1

 

 

 

                                                                
คำถาม-คำตอบ ข้อ 651-700

700.
เรียนท่านอาจารย์ดร.สนอง ที่เคารพยิ่ง

   สืบเนื่องจากคำถามข้อ 686 ที่มีผู้ถามปัญหาเรื่อง การกินข้าวก่อนผู้มีพระคุณเมื่อวัยเด็ก ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ได้เคยตักบาตร โดยคุณแม่เป็นผู้สั่งจัดอาหารให้โดยนำอาหารที่เหลือไปใส่บาตรพระ
ผ่านมาหลายปี แต่เรื่องนี้ก็ยังแวบมาให้คิดเล็กๆ น้อย
ผมเคยขอขมาต่อหน้า พระบรมสารีริกธาตุ ว่าหากได้เคยล่วงเกินพระรัตนตรัย ด้วยกาย วาจา ใจ

ผมขอความกรุณา
1. รบกวนท่านอาจารย์ช่วยแนะนำวิธีแก้ด้วยครับ

2. คุณแม่เป็นคนค่อนข้างยึดมั่นในความคิดของตน และผมเองก็ยังคุณธรรมไม่สูงพอ
ยังไม่สามารถทำให้ท่าน สัมผัสถึงความดีแบบสุด จนทำให้ท่านหันมาสนใจธรรมะได้อย่างเต็มที่
และก็ไม่ค่อยกล้าจะพูดถึงธรรมมากเท่าไหร่ เพราะจะทำให้ท่านไม่สบายใจผมควรทำอย่างไร
อย่างน้อย ก็อยากให้แม่ทราบว่า ที่เคยนำอาหารเก่าไปถวายพระนั่น เป็นเรื่องที่ผิด หรือทำได้แค่ปล่อยวางครับท่าน?

   ขอกราบแทบเท้าท่านอาจารย์เพื่อแสดงความเคารพครับ

คำตอบ
   (1 ) นำดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาและกล่าวคำสรรเสริญคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ต่อหน้าพระประธานในโบสถ์หรือต่อองค์เจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อกล่าวคำบูชาแล้วเสร็จให้กล่าวคำขอขมาต่อพระรัตนตรัยว่า “ ที่ข้าพเจ้าเคยนำอาหารเหลือจากรับประทานไปใส่ลงในบาตรพระสงฆ์ ข้าพเจ้าได้สำนึกผิดต่อการกระทำอันเป็นบาปนั้นแล้วขอพระรัตนตรัยจงโปรดงดโทษใด ๆ อย่าให้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าข้าพเจ้าให้สัตยาธิษฐานว่า ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจักไม่กระทำกรรมอันเป็นบาปเช่นนั้นให้เกิดขึ้นอีก ”

   (2) ปล่อยวางชีวิตของผู้เป็นแม่ไปตามกรรม แล้วผู้เป็นลูกหันมาประพฤติตนเองให้งามพร้อมด้วยธรรม แม่เกิดศรัทธาลูกเมื่อใดแล้วมาขอคำแนะนำลูก จึงสามารถใช้โอกาสนี้บอกกล่าวถึงอกุศลกรรมเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่แม่เคยทำไว้พร้อมทั้งชี้โทษให้เห็นและชี้ทางแก้ไขปัญหาให้ท่านด้วย
  

699.
กราบเรียนถามปัญหาค่ะ

เคยมีบางครั้งที่ใจนึกคิดไม่ดีหรือลบหลู่บุคคลที่ไม่ควรคิดลบหลู่ พอเกิดความนึกคิดอย่างนั้นก็จะรีบว่าตัวเองเพราะไม่อยากบาปและลงนรก มันเป็นความคิดที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย แต่บางทีมันก็แวบเข้ามา ต้องคอยเตือนตัวเองอยู่ตลอดไม่ให้คิดต่อไปมากกว่านั้น อยากทราบว่าความคิดแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเราก็ไม่ได้อยากคิดที่จะลบหลู่เพราะรู้ว่าจะบาปมหันต์ และบุคคลเหล่านั้นก็เป็นบุคคลที่เราเคารพนับถือ ทำอย่างไรจะไม่ให้ความคิดเหล่านี้มันเกิดขึ้นในจิตใจเราได้ และจะบาปไหมถ้าความคิดไม่ดีเหล่านี้มันเกิดขึ้นมา

รบกวนท่านอาจารย์ ดร.สนองกรุณาตอบคำถามนี้ด้วยนะคะ เพราะไม่สบายใจมากเลยค่ะ ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก

กราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    เหตุที่ใจยังคิดติดลบเพราะโปรแกรมจิตที่คิดลบหลู่ยังไม่ถูกกำจัดให้หมดไปจากใจ ครั้งใดที่ความคิดลบหลู่เกิดขึ้นครั้งนั้นบาปเกิดขึ้นและถูกเก็บสั่งสมไว้ในจิต

   วิธีกำจัดโปรแกรมจิตที่ติดลบหลู่ให้หมดไป ทุกครั้งเมื่อจิตคิดลบหลู่ต้องใช้จิตตามดู ความคิดที่ไม่ดีนั้นดับไป (อนัตตา) ตามกฎไตรลักษณ์ต้องตามดูเช่นนี้เรื่อยไปจนจิตไม่ระลึกถึงเรื่องนี้อีกเลย
  

698.
กราบเรียนท่าน ดร.สนอง นะครับ
ขอเรียนถามดังนี้นะครับ
   1. ผมเคยไปกราบหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัล ครับ ได้ทราบมาก่อนหน้านี้ว่าท่านรู้วาระจิต แล้วผมก็เคยมีประสบการณ์สนใจด้านนี้มาก่อน พอท่านรู้ผมก็ทราบว่าท่านรู้ แล้วผมรู้สึกกลัวครับ กลัวบารมีหลวงพ่อท่าน กลัวการทำชั่วละอายใจอะไรที่ทำผิดคิดผิด ก็ไม่กล้าทำ อะไรที่เคยทำในชีวิตประจำวันปกติบางอย่างก็ไม่กล้าทำ แต่ยอมรับว่ารู้สึกดีกว่าแต่ก่อนเพราะมีการควบคุมตัวเองโดยใช้สติ แต่บางครั้งกำหนดที่ลิ้นปี่มาก ๆ ก็อึดอัด บางที่มีความฟุ้งซ้านมาก ควรทำไงดีครับ แล้ว อาจารย์ดร.สนอง เราควรทำอย่างไรเมื่อเจอท่านเหล่านี้ ผู้เป็นอริยบุคคล รู้วาระจิตเราได้ มีวิธีป้องกันการให้คนอื่นอ่านใจมั้ยครับ

   2. การที่เราจะพัฒนา พละ 5, อินทรีย์ 5 หรือ อิทธิบาท 4 นี่นะครับ เราต้องระลึกตลอด คือมีความเพียรกำหนด เจริญพละ 5 อยู่ทุกขณะตื่น ควรปฏิบัติอย่างไรครับ ถ้าตอนนี้มีสติระดับหนึ่งแล้ว

   3. เวลาเราให้อภัยใครไปแล้ว อโหสิกรรมให้ไปแล้ว แต่ยังรู้สึกว่ายังมีผลของกรรมเวรยังมาตามอยู่ ในกรณีที่เราเป็นคนมาตามจองเวรเขาเราควรทำอย่างไรดีครับ

ขอให้ท่านอาจารย์มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงตลอดกาล

ขอขอบพระคุณอย่างสูงนะครับ

คำตอบ
    (1) ปฏิบัติธรรมแล้วอึดอัด เป็นตัวบ่งชี้ให้เห็นว่าการปฏิบัติธรรมแบบนั้นผิดทาง ควรหันไปใช้วิธีอื่นที่เหมาะกับจริตของผู้ถามปัญหา

คนที่คิดป้องกันคนอื่นมิให้รู้ใจตัวเอง ในทางธรรมถือว่าเป็นความคิดที่ผิด(มิจฉาสังกัปปะ) ผู้ที่หวังความเจริญในธรรมทางพระพุทธะ ไม่คิดปกปิดความจริงแต่ยอมรับความจริงแล้วกำจัดสิ่งที่เศร้าหมอง (ขยะ) ที่มีอยู่ในใจให้หมดไป ผู้ตอบปัญหาได้ผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาแล้ว ได้แก้ปัญหาถูกตรงตามที่แนะนำมาจึงมีโอกาสเป็นเหมือนกระจกส่องใจมวลชนอยู่ในทุกวันนี้

   (2) เมื่อระลึกได้แล้วต้องปฏิบัติหรือมีความประพฤติถูกตรงตามคุณธรรมเหล่านั้นอยู่ทุกขณะตื่น จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติตรง (อุชุปฏิปนฺโน)

   (3) ผู้ถามปัญหาให้อภัยผู้อื่นได้เป็นสิ่งดีที่ควรกระทำอยู่เสมอแต่ผู้อื่น (เจ้าหนี้เวรกรรม) ที่เขายังผูกพยาบาลอยู่กับผู้ถามปัญหา เขาจะให้อภัยหรือไม่ให้อภัยมันเป็นเรื่องของเขา ถ้าเขายังไม่เลิกจองเวรยังไม่ให้อภัย ผู้ถามปัญหายังจะต้องมีหนี้เวรกรรมให้ต้องชดใช้อยู่และต้องใช้หนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสามารถพัฒนาจิตเข้านิพพานไปได้แล้วนั่นแหละหนี้เวรกรรมที่เหลือทั้งหมดจึงจะเป็นอโหสิกรรมได้หมดสิ้น
   

