1

 

 

 

                                                                 
คำถาม-คำตอบ ข้อ 451-500

500.
เรียนท่านอาจารย์

    แม่ของดิฉันได้ตั้งสถานธรรมที่บ้าน สถานธรรมในครัวเรือนค่ะ แต่แม่ของดิฉันได้ไปทำงานที่ฮ่องกง เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว แล้วให้ดิฉันดูแลแทน ตอนอยู่ที่บ้านบางครั้งก็ทำตลอด บางครั้งก็ไม่ทำเลย และยิ่งตอนนี้ได้ออกจากบ้านเพื่อมาเรียนยิ่งไม่ได้ทำเลยให้หลานดูแลแทนหลานก็ทำบ้างไม่ทำบ้างตอนนี้หลานก็ ได้ย้ายไปที่อื่นแล้ว จะทำก็ตอนที่กลับบ้านนานๆครั้ง รู้สึกมีบาปติดตัวมาตลอด กลัวตกนรก เป็นคนที่กลัวบาปมากไม่อยากตกนรก แต่บางครั้งก็จะมีความคิดที่เป็นอกุศล ตำมากไม่สามารถบอกได้ ไม่อยากจะคิดเลยแต่มันคิดขึ้นมาเอง แต่เวลาที่คิดก็จะตัดมันทิ้งตลอด ไม่รู้เป็นกรรมแต่ชาติปางไหน แต่โชคดีตรงที่ได้เจอคนที่มีศิลธรรม แล้วได้เข้าไปอยู่ในสิ่งที่ดีๆ แต่ก็ยังเป็นทุกข์ อยากจะเรียนถามอาจารย์ว่า

   1.การที่ละเลยต่อสถานธรรมเป็นบาปมากไหมค่ะ ต้องทำยังไงถึงจะลบล้างได้ แต่ก็สำนึกตลอดว่าเราทำผิด และกลัวมาก

คำตอบ
    การตั้งสถานธรรมขึ้นในครอบครัว ด้วยมีเจตนาให้คนในครอบครัวใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมจะด้วยเหตุใดก็ตามคนที่มีตัวอยู่ในครอบครัวยังใช้สถานธรรมเป็นที่ปฏิบัติธรรมอยู่ แม้จะใช้ไม่สม่ำเสมอ ไม่ถือว่าเป็นบาปแต่การมีจิตสำนึกว่าผิดาและเกิดความกลัวขึ้นกับจิตใจนี่สิเป็นบาป

   2.การที่เรามีความคิดเป็นอกุศล แต่ไม่เคยมีในความคิดเลย ทำยังไงถึงจะไม่ให้มันเกิดค่ะ
      ถ้าใช้วาจาที่ไม่เหมาะสมต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
         ขอบคุณมากค่ะ

คำตอบ
     ต้องเจริญพละธรรม 5 (ศรัทธา วิริยา สติ สมาธิ ปัญญา) ให้มีกำลังกล้าแข็ง และเมื่อใดความคิดที่เป็นอกุศลผุดขึ้นในจิต ให้ใช้สติและปัญญาที่มีกำลังกล้าแข็ง ตามดูความคิดที่เป็นอกุศลนั้น เวียนเข้าสู่อนัตตาคือความคิดอกุศลไม่มีตัวตนแท้จริง ตามกฎไตรลักษณ์ได้แล้วความคิดเป็นอกุศลจะหมดไปจากใจ
   
  

499.
เรียนท่านอาจารย์ดร.สนองครับ

ขออนุญาตถามคำถาม 4 คำถามดังนี้ครับ

   1. ผู้ชายที่เป็นกะเทยหรือเกย์ ไม่ว่าใจจะเป็นชายหรือหญิง บวชได้มั้ยครับ? ถ้าตั้งใจบวชเพื่อปฏิบัติจริงๆ ถ้าไม่ได้ หากฝ่าฝืนแล้ว จะส่งผลกรรมอย่างไร?

คำตอบ
    พระพุทธะห้ามบัณเฑาะก์ (กระเทย) บวชเป็นภิกษุหากฝ่าฝืนมีโทษทั้งผู้บวชให้และผู้ถูกบวช คือปฏิบัติธรรมไม่ได้มรรคผล ตายแล้วต้องไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ

   2. หากไม่อยากเกิดเป็นกะเทยอีกแล้ว จะต้องทำเหตุให้ตรงอย่างไร? มีหนทางใดที่สามารถหายในชาติปัจจุบันหรือไม่?

คำตอบ
  
  ในอดีตอันยาวไกล สมัยที่พระโพธิสัตว์ยังมีบารมีอ่อนเคยเกิดเป็นช่างทำทอง ละเมิดศีลข้อ 3 เคยตกนรกและเกิดเป็นกระเทยมาแล้วแต่กาลก่อน ยังต้องชดใช้หนี้กรรมจนหมดสิ้น หากไม่อยากเกิดเป็นกระเทยอีกต้องใช้หนี้กรรมให้หมด ทำบุญอยู่เสมอ รักษาศีล 5 ข้อให้บริสุทธิ์ ตายแล้วมีโอกาสเกิดเป็นเทวดา หรือมนุษย์ที่มีเพศถูกตรงไม่เบี่ยงเบน

   ถามว่า มีหนทางใดที่สามารถหายในชาติปัจจุบัน
    ตอบว่า 1 สร้างมหาทาน ด้วยการถวายอาหารแก่หมู่สงฆ์สุปฏิปันโนนาน 7 วัน
                2 อธิษฐานให้หมดหนี้กรรมของการเป็นกระเทยในชาตินี้
                3 ประพฤติกุศลกรรมบถ 10 ตลอดชีวิต แล้วอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรไปเรื่อย ๆ
                4 มีสัจจะ รักษาปฏิปทาทั้ง 3 ข้อที่กล่าวข้างต้น
   

   3. เคยได้อ่านคำตอบของอาจารย์ในคำถามเก่าๆ พบว่าคนเป็นกะเทยไม่สามารถบรรลุธรรมในชาตินี้ได้ แล้วคนกลุ่มนี้จะปฏิบัติอย่างไรต่อครับ เพราะได้รู้คำตอบว่าชาตินี้ไปไม่ถึง ก็เหมือนหมดกำลังใจ อยากขอความกรุณาท่านอาจารย์ ช่วยชี้แสงสว่างด้วยครับ

คำตอบ
    ดำรงตนอยู่ในเพศฆราวาสประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 อยู่เสมอ เพื่อให้บุญเป็นฐานรองรับรับใจ บุญจะนำให้บรรลุธรรมได้ในอนาคตไม่ไกลนัก

   4. ผมเคยอ่านคำบรรยายของอาจารย์หลายเล่ม จำได้ว่ามีพระสาวกในสมัยพระพุทธกาลซึ่งก่อนจะมาเกิดในสมัยพุทธกาลก็เกิดเป็นกะเทยมาก่อน ไม่ทราบหมายถึงสาวกท่านใดครับ
       ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่รักและเคารพยิ่งมาณโอกาสนี้

คำตอบ
    สาวกของพระพุทธะที่เคยเป็นกระเทยมาก่อน อาทิ พระอานนท์ ภิกษุณีอิสิทาสี ฯลฯ ซึ่งทั้งสองท่านได้บรรลุอรหัตผลไปแล้ว
    

498.
กราบเรียน อ.ดร. สนอง ที่เคารพ

   หนูได้ศึกษาธรรมะมาระยะหนึ่ง รู้สึกเลื่อมใสศรัทธาในพระรัตนตรัย มีโอกาสได้ปฏิบัติธรรมบ้างที่บ้าน วันเสาร์ อาทิตย์ก็อยู่บ้านเปิดเทปธรรมะฟังเทศน์ซึ่งก็ทำให้หนูรู้สึกสบายใจในขณะนั้น แต่สิ่งที่หนูเป็นทุกข์มาตลอดคือเรื่องหนี้สินค่ะ ทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากตัวหนูเองและเหมือนกันชีวิตตรงวนอยู่กับกับดักหนี้นี้ไม่รู้จักหมดสิ้น มันคงเป็นกรรมของหนูคือเป็นทั้งกรรมเก่าและกรรมใหม่ที่หนูได้สร้างขึ้นมาเอง หนูรู้สึกว่าทุกอย่างในชีวิตดีหมดจะมีก็แต่เรื่องนี้ค่ะที่เป็นทุกข์ หนูไม่อยากเบียดเบียนใครอีกแล้ว เพราะที่ผ่านมาก็มีคนช่วยเหลือหนูมาเยอะมากจนหนูรู้สึกละอายใจและไม่อยากให้ใครมาดูถูกถึงพ่อถึงแม่ ตอนนี้หนูใช้ชีวิตอย่างพอเพียงมากๆ ไม่ซื้อของฟุ่มเฟือย เงินเดือนได้มาหนูก็ใช้หนี้เกือบหมดเพราะอยากจะให้หมดหนี้เร็วๆ

   หนูอยากกราบเรียนถาม อาจารย์ว่า นอกเหนือจากนี้ หนูควรต้องทำบุญด้วยวิธีใดเพื่อทำให้กรรมนี้เบาบางไปได้บ้างคะ เพราะหนูรู้สึกเกรงใจเจ้าหนี้ หนูอยากคืนเงินให้เจ้าของเขาเร็วน่ะค่ะ

กราบขอบพระคุณมากค่ะ

คำตอบ
    แก้ปัญหาที่บอกเล่าไปได้ดังนี้
   1. หยุดสร้างหนี้ใหม่
   2. ชดใช้หนี้กรรมเก่าไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมด
   3. บริโภคใช้สอยเท่าที่จำเป็นและมีสาระ
   4. พัฒนาศักยภาพตัวเองให้สูง (ไอคิวสูง คุณธรรมสูง ความฉลาดทางอารมณ์สูง เพื่อให้มีงานดีทำและไม่ตกงาน)
   5. ทำตัวเองให้เป็นผู้มีบุญ ส่งเสริมชีวิต ด้วยการประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10
   

497.
เรียนถามอาจาร์ยสนองครับ

ขอถามเลยนะครับ

   1. อยากทราบว่าเวลที่เราจะอุทิศส่วนบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของเรานี้ ตอนอุทิศจะนึกถึงกองบุญกุศลที่เคยอุทิศไปให้คนอื่นแล้วได้หรือเปล่าครับ คือจะนึกถึงบุญที่เราทำแล้วและอุทิศให้คนอื่นแล้ว และจะนึกถึงบุญกองเดิมที่ให้เคยอุทิศให้ไปแล้วแต่จะให้คนใหม่ได้หรือเปล่าครับ

คำตอบ
   
บุญกุศลที่เคยอุทิศให้แล้วไม่ควรไปนึกถึงเพราะเปล่าประโยชน์ แต่ควรระลึกว่าด้วยบุญกุศลที่ทำไว้แต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ข้าพเจ้าอุทิศให้กับ.........

   2. ได้อ่านตามรอยพ่อแล้วสงสัยตอนหนี่งครับว่า ลูกต้องพิจารณากาย เวทนา จิตและธรรม อย่าคิดว่าเป็นการต่อสู้สิลูกนั่นเป็นกิเลสนะ คืออยากทราบว่าถ้าไม่คิดว่าเป็นการต่อสู้แล้วควรคิดอย่างไรดีครับ

     ขอบคุณครับ

คำตอบ
    การคิดว่าเป็นการต่อสู้ มีผลสองอย่างคือแพ้กับชนะ หวังเอาชนะเป็นกิเลส แต่ควรพิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม ให้เห็นถึงความเป็นจริงแท้ว่า สติปัฏฐาน 4 ในที่สุดไม่มีตัวตน (อนัตตา) ตามกฎไตรลักษณ์
  

496.
กราบสวัสดีท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

   พยายามปฏิบัติภาวนาบ้างตามโอกาส แต่จิตไม่เคยตั้งมั่นได้ ฟุ้งซ่านเสมอ ๆ ทำทุกวิถีทางเพื่อหาสิ่งที่ตรงจริตกับตัวเอง แต่ก็ไม่เป็นผล ไม่รู้ว่าทำกรรมอะไรมาในส่วนลึกของจิตมีแต่เรื่องอกุศล เรื่องต่ำๆ ที่ไม่สามารถบอกเล่าให้ใครฟังหรือเข้าใจได้ รู้สึกเป็นทุกข์เหลือเกินค่ะ ทั้งๆ ที่ใจก็ไม่เคยน้อมหรือชอบในสิ่งนั้น มันเหมือนติดอยู่ในใจมาตั้งแต่อดีตชาติ และยอมรับว่าชาตินี้ก็ทำบาปนักหนาและคิดว่าตนเองคงตกนรกเป็นแน่แท้ ทุกวันนี้ก็พยายามเหลือเกินที่จะแก้ไขสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยการปฏิบัติภาวนาบ้าง บางครั้งคิดว่าคงมีกรรมและทำบาปมามากก็เลยไม่สามารถเข้าถึงพระพุทธศาสนา ไม่สามารถปฏิบัติภาวนาได้

   ขอความกรุณาท่านอาจารย์ ดร.สนอง ช่วยชี้แนะหนทางสว่างให้ด้วยเถอะค่ะ

      ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ค่ะ

คำตอบ
    กรรมที่ทำแล้วในอดีต ไม่มีใครแก้ไขได้ และไม่มีใครช่วยใครได้แท้จริง นอกจากตัวเองต้องช่วยตัวเองด้วยการทำปัจจุบันให้ดีชีวิตดีขึ้นแน่นอน กรรมปัจจุบันที่ควรทำมีอยู่ 3 เรื่องคือรักษาศีล 5 ให้มีอยู่ในใจให้ได้ทุกขณะตื่น พิจารณาอสุภกรรมฐานจนเกิดเป็นศุภนิมิตติดอยู่ในใจและสุดท้ายต้องมีสัจจะและรักษาไว้จนตาย หากทำได้ทั้ง 3 เรื่องนี้แล้ ความทุกข์ที่มีอยู่ในใจ จะหมดไปแน่นอน เมื่อตายแล้วไม่ไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิอีกด้วย
   

495.
เรียนถามอ.สนอง วรอุไร ครับ

เพื่อนผมมีน้องตาบอด อยากถามว่า ตาเนื้อบอด แล้วตาทิพย์ต้องบอดด้วยหรือไม่ครับ และสมมุติว่าถอดจิตได้เค้าจะสามารถมองเห็นโลกด้วยตาทิพย์ได้หรือไม่ครับ และควรให้น้องเค้าฝึกเรื่องถอดจิตหรืออะไรทำนองนี้จะดีไหมครับ จะเป็น ผลเสียกับน้องเค้ารึป่าว

ขอบคุณท่านอ.สนอง วรอุไร มากครับ

คำตอบ
   ตาทิพย์เกิดได้ต้องพัฒนาจิตให้มีกำลังของสติมากจนจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิสูงสุด (อัปปนาสมาธิ)หรือเรียกว่า เป็นสมาธิในฌาน หากทำได้อย่างนี้แล้วความถี่คลื่นจิตจะคงที่ โอกาสเกิดทิพพจักขุญาณจึงมีได้ ตาทิพย์สัมผัสด้วยจิตมิได้สัมผัสด้วยตาเนื้อตาหนังซึ่งเป็นประสาทสัมผัส ฉะนั้นหากน้องได้พัฒนาจิตจนเข้าถึงเงื่อนไขที่บอกมา โอกาสจะเห็นสิ่งต่าง ๆจะเกิดขึ้นได้
   

494.
กราบเรียน อ.สนอง ที่เคารพ

ดิฉันมีปัญหาอยากรบกวนถามอาจารย์ ดังนี้ค่ะ
    1. ดิฉันเป็นครอบครัวคนจีน ตรุษจีน สารทจีน หรือ เทศกาล เช้งเม้ง ต้องซื้อเป็ดไก่ มาเพื่อเซ่นไหว้ เทพเจ้า,เจ้าที่, บรรพบุรุษ ทุกครั้ง อยากจะเลิกพิธีกรรมเหล่านี้ เพราะทำให้เกิดการฆ่าสัตว์เป็นจำนวนมาก ต้องปฏิบัติอย่างไร

คำตอบ
   
ลงมือฆ่าสัตว์เองเป็นบาปเพราะผิดศีลข้อ 1 แต่สมัยนี้ไม่ต้องฆ่าเอง ใกล้เทศกาลสำคัญ ตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ จะมีไก่ต้ม เป็ดต้ม หมูต้มวางจำหน่าย คุณสามารถไปซื้อหามาเซ่นไหว้ได้ ไม่ฆ่าเอง ไม่สั่งให้เขาฆ่า ไม่รู้เห็นว่าเขาฆ่าเพื่อเรา อย่างนี้ไม่ผิดศีลข้อ 1

   2. จากข้อ 1. รวมทั้งการเผากระดาษเงินกระดาษทองด้วย มาคิดว่าไม่มีประโยชน์ และ ไม่มีสาระ อยากจะชี้แจงเหตุผลให้คุณแม่ ทราบ ขอความกรุณาอาจารย์ ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ

คำตอบ
   
เรื่องการเผากระดาษเงินกระดาษทอง เป็นประเพณีที่ถือสืบต่อกันมา หากคุณไม่ทำตามจะอยู่กับสังคมที่มีความเชื่อในประเพณีแบบนี้ได้ยาก เว้นไว้แต่ว่าเมื่อใดที่คุณมีโอกาสแยกครอบครัวออกมาเป็นส่วนตัว หากพิจารณาแล้วเห็นว่าการเผากระดาษเป็นเรื่องไร้สาระ คุณไม่ปฏิบัติก็ไม่ผิดอะไร เรื่องจะไปชี้แจงเหตุผลให้คุณแม่ทราบต้องถามว่า คุณแม่ยังเหนียวแน่นอยู่ในประเพณีของบรรพบุรุษหรือไม่หากคุณแม่เป็นคนมีเหตุผล แล้วเห็นแจ้งตามความเป็นจริง เรื่องจะไปให้คำแนะนำคงไม่ใช่เรื่องยาก

   3. ได้อ่านหนังสือสนทนาภาษาธรรม เล่ม 7 ที่เพิ่งได้รับแจกจากชมรม เมื่อ15/7/2550 มีความข้องใจเรื่อง การทำบุญ และนำใบอนุโมทนาบัตรไปลดหย่อนภาษี ซึ่งอาจารย์บอกว่า ได้บุญไม่เต็มร้อย เพราะพี่ทำบุญแต่ออกใบอนุโมทนาให้น้องเพื่อหักภาษี แต่ถ้าเป็นเงินของเราและเรานำใบอนุโมทนาไปลดหย่อนภาษีเอง จะได้บุญเต็มร้อยหรือเปล่าคะาคะ หรือว่าการทำบุญไม่ควรจะเรียกร้องใบอนุโมทนา หรือ ใบเสร็จรับเงิน ยกเว้นแต่สถานที่นั้นจะออกให้เราเอง

     ขอบพระคุณอาจารย์มากค่ะ

คำตอบ
   ก็ได้บุญไม่เต็มร้อยเช่นกันเพราะการนำใบอนุโมทนาไปลดหย่อนภาษี เท่ากันมีเจตนาจะได้เงินกลับคืนมาส่วนหนึ่ง จากยอดเงินที่ได้ทำบุญ อย่างนี้ได้บุญไม่เต็มร้อย หากไม่นำใบอนุโมทนาไปลดหย่อนภาษี เท่ากับว่าไม่มีเจตนาที่จะไปลดหย่อนยอดจำนวนเงินที่ได้ทำบุญไป อย่างนี้ได้บุญเต็มร้อย
   

493.
ผมขออนุญาติถามปัญหาธรรมะหน่อยนะครับ

   1.ปัจจุบันนี้มีพระหรือผู้ที่สอนให้เราได้โสดาบันหรือนิพพาน มีอยู่มากไหมครับ ช่วยแนะนำให้ผมหน่อย

คำตอบ
   
พระคงไม่เจตนาสอนเพื่อให้ได้โสดาบันหรือนิพพานน่าจะสอนวิธีพัฒนาจิตเพื่อให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง เมื่อเกิดปัญญาเห็นแจ้งแล้วผู้ใดประสงค์จะกำจัดกิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ (สังโยชน์) หรือกำจัดกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในจิตสันดาน (อนุสัย) ให้หมดไปจากใจมากน้อยอย่างใด ขึ้นอยู่กับความปรารถนา และความสามารถของแต่ละบุคคล พระที่สอนภาคปฏิบัติให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง คงไม่มีมากนักแต่พอหาได้ เช่น สำนักปฏิบัติธรรมวัดแพร่ธรรมาราม จ.แพร่ และสาขา สำนักปฏิบัติธรรมวัดมหาธาตุฯ คณะ 5 กรุงเทพฯ สำนักปฏิบัติธรรมวัดมเหยงค์ จ.อยุธยา สำนักปฏิบัติธรรมวัดพระธาตุทรายทอง จ.ลำพูน สำนักปฏิบัติธรรมวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ฯลฯ

   2.ตอนนี้ผมอายุ23ปี ถ้าต้องไปทำงานทางโลก จนถึงอายุ50ปี เราสามารถรู้ได้หรือไม่ครับว่าสายไปหรือป่าวที่จะปฏิบัติเพื่อมุ่งนิพพาน เพราะผมต้องเลี้ยงดูแม่และน้องๆครับเลยยังมุ่งไปทางสายนี้ไม่ได้

คำตอบ
    ปัจจุบันก็นับว่าสายอยู่แล้ว หากรู้ว่าการปฏิบัติธรรมไม่ใช่เรื่องยาก การสวดมนต์ ฟังธรรม เป็นการปฏิบัติเบื้องต้น การกำหนดลมหายใจเข้า-ออก เป็นการปฏิบัติธรรมขั้นกลางตั้งแต่คลอดจากท้องแม่จนถึงปัจจุบันลมหายใจเข้าลมหายใจออกยังไม่หยุดเคลื่อนไหว ทำไมไม่เอาจิตมากำหนดลมเข้าลมออกแม้จะอยู่ที่บ้านหรือที่ไหน ๆ ก็สามารถปฏิบัติธรรมได้เมื่อจิตตั้งมั่นดีแล้ว และมีเวลาปลีกตัวได้ ค่อยไปต่อยอดด้วยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในสำนักที่มีครูบาอาจารย์ควบคุมแนะนำ

   3.อีกข้อนะครับทำอย่างไรให้เราสร้างฉันทะมากๆ กับสิ่งที่น่าเบื่อ ที่ทำแล้วเหนื่อย หนัก ยาก ครับ

         ขอบคุณท่านอ.ดร. สนอง วรอุไร

คำตอบ
    หากได้ตั้งทัศนคติของชีวิตให้ถูกต้องเช่นเกิดมาหนนี้จะเรียนรู้เพื่อจิตจะได้สั่งสมประสบการณ์ให้มากที่สุดเมื่อมีเป้าหมายแน่ชัดแล้วเรื่องการทำงานภายนอก (งานที่ทำให้กับสังคม) กับงานภายใน (งานพัฒนาจิตตนเอง) จะไม่เป็นสิ่งน่าเบื่อ เพราะมีจุดหมายที่แน่ชัด
  

492.
สอบถามปัญหาทุกข์ใจครับ

คำถามที่ 1
    " ด้วยผมแต่งงานกับภริยาและมีลูกด้วยกัน 1 คน แต่ปัจจุบันได้แยกทางกันมาประมาณ 3 ปีแล้ว ใจจริงผมอยากนำลูกมาเลี้ยงเอง เพราะภริยาเป็นคนใจร้อนและดื่มเหล้าประจำ แต่ภริยาไม่ยอมให้ลูกมาอยู่กับผม ผมรักลูกมากจึงได้มอบเงินไว้ในบัญชีของลูกก้อนหนึ่งเพื่อการเลี้ยงดูและเป็นทุนการศึกษา ช่วงหนึ่งผมได้พยายามกลับไปคืนดีเพราะสงสารลูกแต่ภริยาไม่ยอม ช่วงหลังผมไม่คอยได้เจอลูกเลย และภริยาไม่ค่อยอยากให้เจอลูก ปัจจุบันทราบจากแม่ยายว่า ภริยาทะเลาะและทำร้ายแม่เขาเอง และเขาได้พาลูกหนีออกจากบ้านไปกับชายชาวต่างชาติคนหนึ่ง ติดต่อไม่ได้ ไม่ทราบว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร ผมเป็นห่วงลูกมาก " -->

อยากถามท่านอาจารย์ ดร.สนองฯ ว่า
   1.การที่กระผมไม่ได้ดูแลลูกและภริยาเนื่องจากสาเหตุดังกล่าวนั้นเป็นบาปหรือไม่ ? ถ้าเป็นบาปควรแก้ด้วยวิธีใด ? เพราะบางครั้งเวลาปฏิบัติธรรม/นั่งสมาธิทำให้มีความกังวลใจ
   2.การที่ชีวิตผมเป็นอย่างนี้ ผมทำกรรมใดไว้ครับจึงเป็นเช่นนี้ครับ ? ช่วงหลังได้เข้าหาธรรมะ ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังจะแก้กรรมได้ไหมครับ

คำตอบ
   
(1) เป็นบาปที่ไม่ได้ปฏิบัติจริยธรรมของความเป็นพ่อที่ดีต่อลูก วิธีแก้ไขตามที่บอกไปนั้นถูกต้องแล้วเพียงแต่ว่าปฏิบัติให้มากยิ่งขึ้น จนจิตมีบุญสั่งสมมากกว่าบาป และความกังวลเรื่องลูกจะจางหายไป

   (2) ผลที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากเหตุที่เคยพรากลูกสัตว์ไปจากอกพ่อแม่ และการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังหากจิตเข้าถึงธรรมได้แล้ว สามารถหนีกรรมได้ และวิธีนี้แก้ไขกรรมให้หมดไปไม่ได

คำถามที่ 2
    "ผมทำวัตรเช้าเย็น และส่วนการนั่งสมาธิ ทำโดยการกำหนดจิตให้ฟังเสียง cd ธรรมะ ของพระเถระต่างๆ เทศน์หรือนำนั่งสมาธิ และบางครั้งก็นำข้อธรรมนั้นมาพิจารณากับเหตุการณ์ในชีวิตจริง " ทำแล้วรู้สึกว่าจิตตั้งมั่นกับเสียงเทศน์ดังกล่าวดี
   1.ไม่ทราบว่าการนั่งสมาธิแบบนี้ถูกหรือไม่ ? หรือต้องกำหนดพุทโธ-ลมหายใจเข้าออก อย่างสงบ จึงจะดีกว่าครับ
   2.การฟังcd ธรรมะอย่างตั้งใจ ขณะขับรถยนต์ไปด้วย ถูกต้องหรือไม่ อย่างไร และถ้าจะฝึกสติขณะขับรถ ที่ดีที่สุดควรทำอย่างไร ?

            ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ ดร.สนองฯ อย่างสูง ไว้ ณ โอกาสนี้ครับ

คำตอบ
    (1) การฟังธรรมเป็นการปฏิบัติธรรมเบื้องต้นฟังธรรมแล้วทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ คุณก็ใช้วิธีนี้ได้คนที่เคยฝึกสติมาก่อนฝึกสติมายาวนานจนจิตตั้งมั่นดีแล้ว ฟังธรรมแล้วโยนิโสมนสิการ อาจนำจิตเข้าถึงดวงตายเห็นธรรมได้

   (2) การฟังซีดีธรรมะ ขณะขับรถยนต์สามารถทำได้แต่หากเมื่อใดฟังธรรมแล้วจิตดิ่งเข้าสู่ความตั้งมั่นลึก ๆ โอกาสเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์มีได้ ประสงค์จะฝึกสติขณะขับรถ ต้องเอาจิตจดจ่ออยู่กับรถยนต์ที่วิ่งตามกันไป จดจ่ออยู่กับรถยนต์ที่วิ่งสวนทางมาและจดจ่ออยู่กับมือที่จับพวงมาลัยด้วย
   

491.
ทำอย่างไรถึงจะให้พี่ที่มักจะหลีกเลี่ยงธรรมะ มาสนใจธรรมะ?

พี่สาวผมป่วยเป็นโรคลมชัก และได้รับการผ่าตัดสมองแล้ว แต่หลังจากผ่าตัด แขนและขาไม่ค่อยมีแรง พูดก็ไม่ค่อยได้ แต่เข้าใจเรื่องราวได้ทุกอย่าง คุณแม่ของผมพยายามให้พี่สวดมนต์ หรือดูซีดีธรรมะ แต่ พี่สาวก็พยายามหลีกเลี่ยง ขอรบกวนอาจารย์กรุณาให้คำแนะนำกับผมและคุณแม่ของผมด้วย ว่าต้องทำอย่างไร พี่สาวจึงจะสนใจธรรมะ เพราะ กลัวว่าต่อไป ถ้าไม่ปฏิบัติธรรมจะมีชีวิตอยู่อย่างลำบาก ขอบคุณครับ
(ปล. คุณแม่ติดตามหนังสือ และซีดีธรรมะของอาจารย์เสมอ)

คำตอบ
    การที่พี่สาวจะสนใจธรรม คุณและแม่ต้องทำตัวให้พี่สาวศรัทธาให้ได้ก่อน ศรัทธาเกิดกับผู้มีคุณสมบัติดังนี้คือ มีความรับผิดชอบ ตรงต่อเวลา มีเมตตา มีความอดทน มีวาจาไพเราะ ประพฤติดีงามมีศีล มีอาชีพถูกต้อง ประสบความสำเร็จในงาน ฯลฯ
     

490.
ขออนุญาตกราบเรียนถามท่านอาจารย์สนองครับ

   1.กระผมเองทำงานอยู่ในหน่วยงานราชการ ได้เห็นความไม่ถูกต้องหลายอย่าง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการเบียดเบียนเงินหลวงเอาไปใช้ส่วนตัวของผู้ใหญ่ในหน่วยงาน เจ้าหน้าที่ผู้น้อยที่เกี่ยวข้องบางคนรู้ว่าไม่ถูกต้อง แต่ก็ขัดไม่ได้จำต้องมีส่วนร่วมในการกระทำนั้นจนสำเร็จทั้งที่ไม่เต็มใจ จึงอยากทราบว่าบุคลคลที่เกี่ยวข้องในการกระทำแบบนี้ทั้งผู้ใหญ่ ผู้น้อยจะได้รับผลกรรมอย่างไร และมีวิธีแก้ไขอย่างไรครับ

คำตอบ
    ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย ได้ร่วมกระบวนอกุศลกรรมเป็นการสร้างเหตุแห่งการไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ ขณะยังมีชีวิตอยู่เมื่อกรรมให้ผลจะทำให้สูญเสียทรัพย์ วิธีแก้ไขคือ ให้ทรัพย์เป็นทานแก่คนหมู่มากให้บ่อย ๆ ให้ไปเรื่อย ๆ จนตาย

    2.เจ้านายผมเป็นคนชอบทำบุญเอาหน้าครับ เวลามีซองทำบุญต่างๆ ท่านชอบที่จะให้เรี่ยไรคนในหน่วยงานเพื่อจะให้ได้ยอดเงินมากๆ จนบางครั้งเป็นการเบียดเบียนคนอื่นๆ หลายครั้งที่ลูกน้องไม่คิดจะใส่ซองทำบุญร่วมกับท่าน แต่จะใส่ซองทำบุญเป็นชื่อตัวเองและมอบให้เจ้าภาพเอง แต่ท่านมักไม่พอใจมีความต้องการให้ทำร่วมกัน สุดท้ายท่านจะเป็นคนที่นำเงินทั้งหลายนั้นไปมอบให้เจ้าภาพแต่ละงาน ภาพที่ออกมาคล้ายกับท่านเป็นเจ้าของเงิน หรือมีส่วนสำคัญที่ทำให้ได้เงินจำนวนนั้นมา
อยากทราบว่าการทำบุญลักษณะนี้จะเกิดกุศลอย่างไรและอกุศลอย่างไรครับ

คำตอบ
    กุศลที่เกิดขึ้นคือได้บุญเกิดขึ้นน้อยเพราะทำบุญด้วยไม่ศรัทธา ทำบุญด้วยความจำเป็น อกุศลคือความไม่สบายใจที่ถูกเจ้านายบังคับ ถูกเจ้านายเบียดเบียนให้ต้องทำบุญ

   3.ผมเองมักถูกเจ้านายใช้ให้แจกซองทำบุญต่างๆ หลายครั้งไม่เต็มใจเพราะไม่ศรัทธาต่อการทำบุญแบบนี้ คล้ายกับทำบุญแบบบังคับกัน แต่ขัดไม่ได้ จำต้องทำไปตามคำสั่ง อยากทราบว่าผมจะได้รับผลอย่างไร และควรแก้ไขอย่างไรครับ

ขอขอบคุณในความเมตตาของท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงครับ
และขออนุโมทนาในกุศลผลบุญของท่านอาจารย์ทุกประการครับ

คำตอบ
    ได้รับบุญในส่วนที่คุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดบุญและได้รับบาปที่คุณมีส่วนร่วมในการเบียดเบียนผู้อื่น ที่เขาไม่ศรัทธาแต่จำเป็นต้องทำบุญ
  
  

489.
กราบเรียน ท่านอาจารย์สนอง วรอุไร ที่เคารพ

   ดิฉันมีโอกาสได้ไปฟังธรรมบรรยายของชมรมกัลยาณธรรม 2- 3 ครั้ง มีปัญหาสงสัยอยากเรียนถามท่านอาจารย์ ค่ะ
    ข้อ 1. คุณพ่อเสียชีวิตที่โรงพยาบาล โดยที่ลูก(ดิฉันและพี่น้องทุกคน)ไม่มีโอกาสได้ไปดูใจท่านเลยเพราะไปไม่ทัน ได้แต่ไปกราบศพท่านพร้อมกับพูดขออโหสิกรรมที่ดิฉันได้เคยล่วงเกินท่าน ทางกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ไม่ทราบว่า การขออโหสิกรรม นี้จะสามารถบรรเทากรรมของดิฉันได้ไหมเพราะดิฉันเคยใช้คำพูดที่หยาบคายกับท่านค่ะ? การทำบุญใส่บาตรเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ท่านเสมอถ้ามีโอกาส จะช่วยได้ไหมคะ? คิดถึงเรื่องนี้ทีไรดิฉันก็รู้สึกบาปและละอายใจตัวเองเหลือเกิน

คำตอบ
    ถ้าผู้ตายรับรู้การขออโหสิกรรมแล้วยกโทษให้ กรรมที่เคยทำไว้กับผู้ตายก็เป็นอันยกเลิกไปทำบุญใส่บาตรแล้วอุทิศบุญให้ผู้ตาย เป็นจริยธรรมของลูกที่พึงปฏิบัติต่อบุพการีผู้ล่วงลับ หากผู้ตายมีโอกาสมาอนุโมทนาบุญได้ เขาก็ได้รับบุญที่มีผู้อุทิศให้ ได้บุญทั้งผู้ให้และได้บุญทั้งผู้รับ

   ข้อ 2. ดิฉันเป็นคนที่เกลียดและกลัวแมลงสาบ มากๆ ถ้าเจอต้องหาทางกำจัดให้ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่กล้าทำกิจกรรมอะไรเลย การทำเช่นนี้เป็นบาป เพราะไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตผ้อื่น ไม่ทราบว่าจะมีวิธีการแผ่เมตตาใดๆที่จะอโหสิกรรมกันได้บ้างคะ?

  ขอบพระคุณมากค่ะ
    คนโง่เขลา

คำตอบ
    ผู้มีเมตตาไม่ฆ่าสัตว์ไม่เบียดเบียนสัตว์ยังฆ่าแมลงสาปแสดงว่า ยังไม่มีเมตตาอยู่ในจิตใจ จึงไม่สามารถแผ่เมตตาให้กับแมลงสาปได
   

488.
เรียน ดร. สนอง วรอุไร

ผมฝึกวิปัสสนากรรมฐาน แล้วรู้สึกว่าร่างกายหายไปรวมถึงสัมผัสทั้ง 5 ลมหายใจ ก็ไม่มี รู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในร่างกายของตนเอง แต่ก็ไม่ได้ตกใจยังมีสติ อยู่เลยพิจารณาดูสิ่งที่เกิดขึ้น ผมคิดว่านี้เป็นการแยกจิตกับกายออกจากกัน หลังจากนั้นก็ออกจากสมาธิทันที ไปค้นหาในอินเตอร์เน็ตก็ไปเจอฌาน จึงมีคำ
ถามอยากจะถามดร. สนอง วรอุไร ว่า

   1. ผมฝึกวิปัสสนากรรมฐานแล้วได้ฌานด้วย แสดงว่าวิปัสสนากับสมถะจำเป็นต้องไปควบ คู่กันใช่หรือไม่ครับ

คำตอบ
    สมถกรรมฐานกับวิปัสสนากรรมฐานจำเป็นต้องปฏิบัติควบคู่กัน เพราะจะเกิดปัญญาเห็นแจ้ง (วิปัสสนากรรมฐาน) จิตต้องตั้งมั่นเป็นสมาธิ (สมถกรรมฐาน) ให้ได้ก่อน


   2. การมีสมาธิในฌานขั้นที่4 เป็นเวลานานๆจะมีประโยชน์หรือโทษอย่างไร

คำตอบ
    ประโยชน์คือหนีปัญหาได้ชั่วคราว และจิตมีกำลังของสมาธิมาก ส่วนที่เป็นโทษคือ ทำให้เสียเวลาในการพัฒนาปัญญาเห็นแจ้ง
  
   3. การถอดจิตออกจากกายมีอันตรายอย่างไรบ้าง

คำตอบ
   
ไม่มีอันตรายใด ถ้าไม่มีผู้นำเอาร่างกายไปฉีดยาฟอร์มาลินเพื่อกันเน่าเสียก่อน

   4. ถ้าขณะถอดจิตอยู่ มีคนขยับกายเนื้อเรา จะเป็นอันตรายหรือไม่ เพราะมีคนพลิก ตัวผมทุก 2 ชม.
     ด้วยความเคารพอย่างสูง
        เมธา โฆษะวิวัฒน์

คำตอบ
    ไม่เป็นอันตราย และไม่จำเป็นต้องให้ผู้อื่นมาพลิกร่างกาย
    

487.
กราบเท้าท่านสนองที่เคารพบูชาอย่างยิ่ง

   ดิฉันเป็นข้าราชการครู ตำแหน่งอาจารย์ 3 ระดับ 8 (ครูชำนาญการพิเศษ) ดิฉันได้ช่วยเหลือเพื่อนครูที่ผิดหวังจากการทำผลงานเลื่อนระดับที่ตกซ้ำแล้วซ้ำอีก ถึง 2 ครั้ง ถึง 18 คน ซึ่งขวัญและกำลังใจของครูเหล่านี้แย่มากเครียดมาก บางคนป่วยด้วยโรคต่างๆ เพราะต้องต่อสู้กับการดูถูกของเพื่อนครูด้วยกันและของสังคม ดิฉันสงสารและเวทนามาก เพราะครูเหล่านี้เป็นครูมานาน บางคนเป็นครูมาถึง 30 กว่าปี มีความตั้งใจ เสียสละทุกอย่างให้แก่ลูกศิษย์ เช่น สอนพิเศษฟรี เลี้ยงอาหารฟรี ให้ทุนนักเรียน เป็นต้น แต่พวกเขาไม่มีความชำนาญในการเขียนผลงาน ดิฉันจึงอบรมและแจกเอกสารที่เป็นประโยชน์ให้เขาฟรี ช่วยเหลือทุกสิ่งทุกอย่าง โดยไม่ได้เรียกเก็บเงินแต่อย่างใด และได้เรียนกับเพื่อนครูว่ากรุณาอย่านำเงินหรือสิ่งของต่างๆ มาให้ดิฉัน เพราะดิฉันต้องการสร้างทานบารมี ดิฉันมีความปรารถอย่างบริสุทธิ์ใจที่จะช่วย ซึ่งเหน็ดเหนื่อยมาก เพราะต้องอ่านงานหนักมาก ด้วยเหตุที่รู้ว่าพวกเขาเป็นครูที่ดี จึงได้ฃ่วยเพื่อนครู ดังนี้

   1. ดิฉันช่วยปรับแผนการสอนให้ทั้งเล่ม ซึ่งเขาเขียนแผนเองแต่ช่วยเพิ่มเติม ตัด ขัดเกลาให้
   2. ดิฉันช่วยครูบางคนเขียนแผนการสอนทั้งหมด เพราะเขาป่วยเป็นโรคเลือด เนื้องอก แต่ให้เขานำมาใช้สอนนักเรียน
   3. ในการเลื่อนระะดับนั้น มีผลงาน 3 อย่าง คือ แผนการสอน สอบ และนวตกรรม

ดิฉันมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการบำเพ็ญทานบารมี ครั้งนี้ว่าจะบาปไหม กลุ้มใจมาก พยายามปลอบใจตนเองว่าจิตเราบริสุทธิ์ แต่ก็ยังไม่สบายใจเลย ช่วยดิฉันด้วยว่าจะทำอย่างไรดีคะ ถ้าสิ่งที่ทำมันผิด ดิฉันควรจะทำอย่างไรดีคะ ช่วยโปรดด้วย

ขอความกรุณาตอบเร็วหน่อยนะคะ เพราะเพื่อนครูต้องส่งงานเร็วๆ นี้
ขอบูชาพระคุณของท่าน ด้วยการทำความดีต่อสังคมนะคะ

เคารพบูชา ศรัทธา เทิดทูน
ครูอยุธยา

คำตอบ
   
ทั้งหมดที่บอกเล่าไปคุณได้ทำหน้าที่เหมือนที่ปรึกษาให้กับเพื่อน ด้วยการปรับแก้ไขแผนงานให้เข้านำไปปฏิบัติ หากเป็นไปด้วยเจตนาบริสุทธิ์ในการสร้างบารมีไม่ถือว่าเป็นบาป
  

486.
กราบเรียนท่านอาจารย์อีกครั้งครับ

   1. จากข้อถามที่ผมได้เคยถามไปในข้อที่ 441 และได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของท่านอาจารย์ที่ได้กรุณาตอบไว้ ปรากฏว่าความคิดเช่นนั้นก็ยังคงอยู่ครับ ซึ่งทำให้กระผมเริ่มสงสัยในตัวเองว่ากระผมเป็นคนไม่ดีชั่วช้าจริงๆรึเปล่า

คำตอบ
    ให้ปฏิบัติตามที่แนะนำไปเรื่อย ๆ จนกว่าความคิดอันเป็นอกุศลจะหมดไปตามกฎไตรลักษณ์ ด้วยการทำตัวเองให้เหมือนคนโง่ ทำให้ถูกตรงตามที่ครูอาจารย์บอกกล่าว จะใช้เวลาปฏิบัติยาวนานแค่ไหน ต้องไม่ท้อแท้ ไม่ท้อถอย ไม่ล้มเลิก การปฏิบัติแล้วผลจะปรากฏเป็นดี ในวันข้างหน้าแน่นอน
   
   2. ต่อจากข้อ 1 มิหนำซ้ำทุกครั้งที่ผมอยากทำความดีเช่นทำบุญ หรือชักชวนผู้อื่นทำบุญแล้วแต่โอกาสซึ่งโดยส่วนตัวนั้นทำอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว แต่มาระยะหลังนี้ในใจผมอีกใจนึงก็คิดว่าที่ทำลงไปนั้นเสแสร้ง และคิดไม่ดีกับการทำบุญนั้นๆทั้งที่ในใจกระผมอยากที่จะสร้างกุศลจริงไม่ทราบว่าทำไมเป็นเช่นนั้นและควรแก้อย่างไรดีครับ

คำตอบ
    ทำตนเองให้เป็นผู้มีศรัทธาเต็มร้อย ทำตัวเองให้เหมือนคนโง่ เมื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีแล้วเป็นกุศล อย่าได้เลิกปฏิบัติไม่ทำตนเองเหมือนน้ำชาล้นถ้วย หากแก้ปัญหานี้ได้ ปัญหาที่รบกวนใจจะหมดไปแน่นอน

   3. ข้อนี้ขออ้างอิงจากข้อที่ 439-2 กระผมสงสัยว่าที่กระผมเป็นอย่างทุกวันนี้ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นนั้นเป็น เพราะ "เทวดาที่มีมิจฉาฑิฐิมาปรุงแปรงรึเปล่า" และหากเป็นเช่นนั้นควรแก้ไขอย่างไรดีครับ
  สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงครับ

คำตอบ
    ไม่มีใครทำร้ายตัวคุณเอง ได้มากเท่ากับใจของคุณทำร้ายตัวคุณเอง จริงไหม มนุษย์มีศักยภาพในการพัฒนาจิตได้มากกว่าเทวดาเป็นไหน ๆ ทำไมไม่เชื่อคำว่า “ มโนมยา ” ซึ่งมีความหมายว่า “ สำเร็จด้วยใจ ” เป็นสิ่งที่มีจริงและทำได้จริง
   

485.
กราบเรียน อ.สนอง วรอุไร ด้วยความเคารพยิ่ง
ผู้ถาม ขอเรียนถามดังนี้

ผู้ถาม มีความคิดมิจฉาทิฏฐิ มาตลอด และเป็นคนชั่ว เพราะ คิด พูด ทำ เป็น บาป อกุศล ชั่ว ด้วยกาย วาจา ใจ ต่อ พ่อ และ โดยเฉพาะ ต่อแม่บังเกิดเกล้า ที่ให้กำเนิดมา

ตลอดชีวิต หลายสิบปี ที่อยู่กับแม่ จะ โกรธ เกลียดแม่มาก จะ ผูกโกรธ พยาบาท เพ่งโทษ และ คิด พูด ทำ ไม่ดี ต่อแม่ พูดรุนแรง หาเรื่องในอดีตมาว่า ให้แม่เจ็บช้ำน้ำใจ มาตลอด หลายสิบปี โดยเฉพาะปัจจุบัน แม่อายุมากแล้ว ประมาณ 70 ปี

บัดนี้ กรรมหนัก ใหญ่หลวง ตามสนอง ให้ผลแล้ว คือ แม่ ไม่สบาย ป่วยหนัก อยู่โรงพยาบาล อาการน่าเป็นห่วง ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผู้ถามจะไม่ให้อภัยตัวเองเด็ดขาด จนตลอดชีวิต จนตาย เพราะตอนนี้ตัวเองตกนรกตายทั้งเป็น

พอแม่อยู่โรงพยาบาล เมื่อผู้ถามกลับมาที่ห้อง โดยที่ไม่มีแม่ ไม่เห็นแม่ เพราะแม่อยู่โรงพยาบาล เมื่อ ผู้ถามอยู่คนเดียวในห้อง จะรู้สึกแย่ที่สุดในชีวิต เพราะคิดถึง ความชั่วที่ตัวเองทำมา มันหลอก หลอน เวลากิน แม้จะกินได้ แต่ผะอึดผะอม เวลานอนก็นอนไม่หลับ หรือหลับ ๆ ตื่น ๆ เพราะ คิดแต่ความชั่วที่เราทำมาให้แม่เสียใจ เจ็บช้ำน้ำใจ

ขอเรียนถาม อ.สนอง ว่า ผู้ถามจะแก้ไข เวร กรรม อันใหญ่หลวงนี้ได้อย่างไร เพื่อให้แม่ หายเป็นปกติ กลับมาแข็งแรงดีเหมือนเดิม และผู้ถามตั้งใจ ให้สัจจะ ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ในโลกนี้ว่า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตัวเอง จะประพฤติดี ทั้ง ความคิด คำพูด วาจา การกระทำต่อแม่ เพื่อไม่ให้แม่ต้องเจ็บช้ำน้ำใจ เสียใจ อีกต่อไป

