบ้างคะ

   3. มนุษย์ จะส่งเสริมให้เทวดาได้ปฏิบัติธรรมต่อเพื่อให้เข้าถึงพระนิพพานได้อย่างไรบ้างคะ

              ขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    ( ๑ ). ภพภูมิที่คนทั่วไป ไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้ ได้แก่ ภพนรก ภพเปรต ( ยกเว้น ปรทัตตูปชีวี ) ภพอสุรกาย พรหมโลก หรือจิตวิญญาณที่โคจรไปเกิดอยู่ในภพติรัจฉาน หรือภพมนุษย์ที่อยู่ห่างไกล

   ( ๒ ). บุญทุกชนิดที่เกิดจากการประพฤติบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ สามารถอุทิศให้ญาติที่ตายไปแล้วและไปเกิดเป็นเทวดาได้ หากเขาสามารถรับการสื่อสารถึงและมาอนุโนทนาได้ เขาย่อมได้รับบุญที่อุทิศนั้น

    อานิสงส์ของบุญขี้นอยู่กับสิ่งที่มนุษย์ทำ เช่น ตั้งโรงทานอาหาร บุญที่เขาจะได้คือมีอาหารบริโภค ถวายผ้าไตรแด่พระสงฆ์ บุญที่เขาจะได้รับคือมีเสื้อผ้าสวมใส่ ถวายอาวาสไว้ในพุทธศาสนา บุญที่เขาจะได้รับคือมีที่อยู่อาศัย ฯลฯ

   ( ๓ ). ผู้ที่จะส่งเสริมให้เทวดาปฏิบัติธรรมได้ ต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อยสองอย่าง คือ
      ก . สื่อสารกับเทวดาได้
      ข . เป็นผู้กำจัดกิเลส ( สังโยชน์ ๑๐ ) ให้หมดไปจากใจได้แล้ว

   สรุป ต้องเป็นพระอรหันต์ วิชชา ๓ พระอรหันต์ วิชชา ๘ หรือพระอรหันต์ อภิญญา
 

2385.
กราบเท้าอาจารย์สนองที่เคารพ

            หนูปรารถนาจะพิสูจน์ของพระพุทธโคบุตร ปฎิบัติจิตภาวณา แต่พอจิตเริ่มตั้งมั่นซักพัก จะมีอาการทางจิตเกิดขึ้นกับหนูทันที คือมีแรงบีีบที่ศีรษะเป็นแรงบีบที่มาจากทุกทิศทุกทาง บางทีก็มีอาการหลอนเกิดขึ้นจิตจนทนทานไม่ไหวต้องเลิกปฏิบัติ แล้วหนูก็เร่งบุญที่เหลืออีกเก้าอย่าง ยกเว้นการปฎิบัติ แล้วอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนานเวรเป็นปีๆมาแล้วคะ
            หนูต้องการหลุดพ้นจากสังสารวัฏในอนาคตอันใกล้ เลยตั้งจิตอธิฐาน แต่แล้วก็มีอุปสรรค ถาโถมเข้ามาจนตั้งตัวไม่ติด ทำอย่างไรดีค่ะอาจารย์หนูถึงสามารถปฏิบัติได้เป็นปกติ ให้มีดวงตาเห็นธรรมมีปัญญารู้แจ้ง ลดภพชาติให้เหลือน้อยที่สุด ขอความเมตตาอาจารย์ช่วยแนะนำหนูด้วยเถอะคะ
        หนูมีปัญหาขอเรียนถามอาจารย์มีดังนี้คะ
            ๑.สังสารวัฎนี้ก็อยู่ในกฎไตรลักษณ์เหมือนกันใช่มั้ยค่ะ แต่หนูไม่ขอออกเป็นคนสุดท้ายแน่นอน

            ๒.ธรรมชาตินี้มีจิตมั้ยค่ะ ทำไมถึงทำงานได้ (หมายถึงกฏแห่งกรรม)

            ๓.หากเราปรามาสสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วทำการขอขมาทีหลังแต่ว่ากรรมก็เกิดขึ้นแล้ว และสำเร็จแล้วบันทึกไว้ในจิตแล้ว และกรรมนั้นก็ยกเลิกได้เหรอค่ะ เพราะหนูยังสงสัยว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านไม่ถือโทษ ไม่เป็นเวรต่อกันแล้วกรรมนั้นก็เป็นอันยกเลิกไปด้วยเหรอค่ะ เพราะหนูกลัวข้อนี้มากที่สุดเลยคะ

            ๔.หนูขออนุญาตท่านอ.สนองไลท์ซีดี ธรรมะจากเว็บกัลยาณธรรมและจากยูทูป เพื่อแจกเป็นธรรมทานให้กับคนที่สนใจ ไม่ทราบท่านอาจารย์จะอนุญาตมั้ยค่ะ

            ๕.ถ้าหากหนูเคยปรามาสท่านอ.สนอง ไม่ว่าภพชาติใดก็ตาม หนูขอกราบแทบเท้าท่านอาจารย์เมตตา งดโทษอโหสิกรรมให้หนูตราบถึงพระนิพพานด้วยเถิดคะ

      สุดท้ายนี้ หนูขออาธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธ์พ่อแม่ครูบาอาจารย์พระอรหันต์เจ้าทุกพระองค์ ได้โปรดอำนวยพรให้ท่านอาจารย์ สนอง วรอุไร ประสบแต่สิ่งดีๆ ปราศจากความทุกข์ตราบถึงพระนิพพาน เทอญ

       กราบแทบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพสูงสุด

คำตอบ
     ผู้มีกำลังของใจ ( พละ ๕ ) ไม่กล้าแข็ง ย่อมไม่สามารถต้านอำนาจของมารได้ หากปรารถนาจะเป็นอิสระจากมาร ต้องมีอย่างน้อยเบญจศีลคุมใจ นำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรมกับครูสอนกรรมฐานที่เข้าถึงธรรมได้แล้ว จากนั้นเร่งความเพียรปฏิบัติธรรมให้มากชั่วโมง และต้องอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวร เมื่อปฏิบัติแล้วเสร็จในรอบวัน

     ( ๑ ). สังสารวัฏ ดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์เช่นกัน และผู้ใดปฏิบัติสมถภาวนาจนเข้าถึงปุพเพนิวาสานุสติญาณได้แล้ว ย่อมรู้เห็นด้วยตนเองว่า รูปนามที่ออกจากสังสารวัฏ เป็นรูปนามสุดท้ายไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้เพราะสรรพสัตว์ในสังสารวัฏมีจำนวนนับไม่ถ้วน ( อนันต์ )

     ( ๒ ). ตามกฎธรรมชาติ ที่ใดมีพลังงานที่นั้นย่อมทำงานได้ ในทุกภพของวัฏสางสาร มีพลังงานจิตเป็นอนันต์ ทิพพจักขุไม่สามารถนับจำนวนหน่วยได้ถ้วน

     ( ๓ ). อกุศลวิบากที่สัตว์บุคคลต้องเสวย สามารถยกเลิกได้ด้วยการทำเหตุให้ถูกตรง คือ
       ก. ชดใช้หนี้เวรกรรมจนกว่าจะหมดสิ้น
       ข. อุทิศบุญใหญ๋ที่เกิดจากปฏิบัติธรรม ใช้หนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดหนี้เวรกรรม
       ค. พัฒนาจิต ( วิปัสสนาภาวนา ) จนเกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งกำจัดอย่างน้อย สังโยชน์ ๓ ( สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ) ให้หมดไปจากใจ แล้วไม่ต้องไปเกิดเป็นรูปนามอยู่ในอบายภูมิ ( ปิดอบายภูมิ )
       ง . ใช้ปัญญาเห็นแจ้งกำจัดสังโยชน์ ๕ ( สังโยชน์ ๓ + กามราคะ ปฏิฆะ ) จนหมดไปจากใจ ตายแล้วไปเกิดเป็นพรหมอนาคามีอยู่ในสุทธาวาสพรหมโลก
       จ . ใช้ปัญญาเห็นแจ้งกำจัดสังโยชน์ ๑๐ ( สังโยชน์ ๕ + รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ และอวิชชา ) ให้หมดไปจากใจ ตายแล้วจิตโคจรสู่พระนิพพาน หนี้เวรกรรมที่ยังมีตกค้างอยู่ในดวงจิตเป็นอันยกเลิก ( อโหสิ ) ไปโดยปริยาย

     ( ๔ ). ผู้ตอบปัญหาอนุญาต แต่ควรขออนุญาตจากชมรมกัลยาณธรรมในฐานะผู้ผลิต website ด้วย

     ( ๕ ). ผู้ตอบปัญหาอโหสิให้กับผู้ถามปัญหาแล้ว
  

2384.
กราบเท้าอาจารย์สนอง วรอุไร ที่เคารพ

      ด้วยผมมีความสงสัยว่าหากเราปฎิบัติธรรมหรือทำบุญต่างๆไม่ว่าจะเป็นสังฆทาน วิหารก็ดี ทำให้เราได้รับบุญกุศลมาเมื่อเราอุทิศให้ผู้ตายหรือเจ้ากรรมนายเวร บุญกุศลที่เราได้มาจะหมดไปหรือไม่ครับหรือเราควรจะใช้คำว่า"ขอแบ่งบุญกุศลให้แก่..." แทนดีครับ ถ้าเรามี 100%แบ่งให้ 10% แล้วเราเหลือ 95% ยังงี้เหรอครับ สรุปคืออุทิศนี่เราให้เขาทั้งหมดเหรอครับ

ใคร่ขอความเมตาจากอาจารย์ กระผมมีความสงสัยว่า
1. ตกลงบุญกุศลที่เราทำแล้วหากกอุทิศมียุบหรือลดลงได้ด้วยหรือครับ
2. เราควรใช้คำว่าอุทิศหรือแบ่งบุญครับ

ขอบพระคุณครับ

คำตอบ
     ตามกฎแห่งกรรมยิ่งให้ยิ่งมีมาก ดังตัวอย่างของอดีตชาวนาคนหนึ่ง ในห้วงพุทธันดร ได้ก่อไฟผิงคลายหนาวให้กับพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง จนกลับมามีกำลังแข็งแรงดังเดิม ต่อมาชาวนาผู้นั้นได้กลับมาเกิดเป็นโจรองคุลีมาล อยู่ในครั้งพุทธกาลที่พระพุทธโคดมยังมีชีวิตอยู่ และโจรองคุลีมาลมีกำลังมากเท่ากับช้างเจ็ดเชือก ไม่มีมนุษย์คนไหนมีกำลังมากเท่า จึงวิ่งไล่ตามโจรองคุลีมาลไม่ทัน

( ๑ ). ตามกฎแห่งกรรม ผู้ใดอุทิศบุญให้ผู้อื่น ผู้นั้นย่อมมีบุญเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องแบ่งบุญแล้วอุทิศให้ผู้มารับส่วนบุญ

( ๒ ). ควรใช้คำว่า “ข้าพเจ้าขออุทิศบุญที่มีให้แก่ … . เอ่ยชื่อผู้รับ ( หรือจะอุทิศบุญให้กับสรรพสัตว์ที่สามารถมาอนุโมทนาบุญได้ ) และขอให้ท่านจงมีความสุข นำพาชีวิตไปสู่ความสวัสดี จงทุกท่านทุกคนเทอญ”
 

2383.
กราบอ.ดร.สนอง วรอุไร หนูรบกวนเรียนถามปัญหาที่สงสัยค่ะ

1. วุฏฐานคามินีวิปัสสนา หมายความเอาพระวิปัสสนาญาณ 3 ญาณรวมกัน สังขารุเปกขาญาณแก่ที่สุด 1 อนุโลมญาณ 1 โคตรภูญาณ 1 หมายความว่าอย่างไร โยคีผู้อยู่ในสภาพธรรมวุฏฐานคามินีวิปัสสนา จะมีญาณขึ้นลงใน 3 ญาณนี้ใช่หรือไม่ค่ะ ตกลงกว่า 3 ญาณนี้อยู่ในญาณ   7 8 9 10 11 12 13 วิ่งขึ้นลงได้ไหมค่ะ

2. ผู้ปฏิบัติที่อยู่ในสภาพธรรมนี้ เจริญสติพิจารณาดูกาย เวทนา จิต ธรรม และพยายามเดินตามทางอริยมรรคแค่นี้เพียงพอหรือไม่หรือต้องเพิ่มเติมส่วนใดค่ะ

3. เมื่อทำผิดสิ่งใดไปไม่ว่าเล็กน้อย ก็ตาม เช่น คิดอกุศล เพียงเล็กน้อย รู้ในเรื่องราวนิดหน่อยสติรู้แล้วดับ แต่มีอาการปวดศรีษะตึงๆที่ศรีษะเล็กน้อย ทั้งๆที่หนูคิดว่าเรารู้ในสภาพของความคิด ไม่ได้รู้ดูที่ศรีษะ หรือที่่ใจ แต่กับปวดศรีษะเกิดจากอะไรค่ะ เผลอกำหนดผิดฐาน หรือว่าเป็นการใช้กรรมค่ะ

4. เมื่อเราปฏิบัติธรรมได้ก้าวหน้าสิ่งดีๆก็เข้ามาราวกับเนรมิต แต่ก็ไม่นานหนูเจอแต่เรื่องไม่ดีมากๆเยอะมาก มีแต่ทุกข์เกิดขึ้น ทุกข์ตั้งอยู่ ทุกข์ดับไป และเหมือนมีคนแกล้งบ้าง บางทีก็คือเหมือนใช้กรรมที่ทำไว้บ้าง   ถ้าเราทำดีแบบดีมากๆอยู่ แต่พบเจอแต่สิ่งไม่ดี ก็ไม่ผิดใช่ไหมค่ะ รู้สึกเหมือนใช้กรรมอยู่   แล้วเราจะสามารถรู้ได้ไหมว่าเมื่อไหร่กรรมไม่ดีจะหมด วิบากนี้จะขัดขวางการบรรลุมรรคผลหรือไม่ค่ะ

5. หนูปฏิบัติตามแนวท่านเจ้าคุณโชดก ดูพองยุบ แต่ขณะเจริญกรรมฐาน  รู้สึกร้อนภายในกายและเหมือนมีอาการเจ็บคอและร้อนในเกิดขึ้นทันทีที่ดูอยู่ หนูก็ดูตามที่มันเป็นไปเรื่อยๆ ขณะที่ทุกข์กับอาการเจ็บคอ+หิวน้ำมากจิตมันกลับเปลี่ยนมาจับที่ลมหายใจแทน ลมหายใจชัดกว่าจึงดูลม เป็นสายตั้งแต่ปลายจมูกถึงชายปอด แต่เคยทราบมาว่าดูพองยุบอยู่ถ้าจิตกับไปรู้ลมให้รู้ได้แค่ที่ปลายจมูกใช่หรือไม่ค่ะ ห้ามไล่ดูหรือต้องกำหนดอย่างไรค่ะ กรณีนี้ดูลมที่ปลายจมูกนิดหน่อยแล้วมันไล่เอง หนูจะละมาก็เหมือนจิตดึงมารู้ที่ลมค่ะ