697.
กราบเรียน อาจารย์สนอง

กราบขอบพระคุณในความเมตตาของอาจารย์ที่ตอบคำถามในข้อ 688 สิ่งที่อาจารย์ตอบนั้นทำให้เข้าใจมากเลยค่ะ
เพราะในขณะที่นั่งสมาธิดิฉันเห็นความวุ่นวายของจิตในบางวัน และบางวันรู้จังหวะการเต้นของหัวใจ ซึ่งทำให้ดิฉันทราบว่าในจิตดวงนี้คงผ่านอะไรมาเยอะมาก และดิฉันเองก็ได้ซื้อหนังสือของอาจารย์ในเรื่อง ยิ่งกว่าสุขเมื่อจิตเป็นอิสระ ทำให้ดิฉันใช้วิธีการโยนิโสมนัสสิการในช่วงที่นั่งสมาธิเพื่อพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้น (แบบค่อยเป็นค่อยไป) ซึ่งใช้ความเพียร ความอดทน ศัทธา เข้าใจ ในอาการของจิตเป็นอย่างมาก ดิฉันขอรบกวนอาจารย์อีกครั้งค่ะ ในสิ่งที่ดิฉันเข้าตามนี้เป็นพื้นฐานของการเรียนรู้จิตใช้หรือเปล่าค่ะ
และดิฉันใช้หนังสือของอาจารย์ไว้สำหรับเป็นตัวอย่างการปฎิบัติได้หรือไม่ค่ะ

ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของอาจารย์
วิไลภาต์

คำตอบ
    นี่แหละที่คนในครั้งพุทธกาลเขาใช้ผัสสะมาพิจารณาโดยแยบคาย ซึ่งเป็นการพัฒนาจิตจนสามารถบรรลุธรรมเข้าถึงความเป็นอริยบุคคลได้

   ขอบคุณคุณเมตตา อุทกะพันธ์ ที่ตั้งชื่อ “ ยิ่งกว่าสุข เมื่อจิตเป็นอิสระ ” ได้ถูกตรงตามสาระที่มีอยู่ในหนังสือ ซึ่งผู้ถามปัญหาสามารถใช้เป็นมาตรวัดผลของการปฏิบัติได้ และเมื่อใดมีจิตเข้าถึงสาระแห่งธรรมนั้นได้ มีจิตเป็นอิสระจากโลกธรรมและวัตถุได้ อิสรสุขเข้ามามีอำนาจครองใจได้...สาธุๆๆๆ
   

696.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ผู้ที่ควรค่าแก่การเคารพยิ่ง

   1.ฉันเป็นผู้หนึ่งที่สนใจการปฏิบัติธรรมเพื่อเข้าถึงสัจจะของธรรมชาติ เพื่อความไม่หลงในวัฏฏสงสารเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบสิ้น ดิฉันขออนุโมทนาบุญกับท่านอาจารย์ และผู้เข้าถึงธรรมทุกๆท่านด้วยค่ะ
ตอนนี้ดิฉันอายุ 37 ปี สนใจในเรื่องการถือศีล 8 แต่ติดปัญหาตรงที่ดิฉันยังยึดติดในความสวยอยู่ค่ะ คือถ้าถือศีล 8 (ระยะเวลานานๆ) ดิฉันก็ไม่สามารถทาครีมบำรุงผิวหน้าได้ (ดิฉันก็ทราบค่ะว่าร่างการเราต้องมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ถ้าหวังบรรลุธรรมควรปล่อยวางได้)แต่ถ้าดิฉันไม่ทาผิวหน้าก็จะเสื่อมเร็วนะค่ะ ทำอย่างไรดีค่ะ ถ้าเราปฎิบัติจิตดีๆ ผิวพรรณเราก็จะดีได้โดยไม่ต้องอาศัยครีมบำรุงได้ใช่หรือไม่ค่ะ?

    2.ดิฉันเป็นคนไม่สนใจอะไรๆทางโลกมากเท่าไหร่ งานทางโลกดิฉันก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ดิฉันปรารถนาอยู่กับสังคมทางธรรมะมากกว่า (รู้สึกว่าคุยในเรื่องเดียวกัน) ตอนนี้ดิฉันว่างงานดิฉันอยากหาสถานที่ที่ให้ดิฉันทำงานในด้านนี้ได้(ดิฉันจบปริญญาตรี ไม่เกี่ยงหน้าที่และรายได้ค่ะ ขอให้ได้ทำงานและได้ศึกษา สนทนา ปฏิบัติธรรม ทำประโยชน์ให้ส่วนรวมไปด้วยค่ะ) อาจารย์พอแนะนำได้บ้างไหมค่ะ?

   สุดท้ายนี้ขออาราธนาบุญบารมีของท่านผู้ทรงบารมีธรรม โปรดส่งผลดลบันดาลให้ท่านอาจารย์และครอบครัวและผู้เสียสละแรงกายแรงใจสร้างประโยชน์สุขเพื่อมวลชนทุกท่านจงมีความร่มเย็น สุขกาย สุขใจ บรรลุถึงสิ่งดีๆที่ทุกท่านปรารถนาโดยฉับพลันด้วยเทอญ

   ขออนุโมทนาและกราบขอบพระคุณอย่างสูง

คำตอบ
    ผู้รู้เข้าใช้สมมุติเขาได้ประโยชน์จากสมมุติแต่เขามีจิตเป็นอิสระจากสมมุติ ฉะนั้นผู้ถามปัญหาต้องถามใจตัวเองว่าเมื่อใช้ครีมทาผิวหน้าแล้วมีสภาวะของจิตเป็นเช่นนี้หรือไม่ หากเป็นเช่นนี้สามารถทำได้ต่อไปหรือจะเปลี่ยนไปเจริญเมตตาให้เกิดขึ้นกับจิตยิ่ง ๆ ขึ้น หรือทำจิตให้เป็นอิสระจากผัสสะทั้งปวงได้ ก็เป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยบำบัดปัญหาความชราของผิวหน้าให้ช้าลงได้
     

695.
เรียน อาจารย์สนอง

สวัสดีปีใหม่ 2551 นะคะ ขอคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองให้อาจารย์และครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรงตลอดปีนะคะ

   ขออนุญาตถามคำถามอาจารย์ค่ะว่า ถ้านั่งกรรมฐานอยู่ในขณะที่กำลังไล่ดูส่วนต่าง ๆ ของกายอยู่นั้น ปรากฎว่าเกิดความเงียบสงัดขึ้นมาในจิต แต่ยังได้ยินเสียงภายนอก ทั้งเสียงนกร้อง และรู้สึกถึงความเย็นของอากาศในห้องอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่จิตเงียบจริง ๆ เงียบสงัดอย่างที่สุด สักพักก็มีอาการรู้ก็เข้าไปจับว่า สุขหนอ สุขหนอ หลังจากนั้นจิตก็คลายออกมา กลับมามีกระแสความคิดอ่อน ๆ เข้ามาอีก อยากทราบว่าภาวะที่เกิดขึ้นนั้น คืออะไร และควรปฏิบัติอย่างไรต่อ

กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    ภาวะที่เกิดขึ้นเป็นความตั้งมั่นของจิตจวนแน่วแน่(อุปจารสมาธิ) ยังไม่ใช่เป็นความเงียบสงัดอย่างที่สุด เพราะยังได้ยินเสียงนกร้อง ยังระลึกได้ในความเย็นของอากาศ สิ่งที่ควรปฏิบัติต่อไปคือใช้จิตที่มีความตั้งมั่นระดับนี้ตามดูผัสสะ (เสียงนกร้อง ความเย็นของอากาศกระแสความคิด ฯลฯ) ที่เกิดขึ้นกับจิตว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์เมื่อใดผัสสะเข้าสู่ความเป็นอนัตตาจะเกิดปัญญาเห็นแจ้งว่าผัสสะไม่ใช่ตัวตน จิตจะปล่อยวางผัสสะจิตว่างจากผัสสะเข้าสู่อุเบกขารมณ์
  

694.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ ดร. สนองที่เคารพ

กระผมเป็นผู้นั่งสมาธิสม่ำเสมอและสนใจเรื่องทางจิตตามหลักศาสนาพุทธครับได้พยามยามมีสติตลอดเวลาครับ
   1. ช่วงเวลาที่นอนหลับแล้ว รู้สึกว่าจิตออกไปจากร่าง มีควาบรู้สึกวูบขึ้นลูบลงเห็นตัวเองนอนอยู่บ้าง เมื่อได้เห็นตัวเองนอนอยู่ได้พยามยามกลับเข้าร่างเกิดความกลัวว่าจะมีวิญญาณอื่นมาเอาร่างเรา เห็นหลังคาบ้านตัวเองบ้าง แต่เมื่อรู้ได้ว่ามีการการดังกล่าวอย่างนี้ได้พยามยามกำหนดตรงบริเวณหน้าผาก ให้ไปสวรรค์บ้าง ไปดูนรกบ้าง แต่ไม่เคยเห็นครับ แต่รู้สึกว่าเราได้ออกจากร่างจริงๆ พักหลังมีสติมากขึ้นเมื่อเกิดอาการอย่างนี้ พยายามกำหนดให้จิตอยู่กับตัว
   ท่านอาจารย์ครับอาจารย์ว่าเป็นอาการทางร่างกายหรือสมองหรือป่าวครับที่ส่งผลอย่างนี้ หรือเป็นเรื่องจิตครับ แต่เท่าที่สังเกตุดูว่าก่อนที่จิตจะออกไปจะมีการอาการทางร่างกายที่เสียวแปลบที่ศรีษะ ตามร่างกายจะชาแข็งขยับไม่ได้ตามคิด