รู้สึกว่า มันสายเหลือเกิน กว่าเราจะเห็นคุณค่า ในสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต ซึ่งตลอดชีวิต เราได้มองข้าม และทำไม่ดีอย่างใหญ่หลวง

ผู้ถาม คือ คนเดียวกับ ที่มอบหนังสือ "ชาติสุดท้าย" ให้ อ.สนอง หลังจบงานเสวนา ที่บ้านพระอาทิตย์ เครือผู้จัดการ ที่จัดผ่านไปเมื่อไม่นานนัก ไม่ทราบอาจารย์จะพอระลึกได้ไหม

และจะรอคำตอบ กราบแสดงความนับถือ

คำตอบ
    ชาติ-ชรา-พยาธิ-มรณะ เป็นอกุศลวิบากสมบัติของมนุษย์ผู้ยังมีกิเลสอยู่ในใจทุกคน มียกเว้นอยู่เพียงรายเดียวที่ไม่มีอาพาธ เกิดขึ้นตลอดชีวิต ท่านผู้นั้นคือ พระพากุละ พุทธสาวกของพระพุทธโคดม เหตุที่มีชีวิตไม่อาพาธเป็นเพราะได้อธิษฐาน “ ขออย่าได้อาพาธ ” ได้รักษาสัจจอธิษฐาน ด้วยการไม่เบียดเบียนสัตว์และได้สร้างเหตุตรง ด้วยการถวายอาหาราและยารักษาโรคกับพระสงฆ์ผู้มีคุณธรรมสูงมายาวนานถึง ๔ พุทธันดร ผลของการอธิษฐานไม่อาพาธตลอดชีวิต จึงได้สำเร็จสมปรารถนา เมื่อครั้งที่ตนเองนำจิตวิญญาณมาปฏิสนธิเป็นลูกพ่อค้าชาวโกสัมพี แคว้นวังสะเมื่ออายุเจริญวัยได้ 80 ปี จึงได้บวชเป็นภิกษุในพุทธศาสนาบรรลุอรหัตผลภายใน 7 วัน นับจากบวช และตายเมื่ออายุได้ 160 ปี ตลอดตั้งแต่แรกเกิดจนวันตายเข้านิพพาน ไม่ปรากฏว่าเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคใด ๆ เลย

   ที่เล่าให้ฟังเพื่อที่จะบอกว่า การเจ็บป่วยของแม่เกิดจากกรรมเบียดเบียน ที่ท่านได้ทำกรรมด้วยตัวของท่านเอง เมื่อใดที่กรรมให้ผลเป็นอกุศลกรรมวิบาก (เจ็บป่วย) ท่านต้องชดใช้หนี้กรรมด้วยตัวเองจนกว่าจะหมดหนี้กรรม หรือจนกว่าเจ้าหนี้จะยกเลิกการจองเวร ไม่มีใครสามารถแก้ไขได้ นอกจากผู้ป่วยต้องสร้างบุญใหม่มาก ๆ เช่นปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงมรรคผลแห่งธรรม แล้วอุทิศบุญกุศลที่ตนมีใช้หนี้ให้กับเจ้ากรรมนายเวร วิธีการเช่นนี้มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะหายจากการเจ็บป่วย

   ส่วนเรื่องที่ผู้ถามได้ให้สัจจะว่า จะไม่แสดงพฤติกรรมอันเป็นอกุศล ต่อผู้มีพระคุณอีกต่อไป หากรักษาสัจจะนี้ไว้ได้จนตายแล้วพัฒนาจิตวิญญาณของตัวเองให้เข้าถึงธรรม มีธรรมสถิตอยู่ในใจได้เมื่อใดแล้ว โอกาสที่จะไม่ต้องใช้หนี้เวรกรรมกับบุพการียังเป็นไปได้


  

484.
กราบเรียน ดร.สนอง ที่เคารพ

ดิฉันขอเรียนถามคำถามดังนี้ค่ะ

   1. อภิญญา คืออะไร เกิดขึ้นได้จากการปฏิบัติสมาธิหรือวิปัสสนาหรือทั้ง 2 อภิญญามีกี่ชนิด อะไรบ้าง และอภิญญาแต่ละตัวแตกต่างกันอย่างไร

คำตอบ
   
อภิญญาเป็นสมมติบัญญัติ ที่มนุษย์ตั้งขึ้นเพื่อให้สื่อความหมายได้ตรงกัน อภิญญาเป็นความรู้สูงสุด (ภาวนามยปัญญา) เกิดขึ้นในดวงจิตที่มีความตั้งมั่นเป็นสมาธิสูงสุด หรือที่เรียกว่าเป็นสมาธิในฌาน อภิญญามี 2 ระดับ คือระดับที่เป็นโลกิยะ เกิดขึ้นจากการ
   1.  อิทธิวิธี คือความรู้เห็นเข้าใจที่นำไปใช้ให้เกิดฤทธิต่าง ๆได้
   2. ทิพพโสต คือความรู้เห็นเข้าใจ ที่เกิดขึ้นจากหูในที่เรียกว่าหูทิพย์
   3. เจโตปริยญาณ คือความรู้เห็นเข้าใจ ในจิตของผู้อื่น
   4. ปุเพนิวาสานุสติญาณ คือความรู้เห็นเข้าใจในเรื่องของการเวียนตาย-เวียนเกิด ในภพต่างๆ ที่ผ่านมาทั้งของตัวเองและของผู้อื่น
   5. ทิพพจักขุ คือความรู้เห็นเข้าใจที่เกิดจากตาในตาทิพย์ตาญาณ

และยังมีอภิญญาระดับโลกุตตระ ซึ่งเกิดจากการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่เรียกว่า เศร้าหมองคือ

   กิเลสที่เนืองยาวนาน (อนุสัย) ได้แก่ความกำหนัดในกาม ความหงุดหงิด ความเห็นผิด ความลังเลสงสัย ความถือตัว ความกำหนัดในภพและความรู้ไม่จริงหรือเป็นความรู้เห็นเข้าใจที่จะกำจัดสิ่งเศร้าหมองที่ผูกมัดใจสัตว์ (สังโยชน์) ให้ต้องเวียนตาย-เวียนเกิด ไม่มีวันจบสิ้น อันได้แก่ความเห็นว่าเป็นตัวของตน ความลังเลสงสัย ความถือมั่นศีลและ รูปธรรมอันประณีต ความติดใจในอรูปธรรม ความถือว่าตัวเป็นนั่นเป็นนี่ ความฟุ้งซ่านใจและความรู้ไม่จริง ที่มีอยู่ในจิตวิญญาณให้หมดสิ้นไป

   2. ชายที่มีภรรยาอยู่ ได้เสียกับหญิงซึ่งบรรลุนิติภาวะ บิดามารดาของหญิงนั้นเสียชีวิตแล้ว จะถือว่าชายคนนี้ผิดศีลกาเม หรือไม่คะ

คำตอบ
   
ก่อนตอบปัญหาขอเล่าเรื่องหญิงที่เกิดโอปปาติกะ คือ ผุดขึ้นทันทีทันใดโดยปราศจากเจ้าของ ที่ชื่อว่า “ อัมพปาลี ” ได้โอปปาติกะอยู่โคนต้นมะม่วงในราชอุทยาน ของเมืองเวสาลี แคว้นวัชชี เนื่องจากไม่มีเจ้าของ ไม่มีผู้ปกครองดูแลและเป็นที่หมายของเจ้าชายต่าง ๆ ของแคว้นวัชชี ต่างคนต่างอยากได้นางมาเป็นภรรยาแต่ตกลงกันไม่ได้ ในที่สุดสภาแห่งแคว้นวัชชีได้ประชุมและมีมติแต่งตั้งนางเป็นหญิงคณิกา (โสเภณี) ซึ่งทุกคนมีสิทธิอภิรมย์ได้แต่ต้องจ่ายค่าตัวให้กับนาง ดังนั้นชายที่ไปร่วมอภิรมย์กับนาง จึงไม่ถือว่าผิดศีลข้อ 3 ก็ด้วยเหตุที่นางไม่มีเจ้าของไม่มีผู้ปกครองดูแล ด้วยเหตุนี้พระเจ้าพิมพิสารกษัตริย์กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ จึงได้อยู่กินกับนางนานถึง 7 วัน จนนางได้ตั้งท้องและคลอดลูกออกมาเป็นชายชื่อ “ วิมลโกณฑัญญะ ” และในอีกกรณีหนึ่งพระเจ้าพิมพิสาร ได้ไปขอเจ้าหญิงเขมาแห่งแคว้นมัททะ พ่อแม่ได้ยกให้มาเป็นมเหสีรอง (ภรรยาน้อย) ทั้งสองกรณีนี้ไม่ถือว่าผิดศีลข้อ 3 พระเจ้าพิมพิสารตายจากชาติที่เป็นมนุษย์แล้วจึงได้ไปเกิดเป็นยักษ์ (เทวดา) ชื่อ “ ชนวสภยักษ์ ” อยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา

   นอกจากนี้ยังมีเรื่องของสองสาวพี่น้องที่เกิดเป็นลูกสาวของพ่อค้า คนพี่ชื่อ “ ภัททา ” คนน้องชื่อ “ สุภัททา ” ภัททามีคนมาขอไปเป็นภรรยาแต่ไม่มีลูก ภัททาจึงบอกสามีให้ไปขอสุภัททามาเป็นภรรยาน้อยในกรณีนี้สามีของภัททาได้รับอนุญาตจากเจ้าของทั้งสอง คือ พ่อแม่และภรรยาหลวง การมีภรรยาน้อยด้วยเงื่อนไขอย่างนี้จึงไม่ผิดศีลข้อ 3

   ดังนั้นปัญหาที่ถามประเด็นอยู่ที่ว่า เมื่อพ่อแม่ของหญิงนั้นได้ตายไปแล้ว และหญิงนั้นไม่มีผู้ปกครองอื่นดูแล และภรรยาหลวงอนุญาต การมีภรรยาน้อยไม่ถือว่าผิดศีลข้อ 3

   3. หากบิดามารดาของหญิงนั้นยังมีชีวิตอยู่ ยินดียกหญิงนั้นให้เป็นภรรยาของชายซึ่งตนทราบว่ามีภรรยาอยู่แล้ว บุตรสาวที่ยกให้ยินยอมเป็นภรรยาของชายคนดังกล่าว ถามว่า ชายคนนี้ผิดศีลกาเม หรือไม่คะ (มีคนฝากถามมาค่ะ)
    กราบขอบพระคุณมากค่ะที่กรุณาตอบข้อสงสัย
       นิยดา

คำตอบ
    บิดามารดายินดียกลูกสาวให้ไปเป็นภรรยาของชายอื่นแต่หากภรรยาหลวงไม่ยินยอมให้สามีนำหญิงอื่นมาเป็นภรรยาน้อยหากสามีกระทำลงไปถือว่าผิดศีลข้อ 3
  

483.
กราบเรียนท่านอาจารย์ดร.สนองที่เคารพ

ขอเรียนถามเรื่อง เป็นเรื่องกรรมจริง หรือบังเอิญค่ะ

   ตอนนี้ เวลาทำบุญ จะได้กลับมาเท่าตัว เช่น ทำบุญช่วยคน 1 หมื่น สิ้นงวดก็ถูก ฉลากธนาคาร 2 หมื่น ต่อมา 5 เดือนทำบุญสร้างกุฎ 5 พัน วันรุ่งขึ้นก็ถูกฉลากธนาคาร 1 หมื่น เป็นความบังเอิญหรือไม่ค่ะ ทำไมเป็น 2 เท่าเหมือนเดิม

   ส่วนเวลาทำบาปก็ได้รับการลงโทษ 3 เท่าตัว คือ ไปจอดรถ เขาเขียนว่า ชม ละ 20 บาท เราไปจอดแต่ไม่เจอคนเก็บเงิน ก็ได้ไปถามร้านค้าแถวนั้นว่า คนเก็บไปไหน เขาบอกว่า มาเย็นๆ (เราไปจอดตอนเที่ยง) แต่ก็ได้นึกในใจว่า ดีประหยัดไป 20 บาท ไปจอด 2 วัน ก็ไม่มีคนมาเก็บ คิดเป็นเงิน 40 บาท วันต่อมาไปจอดที่โรงแรม ประทับตราไม่ได้เนื่องจาก เพื่อนๆที่นัดกันเปลี่ยนทานข้าวที่กระทันหัน โดนไป 100 บาท วันถัดมาไปจอดแถวท่าน้ำ ไม่เคยจอดมาก่อน พอรับบัตรมา เห็น ชม ละ 20 บาท บอกว่าไม่เอา ขอไม่จอดเพราะเราเข้าไปไม่ถึง 1 นาที เขาบอกว่าไม่ได้ ออกบัตรแล้วต้องจ่าย ทำให้เสียค่าจอดรวมเป็น 120 บาท

   ไม่ทราบเป็นเป็นเรื่องกรรมจริง หรือบังเอิญ หากเป็นเรื่อง กรรมจริง ทำไมตามกันเป็นจรวด วันต่อวันค่ะ เนื่องจากเท่าที่อ่านมา กรรมจะซับซ้อนมาจับต้นชนปลายไม่ถูก


กราบขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
   พุทธศาสนาเป็นศาสนาของผู้รู้จริง ในครั้งที่ผู้ตอบปัญหาได้ไปฝึกกรรมฐานอยู่กับท่านเจ้าคุณโชดก เคยได้ยินท่านพูดให้ฟังว่า เมื่อใดที่ปฏิบัติกรรมฐานจนจิตมีความบริสุทธิ์เพิ่มมากขึ้นเมื่อทำสิ่งเป็นบุญ อานิสงส์แห่งบุญจะเกิดขึ้นกับผู้กระทำ เพิ่มมากเป็นหลายเท่าตัว และหากทำบาปอานิสงส์แห่งบาปก็จะเกิดกับผู้กระทำเพิ่มมากเป็นหลายเท่าตัวเช่นกัน

   นอกจากนี้จากความรู้และประสบการณ์ของผู้ตอบปัญหาพบว่าผลแห่งบุญหรือผลแห่งบาปที่จะเกิดขึ้นกับผู้กระทำ ยังขึ้นอยู่กับปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล หากผู้กระทำมีปฏิสัมพันธ์กับผู้มีคุณธรรมสูง มีปฏิสัมพันธ์กับคนหมู่มาก และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่มีพลังจิตสูง จนเกิดผลตามมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง ตามระดับของความมีคุณธรรม ตามจำนวนบุคคลที่ร่วมในปฏิสัมพันธ์และตามพลังจิตของผู้ร่วมในปฏิสัมพันธ์อีกด้วยดังตัวอย่างเช่นในสมัยของพุทธเจ้าที่มีนามว่า อโนมทัสสีพุทธะ ก่อนจะรับถวายทานจากบรรดาฤาษี พระอโนมทัสสีพุทธะ ก่อนจะรับถวายทานจากบรรดาฤาษี พระอโนมัทัสสีพุทธะ และอัคคสาวกพร้อมทั้งพระอรหันตสาวก ได้เข้านิโรธสมาบัติฌาน 7 วัน ด้วยเหตุที่มีพุทธประสงค์จะให้อานิสงส์แห่งทานเกิดขึ้นมากแก่บรรดาฤาษีที่มีจิตศรัทธาถวายทาน หลังจากออกนิโรธสมาบัติในวันที่ 7 แล้วจึงได้รับถวายทานของฤาษีสรทะ (อดีตของพระสารีบุตร) และฤาษีบริวาร และอีกตัวอย่างหนึ่งคือในครั้งพุทธกาลของพระพุทธโคดม พระมหากัสสปะ (อรหันต์) ได้เข้านิโรธสมาบัตินาน 7 วัน เมื่อออกจากนิโรธสมาบัติแล้วได้ไปโปรดหญิงชรายากจน โดยรับบิณฑบาตเอาน้ำผักดองมาฉัน อานิสงส์แห่งทานได้ปรากฏขึ้นหลังจากหญิงชรานั้นได้ตายไปเกิดเป็นนางฟ้ามีบริวารมากอยู่ในสวรรค์ชั้นนิมมานนรดี

   ในทางกลับกัน ปฏิสัมพันธ์ในส่วนบาป ดังตัวอย่างของนันทยักษ์ใช้กระบองตีศีรษะของพระสารีบุตรผู้ที่กำลังนั่งเข้านิโรธสมาบัติอยู่ผลกรรมที่เกิดตามมาคือ นันทยักษ์ถูกธรณีสูบในทันทีแล้วลงไปเกิดเป็นสัตว์นรก ฯลฯ ดังนั้นที่ผู้ถามบอกเล่าไปจึงเป็นเรื่องจริง หากประสงค์จะจับต้นชนปลายในเรื่องของกรรมและกฎแห่งกรรม ได้อย่างชัดแจ้งต้องพัฒนาตัวเองให้เข้าถึงความเป็นอริยบุคคลได้แล้ว วิจิกิจฉาก็จะหมดไป
   

482,
คำถามจากม.ราชภัฏอุตรดิตถ์
  1. วิธีทำให้อีโก้เบาบางหรือหมดไปทำได้อย่างไร
  2. การทำบุญให้คนตาย ทราบได้อย่างไรว่าเขาได้รับหรือไม่
  3. ปกติตักบาตรทุกเช้า และอุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาญเร่ร่อนที่เราไม่รู้จัก วิญญาณข้างทางเขาจะได้รับไหมค่ะ
  4. (1)นางไม้ที่อาศัยอยู่กับต้นไม้มีจริงไหม เราควรทำอย่างไรกับต้นไม้เหล่านั้นเวลาตัดต้นไม้
    (2) ต้นตะเคียนที่ขึ้นจากน้ำให้หวยกับชาวบ้านมีจริงหรือไม่
  5. มีพี่สาวแถวบ้านคนหนึ่ง ทำงานบริษัทแห่งหนึ่งได้เงินเดือนมาก เกิดไม่ชอบงานจึงลาออกกลับมาอยู่บ้าน แล้วขอรถยนต์พ่อจะไปทำมาค้าขายเองเอาไปได้สองวันแล้วไม่ไปค้าขายแต่ไปปฏิบัติวิปัสสนาบวชชีพราหมณ์เคร่งครัดมากจนเป็นบ้า ระหว่างที่บวชพ่อแม่ก็ส่งเงินเดือนไปให้เดือนละ 2,000 บาท และพ่อแม่ก็มานั่งใช้หนี้ทุนกู้ยืมเรียน (กยศ) ให้ด้วย พ่อแม่ทุกข์ใจมากที่ลูกไม่ทำงาน สิ่งที่พี่สาวคนนี้ทำจะได้บุญหรือได้บาปกันแน่

คำตอบ

ข้อ 1 ทำอัตตา (อีโก้) ให้เบาบางหรือหมดไปได้ ด้วยการปฏิบัติกรรมฐานจนเกิดปัญญาเห็นแจ้งขึ้นกับจิต แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งพิจารณาขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) จนเห็นว่าแต่ละขันธ์ดับไปตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อขันธ์ 5 ดับอัตตาจะดับตามไปด้วย มาตรวัดการดับของอัตตาคือคุณธรรมที่เกิดขึ้นกับใจ เมื่อใดที่ใจมีคุณธรรมสั่งสมสั่งร่างกายให้คิดพูดและทำ พฤติกรรมที่แสดงออกล้วนเป็นสิ่งดีงามทั้งหมด

ข้อ 2 ทราบได้ด้วยการเข้าฌานแล้วสื่อจิตไปถึงคนตาย หรือไม่ต้องเข้าฌาน แต่อธิษฐานจิตให้คนตายมาบอกว่า บุญที่อุทิศให้เขาได้รับหรือไม่ เมื่อใดเหตุปัจจัยลงตัวผู้อุทิศก็สามารถทราบได้

ข้อ 3 วิญญาณเร่ร่อนหรือวิญญาณข้างทางที่อยู่ในรูปของสัมภเวสีหรือในรูปของเปรตบางประเภท (ปรทัตตูปชีวีเปรต) จะได้รับบุญด้วยเหตุ 3 ประการ คือมีบุญเกิดขึ้น มีผู้อุทิศให้ และมีผู้มาอนุโมทนาบุญ หากปัจจัยทั้ง 3 ลงตัว ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้อุทิศบุญกับผู้มารับส่วนบุญก็สัมฤทธิ์ผล

ข้อ 4 (1) มีจริงถ้าไม่จำเป็นให้หลีกเลี่ยงไม่ตัดต้นไม้ที่มีนางไม้อาศัยอยู่ ถ้าจำเป็นต้องตัดต้นไม้ต้นนั้น ต้องขออนุญาตก่อนตัดต้นไม้ ส่วนนางไม้จะอนุญาตให้ตัดได้หรือไม่นั้นมันเป็นสิทธิ์ของนางไม้ ผู้รู้มิบังอาจละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น หรืออีกทางเลือกหนึ่งให้เขาย้ายไปอยู่ที่ต้นไม้ต้นอื่น หากเขาเห็นชอบด้วยคุณก็ตัดต้นไม้ได้

      (2) ต้นตะเคียนมีแต่รูปไม่มีนาม จึงให้หวยไม่ได้แต่หากมีจิตวิญญาณ (พลังงานชนิดหนึ่ง) สิงสถิตอยู่ในต้นไม้นั้นประสงค์สำแดงฤทธิ์ พลังงานสามารถทำงานและแสดงออกเป็นตัวเลขได้

ข้อ 5 ปฏิบัติธรรมแล้วเป็นบ้านั่นคือบาปที่เกิดขึ้นและยังได้บาปที่ทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์ เป็นการทำบาปในส่วนที่สองเพิ่มขึ้นอีกด้วย

 

481.
เรียนท่านอาจารย์ดร.สนองที่เคารพยิ่ง

ผมปฏิบัติดูลมหายใจ โดยใช้พองหนอ ยุบหนอไปเรื่อยๆ มีสติระลึกรู้บ้าง บางทีก็เผลอคิดบ้าง แต่ก็พยายามมีสติกำกับอยู่

คำถาม
   1. พอผมเจริญสติไปได้พักหนึ่ง ขาปวด แต่อดทน จนผ่านความปวดนั้นไปได้ หลังจากออกสมาธิ ก็เห็นพระพุทธองค์แล้วน้ำตาไหล ขนลุกซู่ อยากจะกราบพระพุทธรูปซักร้อยครั้งพันครั้ง ผมไม่รู้ว่า อย่างนั้นเป็นปิติ ที่อยู่ในอารมณ์ฌานหรือเปล่าครับ?