6. หลังจากเหตุการณ์ในข้อ 5 อีก 4-5 วันต่อมาเวลาจะนอน ปกติกำหนด พองยุบ หรือกำหนดนอนหนอ ดูจุดกายสัมผัสที่นอน แต่ทีนี้มันไม่เห็นเพราะจิตไปรู้ที่ลมหายใจเอง ทีแรกๆเริ่มนอนแล้วดูจะรู้ลมแค่ที่ปลายจมูกต่อมาเริ่มไล่เป็นสาย แล้วมันถี่ขึ้นๆๆเรื่อยๆ ไม่แน่ใจว่าตนเองทำหรือเปล่า แต่เหมือนเราไม่ได้ทำมันเป็นเอง หายใจไม่ออก หายใจไม่ทัน มันเร็วเป็นสายไล่เข้าออก มันหายใจเองและเหมือนจะขาดอากาศหายใจ จะตายแล้ว และกลัวตาย แต่ตอนนั้นลืมกำหนดดูจิต ตกใจรีบลุกขึ้นจากที่นอน เหนื่อยมาก และก็สงสัยด้วย พอลุกขึ้นมานั่งได้ มันกลับหายใจเบามาก ตื้นมาก แทบไม่มีลมหายใจ เหมือนขาดอากาศ เหนื่อย และมันก็เกิดไม่ชอบอีก รบกวนอาจารย์ช่วยแนะนำว่าเกิดจากอะไร ต้องดูอย่างไรค่ะ

7. หลังกลับจากเข้ากรรมฐานครั้งนี้ผ่านมา 10 วัน ไม่ค่อยกล้านั่งสมาธิเพราะทุกข์มาก นั่ง 10-15 นาทีแรกก็พองยุบปกติต่อมามันไม่เห็นอะไรเลยเห็นแต่ความอึดอัด แน่น เมื่อยมาก ใจสั่น ตัวสั่นไปหมด เหมือนตัวมันอยากจะแยกๆออก เหมือนจะปะทุออก ทรมาน บอกไม่ถูก ทรมานตัวมันขยับไปเองหลายครั้งดูไม่ไหวต้องออกจากสมาธิ แต่ปัญหาคือออกจากสมาธิมาแล้วมันไม่หายเมื่อยเลย มันเมื่อยมาก เมื่อยทุกส่วน เหมือนเมื่อยข้างในกายในกล้ามเนื้อเลย หยิบจับทำอะไรก็ไม่ได้ไม่มีแรง ต้องทำอย่างไรค่ะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงที่เมตตาค่ะ

คำตอบ
     ( ๑ ). ต้องขออภัย ผู้ตอบปัญหามิได้ศึกษาพุทธศาสนาตามแนวคันธถุระ ( ปริยัติ ) แต่เข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งด้วยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จึงไม่มีความรู้ในด้านของสมมุติบัญญัติ ตามที่ได้ระบุไว้ในตำราหรือคัมภีร์

     ( ๒ ). สติที่มีกำลังอ่อนจึงระลึกไม่ทันสิ่งกระทบที่เป็นอกุศล เช่นเดียวกับปัญญาเห็นแจ้งยังกล้าแข็งไม่พอ ที่จะเห็นสิ่งกระทบดับไป ( อนัตตา ) ตามกฎไตรลักษณ์ ปัญหาดังกล่าวจะหมดไปได้ บุคคลต้องเร่งความเพียร เจริญพละ ๕ ให้มีกำลังกล้าแข็งได้แล้ว จิตจึงจะสามารถต้านทานอำนาจของมาร ( อกุศลธรรม ) ได้

    ( ๓ ). คำว่า “รู้ในเรื่องนิดหน่อย” เป็นอาการของจิตที่ขาดสติชั่วคราว ( เหตุ ) จึงรับเอาความคิดอกุศลเข้าปรุงเป็นอารมณ์ชั่วคราวแล้วดับไป อาการปวดศีรษะเล็กน้อย ( ผล ) จึงได้เกิดขึ้น หากเมื่อใดผู้ถามปัญหาพัฒนาจิตจนมีกำลังของสติ และมีกำลังของปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว อาการปวดศีรษะแม้เพียงเล็กน้อยจะไม่เกิดขึ้น

     ( ๔ ). ตราบใดที่จิตยังมีกำลังไม่กล้าแข็งพอ มาร ( สิ่งที่คอยขัดขวางบุคคลมิให้บรรลุความดี ) ย่อมมีอำนาจเหนือใจ เป็นสัจธรรมที่ผู้ปฏิบัติธรรมต้องเอาชีวิตเข้าแลก จึงจะผ่านอำนาจของมารไปได้

    อนึ่ง อกุศลกรรมจะหมดไปจากชีวิตได้ ต่อเมื่อบุคคลได้พัฒนาจิตจนสามารถเข้าถึงอนุปาทิเสสนิพพาน ทิ้งรูปทิ้งนามพ้นไปจากวัฏสงสาร

    ( ๕ ). จิตที่ขาดสติย่อมออกไปรับรู้อยู่กับอาการรู้สึกร้อนในกาย อาการหิวน้ำ อาการเจ็บคอ รวมถึงจดจ่ออยู่กับลมหายใจ ฯลฯ เหล่านี้เป็นตัวบ่งชี้ว่าจิตขาดสติ จึงมิได้จอจ่ออยู่กับอาการพองยุบของผนังหน้าท้อง จิตที่ไปจดจ่ออยู่กับลมที่กระทบปลายจมูก ( อานาปานสติ ) จึงเป็นจิตที่ขาดสตินั่นเอง

     ( ๖ ). อาการหายใจไม่ออก อาการหายใจไม่ทัน อาการกลัวตาย ฯลฯ เหล่านี้เป็นเหตุที่เนื่องมาจากจิตขาดสติ ต้องแก้ปัญหาด้วยการกำหนดว่า “หายใจไม่ออกหนอๆๆๆๆ” หรือ “หายใจไม่ทันหนอๆๆๆๆ” หรือ “กลัวตายหนอๆๆๆๆ” ไปเรื่อยๆจนกว่าอาการดังกล่าวจะดับไป มิใช่แก้ปัญหาด้วยการลุขึ้นนั่ง ( หนีปัญหา ) ท่านเจ้าคุณโชดกมิได้สอนให้ปฏิบัติเช่นนั้น

     ( ๗ ). อาการติดลบทั้งหมดที่บอกเล่าไป ย่อมเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติธรรมที่ยังมีกำลังสติอ่อน ผู้ถามปัญหาพึงแสวงหาแล้วฝากตัวเป็นศิษย์กับครูผู้สอนกรรมฐานที่เข้าถึงธรรมได้แล้ว ปัญหาชีวิตจึงจะหมดไป
 

2382.
กราบเรียนท่านดร.สนอง    วรอุไร
 
    ดิฉันมีคำถามสงสัยอยากขอกราบเรียนท่านดังต่อไปนี้ค่ะ
 
    1. การนอนฟังธรรมะบรรยาย เพื่อให้จิตสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน ชอบฟังขณะนอนแล้วหลับไปเลย
    ( ปกติหลับยาก ) การนอนฟังธรรมะแบบนี้จะบาปใหมคะ
 
   2. ถ้าหลานป่วยอาการหนักแล้วดิฉันสวดมสนต์ นั่งสมาธิ ปฏิบัติกรรมฐาน จะช่วยเค้าได้ใหม หรือควรทำอย่างไรดีคะ และในกรณ์ คนป่วยไม่ใช่ญาติจะช่วยเค้าด้วยวิธีการเดียวกันได้หรือไม่อย่างไร
             
   3. ถ้าเค้าอยากหายต้องอธิฐานจิตอย่างไรดีถึงจะช่วยได้ ตอนนี้หลานป่วยเป็นโรคไตอาการค่อนข้างหนัก ถ้าเค้าอยากหายต้อง อธิฐานจิตอย่างไรดีคะ
               
                        ดิฉันต้องกราบขอบพระคุณท่านเป็นอย่างสูงมากค่ะ  

คำตอบ
     ( ๑ ). ไม่บาปครับ เพราะบุญย่อมเกิดและสั่งสมอยู่ในดวงจิตที่มีสติจดจ่ออยู่กับธรรมบรรยาย ก่อนที่จิตจะเข้าสู่ภวังค์ ( ก่อนหลับ )

     ( ๒ ). ช่วยได้ ถ้าเขารับทราบแล้วมาอนุโมทนาบุญ ที่มีผู้อุทิศไปให้

     ( ๓ ). บุคคลจะหายจากโรคดังกล่าวได้ ต่อเมื่อเจ้ากรรมนายเวรยกเลิกการผูกพยาบาท ดังนั้นหากแรงอธิษฐาน ( บารมี ) ของคนป่วย มีกำลังมากกว่าแรงผูกพยาบาทของเจ้ากรรมนายเวร โอกาสหายจากโรคไตย่อมเกิดขึ้นได้
 

2381.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

ดิฉันเป็นลูกศิษย์ทั้งในทางโลกและทางธรรมของท่านอาจารย์มานานค่ะ หลงอยู่ในทางโลกจนจบปริญญาเอก และประกอบอาชีพที่ได้ร่ำเรียนมาเพื่อสอนนักเรียน นักศึกษาให้มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ปัจจุบันสุขภาพร่างกายแข็งแรง แต่เมื่อไม่นานมานี้พบก้อนเนื้อขนาด 2 เซนติเมตรที่ปอดด้านขวา หมอศัลยกรรมนัดผ่าตัดเดือนหน้าเพื่อตรวจสอบว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ ระหว่างนี้จิตใจดิฉันว้าวุ่นมาก ไม่สามารถข่มจิตได้ บางวันจิตใจก็ดูปล่อยวาง บางวันก็สับสน และมีความกังวลใจ ผู้คนที่รู้จักให้คำแนะนำหลากหลายวิธี บ้างก็ว่าผ่าตัดไม่ดี บ้างก็ว่าดี ผู้หวังดีบางท่านแนะให้ใช้วิธีแพทย์ทางเลือก แต่เนื่องจากภาระงานทำให้ไม่สามารถทำได้ สำหรับดิฉันเชื่อมั่นในพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสอน และพระสงฆ์ รวมทั้งเชื่อมั่นในความดีที่ได้ทำมา จึงเรียนปรึกษาอาจารย์เพื่อขอคำแนะนำในการปฏิบัติตน เพื่อให้คลายความทุกข์ใจ จากอาจารย์ค่ะ

ขอกราบอาราธนาคุณพระรัตนตรัย ดลบันดาลให้อาจารย์สุขภาพแข็งแรง เป็นที่พึ่งของลูกศิษย์ เป็นกัลยาณมิตรของผู้มีทุกข์ ตลอดไปค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
     จากคนที่เคยได้รับโอกาสไปพัฒนาปัญญาทางโลกมาจนสูงสุด จึงไม่เชื่อคำสอนในพุทธศาสนา แล้วได้มีโอกาสไปพัฒนาปัญญาสูงสุด ( ภาวนามยปัญญา ) มาจากวัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์ จึงได้พบว่าสิ่งที่กล่าวถึงในพุทธศาสนาหลายเรื่องที่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไม่สามารถเข้าถึงความจริงได้ และบัดนี้แม้กาลเวลาจะล่วงนานผ่านมาถึง ๓๗ ปีแล้ว สิ่งที่พระพุทธโคดมตรัสไว้ ( พุทธวจนะ ) ยังคงเป็นความจริงที่แท้ไม่แปรเปลี่ยนไปเป็นความไม่จริงว่า “ธรรมย่อมคุ้มรักษาผู้ประพฤติธรรม” นอกจากนี้หลวงพ่อฤษีลิงดำ ยังได้สอนผู้ตอบปัญหาให้ตั้งโปรแกรมจิตให้ถูกว่า “คำว่าไม่มี ไม่ดี ไม่ได้ ไม่สบาย จงอย่าได้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้า”

    จากตัวอย่างจริงที่ผู้ตอบปัญหาได้พบกับ คนอเมริกันได้มาบวชเป็นภิกษุสงฆ์ไทย ด้วยเหตุที่ว่าเขาเคยเป็นเนื้องอกในสมอง แล้วได้ลาออกจากงาน หันมาฝึกจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิ พร้อมกับตั้งโปรแกรมจิตไว้ถูก ผลปรากฏว่าเนื้องอกในสมองขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๕ เซ็นติเมตร หายไปโดยไม่ต้องผ่าตัด ผู้ตอบปัญหาจึงได้อาราธนาเขาให้ขึ้นเวที แล้วพูดให้ญาติธรรมฟังว่า เขาหายจากโรคเนื้องอกในสมองได้อย่างไร

     ดังนั้นพึงดูพระชาวอเมริกันคนนี้เป็นตัวอย่าง แล้วเลือกเอาตามที่ชอบเถิด
 

2380.
ถึง ท่านอาจารย์ที่นับถือ

รบกวนสอบถามเกี่ยวกับการนั่งสมาธิค่ะ คือว่าได้นั่งสมาธิ ปฏิบัติเองที่บ้านด้วย เคยมีครั้งนึงนั่ง ๆ ไป สักพักใหญ่ จนนิ่งจากการกำหนดแล้วรุ้สึกว่าสงบมาก สงบจนบอกไม่ถูก แต่เพียงแค่แว็บเดียว เมื่อรุ้สึกอีกทีก็สะดุ้ง แล้วก็เหมือนรีบหายใจเข้าไปค่ะ แต่หลังจากนั้นก็ไม่เกิดขึ้นอีกเลย

และหลัง ๆ เมื่อได้นั่งไม่เกิน 5 นาที แรกจะเกิดอาการอยากหาว แต่หาวไม่ออก เหมือนหายใจไม่สุด เป็นอย่างนั้นสักพักแล้วก็มีน้ำมูก น้ำตาไหลออกมาหลังจากนั้น แล้วก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นค่ะ

อยากรบกวนท่านอาจารย์ช่วยแนะนำด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ด้วยความเคารพ

คำตอบ
     คำว่า “สงบจนบอกไม่ถูก” ต้องดูว่าความสงบที่เกิดขึ้นยังมีอารมณ์ภายในใดๆบ้างไหม ? หรือดูว่า จิตยังมีอารมณ์ของนิวรณ์ ๕ ( พอใจในกามคุณ คิดร้ายผู้อื่น ความหดหู่ซึมเซา ความฟุ้งซ๋านและรำคาญ ความลังเลสงสัย ) เกิดขึ้นหรือไม่ ต่างๆเหล่านี้เป็นสภาวธรรมของดวงจิต แล้วจึงจะคิดมาทางแก้ไขต่อไป

    จิตที่มีกำลัง ( พละ ๕ ) อ่อน ไม่สามารถต้านอำนาจของมารได้ อาการอยากหาวจึงได้เกิดขึ้น
 

2379.
กราบเรียน อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

ดิฉันโชคดีได้มีโอกาสฟังการบรรยายธรรมจากอาจารย์ มาประมาณสองเดือนนี่เอง   ดิฉันสนใจศึกษาธรรมะมาหลายเกือบ 20 ปีแล้ว ส่วนใหญ่อ่านจากหนังสือ ตอนแรกก็อ่านเกี่ยวกับการเกิด การตาย การระลึกชาติ แล้วก็มีคำถามอยู่ในใจมาตลอด ต่อมาก็อ่านหนังสือเกี่ยวกับตายแล้วไปไหน อ่านชีวะประวัติอริยสงฆ์ อภินิหารต่างๆที่ท่านได้ประสบพบเจอตามหนังสือแจงมา แต่ยังไม่มีโอกาสปฏิบัติธรรมอย่างเป็นทางการ ที่ทำได้ก็ด้วยการเริ่มหัดสวดมนต์ เริ่มนั่งสมาธิหลังสวดมนต์ เป็นเวลาประมาณ 15-20 นาที แต่ไม่ทุกวัน แล้วแต่โอกาสอำนวยค่ะ เพิ่งทำมาได้ประมาณสองเดือนนี่เองค่ะ ตอนนี้อายุก็กลางคนไปแล้วค่ะ( 48 ปี) ดิฉันมีคำถามที่ค้างคาใจมานาน คือ เมื่อประมาณ 10 กว่าปีมาแล้ว ณ ตอนนั้น ดิฉันก็ทำบุญตามโอกาส แต่ไม่ได้ตั้งใจถือศิลอะไรค่ะ มีก็ตักบาตรเกือบทุกวันมีกรวดน้ำ อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร ตามบทสวดค่ะ มีครั้งหนึ่ง ดิฉันฝันว่า มีคนหนึ่งเป็นผู้ชาย ไม่เคยรู้จักมาก่อน ในฝันนั้นด้วยจิตดิฉันรู้ว่าเป็นยมฑูต มาพูดชวนให้ไปเป็นยมฑูตด้วยกัน ดิฉันพูดตอบเขาไปว่า ดิฉันห่วงลูกซึ่งยังเล็ก รอให้ลูกโตก่อน