   2. พยายามนั่งสมาธิให้ได้อารมณ์อัปปนาสนาธิครับ แต่รู้สึกยากแต่กระนั้นก็ได้พยายามอยู่ เคยมีครั้งหนึ่งครับมีความรู้สึกว่าจิตใสเป็นแก้วแล้วเป็นรูปที่ซ้อนกับร่างกายตัวเองอยู่ชั้นหนึ่ง แล้วสติดีมากอะไรมากระทบก็รู้สึกเฉยๆใช่อาการอัปปนาสนาธิมั้ยครับ
   ท่านอาจารย์มีแนวปฏิบัติเพื่อได้อัปปนาสนาธิไว ๆ มั้ยครับ

   3. มีการแก้ขอถอนคำอฐิษฐานมั้ยครับ

ขออำนาจคุณพระรัตนตรัยให้ท่านอาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงตลอดไปนะครับ
   ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูง

คำตอบ
    (1) การนอนหลับหมายถึงพลังงานจิตไม่มีการเกิด-ดับ (ภวังคจิต) จิตทำงานไม่ได้ ปรุงแต่งอารมณ์ให้ปรากฏไม่ได้ ฉะนั้นที่นอนหลับตา แล้วรู้สึกวูบขึ้นวูบลง ยังเห็นตัวเองนอนแสดงว่าจิตไม่ได้เข้าสู่ภวังค์จิตยังทำงานได้ จิตยังเคลื่อนออกจากร่างกายได้จึงเป็นเรื่องของจิตมิใช่เป็นเรื่องของร่างกายและสมอง

   (2) ไม่ใช่อัปปนาสมาธิ ผู้ถามปัญหาประสงค์จะเข้าให้ถึงอัปปนาสมาธิไว ๆ ต้องกำจัดความอยาก (ตัณหา) ให้หมดไปจากใจให้ได้ก่อน แล้วจึงทำให้ให้มีศีลและสัจจะคุ้มใจให้ได้ทุกขณะตื่นปิดปาก ปิดหู ปิดตา กินน้อย นอนน้อย แต่เร่งความเพียงในการปฏิบัติสมถภาวนาให้มาก ความปรารถนาเข้าถึงสมาธิสูงสุดจึงจะมีโอกาสเป็นไปได้
    

693.
เรียนถามค่ะ

1. ดิฉันเคยไปฝึกมโนมยิทธิที่วัดท่าซุง โดยมีครูผู้สอนพูดแนะนำขณะนั่งสมาธิ (แบบครึ่งกำลัง) ดิฉันได้เห็นพระพุทธเจ้าซึ่งองค์ท่านใหญ่มากเท่าพระพุทธชินราชในวัดได้ค่ะ ในนิมิตท่านมีชีวิตนะค่ะ แล้วตัวดิฉันเป็นผู้ชายค่ะไม่ได้สวมเสื้อนุ่งแต่โสร่งสีขาวค่ะ กำลังทำท่าไหว้ท่านเหมือนนักมวยไหว้ครูน่ะค่ะ แล้วก็มีคนอื่นๆนั่งอยู่หน้าท่านด้วยค่ะ แต่ไม่มากคล้ายๆนั่งฟังธรรมน่ะค่ะ เหตุการณ์นี้หมายถึงอะไรค่ะ ใช่บุพเพนิวาสานุสติญาณรึเปล่าค่ะ?

2.ดิฉันฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลังที่วัดท่าซุงเช่นกันค่ะแต่คนละครั้งกับข้อ1 นะคะ ดิฉันเห็นภาพสว่างจ้าแล้วก็เห็นเป็นตัวดิฉันนั่งอยู่แล้วมีพระพุทธเจ้าท่านชวนดิฉันไปเที่ยวชมสวรรค์ แต่ดิฉันไม่ไป(ลักษณะดื้อเหมือนเด็กๆที่ไม่อยากไป)ท่านชวนแต่ดิฉันก็ไม่ไปท่าเดียวค่ะ ดิฉันในขณะนั้นไม่อยากไปเที่ยวชมเลยมีความรู้สึกว่าขี้เกียจไปทั้งๆที่ไม่เคยไปนะค่ะ ในใจคิดว่าไว้ค่อยไปวันหลังก็ได้ค่ะ ที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นกับดิฉันคืออะไรค่ะ แล้วทำไมจึงเกิดขึ้นได้ค่ะ

กราบขอบพระคุณมากค่ะ

คำตอบ
    (1) สิ่งที่เห็นเป็นผลมาจากฤทธิ์ทางใจของคุณเป็นเพียงแค่ปัญญาสูงสุดขั้นโลกิยะ ที่ยังไม่สามารถทำให้ผู้เห็นพ้นไปจากความทุกข์ได้ และไม่ใช่ปุพเพนิวาสานุสติญาณ

   (2) ความขี้เกียจเป็นกิเลสที่ทำให้ชีวิตเสื่อมจนที่มีธรรมะคุ้มใจได้ทุกขณะตื่นจะไม่มีความขี้เกียจ เหตุที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะยังไม่รู้จริงแท้ จิตยังถูกครอบงำด้วยอวิชชา จิตยังเป็นทาสของกามจึงได้คิดว่าค่อยไปเที่ยวสวรรค์ในวันหลังก็ได้
 

692.
เรียน อาจารย์ สนอง วรอุไร ที่เคารพนับถือ

เราจะมีวิธีอย่างไรที่จะทำให้ พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง มีสัมมาทิฐิมากขึ้น ที่ทำอยู่ทุกวันนี้คือ เปิด ซีดี วีซีดี ธรรมะให้ฟังเป็นประจำก็ทำให้ดีขึ้นแต่น้อยมาก ยกตัวอย่างเช่น หวยก็ยังคงเล่นอยู่จนเป็นนิจเวลาเราเตือนท่านก็จะบอกว่าการเล่นหวยคือความสุขของท่าน

การนินทาพ่อแม่นินทาผู้อื่นเป็นประจำท่านก็จะบอกว่าเลิกไม่ได้เลิกก็ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร อุปสรรคในการที่เราจะเตือนท่านคือ เราเป็นเด็กเป็นเล็กจะมาสั่งมาสอนท่านได้อย่างไร ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนแกตั้งหลายสิบปี เพราะฉนั้นเราจะมีวิธีหรือกลอุบายอย่างไรครับ

คำตอบ
    ธรรมชาติของจิตมนุษย์หรือสัตว์ จะเลือกรักในสิ่งที่ดีกว่า หรือศรัทธาในสิ่งที่ความสุขความอบอุ่นใจ ที่ตัวของเราเองสามารถสัมผัสหรือเข้าถึงได้

   ฉะนั้นการเปิดซีดี วีซีดีธรรมะให้ญาติฟัง ยังไม่ศักดิ์สิทธิ์เท่ากับทำตัวของผู้ถามปัญหาให้มีธรรมบรรจุอยู่ในใจให้ได้ทุกขณะตื่น แล้วโอกาสที่พ่อแม่ญาติพี่น้องจะศรัทธาในตัวคุณย่อมเกิดขึ้นได้ เมื่อใดที่เขาเหล่านั้นเปิดใจยอมรับสิ่งดีงาม (ธรรมะ) ที่มีอยู่ในใจของคุณได้แล้วเมื่อนั้นคุณจึงจะสามารถตักเตือน หรือชี้ทางชีวิตที่ดีกว่า เขาจึงจะพร้อมและทำตามที่คุณชี้แนะได้
   

691.
เรียน อาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพ

ดิฉันมีปัญหากับแม่มาก คือแม่ไม่ชอบหน้าดิฉันเลย ดิฉันทราบดีว่าเป็นกรรมเก่า ก็ทำใจยอมรับ แต่สิ่งที่แม่ปฏิบัติต่อดิฉัน คือ พยายามเป็นปฏิปักษ์กับดิฉันตลอดเวลา เช่น ซื้อของมาให้ทานก็ไม่ทาน คุยด้วยก็ไม่ตอบ คือพยายามจะยัดเยียดความอกตัญญูให้ดิฉันตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้จะเป็นการขัดขวางให้ดิฉันปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้าหรือไม่ ดิฉันควรทำอย่างไร จึงจะปฏิบัติธรรมก้าวหน้า เพราะจิตฟุ้งซ่านมากในขณะเดินจงกรม และนั่งสมาธิ ไม่สงบเลยสักนาที

ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยให้คำตอบดิฉันด้วยค่ะ

คำตอบ
    ปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้าเพราะยังมีความเห็นผิดลูกซื้อของให้แต่แม่ไม่รับประทานก็เป็นเรื่องของแม่ ลูกพูดคุยกับแม่แล้วแม่ไม่พูดโต้ตอบก็เป็นเรื่องของแม่ การกระทำของลูกทั้งสองอย่างผู้เป็นแม่รับรู้ได้แต่โปรแกรมจิตของท่านเป็นลบ อาหารจึงไม่ถูกรับประทานการโต้ตอบจึงไม่เกิดขึ้น ผู้มีโปรแกรมจิตเช่นนี้ เป็นผู้ที่ทำตัวเองให้เปล่าประโยชน์อันพึงได้รับ ดูให้ออกว่าแม่เป็นครูที่ดีสอนลูกไม่ให้มีทิฏฐิวิบัติอย่างแม่ การจะอยู่ร่วมสังคมกับคนที่มีความเห็นผิดเช่นนี้คุณต้องพัฒนาจิตตนเองให้มีขันติและพรหมวิหาร 4 คุ้มใจ หากพัฒนาได้เมื่อใดแล้วปัญหาเรื่องจิตฟุ้งซ่าน ปัญหาปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้าจะหมดไป แล้วจะเห็นบุญคุณของแม่แสดงพฤติกรรมที่เป็นเหตุให้ลูกได้เจริญในขันติธรรม เมตตาธรรมและอุเบกขาธรรม
 