คำตอบ
    นั่นคือปีติที่เกิดขึ้นกับผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิในฌาน ครั้งใดที่เห็นพระพุทธรูป ต้องพิจารณาสิ่งที่ถูกเห็นให้ดับไปด้วยการกำหนดว่า “ เห็นหนอๆๆๆ ” จนพระพุทธรูปหายไป แล้วดึงจิตกลับมาสู่องค์ภาวนาเดิม

   2. บางครั้งเมื่อเจริญสติ และจิตเริ่มนิ่งมากขึ้น จิตก็จะน้อมไประลึกคุณของพระรัตนตรัยโดยอัตโนมัติ แล้ว จิตก็อิ่มเอม ขนลุก เป็นอย่างนี้บ่อยครั้งประจำ ผมไม่รู้วาอย่างนี้เรียกว่าปิติหรือไม่ครับ? เพราะเคยคิดว่าปิตินั้น น่าจะเกิดจากจิตที่จดจ่อ ไม่ได้น่าจะเกิดจากการนึกคิด

ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ

คำตอบ
    สติมีความหมายว่า ระลึกได้ นึกได้ ไม่ลืม เอาใจจดจ่อ ฯลฯ ดังนั้น การระลึกได้ถึงคุณของพระรัตนตรัย นั่นคือสติได้เกิดขึ้นแล้วกับจิต ระลึกแล้วเกิดอาการอิ่มเอบ ขนลุก นั้นเรียกว่า เกิดปีติ

   ส่วนคำว่า “ นึก ” เป็นเรื่องของสติ “ คิด ” เป็นเรื่องของปัญญานึกคิดจึงเป็นเรื่องของสติและปัญญาทำงานร่วมกัน


  

480.
เรียน อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพอย่างสูงค่ะ

อาจารย์ค่ะ นับเป็นบุญของหนูค่ะ ที่ได้รับธรรมมะจากซีดีของอาจารย์ โดยมีญาติธรรมท่านหนึ่งเอามาให้ เรื่องทางสายเอก และได้แนะนำให้ได้รู้จักเวปนี้ หนูขอกราบขอบพระคุณอาจารย์นะค่ะ เพราะบางเรื่องที่หนูมีปัญหา ติดขัดทางปฎิบัติก็ได้คำตอบจากการตอบปัญหาของอาจารย์ค่ะ

   อาจารย์ค่ะ หนูได้ปฎิบัติในแนวสติประฐานสี่ที่วัดพระธาตุจอมทอง ช่วงเข้าอธิษฐานนับเป็นบุญอย่างสูงสุด หนูได้สัมผัสธรรมมะวิเศษค่ะ มีเสียงเรียกเป็นเสียงผู้ชายค่ะ เสียงไพเราะและมีอำนาจมากโดยท่านเรียกชื่อหนู 3-4 ครั้ง ว่าถึงไหนแล้ว เหมือนกับดูทีวีค่ะ ซึ่งจิตหนูก็ถามท่านว่าใคร เป็นรูปของพระพุทธเจ้าค่ะลอยมา สวยมากและมีสีรุ้งล้อมรอบเศียรท่าน (ญาติธรรมบอกว่า ฉับพรรณรังษี) หลังจากนั้นก็เห็นเป็นเทพธิดา สวยมากค่ะ ไม่มีใครหรือนางงามเวทีไหนจะสู้ได้ ท่านถือถาดทองคำ และพวงมาลัยสวยมาก มีสร้อยสังวาลย์ แต่งตัวเหมือนภาพวาดในวัด เค้ามาชวยหนูไปทำบุญกับหลวงปู่ทอง หนูตอบว่าไปไม่ได้หรอกกำลังปฎิบัติธรรมอยู่ ซึ่งต้องทำตามที่พระอาจารย์กำหนดให้ เค้าก็ชวนหนูไปไหว้พระธาตุด้วยกัน หนูกับตอบว่า ไปไม่ได้หรอกเพราะต้องปฎิบัติ สุดท้ายก็ร่วอนุโมทนากับท่าน หลังจากนั้น ก็เป็นภาพอีกเมืองหนึ่งขึ้นมา มีแสงสว่างเป็นบ้านเมืองที่น่าอยู่ จิตหนูก็ถามอีกว่าที่ไหน อีกจิตหนึ่งก็บอกว่า "เมืองลับแล" มีเด็ก ๆ กำลังวิ่งเล่นกันสนุกสนาน แต่แปลกค่ะมีแสงสว่างแต่ไม่ร้อนเหมือนโลกที่เราอยู่ ด้วยความโลภของหนู อยากเห็นมากกว่านี้ไม่ได้กำหนดตาม ลืมตาขึ้นทันทีปรากฎว่าไม่มีอะไรเลย

   ช่วงสอบอารมณ์ หนูได้เล่าให้พระอาจารย์ฟัง ท่านก็บอกว่าทำดีแล้วลูก ซึ่งก่อนหน้านี้หนูไม่รู้ว่าที่เห็นที่สัมผัสคืออะไร แต่บอกได้เลยว่าไม่ได้นั่งหลับหรือฝันหรือคิดไปเอง เป็นช่วงที่มีความสุขมากค่ะอาจารย์ แต่พระอาจารย์บอกว่าไม่ให้ยึดติด ให้กำหนดรู้เท่านั้นพอ
ก่อนหนูจะลากลับบ้าน หนูเห็นนิมิตรอย่างหนึ่ง จิตหนูตกมากค่ะ ว่าทำไมถึงเห็นอย่างนั้น แล้วก็ได้รับคำตอบเองโดยอัตโนมัติค่ะ ว่าการปฎิบัติของหนูนั้น เรื่องกามเป็นเรื่องที่ตัดยากที่สุด
   
   อาจารย์คะ เนื่องจากหนูปฎิบัติไม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 1 ปีที่ผ่านมา หนูเจอปัญหาในครอบครัว เหมือนปัญหาทั่วๆ ไปค่ะ สามีหนูมีเมียน้อย จิตตามไม่ทันบางครั้งต้องใช้เวลาเกือบ 5-6 ชั่วโมง กว่าจะตามจิต กิเลสได้ หนูต้องอาศัย ซีดีธรรมมะของหลวงพ่อจรัญ และอ่านธรรมมะจากเวปนี้ หนูมีปัญหาเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

   1. เมื่อเกิดลางสังหรณ์ หลังจากนั้นเหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้นจริง จะแก้จากหนักให้เป็นเบาทำอย่างไงค่ะ หนูเคยฝันว่ารถโดนชนหลังจากนั้น 1 อาทิตย์ ก็ชนจริงๆ โดยจอดทิ้งไว้มีรถบรรทุก 10 ล้อชน พังทั้งแทบค่ะ

คำตอบ
    หลังจากปฏิบัติธรรมทุกครั้ง ต้องอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร ท่านเจ้าคุณโชดกบอกให้ทำ อย่างนั้น ผู้ตอบปัญหาเชื่อแล้วได้ปฏิบัติตาม เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสบพบเห็นจึงได้ผ่านพ้นเป็นเรื่อง ๆ ไป

   2. เมื่อรู้ว่าเจ้ากรรมนายเวรคือใคร จะขออโหสิกรรมทำอย่างไงค่ะ

คำตอบ
    ถ้าจะให้หนี้เวรกรรมหมดสิ้นไปได้ง่าย ต้องขอความเมตตาจากผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมร่วมกันอุทิศบุญกุศลที่แต่ละคนมีอยู่ใช้หนี้กรรมแทนคุณ แล้วเวรกรรมที่ผูกกันไว้จึงจะหมดไปได้เร็ว

   3. จะตัดกิเลศ ความเกลียด ความไม่ชอบ และสร้างให้ตัวเองมีจิตเมตตาต่อคนที่เบียดเบียน (สามี และผู้หญิง) กำหนดอย่างไรค่ะ
     กราบขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ สิ่งไหนที่หนูล่วงเกินอาจารย์โดยเจตนาไม่เจตนา ขอ
        กราบขอขมาและอโหสิกรรมด้วยค่ะ
        ด้วยความเคารพอย่างสูง
         เพชร

คำตอบ
    ความเมตตาจะเกิดขึ้นและสั่งสมให้จิตวิญญาณเป็นเมตตาบารมีได้ ต้องให้อภัยอยู่เสมอ ให้อภัยได้ในทุกเรื่องที่มีสิ่งขัดใจเข้ากระทบจิต และประสงค์จะให้ความเกลียดและความไม่ชอบหากไปจากใจ ต้องพัฒนาจิตจนเกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งพิจารณาขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) จนเห็นว่าแต่ละขันธ์ดับไปตามกฎไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) ได้แล้ว ขันธ์ 5 จะไม่มีอัตตา ตัวตน หรือความเห็นแก้ตัวจะหมดไปจากใจ แล้วความเกลียดความไม่ชอบ ก็จะไม่เกิดขึ้นกับใจของผู้ไม่มีอัตตา
  

479.
เรียน อ.สนองที่เคารพ
รบกวนเรียนถามอ.ดังนี้ค่ะ

   1.ตามที่อ.เคยแนะนำว่าวิธีหนึ่งที่จะสามารถทราบว่าคนที่ตายไปแล้วไปอยู่ที่ไหนไปสู่สุคติหรือทุคติ เราสามารถอธิษฐานจิตให้คนตายมาบอกได้ อยากทราบว่าต้องอธิษฐานว่าอะไรบ้างคะ

คำตอบ
   
คนที่ตายไปแล้ว ไปได้ร่างใหม่ในสุคติภพ หรือไปได้ร่างใหม่ในทุคติภพ มนุษย์ผู้อยู่หลังสามารถอธิษฐานจิตให้คนตายมาบอกได้ว่า “ ไปเกิดที่ไหนให้มาบอกกันด้วย ” แต่คนที่ตายไปเกิดใหม่แล้วจะมาบอกได้หรือไม่นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากเขาไปอยู่ในสภาพที่มาบอกไม่ได้การอธิษฐานก็ไม่สัมฤทธิ์ผล หากเขาไปอยู่ในสภาพที่มาบอกได้แต่ผู้ตายไม่ประสงค์จะมาบอก การอธิษฐานก็ไม่สัมฤทธิ์ผล หรือหากเขาประสงค์จะมาบอกแต่สื่อเครื่องรับของผู้อธิษฐานไม่สามารถสื่อสารกับผู้ตายได้ เช่นความถี่คลื่นจิตไม่ตรงกันหรือกำลังแรงส่งไม่พอ ก็ไม่สามารถมาบอกกันได้จากประสบการณ์ตรงของผู้ตอบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้ตอบปัญหาเคยไปงานพิธีเผาศพบิดาของผู้ร่วมงาน ก่อนที่ผู้ตอบปัญหาจะทอดผ้ามหาบังสุกุลได้เอ่ยชื่อและนามสกุลของผู้ตาย แล้วอธิษฐานว่า “ ไปเกิดที่ไหนมาบอกกันด้วย ” ผู้ตายไม่สามารถสื่อให้ผู้ตอบปัญหาทราบโดยตรง แต่กลับไปสื่อให้เพื่อนสนิทของผู้ตาย ว่าเขาไปเกิดอยู่ในชั้นดาวดึงส์ (สวรรค์) โดยเพื่อนสนิทของเขาได้พูดผ่านออกมาทางไมโครโฟน ที่กำลังยืนพูดเกี่ยวกับพิธีงานศพอยู่

   2.หลังจากอธิษฐานไปแล้ว ถ้าไม่ได้รับการติดต่อจะสามารถสรุปได้หรือไม่คะว่าผู้ตายไปสู่ทุคติ เพราะ อ.เคยสอนว่าถ้าคลื่นจิตไม่ตรงกันก็ไม่อาจสื่อสารกันได้ หากเป็นเช่นนั้นจะทำอย่างไรต่อไปดีค่ะ

    ขอบคุณมากค่ะ

คำตอบ
    ไม่ต้องทำอะไรต่อไปให้เวลาแห่งชีวิตของผู้ถามปัญหาผ่านไปโดยไร้ประโยชน์ เอาผู้ตายเป็นครูสอนใจว่า อีกไม่นานผู้ถามและผู้ตอบปัญหา ก็ต้องเป็นเช่นเดียวกับผู้ตาย เอาเวลาที่เหลืออยู่ไปสร้างและสั่งสมความดี สั่งสมบุญ สั่งสมบารมี ไว้เป็นปัจจัย (ทรัพย์ภายใน) เพื่อใช้ในการเดินทางต่อในปรภพจะมิดีกว่าหรือ ขณะที่ตนเองยังมีชีวิตอยู่น่าจะดูแลรักษาใจ ให้พ้นจากภัยอันเกิดจากกิเลสตัณหา (อยากรู้ว่าเขาตายไปเกิดที่ไหน) อุปาทาน ทำใจตนเองให้มีศีล มีธรรม มีความดีงาม ครอบครองใจตนเองให้ได้ จะดีกว่าให้สิ่งเศร้าหมองอันเป็นบาปเป็นกิเลส มานำพาชีวิตให้ไปเกิดในภพต่ำ

   ผู้รู้ได้ชี้แนะทางเสื่อมทางเจริญของชีวิตไว้เช่นนี้ ผู้มีสติปัญญาต้องฟังและพิจารณา เลือกทางเดินให้กับชีวิตของตนเอง นี้เป็นสิ่งที่ควรทำให้เกิดขึ้นมีขึ้น หากโอกาสของลมหายใจแห่งชีวิตหยุดลงเมื่อใดการทำความดีให้กับชีวิตนี้ก็เป็นอันยุติ ฉะนั้นผู้ตอบปัญหาจะบริหารจัดการหรือปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม ก็เป็นสิทธิ์ของเจ้าของชีวิต ผู้รู้ไม่อาจก้าวล่วงในชีวิตของผู้อื่น ผู้รู้เป็นได้เพียงผู้ชี้ทางเท่านั้น


 

478.
เรียน ถาม อ.สนอง วรอุไร ดังนี้

   1. การบวชในศาสนาพุทธนั้น มีความสำคัญหรือมีความจำเป็นหรือไม่ เพียงไรที่ผู้ชายทุกคนเกิดมาแล้วต้องบวช หากไม่บวช แต่ศึกษาธรรมะที่บ้านเอง หรือ ปฏิบัติธรรมเองได้หรือไม่

คำตอบ
   
ในอดีตคนที่อาศัยอยู่ห่างไกลตัวเมืองส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรมแทบจะไม่มีความรู้ว่าอะไรคือบาปบุญคุณหรือโทษ คนที่ยังไม่ได้บวชเรียนจึงถูกเรียกว่าเป็น “ คนเดิม ” คนที่บวชเรียนแล้วถูกเรียกว่าเป็น “ คนสุก ” เวลาที่ผู้ชายจะไปขอลูกสาวบ้านอื่นมาตั้งเป็นครอบครัว เพื่ออยู่กินฉันท์สามี-ภรรยา จะถูกพ่อแม่ฝ่ายหญิงถามอยู่เสมอว่า บวชเรียนมาหรือยัง ถ้ายังไม่ได้บวชเรียนถือว่าเป็นคนดิบเขาจะไม่ยกลูกสาวให้ หากความเชื่อนี้ยังไม่อยู่ในสังคมใดการบวชเรียนในพุทธศาสนาถือว่ายังมีความสำคัญและจำเป็นแต่ในปัจจุบันสังคมเมืองมีสื่อธรรมะให้เข้าไปซื้อหามาอ่านกันได้ง่าย การเรียนรู้ว่าสิ่งใดทำแล้วเป็นบุญ ให้คุณแก่ผู้กระทำ เรียนรู้ว่า สิ่งใดทำแล้วเป็นบาปให้โทษแก่ผู้กระทำ หากเรียนรู้แล้วเกรงกลัวต่อบาปที่จะเกิดขึ้นก็จะไม่กระทำสาระสำคัญของการบวชเรียนของคนในอดีตอยู่ที่ตรงนี้

   ฉะนั้นผู้ถามปัญหาตระหนักและเข้าถึงสาระของการบวชเรียนได้ด้วยการศึกษาและปฏิบัติธรรมด้วยตัวเอง และสามารถเข้าถึงธรรมได้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องบวช

   อนึ่งหากบุพการี (พ่อแม่) ยังมีความเชื่อว่า การที่ลูกได้บวชในพุทธศาสนา เป็นการช่วยพ่อแม่ไม่ให้ลงไปเกิดเป็นสัตว์ ในอบายภูมิเมื่อตายแล้ว หากความเชื่อเช่นนี้ยังคงมีอยู่ในครอบครัว อย่างนี้ยังถือว่าจำเป็นต้องบวชเพื่อทดแทนพระคุณของพ่อแม่

   2. หากต้องบวช ควรบวชเป็นระยะเวลาเท่าใดจึงจะดีที่สุด เคยมีคนบอกว่าต้องบวชให้ได้ครบพรรษา จึงจะดี แต่เห็นวันรุ่นสมัยนี้บวชกันไม่กี่วันก็สึกแล้ว (และพระควรฉันวันละกี่มื้อ เห็นบางวัดก็ มื้อเดียวก็มี)

คำตอบ
   
ระยะเวลาของการบวชไม่สำคัญเท่ากับว่าเมื่อบวชแล้ว ได้เรียนรู้ธรรมและมีธรรมเข้ามาอยู่ในจิตใจของผู้บวชหรือไม่จากประสบการณ์ตรงของผู้ตอบปัญหา มีนักเรียนระดับชั้นมัธยมต้นจำนวนหนึ่งได้บวชเป็นเณรปฏิบัติธรรมภาคฤดูร้อนนาน 30 วัน ในวันลาสึกจากเณรไปสู่เพศฆราวาสมีเณรอยู่ 4-5 องค์ไม่ยอมสึก ผู้ปกครองต้องนำเสื้อผ้าที่เตรียมมาให้สวมใส่หลังสึกกลับไปบ้านเหตุเป็นเพราะเณรจำนวน 4-5 รูปนั้นได้เข้าถึงธรรมของพระพุทธะ ได้เห็นคุณค่าของการมีธรรมบรรจุอยู่ในจิตใจ จึงขอเวลาแสวงหาสิ่งอันมีคุณคงให้นานเท่าที่จะทำได้

   ส่วนเรื่องการฉันอาหารไม่จำเป็นต้องกำหนดจำนวนมื้อต่อวันหากปฏิบัติธรรมแล้วจิตเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ จิตจะมีอารมณ์ปรุงแต่งเกิดขึ้นน้อยจึงไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานมาก ฉันอาหารเพียงวันละ 1 มื้อก็เพียงพอแก่ความต้องการของร่างกาย พระที่ปฏิบัติธรรมบางท่านมีจิตสงบมาก ปฏิเสธการฉันอาหารทุกวัน โดยเว้นไปเป็นฉันอาหาร 3 วัน 5 วัน 7 วัน หรือมากกว่านั้น เพียงครั้งเดียว ก็สามารถอยู่ได้โดยร่างกายยังมีความเป็นปกติ ไม่มีทุกขเวทนาเรื่องความหิวเกิดขึ้นให้เป็นความทุกข์เบียดเบียน

   3. ศาสนาอื่นเค้าใช้นรกร่วมกับศาสนาพุทธหรือไม่ หมายถึงว่า คนที่นับถือศาสนาอื่นเวลาเค้าตกนรกเนี่ย เป็นนรกเดียวกันหรือแยกกันกับศาสนาพุทธ หากแยกกัน เค้าสบายหรือทรมานกว่านรกของศาสนาพุทธ ( รวมถึงสวรรค์ด้วย ใช้สวรรค์ร่วมกันหรือไม่)
    ขอบพระคุณ อ.สนองมากครับ
     ขอให้เจริญในธรรม    ญาณพิทักษ์ พุฒิพิมพ์พิสิฏฐ์

คำตอบ
    ความสุขในสวรรค์ความทุกข์ในนรกมีความเป็นสากลเหมือนกัน แต่ต่างกันที่สมมติเพราะภพสวรรค์และภพนรกยังเป็นสมมติที่มีอยู่ในวัฏสงสาร หากจะเปรียบเทียบให้เห็นเด่นชัดและเข้าใจง่ายก็ต้องบอกว่าลักษณะของคุกฝรั่งกับคุกไทยไม่เหมือนกัน แต่สภาพที่ถูกคุมขัง ถูกจำกัดบริเวณให้หมดอิสรภาพ ความรู้สึกไม่สบายกายไม่สบายใจต้องถูกจำกัดอิสรภาพ เช่นเดียวกับชาวตะวันตก ที่ถูกคุมขังอยู่ในคุกไทย ต้องถูกจำกัดอิสรภาพเช่นเดียวกับชาวตะวันตกที่ถูกคุมขังอยู่ในคุกฝรั่ง แต่คุกไทยกับคุกฝรั่งมีความไม่เหมือนกันเพราะใช้วัฒนธรรมต่างกันใช้สมมติต่างกัน

   ที่ถามว่าใช้สวรรค์ร่วมกันหรือไม่ ขอตอบว่าส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่สวรรค์ร่วมกัน สวรรค์ใครสวรรค์มันเพราะเป็นสมมติ แต่มีบ้างเป็นส่วนน้อยที่ใช้สวรรค์ร่วมกัน ทั้งนี้มีเหตุมาจากความเชื่อและสัญญา (ความจำ) ที่ถูกเก็บบันทึกไว้ในดวงจิต หลังจากได้กระทำสิ่งที่ให้อานิสงส์เป็นบุญที่นำเกิดเป็นชาวฟ้าชาวสวรรค


  

477.
กราบเรียนอาจารย์ที่เคารพ
  
  กระผมชื่อ นายชัยทัต หวังสัมพันธ์ เกิดวันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2515 อาชีพ นักพัฒนาและติดตั้งระบบการควบคุมทรัพยากรองค์กรสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม วันหนึ่งได้พบหนังสือชื่อ "ทางสายเอก" ของท่านอาจารย์ ระหว่างรอเข้าทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งในกรุงเทพ กระผมได้ตั้งจิตอธิฐานเจริญรอยตามท่านอาจารย์ โดยได้ขออุปสมบทกับพระอาจารย์ธีรภัทร ( ญาณธโร ) ที่คณะ 5 วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ เมื่อวันอาทิตย์ทึ่ 24 มิถุนายน 2550 และจะอุปสมบทในวันที่ 2 กรกฎาคม 2550 โดยเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2550 กระผมได้พาบิดา มารดาลงนามรับรองการขออุปสมบทครั้งนี้กับท่านพระมหารำไพ

   กระผมขอให้ท่านอาจารย์ช่วยแนะนำทางเอกสายตรง สำหรับการปฏิบัติตนที่ดีเพื่อเตรียมเข้ารับ การฝึกฝนด้านวิปัสสนาสำหรับการอุปสมบทในครั้งนี้ด้วยครับ ขอคำชี้แนะจากท่านอาจารย์สนอง วรอุไร และขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงที่ท่านได้ชี้ทางสว่างให้กับผมในการเจริญสติของตน กระผมขอน้อมรับคำสั่งสอนของท่านเป็นแนวทางในการปฏิบัติธรรมต่อไป

   ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
    ชัยทัต หวังสัมพันธ์

คำตอบ
    ในฐานะที่ผู้ตอบปัญหามีประสบการณ์การฝึกจิตมาก่อนและเดี๋ยวนี้ก็ยังมีอยู่จึงขอแนะนำว่า
       1.  ต้องทำใจให้มีศีลอย่างน้อย 5 อย่างคุมใจอยู่ทุกขณะตื่น
       2.  ตั้งอธิษฐานปฏิบัติธรรมเต็มที่ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น
       3.  รักษาสัจจอธิษฐานให้คงอยู่
       4.  ทำตัวเองให้เหมือนคนโง่ ครูสอนกรรมฐานบอกให้ทำอย่างไร ต้องทำตามที่ครูบอกให้ได้
       5.  กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย ฟังน้อย ดูน้อย อ่านน้อย แต่ปฏิบัติให้มาก (ประมาณ 20 ชม.ปฏิบัติ) ฯลฯ

   หากทำได้ดังคำที่แนะนำมา ความสำเร็จในการเข้าถึงมรรคผลแห่งธรรมจะเกิดขึ้นแน่นอน มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับทุนเดิมที่สั่งสมมา
  

476.
เรียน อาจารย์สนอง วรอุไร

   1)หนูเริ่มปฏิบัติธรรมมาได้สักระยะหนึ่งแล้วโดยใช้วิธีดูลมหายใจเข้า+ออกของตัวเอง มีอยู่วันหนึ่งได้กำหนดลมหายใจเพื่อให้จิตนิ่งเป็นสมาธิโดยอิริยาบถนอนจู่ๆ ก็มีความรู้สึกว่าตัวสั่นแลัวก็มีความรู้สึกว่าตัวเราหมุนไปรอบทิศเป็นวง กลมอย่างช้าๆทั้งที่เรายังนอนอยู่เฉยไม่ทราบว่ามันเป็นอาการที่ดีหรือไม่ดีคะ อยากให้อาจารย์ช่วยอธิบายปรากฏการณ์นี้ทีค่ะและถ้ามันไม่ดีแสดงว่าเราปฏิบัติผิด ทางรึเปล่าคะแก้ไขอย่างไรคะ