จากเรื่องราวนี้

1. ติดใจดิฉันมานานเกือบ 20 ปีแล้ว   ไม่ทราบว่า ดิฉันจะละทิ้งความคิดนี้ ได้อย่างไรค่ะ

2. จะเป็นจริงหรือไม่ค่ะ ในเมื่อมียมฑูตพูดชักชวนให้ไปทำหน้าที่ยมฑูตด้วยกัน ค่ะ

3. จากคำพูด ที่ดิฉันบอกเขาว่ารอให้ลูกโตก่อน เป็นการรับปากหรือเปล่าค่ะ

4. ดิฉันไม่อยากไปเป็นยมฑูต ตามที่เขาชวน อยากพบพระนิพพาน ตามที่ในหนังสือกล่าวไว้ และอย่างที่ท่านอาจารย์ ดร.สนอง บรรยายธรรมมา ดิฉันควรแก้ใข และ ทำอย่างไรค่ะ

ุดิฉันทราบค่ะ ว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม (โดยไม่รู้ว่าเราได้ทำกรรมอะไรในอดีตชาติ มาบ้างค่ะ)

ขอเมตตาจากท่านช่วยให้ความกระจ่างกับดิฉันด้วยค่ะ  

ขอบคุณมากค่ะ
กาญจนา

คำตอบ
     การอ่านหนังสือ ( คันถธุระ ) ให้ผลเป็นเพียงความจำ ( สัญญา ) ซึ่งจะเป็นจริงหรือเท็จไม่สามารถเชื่อถือได้ แต่การปฏิบัติธรรม ( วิปัสสนาธุระ ) ให้ผลเป็นความรู้ เห็น เข้าใจความจริงด้วยตัวเอง และสามารถนำพาชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีสองทางให้เลือก หากเลือกอย่างหลัง ก็จะเข้าใจความจริงด้วยตัวเองได้ และสามารถนำชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ ผู้รู้จริงแท้นิยมเลือกอย่างหลัง ซึ่งจะไม่สงสัยในเรื่องใดๆทั้งสิ้น

     (๑). คำตอบที่ว่า “ขอให้ลูกโตก่อน” เป็นคำตอบแบบยอมรับ เมื่อใดที่เหตุปัจจัยบงตัว ย่อมต้องมีชีวิตเป็นยมฑูตในวันข้างหน้า หากประสงค์จะล้มเลิกคำตอบเดิม ต้องทำอามิสบูชา (ดอกไม้ ธูป เทียน) ไปขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาทิ พระพุทธรูป พระเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุหรือบรรจะพระธรรมวินัย ฯลฯ ขอยกเลิกคำตอบเดิมที่ให้ไว้กับพญายม แล้วเปลี่ยนเป็นคำตอบใหม่ตาที่ตนปรารถนา การยกเลิกฯ จึงจะเกิดขึ้นได้

     (๒). พระพุทธโคดมสอนมิให้เชื่อในเรื่องสิบอย่าง (กาลามสูตร ๑๐) ผู้ใดพัฒนาจิต (สมถภาวนา) ตนเองจนเข้าถึงอวิชชา ๕ ได้ และพัฒนาจิต ( วิปัสสนาภาวนา ) ตนเอง จนเข้าถึงญาณ ๑๖ ได้แล้ว ย่อมรู้ เห็น เข้าใจด้วยตัวเองว่า “คำพูดชักชวนของยมฑูต” จะเป็นจริงหรือไม่ ต้องขออภัยหากผู้ตอบปัญหาพูดให้ฟัง ผู้ถามปัญหาเป็นเพียงรับทราบแบบสัญญา ซึ่งจะไม่ทราบว่าเป็นจริงหรือเป็นเท็จ ดังนั้นจึงควรเข้าถึงความสงสัยด้วยตัวเองตามแนวทางที่บอกไว้

     (๓). เป็นคำตอบที่มิได้ปฏิเสธ เมื่อใดที่เหตุปัจจัยลงตัว ผู้ถามปัญหาต้องไปเกิดเป็นสหายของพญายม ตัดสินชีวิตของสรรพสัตว์ผู้มีจิตอยู่ใต้อำนาจของกาม อยูในยมโลกแน่นอน

     (๔). แก้ไขตามข้อ (๑).

     ขออภัย … . บุคคลผู้ขาดสติชอบเอาจิตไประลึกรู้อยู่กับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ย่อมส่งผลให้ชีวิตถอยห่างไกลจากพระนิพพาน ผู้รู้จริงแท้จึงมิได้สนับสนุนให้นำจิตไประลึกอยู่กับเรื่องในอีตเช่นนั้น
 

2378.
เรียน อาจารย์ ดร.สนอง

ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ติดตามการเผยแพร่ธรรมของท่านอาจารย์ ซึ่งทำให้เข้าใจธรรม และเรื่องของกรรมได้ชัดเจน ลึกซึ้งมากขึ้นคะ ในวาระนี้ดิฉันมีคำถามมารวบกวน เพื่ออาจารย์เมตตาตอบให้ด้วยคะ คุณแม่ของดิฉัน อายุ 76 ปี

ท่านได้รับความกดดันตั้งแต่เด็กจากครอบครัวทั้งแม่ พ่อเลี้ยง พี่สาวน้องและญาติ ทั้งเมื่อมีครอบครัวต้องแบกภาระในการเลี้ยงชีพและ ลูก 3 คน ( คุณพ่อทำงาน ช่วยครอบครัวอยู่แล้ว) โดยมีญาติพี่น้องมาอาศัยทำให้ภาวะเศรษฐกิจในครอบครัวฝืดเคืองมากขึ้น และบรรยากาศในครอบครัวอึดอัด ปัจจุบัน คุณแม่พ้นจากสภาวะนั้น ๆ แล้วคุณแม่เป็นโรคอัลไซร์เมอร์ และมักจะคิดถึงเรื่องเก่า ๆ รวมถึงการสร้างมโนภาพว่ามีญาติมารุมขอเงินอีก เปลี่ยนเป็นคนนั้น คนนี้บ้าง พลัดกันไป ทำให้คุณพ่อเครียดรวมถึงคนในบ้านด้วย ดิฉันและทุกคนในบ้านพยายามอธิบาย แต่กลับทำให้คุณแม่โมโหมากขึ้นอีก อาจารย์คะ ดิฉันใช้ความพยายามเป็นเวลาตลอด 10-20 ปีในการรักษาทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน และโดยการปฏิบัติธรรม (โดยมีเป้าหมายส่วนตัวคือ อธิฐานเข้าเขตพระนิพพาน ...ไม่ว่าจะได้หรือไม่เป็นความตั้งใจที่แนวแน่ไม่มีลังเลสงสัย...) และส่งบุญให้เจ้ากรรมนายเวรของแม่ ทั้งรวมพี่น้อง( ญาติ) มาทำบุญส่งให้บรรพบุรุษ แต่อาการของแม่ ขึ้น ๆ ลง ๆ คะ

ดิฉันตัดสินใจเขียน เล่าเรื่องราวมาถามอาจารย์ เพื่อขอความเมตตาธรรม จากอาจารย์ช่วยแนะนำ สิ่งที่ดิฉันควรจะทำในขณะนี้ และจะต้องทำต่อไป ทั้งนี้ ดิฉันไม่กล้าพอที่จะขอคำใด ๆ มาอวยพรอาจารย์.....เพราะรู้ดีว่าท่านมีพร้อมแต่ขอให้อาจารย์เมตตาต่อพวกเราทุกคน ที่คอยฟังคำตอบจากอาจารย์คะ

ขอบพระคุณคะ

ปรียา จินาโต

คำตอบ
       จิตที่มีสติไม่สมบูรณ์ ย่อมมีโอกาสเกิดโรคหลงลืม ( อัลไซเมอร์ ) ได้ พระสงฆ์ที่ทำวัตร ( สวดมนต์ ) เช้าเย็นอยู่เสมอ มีอายุเกิน ๑๐๐ ปีแล้วยังไม่เป็นโรคอัลไซเมอร์ ฉะนั้นคนไข้จึงต้องแก้โรคนี้ด้วยตัวเอง ด้วยการพัฒนาจิต ( สวดมนต์และนำจิตภาวนา ) ให้มีกำลังของสติเพิ่มมากขึ้น จึงจะหายจากโรคนี้ได้ เนื่องจากคนไข้มีอายุมากถึง ๗๖ ปีแล้ว ลูกสามารถช่วยท่านได้ด้วยการเปิดซีดีธรรมะ ซีดีสวดมนต์ให้ฟัง หากท่านเห็นดีด้วยและยอมฟัง แล้วอุทิศบุญกุศลที่เกิดจากการฟัง ให้เจ้ากรรมนายเวรไปเรื่อยๆ เมื่อใดที่จิตมีกำลังของสติเพิ่มมากขึ้น และหนี้เวรกรรมลดน้อยลง โอกาสหายจากโรคอัลไซเมอร์จึงจะเกิดขึ้นได้

   อนึ่ง เอาแม่เป็นครูสอนใจตัวเองว่า สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ใครทำกรรมไว้อย่างไร ผู้ทำกรรมต้องเสวยผลของกรรมนั้น ดังนั้นผู้รู้จริงแท้จึงทำแต่กรรมดี ( ไม่เบียดเบียน ) ไว้เป็นเหตุ แล้วผลดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นให้ตนเองต้องได้รับ

     กรรมและหนี้ของกรรมเป็นของเฉพาะตน หากเจ้ากรรมนายเวรยอมรับการชดใช้หนี้เวรกรรมแทนกันได้ ผู้ถามปัญหาควรำตัวเข้าปฏิบัติธรรม แล้วขอความเมตตาจากผู้ร่วมปฏิบัติอุทิสบุญกุศล (บุญใหญ่) ให้กับเจ้ากรรมนายเวรของแม่ โรคดังกล่าวก็จะหายได้เร็วยิ่งขึ้น
  

2377.
รบกวนขอความรู้อาจารย์สนองครับ

1. หากเกิดในชั้นพรหมโลกใน 12 ชั้นแรก จะสามารถพัฒนาจิตจากปุถุชน ให้เข้าสู่ความเป็นอริยะบุคคลชั้นโสดาบันได้ไหมครับ แล้วสามารถพัฒนาสูงสุดได้ในระดับใดครับ

2. ผมโดนโกงทรัพย์จากคนใกล้ชิดทำให้มีหนี้สินจำนวนมาก เิงินที่เก็บสะสมไว้ตลอดชีวิตอันตธานหายไปหมดสิ้น แถมยังติดลบทำให้ชีวิตครอบครัวอยู่อย่างอัตคัต ไม่ทราบว่าสิ่งนี้เป็นวิบากเก่าของผมหรือไม่

3. เงินที่ผมสะสมมาชั่วชีวิตนั้น ก่อนหน้านี้ตั้งใจจะเก็บไว้ให้บุพการี ใช้รักษาตัวยามแก่เฒ่า และผมตั้งอธิษฐานไว้ก่อนหน้านี้ว่าชีวิตนี้ตั้งใจนำทรัพย์ที่หามา ตอบแทนคุณบุพการีและบูชาพระคุณพุทธศาสนา ตลอดชั่วชีวิตของผม แต่เิงินส่วนนี้กลับโดนผู้อื่นเบียดเบียนไป

ไม่ทราบว่าผู้เบียดเบียนทรัพย์ของผม เท่ากับเบียดเบียนทรัพย์ของศาสนาไปด้วยใช่หรือไม่ แต่ผมเองก็ตั้งใจจะำวางใจอย่างที่

อาจารย์บอกว่าคนที่เบียดเบียนคือครูสอนเรา ให้เห็นโทษของทุกข์ โลกธรรม แต่ก็ยังวางใจแบบนั้นไม่ได้ตลอด เ พราะเมื่อใดที่ไม่มีเงินเวลาลำบาก ก็ต้องนึกโกรธแค้นคนที่ทำให้ครอบครัวเราเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ขออาจารย์เมตตาให้ปัญญาแก่ผมด้วย

4. การภาวนาตลอดวันหรือทำสมาธิบ่อยๆเท่าที่จะมากได้ จะทำให้เป็นคนดวงดีเนื่องจากเป็นบุญใหญ่จริงหรือไม่ครับ ผมเห็นคนส่วนมากเน้นในการให้ทานโดยเห็นว่าภาวนาแล้วไม่ได้ผลอะไร ไม่ได้ทำให้ชีวิตเป็นอยู่ดีร่ำรวย ไม่ทราบว่าอาจารย์มีความคิดเห็นอย่างไรครับ

กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมใดที่ล่วงเกิน ข้าพเจ้าขอกราบขอขมาอาจารย์สนองไว้ ณที่นี้ด้วยครับ

ขอให้ท่านอาจารย์สำเร็จดังความตั้งใจ ในทุกๆความปรารถนาด้วยครับ สาธุ

คำตอบ
      (๑). พัฒนาได้ครับ ด้วยการพัฒนาจิตจนเกิดเป็นความเห็นถูกตามธรรม ด้วยการอธิษฐานจิตก่อนปฏิบัติสมถภาวนาว่ จะพัฒนาจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) แล้วจะใช้จิตพิจารณาสติปัฏฐาน ๔ ตามกฎไตรลักษณ์จนเห็นผัสสะที่เกิดขึ้นเป็นอนัตตา แล้วปัญญาเห็นแจ้งในผัสสะนั้นย่อมเกิดขึ้น เมื่อใดที่จิตบรรลุญาณ ๑๖ ได้แล้ว สภาวธรรมในดวงจิตย่อมเข้าถึงความเป็นอริยบุคคลตั้งแต่ระดับต้นจนถึงสูงสุดได้

     (๒) ผู้ที่พัฒนาจิตจนเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ย่อมเชื่อว่าอกุศลวิบากที่ตนกำลังเสวยอยู่นั้น เป็นผลจากกรรมไม่ดีที่ตนทำไว้แต่อดีตและยอมรับอกุศลวิบากนั้นโดยดุษฎี

     (๓). ขออภัย ผู้เห็นผิดไปจากธรรม ย่อมเห็นทรัพย์ภายนอกเป็นของมีค่า ในครั้งพุทธกาล ราหุลมาทูลขอมรดกจากพระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธโคดมได้ตรัสในทำนองที่ว่า “สิ่งที่ลูกขอนั้นเป็นมนุษยสมบัติ ซึ่งมีแต่จะนำความคับแค้นใจมาให้” ท่านจึงให้พระสารีบุตรเป็นอุปัฏฌาย์บวชราหุล เป็นสามเฌรองค์แรกในพุทธศาสนา เมื่อมีอายุได้ ๗ ขวบและเริ่มปฏิบัติธรรมเรื่อยมาจนมีอายุได้ ๒๐ ปี จึงสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้นิพพานสมบัติ แล้วจึงมาลาพระพุทธเจ้าเข้านิพพานที่ดาวดึงส์สวรรค์

     อนึ่ง ผู้มีสภาวธรรมในดวงจิตเป็นพระอริยบุคคล ย่อมได้รับอริยสมบัติที่มีค่าสูง ยิ่งกว่ามนุษยสมบัติ สวรรคสมบัติ และพรหมสมบัติใดๆทั้งสิ้น