690.
เรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

การทำความดี มีศีลธรรม รักษาศีล ทำทานอยู่เสมอทำให้ไปเกิดเป็นเทวดา หรือการทำสมาธิภาวนาจนมีฌานทำให้ไปเกิดเป็นพรหม อยากเรียนถามอาจารย์ว่าหากเราไม่อยากเกิดเป็นเทวดาหรือพรหม แต่อยากเกิดเป็นมนุษย์อีกสามารถอธิษฐานขอเกิดเป็นมนุษย์ในชาติต่อไปจากผลของการทำบุญนั้นได้หรือไม่

ขอขอบพระคุณอาจารย์มากครับ

คำตอบ
    ผู้มีบุญมากสามารถเลือกทางชีวิตของตนเองได้มากกว่าผู้มีบุญน้อยกว่า ดังเช่น อนาถบิณฑิกเศรษฐีโสดาบันผู้สร้างและถวายวัดเชตวันไว้ในพุทธศาสนา เมื่อถึงกาลเวลาที่ได้ทิ้งขันธ์ลาโลกไปแล้ว แทนที่จะไปโอปปาติกะเป็นเทวดาโสดาบันอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ตามบุญบารมีที่ทำสั่งสมไว้ในครั้งที่ถือกำเนิดเป็นมนุษย์ แต่ตัวเองเลือกไปโอปปาติกะเป็นยักษ์โสดาบัน(ชนวสรายักษ์) อยู่กับท้าวเวสสุวัณเพื่อนเก่าที่เป็นจอมยักษ์ อยู่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาซึ่งเป็นแดนสุขาวดีชั้นแรกนั่นเอง
  

689.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

หากได้ทราบข่าวว่าใครจะตายเพราะโรคร้าย และได้แนะนำให้เขาไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน อย่างนี้จะถือว่าได้ไปร่วมขบวนกรรมกับเขาไหมคะ เราจะติดบ่วงไปด้วยหรือเปล่า เช่นเจ้ากรรมนายเวรของเขามาจองเวรกับเรา

ขออาจารย์ได้โปรดไขข้อข้องใจ และชี้แนะวิธีป้องกันภัยเวรทั้งหลายที่จะตามมาด้วย

ด้วยความเคารพและขอบพระคุณอย่างสูง

คำตอบ
    หากเจ้ากรรมนายเวรของคนไข้ไม่รู้หรือรู้แต่ไม่ติดใจจองเวรกับผู้แนะนำ ยังถือว่าเข้าไปร่วมในกระบวนธรรมของคนไข้อยู่ ด้วยเหตุที่ผู้แนะนำไม่ทราบว่ามีการจองเวรเกิดขึ้นหรือไม่ดังนั้นควรป้องกันตัวเองไว้ก่อน ด้วยการประกอบบุญให้หลากหลายประกอบบุญอยู่เรื่อย ๆ แล้วอุทิศผลบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรของตัวเองไปเรื่อย ๆ
 

688.
กราบเรียน อาจารย์สนอง วรอุไร

  ดิฉันได้มีโอกาสไปฟังบรรยายที่ DMG ซึ่งได้กราบขอบพระคุณอาจารย์ที่เป็นต้นแบบให้เข้าสู่ทางธรรม และดิฉันจะขอเรียนถามอาจารย์
ดิฉันได้ปฏิบัติสวดมนต์ นั่งสมาธิ (5-10 นาที ทุกวัน) และได้แนวของหลวงพ่อปราโมทย์มาปฏิบัติ สิ่งที่ทำให้
ดิฉันรู้สึกมากในระยะหลังคือ จิตดวงนี้ แข็ง กระด้าง และมีการแสดงพฤติกรรมออกไปโดยบางครั้งแสดงออกไปแล้ว
สติทันขึ้นมาก็หยุด พอหยุดจิตก็จะมีอาการ แข็ง กระด้าง จะเรียนถามอาการของจิตที่มีลักษณะนี้มีแนวทางอย่างไรที่ทำ
ให้ดิฉันจะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น

ขอแสดงความนับถือ
วิไลภาต์

คำตอบ
    จะเข้าให้ถึงต้นเหตุแห่งความแข็งกระด้างของจิตได้ มีอยู่ทางเดียงคือใช้ปัญญาสูงสุด(ญาณ) ส่องดูใจตัวเองปัญญาสูงสุดที่ว่านี้จะเกิดขึ้นได้ ต้องนำตัวเองเข้าปฏิบัติสมถวิปัสสนากรรมฐาน จนบรรลุมรรคผลแห่งธรรมของผู้รู้ แล้วจึงนำปัญญาเห็นแจ้งนั้นไปดับต้นเหตุที่ทำให้จิตแข็งกระด้าง ปัญหาที่ถามก็จะถูกกำจัดไป
   

687.
เรียนถามอ.สนอง

อย่างไรจึงถือว่าเป็น นิพพิทา คะ

ขอบคุณค่ะ

คำตอบ
    นิพพิทาเป็นสมมุติบัญญัติที่หมายถึงความหน่ายที่เกิดจากปัญญา พิจารณาเห็นความจริงของชีวิตว่าเป็นเหมือนกองทุกข์เป็นวิปัสสนาญาณขั้นโลกิยะ เมื่อเห็นความจริงชีวิตเป็นเช่นนี้แล้วจึงคิดหาทางที่จะให้พ้นจากชีวิต ด้วยการเร่งความเพียรในการเจริญวิปัสสนากรรมฐานให้ยิ่งๆขึ้น ในทางตรงข้าม ความเบื่อหน่ายในพฤติกรรมบางอย่างของคน เช่น พูดจาไร้สัจจะ คิดหาประโยชน์ใส่ตนโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น ประพฤติทุจริต ฯลฯ ไม่เรียกว่าเป็นนิพพิทา
    

686.
กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนอง

   ทุกเช้าดิฉันและทุกคนในบ้านจะทานข้าวเช้าก่อนพ่อแม่ เพราะต้องออกไปเรียนแต่เช้า บางคนไปทำงาน บางคนทานข้าวเช้า แต่พ่อกับแม่จะทานหลังพวกเราเพราะท่านจะรอสายหน่อย จะตักแยกจานท่านก็ไม่อนุญาต เพราะเห็นว่าเปลืองจาน พวกเราควรจะทำอย่างไรดีคะ เพราะรู้สึกเหมือนทานข้าวก่อนผู้ใหญ่ผู้มีพระคุณ

สุดท้ายนี้ขอให้อาจารย์ มีสุขภาพแข็งแรง และตอบปัญหาได้ตรงใจมากๆตลอดไป หากมีสิ่งใดที่ดิฉันทำผิดพลาดต่ออาจารย์ ขออาจารย์โปรดอโหสิกรรมให้ดิฉันด้วยนะคะ

คำตอบ
    ในครั้งพุทธกาลนางเรวดีภรรยาของนันทิยะมาณพเศรษฐี ได้นำอาหารเหลือจากที่ตนเองรับประทาน ไปใส่บาตรพระที่มาบิณฑบาตผลปรากฏว่าเมื่อนางเรวดีตายไปแล้วต้องลงไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในนรก

   พ่อแม่เป็นผู้มีพระคุณต่อลูก ด้วยการให้ร่างกายแก่ลูกได้อาศัยใช้เป็นที่เกิด เลี้ยงดูป้อนข้าวป้อนน้ำ ล้างปัสสาวะอุจจาระ อาบน้ำฯลฯ ด้วยความยากลำบากจนลูกเติบใหญ่ การให้พ่อแม่รับประทานอาหารที่เหลือ (เดน) จากลูก เป็นการสร้างทางสู่นรก ฉะนั้นผู้เป็นลูกต้องเลือกเอาเองว่าจะทำตามความเห็นผิดของพ่อแม่หรือจะทำให้สิ่งที่เป็นความเห็นถูกตามธรรมเพราะชีวิตเป็นของลูก ต้องเลือกทางชีวิตด้วยตัวเอง
      

685.
กราบเรียนอาจารย์สนอง เรียนถามท่านอาจารย์ดังนี้ค่ะ

   คนเป็นลูกเคยแอบเอาเงินพ่อแม่ไปช่วยเพื่อนที่กำลังเดือดร้อน ทำบ่อยๆหลายครั้งติดกัน แต่ใจเศร้าหมองเพราะรู้ว่าเป็นบาป หลายปีต่อมาลูกไม่กล้าเอ่ยคำขอขมาพ่อแม่ตรงๆ แต่เลียบเคียงพูดเป็นนัยว่า "ถ้าอาจารย์ที่สอนธรรมะขอหนูบอกว่าในอดีต อาจจะเป็นชาติไหนก็ไม่รู้ หนูเคยแอบนำเงินของพ่อแม่ไปใช้ช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่ได้บอกกล่าวพ่อแม่ ไม่รู้ว่าเป็นเงินเท่าไหร่ รู้แต่ว่ามากพอสมควรจนถึงกับทำให้คนหนึ่งตั้งตัวได้ แล้วพ่อกับแม่จะว่าอย่างไร"

พ่อตอบว่า "ไม่เป็นไรหรอก ในเมื่อลูกนำเงินไปช่วยคนอื่นก็ถือว่าได้ทำบุญและพ่อแม่เองก็ได้บุญนั้นด้วยเช่นกัน อย่าไปกังวลใจ"