คำตอบ
    ความรู้สึกว่า “ ตัวหมุน ” อย่างที่บอกเล่าไปนั้นเป็นอาหารที่เกิดขึ้นจากการมีจิตขาดสติ เหตุเพราะจิตเคลื่อนออกไปจากลมหายใจเข้าออก แล้วไปจับหรือระลึกรู้อยู่กับอาการตัวหมุน ซึ่งเป็นการปฏิบัติธรรมที่ผิดทาง วิธีแก้ไข เมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวหมุนให้กำหนดว่า “ หมุนหนอๆๆๆ ” ไปเรื่อย ๆ จนกว่าความรู้สึกตัวหมุนดับไปแล้วต้องดึงจิตกลับมาสู่องค์ภาวนเดิม
   
   2)ได้ฟังบรรยายของอาจารย์สนองแล้วอาจารย์บอกว่าเวลาทำงานให้ใช้จิตทำงานแทนสมอง แล้วจะไม่ล้าไม่เหนื่อยอยากทราบว่าใช้จิตทำงานนั้นเป็นอย่างไรแล้วมันจะประสาน งานกับสติอย่างไรคะกรุณาช่วยยกตัวอย่างให้ห็นด้วยคะเพื่อที่จะได้นำไปปฏิบัติใน ชีวิตประจำวัน

คำตอบ
    จะทำงานด้วยจิตได้ จิตต้องมีกำลังของสติสัมปชัญญะกล้าแข็งในระดับหนึ่ง สติเกิดขึ้นกับจิตที่พัฒนาดีแล้วจิตที่มีสติกำกับจะจดจ่ออยู่กับงานที่ทำ สัมปชัญญะเกิดขึ้นกับจิตที่พัฒนาจนเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ปัญญาเห็นแจ้งสามารถรู้เห็นเข้าใจวิธีทำงานให้เกิดผลสำเร็จได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ฉะนั้นการทำงานด้วยใจที่มีศักยภาพเช่นนี้ จึงทำงานได้อย่างรวดเร็ว ไม่หนัก ไม่ล้า ไม่เครียด และทำงานได้มาก

   ผู้ถามปัญหาประสงค์จะทำงานด้วยใจ ต้องพัฒนาจิตให้มีสติกล้าแข็ง พัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว การทำงานด้วยใจจึงจะเกิดเป็นจริงขึ้นได้

   3)การให้อภัยคนเป็นการเจริญเมตตาอย่างหนึ่งรึเปล่าคะแล้ว เจริญเมตตาบ่อยมีอานิสงฆ์ส่งผลดีกับเราอย่างไรและถ้าเราคิดจะให้อภัยกับเพื่อน ร่วมงานที่บาดหมางกันกันแต่เขาก็ยังไม่คิดดีทำดีกับเราเราควรทำอย่างไรคะควรจะหา งานใหม่ทำรึเปล่าคะ

คำตอบ
   ที่ถามไปนั้นถูกต้องแล้วให้อภัยบ่อย ๆ ให้อภัยได้ในทุกเรื่องที่เป็นเหตุขัดใจได้แล้ว เมตตาจึงจะเกิดขึ้นและสั่งสมเป็นบารมีอยู่ในจิตใจ ทำให้เป็นคนสงบและเย็น

   อนึ่งแค่เพียงคิดจะให้อภัย แสดงว่ายังไม่ได้ให้อภัยเมตตายังไม่เกิด การให้สิ่งใดๆ รวมถึงการให้อภัย เมื่อให้แล้วต้องไม่หวังผลตอบกลับมา จึงจะเป็นการให้ (ทาน) ที่มีอานิสงส์เป็นบุญล้วน ๆ


475.
กราบสวัสดีท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

ผมมีข้อข้องใจเรื่องการปฏิบัติธรรมครับ
    1. ผมเคยอ่านหนังสือธรรมะที่อ้างอิงจากพระไตรปิฎก ที่ว่าเมื่อได้ ปฐมฌาณ ทุติยฌาณ... ให้ น้อมจิต ไปเพื่อวิปัสสนา โดยเห็นว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นี้ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นไปเพื่ออาพาธ เป็นอนัตตา... คำว่า น้อมจิต กับคำว่าพิจารณา เหมือนกันหรือไม่ครับ เพราะถ้าพิจารณาผมเกรงว่าจะติดเป็นจินตาญาณครับ

คำตอบ
   น้อมหมายถึง โน้ม ค้อม โอนอ่อนตามในพจนานุกรมฉบับเฉลิมพระเกียรติ คำว่าน้อมจิต น่าจะอนุมานเหมือนคำว่าน้อมกาย ซึ่งหมายถึงย่อกายลง ทรุดกายลง ยอมกายลง ฯลฯ ส่วนคำว่า พิจารณาหมายถึงตรวจตรา ตริตรอง สอบสวน ฉะนั้นคำทั้งสองจึงมีความหมายไม่เหมือนกัน

   2. จริงๆ แล้วต้องทำอย่างไรต่อครับ หรือว่าดูความเปลี่ยนแปลงของสภาวะไปเรื่อยๆ อย่างเดียวขณะที่ถอยมาอยู่ที่อุปจารสมาธิครับ

คำตอบ
   
ให้ถอนความตั้งมั่นของจิตออกจากฌาน ให้เข้ามาอยู่ในระดับตั้งมั่นจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) แล้วใช้จิตตามดูผัสสะที่เกิดขึ้นกับจิต จนเห็นผัสสะเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อใดที่ผัสสะหมุนเข้าสู่ความเป็นอนัตตา แล้วไม่หวนกลับคืนมาเกิดอีกจิตจะเห็นแจ้งในผัสสะว่าเป็นสิ่งไม่มีตัวไม่มีตน จิตจึงปล่อยวางแล้วว่างเป็นอุเบกขา ทุกชนิดของผัสสะให้ใช้จิตตามดูเช่น เดียวกันนี้แล้วจิตจะเกิดปัญญาเห็นแจ้งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

   3. เมื่อเกิดอุเบกขาจิตแล้ว ก็เจริญสติปัฏฐานต่อไป เพื่อเพิ่มกำลังสติ สมาธิ ญาณแก่กล้าให้มากขึ้น แล้วจิตจะพัฒนาไปเองตามลำดับ ผมเข้าใจอย่างนี้ถูกต้องหรือไม่ครับ
ด้วยความเคารพยิ่ง
   วัฒนา

คำตอบ
    เมื่อจิตเกิดปัญญาเห็นแจ้ง ให้นำจิตไปพิจารณาโดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) ในกาย เวทนา จิต ธรรม จนเห็นว่าแต่ละเรื่องที่ยกขึ้นมาพิจารณาเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ จิตจะเห็นแจ้งว่าสิ่งใดมีเกิดขึ้น สิ่งนั้นย่อมดับไป ไม่มีตัวไม่มีตน เป็นธรรมดาเมื่อจิตมีปัญญาเห็นแจ้งมากขึ้น ให้นำจิตมาพิจารณา กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในใจ (อนุสัย 7) หรือพิจารณากิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ให้ต้องเวียนตายเกิด ในวัฏสงสาร (สังโยชน์10) ว่าตัวใดจับไปเป็นอนัตตาแล้วกิเลสตัวใดยังเหลือให้ต้องพิจารณา เพื่อกำจัดให้หมดไปจากใจ ปฏิปทาเช่นนี้เป็นหนทางปฏิบัติที่นำจิตเข้าสู่ความาเป็นอริยบุคคล
  

474.
กราบสวัสดีท่านอาจารย์ ดร. สนอง วรอุไร ค่ะ

 ดิฉันรบกวนขอคำแนะนำค่ะ
   1. บ้านที่คุณแม่อยู่เกิดปลวกขึ้นค่ะ แล้วคุณแม่ต้องขูดปลวกทิ้งประมาณ 10 ครั้งได้แล้วค่ะ ที่สำคัญคือคุณแม่ต้องฆ่าปลวกเหล่านั้นทุกครั้ง ไม่อยากให้ท่านทำเลยค่ะ ได้แต่บอกท่านว่าให้ท่านลองแผ่เมตตาให้ปลวกเหล่านั้นหลังจากที่ท่านสวดมนต์เสร็จค่ะ ให้ท่านลองทำดูค่ะ รบกวนขอคำแนะนำท่านอาจารย์ด้วยค่ะ

คำตอบ
   
ผู้ตอบปัญหาไม่มีทักษะเรื่องการขูดปลวกทิ้งหากปรึกษาบริษัทผู้ให้การดูแลเรื่องปลวกขึ้นบ้าน จะได้คำตอบที่ถูกตรงกว่า

   ส่วนเรื่องการแผ่เมตตาให้กับปลวก ผู้ที่มีพฤติกรรมขูดปลวกทิ้งยังเป็นผู้ที่ไม่มีความเมตตา เมื่อไม่มีเมตตาอยู่ในใจแล้ว ก็ไม่สามารถแผ่สิ่งที่ตนเองไม่มีให้กับผู้อื่นสัตว์อื่นได้ ฉะนั้นวิธีเสนอแนะให้แม่ลองทำดูนั้นเสนอแนะได้ แต่ทำแล้วไม่สำเร็จผลดังที่ต้องการ

   2. การที่ปลวกขึ้นบ้านนั้น มีสาเหตุมาจากเรื่องกรรม, ศาลเจ้าที่ หรือการเบียดเบียนกันไว้หรือเปล่าค่ะ ตอนสมัยคุณพ่อยังมีชีวิตอยู่ไม่เห็นมีเลยค่ะ

คำตอบ
    กรรมที่ทำแล้วเกิดเป็นความเบียดเบียน เมื่อกรรมให้ผล ผู้ทำกรรมจะถูกเบียดเบียนตอบ

   3. รบกวนขอพรหรือคำให้กำลังใจจากท่านอาจารย์ เมื่อเวลารู้สึกท้อ หรือความเพียรลดลงค่ะ เพราะเวลาที่ตัวเองไม่สบายใจนั้น จะเปิดเทปบรรยายธรรมของท่านอาจารย์ฟังแล้วจะรู้สึกสบายใจขึ้นค่ะ

   ด้วยความเคารพอย่างสูง
      ayee_jung

คำตอบ
   
ให้เปิดเทปบรรยายธรรมของผู้ตอบปัญหาฟังบ่อย ๆ แล้วจะเกิดเป็นความสบายใจขึ้น นั่นคือพรที่ให้
   

473.
เรียนท่านอาจารย์ดร.สนอง ที่เคารพอย่างสูง

  ผมขออนุญาตเรียนถามท่านอาจารย์สั้นๆดังต่อไปนี้ครับ ผมได้อ่านหนังสือบางเล่ม กล่าวว่า การใส่บาตรโดยที่ใส่น้ำนั้น อาจเป็นการทำบุญที่แฝงไปด้วยบาป เพราะหลายคนมีความเชื่อว่า ตายไปถ้าไม่ใส่น้ำ จะไม่มีน้ำกินในโลกหน้า

ผมขอเรียนถามท่านอาจารย์ว่า
 หากผู้ใส่บาตรมีเจตนาอย่างนี้ ถือว่าติดหนี้สงฆ์มั้ยครับ? เป็นบาปมั้ยครับ? เพราะผมเห็นใจพระสงฆ์มาก ที่ต้องแบกน้ำจำนวนมากเข้าวัด

   ผมขอขอบพระคุณอาจารย์ในความกรุณาที่มีให้เสมอมา และขอขมาต่ออาจารย์หากได้เคยล่วงเกินอาจารย์ด้วยกาย วาจา ใจ

   ขออำนาธคุณพระศรีรัตนตรัย โปรดดลบันดาลให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรง เป็นร่มไม้ใหญ่ให้บัวใต้น้ำอย่างผมด้วยครับ

ด้วยความเคารพ

คำตอบ
    หากมีเจตนาบริสุทธิ์การนำอาหารและน้ำใส่ลงในบาตร สามารถทำได้ทำสำเร็จแล้วเป็นบุญ แต่หากคิดว่าน้ำที่นำไปใส่ลงในบาตร จะเป็นการสร้างความลำบากให้กับสงฆ์ผู้อุ้มบาตร แล้วยังใส่ลงไปอีก การทำอย่างนี้ได้ทั้งบุญและบาป ฉะนั้นนำน้ำไปถวายพระที่วัดจะดีกว่า เพราะได้บุญล้วน ๆ

   ส่วนคำว่าติดหนี้สงฆ์ หมายถึงไปใช้หรือไปเอาของสงฆ์มาใช้ โดยยังมิได้รับอนุญาตจากสงฆ์ อย่างนี้ถือว่าติดหนี้สงฆ์เป็นบาป

 

472.

   ได้ฟังธรรมจากอาจารย์ว่าการซื้อบ้านที่ธนาคารยึดมาเป็นของร้อนนั้น
ดิฉันเพิ่งทราบว่าไม่ดี เมื่อดิฉันซื้อมาแล้วจะทำอย่างไรดีคะ
พอมีวิธีแก้ได้อย่างไรคะขอคำแนะนำจากอาจารย์ด้วยค่ะ
แต่ทุกวันนี้ก็พยายามปฏิบัติธรรมอยู่ตามโอกาสและทำบุญครั้งใดก็อุทิศส่วนบุญกุศลนั้นให้เจ้าที่คิดว่าเขาคุ้มครองอยู่เสมอค่ะ แต่ไม่เคยทำบุญที่บ้าน เพราะคิดว่าเราไปทำบุญที่ไหนเราก็ระลึกนึกถึงและอุทิศส่วนกุศลให้ทุกครั้ง และโดยปรกติอยู่บ้านก็สวดมนต์เช้า - เย็นและนั่งสมาธิเสมอและก็อุทิศให้เขาตลอด

   อยากขอคำแนะนำที่ดีจากอาจารย์
     นพรัตน์

คำตอบ
  ทำอย่างที่บอกเล่าไปนั้นดีแล้ว จงทำต่อไป อุทิศบุญกุศลให้กับเจ้าของเดิมไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งจิตของเจ้าของบ้านเดิมไม่เสียดายที่บ้านถูกธนาคารยึด คุณก็จะอาศัยอยู่ในบ้านที่ซื้อมาได้อย่างปกติสุข หรืออีกทางหนึ่งคือขายบ้านทิ้งไปแล้วหาบ้านใหม่ที่เป็นทรัพย์เย็นมาอยู่อาศัย ถ้าให้เลือกปฏิบัติ ผู้ตอบปัญหาเลือกวิธีแรก เพราะจะได้มีโอกาสสร้างบุญบารมีให้กับตัวเองไปเรื่อย ๆ และยังเป็นการได้เพื่อนอีกด้วย
 

471.
กราบเรียน อาจารย์ ดร.สนองที่เคารพ

   โดยปกติแล้วคุณแม่จะเป็นคนห่วงลูกหลานตลอดเวลา ขณะนี้ ท่านได้เสียชีวิตไปแล้วโดยการนอนหลับไปเฉย ๆ จากโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ โรคไต ดูจากหน้าตาท่านตอนเสียชีวิต เหมือนหลับไปเฉย ๆ ไม่ได้ทุรนทุราย หรือ เจ็บ อยากทราบว่าจะทราบได้อย่างไรค่ะว่าท่านไปสุคติหรือไม่ และทำบุญ (ถวายภัตตาหาร สังฆทาน ปฏิบัติธรรม ถวายมหาทานตามที่อาจารย์บอก )ให้ท่าน ท่านจะได้รับหรือไม่คะ

    กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
     การนอนหลับตามิได้หมายความว่า จิตไม่มีการเกิด-ดับ (ภวังค์) เสมอไป หากนอนหลับแล้วจิตเข้าสู่ภวังค์ จิตจะทำงานไม่ได้ จะเคลื่อนออกจากร่างกายไม่ได้ ฉะนั้นขณะจิตออกจากร่างจิตต้องมีการเกิด-ดับ การตายจึงจะเกิดขึ้นได้ การสละทิ้งร่างกายในขณะจิตมีสติกำกับ จิตจะไปปฏิสนธิในร่างใหม่ในสุคติภพ แต่หากขณะจิตสละทิ้งร่างกาย โดยขาดสติกำกับ จิตจะไปปฏิสนธิในร่างใหม่ในทุคติภพ ทั้งนี้จะทราบได้ด้วยการเข้าฌานแล้วตามดู ดังตัวอย่างที่พระอนุรุทธเถระตามดูการเสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจ้า พระมหาโมคคัลลานะเข้าฌานแล้วขึ้นไปพบกัณฐกะเทพบุตรในดวงดึงส์ วังคีสะพราหมณ์เข้าฌานแล้วใช้นิ้วดีดกะโหลกคนตาย แล้วรู้ว่าผู้เคยเป็นเจ้าของกะโหลกนั้นตายแล้วไปเกิดที่ไหน หรืออธิษฐานให้คนตายไปแล้วมาบอก หากเขาอยู่ในภาวะที่มาได้ ก็สามารถรู้ได้ ฯลฯ

   ส่วนการอุทิศบุญกุศลไปให้คนตาย หากเขาไปเกิดอยู่ในภาวะที่มาอนุโมทนาบุญได้ เขาก็จะได้รับบุญที่มีผู้อุทิศให้ ดังตัวอย่างของปรทัตตูปชีวีเปรต ญาติของขุนคลัง (อดีตของพระเจ้าพิมพิสาร)


 

470.
คำถามจากคณะทันแพทย์ ม.ขอนแก่น, 20 มิ.ย. 2550

1. ท่านว่ามีผู้เอาเรื่องราวของท่านที่บรรยายไว้เขาเอาไปก๊อปปี้โดยไม่ขออนุญาตจะมีโทษภายหลังถามว่า ถ้าเช่นนั้นการก๊อปปี้หนังสือธรรมะ เรื่องราวต่าง ๆ ตลอดจนแผ่นซีดีธรรมะแจกจ่ายไปโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของจะเป็นเช่นไรครับ

คำตอบ
    เมื่อใดที่กรรมให้ผลผู้ที่ก๊อปปี้ผลงานของผู้อื่นไม่ได้ โดยไม่ขออนุญาตจากเจ้าของ จะถูกเจ้ากรรมนายเวรเอาผลงานของตัวเองไปใช้บ้างโดยไม่บอกเจ้าของ

2. เราเกิดมาทุกคนถ้าเราและครอบครัวยังไม่ได้อธิษฐานอะไรเลย เราควรจะแนะนำให้อธิษฐานเช่รไรไว้เป็นเบื้องต้น (เพื่อภพชาติต่อไป)

คำตอบ
    เพื่อการเกิดใหม่ในภพชาติถัดไปและได้พบกับชีวิตที่ปกติสุข ควรอธิษฐานว่า เกิดใหม่ให้ได้พบพระพุทธศาสนามีปัญญาเห็นถูกและคำว่าไม่ ไม่ดี ไม่ได้ ไม่สบาย จงอย่าบังเกิดกับข้าพเจ้า

3. ถ้าหากคุณ เมื่อครั้งโดนชาวเหนือสาปแช่งถ้าหาไม่เจตนาจะลบหลู่ แต่โดยคนส่วนมากทั้งเมืองสาปแช่งผลจะเป็นเช่นไร

คำตอบ
    ไม่มีเจตนาจะลบหลู่สิ่งที่คนส่วนมากเคารพบูชากราบไหว้ศรัทธาเลื่อมใด แต่ด้วยเหตุแห่งการมีความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) ไปจากธรรม จึงนำไปสู่ความคิดที่ผิด(มิจฉาสังกัปปะ) จึงพูดผิด (มิจฉาวาจา) พูดแล้วเป็นเหตุให้ชาวเหนือจำนวนมากเข้าใจผิด จึงถูกสาปแช่ง ผลที่จะเกิดตามมาในวันข้างหน้าในภพนี้หรือภพไหน ๆ ที่โคจรไปเจอกับคนที่เคยผูกเวรกันไว้ ปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นไปในทางลบ เช่น ถูกด่า ถูกขับไล่ ถูกนินทา ถูกให้ร้าย ฯลฯ

4. ถ้าหากการฆ่าชีวิตคนต้องชดใช้กรรมด้วยชีวิต การฆ่าศัตรูสมัยก่อน จะเป็นเช่นไรครับ ต้องชดใช้กรรมแบบไหน

คำตอบ
    กรรมที่จะให้ผลกับผู้ฆ่าชีวิต คือมีอายุสั้นชีวิตมีอุปสรรคปัญหา อาพาธเจ็บป่วย ตายแล้วมีโอกาสลงไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิได้

5. ป่านนี้เทวทัตจะพ้นวิบากกรรมหรือไม่ครับ

คำตอบ
    ไม่ทราบเพราะไม่มีประสบการณ์กับเทวทัตในนรก

6. การฆ่าสัตว์นั้นสัตว์นี้ต้องชดใช้ถ้าไม่ได้ฆ่าสัตว์มีสิทธิ์เป็นสัตว์ต่าง ๆ เพราะเหตุใด

คำตอบ
    เพราะเหตุจิตถูกความหลง (โมหะ) เข้าครอบงำ

7. อธิษฐานอย่างไรจึงจะมีสิทธิ์เกิดเป็นผู้ชาย

คำตอบ
   
อธิษฐานเกิดเป็นผู้ชาย แล้วต้องทำเหตุให้ตรงจึงมีโอกาสเกิดเป็นผู้ชายได้ เหตุตรงคือ มีศีล 5 คุมใจ รับใช้ใกล้ชิดผู้มีคุณธรรมสูง นำมวลชนทำประโยชน์สาธารณะ ทำตัวเองให้เป็นที่พึ่งแห่งตนและเป็นที่พึ่งแก่มวลชนได้ ฯลฯ

469.
เรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

   1.ขอสอบถามปัญหาเรื่องการถวายข้าวหรือน้ำพระพุทธ จำเป็นหรือไม่ หรือเพียงดอกไม้ ธูปเทียนเท่านั้น ที่บ้านจะไหว้พระโดยถวายน้ำเปล่าทุกองค์ วันพระจะถวายดอกไม้ พวงมาลัย แต่จะสวดมนต์ทุกครั้ง เปิดซีดีบทสวด และเชิญทุกรูปทุกนามบริเวณบ้านมารับฟังธรรมเพื่อเป็นบุญของแต่ละท่าน แต่ละตน ทุกเช้าและเย็น ทำถูกต้องแล้วหรือไม่

คำตอบ
    บูชาผู้ควรบูชา เป็นมงคลอุดม การบูชาทำได้สองทางคือ “ อามิสบูชา ” การบูชาด้วยสิ่งของเครื่องใช้ ดังเช่นที่บอกเล่าไปการถวายข้าว น้ำ ดอกไม้ ธูป เทียน พวงมาลัยฯลฯ เป็นอามิสบูชาสามารถทำได้ ยังมีการบูชาที่ดีกว่าที่เรียกว่า “ ปฏิบัติบูชา ” ได้แก่การปฏิบัติจิตตภาวนา การสวดมนต์ การฟังธรรม เป็นปฏิบัติบูชา เป็นการปฏิบัติธรรมเบื้องต้น ถ้าจะให้เกิดผลดีควรปฏิบัติให้ยิ่งกว่านั้น คือปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเมื่อใดที่จิตเข้าถึงมรรคผลของการปฏิบัติได้แล้ว จะเกิดปัญญาเห็นแจ้ง ได้ดวงตาเห็นธรรมการปฏิบัติเช่นนี้เป็นการบูชาสูงสุด

   2. การมีใจเมตตาไม่ฆ่ายุง เป็นอานิสงค์ที่เราไม่ค่อยถูกยุงกัด เป็นไปได้หรือไม่ (ในที่เดียวกันคนอื่นบ่นยุงกัดเต็มไปหมด)