     (๔). หนึ่งในการประพฤติบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ คือ การภาวนา ( ปฏิบัติธรรม ) ซึ่งถือได้ว่าเป็นบุญสูงสุด เพราะเมื่อใดที่จิตเข้าถึงอริยธรรมได้แล้ว โอกาสเป็นเจ้าของอริยสมบัติ ย่อมมีได้เป็นได้

     คนส่วนใหญ่เน้นการให้ทรัพย์ภายนอกเป็นทาน เพื่อผลแห่งความร่ำรวยทรัพย์เป็นหลัก จะมีทรัพย์เงินทองมากน้อยเท่าไร ตายแล้วแม้บาทเดียวก็นำติดตัวไปไม่ได้ ผู้รู้จริงแท้ จึงไม่มุ่งเน้นสั่งสมทรัพย์กำพร้า ดังที่คนเห็นผิดนิยมประพฤติ แต่ผู้เห็นถูกตามธรรมนิยมสั่งสมทรัพย์ที่ไม่กำพร้า คือพัฒนาจิตตนเองจนมีสภาวธรรมเป็นพระอริยบุคคล ( อริยทรัพย์ ) ซึ่งสามารถใช้เป็นปัจจัยนำพาชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง … . สุดท้ายอโหสิกรรมให้ผู้ถามปัญหา
 

2376.
กราบเรียนท่าน อ. ดร. สนอง ที่เครพยิ่ง

  ผมมีความทุกข์ใจ ไม่สงบ อยากจะเปลี่ยน สิ่งที่มากระทบ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้เป็นครู ให้เป็นประโยชน์แต่ยังเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ไม่เป็น ในหลายๆด้าน หามุมมองดีๆ มาบอกตัวไม่ได้ในชั่วขณะที่ถูกกระทบ    เช่น ท่าน อ. เคยยกตัวอย่างว่า เมื่อเราเห็นคนไม่ดี หรืออยู่ร่วมคนไม่ดีให้ คิดเสียว่า เราจะไม่เป็นเช่นเขา ใจเราก็สงบ

  แต่อีกหลายๆกรณี เช่น อากาศร้อนจัด หนาวจัดมากระทบ เราจะบอกตัวเองเช่นไรให้เป็นคุณไม่ทุกข์  

  อยากใคร่ขอให้ อ. สอน และยกตัวอย่าง อย่างละ 1 ของอายตนะแต่หละอย่างครับ เพื่อเป็นแนวทางในการดำรงชีวิตต่อไป  

กราบขอบพระคุณอาจารย์ ครับ

คำตอบ
      คนเห็นผิดเท่านั้นที่คิดจะเปลี่ยนอายตนะภายนอก ให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ แต่คนที่มีปัญญาเห็นถูกตามธรรม ย่อมอยู่กับอายตนะภายนอก โดยไม่เอาจิตเข้าไปเป็นทาสของมัน แล้วความทุกข์ในใจก็จะไม่เกิดขึ้น

     หากผู้เห็นผิด พัฒนาจิตตนเอง (ปฏิบัติธรรม) จนเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ปัญหาความทุกข์ทางใจจะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป กล่าวโดยสรุป ต้องพัฒนาจิตตนเองให้ได้ครับ
 

2375.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนองที่เคารพ

  หนูมีเรื่องขอความกรุณาจากอาจารย์ เพื่อความกระจ่างแจ้งแก่ใจเป็นครั้งที่ สามค่ะ คือ ช่วงวันที่ 27 ธค- 31 ธค ที่ผ่านมา หนูได้ไปปฏิบัติธรรม หนูเคยปฏิบัติธรรมมาแล้ว 3 ครั้ง (ตอนเรียนหนังสือม.ต้น ม. ปลาย และก่อนจบ ป.ตรี 7 วัน) แต่ครั้งล่าสุดนี้ป้าคนที่หนูนับถือเขาจัด แล้วหนูก็ได้ไปปฏิบัติกับเขา แต่มันทำให้หนูเกิดความรู้สึกว่าไม่ใช่ทางที่หนูค้นหา เพราะ ดังนี้ค่ะ

1 หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ ไม่มีการสอนปฏิบัติธรรม ป้าที่ชวนหนูมาเขาเป็นอาจารย์ แต่ก็มิได้สอนใดๆ

2 เวลาว่างบ้างก็ปูเสื่อนอน  บ้างก็พูดคุยกันหัวเราะสนุกสนาน  รวมถึงป้าที่เป็นอาจารย์ด้วย  

3 หลังจากทำวัดเย็น ป้าเขาเป็นร่างทรง ก็มีคนเข้าร่าง เขาว่าเป็นพระ ผู้มาปฏิบัติธรรมครั้งนี้ถือว่าเป็นศิษย์ ป้าเคยแนะนำหนูสวดบทอิติปิโส 108 ( ทุกวันนี้หนูก็ยังสวด) หนูเชื่อในบทสวดแต่หนูไม่เชื่อการเข้าทรง

  - ถ้าเป็นพระจะเข้าร่างผู้หญิงได้หรือคะ ?

  - ถ้าเป็นพระปฏิบัติน่าจะมีวิธีอื่นในการสอนศิษย์ ?

  - หนูเคยเห็นป้าเข้าทรงมา 2-3 ครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ได้สอนธรรมะใดๆ การเข้าทรงมีจริงหรือไม่คะ ? ถ้ามีจริงมีวิธีสังเกตุอย่างไรคะ ? ( ป้าเคยบอกว่า หลวงปู่ชื่อ หลวงปู่ จิตถิกขุ สันทะวาโร) หนูขอความกรุณาท่านอาจารย์ด้วยค่ะ

  - ถ้าหลวงปู่มีจริง แล้วหนูไม่เชื่อเหมือนคนอื่นๆที่ไป หนูจะบาปไหมคะ ? ทำอย่างไรจึงจะไม่มีบาปติดตัวคะ ? เพราะป้าบอกว่าบทสวดได้มาจากหลวงปู่

  - คืนสุดท้ายมีการทำพิธีถือศีล ปรมัตถ์ คือใครจะถือ ก็เลือกข้อใดข้อหนึ่งของศีล 5 หรือหลายข้อก็ได้  มีเพื่อนคนหนึ่งถามหนูว่าเลือกอะไร หนูตอบว่าไม่ได้เลือก ไม่ถือ คือ เราตั้งใจกับตัวเองว่าจะถือศีล 5 

เราขอมีสัจจะกับตัวเองก่อน แล้วปีหน้าค่อยว่ากัน ( การถือศีล ปรมัตถ์ คืออะไรคะ ? แล้วการที่หนูตั้งใจกับตัวเองว่าจะถือศีล 5 แตกต่างกับการถือศีลปรมัตถ์ หรือไม่ ? อย่างไรคะ ?) มีอยู่เรื่องหนึงที่พูดกันในเรื่องศีลข้อ 3 มีผู้ชายคนหนึ่งเลือกศีลข้อนี้ ป้าก็บอกว่าไม่รู้ย่อมไม่ผิด (คือไม่รู้ว่าผู้หญิงมีสามีแล้วแล้วมีอะไรด้วยย่อมไม่ผิด) แต่หนูก็ถามกลับไปว่าแต่ผู้หญิงเขาก็มีพ่อ แม่ด้วยไม่ใช่หรือ ก็น่าจะผิดต่อพ่อ แม่เขาแล้ว ถ้าคุณมีครอบครัวแล้ว แล้วไปคิดกับหญิงอืนก็น่าจะผิดทางมโนกรรมมิใช่หรือ เพราะศีลต้องคลุม กาย วาจา และใจ แล้วก็มีคนสวนกลับมาด้วยความไม่พอใจ ว่าถ้าเอามาคิดละเอียดอย่างน้อง ก็คงไม่ต้องกระดิกไปไหน แล้วก็คงไม่ต้องทำอะไรแล้ว หนูก็เลยได้แต่ฟังแล้วเงียบ  

    การได้พูดคุยกันในเรื่ิองของธรรมะ หนูก็ยิ่งรู้สึกว่าหนูแตกต่างจากคนอื่นๆ  หลังจากมีพฤติกรรมที่แตกต่างแล้ว คือ คนอื่นบ้างก็นอน บ้างก็หัวเราะ พูดคุย แต่หนูนั่งสมาธิ และเดินจงกรม ป้าที่เป็นอาจารย์บอกหนูว่าหนูเครียดเกินไป พักผ่อนบ้าง  หนูยอมรับเลยคะว่าเห็นพฤติกรรมของคนที่มา แล้วรู้สึกหงุดหงิดมากในตอนแรก แต่ก็คิดได้ว่าเรามาเพื่ออะไร ตั้งใจทำอะไร จะสนใจคนอื่นทำไม หนูก็ทำของหนูคนเดียวจนวันสุดท้าย

 4 จากทั้งหมดนี้ หนูเข้าใจว่าการปฏิบัติธรรมของสถานที่นี้ ไม่ถูกตรงตามธรรม หนูเข้าใจถูกไหมคะ ?

 5 อยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า ที่ จันทบุรี มีสถานปฏิบัติธรรม ที่ถูกตรงตามธรรมที่ใดบ้างคะ ? หนูทราบมาว่าท่านพ่อลี ได้สร้างสถานปฏิบัติธรรมที่จันทบุรีถืง 11 แห่ง แต่ก็ไม่เคยทราบเลยว่ามีที่ใดบ้าง ?เพราะหนูจะหาโอกาสไปอีกให้ได้

      สุดท้ายนี้ หนูขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูง ที่กรุณาให้ความกระจ่างแก่หนู สิ่งที่ท่านอาจารย์เคยชี้แนะหนูได้ปฏิบัติตามค่ะ ด้วยบุญกุศลใดที่หนูใด้กระทำแล้วตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขอส่งผลให้ท่านอาจารย์มีสุขภาพกายที่แข็งแรง จิตใจที่แข้มแข็ง มีบารมีที่แข็งแกร่ง และขอให้หนูได้มีดวงตาเห็นธรรม ตามที่ท่านอาจารย์ได้ชี้แนะสั้งสอนในชาตินี้........ขอบคุณค่ะ

                  รักเคารพ...............ด้วยดวงจิต

คำตอบ
      ความประพฤติที่เป็นเดรัจฉานวิชา ( เข้าทรง ) มิใช่ปฏิปทานำพาชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์ ผู้ใดไม่ประพฤติตามพฤติกรรมหลงๆเช่นนั้น ไม่ถือว่าเป็นบาป

     (๑). และ (๒). ถือว่าเป็นเรื่องของเขา

     (๓). จงเอาเขาเป็นครูสอนใจว่า เราจะไม่ประพฤติเช่นเขา แล้วเราจะไม่เป็นคนหลง ( โมหะ ) เช่นเขา

- จิตวิญญาณที่มาเข้าทรง หากมิได้คิดว่า ร่างที่มาเข้าทรงนั้นเป็นร่างของมาตุคาม ไม่ถือว่าเป็นบาป

- ป้าคนที่ผู้ถามปัญหานับถือเป็นครูสอนใจเราว่า อย่าได้ประพฤติเช่นเขา แล้วเราก็จะไม่มีความเห็นผิดเหมือนเขา

- การเข้าทรงมีจริง แต่เป็นเดรัจฉานวิชา ที่พระพุทธโคดมห้ามผู้ปรารถนาพัฒนาจิตสู่ความพ้นทุกข์ มิให้ประพฤติ

     ผู้ใดอยากรู้ว่าการเข้าทรงเป็นจริงหรือเท็จ ต้องดูที่พฤติกรรมของคนทรง หากมีพฤติกรรมตรงกันกับจิตที่มาอาศัยร่างทรง การทรงในครั้งนั้นเป็นเรื่องจริง แต่หากตรงกันข้าม ถือว่าการทรงในครั้งนั้นไม่จริง แต่การทรงเจ้าจะเป็นจริงหรือเป็นเท็จ ก็มิได้เป็นเหตุนำพาชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์คือพ้นจากวัฏสงสาร ผู้รู้จริงแท้จึงไม่เห็นดีด้วย

     - หลวงปู่สอนให้คนหลงนำพาชีวิต เวียนตายเวียนเกิดอยู่ในวัฏสงสาร หากผู้ถามปัญหาไม่เชื่อไม่ถือว่าเป็นบาป

     - ในครั้งพุทธกาล วิสาขา (อายุ ๗ ขวบ) มีสภาวธรรมในดวงจิตเป็นพระโสดาบัน จึงมีศีล ๕ คุมใจอยู่ทุกขณะตื่น นั่นแสดงว่า วิสาขามีจิตมั่นคงไม่หวั่นไหวในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และมีศีลไม่ขาด ไม่ทะลุ (ศีลครบ) ไม่ด่าง ไม่พร้อย (ไม่มีมลทินปนเปื้อน)

     - ผู้มีสติและมีปัญญาเห็นถูกตามธรรม เมื่อได้ยินได้ฟังคนหลงสนทนากันแล้วตนเองเงียบได้ … .. สาธุ

     (๔). ผู้ถามปัญหาเข้าใจถูกตามธรรมแล้ว จงดำเนินปฏิปทาต่อไป

     (๕). ต้องขออภัย เพราะไม่มีประสบการณ์
 

2374.
เรียนอาจารย์ สนองครับ

มีข้อสงสัยครับ

  1 อานิสงฆ์ของการพิมพ์พระไตรปิฏก ถวายพระมีอะไรบ้างครับ ในอินเตอร์เน็ทบอกถึงอานิสงฆ์ที่เยอะมาก ดูเหมือนนิยาย   แล้วการเจริญวิปัสนาจะมีอานิสงฆ์เยอะกว่าพิมพ์พระไตรปิฏหรือไม่ครับ  

  2 พระไตรปิฏกที่เราอ่านกันทุกวันนี้ อาจารย์ทราบหรือไม่ครับว่ามีการแก้ไขกัน มากขนาดไหน คือบางครั้งผมอ่านแล้วก็เข้าใจยาก   แล้วแบบนี้เราจะเข้าถึงธรรมะตรงตามพระพุทธวจนได้อย่างไรครับ   และถ้าหาก เราตีความผิด เราจะไม่บาปเหรอครับ

  3 ช่วยอธิบายอานิสงฆ์ของการแผ่เมตตาใหญ่( 10 ทิศ)ให้ด้วยครับ ว่าทำไม อานิงสงฆ์จึงมากกว่า การถือศีล และ การสร้างวิหารทานหรือเจดีย์  
 
  4. กรณีผมย้ายฐานเจดีย์ แต่เราก็รู้ว่าเรามีเจตนาดี และศรัทธรากับสิ่งที่ทำ   และรู้ว่าทุกคนที่ร่วมทำบุญ ก็ไม่ถือสา และเห็นดีด้วย   แบบนี้ก็บาปเหรอครับ ช่วยอธิบายด้วยครับ   ถ้าหากบาป ผมจะเเผ่เมตตาต่อติตใจตัวเอง ให้อภัยแก่ตัวเองเพราะความไม่รู้ จะเป็นประโยชฯ์ หรือไม่ครับ   หรือนึกถึงไตรลักษณ์ ครับ เพราะ จิตยังเศร้าหมองอยู่

   5 การทำบุญด้วยจิต ที่ศรัทธรากับสิ่งที่ถวาย แต่อาจจะเศร้่ามอง อานิสงฆ์ น้อยกว่า การทำบุญด้วยจิต ที่ศรัทธรา และจิตใจที่สงบ