แม่ตอบว่า "ถ้าอาจารย์ท่านว่าอย่างนั้น พรุ่งนี้หนูก็ไปเบิกเงินในธนาคารมาให้แม่และให้ถือว่าใช้หนี้ให้แม่ทั้งหมดแล้ว และต่อไปขออย่าให้มีอะไรติดขัดในชีวิต ขอให้ชีวิตรุ่งเรือง"

1.การสนทนาเช่นนี้ถือว่าเป็นการขอขมาลาโทษกันแล้วหรือยังคะ ความตั้งใจคืออยากขอขมา แต่ยังไม่กล้าพูดตรงๆจึงยกอาจารย์ที่สอนธรรมะมาอ้างนำ

2.หากว่าลูกเคยตั้งใจไว้ก่อนหน้านั้นว่าจะผ่อนชำระหนี้ที่เคยทำไว้ให้กับพ่อแม่จนครบจำนวนเท่านั้นเท่านี้ หลังจากที่ได้สนทนากันตามที่เล่านี้แล้ว และพ่อแม่ก็กล่าวยกหนี้ให้แล้ว ลูกยังคงต้องทำต่อจนสำเร็จตามที่คิดเอาไว้หรือไม่เพื่อสร้างสัจจบารมี

ขอบพระคุณค่ะ
   ขอกราบสวัสดีปีใหม่แด่ท่านอาจารย์สนองด้วยค่ะ

คำตอบ
    (1) ยังไม่ถือว่าเป็นการขอขมากรรม

   (2) บาปที่เคยทุศีลข้อ 2 กับพ่อแม่ ยังคงมีอยู่ในจิตวิญญาณของผู้กระทำ ส่วนความตั้งใจใช้หนี้ด้วยการผ่อนชำระ หากเป็นเพียงแต่คิด ยังไม่ได้ทำบุญจากการให้ทรัพย์เป็นทาน ยังไม่บังเกิดผลสำเร็จถ้าปฏิบัติไปแล้วบุญจากการให้ทรัพย์เป็นทานจึงจะเกิดขึ้น แต่หนี้บาปที่เคยไปขโมยเงินพ่อแม่ยังมีอยู่เมื่อใดกรรมที่เป็นบาปให้ผลผู้กระทำอกศุลกรรมจะสูญทรัพย์มากกว่าด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง

ดังนั้นผู้รู้จริงจะไม่ประพฤติดังเช่นที่ผู้ถามปัญหาบอกเล่าไป
  

684.
กราบเรียนท่านอาจารย์ สนอง ที่เคารพ

  กระผมขอเรียนถามปัญหาดังนี้ครับ ปัจจุบันผมอายุ 28 ปีครับ เมื่อผมอายุ 17 ปี ได้บวชเณรในระยะเวลา 13 วันครับหลังจากนั่งสมาธิมาเกือบปีได้ศึกษาธรรมะของท่านพุทธทาสภิกขุและฝึกเซ็นโดยตรงเอง แล้วฝึกเกิดสติปัฏฐาน 4 โดยบังเอิญ ในระยะเวลาที่บวชอยู่ได้มีสติ สมาธิตลอดเวลา ภายในระยะเวลานั้นมีครั้งหนึ่งได้เผลอสติไปในขณะกำลังนั่ง แต่สิ่งที่ได้มาคือการระลึกถึงสติ การมองที่เปลี่ยนไปทุกอย่างมองเห็นในสิ่งที่เป็นจริงและที่เป็นสิ่งในนามสมมุติ (ตอนนั้นไม่ได้นั่งสมาธินะครับ)รู้ว่าตนเองบรรลุธรรมใดสักอย่างหนึ่ง รู้ได้ว่าบางอย่างที่ยึดถือเป็นเรื่องงมงายเรื่องยึดติด ได้ปัญญาเข้าใจในธรรมะของพุทธเจ้า หลังจากนั้นก็หาอ่านหนังสือธรรมะว่าสภาวะธรรมที่ตนเองได้มาคืออะไร อ่านของท่านพุทธทาสก็ว่าใช่ และอีกหลายๆท่าน ที่ว่าดวงตาเห็นธรรมว่าเป็นเช่นนั้นเอง ตอนนั้นซาบซึ้งมากครับก้มลงกราบพื้นเลย แต่ครั้งนั้นไม่ได้ปรึกษาข้อที่พบนี้กับใคร ไม่ได้มีครูอาจารย์มาสอนโดยตรงครับ ปัจจุบันนี้ครับเข้าใจเรื่องศีล เรื่องจิต เรื่องอภิธรรมดีครับ รู้ได้ในปัญญาเองตั้งแต่ครั้งนั้นตามระดับของภูมิธรรมตนเองครับ ที่ผ่านมายังดื่มเหล้า เที่ยวกลางคืน ใช้ความสามารถทางปัญญาในทางที่ไม่ถูกกับคนอื่นบ้าง (เคยอ่านเจอว่าในสมัยพุทธกาลมีโสดาบันที่ยังดื่มเหล้าอยู่) ปัจจุบันนี้ได้ปฏิบัติธรรมในเพศฆราวาสโดยมุ่งกำจัดกิเลสเพื่อบรรลุธรรมขั้นดับทุกข์ได้โดยสิ้นเชิง เพราะว่าหลายปีที่ผ่านมาเริ่มเข็ดเริ่มแล้วเรื่อง อนิจจัง ทุกขัง พอมีการตัดสินใจเกิดขึ้น เรื่องเที่ยวเตร่กลางคืน อะไรที่ไม่ดีหลายๆอย่างเริ่มหายไป

   ขอเรียนถามท่าอาจารย์ว่า ครูบาอาจารย์หลายท่านว่าไม่เหมือนกันในลักษณะความประพฤติบางแต่ที่เหมือนกันคือละสังโยชน์ 3 อย่างอาจจะเกี่ยวกันมั้ยครับที่พระท่านต้องรักษาศีลอยู่แล้ว ทำไมเรื่องบรรลุธรรมจึง เกิดกับผมง่ายๆละครับ แต่ตอนที่บวชเณรครั้งนั้นตั้งใจเป็นอรหัต ละกิเลส ไปนิพพาน

   ขอให้ท่านอาจารย์ช่วยเป็นกัลยาณมิตรผมด้วยนะครับ ผมมีข้อสงสัยกับประสบการณ์ทางจิตตลอด10 ปีที่ผ่านมาเพราะไม่รุ้จะถามใครดี

  ขอขอบพระคุณอย่างสูงนะครับ

คำตอบ
   หนังสือเขียนบอกไว้ว่าพระโสดาบันยังดื่มเหล้าได้เรื่องนี้เป็นความเห็นถูกของผู้เขียนหนังสือให้คนอื่นอ่าน แต่ไม่ถูกต้องของพระพุทธะที่ตรัสว่า พระโสดาบันคือผู้เข้าถึงธรรม สามารถกำจัดกิเลสทั้งสาม (สังโยชน์ 3 ) ให้หมดไปจากใจได้

ในครั้งพุทธกาลมีลูกพราหมณ์ชาวแคว้นโกศล มาบวชเป็นภิกษุอยู่ในพุทธศาสนาบำเพ็ญสมถภาวนาอยู่ไม่นาน ได้บรรลุฌานสมาบัติ 8 ซึ่งมีฤทธิ์ปรามพญานาคได้ ชาวบ้านศรัทธาจึงถวายสุราให้ท่านดื่มยามออกเดินบิณฑบาต พระสาคตะฉันสุราจนเมาไม่ได้สติเหตุเพราะยังเป็นภิกษุที่มีสภาวะจิตเป็นปุถุชน จึงเป็นต้นบัญญัติห้ามพระดื่มสุราตั้งแต่นั้นมาผู้ที่เป็นโสดาบันแล้วจะไม่ประพฤติเช่นนั้น

ฉะนั้นผู้ถามปัยหาประสงค์นำพาชีวิตดำเนินตามรอยอริยบุคคล ก่อนอื่นต้องมีศีล 5 คุมใจให้ได้ทุกขณะตื่น เจริญสมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนาจนเลิกสติปัญญาเห็นแจ้งได้แล้วเอาสติสัมปชัญญะส่องดูใจตนเองแล้วพัฒนาใจให้ปลอดจากกิเลส (สังโยชน์) ได้มากหรือน้อยตามกำลังของสติสัมปชัญญะที่พัฒนาได้หากกำจัดสังโยชน์ 3 ได้ ความเป็นโสดาบันย่อมเกิดขึ้นได้หากสามารถกำจัดสังโยชน์ 5 ได้ความเป็นอนาคามีย่อมเกิดขึ้นได้ฯลฯ
 

683.
เรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

หนูมีเรื่องเรียนถามอาจารย์เกี่ยวกับประวัติของพระพุทธเจ้าค่ะ เนื่องจากมีน้องที่ทำงานถามมา แต่หนูตอบไม่ได้ค่ะ และบางส่วนที่ตอบไปก็ไม่แน่ใจว่าถูกต้องดีหรือไม่ (ที่ทำงานหนูมีพนักงานอยู่แค่ 10 คน แต่ประกอบด้วย 3 ศานาค่ะ คือ 1. ศานาพุทธ 2. ศานาคริสต์ (คริสเตียน) และ 3. ไม่นับถือศาสนาใดๆเลย นอกจากเชื่อมั่นผลอันเกิดจากการกระทำของตนอย่างเดียว) น้องคนที่ถามนี้เป็นพุทธนะคะ แต่มีศรัทธาในพุทธศาสนาน้อยมาก อาจเป็นเพราะข่าวสารที่เขาได้รับ และสภาพแวดล้อมที่เขาพบเจอมาแต่เด็กก็อาจเป็นได้นะคะ