คำตอบ
    เมื่อไม่ฆ่ายุง ก็ไม่มีเวรผูกพันกับยุง จะไม่ถูกยุงกัด ซึ่งเป็นไปตามกฎแห่งกรรม คำว่าไม่ค่อยถูกยุงกัดแสดงว่ายังมียุงบางตัวกัดอยู่ นี่เป็นผลที่เกิดจากมียุงบางตัวที่ถูกฆ่ายังจองเวรอยู่แต่มีไม่มาก ผู้ตอบปัญหาเคยไปกราบหลวงพ่อเกษม เขมฺมโก ไม่เห็นยุงสักตัวเดียวกัดท่าน แต่ผู้ที่ไปกราบคารวะท่านถูกยุงกัดกันถ้วนหน้า นี่เป็นเครื่องแสดงว่าหลวงพ่อเกษมมีจิตเมตตาเต็มร้อยกับยุง

   3. หากเราสวดมนต์หรือแผ่ส่วนกุศลไปให้ผู้ป่วยซึ่งใกล้เสียชีวิต ทำให้เราต้องเข้าไปสู่วงจรการชดใช้กรรมของเขาหรือไม่ และทำให้เราต้องรับความเจ็บปวดร่างกายบ้างจากเจ้ากรรมนายเวรเขาได้หรือไม่ หรือหากเราเปลี่ยนเป็นอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของคนป่วย เพื่ออโหสิกรรมและให้เขาจากไปอย่างสงบจะดีกว่าหรือไม่
กราบขอบพระคุณค่ะ
   อนันยา

คำตอบ
    หากการเจ็บป่วยมีต้นเหตุมาจากการถูกจองเวรการที่ผู้หนึ่งผู้ใดแผ่กุศลไปให้ผู้ป่วย ถือว่าเข้าไปร่วมวงจรการชดใช้กรรมของเขา บุญเกิดจากการอุทิศให้ผู้ป่วย และบาปเกิดจากการถูกจองเวรจากเจ้ากรรมนายเวรของผู้ป่วย การกระทำเช่นนี้จึงได้ทั้งบุญและบาป

   อนึ่งการอุทิศกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของผู้ป่วย และให้เจ้ากรรมนายเวรยกเลิกการจองเวร ผู้อุทิศบุญสามารถทำได้แต่เจ้ากรรมนายเวรจะยกเลิกหรือไม่ยกเลิกการจองเวรเป็นสิทธิ์ของเขา


  

468.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง

ได้ฟังคำบรรยายของท่านทาง Internet เรื่องอธิษฐานบารมี อยากทราบว่า
- มหาทานนั้นสามารถทำได้อย่างไร โดยวิธีไหน
- หากอธิษฐานว่าขอให้เจอกัลยามิตรที่ดี อยู่ในสังคมที่ดี ต้องสร้างเหตุให้
ตรงอย่างไร

ขอขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
  คำว่า “ มหาทาน ” หมายถึงการบริจาคทานอันยิ่งใหญ่ เป็นทานที่บริจาคแล้วเกิดอานิสงส์มาก ในยุคสมัยนี้คนที่เกิดมาไม่มีโอกาสได้พบพระพุทธเจ้า การถวายทานกับอริยบุคคลในวันที่ท่านออกจานิโรธสมาบัติเป็นมหาทาน การสร้างศาลาปฏิบัติธรรม การสร้างทางเดินจงกรม การถวายอาหาร ยารักษาโรค ผ้าไตรจีวร แด่พระอริยบุคคล การให้ธรรม (เผยแผ่ธรรม) เป็นทานแก่คนหมู่มากฯลฯ เหล่านี้เป็นมหาทาน

   อธิษฐานให้ได้พบกัลยาณมิตรที่ดี หมายถึง กัลยาณมิตรในทางธรรม กัลยาณมิตรผู้ทรงศีลทรงธรรม กัลยาณมิตรผู้มีปฏิปทาถูกตรงตางธรรมวินัยพระพุทธะ ฯลฯ เหตุตรงที่ต้องทำคือ พัฒนาตนเองให้เป็นผู้มีศีล อย่างน้อยมีศีล 5 คุมใจ เจริญจิตตภาวนา เข้าหาและเสวนากับผู้มีศีลมีธรรม

   อธิษฐานให้ได้อยู่ในสังคมที่ดี สังคมที่ดีหมายถึง สังคมที่บริบูรณ์พร้อมด้วยปัจจัยอำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิตสมาชิกของสังคมที่ตนดีมีศีลมีธรรม และอยู่อาศัยกันอย่างสงบสุขเหตุตรงที่ต้องทำคือ สร้างทางสัญจรให้คนไปมาหาสู่ได้สะดวก สร้างศาลาที่พักริมทางเดิน สร้างน้ำดื่มน้ำใช้ไว้ในที่สาธารณะ สร้างแสงสว่าง เช่น ติดตั้งไฟฟ้าให้ความสว่างริมทางเดิน ถวายเทียนพรรษา ถวายหลอดไฟฟ้าไว้กับวัด ปลูกต้นไม้ให้ร่มเงา ให้ความร่มเย็นริมทางเดินในวัดในสวนสาธารณะ ให้ปัญญาเห็นถูก (สัมมาทิฏฐิ) เป็นทานแก่มวลชนฯลฯ เหล่านี้เป็นเหตุตรง ที่นำสู่ความสมปรารถนาในคำอธิษฐานให้ได้อยู่ในสังคมที่ดี
  

467.
เรียน อ.สนอง ที่เคารพ

   1. พี่สาวซื้อบ้านใหม่และมีผู้แนะนำให้ตั้งตี่จูเอี๊ย พี่สาวได้ทำตาม แต่ปรากฎว่าหลังจากตั้งศาลแล้วพี่สาวไม่ได้อยู่บ้านตนเองเลย เพราะกลับมาอยู่บ้านแม่ และไม่ได้กลับไปดูแลบ้านตัวเอง จึงไม่ได้กราบไหว้บูชาศาลเจ้าเลย จะเกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวไหมคะ เพราะแม่ต้องการพี่สาวมาดูแล แต่แม่ไม่เคยแนะนำให้พี่สาวกลับไปไหว้เจ้าที่บ้านเลยค่ะ

คำตอบ
    ตั้งศาลตี่จูเอี้ยแล้วไม่ได้เซ่นไหว้เลยก็เท่ากับว่าเจ้าที่ไม่ได้รับทานที่เกิดจาการเซ่นไหว้ พี่สาวจึงไม่มีเพื่อนที่อยู่ต่างมิติ หากมีปัญหาใดเกิดขึ้นกับบ้านใหม่ที่ไปซื้อทิ้งไว้จะไม่มีใครช่วยปกป้องคุ้มครองให้ปลอดจากภัย

    2. ดิฉันปฏิบัติธรรมมาระยะเวลาพอสมควร แต่ยังไม่ก้าวหน้า ควรทำอย่างไรคะจึงจะปฏิบัติธรรมได้ดี ด้วยควารมเคารพอย่างสูง

คำตอบ
    หวังความก้าวหน้าเกิดขึ้นจากการปฏิบัติธรรมอย่างน้อยต้องทำให้ได้ 3 เรื่อง ดังนี้
     1. ผู้ปฏิบัติต้องมีอย่างนี้ศีล 5 คุมใจอยู่ทุกขณะตื่น
     2. ต้องเจริญจิตภาวนาทุกครั้งที่ว่างจากงานของสังคมและเจริญจิตภาวนาทุกครั้งที่นึกได้
     3. ต้องอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร หลังเสร็จจากการปฏิบัติธรรม
หากทำได้ทุกอย่างที่แนะนำ มรรคผลแห่งการปฏิบัติธรรมย่อมเกิดขึ้น

  

466.
เรียนดร.สนอง ที่เคารพ

   ดิฉันชื่อฐานุตรา คุณะเสนี มีปัญหาทุกข์ใจเรื่องลูกมีอาการขาเกร็ง ออทิสติคอ่อนๆ พ่อเขาก็ไม่เอา ดิฉันไม่รู้จะแก้ไขกรรมโดยเร็วอย่างไรเพราะทูกข์มาก

     กราบขอบพระคุณอย่างสูง    ฐานุตรา คุณะเสนี

คำตอบ
    ต้องขออภัยผู้ถามปัญหา ผู้ตอบปัญหามิได้ศึกษามาทางด้านนี้จึงไม่มีความรู้ที่จะให้คำแนะนำ ปัญหาเรื่องขาเกร็งของลูกน่าจะไปขอคำปรึกษาจากหมอที่มีทักษะในเรื่องของระบบประสาทจะได้รับการชี้แนะที่ถูกตรงกว่า
   

465.
เรียน อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

รบกวนเรียนถามอาจารย์อีกเรื่องค่ะ
   เพิ่งเริ่มปฏิบัติธรรมคิดว่าในแนววิปัสสนาคือดูท้องยุบหนอพองหนอ แต่หากมีอารมณ์อื่นแทรกก็ให้รู้และบริกรรมตามอารมณ์นั้นนั้น เช่น ยินหนอ ปวดหนอ โยกหนอ ซึ่งการปฏิบัติได้ผลดีช่วงที่ไปปฏิบัติที่วัดถือศีล 8 แต่กลับมาบ้านจิตฟุ้งกว่ามาก สมาธิก็น้อย คิดว่าตัวเองมีพื้นฐานสมาธิน้อยเพราะไม่ได้ฝึกสมถมาก่อน ( เพราะฟังธรรมบรรยายของอาจารย์ อาจารย์ได้ฝึกสมถก่อนซึ่งจะเป็นพลังสมาธิเป็นฐานในการฝึกวิปัสสนาต่อไป ) เลยอยากจะขอคำแนะนำจากอาจารย์ว่า ควรจะไปลองฝึกแบบสมถก่อนหรือไม่ หรือปฏิบัติตามแบบที่เรียนมาต่อไป หรือทำทั้ง 2 แบบ เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าที่เร็วขึ้น หากให้ฝึกแบบสมถ ฝึกอย่างไรคะ

ขอบพระคุณมากค่ะ

จุฑาพร เจิมหรรษา

คำตอบ
    การมีจิตฟุ้งด้วยอารมณ์ปรุงแต่ง เหตุเป็นเพราะจิตมีกำลังของสติอ่อน ส่งผลให้จิตมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิได้น้อย การฝึกกรรมฐานทำได้ 2 เรื่อง คือฝึกจิตให้สงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ (สมถกรรมฐาน) เมื่อจิตสงบตั้งมั่นได้แล้ว จึงนำจิตมาฝึกให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง (วิปัสสนากรรมฐาน)

   ประสงค์ความก้าวหน้าในการฝึกจิต ต้องทำจิตให้สงบตั้งมั่นเป็นสมาธิให้ได้ก่อน ด้วยการเลือกกรรมฐานเรื่องใดเรื่องหนึ่ง (ดูกรรมฐาน 40 ) ที่เหมาะกับจริตของตน เมื่อจิตเกิดความตั้งมั่นเป็นสมาธิได้แล้ว นำกำลังสมาธิระดับจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ) มาใช้เป็นฐานการฝึกให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง (วิปัสสนาญาณ) ด้วยการพิจารณา สติปัฏฐาน 4 (กาย เวทนา จิต ธรรม) ว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อใดที่จิตเข้าถึงความจริงของความเป็นไตรลักษณ์ได้แล้ว ปัญญาเห็นแจ้งจึงจะเกิดขึ้นได้

   ที่กล่าวข้างต้น เป็นแนวทางที่เหมาะต่อการพัฒนาจิตวิญญาณของคนที่เกิดในยุคนี้ แต่มีหลายคนในครั้งพุทธกาล มีพื้นฐานของจิตตั้งมั่นมาแล้วแต่ชาติปางก่อน เขาเพียงแค่โยนิโสมนสิการ ก็ได้เข้าถึงดวงตาเห็นธรรมได้ ดังเช่นท่านอัญญาโกณฑัญญะ อุปติสสะ โกลิตะ พาหิยะฯลฯ
   

464.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง ที่เคารพ

แพทย์ผ่าตัดผู้ป่วยเป็นบาปมั๊ยคะ
   สงสัยว่า แพทย์ที่ให้คำวินิจฉัยตามหลักวิชาการ (ทางโลก) ว่าผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง แล้วผู้ป่วยได้รับการรักษา (ทางโลกอีกเช่นกัน) ด้วยการผ่าตัดอวัยวะทิ้งไป เช่น ตัดแขน, ขา, เต้านม, ปอด,และ ลำไส้ เป็นต้น หรือ ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด รวมทั้งแพทย์ที่ทำการผ่าตัดรักษาดังกล่าว เป็นบาปหรือไม่คะ เพราะเหมือนเป็นการเปลี่ยนแปลงกรรมของคนไข้ที่ต้องมาเป็นโรคนั้นๆ และ การรักษาแบบนี้ก็ทำให้ผู้ป่วยมีความทุกข์ไปอีกแบบคือ ต้องเสียอวัยวะและต้องรับผลแทรกซ้อนจากการรักษา แลกกับการที่อาจจะมีอายุยืนยาวขึ้นอีกชั่วพริบตาเดียว

ขอให้ท่านอาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงค่ะ

พญ.จงกลณี เศรษฐกร

คำตอบ
    หมอที่เข้าไปมีส่วนร่วมในวงจรอกุศลกรรมระหว่างคนไข้กับเจ้ากรรมนายเวรที่เขาผูกเวรกันไว้ อานิสงส์บาปย่อมเกิดขึ้นกับผู้ที่เข้าไปมีส่วนร่วมแน่นอน หมอมิใช่ผู้ไปเปลี่ยนแปลงกรรมของคนไข้ คนไข้ทำอกุศลกรรมด้วยตัวของคนไข้เอง เมื่อใดที่กรรมให้ผล เขาจึงต้องรับอกุศลวิบากคือความเจ็บป่วย เมื่อหมอเข้าไปรักษาคนไข้ด้วยการผ่าตัด หรือด้วยการใช้สารเคมีบำบัด หมอจึงเป็นผู้เข้าไปมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงอกุศลวิบากของคนไข้ ทำให้คนไข้ต้องได้รับอกุศลวิบากคือความทุกข์ไปเป็นอีกแบบหนึ่ง ก็ยังถือว่าเป็นบาปเช่นกัน ด้วยเหตุนี้พระพุทธะ จึงได้บอกว่าอาชีพรักษาคนไข้ เป็นเดรัจฉานวิชาห้ามสงฆ์สาวกกระทำ ทำแล้วเป็นการสร้างกรรมให้กับตัวเอง เป็นการขวางทางที่จะนำพาชีวิตให้พ้นไปจากวัฏสงสารได้ แต่พระพุทธะมิได้ห้ามฆราวาสกระทำ เพราะมีเป้าหมายของชีวิตต่างกัน พระพุทธะสอนให้ฆราวาสอยู่กับทุกข์ได้โดยให้มีทุกข์เท่าที่จำเป็น คือทุกข์ประจำที่เกิดจากชาติ (การเกิด) เวียนเกิดในสังสารวัฏ ด้วยเหตุนี้นี่เองหมอชีวก จึงมิได้บวชเป็นพระสงฆ์ในพุทธศาสนา แต่สามารถพัฒนาจิตวิญญาณตัวเอง จนเข้าสู่ความเป็นอริยบุคคลขั้นต้น (โสดาบัน) ซึ่งไม่ต้องลงไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ ซึ่งมีความทุกข์มากได้

   ฉะนั้นที่บอกเล่ามา จึงสรุปได้ว่า หมออย่าเพิ่งเลิกอาชีพรักษาคนไข้ เพราะหมอยังต้องเป็นสมาชิกของสังคม คนเจ็บป่วยในสังคมยังมีประโยชน์ให้หมอได้สร้างบุญสร้างบารมีได้อยู่ หากทำได้อย่างที่หมอชีวกได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่างได้เมื่อใดแล้ว ผู้ตอบปัญหาอนุโมทนาด้วยคำว่า สาธุ ๆ ๆ


  

463.
เรียนท่านอาจารย์สนอง วรอุไร ที่เคารพ

กระผมได้ปฏิบัติธรรมจนจิตเกิดวิปลาศไป ตอนนี้ได้รักษาหายแล้ว กระผมควรทำอย่างไรต่อไป (เพราะตอนนี้กลัวการปฏิบัติธรรมมาก)

คำตอบ
   ปฏิบัติธรรมแล้วจิตเกิดวิปลาส แสดงว่า ได้เคยปฏิบัติธรรมผิดไปจากแนวทางของพระพุทธะ อนึ่งความกลัวเป็นเรื่องที่เกิดมาจากเหตุแห่งความรู้ไม่จริงในสิ่งที่กลัว หากเมื่อใดปฏิบัติจิตตภาวนา จนเกิดปัญญาเห็นแจ้งในสิ่งที่กลัวได้แล้ว ความกลัวจากการปฏิบัติธรรมจะหายไปอย่างจริงแท้แน่นอน ดังนั้นสิ่งที่ควรทำ (ทำก็ได้ไม่ทำก็ไม่ได้) คือแสวงหากัลยาณมิตรในทางธรรมมาเป็นครูชี้นำและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติธรรม กัลยาณมิตรในทางธรรมหมายถึง ผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์ปฏิบัติธรรม และสามารถนำจิตวิญญาณเข้าถึงความเห็นแจ้งในธรรม และมีธรรมของพระพุทธะสถิตอยู่ในใจได้แล้ว นั่นคือลักษณะของครูผู้ที่คุณควรแสวงหาและฝากตัวเป็นศิษย์ปฏิบัติธรรมแล้วความวิปลาสของจิตจะไม่เกิดขึ้นอีก
  

462.
หนูได้รับฟังการบรรยายธรรมของอาจารย์สนองจาก เวปกัลยาณธรรม ในหลาย ๆ หัวข้อและ
ได้นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีมากเลยค่ะ
คำถามคือ

   1.หนูเคยโกรธพ่อถึงขนาดคิดจะฆ่าด้วยแต่เป็นแค่ความคิดนะคะหนูอยากทราบว่าวิบาก กรรมจะเป็นอย่างไรบ้างคะถ้าเป็นแค่ความคิดซึ่งเราห้ามความคิดเราไม่ทันจะตกนรก ไหมคะ และจะแก้ไขอย่างไรจึงจะพ้นจากวิบากกรรมอันนี้ได้ และถ้าเราเถียงพ่อแม่เราบ่อยจะ ได้ผลกรรมอย่างไร และจะลบล้างกรรมของเราได้อย่างไร ขอความกรุณาอาจารย์ได้ชี้แนะ แนวทางปฏิบัติด้วยคะ ตายไปไม่อยากลงนรก

คำตอบ
    กรรมคือการกระทำ มนุษย์ทำกรรมได้ 3 ทาง คือ กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม คาดจะฆ่าเป็นมโนกรรม เมื่อคิดจะฆ่าแล้ว ความคิดที่เป็นอกุศลนี้จะถูกเก็บสั่งสมไว้ในดวงจิตเป็นบาป ครั้งใดที่ระลึกถึงความคิดที่เป็นอกุศลนี้ได้ แสดงว่าบาปกรรมยังไม่ถูกลบออกไปจากใจ หากขณะจิตกำลังจะหลุดออกจาร่าง (จวนเจียนตาย) และได้ระลึกถึงอกุศลมโนกรรมนี้แล้วจิตสละทิ้งร่างกายทันที (ตาย) จิตจะไปเอาร่างของสัตว์นรกเข้าอยู่อาศัย ดังนั้นควรจะถอดถอนความคิดที่เป็นอกุศลนี้ให้หลุดหายไปจากใจด้วยการนำพวงมาลัยดอกไม้สด ไปสารภาพผิดต่อพ่อและให้สัจจะว่าต่อไปลูกจะไม่คิดเช่นนี้อีก รักษาสัจจะนี้ไว้ให้ได้ตลอดชีวิต แล้วจึงขอขมากรรมให้พ่อยกโทษให้เมื่อพ่อกล่าววาจายกโทษให้ อกุศลมาโนกรรมที่ถูกบันทึกเก็บไว้ในดวงจิต ก็จะถูกลบออกไปจากใจทันท

    ส่วนเรื่องการโต้เถียงโต้แย้งพ่อแม่เป็นอกุศลวจีกรรม เมื่อใดที่กรรมนี้ให้ผล อานิสงส์บาปที่คุณจะได้รับคือ หากมีลูกเขาจะไม่เชื่อฟังคำที่คุณพูดสอน ลูกจะดื้อ บริวารจะกระด้างกระเดื่องไม่ปฏิบัติตาม อุปสรรคปัญหาของชีวิตจะเกิดขึ้นให้คุณต้องทุกข์ยากลำบากใจ ต้องการลบล้างอกุศลวจีกรรมนี้ให้หายไปจากใจ ต้องปฏิบัติตามวิธีที่ได้บอกมาข้างต้น

    2. ฟังธรรมบรรยายของอาจารย์รู้สึกว่าอิ่มใจทุกครั้งเป็นความอิ่มใจที่มากกว่าดู หนังดูละครทุกวันนี้ถ้ารู้สึกท้อแท้หดหู่ ่ก็จะเปิดฟังบรรยายธรรมของอาจารย์ทำให้มีความรู้สึกว่าเดินหน้าต่อไปได้หนู ปฏิบัติสมาธิมาได้สักระยะหนึ่งแล้วค่ะโดยใช้ดูลมหายใจเข้า-ออก และฝึกดูจิตตัวเองเพื่อให้เกิดสติระลึกรู้หนูทำตามความเข้าใจของหนูนะคะถูกผิด อย่างไรไม่รู้ หนูเป็นโรคเครียดจะปวดหัวทุกวันมีอยู่ครั้งหนึ่งที่หนูทำสมาธิแล้วอาการปวดหัว ที่เป็นอยู่หายไป 2 วัน หนูจึงเชื่อว่าสมาธิน่าจะช่วยรักษาอาการที่หนูเป็นอยู่ ได้แต่ถ้าหนูอยากจะหายขาดจากโรคที่เป็นอยู่จะต้องปฏิบัติอย่างไรค่ะ
   ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยชี้แนะแนวทางปฏิบัติด้วยค่ะ

คำตอบ
    หายจากโรคเครียดและปวดศีรษะได้ต้องปฏิบัติสมาธิตามที่บอกเล่าไปนั้นถูกต้องแล้ว จงเดินหน้าแล้วปฏิบัติต่อไป สวดมนต์ก่อนนอน หลังไหว้พระสวดมนต์แล้วให้ปฏิบัติสมาธิตามวิธีการที่ใช้อยู่ ห้วงเวลาที่ใช้ปฏิบัติไม่มากเกินไป และไม่น้อยเกินไป ให้พอดีกับสุขภาพร่างกายและเวลาที่คุณมีอยู่ เมื่อเสร็จจากการปฏิบัติทุกครั้ง ต้องอุทิศบุญกุศลที่เกิดขึ้นให้กับเจ้ากรรมนายเวร ผู้มีพระคุณ ฯลฯ อย่างนี้เรื่อยไปตลอดชีวิต กุศลกรรมที่ทำได้แล้วจะถูกเก็บบันทึกเป็นบุญสั่งสมอยู่ในจิตใจอานิสงส์แห่งบุญจะส่งผลให้คุณได้สมปรารถนา

     3.อยากทราบว่ามีวิธีไหนที่จะควบคุมอารมณ์โกรธของเราเพราะพยายามตามดูแล้วเพื่อจะ ให้เห็นว่าเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไปอย่างไร ไม่เคยทันเลยค่ะเวลาโกรธหนูจึงใช้วิธีบริกรรมคาถาเจ้าแม่กวนอิมซึ่งเป็นคาถา สั้นๆ ก็ช่วยได้บ้างไม่ทราบว่าเป็นวิธีที่ถูกต้องรึเปล่าถ้าไม่ถูกจะปฏิบัติ อย่างไรจึงจะดับอารมณ์โกรธได้ทัน