   6. เคยทราบจาก กระทู้ต่างๆ ไอ้ยกอ้างข้อความจากพระฤาษีลิงดำ ว่าหากอนูโมทนา(ด้วยใจที่ศรัทธาว่าถ้าหากเราทำ เราจะเทำแบบนี้เช่นกัน)  20-30 ครั้ง ยังได้บุญเยอะกว่า คนทำบุญเสียอีก(กรณีถวายสังฆทาน) จริงเหรอครับ   แล้วกรณี การอนุโมทนาบุญกับผู้นั่งสมาธิ จะได้บุญไหมครับ ถ้าเราไม่ได้ไปปฏิบัติ หรือนั่งปฏิบัติไปกับเค้า

ขอบุญใดที่เกิดจากการถาม จงเกิดแก่ผู้อ่านท่านอื่นๆและแก่ผู้ตอบครับ  
ข้าพเจ้าไม่มีเจตนาจะลบหลู่ต่อคำสอนขององค์พระศาสดา  

กราบขอบคุณอาจารย์ ครับ

คำตอบ
      ( ๑ ). การพิมพ์พระไตรปิฎกถวายพระ มีอานิสงส์โดยรอบเป็นบุญสูงสุด แต่การให้ธรรมะเป็นทานมิได้เป็นเหตุตรงให้เข้าถึงพระนิพพาน ตรงกันข้าม การพัฒฯจิตตนเองจนเกิดปัญญาเห็นแจ้ง ( วิปัสสนา ) แล้วใช้ปัญญาที่พัฒนาได้ กำจัดสังโยชน์ ๑๐ โดยเฉพาะกิเลสตัวใหญ่คือ อวิชชา ให้หมดไปจากใจได้เชื่อใจ เมื่อนั้นจิตจึงจะเข้าถึงอาสวักขยญาณ แล้วความพ้นไปจากวัฏสงสารจึงจะเป็นไปได้

     ( ๒ ). คนที่ให้ความหมายผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงแท้ ย่อมได้รับอานิสงส์เป็นบาป

การสังคายนาพุทธศาสนาครั้งใด หากมีองค์ประชุมเป็นพระอรหันต์ที่เข้าฌานได้ล้วนๆ การสังคายนาพุทธศาสนาในครั้งนั้น ย่อมเข้าถึงพระธรรม พระวินัย และพระสูตร ที่แท้จริงของพระพุทธโคดม

     ( ๓ ). ผู้ใดสามารถให้อภัยเป็นทานได้ในทุกเหตุที่ทำให้ขัดใจ เรียกผู้นั้นว่าเป็นผู้มีอารมณ์สงบเย็น ( เมตตา ) ผู้มีเมตตาเมื่ออุทิศ ( แผ่ ) เมตตาให้กับใครผู้ใดแล้ว หากเขารับทราบแล้วอนุโมทนา ผู้แผ่เมตตาย่อมได้รับความเป็นเพื่อนจากเขาผู้นั้น

     การแผ่เมตตาใหญ๋ เป็นการให้ความรักความปรารถนาดีแก่สรรพสัตว์ในทิศทั้งสิบ หากจิตวิญญาณของผู้แผ่เมตตาโคจรไปสู่ภพภูมิใดในทิศทั้งสิบ ย่อมได้รับความเป็นเพื่อคือมีเพื่อนมาก ส่วนการรักษาศ๊ล สร้างวิหารหรือเจดีย์ เป็นบุญที่เกิดขึ้นกับผู้สร้าง หากไม่อุทิศให้ผู้อื่นหรือสัตว์อื่น ความเป็นเพื่อนย่อมไม่เกิดขึ้น

     ( ๔ ). ความเศร้าหมองของจิตเป็นอกุศลวิบาก ( บาป ) ผู้ที่เคยทำกรรมไม่ดี ( ย้ายฐานเจดีย์ ) ไว้แล้ว ต้องได้รับผลไม่ดีตามกฎแห่งกรรม หากผู้ร่วมทำบุญมีเจตนาเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หากมารับทราบในภายหลังว่า เจตนาของเขาได้ถูกทำให้แปรเปลี่ยนไป หากผู้ร่วมทำบุญเห็นดีด้วย จึงจะไม่เป็นบาปกับผู้ที่ไปย้ายฐานเจดีย์ของเขา หากผู้ย้ายฐานเจดีย์เกิดความไม่สายใจในการกระทำแล้วนั้น ผู้ตอบปัญหาแนะนำให้พัฒนาจิตตนเอง ( วิปัสสนาภาวนา ) จนเห็นสรรพสิ่งที่เข้ากระทบจิตเป็นอนัตตาได้แล้ว บาปที่เกิดจากกการไปย้ายฐานเจดีย์ของผู้อื่น ย่อมเป็นอโหสิกรรมไปโดยปริยาย

     ( ๕ ). ให้ทานด้วยจิตศรัทธาถือว่าเป็นบุญ แต่เมื่อให้ทานแล้ว มีความเศร้าหมองเกิดขึ้นกับจิต ถือว่าเป็นบาป ดังนั้นการให้ทานในลักษณะนี้ จึงได้ทั้งบุญและบาป ตรงกันข้าม ผู้ใดให้ทานแล้วมีจิตสงบเย็นชุ่มชื่น การให้ทานในลักษณะนี้ได้บุญด้วย

     ( ๖ ). อนุโมทนาเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ผู้ใดอนุโมทนาในความดีของผู้อื่น ผู้นั้นย่อมมีบุญเกิดขึ้น ผู้มีสติไม่เว้นที่จะอนุโมทนาบุญทุกครั้งที่ได้เห็นการให้ทานของแต่ละบุคคล แล้วบุญย่อมถูกเก็บสั่งสมไว้ในดวงจิตทุกครั้ง ด้วยเหตุนี้ผู้อนุโมทนาจึงมีบุญมากกว่าผู้ถวายทาน ซึ่งได้บุญเฉพาะสังฆทานที่ตนถวาย

    การนั่งสมาธิ หากมีเจตนาทำให้จิตสงบจากอารมณ์ปรุงแต่ง เพื่อใช้เป็นฐานนำสู่การเกิดปัญญาเห็นแจ้ง การนั่งสมาธิแบบนี้ย่อมได้อานิสงส์ของบุญมากกว่า การอนุโมทนาบุญจากผู้ถวายทานเพียงอย่างเดียว
 

2373.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพอย่างสูงครับ
     กระผมมีปัญหาจะเรียนถามท่านอา่จารย์ดังนี้ คือ ถ้าหากว่าในแต่ละวันนอกจากเราจะไม่ละเมิดศีล 5 ด้วยกายและวาจาได้แล้ว ยังมีปกติไม่คิดฆ่าสัตว์ ไม่คิดลักทรัพย์ ไม่คิดผิดลูกเมียผู้อื่น ไม่คิดพูดวจีทุจริต (ไม่เท็จ-ไม่หยาบ-ไม่ส่อเสียด-ไม่เพ้อเจ้อ) และไม่คิด อยากดื่มสุราเมรัย และเสพสิ่งเสพติดทุกชนิดได้แล้ว อย่างนี้เรียกได้ว่าเป็นผู้มี "ศีล 5 คุมใจ" ได้หรือยังครับ และนอกจากการมีศีล 5 คุมใจได้แล้ว จำเป็นจะต้องมีอินทรียสังวรศีล เพื่อควบคุมตนเองไม่ให้กิเลสเข้ามาทางทวารทั้ง 6 อีกหรือไม่ครับ

     ขอความเมตตาท่านอาจารย์ ช่วยตอบข้อข้องใจให้กระผมด้วยนะครับ เพราะผมต้องการปฏิบัติธรรม ให้เข้าถึงความเป็นโสดาบันภายในชาตินี้ แต่ยังไม่แน่ใจว่าตน เองนั้นมีศีลบริสุทธิ์พอที่จะภาวนา เพื่อให้เกิดปัญญาเป็นแจ้งได้หรือยัง ทุกวันนี้ก็สวดมนต์ นั่งสมาธิ เจริญสติในอิริยาบถต่างๆเท่าที่จะ
ระลึกได้ บางครั้งก็พิจารณาอสุภกรรมฐาน เพื่อละความยึดติดในตัวตนและกามราคาด้วยครับ
  
     ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง ที่เมตตาตอบปัญหากระผม ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงบรรดาลให้อาจารย์มี สุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง อยู่คู่กับชมรมกัลยานธรรม เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์มิให้ตกไปในอบายภูมิต่อไป สาธุ

คำตอบ
      ที่เขียนอธิบายไป เรียกได้ว่า เป็นผู้มีศีล ๕ คุมใจได้ จากนั้นควรเร่งความเพียรฝึกจิตให้มีสติ (สมถภาวนา) เพราะผู้มีสติกล้าแข็งย่อมมีพลังคุมอินทรีย์ทั้ง ๖ (หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ) ไว้ได้ ซึ่งเรียกว่า มีอินทรียสังวร

     หากพละ ๕ (สัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา) ยังไม่กล้าแข็ง ควรเร่งความเพียร พิจารณาอสุภะ หรือ กายคตาสติให้มาก แล้วกามราคะจึงจะมีโอกาสดับไปได้
   

2372.
มีข้อสงสัยครับ

กระผมเริ่มนั่งสมถกรรมฐาน เนื่องจากฟังอาจารย์ในสื่อออนไลน์ต่างๆ รู้สึกศรัทธาและนับถืออาจารย์เปรียบเสมือนผู้ให้กำเนิดทางธรรมสำหรับผม. กระผมทำงานที่สนามบินสุวรรณภูมิ ต้องเจอะเจอคนต่างชาติทุกวัน และงานต้องแข่งกับเวลาทำให้จิตต้องรับสิ่งกระทบตลอด.

ผมขอถามครับ

1. เมื่อกำหนดความปวดขาหายแล้ว จะต้องทำอย่างไรต่อไปครับ.

2. อานาปานสติคืออะไรครับ. ใช่วิปัสนาหรือเปล่าครับ

3. หลังจากนั่งสมาธิไปได้ 2 ชม รู้สึกว่าระดับสมาธิจะตำลงเพราะอะไรครับ

4. ผมไม่รูว่าเมื่อไรควรจะเริ่มพิจรณา กาย เวทนา จิต ธรรม หรือต้องรอจน กว่าจิตจะเข้าถึงอัปนาสมาธิ ซึ่งขณะนี้จิตผมยังไปไม่ถึง และก็ไม่ไช่เรื่องง่ายเลย. ที่จะเข้าสู่ความสงบอย่างนั้นครับ

กราบขอบคุณอาจารย์ ครับ

คำตอบ
     
ใจเป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่สั่งร่างกายให้ทำงานได้ ดังนั้นคนที่รู้จริงแท้จึงทำงานด้วยใจ ทำงานด้วยวิธีการอันเลิศโดยไม่หวังผลเลิศ

    (๑). ต้องเอาจิตกลับมากำหนดองค์บริกรรมเดิม ที่ทำอยู่ก่อนที่จะมีอาการปวดขาเกิดขึ้น

    (๒). อานาปานสติ เป็นวิธีฝึกจิตให้มีสติประเภทหนึ่ง ด้วยการเอาจิตจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า และจดจ่ออยู่กับลมหายใจออก ยังมิใช่เป็นการพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง (วิปัสสนา) แต่เป็นการฝึกจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิ

     ผู้มีโมหจริต เหมาะที่จะใช้วิธีการนี้ เพราะจะทำให้จิตมีโอกาสเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิได้เร็ว

     (๓). เหตุเป็นเพราะระดับของสมาธิ ดำเนินไปตามกฎธรรมชาติคือ เกิดขึ้น แปรเปลี่ยน แล้วดับไปเป็นธรรมดา

     (๔). จิตที่เข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิแน่วแน่ (อัปปนาสมาธิ) ไม่สามารถนำมาพิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรมได้ เพราะจิตไม่รับสิ่งกระทบภายนอก (อายตนะภายนอก) ใดๆ มาปรุงให้จิตเกิดอารมณ์ ดังนั้นต้องใช้จิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) มาพิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม แล้วโอกาสเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้ง จึงจะเกิดขึ้นได้

     อนึ่ง การพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง ต้องตั้งโปรแกรมจิตให้ถูก คือ ต้องตั้งไว้ว่า “ทำได้” ไม่ควรตั้งโปรแกรมว่า “ไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย” เพราะจะทำให้เข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้ยาก
 

2371.
กราบเรียนถามท่านอ.ดร.สนอง

1. การซื้อทองเพื่อเก็บไว้เก็งกำไร (หวังผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในระยะยาวเช่น 10 ปี) ผิดธรรมหรือไม่อย่างไรคะ

2. การซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไร (หวังผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในระยะยาว เช่น 10 ปี) ผิดธรรมหรือไม่อย่างไรคะ

3. การลงทุนในช่องทางต่างๆที่จะให้ผลตอบแทนมากกวาดอกเบี้ยเงินฝาก ผิดธรรมหรือไม่อย่างไร เนื่องจาก อัตราเงินเฟ้อสูงถึง 3-4% ถ้าไม่หาช่องทางลงทุนอื่นๆ การฝากเงินเฉยๆ จะหมายถึง มูลค่าเงินลดลงเรื่อยๆค่ะ

กราบขอบพระคุณอย่างสูงในความเมตตาของท่านอ.

คำตอบ
      (๑). อธรรมที่นำไปสู่ความทุกข์ได้แก่ กิเลสที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ดังนั้นการซื้อทองเก็บไว้นาน ๑๐ ปี หากเกิดอาการติดลบดังกล่าว ถือว่าเป็นการประพฤติที่ผิดธรรม

    ในครั้งพุทธกาลพระพุทธโคดมได้ตรัสไว้ในทำนองที่ว่า “มนุษยสมบัติมีแต่ทำความคับแค้นใจมาให้” จากตัวอย่างของพราหมณ์มหาศาลที่มีชื่อว่า โต เทยยพราหมณ์ ตายแล้วจิตวิญญาณยังต้องโคจรไปเกิดเป็นลูกสุนัข เฝ้าสมบัติเก่าของตัวเองในบ้านลูกชาย (สุภมาณพ)

     (๒) และ (๓) คำตอบเป็นในทำนองเดียวกับข้อ (๑).
  