1. เขาถามว่าถ้าพระพุทธเจ้าเป็นผู้มีบุญจริง ทำไมไม่ไปเกิดกับหญิงพรมจารีย์ ซึ่งเป็นผู้ที่บริสุทธิ์จากกาม (ซึ่งคำถามนี้หนูก็ตอบเขาไปว่า ถามหลักธรรมชาติมนุษย์จะก่อกำเนิดขึ้นมาได้ ต้องมีทั้งพ่อและแม ไม่ทราบว่าจะถูกต้องหรือเปล่าคะ )

2. เขาถามว่าพระพุทธเจ้าเกิดมาแล้วเดินได้จริงหรือ เขาบอกว่าเขาไม่เชื่อหรอกว่าจะเดินได้ แล้วทำไมต้องเดินแค่ 7 ก้าว ไม่ใช่ 9 ก้าว และมีการเปล่งวาจาออกมาด้วย ( คำถามนี้หนูตอบเขาไปว่า ตามหลักการประสูตรของพระพุทธเจ้า หรือพระโพธิสัตย์ ซึ่งเป็นผู้สั่งสมบารมีมาเป็นยาวนาน การกำเนิดก็จะไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป แม้แต่ผู้ที่จะมาเป็นพุทธมารดา ก็ต้องมีการตั้งสัจจะอธิษฐานมาก่อน จึงจะสามารถเป็นได ไม่ทราบถูกหรือเปล่าคะอาจารย์)

3. หลังจากการประสูตรแล้วพระพุทธเจ้า มีพัฒนาการอย่างไร เหมือนเด็กปกติธรรมดาทั่วไปหรือไม่ เพราะพระพุทธเจ้าสามารถเดินได้ และ ตรัสได้ตังแต่แรกที่พระองค์ประสูตร

ที่หนูต้องเรียนถามท่านอาจารย์ เพราะหนูมีความรู้สึกว่าคนรุ่นใหม่ๆ เขาเป็นพุทธแค่เพียงในบัตรประชานเท่านั้น ซึ่งไม่มีความรู้ในพระพุทธศาสนา ก็ยังไม่ร้ายเท่า การไร้ซึ่งศรัทธานี่สิ หนูคิดว่า น่าเป็นห่วงมากๆ เพราะคำถามที่แต่ละคำที่ยิงมา สำหรับหนูรู้สึกว่าเป็นการหมิ่นบารมีของพระพุทธองค์อย่างมาก หนูอยู่ท่ามกลางสังคมที่มีความแตกต่างกันมาก ศรัทธาของเราดูเหมืนสิ่งที่น่าขบขัน ไร้สาระ รวมทั้งการทำทานซึ่งเขามองดูเป็นการสิ้นเปลืองโดยไร้ซึ่งประโยชน์ ซึ่งหนูก็ไม่เคยโกรธเคืองเลยนะคะ ทุกครั้งที่ทำบุญ หรือเข้าคอร์สกรรมฐาน ก็จะอุทิศบุญให้ผู้ร่วมงานด้วยทุกๆคนค่ะ อยากให้พวกเขามีดวงตาเห็นธรรม มีโอกาสได้พบสิ่งที่น่าประเสริฐเช่นนี้บ้าง

หนูอยากได้คำตอบ เพื่อไขความกระจ่างให้ผู้ที่ถาม เขาจะได้ไม่มีเวรกรรม หนูรู้มาว่าปรามาสพระอรหันต์ตายโหงในชาตินี้ (ผู้ที่ถามเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตนเองสูงมากๆ ยากแก่การอธิบาย)

จาก
ผู้ที่เปี่ยมศรัทธา แต่ด้อยความรู้

คำตอบ
    ถูกแต่ถูกไม่หมด ยังมีมนุษย์บางประเภทเกิดโดยวิธีโอปปาติกะ ไม่ต้องมีพ่อแม่เป็นผู้ให้กำเนิดชีวิต เช่น อัมพปาลี เกิดมาแล้วมีอาชีพเป็นโสเภณี ต่อมาได้ฟังธรรมจากพระพุทธะแล้วเลิกอาชีพที่ทุศีลนั้นหันมาปฏิบัติธรรมพัฒนาจิตได้บริสุทธิ์ปราศจากกิเลสในสังโยชน์ทั้ง 10 บรรลุอรหัตตผลที่หญิงพรหมจารีย์ยังไม่สามารถทำได้ด้วยเหตุนี้ ความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์มิได้อยู่ที่การประพฤติตนเป็นหญิงพรหมจารีย์เท่านั้น แต่อยู่ที่การพัฒนาจิตให้หมดจากกิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ ให้ต้องเวียนตาย-เกิดอยู่ในวัฏสงสารคือสังโยชน์ 10 นั่นเอง

   ด้วยเหตุนี้ที่เป็นพุทธวิสัยในพระชาติสุดท้ายจึงไม่มีพระพุทธะองค์ใด ถือกำเนิดเป็นสตรีแล้วจึงพัฒนาจิตวิญญาณตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

   หากผู้ถามปัญหามีบุญบารมีมากพอ ควรช่วยให้เขาพ้นจากมิจฉาทิฏฐิแต่หากช่วยไม่ได้ต้องปล่อยวางเพราะสัตว์โลกเป็นไปตามกรรม

   ผู้ถามอยากรู้พัฒนาการของผู้มีคุณธรรม ต้องพัฒนาจิตตนเองให้มีคุณธรรมสูงแล้วจะสามารถรู้เห็นเข้าใจในสิ่งที่อยากรู้ได้
 

682.
กราบเรียนท่าน ดร.สนอง ที่เคารพ ดิฉันขอรบกวนถามปัญหาดังนี้ค่ะ

   พ่อของสามีดิฉันประสบอุบัติเหตุถูกรถกระบะชนรถจักรยานยนต์จนกระเด็นไปตกน้ำข้างทาง และสำลักน้ำซึ่งสกปรกมาก ตอนนี้อยู่ห้องไอซียูที่โรงพยาบาลยังไม่ได้สติต้องให้ออกซิเย่น หมอบอกว่ายังบอกไม่ได้ว่าจะรอดหรือเปล่า ถ้ารอดก็ไม่รู้ว่าจะเป็นปรกติเหมือนเดิมมั้ย ให้ดูอาการไปเรื่อย ๆ อยู่โรงพยาบาลได้อาทิตย์กว่าแล้วอาการก็ไม่ดีขึ้นเลย ดิฉันสงสารครอบครัวของสามีมาก โดยเฉพาะสามีรู้สึกจะเครียดมาก ดิฉันก็คิดว่ามันคงเป็นกรรมของพ่อสามีอาจจะไปทำกรรมอะไรไว้จึงต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ แต่ก็อยากจะช่วย ทุกวันนี้ดิฉันก็จะสวดมนต์ นั่งสมาธิและแผ่แมตตาให้พ่อสามีเสมอ ดิฉันอยากถามว่าจะมีวิธีไหนที่พอจะช่วยพ่อสามีให้พ้นเคราะห์กรรม สามารถหาย หรืออาการดีขึ้น อย่างน้อยก็ให้ฟื้นได้สติกลับมาก็ยังดี พอมีวิธีไหนช่วยได้บ้างไหมค่ะ หรือต้องปล่อยไปตามกรรม

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    ประสงค์ช่วยเหลือผู้ที่กำลังเสวยอกุศลวิบากผู้เป็นบริวารควรทำบุญใหญ่ ๆ เช่น ปฏิบัติจิตตภาวนา แล้วอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของผู้กำลังเสวยอกุศลวิบาก ถ้าบุญที่อุทิศมีกำลังมากกว่าบาปที่คนไข้ทำปาฏิหาริย์คือฟื้นขึ้นมามีสุขภาพเป็นปกติย่อมเป็นไปได้
  

681.
กราบเรียนถามปัญหาค่ะ

1. เราสามารถต่ออายุให้กับคนอื่นได้หรือไม่คะ หมายถึงถ้าเราอธิษฐานแบ่งอายุของเราให้กับคนอื่นจะได้หรือไม่คะ
2. การศึกษาธรรมมะ และการปฎิบัติธรรม โดยมีจุดประสงค์อยากที่จะพันทุกข์ อยากให้จิตสงบ และไม่หวั่นไหวต่อสิ่งต่างๆบนโลกนี้ถือว่าเป็นความอยากหรือเปล่าคะ มันจะเป็นอุปสรรคต่อการปฎิบัติธรรมหรือเปล่า บางครั้งรู้สึกว่าการที่ตัวเราปฎิบัติธรรมเหมือนเราต้องการหนีปัญหาหรือหนีทุกข์ แต่ในความรู้สึกก็เชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า จะมีวิธีปรับความคิดของตัวเราอย่างไรก่อนเริ่มการปฎิบัติอย่างจริงจัง เพื่อที่จะทำให้จิตแน่วแน่และเริ่มปฎิบัติได้อย่างถูกต้องและถูกทางคะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์ที่ช่วยตอบปัญหาให้ค่ะ

คำตอบ
    (1) ในทางโลกใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ยืดอายุของคนได้ แต่ในทางธรรมยืดอายุได้ด้วยการประพฤติกุศลกรรมด้วยตัวเอง ดังตัวอย่างของหญิงชราที่เป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย หมดรักษาโรคบอกว่าจะต้องตายในอีกไม่เกิน 5 เดือน แต่จากการได้รับคำแนะนำจากพระภิกษุผู้เฒ่า ให้เจริญอานาปานสติอยู่ทุกขณะตื่นที่นึกได้เจริญอยู่ทุกขณะที่ไม่มีงานภายนอกให้ทำ ขณะเดียวกันได้นำตัวเองเข้าไปเป็นผ้าขาวปฏิบัติธรรมอยู่ในวัด มีการสวดมนต์มีการฟังธรรมเป็นวัตรผลปรากฏว่าปฏิบัติธรรมอยู่ได้นานถึง 60 เดือน จึงได้ทิ้งขันธ์ลาโลกได้