ขอให้เวปไซต์กัลยาณธรรมอยู่เป็นที่พึ่งให้หนูไปนานๆนะคะ และหนูมีความศรัทธาในตัว อาจารย์และจะเดินตามรอยอาจารย์ตลอดไปค่ะ

คำตอบ
    ตามดูอารมณ์โกรธไม่ทัน เหตุเพราะมีกำลังสติไม่กล้าแข็งจึงไม่เห็นความโกรธดับไปตามกฎไตรลักษณ์ ฉะนั้นทุกครั้งที่มีอารมณ์โกรธเกิดขึ้นให้บริกรรมคำว่า “ ช่างมันเถอะ ๆๆๆ ช่างมัน ” ไปเรื่อยๆ จนความโกรธดับไปเมื่อความโกรธดับไปแล้ว จะเห็นได้เองว่า จิตใจของเราโง่เองที่ไปรับเอาสิ่งขัดใจมาปรุงแต่งเป็นอารมณ์โกรธ โง่เพราะมีกำลังของสติอ่อน ระลึกไม่ทันสิ่งขัดใจนั่นเอง
     

461.
เรียนท่าน ดร. สนอง วรอุไร

ช่วยชี้ทางสว่างให้ด้วย
   อาจารย์คะ ดิฉันอยู่กับสามีมา 22 ปี ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอด ขณะนี้ดิฉันอายุ 45 ปี สามีอายุ 52 เป็นนายตำรวจที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่ หากเอ่ยชื่อแล้วทุกคนจะต้องรู้จักแน่นอน

    ขณะนี้สามีไปมีผู้หญิงคนใหม่ เป็นแม่หม้ายลูก 2 อายุ 35 และตั้งใจจะขอเลิกกับดิฉัน ทั้งที่ดิฉันมีลูกสาวกับเขาถึงสองคน บีบทุกอย่างให้ดิฉันทนไม่ได้ เช่น ขอแยกห้องนอน กลับบ้านตีสองตีสามทุกคืน ไม่สนใจลูก ลูกสาวช่วยพูดก็ ดูเหมือนว่าไม่สะกิดใจพ่อเลย เคยพาลูกสาวสองคน กราบขอโทษ ถ้าล่วงเกินอะไรไป หวังจะให้ครอบครัวดีเหมือนเดิม พยายามทุกอย่างที่จะรักษาครอบครัว จนลูกสาวเกิดความสับสนว่า เราไม่ผิด ทำไมแม่ต้องทำแบบนี้

   ดิฉัน เคยอ่านหนังสือของอาจารย์หลายเล่ม พยายามใช้ธรรมะเข้าข่ม ถามตัวเองตลอดว่า เกิดมาเพื่ออะไร รู้ว่ากฏไตรลักษณ์คืออะไร พยายามไม่ตกเป็นทาสของอารมณ์ ไม่เสียท่ากิเลส พยายามใช้ปัญญาแก้ปัณหาเพราะเห็นแก่ลูกสาวสองคน แต่บางทีพอรู้ว่า สามีกำลังทำอะไรกับเราอยู่ จะบีบเราต่อไป ดิฉันกำลังพ่ายแพ้ที่จะทำความดี เกิดความรู้สึกว่า สวดมนต์อยู่ทำไม? แผ่ส่วนกุศลเขาคงไม่ได้รับ เพราะเขาร้ายกับดิฉันขึ้นทุกวัน บางทีก็คิดอยากจะฆ่าตัวตาย หรือใช้ปืนตัดสินปัญหา จะได้จบกันไป บางทีก็ทำใจได้ บางทีก็ทำใจไม่ได้ สับสนไปหมด รู้สึกว่าการเป็นคนดี เป็นแม่ที่ดีของลูก ไม่ได้ช่วยอะไร

   ช่วยชี้ทางสว่างให้ดิฉันด้วยเถิดค่ะ ดิฉันไม่ต้องการหย่า เพราะตัวของดิฉันเคยเป็นเด็กที่ครอบครัวมีปัญหาหย่าร้างกัน ดิฉันไม่อยากให้ลูกเป็นแบบนั้น
     ด้วยความเคารพอย่างสูง
         อรทัย

คำตอบ
    เรื่องที่บอกเล่าไป ทั้งหมดสรุปลงได้ว่า จิตวิญญาณยังเป็นทาสของกิเลส ตัณหา อุปาทาน เหตุเป็นเพราะใช้ปัญญารู้ไม่จริง (ปัญญาไอคิว) เป็นเครื่องส่องนำทางให้กับชีวิต จึงทำให้เกิดอุปสรรคปัญหาและความทุกข์ขึ้นกับชีวิตได้ คุณรู้เรื่องกฎไตรลักษณ์ แต่ยังเข้าไม่ถึงความจริงในเรื่องกฎไตรลักษณ์ รู้ไม่จริงในเรื่องของการทำความดี จึงทำความดีเพื่อให้คนอื่นยอมรับ เมื่อไม่มีคนยอมรับจึงผิดหวังเป็นทุกข์ คุณยังโชคดีที่กำลังจะพ่ายแพ้ (ยังไม่แพ้) ที่จะทำความดี เมื่อใดที่ใจพ่ายแพ้ต่อการทำความดี แล้วหันไปทำความชั่วแทน ดังที่มหาวาจกอุบาสกพ่ายแพ้ความดีแล้วหันไปทำความชั่วแทน ตายแล้วจึงต้องไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ ยิ่งมีทุกข์มากขึ้นไปอีก เช่นเดียวกันเพียงแค่คิดอยากจะฆ่าตัวตาย แต่ยังไม่ลงมือกระทำ ยังนับว่าเป็นผู้มีโชคดี หากทำสำเร็จเมื่อใดผลที่จะได้รับตามมาคือ ต้องลงไปเวียนตายเวียนเกิดอีกยาวนานในภพนรก ซึ่งชีวิตของสัตว์นรกมีแต่ความทุกข์ล้วน ๆ หาความสุขไม่มีเลย

   สิ่งที่เขียนบอกเล่ามานี้ เขียนบอกมาด้วยการใช้ปัญญารู้จริงแท้ ส่องนำทางให้กับชีวิตของผู้มีความเห็นผิด ทำไมไม่พัฒนาจิตวิญญาณให้พ้นไปจากอำนาจครอบงำ ของกิเลส ตัณหา อุปาทาน ด้วยการนำตัวเองเข้าปฏิบัติจิตตภาวนาในสำนักใดสำนักหนึ่ง ที่ให้การฝึกปฏิบัติกรรมฐานดูบ้างล่ะ วันใดที่คุณสามารถเข้าถึงมรรคผลแห่งความจริงแท้ของกิเลส ตัณหา อุปาทานได้แล้ว คุณก็จะเป็นผู้มีโชคดีสุด ๆ อย่างเช่น ปฏาจารา หรือกีสาโคตมี สตรีเพศ ผู้เคยพ่ายแพ้ต่อชีวิตมามากยิ่งกว่าคุณ แต่ยังสามารถพัฒนาจิตวิญญาณของตัวเองให้พ้นไปจากอำนาจของกิเลส ตัณหา อุปาทานได้ แล้วเข้าสู่ความเป็นอริยบุคคลขั้นสูงสุดได้ในที่สุด


 

460.
เรียน ดร สนอง

   ดิฉัน ได้รับฟังการบรรยายของท่านจาก เวป หลาย ๆ ตอน หลาย ๆ หัวข้อ ได้แง่คิด และ ความจริงหลาย ๆ เรื่อง ตอนนี้ดิฉันได้เริ่มต้นการนั่งสมาธิ บริหารจิต มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังคงไม่นิ่ง คิดว่าอยากจะหาคนแนะนำ และ ถ้าได้รับการเข้าปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังจากสำนักปฏิบัติธรรมสักที่ คงจะเป็นแนวทางที่ดี ที่จะติดตัว และนำมาปฏิบัติต่อเมื่อออกมา

คำถามคือ
    1. อาจารย์มีสถานที่แนะนำ ที่สอนการปฏิบัติกรรมฐาน หรือ บริหารจิต ที่ดีที่ใหนบ้างคะ ขอชื่อสถานที่ได้มัยคะ และดิฉันจะหาข้อมูลเพิ่มเติมเองอีกได้ค่ะ

คำตอบ
    สถานปฏิบัติธรรม
     •  วัดทับทิมแดง คลอง 2 ปทุมธานี
     •  วัดมเหยงค์ จ.อยุธยา
     •  ยุวพุทธิกสมาคม
     •  วัดแพร่ ธรรมาราม อ.เด่นชัย จ.แพร่
     •  วัดป่าสุนันทวนาราม จ.กาญจนบุรี
         ฯลฯ

   2. ดิฉันเรียนสายวิทย์ และ คงเป็นอย่างท่านอาจารย์ ก่อนหน้านี้ ที่เชื่อในสิ่งที่เราพิสูจน์ได้ แต่ยังแคลงใจในเรื่องที่เราสัมผัสไม่ได้ ดิฉันจึงอยากศึกษาเพิ่มเติม เพื่อหาคำตอบ และความกระจ่างให้กับตนเองคะ รบกวนด้วยนะคะ
   ด้วยความเคารพ
      วิภาพันธ์

คำตอบ
    ประสงค์จะพิสูจน์ความจริง (เหตุ-ผล) ที่อยู่เหนือเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ต้องนำตัวเองเข้าพัฒนาจิตให้เกิดความตั้งมั่นเป็นสมาธิ (สมถกรรมฐาน) และทำจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง (วิปัสสนากรรมฐาน)ได้แล้ว ความจริง (เหตุผล) ที่อยู่เหนือระบบประสาทสัมผัสจึงจะเกิดขึ้นกับตัวเองได้ด้วยจิตสัมผัสซึ่งเป็นความจริง (เหตุผล) ที่เที่ยงแท้แน่นอน (ปรมัตถสัจจะ) ผู้ใดเข้าถึงความจริงแท้ได้แล้ว จะมีชีวิตไม่ผิดพลาดจิตไม่เป็นทาสของโลกธรรมและวัตถุ มีความสุขที่ละเอียดประณีตยืนยาวจนตราบวันสิ้นชีวิต และตายแล้วยังไปเกิดในภพภูมิที่เป็นสุคติอีกด้วย
  

459.
เรียน อาจารย์ ดร. สนอง

อยากสอบถามอาจารย์เกี่ยวกับเรื่องการปฏิบัติธรรมค่ะ
เมื่อเดือนมกราคม 2550 นี้ได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดแดนสงบอาสภารามเป็นเวลา 10วัน คิดว่ามีความก้าวหน้าดีค่ะ เห็นสภาวะธรรมหลายอย่างโดยเฉพาะในวันหลังๆ แต่เมื่อกลับมาปฏิบัติต่อที่บ้าน สภาวะธรรมที่เคยเกิดกลับน้อยหายไป มีเพียงแค่อาการโยกตัว หรือหมุนไปมาซึ่งเคยฟังพระท่านบอกว่าอาการโยกตัวนั้นไม่ใช่สภาวะที่ดี แม้จะกำหนดอย่าโยกหนอ อย่าโยกหนอ อาการก็จะหยุดไปสักพัก ก็โยกอีกแม้จะเปลี่ยนรูปแบบการโยกไปบ้าง เช่นหมุนคนละทาง

อยากสอบถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ
ดิฉันอยากมีความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมมากขึ้นอีก ไม่ทราบว่าถือเป็นกิเลสหรือเปล่าคะ แล้วคิดว่าที่ปฏิบัติที่บ้านไม่ค่อยก้าวหน้าเพราะมีกิเลสเยอะ ตอนอยู่วัดไม่ค่อยได้คิดถึงเรื่องอื่น เลยปฏิบัติได้เต็มที่ เลยอยากถามอาจารย์ว่าจะทำอย่างไรให้ปฏิบัติได้ก้าวหน้าคะ คิดว่าคงจะไปปฏิบัติได้ปีละ 2 คร้ง แต่กลัวว่าพอจะได้ญาณสูงขึ้นอีกก็ต้องกลับบ้านแล้ว แล้วญาณที่ได้ก็หายไป ต้องมาเริ่มต้นใหม่อีกทุกครั้งไปหรือเปล่าคะ

ขอบพระคุณค่ะ
จุฑาพร เจิมหรรษา

คำตอบ
    ปฏิบัติจิตตภาวนาที่วัด แล้วมีสภาวธรรมหลายอย่างเกิดขึ้น เป็นเพราะวัดมีปัจจัยหลายอย่างเหมาะสม (สัปปายะ) กับความก้าวหน้าในการเจริญจิตตภาวนา แต่เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว นำวิธีการฝึกจิตที่ได้จากวัดไปทำต่อที่บ้าน ด้วยความอยากได้ (ตัณหา) สภาวธรรมเช่นนั้นกลับคืนมาอีกย่อมไม่ได้ เหตุเป็นเพราะความอยากได้ เป็นกิเลสปิดกั้น ไม่ให้จิตเข้าสู่สภาวธรรมที่เคยเข้าถึง นอกจากตัณหาเป็นเหตุแล้วยังมีความไม่เหมาะสม (อสัปปายะ) ที่บ้านเป็นเหตุปิดกั้นความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม และรักษาสมาธิให้คงอยู่อีกด้วยบ้านเป็นสถานที่อสัปปายะการพูดการคุยของคนที่อยู่ในบ้านอสัปปยาอาหารที่ใช้บริโภคที่บ้านอสัปปายะ ฯลฯ

   ประสงค์ที่จะรักษาสภาวธรรมที่เคยได้เคยเข้าถึง ให้คงอยู่กับใจตลอดไป ต้องน้อมนำให้เกิดอินทรีย์พละ 5 ในใจได้แก่ เจริญสัทธา วิริยา สติ สมาธิ ปัญญา อยู่เสมอ ๆ ทุกขณะตื่น แล้วความประสงค์ที่ตั้งไว้จะสัมฤทธิ์ผล
  

458.
เรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง

ผมขอรบกวนถามท่านอาจารย์ดังต่อไปนี้ครับ

   1. ผมปฏิบัติมาต่อเนื่องอาทิตย์ละวันถึงสองวันมาได้เกือบปี โดยใช้ยุบหนอ พองหนอเป็นหลักๆ สตินั้นมีบ้าง บางทีก็ไม่มี
   แต่เมื่อไม่กี่วันนี้ ได้มาปฏิบัติจริงๆจัง เต็มหนึ่งวัน อยู่ดีๆ เกิดอยากเปลี่ยนวิธีกำหนดมาเป็น
นับตัวเลข ปรากฏว่า มีสมาธินิ่งละเอียดขึ้นมากๆจนสัมผัสได้โดยที่จิตไม่สนใจอย่างอื่นสนแต่นับตัวเลขแล้วพอรู้สึกว่าจิตนิ่งแล้วจึงค่อยหันมาพิจารณาสติปัฏฐานแต่ก็ยังทำไม่ได้ไม่ไกล
อย่างนี้ ผมควรปฏิบัติแบบนี้ หรือเป็นแบบยุบหนอพองหนอดีครับ? ผมมาถูกทางมั้ยครับอาจารย์?

คำตอบ
    วิธีภาวนาใด เมื่อนำมาใช้แล้ว ทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้เร็ว วิธีนั้นเหมาะสมกับคุณ เมื่อจิตตั้งมั่นจวนแน่วแน่ (อุปจารสมาธิ)ได้แล้ว จึงใช้จิตไปพิจารณาสติปัฏฐาน 4 เพื่อให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งจึงจะนับว่าปฏิบัติได้ถูกตรงแนวทางของพระพุทธะ

   2.ขณะที่นั่งสมาธิ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าขณะนี้คือ อุปจารสมาธิ หรือขณิกสมาธิ ผมมั่นใจว่ายังไม่ถึงอัปปนาสมาธิ แต่ไม่รู้ว่าเราก้าวหน้าไปถึงอุปจารหรือยัง?
เพือผมจะเตรียมตัวเป็นวิปัสสนาครับ

คำตอบ
    จิตตั้งมั่นประเดี๋ยวประด๋าว เรียกว่าตั้งมั่นระดับขณิกสมาธิ จิตตั้งมั่นจวนแน่วแน่ เรียกว่าตั้งมั่นระดับอุปจารสมาธิและจิตตั้งมั่นแน่วแน่มีอารมณ์ฌานปรากฏขึ้นในดวงจิตเรียกว่า ตั้งมั่นระดับอัปปนาสมาธิ

  อารมณ์ของฌานที่เกิดขึ้นในดวงจิตที่มีความตั้งมั่นสูงสุดมีดังนี้

     อารมณ์ของรูปฌานที่ 1 มี วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา

     อารมณ์ของรูปฌานที่ 2 มี ปีติ สุข เอกัคคตา

     อารมณ์ของรูปฌานที่ 3 มี สุข เอกัคคตา

     อารมณ์ของรูปฌานที่ 4 มี อุเบกขา เอกัคคตา

                     ฯลฯ



   3. ผมมักจะมีแผลที่ปาก แผลที่ลิ้นเป็นประจำผมอยากรู้เหตุที่ผมถึงประสบปัญหาเรื่องนี้ เพื่อที่จะไม่ทำอีก
   จริงหรือไม่ที่ การมีแผลทีปาก กินอาหารลำบาก พูดไม่ค่อยชัด เป็นผลมาจาก มิจฉาวาจา เพราะก่อนที่จะมาสนใจธรรมะจริงๆจังๆ เป็นคนมีมิจฉาวาจามากๆ
ตอนนี้ก็ยังแก้ไขไม่ได้ดีเท่าที่ควรครับ ขออาจารย์แนะนำด้วยครับ

    ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย ขอให้อาจารย์แข็งแรง สุขภาพดีครับ
       ขอขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงครับ

คำตอบ
    หนึ่งในเหตุสี่อย่างที่ทำให้เจ็บป่วย คือ กรรม (การกระทำ) วิธีแก้ปัญหาที่บอกเล่าไปทำ 2 เรื่อง คือ

   1. ปรับสมดุลของธาตุในร่างกาย โดยลดการดื่ม รับประทานอาหารรสหวาน ที่มีน้ำตาลเป็นองค์ประกอบ และในเวลาเดียวกันให้เพิ่มการบริโภคอาหารที่มีรสขม เช่น มะระขี้นก

   2. รักษาคำพูดให้เป็นสัมมาวาจา คือไม่พูดคำเท็จ ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดคำส่อเสียด และไม่พูดคำเพ้อเจ้อที่ไม่เกิดสาระแก่ชีวิตที่ดีงาม




457.
คำถามเกี่ยวกับการอุทิศบุญกุศลให้แก่ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่

   หากบุตรทำบุญแล้วอุทิศให้บิดามารดาผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่ได้บอกกล่าวให้บิดามารดาของตนได้รู้ว่า ตนไปทำบุญมา ทำให้บิดามารดาไม่ได้อนุโมทนาในบุญนั้น อยากเรียนถามอาจารย์ว่า ท่านทั้งสองนั้นจะได้รับบุญที่บุตรอุทิศให้หรือไม่คะ

   ขอบคุณมากค่ะ
    Chotima

คำตอบ
    ถ้าใจสื่อถึงกันได้ บิดามารดาก็ได้รับบุญที่บุตรอุทิศให้
    

456.
กราบเรียน อ.สนอง ครับ

   ผมได้ติดตามอ่านการสนทนาธรรมของอาจารย์อยู่บ้างและเกิดความสนใจ จึงได้ download หนังสือต่าง ๆ ของอาจารย์บนเวปไซต์มาอ่าน แต่ก็ยังอ่านได้ไม่หมด เพราะไม่ค่อยมีเวลาอ่านครับ ผมปฏิบัติวัปัสสนากรรมฐาน สาย พองหนอ ยุบหนอมา 2 ปีแล้ว สภาวะที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติและการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้เข้าใจสติปัฏฐาน 4 มากขึ้น ผมมีคำถามดังนี้ครับ

    1. ตอนนี้ผมเป็นนักศึกษาแพทย์
ได้อ่านที่แพทย์เขียนมาถามถึงการรักษาผู้ป่วยกับเจ้ากรรมนายเวร เมื่อครั้งที่ผมบวชอยู่ที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง มีแม่ชีท่านหนึ่งได้แนะนำให้ผมแผ่เมตตาไปยังเจ้ากรรมนายเวรและขออนุญาติเจ้ากรรมนายเวรรักษาผู้ป่วย และได้โปรดอนุโมทนาบุญกับหมอด้วย ทำอย่างนี้ดีไหมครับ

คำตอบ
    ดีกว่าไม่ทำ

    2. ผมได้ยินอาจารย์ที่สอนกรรมฐานผม บอกว่า พวกเพศที่ 3 (กะเทย ทอม เกย์ ) เป็นต้น แม้ว่าจะปฏิบัติกรรมฐานอย่างหนักแค่ไหนในชาตินี้ก็ไม่อาจจะบรรลุมรรคผลนิพพานได้ แม้แต่กระทั่งพระอริยะขั้นต้น เช่น โสดาบัน ก็ไม่อาจจะบรรลุได้ เว้นเสียแต่เป็นนิสสัยปัจจัยเกื้อกูลหนุนส่งไปภพหน้า ถ้าบารมีถึงก็สามารถบรรลุได้ ใช่หรือไม่ครับ

คำตอบ
    ใช่

    3. ช่วงนี้มักจะมีคนมาชักชวนให้ผมเจริญพระ ... ภายในตัว (ไม่ระบุครับ คิดว่าอาจารย์คงเข้าใจ) เพื่อจะได้แจ้งเห็นพระพุทธเจ้า ทั้งยังหยิบยื่น vcd หลายแผ่น และพยายามจะสอนโดยให้หลับตาแล้วนึกถึงองค์พระ อะไรประมาณนี้ ซึ่งผมก็ทำไม่ได้ครับ เพราะเมื่อหลับตาทุกครั้ง ก็จะจับไปที่อาการพอง ยุบของท้องโดยอัตโนมัติเลย .. และเขายังบอกผมอีกว่า การเจริญ พองยุบ เป็นแค่เบื้องต้น ถึงช้า ต้องเจริญแบบที่เขาทำ (ผมก็อยากจะบอกเขาว่า สายหนอนี่ลัดตัดตรง ถ้าปฏิบัติให้ดี ก็เห็นไตรลักษณ์ได้ง่าย เข้าใจการเจริญสติ ตามแนวสติปัฏฐาน 4 ) แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไร ก็ได้แต่ยิ้มๆ ถ้าผมเจอลักษณะแบบนี้ผมควรจะแนะนำเขาหรือว่าฟังแล้วเงียบ ๆ ไปเลยครับ

คำตอบ
    ฟังแล้วเงียบน่ะดีแล้ว

    4. เพื่อนผมหลายคน เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ และได้บอกถึงเรื่องอธิษฐานถึงพระเจ้าว่าได้ผลจริงๆ ทั้งยังบอกว่า ศาสนาก็สอนถึงนิพพาน แต่ใช้คนละคำกับพุทธ ผมก็ตอบแต่ว่า ก็ดีแล้วอย่างน้อย ก็เชื่อคำสอน และทำความดีแต่เข้าใจว่า พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาเดียวที่มีสติปัฏฐาน 4 ที่จะเป็นทางสายเอกเข้าถึงมรรคผลนิพพานได้ ผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่ครับ

   สุดท้ายนี้ ผมกราบขอบพระคุณอาจารย์สนองมากครับ
ผมตั้งใจเจริญ ศีล ทาน ภาวนา ตั้งแต่เจอการปฏิบัติตอนอายุ 21 ปี
ตั้งใจอยากปฏิบัติให้ได้มาก ๆ เพราะจากผลที่ได้ตอนนี้
เริ่มเข้าใจพระพุทธศาสนามากขึ้น แม้จะยังไม่ได้สภาวะชั้นสูง แต่อย่างน้อย ๆ
ผมคิดว่าได้หว่านเมล็ดพืชลงในนาแล้ว คงจะออกดอกผลในอีกไม่ช้า..