2370.
กราบเรียนดร.สนอง   วรอุไรที่เคารพอย่างสูง

      ดิฉันมีปญหาจะเรียนถามแบบนี้คะ
      ดิฉันไปปฏิบัติธรรมที่วัดหนึ่ง ที่วัดมีรูปถ่ายตอนพระพุทธเจ้าปางปรินิพาน ที่กุสินาราประเทศอินเดียติดอยู่   ดิฉันได้พูดกับรูปภาพว่าถ้าดิฉันท้อง จะเดินทางไปหาท่านเป็นครั้งที่ 2 ดิฉันปฏิบัติธรรมประมาณ 7 วัน และมาทำงานตามปกติ รู้สึกแปลกเลยไปตรวจครรภ์พบว่าท้องได้เดือนครึ่ง และดิฉันก็ได้เดินทางไปอินเดียตอนท้องได้ 3 เดือน ไปอยู่ที่วัดไทยพุทธคยาประมาณ 12 วัน ถือศีล 8 ได้ประมาณ 10 วัน ไม่ได้ไปที่กุสินาราเพราะคนที่ไปด้วย ต้องการปฏิบัติธรรมที่พุทธคยา

     ตอนท้องดิฉันอารมณ์ดีคะจนเด็กและเพื่อนครูแปลกใจ สามารถสวดมนต์และนั่งสมาธิได้อย่างสมำ่เสมอ และเข้าคอรส์ปฏิบัติธรรมได้ ดิฉันผ่าคลอดเพราะน้ำคร่ำน้อย และพอผ่าเสร็จหมอบอกว่าโชคดีที่ตัดสินใจผ่าไว เพราะรกพันคอเด็กสามรอบแล้ว พี่สาวตั้งชื่อให้ว่า ด.ช.ชิโนรส เป็นเด็กฉลาด (เกิด 23 ตุลาคม 2553 เป็นวันปิยมหาราชและวันออกพรรษาคะ) แข็งแรงเหลือเกิน แต่ที่แปลกคือชอบใช้กำลังอารมณ์ดี แต่ถ้าไม่ได้ดังใจจะชอบกว้างของใส่ทุบตี ดิฉันและสามีพยายามหาทางแก้ไข แต่เค้าก็ไม่ยอมจะเอาชนะพ่อแม่ให้ได้ ตอนนี้อายุ 2 ขวบ 3 เดือน ทำให้ดิฉันเครียดมากคะ เพราะต้องใช้สติอย่างมากที่จะต้องควบคุมอารมณ์ อีกอย่างกลัวจะติดนิสัยไปตอนโต เค้าชอบทำบุญ ปล่อยปลา เห็นพระจะยกมือไหว้ตลอด

      อยากถามกรณีที่ดิฉันเล่ามาเป็นการขอลูกจากสิ่งศักดิ์หรือเปล่าคะ และดิฉันควรทำอย่างไร ในการเลี้ยงดูเค้าให้เป็นคนดีคะ ขอขอบพระคุณอย่างสูงคะ

     จากครูต๊อก

คำตอบ
      มิใช่เป็นการขอลูกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นการเปิดโอกาสให้จิตวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์ มาเกิดเป็นลูกได้ เมื่อผู้ถามปัญหาได้จิตวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิมาเกิดเป็นลูกแล้ว ต้องพัฒนาจิตตนเองให้เป็นเนื้อนาบุญที่ดี เพื่อรองรับเขา ให้อยู่กับเราได้นานๆโดยไม่มีปัญหา

    เรื่องเด็กและผู้ใหญ่นั้น พระพุทธโคดมเคยตรัสไว้ในทำนองที่ว่า ในทางโลกเรียกผู้ที่มาเกิดก่อนว่าผู้ใหญ่ เรียกผู้มาเกิดทีหลังว่าเด็ก แต่ในทางธรรมมิได้เรียกเช่นนั้น ผู้ใหญ่แม้จะมาเกิดก่อน หากมีคุณธรรมต่ำ ยังเรียกว่าเป็นเด็ก ตรงกันข้าม เด็กมาเกิดทีหลังหากมีคุณธรรมสูง เรียกว่าเป็นผู้ใหญ่

    ดังนั้นในกรณีที่บอกเล่าไป หากผู้ถามปัญหาปรารถนาให้ลูกอยุ่กับเราไปนานๆโดยไม่มีปัญหา ทังพ่อและแม่ต้องพัฒนาตัวเองให้มีศีล มีธรรม คุ้มใจอยู่ทุกขณะตื่น ครอบครัวที่มีศีลมีธรรม ย่อมประสบแต่ความสงบและมีความสุข
 

2369.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพเป็นอย่างสูง

              ข้าพเจ้าอยากจะถามปัญหาดังนี้ครับ การที่อาจารย์เน้นย้ำอยู่เสมอว่า การที่จะปฏิบัติธรรมให้ก้าวหน้า่ได้นั้นต้องมีศีล 5 คุมใจ ให้ได้ทุกขณะตื่น คำว่า "ศีล 5 คุมใจ" นั้นหมายถึงอะไรและต้องควบคุมใจอย่างไรบ้างครับ เป็นอย่างเดียวกับอินทรียสังวรศีลตามที่ข้าพเจ้า เข้าใจหรือไม่ครับ   ช่วยโปรดอธิบายให้ละเอียดด้วยครับ

              ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร เป็นอย่าสูง และขออนุโมทนาบุญบารมีที่ท่านปฏิบัติมายาวนาน และปณิธาน อันแน่วแน่ของอาจารย์ ในการที่จะช่วยเหลือสัตว์โลกให้ข้ามพ้นจากอบายภูมิและความทุกข์ทั้งปวงด้วย สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

คำตอบ
      คำว่า “ศีลคุมใจ” เป็นคำพูดที่ท่านเจ้าคุณโชดก นำมาพูดกับผู้ตอบปัญหา ในครั้งที่ไปปฏิบัติธรรมอยู่กับท่าน คือ เมื่อใดที่ใจคิด ต้องไม่คิดละเมิดศีลหรือทุศีล เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การพูดและการกระทำ ย่อมเป็นอย่างเดียวกันกับใจ ผู้ที่จะทำได้ต้องมีสติคุมใจอยู่ทุกขณะตื่น และหากผู้ใดมีสัจจะอยู่กับใจได้แล้ว ผู้นั้นย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่คิดละเมิดศีล ซึ่งจะส่งผลให้การปฏิบัติธรรมได้มรรคผลก้าวหน้า

     ส่วนคำว่า “อินทรียสังวร” หมายถึง การสำรวม หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ให้ยินดียินร้าย เมื่อจิตได้รับกระทบจากอายตนะภายนอก การณ์จะเป็นเช่นนี้ได้ จิตต้องมีศีลที่บริสุทธิ์คุมอยู่ทุกขณะตื่นหรือคือ มีอินทรียสังวรศีลนั่นเอง
  

2368.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพยิ่ง

กระผมอยากขอความเมตตาจากท่านอาจ ารย์ให้ช่วยชี้แนะแนวทางหน่อยครับ คือ มีอยู่กว่ากระผมมีคนรักครับ และตัวกระผมเองก็ชอบฟังธรรมะบรร ยายต่างๆ ทั้งนี้ยังชอบไปปฏิบัติธรรมที่วัดตามโอกาสอำนวยด้วยครับ แต่กระผมก็ต้องทุกข์ใจครับเพราะ อยากจะศึกษาวิปัสนากรรมฐานอย่าง จริงจัง รวมทั้งยังรู้สึกว่าตัวเองจะต้อ งบวชให้ได้ (อาจจะใน 2-3 ปีข้างหน้า) ซึ่งเป็นเหตุให้กระผมรู้สึกว่ายิ่งเ ข้าใกล้ธรรมะมากขึ้นเท่าไหร่กระ ผมก็ยิ่งห่างเหินจากคนรัก เพื่อน และครอบครัวมากขึ้นเท่านั้น ส่วนของเพื่อนและครอบครัวนั้นไม่มีปัญหาอะไรเพราะทุกคนต่างเข้า ใจครับ แต่สำหรับคนรักนั้นกระผมไม่รู้จะบอกกับเธอยังไง เพราะหากวันใดที่กระผมสามารถเข้าถึงกระแสธรรมได้วันนั้น ผมคงต้องจากเธอไปแน่ๆ ครับ หากยิ่งคบหากันนานไปกระผมก็เกรง ว่าจะทำให้อีกฝ่ายต้องเสียเวลา และเสียใจมากขึ้น
แต่หากยังแก้ปัญญหาข้อนี้ไม่ได้ การเจริญวิปัสนาก็ไม่ก้าวหน้าเพ ราะกระผมมีความกังวลใจในเรื่องนี้อย่างมากครั


ขอความเมตตาจากท่านอาจารย์ด้วยค รับ
ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ด้วย ความเคารพอย่างสูงครับ

คำตอบ
     คนรู้ธรรมยังกล่าววาจาที่เป็นเท็จได้ แต่คนที่มีธรรม ใจคิดไม่ละเมิดศีลอย่างไร ปากย่อมพูดอย่างนั้น ผู้ที่มีสภาวธรรมในดวงจิตเป็นเช่นนี้ ย่อมมีโอกาสรู้ว่า สรรพสิ่งในวัฏฏะเป็นเพียงสมมุติ คือไม่มีอยู่จริง ดังนั้นเรื่องที่บอกเล่าไป หากประสงค์แก้ปัญหาให้ตรง จงดูแล้วทำตามดาราที่มาบวชเป็นภิกษุ แล้วนำตัวเองไปอยู่ที่ห่างไกลที่ยากต่อการสื่อสารถึง
  

2367.
เรียน อาจานย์ สนอง

 1 ผมทำกล่องรับบริจาค   ชวนเพื่อนจัดพิมพ์พระไตรปิฏกถวายพระ   เและบอกกล่าวว่าจะเอาส่วนเกินไปบริจาคซื้อยาถวายพระ และสร้างอุโบสถ กับวัดนั้น แต่เงินที่ได้ส่วนเกินผมได้นำ เอาไปบริจาคให้โรงพยาบาลสงฆ์ แต่ไม่ได้บอกคนทำบุญบางกลุ่มคับ บอกเฉพาะบางคนที่เราเจอเค้า (เพราะตั้งกล่องเลยไม่รู้จะบอกใครดี) ผมจะบาปหรือป่าว เพราะย้ายเงินไปทำอย่างอื่น แล้วทางแก้จะทำยังไงครับ ต้องทำป้ายบอกคนที่ผมรับบริจาคดีไหม ถามพระ และคนหลายคน เค้าบอกว่า เราเอาเงินบุญไปทำบุญอย่างอื่นนะ ไม่ได้เอาไปใช้ส่วนตัวอย่าคิดมาก  

2 ผมชวนคนทำบุญปล่อยปลา ได้เงินบริจาคเยอะแล้ว เอาเงินบางส่วนไปทำบุญพระไตรปิฏกด้วย แต่ก็อธิฐานขอผลบุญ ให้สัตว์เหล่านั้น และให้บุญกุศลแก่ ผู้บริจาคด้วย ผมจะบาปไหมครับ  คล้ายกับกรณีย้ายฐานเจดีย์หรือป่าวครับ

กราบขอบพระคุณอย่างสูงครับ

คำตอบ
      (๑). สิ่งที่บอกเล่าไปถือว่าเป็นการย้ายฐานเจดีย์ มีอานิสงส์เป็นบาป เป็นการเพิ่มกำลังความเป็นเปรตให้มีมากขึ้น ผู้รู้ไม่นิยมประพฤติตามที่บอกเล่าไป แต่เมื่อรู้ว่าการกระทำของตนเป็นการประพฤติผิดธรรม ผู้รู้ย่อมหยุดไม่ประพฤติอีกต่อไป แล้วพัฒนาจิต (ทาน ศีล ภาวนา) ตนเอง จนสามารถหนีอบายภูมิได้ ก็จะเป็นการแก้ปัญหาที่ดี และจะดีที่สุดหากปิดอบายภูมิได้

     (๒). ผู้บริจาคได้บุญ ผู้รับบริจาคได้บุญตรงที่นำเงินไปสร้างพระไตรปิฎก แต่ได้บาปด้วยเหตุประพฤติย้ายฐานเจดีย์
  

2366.
หนูขอรบกวน

อยากทราบสถานที่ปลอดภัยในการบวชตลอดชีวิต ของสตรีค่ะ

ขอให้ท่านอาจารย์แข็งแรง อายุยืนอยู่เป็นมิ่งขวัญ ของทุกคนตลอดไปค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
     แนะนำสำนักปฏิบัติธรรมนิโรธาราม อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
  

2365.
กราบเรียนอาจารย์ที่เคารพ

เนื่องจากดิฉันต้องการช่วยเหลือคุณลุงท่านหนึ่งซึ่งป่วยเป็นเบาหวาน เคยให้ทานเป็นเงินเล็กน้อย แ่ต่อยากจะช่วยลุงให้ได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัดตามที่ลุงเล่า ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เคยช่วยเหลือบางคนแ่ต่ก็เหมือนถูกหลอก บอกว่าจะนำเงินไปซื้อยาหรือกลับบ้านที่่ต่างจังหวัดแ่ต่กลับไม่ทำ ดิฉันก็ได้แต่ปลง ทุกครั้งที่ได้ช่วยเหลือแบ่งปัน ดิฉันรู้สึกมีความสุข   แต่อย่างไรก็ตามดิฉันไม่อยากเป็นคนโง่ เพราะปัญญายังไม่เข้าถึงธรรม และยังมีหลายเรื่องที่พิจารณาเองไม่ได้
  จึงขอให้อาจารย์เมตตาแนะนำด้วยค่ะ

ขอแสดงความนัถืออย่างสูง

คำตอบ
      ผู้รู้ระลึกได้ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ไม่ศรัทธาแล้วไม่ให้การช่วยเหลือ ไม่ถือว่าเป็นบาป
  

2364.
กราบเรียน อาจารย์ ดร.สนอง

ดิฉันมีเรื่องกราบเรียนถามอาจารย์ดร.สนอง ดังนี้ค่ะ

ขณะนี้พี่สาวกำลังตั้งครรภ์ได้ 5 เืดือนแล้ว แต่ปรากฎว่ามีเนื้องอก 2 ก้อน เส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 7-8 ซ.ม. เนื้องอกทั้ง 2 ก้อนนี้โตตามเด็กด้วยค่ะ ซึ่งหมอเองก็ยังไม่สามารถผ่าเอาเนื้องอกออกได้เนื่องจาก เนื้องอกมีขนาดใหญ่ ต้องรอดูอาการไปก่อน กราบเรียนถามอาจารย์ว่าในฐานะน้องสาวจะมีวิธีการให้กำลังใจ พี่สาวได้อย่างไรดีคะ(พี่สาวเป็นผู้มีพระคุณค่ะ) ตอนนี้ตัวพี่สาวเองก็สวดมนต์ไหว้พระ และทานอาหารเจอาทิตย์ละ 1 วัน เป็นการทำบุญที่เพียงพอหรือยังคะ หากยังไม่เพียงพอ ขอความเมตตาจากอาจารย์ช่วยแนะนำให้ด้วยค่ะ

ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของอาจารย์ดร.สนอง มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

ธัญญลักษณ์

คำตอบ
      เหตุเกิดเพราะเคยประพฤติเบียดเบียนสัตว์มาก่อน วิธีแก้ปัญหาคือ พี่สาวต้องทำบุญใหญ่ (จิตภาวนา) ด้วยการสวดมนต์บทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยก่อนนอนทุกวัน หลังสวดมนต์ต้องเจริญสติภาวนาประมาณครึ่งชั่วโมงหรือมากกว่า เมื่อสองกิจกรรมแล้วเสร็จ ต้องอุทิศบุญกุศลใช้หนี้เจ้ากรรมนายเวร และต้องระลึกให้ได้ทุกขณะตื่นว่า เนื้องอกทั้งสองก้อนนั้นไม่มีอยู่ในตัวเรา ผู้ใดมีศีล มีสัจจะ คุมใจอยู่ทุกขณะตื่น โอกาสที่เนื้องอกจะอันตรธานไปจากร่างกาย จึงจะเกิดขึ้นได้
  

2363.
เรียน อาจานย์ สนอง

วิธีทําสมาธิ
พยายามทําแล้วเข้าไม่ถึงสักที
มีวิธีแก้ไหมคับ

กราบขอบพระคุณ่ย่างสูง

คำตอบ
       ในครั้งที่ผู้ตอบปัญหาไปปฏิบัติธรรมอยู่กับท่านเจ้าคุณโชดก ท่านพูดว่า “คุณ.... ถ้าไม่เอาศีลลงคุมให้ถึงใจ ใจย่อมไม่ตั้งมั่นเป็นสมาธิ” ผู้ตอบปัญหาเชื่อ แล้วทำตาม จิตจึงได้เข้าถึงอัปปนาสมาธิภายใน ๗ วัน นับแต่เริ่มปฏิบัติธรรม
  

2362.
เรียนถามอาจารย์สนองค่ะ

หนูเปิดบริษัทเกี่ยวคอมพิวเตอร์มา 9 ปี โดยมีปัญหาเรื่องเงิน พนักงาน มาตลอด

เริ่มปฏิบัติธรรมปี 2552 ทำบุญ พยายามนำธรรมมาใช้ในการทำงาน แต่ยังเครียดคิดอะไรไม่ค่อยออก

บางครั้งอยากจะแก้ปัญหาต่าง ๆ มีสามี ลูกสาว 2 คน พ่อแม่

ปัญหาที่สำคัญที่สุดปัจจุบันก็ยังมีปัญหาหนี้ก้อนใหญ่ ใหญขึ้นเรื่ื่อยๆ หนูจะแก้อย่างไรดีค่ะ ช่วยแนะนำด้วยค่ะ

คำตอบ
      ในครั้งพุทธกาล พระพุทธโคดมได้ตรัสกับราหุลในทำนองที่ว่า “มนุษยสมบัติมีแต่นำความคับแค้นใจมาให้” ตลอด ๔๕ พรรษาที่พระองค์เผยแพร่ธรรม ได้ตรัสสอนภิกษุให้ปฏิบัติธรรม เพื่อนำพาชีวิตพ้นไปจากวัฏฏะ แต่ทรงสอนฆราวาสให้อยู่กับวัฏฏะโดยมีทุกข์เท่าที่จำเป็น ผู้ใดปรารถนามีทุกข์เท่าที่จำเป็น ต้อง

     (๑). บริโภคใช้สอยมักน้อย

     (๒). บริโภคใช้สอยแต่สิ่งที่เป็นสาระ (ประโยชน์) กับชีวิต

     (๓). ให้มีศีลคุมใจ (สีเลนะ โภคะ สัมปทา)

     (๔). ให้เชื่อในกฎแห่งกรรม คือปรารถนามีทรัพย์มาก ต้องให้ทรัพย์เป็นทานอยู่เสมอ

                                                                                                                                                                                                        ผู้ใดปรับเหตุทั้งสี่ข้อให้ถูกตรง ปัญหาที่ถามไปย่อมไม่เกิดขึ้นกับผู้นั้น
  
2361.
กราบเรียนอ.สนองที่เคารพ

     หนูได้ติดตามอ่านคำตอบที่อาจารย์กรุณาตอบในเว็บไซด์นี้มาระยะหนึ่งแล้วค่ะ ซึ่งตัวหนูเองมีคำถามจะรบกวนอาจารย์ช่วยชี้แนะค่ะ คือปัจจุบันหนูอายุ 40 ปีแล้ว และยังไม่มีครอบครัวอาศัยอยู่กับพ่อแม่ซึ่งก็อายุ 60 กว่าแล้วทั้งคู่ หนูทำงานบริษัทคะค่อนข้างเก็บตัวไม่ชอบสังคมมีเพื่อนน้อยตกเย็นก็กลับบ้าน ในความรู้สึกหนูเหมือนมีความทุกข์ตลอด 90% ทุกข์เกี่ยวกับพ่อแม่อยากให้ท่านอยู่กับเราไปนานๆ กลัวการสูญเสีย กลัวการดำรงชีวิตเพียงคนเดียว

      หนูอยากฝึกจิตใจให้เข้มแข็งกว่านี้ค่ะ อยากให้ทุกข์น้อยลงและสามารถทำใจให้ได้ อยากหลุดพ้นจากความทุกข์ค่ะ หนูควรจะเริ่มอย่างไรดีคะสำหรับคนอย่างหนู ซึ่งไม่เคยฝึกสมาธิเลย สวดมนต์บ้างบางเวลา ศีล 5 ก็ไม่สมบูรณ์ (ส่วนใหญ่จะตบยุงฆ่ามด , พูดเพ้อเจ้อส่อเสียดบ้าง) สนใจศึกษาธรรมะแต่ไม่เคบลงมือปฏิบัติเลย รบกวนอาจารย์แนะนำวิธีปฏิบัติ สำหรับคนที่อยากฝึกปฏิบัติด้วยตนเองที่บ้านค่ะ      

กราบขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงค่ะ

คำตอบ
      คนเห็นผิดย่อมเอาจิตไประลึกอยู่กับอดีตและอนาคต ความทุกข์จึงเกิดขึ้น ตรงกันข้าม ผู้รู้จริงแท้ (มีสติสัมปชัญญะ) เอาจิตระลึกอยู่กับปัจจุบัน รู้ว่าดีแล้วทำ รู้ว่าไม่ดีแล้วไม่ทำ ความทุกข์ดังกล่าวจึงจะหายไปได้

     ดังนั้นควรเริ่มต้นที่บ้าน ด้วยการสวดมนต์สรรเสริญคุณพระรัตนตรัยก่อนนอน หลังสวดมนต์เจริญอานาปานสติ เมื่อกิจกรรมทั้งสองแล้วเสร็จ ต้องอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ผู้มีศีลและมีสัจจะคุมใจ ย่อมพัฒนาจิตตนเองให้เป็นผลสำเร็จได้ง่าย
  

2360.
กราบเรียน อาจารย์ ดร. สนอง วรอุไร

กระผมต้องการจะพิสูจน์ว่า นรก สวรรค์ เทวดา มีจริงตามพุทธศาสนา หูทิพย์ ตาทิพย์ นั้นเกิดขึ้นได้จริง ตามที่อาจารย์เคยแนะนำว่า ให้ฝึกจนสมาธิเข้าฌาน แล้วนำจิตออกจากฌาน แล้วอภิญญาเกิดขึ้นได้ ถ้าเราปฏิบัติสมาธิจนกระทั้งรู้สึก ลมหายใจละเอียด จนไม่ปรากฏว่ามีลมหายใจ มือเท้าหาย ตัวตนไม่มี เหลือแต่จิตดวงเดียวเด่นสว่าง การปฏิบัติอย่างนี้ถูกต้องหรือเปล่าครับ ถ้าไม่ถูกต้องควรจะปฏิบัติอย่างไรครับ ถ้าถูกต้องควรจะปฏิบัติต่ออย่างไรครับ ขอความกรุณาอาจารย์ให้คำแนะนำด้วยครับ จึงจะพิสูจน์ได้ว่าหูทิพย์ ตาทิพย์นั้นมีจริง และถ้าจะพิสูจน์ภพชาติมีจริงการระลึกชาติก็ทำแบบเดียวกันหรือเปล่าครับ

กราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูง

พงศธร บัวบังขัง

คำตอบ
      นอกจากอาการที่บอกเล่าไป ต้องพิจารณาดูว่า จิตของตัวเองไม่รับสิ่งกระทบภายนอกใดๆเข้าปรุงอารมณ์ขึ้นกับดวงจิต คือ นิวรณ์ ๕ (กามฉันท์ พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ วิจิกิจฉา) หายไป นั่นจึงจะแสดงว่าจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับฌาน เมื่อจิตออกจากความทรงฌาน อภิญญา ๕ (อิทธิวิธิ ทิพพโสต เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ทิพพจักขุ) จะปรากฏเป็นอัตโนมัติ
  

2359.
กราบเท้าท่านอาจารย์ สนอง วรอุไร ที่เคารพอย่างสูง

    ข้าพเจ้าได้นำซีดีธรรมะ ของท่านอาจารย์ ไปไรท์แจกเป็นธรรมทาน รวมไปถึงอัพโลดในเวบยูทูป โดยมิได้รับอนุญาตจากท่ านอาจารย์ และทางเวบไซต์ดกัลยาณธรรม โดยรู้เท่าไม่ถึงการ

    ข้าพเจ้า และ สามี กราบขออโหสิกรรมท่านอาจารย์ และ ทางเวบไซต์กัลยาณธรรม ด้วยคะ            

    และถ้าจะขออนุญาตท่านอาจารย์ ทำเพื่อเป็นธรรมทาน ขอท่านอาจารย์เมตตาชี้แนะด้วยคะ

    ในกรณีที่เป็นซีดี ธรรมะของหลวงปู่ หลวงพ่อที่ท่านมรณภาพ ละสังขารไปแล้ว ในกรณีเช่นนี้จะต้องทำการขออนุ ญาต ด้วยวิธีการใดคะ เราสามารถจุดธูปขอขมาสำหรั บกรรมที่ได้กระทำไปแล้ว และขออนุญาตนำไปเผยแผ่ อย่างนี้จะใช้ได้หรือไม่คะ

    หากข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกิ นปรามาสท่านอาจารย์ด้วยกาย วาจา ใจ ด้วยเจตนา หรือ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ชาตินี้ หรือ ชาติที่ผ่านๆมา ข้าพเจ้ากราบขออโหสิกรรมต่อท่ านอาจารย์คะ ขอท่านอาจารย์เมตตาชี้แนะข้ าพเจ้าด้วยคะ

คำตอบ
      ไม่ขัดข้อง แต่ควรขออนุญาตกับชมรมกัลยาณธรรมด้วย

     ส่วนเจ้าของผลงานที่ล่วงลับไปแล้ว และมิได้มอบลิขสิทธิ์ให้กับใครผู้ใดเป็นการเฉพาะ สามารถทำตามที่เสนอความเห็นมาได้ .... สุดท้าย อโหสิให้ครับ
  

2358.
เรียน อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร
 
ขออนุญาตเรียนถามอาจารย์ ในกรณีที่เราติดขัดในการงาน นับตั้งแต่เสนองาน   เสนอความคิดเห็น   ทำให้การงานล่าช้าและอาจก่อผลเสียทั้งในงาน   ทั้งส่วนรวมและตัวเราเอง   โดยไม่ได้มีความตั้งใจที่จะให้เกิดขึ้น
แต่อย่างใด   จึงมิอาจทราบว่า เราได้ก่อกรรมไว้กับผู้ที่เป็นผู้บังคับบัญชาหรือไม่ค่ะ   หากใช่   ขอความอนุเคราะห์อาจารย์โปรดชี้แนะด้วยค่ะ
 
ขอแสดงความนับถือ

คำตอบ
      หากผู้ถามปัญหาอยู่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา ต้องพัฒนาตนเองให้มีความรู้มีความสามารถทันสมัย และพัฒนาตนเองให้เป็นคนดีมีคุณธรรมคุ้มใจ แล้วทำงานด้วยวิธีการอันเลิศโดยไม่หวังผลเลิศ ส่วนเรื่องงานติดขัด งานล่าช้า หรือก่อใหเกิดเป็นความเสียหายในด้านต่างๆ เป็นหน้าที่ของผู้มีอำนาจจะตัดสินใจ

     พระพุทธโคดมมิได้สอนให้แก้ปัญหาที่อดีต แต่สอนให้อยู่กับปัจจุบัน แล้วทำเหตุปัจจุบันให้ถูกตรง ปัญหาจึงจะหมดไปได้
  

2357.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ดร.สนอง   วรอุไร ที่เคารพ
 
ดิฉันมีข้อลังเลสงสัยเกี่ยวกับ ศีลห้า ข้อสุราเมรย คือการที่เราได้รับประทานอาหารหรือยาที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่โดยที่เราไม่ทราบได้เลย หรือรู้ทั้งรู้แต่ว่าเรามิอาจเลียงได้ จะถือเป็นการผิดศีลข้อที่ห้าได้ไหมค่ะ ดิฉันควรจะทำอย่างไรที่เราจะได้ไม่ผิดข้อนี้
 
ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงที่ช่วยไขข้อสงสัยนี้ค่ะ

เกษร

คำตอบ
      อาหารที่มีสารแอลกฮอล์เป็นส่วนประกอบ หากผู้บริโภคเจ็บป่วยหรืออาพาธ หรือไม่ทราบ หรือไม่เจตนา ไม่ถือว่าเป็นการประพฤติละเมิดศีลข้อที่ห้า แต่หากเป็นไปในทางตรงกันข้าม แล้วยังบริโภคอาหารนั้นอยู่ ถือว่าเป็นการประพฤติผิดศีลข้อดังกล่าว

ผู้ประสงค์มิให้มีการละเมิดศีล ต้องพัฒนาจิตตนเองให้มีสติสัมปชัญญะกล้าแข็ง แล้วการละเมิดศีลจะไม่เกิดขึ้น
  

2356.
กราบสวัสดี ท่านอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพค่ะ

ก่อนอื่นดิฉันต้องขอกราบขอบพระคุณท่านที่ได้เมตตาบรรยายธรรมะ และดิฉันรู้สึกโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้มีโอกาสได้ยินได้ฟังท่านบรรยายธรรมะ อันทำให้ดิฉันมีความมุ่งมั่นในอันที่จะปฏิบัติธรรมให้เจริญยิ่งขึ้นจนถึงที่สุดค่ะ ขอกราบขอบพระคุณค่ะ

ขอเรียนปรึกษา ดังนี้ค่ะ

1. ทุกวันนี้ เวลาตั้งใจปฏบัติ บางครั้งจิตมักนึกย้อนไปในเรื่องราวในอดีต ที่เคยถูกทำร้ายจิตใจจากครอบครัว เช่น พ่อ แม่ น้า เป็นต้น สิ่งเหล่านั้นมันฝังแน่นในส่วนลึกมาก เพราะหลายเหตุการณ์มันทำร้ายจิตใจอย่างแสนสาหัส ปกติดิฉันเป็นคนตรงมาก และเกลียดเรื่องอยุติธรรมทั้งหลาย และไม่ชอบการเอารัดเอาเปรียบมาก พอมันเกิดขึ้นโดยคนใกล้ตัวกระทำ จิตมันเลยยิ่งต่อต้านและถามหาเหตุผล ว่าทำไมคนที่เป็นพ่อแม่ กลับทำร้ายจิตใจลูกของตนเองได้มากขนาดนี้

ทั้งที่ใจอีกด้านก็มักตอบคำถามนี้ว่า พ่อและแม่ก็ยังเป็นเพียงปุถุชนที่อาจทำเรื่องผิดพลาดได้อยู่ ดังนั้น ให้เราเข้าใจในเรื่องธรรมดาของโลกของคนที่ยังต้องเวียนว่าตายเกิด และอย่าได้ทำแบบนั้นกับใคร  

ทั้งที่รู้คำตอบ ทั้งที่พยายามให้อภัย ด้วยการตอบแทนบุญคุณทุกอย่าง ตลอดเวลามันเหมือนยิ่งทำให้ท่านไม่รู้สึกตัว กลับยิ่งทำมากขึ้นอีก ณ ตอนนี้ ดิฉันถอยห่างออกมาเพื่อให้ท่านเข้าใจและมองเห็นเราได้ชัดขึ้น แต่ยังคงทำหน้าที่ลูกที่ดีอยู่ ทำไมดิฉันกลับรู้สึกทรมานและไม่สงบ เหมือนกับว่า จิตกำลังรอคำตอบจากท่านว่า ท่านเข้าใจเรามั้ย ท่านจะพูดอะไรกับเราสักหน่อยมั้ย อยากขอโทษมั้ย เวลาคิดถึงเรื่องนี้ทีไร จิตมันมัวแต่คอยรอคำตอบว่าเมื่อไหร่ ท่านจะพูดว่า ขอโทษนะในสิ่งที่ทำไป มันไม่สงบเลยค่ะ มีอุบายให้เลิกคิดมั้ยค่ะ หรือเป็นเพราะว่า แท้จริงแล้ว เราก็ยังไม่ให้อภัยท่านทั้งหมด อีกใจก็อยากพูดในสิ่งที่ท่านได้กระทำเรามาว่ามันมีผลร้ายกับจิตใจคนเป็นลูกอย่างไรบ้าง บางทีท่านอาจไม่รู้ตัวว่าได้ทำอะไรไป แต่อีกใจก็ไม่กล้าเพราะท่านแก่แล้ว ไม่อยากรื้อฟื้นความเจ็บช้ำของเราให้ท่านรับรู้ กลัวท่านเสียใจและรู้สึกผิด เดี๋ยวโรคภัยทรุดค่ะ มันเลยเป็นความทรมานค่ะ  

2. การพยายามหยุดคิดเรื่องในอดีตไม่ง่ายเลยค่ะ ควรตั้งใจอย่างไรให้คิดถึงแต่ปัจจุบัน เพื่อผลที่ดีกว่าในอนาคตคะ