คำตอบ
    เข้าใจถูกต้อง
   

455.
ขออนุญาต ขอโอกาสถามอาจารย์ดังนี้

   1 เมื่อประมาณ 6-7 ปีที่แล้ว หนูเมาค้างแล้วขี่รถเครื่องกลับบ้านที่ลำพูน ถูกรถชนได้รับบาดเจ็บที่นิ้วก้อยข้างซ้ายนิดเดียวค่ะ แต่หนูสลบไป แล้วไปเจอยายที่เสียไปแล้ว
ยายพาไปเที่ยวสวนผลไม้ สวนดอกไม้ สีทอง สวยงามมากค่ะ มีผึ้งกับแมลงตัวเล็กตัวน้อย ถ้าจำไม่ผิดมีบ้านยายด้วย สวยมากๆ ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนที่นี่เป็นบ้านที่เคยอยู่มานาน
ยายถามว่าชอบมั๊ย ก็ตอบว่าชอบ พอยายถามว่าอยากมาอยู่กับยายมั๊ย ก็อึ้งไป เพราะรู้ว่ายายตายแล้ว ยายก็พาไปที่แม่น้ำสายนึง บรรยากาศทะมึนๆ น่ากลัวมาก ยายบอกว่า
กลับบ้านได้แล้ว พ่อเค้าเป็นห่วง ฝากบอกคนที่บ้านด้วยว่า ของที่ทำบุญมาให้แม่กับยายได้กินได้ใช้ทุกอย่าง (แม่เสียแล้วค่ะ) แล้วหนูก็ฟื้น ลืมตาขึ้นมาเห็นพ่อที่โรงพยาบาล

      อาจารย์คะ นี่เป็นนิมิตหรือความฝันหรือหนูเคยอยู่ที่นั่นจริงๆคะ อยากรู้เพื่อเป็นกำลังในการปฏิบัติธรรมต่อไปเพื่อจะไม่ตกสู่อบายภูมิแน่ๆ

คำตอบ
    สิ่งที่บอกเล่าไปเป็นสถานที่จริงในอีกมิติหนึ่งที่จิตวิญญาณของคุณออกจากร่างชั่วคราวแล้วไปพบไปเห็นมาด้วยตนเอง หากประพฤติตนให้มีศีลและบริจาคทานอยู่เสมอ ๆ เมื่อตายไปแล้วไม่ฟื้นคืนมาอีก โอกาสที่จิตวิญญาณจะไปปฏิสนธิได้รูปนามอยู่ในภพเดียวกันกับยายมีความเป็นไปได้

   2 คนทางโลกียะมักว่าหนูโง่ ไม่ฉลาด เพราะหนูไม่คิดค่ะ หนูไม่คิดอะไรเลยค่ะ ถ้ารับอารมณ์ไหนได้ก็ปล่อยวาง เฉยหมด ไม่รู้สึกอะไรด้วยเลย ไม่โกรธ ไม่พยาบาทด้วย อารมณ์ไหนสติรับรู้ว่ารับไม่ได้แน่ๆก็เดินหนีท่าเดียวค่ะ อาจารย์คะ หนูเป็นคนไม่คิดอะไรเลยแบบนี้ นี่เป็นผลของการฝึกกรรมฐานหรือเปล่าคะ แต่เป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว แสดงว่าภพก่อนๆหนูสะสมไว้ใช่มั๊ยคะ

คำตอบ
    คนมีปากไว้พูด มีปากไว้สำหรับดื่มสำหรับกินการพูดมีทั้งดีและไม่ดี เช่นเดียวกันการดื่มการกินมีทั้งดีและไม่ดีเมื่อเสียงพูดเข้ากระทบหู หากผู้ฟังพัฒนาตนเองจนมีหูเนื้อหูหนังเป็นเหมือนหูหม้อ หูกระทะได้เมื่อใดแล้ว อารมณ์ดีและอารมณ์ไม่ดีจะไม่เกิดขึ้นกับใจของผู้ฟัง ผู้ที่ทำได้เช่นนี้ ต้องมีกำลังของสติกล้าแข็งสามารถรับทันเสียงที่เข้ากระทบ และมีปัญญากล้าแข็ง สามารถเห็นสิ่งที่เข้ากระทบนั้นดับไปไม่มีตัวตน จิตจึงปล่อยวางเป็นอิสระได้ ผู้ที่เคยประพฤติปฏิบัติจิตตภาวนามาก่อน จนเข้าถึงมรรคผลแห่งธรรมแล้วจึงจะทำเช่นนี้ได

   3 หนูไม่รู้ว่าชาติที่แล้วได้อธิษฐานอะไรไว้ ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ดี เราสามารถยกเลิกได้ใช้มั๊ยคะ แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เป็นสาระที่สำคัญมาก หนูจะขอทราบคำอธิษฐานของหนูได้อย่างไรคะ
คำถามนี้ถ้าอาจารย์ไม่ตอบก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะหนูก็ปฏิบัติธรรมเรื่อยๆอยู่แล้ว มั่นใจว่าบารมี 10 ระดับต้นเต็มค่ะ

   ขอบคุณอาจาย์ที่ตอบคำถามค่ะ
       สาธุ
        บัญชรี คำมา

คำตอบ
    อธิษฐานใด ๆสามารถยกเลิกหรือแก้ไขใหม่ได้ด้วยการสวดบูชาคุณของพระรัตนตรัย ต่อองค์เจดีย์ที่เนื่องด้วยพุทธศาสนาหรือต่อหน้าพระพุทธรูป หลังจากนั้นกล่าวคำยกเลิกอธิษฐานเดิมที่ให้ไว้ แล้วกล่าววาจาอธิษฐานใหม่ตามที่ตนปรารถนา หลังจากนั้นทำจิตตนเองให้มีศีลและสัจจะ คงอยู่กับใจอยู่ทุกขณะตื่นตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

   หากประสงค์ที่จะรู้คำอธิษฐานเดิม ต้องพัฒนาจิตให้เข้าสู่ความตั้งมั่นระดับฌาน นำจิตออกจากฌานแล้วอธิษฐานขอทราบคำอธิษฐานเดิมที่ให้ไว้ เมื่อเหตุปัจจัยลงตัวโลกิยอภิญญาจะแสดงให้รู้ในสิ่งที่ปรารถนา


   

454.
กราบเรียน อ.สนอง วรอุไร ด้วยความเคารพยิ่ง เป็นครั้งที่สอง
กราบขอบพระคุณที่ อ.สนอง ได้เมตตาตอบคำถามในครั้งแรก

ขอเรียนคำถามในครั้งนี้ ดังนี้

   ชาติที่แล้ว และชาติปัจจุบันนี้ เราทำเวรกรรมอะไร ถึงเกิดมา ตั้งแต่จำความได้, เริ่มคิดได้, เริ่มฟังรู้เรื่อง ชีวิตมีแต่ความอดอยาก, ยากจน, ค่นแค้น, เข็ญใจ, ชีวิตไม่เคยเต็ม, ไม่เคยอิ่ม, ไม่เคยเต็มอิ่ม, แต่ละมื้อไม่ได้กินอิ่ม, อด ๆ อยาก ๆ, ชีวิตไม่เคยเพียงพอ, ไม่เคยพอเพียง, ไม่เคยมีความสุข, สมหวัง, มีแต่ความผิดหวัง, ความไม่สมปรารถนา, ความล้มเหลว, คิดผิด, ตัดสินใจผิด, ทำผิด, โง่, ไม่มีบ้าน, ไม่มีงานทำ, ไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว, ไม่มีปัจจัยที่จะทำอะไรได้เลย, จนสติ, จนปัญญา, คิดอะไรไม่ออก บอกอะไรไม่ถูก มาตลอดชีวิต และต้องทนอยู่กับคนมิจฉาทิฏฐิ มาตลอดชีวิต

   สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นแบบนี้มาตลอดชีวิต หลาย ๆ สิบปี รู้สึกหนี้เวรกรรม, หนี้วิบากกรรม ไม่จบไม่สิ้นซักที ยิ่งพยายามแก้ ยิ่งยุ่ง หลาย ๆ สิ่งยิ่งวิ่งหายิ่งหนีหาย หลาย ๆ สิ่ง ยิ่งวิ่งหนีกลับยิ่งเจอ

   ผู้ถามจะแก้ เวร, กรรม, วิบากกรรมเหล่านี้ได้อย่างไร ให้จบ สิ้น เสียที

   กราบขอความเมตตา อ.สนอง ช่วยชี้ทางสว่างอีกครั้ง ด้วยความเคารพยิ่ง
    ท้ายนี้ ขออำนาจคุณพระรัตนตรัย โปรด ปกปัก รักษา คุ้มครอง ให้ อ.สนอง วรอุไร และครอบครัว มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ ด้วยเทอญ
   กราบแสดงความนับถือยิ่ง

คำตอบ
    เรื่องที่บอกเล่าไปหากเป็นความจริงก็เป็นสิ่งที่น่าสงสารสำหรับผู้ที่กำลังเสวยผลแห่งอกุศลวิบากนี้ อกุศลกรรมมีต้นเหตุเกิดจากการใช้ปัญญาเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) ส่องนำทางให้กับชีวิต ผลของอกุศลกรรมที่ทำแล้วจึงถูกสั่งสมอยู่ในดวงจิตของผู้ทำกรรมเมื่อใดที่กรรมให้ผล ผู้ทำกรรมต้องเป็นผู้รับผลแห่งกรรมนั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนผลของกรรมจะให้ผลยาวนานแค่ไหน ไม่มีใครบอกได้เพราะขึ้นอยู่กับการประพฤติตนของผู้ทำกรรม

วิธีแก้ปัญหาให้จบสิ้นไปที่ถูกและตรงที่สุดคือยอมรับความจริงอยู่กับความจริงแล้วทำเหตุให้ถูกตรง 4 อย่างคือ
    1.  ต้องไม่ก่อหนี้ใหม่ คือไม่ทำอกุศลกรรมใด ๆ ให้เกิดขึ้นอีก
    2.  ขยันใช้หนี้กรรมเก่าให้หมดไป
    3.  ทำแต่กุศลกรรมล้วน ๆ อยู่ทุกขณะตื่น
    4.  รักษาความดี อันสืบเนื่องจากกุศลกรรมให้คงอยู่ตลอดไป หลังจากนั้นประพฤติตนให้เป็นผู้มีศีล มีสัจจะ สถิตอยู่ในใจตลอดไป แล้วโอกาสปลอดหนี้เวรกรรมที่ไม่ดีจึงจะเกิดขึ้นได้ในกาลข้างหน้า


453.
กราบเรียนอาจารย์สนอง วรอุไร ด้วยความเคารพอย่างสูง

ดิฉันเรียนขอเรียนถามปัญหาการปฏิบัติธรรมดังนี้ค่ะ

   เวลาที่เดินจงกรม เราควรจะกำหนดจิตของเราไว้ที่การเคลื่อนไหวของเท้า หรือว่าที่ลมหายใจ ดิฉันสังเกตุเห็นว่าหากดิฉันกำหนดลมหายใจเข้าออกให้เป็นแบบสบายๆ ในขณะเดินจงกรมจะทำให้ดิฉันมีสมาธิดี และจิตไม่วกไปคิดเรื่องอื่น อันนี้เพิ่งจะค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่เดินจงกรมเป็นประจำมาประมาณ ๓ เดือน นอกจากนี้ดิฉันสังเหตุว่าเวลาที่ดิฉันไปเดินเล่น ถ้าดิฉันมีใจจดจ่อกับลมหายใจ และก็สามารถกำหนดลมหายใจให้อยู่ในสภาวะสม่ำเสมอได้ ดิฉันจะมีสมาธิดีด้วย

   จะทำอย่างไรเวลาที่มีเรื่องมากระทบความรู้สึกของเรามากๆ ดิฉันจะคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องนี้อยู่เรื่อย คิดแล้วก็ปรุงแต่งไปต่างๆ นาๆ พยายามกำหนดว่าคิดหนอ ฟุ้งซ่านหนอ มันก็จะหายไป แต่แล้วสักพักก็จะวกมาคิดเรื่องเดิมอีก และจะเป็นอย่างนี้อยู่หลายวัน บางครั้งถ้าเป็นเรื่องที่หนักมากๆ บางทีก็เป็นอาทิตย์

   ฟังเทปบรรยาของอาจารย์บอกว่าถ้าเราอยากมีความสุขเราจะต้องมีกัลญานมิตรที่ดี หากเพื่อนที่เราคบอยู่มีพฤติกรรมนอกใจสามี ยักยอกเงินของสามีส่งให้พ่อ ใช้จ่ายเงินสุรุ่ยสุร่าย หรือว่าชอบพูดจากในเรื่องกามรมณ์ อย่างนี้เราควรจะเลิกคบเพื่อนแบบนี้หรือว่าเราควรจะคบต่อไป แต่วางตัวเฉยๆ ถือว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา หากสิ่งที่ดิฉันกลัวก็คือว่าหากคบไปนานๆ เราอาจจะซิมซับนิสัยพวกนี้มา หรือเห็นว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดาไป

   กราบเรียนมาด้วยความเคารพอย่างสูง
      สมศรี ฮอร์น

คำตอบ
   ในขณะเดินจงกรม ผลที่เกิดขึ้นจากการเดินคือเกิดการเคลื่อนที่ของร่างกาย หากไม่มีสติมากำกับการเดินโอกาสเดินชน เดินเตะ เดินสะดุด สิ่งต่าง ๆ อาจเกิดขึ้นได้ถ้าจิตเข้าสู่ความตั้งมั่นจวนแน่วแน่ ฉะนั้นขณะเดินจงกรมต้องเอาจิตจดจ่ออยู่กับการเคลื่อนที่ของเท้าจึงเป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่ง ส่วนการยืนอยู่กับที่ การนั่งหรือการนอน ร่างกายไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหน จะนำจิตไปจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า จอจ่ออยู่กับลมหายใจออก ก็มิได้ผิดกติกาตรงไหนปฏิบัติจนได้มรรคผลแล้ว สามารถเกิดสมาธิขึ้นกับจิตได้

   การที่จิตคิดปรุงแต่งอารมณ์ให้เกิดขึ้นต่าง ๆ นา ๆ เหตุเกิดเพราะจิตขาดสติ วิธีกำหนด “ คิดหนอ ๆๆๆ ” หรือกำหนด “ ฟุ้งหนอ ๆๆๆ ” ทำได้ถูกตรงแล้วเพราะอารมณ์ที่เกิดขึ้นหายไปได้จริง ปัญหามีอยู่ว่ามิได้กำหนดซ้ำ เมื่ออารมณ์เดิมวกกลับมาเกิดขึ้นกับใจอีกต้องกำหนดทุกครั้งที่มีอารมณ์เกิดขึ้น กำหนดจนกระทั่งสติมีกำลังกล้าแข็งเป็นมหาสติได้เมื่อใดแล้ว อารมณ์ที่เคยเกิดขึ้น จะไม่หวนกลับมาเกิดได้อีก

   ส่วนเรื่องการคบเพื่อน ควรคบทุกคนเป็นเพื่อน แต่เพื่อนที่สนิทใกล้ชิดต้องเป็นกัลยาณมิตร กัลยาณมิตรคือเพื่อนที่คอยขัดขวางป้องกันไม่ให้คุณทำชั่ว แต่ชักชวนให้คุณทำดี เพื่อนที่เป็นบาปมิตรต้องคบไว้ห่าง ต้องไม่แสดงทีท่าเห็นด้วย ต้องไม่พูดสนับสนุนหรือร่วมวงสนทนาเมื่อเขามีพฤติกรรมแสดงออกให้ทางที่ไม่ดี

452.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ ดร. สนอง ที่เคารพ

เพื่อรบกวนเวลาของท่านอ. น้อยที่สุดผมขอเข้าคำถามเลยนะครับ

   1. พอดีผมได้อ่านข้อความที่เคยถามว่า กรณีนำซีดีของท่านอาจารย์ไปก๊อบปี้แจกเอง โดยไม่ได้ขออนุญาตท่านอาจารย์ก่อนนั้นผิด และด้วยผมคิดไปเองว่า ธรรมะ ไม่มี เจ้าของจึงทำไปตามความคิดตนเอง ผมแจกซีดีธรรมะ ของหลวงพ่อต่าง ๆ โดยนำแผ่นต้นฉบับมา copy แจก
แต่ เนื่อง่จากหลวงพ่อบางองค์ท่านมรณะภาพไปก็มี บางองค์ก็ไม่สามารถติด ต่อได้โดยตรง ขออาจารย์แนะนำผมด้วยครับ ผมจะทำอย่างไรดี เพื่อไม่ ให้ผิดศีลข้อ อทินนาฯ

คำตอบ
    ธรรมะเป็นของธรรมชาติ ซึ่งไม่มีใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างแท้จริงถ้าคุณแน่ใจว่าคุณมีเจตนาบริสุทธิ์ ที่จะให้ธรรมะเป็นทานก็ไม่ต้องหวั่นเกรงสิ่งใด แต่หากรายใดที่ท่านระบุชัดว่าสงวนลิขสิทธิ์ก็ควรขออนุญาตก่อนจะได้ไม่เป็นกรรมต่อกัน

   2. ตอนผมสวดมนต์ จิตมักจะฟุ้งซ่าน โดยปากยังสวด ตาดูบทสวด แต่บางขณะ ใจไปคิดเรื่องอื่น ต้องคอยดึงกลับมาตลอด สักพักก็แว้บออกไปคิดอีก แบบนี้ จะเป็นบาปหรือไม่ครับ เพราะสวดไปฟุ้งซ่านไป แล้วจะมีวิธีแก้ไข อย่างไรครับ

ผมขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ให้ความอนุเคราะห์ตอบคำถามครับ
    สุวิทย์

คำตอบ
    จิตฟุ้งซ่านก็เป็นบาปแล้ว ฉะนั้นก่อนสวดมนต์ต้องตั้งมั่นขณะสวดมนต์ให้ใจจดจ่ออยู่กับคำสวด วิธีแก้ไขเมื่อใจถูกส่งออกไปคิดเรื่องอื่น ให้เริ่มต้นสวดมนต์ใหม่ หากใจยังแว๊บออกไปคิดเรื่องอื่นอีก ให้กลับมาเริ่มต้นสวดใหม่ ทำอย่างนี้เรื่อยไปจนกระทั่งจิตจดจ่ออยู่กับการสวดมนต์ ตั้งแต่ต้นจนจบโดยจิตไม่ออกไปคิดเรื่องอื่นเลย
 

451.
กราบเรียนถามท่าน อ.ดร.สนอง วรอุไร

   ผมมีเรื่องอยากจะเรียนถามท่านอาจารย์แทนคุณแม่ของผมครับ
คือ คุณแม่ของผมท่านมีความกังวลเกี่ยวเรื่องของคุณพ่อและครอบครัวมากครับ

   คุณพ่อของผมระยะหลังๆมานี้ทำงานอะไรมักจะไม่ประสบความสำเร็จ มีปัญหาและอุปสรรคต่างๆเข้ามามากมายและตัวคุณพ่อของผมนั้นมักจะโทษว่าบ้านที่อยู่อาศัยนั้นไม่ดี
ชอบไปปรึกษาหมอดู บางครั้งก็มีการเชิญมาทำพิธีที่บ้าน คุณแม่มักจะเตือนคุณพ่อเสมอว่าอย่างมงายกับเรื่องเหล่านี้ แต่ให้หันไปสวดมนต์ภาวนาแทนแต่คุณพ่อก็ไม่ยอมฟังคุณแม่
คุณแม่รู้สึกไม่สบายใจ

   1.ไม่ทราบว่าอาจารย์จะมีวิธีอย่างไรที่จะทำให้คุณพ่อของผมหันมาสวดมนต์ภาวนาแทนการไปปรึกษาหมอดูครับ

คำตอบ
    อกุศลกรรมเมื่อให้ผลเป็นอกุศลวิบากได้เมื่อใดอุปสรรค ปัญหา หรือความล้มเหลว ย่อมเกิดขึ้นกับผู้ทำกรรมไว้ก่อน และต้องเสวยอกุศลวิบากนั้นจนกว่าจะใช้หนี้กรรมให้หมดสิ้นไป

   การจะให้คุณพ่อยอมรับฟังคำชี้แนะจากคุณแม่ คุณแม่ต้องทำตัวเองให้คุณพ่อศรัทธาให้ได้ก่อน ศรัทธาเกิดกับผู้มีคุณสมบัติดังนี้
     1)  มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่
     2)  เป็นคนตรงต่อเวลา
     3)  เป็นคนมีเมตตา (ไม่โกรธ ไม่หงุดหงิด ไม่เบื่อหน่ายฯลฯ)
     4)  เป็นคนมีความอดทน
     5)  เป็นผู้มีวาจาไพเราะ (พูดประสานน้ำใจ พูดมีสาระ ไม่หยาบ ไม่ส่อเสียด)
     6)  เป็นผู้ประพฤติดีงาม (มีจริยธรรม)
     7)  เป็นผู้มีความสะอาด (มีศีล)
     8)  เป็นผู้มีอาชีพถูกต้อง (ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม)
     9)  เป็นผู้ประสบความสำเร็จในงาน


   2.ท่านอาจารย์มีวิธีที่จะแนะนำให้การทำงานประสบความสำเร็จ ราบรื่น และไม่ติดขัดไหมครับ

คำตอบ
    อยากให้การทำงานประสบความสำเร็จ ราบรื่นไม่ติดขัด ต้องทำ 3 เรื่องใหญ่คือ
     1) ศึกษาหาความรู้ในงานที่ทำอยู่เสมอ
     2) ทำบุญอยู่เสมอ (ดูบุญกิริยาวัตถุ 10) และอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร
     3) ใช้อิทธิบาท 4 เป็นเครื่องสนับสนุนการทำงาน คือทำงานด้วยใจรัก (ฉันทะ) ทำงานด้วยความพากเพียร (วิริยะ) ทำงานด้วยมีใจจดจ่อ (จิตตะ) และใช้ปัญญาไต่สวนงานที่ทำ (วิมังสา)


   3.ท่านอาจารย์มีวิธีที่จะแนะนำให้คุณแม่ของผมลดความเครียด ความกังวล ลงได้ไหมครับ
        กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงครับ

คำตอบ
    แนะนำได้แต่จะสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ผู้กระทำ หากทำตามคำแนะนำจนเข้าถึงมรรคผล ความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นได้ ไม่ทำตามก็ไม่สำเร็จ

   ประสงค์ให้ความเครียดและความกังวลลดลง ต้องไม่ส่งจิตออกนอกตัว จิตต้องจดจ่ออยู่กับอิริยาบถของตัวเองที่เกิดขึ้นเป็นปัจจุบันเท่านั้นเช่น จดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า-ลมหายใจออก จดจ่ออยู่กับงานที่กำลังทำ จดจ่ออยู่กับอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน ฯลฯ ของตัวเอง และวิธีที่ดีที่สุดเมื่อจิตสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้ว ให้ใช้จิตตามดูสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับใจ(อารมณ์) ของตัวเอง จนเห็นว่าสิ่งต่าง ๆ ดับไป (อนัตตา) ตามกฎไตรลักษณ์สิ่งต่าง ๆ ดับไปคือไม่มีตัวตน จิตจึงจะปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ ได้ จิตจะเป็นอิสระ ว่างเป็นอุเบกขา แล้วความเครียด ความกังวลจะหมดไป
   

 

 

ส่งคำถามถึง ดร. สนอง วรอุไร => question@kanlayanatam.com

สอบถาม ให้คำแนะนำที่ => webmaster@kanlayanatam.com