3. ดิฉันเป็นคนความรู้สึกและความคิดไวมากเกินไป มักจะรำคาญหงุดหงิด หากคนรอบข้างคิดช้า ทำช้า พยายามฝืนตนเองให้เข้าใจธรรมชาติที่แตกต่างของแต่ละคน เป็นการตั้งใจไว้ถูกหรือไม่คะ ทำอย่างไรให้เป็นผู้มีเมตตาอยู่ในจิตใจเสมอคะ

สุดท้ายนี้ดิฉันรู้สึกเป็นบุญมากที่ได้มีโอกาศฟังท่านอาจารย์บรรยาย รู้สึกว่าเราก็เป็นคนหนึ่ง(หรือเปล่า) ที่ท่านบรรยายไว้ว่า ต้องช่วยเพื่อนให้พ้นก่อน เพราะตั้งสัจจะไว้(หากเป็นการอวดดี ขอขมาไว้ด้วยค่ะ)  

ขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่มีเมตตาสละเวลาและแรงกายเพื่อชี้แนะด้วยค่ะ ขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรงทั้งในปัจจุบันนี้ และปีต่อๆ ไปค่ะ _/\_

วรนิษฐ์

คำตอบ
     (๑). คนที่ไม่ฉลาดชอบเอาเรื่องไม่ดีของคนอื่น มาทำให้ใจตัวเองเศร้าหมอง หากประสงค์จะพ้นไปจากปัญหานี้ ต้องให้อภัยเป็นทาน กับทุกเหตุที่ขัดใจ ผู้ใดทำได้แล้ว ผู้นั้นย่อมมีอารมณ์สงบเย็น (เมตตา) เกิดขึ้น แล้วจะเห็นว่า ผู้ที่ทำให้ขัดใจเป็นผู้มีอุปการคุณที่ทำให้เราได้สร้างเมตตาบารมี

     (๒). หากปรารถนามิให้จิตระลึกถึงเรื่องในอดีตที่ผ่านไปแล้ว ต้องพัฒนาตนเองให้มีกำลังของสติกล้าแข็ง แล้วปัญหาดังกล่าวจึงจะหมดไปได้

     (๓). คนที่มีอารมณ์หงุดหงิดรำคาญ เป็นเพราะจิตมีกำลังของสติอ่อน จึงเอาเรื่องของคนอื่นเข้ามามีอำนาจเหนือใจตนเอง หากประสงค์จะแก้ปัญหานี้ให้หมดไป ต้องพัฒนาจิตให้มีสติกล้าแข็ง ด้วยการนำเอาอย่างใดอย่างหนึ่งของกสิณ ๑๐ อัปปมัญญา ๔ หรือ อรูป ๔ มาบริกรรมอยู่เสมอ บริกรรมทุกครั้งที่นึกได้ บริกรรมทุกครั้งที่ว่างงาน แล้วโอกาสที่จิตจะมีกำลังของสติกล้าแข็ง จึงจะเกิดขึ้นได้
  

2355.
เรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

กระผมได้ฟัง การบรรยายธรรมะของท่านอาจารย์ ในวีดีโอ youtube
" บุญล้างบาป.. ? " หัวข้อธรรมะบรรยาย บรรยาย ณ หอธรรมทัศน์ ชั้น 5 ตึกสงฆ์อาพาธ
โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เมื่อวันศุกร์ ที่ 9 พฤษจิกายน 2555 จัดโดย
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ ชมรมสารธรรมล้านนา
มีท่านหนึ่งถามอาจารย์ว่า ขออนุญาตดาวโหลด และนำไปเผยแพร่แก่ญาติธรรมได้ไหม
อาจารย์ก็ตอบว่า   สาธุ อนุญาต ไม่มีโทษ แล้วอาจารย์ได้กว่าวเสริมว่า
" ถ้าไม่ได้ขออนุญาต จาก อาจารย์ดร.สนอง หรือผู้มีคุณธรรม แล้วเอาไปแจก จะเข้าไม่ถึงธรรม "

ที่ผ่านมาผมไม่ได้ขออนุญาติจากท่านเลยครับ ผมก็ดาวโหลดจาก www.kanlayanatam.com
www.youtube.com และ www.fungdham.net ของหลวงพ่อ คูร อาจารย์ แล้วผมก็เอาไปแจก
พ่อแม่ เพื่อน ญาติพี่น้อง และผมก็แชร์ใน www.facebook.com www.twitter.com และสื่อออนไลน์
อีกมากมาย โดยไม่ได้ขออนุญาต จากท่านเลยครับ
 
ดังนั้นผมก็เลยอยากขออนุญาต ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ครับ ที่ผมดาวโหลดแล้ว และที่นำไปแจกแล้ว
ผมขอคำแนะนำจากท่าน อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ผมควรทำอย่างไร ต่อไปครับ ในการ
เผยแพร่สื่อธรรมะครับ และขอคำแนะนำการเผยแพร่สื่อธรรมะที่ถูกต้องด้วยครับ

1. การปฏิบัติธรรมไม่ขึ้น กับ การไม่เข้าถึงธรรม นี้แตกต่างกันอย่างไรครับ
   โปรดชี้แนะให้ผมด้วยครับ

2. การปฏิบัติธรรมต้องมีอาจารย์เป็นผู้สอน ดีกว่าทำเองที่บ้านใช่ไหมครับ

หากผมเคยล่วงเกินท่านอาจารย์ด้วยประการใดก็แล้วแต่ ผมขอกราบอโหสิกรรมมา ณ ที่นี้ครับ

ขอบคุณมากครับ
ญาณภัค อาวรณ์

คำตอบ
    อนุญาต .... สาธุ

     (๑). การปฏิบัติธรรมไม่ขึ้น และการปฏิบัติธรรมแล้วเข้าไม่ถึงธรรม มีความหมายเป็นอย่างเดียวกัน

     (๒). ใช่ .... หากผู้ถามปัญหามิได้หวังนำพาชีวิตไปสู่การเป็นพระปัจเจกพุทธะ แต่หวังที่จะเป็นพุทธสาวกหรือพุทธสาวิกา จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีผู้มีปัญญาเห็นถูกตามธรรม เป็นครูคอยชี้นำแนวทางให้ แล้วจะเข้าถึงธรรมได้ง่ายกว่าการปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้าน

     สุดท้าย อโหสิให้ครับ
  

2354.
กราบเรียนอาจารย์สนองด้วยความเคารพค่ะ

ข้าพเจ้ามีข้อข้องใจอยากเรียนถามท่านอาจารย์ค่ะ

ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศ

   ถ้ารับทำงานตามบ้านคน เช่น ทำความสะอาด เป็นการจ้างโดยส่วนตัวค่าจ้างทีได้ไม่ได้เสียภาษี ถือเป็นการผิดธรรมหรือไม่คะ. ถ้าเป็นการผิดในทางธรรมและถ้าทำมานานแล้ว จะได้รับผลกรรมอย่างไรคะ แต่เงินที่ได้ก็จะส่งมาให้พ่อแม่ที่อยู่เมืองไทยค่ะ

หากข้าพเจ้าได้เคยคิดในทางที่เป็นอกุศลต่อท่านอาจารย์จะด้วยกาย วาจา ใจ โดยไม่ได้ตั้งใจ ขอท่านอาจารย์ได้อโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย

กราบท่านอาจารย์ด้วยความเคารพค่ะ

คนไกลบ้าน

คำตอบ
     การรับจ้างส่วนตัว หากผู้จ้างพอใจเรียกหาเรียกใช้อยู่เสมอ ไม่ถือว่าเป็นการประพฤติผิดธรรม .... สุดท้าย อโหสิให้ครับ
  

2353.
เรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

กระผมได้ติดตาม การบรรยายธรรมะของท่านอาจารย์ ในวีดีโอ youtube มาระยะหนึ่ง ถ้าอยากพิสูจน์ อาจารย์ก็บอกว่าให้เข้าอัปนาสมาธิให้ได้ ก่อนแล้วอธิฐานขอให้เห็น ว่าเรื่องนี้เป็นจริงหรือเปล่า อาจารย์บอกว่าอย่าเชื่อตามที่อาจารย์พูด ให้ไปพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อนค่อยเชื่อ ดังนั้นก็ได้ทดลองฝึกนั่งสมาธิที่บ้าน แต่ก็ยังไม่เป็นผลเท่าที่ควร ตอนนี้ผมมีเวลาว่างหนึงเดือน เพื่ออยากจะพิสูจน์ ธรรมะของพระพุทธเจ้า หรือตามที่อาจารย์ได้เผยแพร่นั้น ผมอยากถามอาจารย์ ว่าสถานที่ฝึกสมาธิ ในจังหวัดเชียงใหม่หรือจังหวัดใกล้เคียงมีที่ไหนบ้างครับ (ผมอยู่จังหวัดเชียงใหม่ครับ)

ขอบคุณมากครับ อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

ญาณภัค อาวรณ์

คำตอบ
     อัปปนาสมาธิเป็นเหตุนำสู่การเกิดโลกิยญาณ ไม่สามารถทำให้เกิดปัญญาเห็นสรรพสิ่งถูกตรงตามธรรมได้ การพัฒนาจิต (สมถภาวนา) ให้เข้าถึงอัปปนาสมาธิ ต้องพัฒนาที่จิตตัวเองและแนะนำวัดป่าหมูใหม่ หรือวัดอรัญญวิเวก อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
  

2351.
กราบเรียน อาจารย์ ดร . สนอง วรอุไร ที่เคารพ

หนูเคยเขียนคำถามมาปรึกษาอาจารย์แล้วครั้งหนึ่ง( 2332 ) แล้วก็ได้รับความกรุณาจากอาจารย์ แล้วครั้งนี้หนูก็มีข้อติดขัดในการปฏิบัติธรรมจึงขอเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

1.  ในการนั่งสมาธิหนูใช้ พุทธ - โธ ในการกำหนดจิตไปสักระยะจิตหยุดนิ่งอาการเหน็บชาที่ขาหายไป ความรู้สึกว่ามีตัวตนหายไปแต่ยังได้ยินเสียงต่างๆที่เกิดขึ้น เกิดความเบาสบาย จะกี่ครั้งก็เหมือนหยุดอยู่แค่นี้ หนูควรทำอย่างไรคะเพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าได้ แล้วสภาวะจิตเช่นนี้เรียกว่าอะไรคะ

2.  หนูเป็นโรคภูมิแพ้ ต้องกินยาก่อนนอนทุกคืนแล้วมันก็ทำให้ง่วงนอนมากๆค่ะ จึงต้องนั่งสมาธิก่อนนอนและหนูก็ตั้งใจจะตื่นมาทำต่อตอนตี 2-3 เพราะเป็นเวลาที่เงียบแล้วลูกก็หลับสนิทแล้ว( ลูกอายุ 9 เดือน และ 5 ขวบ)และก็ตื่นนะคะแต่ทั้งหนักและมึนหัว อาจารย์มีวิธีแก้อาการง่วงนอนไหมคะ

จากคำแนะนำของอาจารย์เมื่อครั้งที่แล้วที่ได้กรุณาลงท้ายประโยคว่า …… พิสูจณ์ไหม   หนูได้นำมาปฏิบัติตามค่ะ ไม่ว่าความใจร้อน หรือการพยายามระรึกรู้ในอิริยาบทต่างๆการรักษาศีล 5 อยู่ทุกขณะตื่น แต่ก็ยังมีหลุดอยู่บ่อยครั้งก็พยายามต่อไปค่ะ

มีอยู่ครั้งหนึ่งกำลังเอาลูกนอน หนูใช้มือตบก้นลูกเบาๆก็ระรึกรู้ในอิริยาบทนั้น มีความรู้สึกเกิดขึ้นชัดเจนว่า กาย กับจิต นั้นเป็นคนละส่วนกัน แยกออกจากกัน มีหน้าที่ต่างกัน จิตมีหน้าที่ระรึกรู้ กายมีหน้าที่เคลื่อนไหว ความรู้สึกนี้ถูกต้องไหมคะ

อาจารย์คะไม่ทราบว่าหนูอ่านหนังสือธรรมะมากเกินไปหรือเปล่า บางครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นกับจิตที่ไปตรงหรือคล้ายกับของคนอื่นๆ ก็กลัวว่าจะเกิดจากการอุปทานเอาเอง ไม่ได้เกิดจากการพัฒนาจิต   หนูจะแยกแยะสิ่งที่เกิดจารการอุปทานออกจากการพัฒนาจิตได้อย่างไรคะ ? ในการปฏิบัติธรรมของหนู หนูจะขออนุญาต รบกวนอาจารย์ช่วยชี้แนะในข้อขัดข้องที่เกิดอยู่บ่อยครั้ง ช่วยเป็นแสงสว่างให้หนูเดินในทางที่ถูกต้อง(หนู กลัวหลงทางค่ะ) มีความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม   นับตั้งแต่นี้จวบจนชีวิตของจะหาไม่

สุดท้ายนี้ หนูขอกราบขอบพระคุณ ในความกรุณาของอาจารย์ ที่ช่วยชี้แนะในคำถามต่างๆ   ในบุญกุศลใดที่หนูได้ทำแล้ว   ขออธิฐานให้บุญกุศลนั้นส่งเสริม ให้อาจารย์มีร่างการที่แข็งแรง จิตใจที่แข้มแข็ง และบารมีที่แข็งแกร่งยิ่งๆขึ้นไป

รัก เคารพ … ด้วยจิต

คำตอบ
      (๑). สภาวธรรมที่เกิดขึ้นในดวงจิต เป็นความเศร้าหมองที่มีกิเลสเกิดขึ้น หากผู้ถามปัญหาปรารถนาพัฒนาจิตให้เข้าถึงปัญญาเห็นแจ้ง ต้องเอาเสียง (ธรรม) ที่เกิดขึ้น มาตามดูด้วยจิต ว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ เช่นเดียวกัน หากมีความเบาสบายเกิดขึ้น ต้องเอาจิตตามดูความเบาสบาย (เวทนา) เป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อความเบาสบายดับไป (อนัตตา) ปัญญาเห็นแจ้งในความเบาสบายย่อมเกิดขึ้น

     (๒). เป็นความเข้าใจของผู้ที่มีปัญญาทางโลกว่า ยาสามารถแก้โรคภูมิแพ้ได้ ส่วนผู้มีปัญญาเห็นถูกตามธรรมเห็นว่า ยาเป็นเพียงแค่ระงับอาการของโรคภูมิแพ้ หากผู้ถามปัญหาปรารถนาจะหายขาดจากโรคภูมิแพ้ ต้องพัฒนาจิตตนเองให้มีสติและมีปัญญาเห็นแจ้งเกิดขึ้น แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้ง มาดูแลตนเองให้ ดิน น้ำ ลม ไฟ อยู่ในสภาพที่สมดุล แล้วโรคภูมิแพ้จะหายไปเป็นปลิดทิ้ง

     จิตกับกายเป็นคนละส่วนกัน จิตเป็นนาย ร่างกายเป็นบ่าวรับใช้จิต โรคภูมิแพ้เกิดจากนาย (จิต) ไม่ดีเพราะเห็นผิด ดังนั้นหากเหตุดับ โรคภูมิแพ้ย่อมดับตามไปด้วย

     ผู้ใดพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว อุปาทานย่อมไม่เกิดกับผู้นั้น ตรงกันข้าม การอ่านหนังสือเพื่อพัฒนาความรู้ ความรู้ที่ได้จึงเป็นความเห็นผิดไปจากธรรม อุปาทานจึงเกิดขึ้นได้
  

 

 

 

 

 

 

 

 

 

browser stats