ด้วยเหตุนี้ผู้ถามปัญหาจึงไม่สามารถแบ่งอายุให้กับคนอื่นได้ เพราะแต่ละคนมีกรรมเป็นของตัวเองแต่ผู้ถามสามารถแบ่งอวัยวะ เช่นบริจาคไตให้กับคนอื่น เพื่อยืดอายุให้คนไข้มีอายุยืนยาวออกไปได้แต่เมื่อดูให้ยาวไกลออกไปแล้วคนไข้ต้องทำกรรมดีมาก่อนจึงได้ไตคนอื่นมาช่วยยืดอายุ

   (2) ปัญหาในลักษณะเช่นที่ถามไปผู้ตอบปัญหาเคยถามท่านเจ้าคุณโชดกมาก่อนท่านตอบว่าความอยากเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถสัมฤทธิ์ผลได้อยากมีจิตสงบ ต้องเจริญสมถภาวนาอยากพ้นทุกข์ต้องเจริญวิปัสสนาภาวนาคือต้องสร้างเหตุให้ถูกตรงนั่นเอง

ดังนั้นเมื่อผู้ถามยังไม่มีประสบการณ์ด้วยตัวเองให้เชื่อคำบอกกล่าวจากผู้รู้ ทำตัวเองให้เหมือนคนโง่ ปฏิบัติให้ตรงตามคำบอกกล่าว แล้วการมีจิตสงบ มีจิตเป็นอิสระพ้นไปจากความทุกข์จึงจะเกิดเป็นจริงตามพุทธวจนะได้


  

680.
เรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

ดิฉันขอสอบถามปัญหา 1 ข้อค่ะ
หากมีเจ้าเมืองสั่งกองทัพไปรบเพื่อป้องกันเมืองจากการรุกรานของข้าศึก ระหว่างทางกองทัพขาดเสบียงอาหาร มีหนทางเดียวคือฆ่าคนเลี้ยงวัวตาย 3 คน จึงได้วัวมา 3 ตัว เพื่อเลี้ยงกองทัพและสามารถรบชนะข้าศึกป้องกันเมืองไว้ได้ ถามว่าในทางโลกเจ้าเมืองจะปูนบำเหน็ดหรือจะลงโทษทหารฐานฆ่าคนตาย

อาจารย์ช่วยชี้แนะในทางโลกและถูกต้องในทางธรรมให้ด้วยค่ะ
เพราะปัญหาลักษณะนี้มักเกิดกับผู้บริหารอยู่เสมอ

กราบขอบพระคุณค่ะ
อติกานต์

คำตอบ
    ในกรณีที่บอกเล่าไปเจ้าเมืองส่วนใหญ่มีสภาวะจิตเป็นปุถุชน จึงใช้ปัญญาทางโลกบริหารจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นเจ้าเมืองจะปูนบำเหน็จขุนทหาร ในกรณีที่รบชนะข้าศึกป้องกันเมืองไว้ได้จะไม่ลงโทษทหารฐานฆ่าคนตาย

ในทางตรงข้ามเจ้าเมืองที่มีคุณธรรมเมื่อรบชนะข้าศึกแล้ว จะม่จับเชลยศึกไว้เป็นเชลยจะปล่อยข้าศึกให้เป็นอิสระกลับสู่บ้านเมืองและครอบครัวของตน ดังตัวอย่างเจ้าหญิงจามเทวีแห่งกรุงละโว้รบชนะข้าศึกจากโกสัมพี ที่ยกกองทัพมาราวีกรุงละโว้ นับย้อนหลังจากนี้ไปหนึ่งพันสามร้อยปีเศษ หลังจากกองทัพละโว้รบชนะข้าศึกแล้วด้วยจิตเมตตาของพระนางฯผู้เป็นแม่ทัพ ได้ปล่อยเชลยโกสัมพีให้เป็นอิสระกลับสู่บ้านเมืองของตน

ผู้รู้จริงกล่าวว่า “ ผู้ใดมีกำลัง สามารถอดทนต่อผู้ด้อยกำลังได้ บัณฑิตกล่าวสรรเสริญความอดทนของผู้นั้นว่า..เป็นบรมขันติ ”
  

679.
กราบเรียน อาจารย์สนอง รบกวนอาจารย์ช่วยแนะนำด้วยค่ะ

   1. หนูฝันถึงญาติผู้พี่ที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ และได้เล่าเรื่องนี้ให้น้าซึ่งเป็นแม่ของพี่ฟังในวันพบญาติวันหนึ่ง ก็เลยได้ความว่าญาติผู้น้องคนหนึ่งก็ได้ฝันถึงพี่คนนี้เป็นเวลาติดต่อกันนานเกือบ 3 ปี น้องก็กลัวจนร้องไห้บ่อยๆ และเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา น้องก็ชอบไปปฏิบัติธรรมเกือบทุกเดือน ระหว่างนี้ก็ยังฝันถึงตลอด จนเมื่อช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา น้องได้ไปไหว้หลวงพ่ออยู่รูปหนึ่ง ท่านทักว่ามองเห็นหน้าของน้องเป็นหน้าซ้อนกัน มองไม่เห็นหน้าที่แท้จริงของน้องเลย สอบถามกันจนรู้ว่าพี่สาวคนนั้นมาอาศัยอยู่กับน้องและก็อยากให้น้องปฏิบัติธรรมโดยเขาก็จะไปปฏิบัติธรรมด้วย ที่จริงก็คือพี่เขาไปปฏิบัติธรรมโดยอาศัยร่างน้อง พระท่านบอกว่าปกติส่วนใหญ่ที่มีญาติมาขอส่วนบุญมักจะเกาะตามอวัยวะบางแห่งเท่านั้น แต่ของน้องมาแฝงในตัว พระท่านจึงบอกให้พี่สาวไปอยู่กับท่านและฝึกปฏิบัติธรรมในช่วงเข้าพรรษานั้น น้องสาวเองก็บอกให้พี่คนนั้นมาหาหนูแทนเพราะหนูชอบปฏิบัติธรรม (ความจริงหนูไม่ค่อยได้ปฏิบัติซักเท่าไร) ซึ่งก็บังเอิญมากที่ช่วงเวลานั้น หนูก็รู้สึกว่าเวลาเข้าห้องนอน อยู่ๆบางครั้งก็รู้สึกกลัวโดยไม่มีเหตุผล และชอบฝันคล้ายเป็นลางบอกเหตุล่วงหน้า จนแปลกใจตัวเองเหมือนกัน พอคุยเรื่องนี้กันในหมู่ญาติๆ ต่างก็แปลกใจว่าทำไมพี่ยังไม่ยอมไปเกิด ไม่ยอมไปเข้าฝันแม่หรือน้องๆ ของตัวเอง แต่กลับมาหาคนอื่น และช่วงหลังกลับชอบปฏิบัติธรรม แล้วก็ไม่กลัวพระด้วย ตอนนี้หนูก็เลยจะกลายเป็นคนขี้กลัวขึ้นมาบ้างหลังจากที่น้องบอกว่าให้เขามาหาหนู รบกวนอาจารย์ช่วยแนะด้วยค่ะ ทำอย่างไรถึงจะให้พี่เขาปฏิบัติธรรมได้เองโดยไม่ต้องมาอาศัยรูปนามคนอื่น เพราะเทวดาเองก็สามารถปฏิบัติธรรมได้ใช่ไหมคะ และทำไมเขาถึงไม่ไปเกิดใหม่ ซึ่งถ้าเขาชอบปฏิบัติธรรมแบบนี้ คิดว่าต้องได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีแน่

   2. เวลาสวดมนต์ ใจหนูจะรู้สึกเฉยๆ เป็นอุเบกขารมณ์ตลอด อยากให้อาจารย์แนะนำด้วยค่ะ ไม่ทราบว่าต้องวางใจอย่างไรคะ

   3. เป็นไปได้ไหมคะว่าจิตเราจะอยู่ในหลายๆ มิติได้ ณ ขณะเดียวกัน โดยปรากฎเป็นรูปนามที่ต่างออกไป อย่างหนูเคยฝันบ่อยว่าคล้ายมีเหตุการณ์แบบนี้ในประเทศไทยในสมัยปัจจุบันนี้แหละค่ะ แต่ไม่ใช่เมืองไทยแล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่เราจะไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริง แต่อาจารย์บอกว่าจิตเรามีหนึ่งเดียว ถ้าเป็นเทพพรหมชั้นสูงก็สามารถส่งจิตไปปรากฎตามที่ต่างๆ ได้ไวมากจนเหมือนท่านแบ่งภาคได้ แล้วคนธรรมดาจะทำได้ไหมคะ หรือหนูจะฟุ้งไปมาก แล้วทำไมเวลาฝันจึงมีความรู้สึกที่รุนแรงกว่าตอนตื่นคะ เช่น เศร้าใจก็จะเหมือนมาจากก้นบึ้งของหัวใจเลยค่ะ เป็นต้น แต่เวลาตื่นไม่มีความรู้สึกนั้นเลย

ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    (1) ทำบุญด้วยวิธีใดก็ตาม (ดูบุญกิริยาวัตถุ10) หลังจากทำแล้วควรอุทิศบุญให้กับญาติที่ตายไป อุทิศให้เขาบ่อย ๆ และบอกว่าไม่อนุญาตให้เขามาใช้รูปนามของคุณ คนที่ตายไปแล้วหากไปโอปปาติกะเป็นเทวดาหรือนางฟ้าเขาจะไม่เข้าใกล้มนุษย์ปุถุชนแต่หากตายไปแล้วเป็นสัตว์รอเกิด(สัมภเวสี) ที่ยังมีรูปลักษณ์เหมือนเดิมก่อนตาย เพียงแต่เป็นรูปนามทิพย์ที่ตาเนื้อตาหนังไม่สามารถสัมผัสได้รูปนามที่เป็นสัมภเวสียังมีโอกาสมาใช้ร่างของคนอื่นที่มีกำลังของสติยังไม่กล้าแข็งได้

   (2) สวดมนต์แล้วเกิดอุเบกขารมณ์ขึ้นกับจิตนั้นดีแล้วแต่จะให้ดียิ่งขึ้นขณะกล่าวคำสวดมนต์ต้องรู้ความหมายของบทสวด ว่าแต่ละตอนมีความหมายถึงอะไรหากเป็นเช่นนี้ความศรัทธาในคุณความดีของบทสวดมนต์ก็จะเกิดขึ้น

 (3) ในขณะจิตเดียวถ้าหมายถึงการเกิด-ดับของจิตเพียงครั้งเดียว จะไม่สามารถปรากฎรูปนามที่ต่างออกไปได้แต่ด้วยเหตุที่ตาสัมผัสรูปนาม เป็นเรื่องการทำงานของระบบประสาท ซึ่งทำงานได้ช้ากว่าการเกิด-ดับของจิตอย่างมาก จึงทำให้ตาเห็นคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงยกตัวอย่าง การเกิด-ดับของพลังงานแสงสว่างจากหลอดไฟฟ้าเกิด-ดับเร็วกว่าการทำงานของระบบประสาทตา ตาจึงเห็นว่ามีแต่แสงสว่างเท่านั้นมีปรากฏขึ้นแท้จริงแล้วพลังงานแสงสว่างเกิดดับเร็วมาก ตาสัมผัสการเกิด-ดับไม่ทัน แต่เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ตรวจวัดได้ว่าการเกิด-ดับ (สว่าง-มืด) นั้นมีอยู่จริง ด้วยเหตุนี้พระจุฬปันถกซึ่งมีความชำนาญในด้านมโนมยิทธิ(การใช้ฤทธิ์ทางใจ) จึงสามารถเนรมิตร (บันดาลให้เกิดมีขึ้น) รูปนามของท่านที่อยู่ในอิริยาบถต่าง ๆ มากถึง 1,000 ร่าง ให้ผู้อื่นสัมผัสเห็นได้ด้วยตา ซึ่งคนธรรมดาที่ไม่มีความชำนาญในมโนมยิทธิไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ แต่เทวดาเช่นท้าวสักกะ (พระอินทร์) สามารถเนรมิตรูปนามเป็นมนุษย์ มาล้างเท้าให้พระมหาสิวะ (มนุษย์) องค์อรหันต์ได้ นอกจากนี้ยังมีเทวดาผู้ใหญ่ในสวรรค์ทั้งหกชั้น รวมถึงท้าวมหาพรหมจากพรหมโลกสุตธาวาส ได้เนรมิตตัวเองให้เป็นรูปนามหยาบลงมาเยี่ยมอาการอาพาธของพระสารีบุตรในคืนวันที่จะดับรูปดับนามเข้านิพพาน
       

678.
เรียนท่านอาจารย์สนองค่ะ

  หนูมีคำถามที่อยากจะให้อาจารย์ช่วยตอบทีคะ
คือหนูได้อ่านหนังสือเรื่องทางสายเอกและยิ่งกว่าสุขเมื่อจิตเป็นอิสระ มีบางตอนที่หนูคิดว่าหนูจะเป็นอย่างนั้นคือสิ่งที่ทำให้การปฏิบัติวิปัสสนาเศร้าหมอง หนูได้เข้าฝึกกรรมฐานหลักสูตรคุณแม่ศิริ กรินชัย มา 2 ครั้งแล้ว จากการสอบอารมณ์วิทยากรบอกว่าหนูสมาธิมากจนเกินไป ทำให้เวลาทำสมาธิมักจะไปเห็นนู่น เห็นนี้แปลกๆ บางครั้งก็ไม่กล้าบอกใครกลัวเขาว่าเป็นบ้าคะ แล้วมีช่วงหนึ่งที่หนูรู้สึกว่าตัวโยก หรือเวลานั่งสมาธิวิทยากรมาเรียกจะไม่ได้ยินต้องใช้เวลาอยู่นานทีเดียว แต่หนูรู้สึกว่าการเข้าสมาธิแบบนี้มันสุขสบายจริงๆคะ ไม่รู้สึกเมื่อยหรือเจ็บปวดอะไร ซึ่งมันตรงกับที่อาจารย์เขียนไว้ในหนังสือว่าการติดสุขจะทำให้การปฏิบัติไม่ก้าวหน้า พอหนูกลับมาฝึกปฏิบัติที่หอพักเวลาเดินจงกลมไม่เป็นอะไรคะ แต่พอนั่งสมาธิทำไมจึงรู้สึกกลัวคะ

อาจารย์ช่วยแนะวิธีการปฏิบัติให้หนูด้วยคะ เพื่อเป็นแนวทางสามารถนำไปแก้ไขให้ถูกวิธี

ขอขอบพระคุณอย่างสูงที่ท่านอาจารย์จะกรุณาตอบคำถามของหนูคะ

คำตอบ
   หอพักเป็นสถานที่ไม่สัปปายะสำหรับคุณใช้เป็นสถานที่ฝึกจิตให้มีกำลังสติกล้าแข็ง จึงทำให้จิตมีกำลังของสติอ่อน ไปรับเอาสิ่งกระทบไม่ดีมาปรุงเป็นอารมณ์กลัวให้เกิดขึ้น เรื่องในลักษณะนี้ท่านเจ้าคุณโชดกเคยบอกกับผู้ตอบปัญหาว่า ถ้าจิตสัมผัสกับสิ่งใดแล้วทำให้กลัว ต้องลืมตาดูให้ชัดซึ่งผู้ตอบปัญหาได้ปฏิบัติตามจนรู้จริงในสิ่งที่เข้ากระทบจิตแล้วความกลัวหายไปได้จริง ดังนั้นเมื่อคุณใช้หอพักเป็นสถานที่ฝึกจิตลองพิสูจน์สัจธรรมที่เจ้าคุณโชดกแนะนำดูซิ
     

677.
ถึงอาจารย์สนองที่เคารพ

ดิฉันมีลูกชายอายุ 3 ขวบ 10 เดือน แต่ยังไม่พูด และ มีพัฒนาการช้า (ออทิสติก) ..การพัฒนาการดีขึ้น หลังจากรักษาปีกว่า แต่ยังพูดไม่เป็นคำ จะทำบุญอย่างไรเพื่อช่วยให้เขาพูดได้เร็วขึ้นคะ

Thanks & best regards

คำตอบ
    เรื่องนี้ต้องปรึกษาแพทย์ที่มีความรู้ด้านออทิสติกเพราะเขามีความรู้ความสามารถในทางนี้ มากกว่าผู้ตอบปัญหา เมื่อถามไปแล้วจึงขอแนะนำเพิ่มเติมว่า โรคกรรมที่พ่อแม่เคยทำร่วมกับลูก ทั้งพ่อและแม่ควรพัฒนาจิตตนเองให้เป็นผู้มีบุญใหญ่ (ปฏิบัติธรรม) อยู่เสมอ แล้วอุทิศบุญชดใช้หนี้เวรกรรมให้กับเจ้ากรรมนายเวรของลูกไปเรื่อย ๆ

อนึ่งการนำสัตว์ที่ถูกชะตาของลูกมาเลี้ยงอย่างดีให้ลูกได้สัมผัสกับสัตว์เลี้ยงบ่อย ๆ จะเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้
 

676.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

ดิฉันได้รับหนังสือของอาจารย์หลายเล่มจากกัลยาณมิตรคนหนึ่ง เมื่ออ่านแล้วรู้สึกประทับใจมาก และขอขอบพระคุณอาจารย์มากที่นำเรื่องดีๆ เหล่านี้มาเผยแพร่ให้ทราบกัน ดิฉันนำคำสอน ข้อเสนอแนะของอาจารย์ไปปฎิบัติตามหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการดูจิต ช่วยให้ดิฉันสามารถระงับความโกรธได้เร็วขึ้น เนื่องจากปกติเป็นคนโกรธง่าย ดิฉันขอถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ
  1. ปกติดิฉันจะถือศีลห้า โดยเฉพาะไม่ฆ่าสัตว์ เพราะสังเกตว่า ถ้าไปฆ่าสัตว์แม้แต่มดหรือแมลงตัวเล็กๆ โดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม จะเป็นแผลหรือเจ็บป่วยทันที ในขณะเดียวกัน เมื่อทำบุญอะไรก็ตาม ก็จะได้รับผลบุญทันทีเช่นกัน ทำให้ดิฉันหมั่นทำบุญ ทำทานอยู่เสมอ อยากทราบว่า ทำไมถึงได้รับผลบุญ และบาปเร็วมาก
  2. ดิฉันเริ่มสวดมนต์และนั่งสมาธิ ตามคำสอนจากหนังสือหลายๆเล่มเองที่บ้าน เพราะอยากจะเริ่มปฏิบัติเลย โดยที่ไม่ต้องรอโอกาส และเวลาที่จะไปเข้าอบรมที่สำนักไหน พอเริ่มปฏิบัติเองได้ไม่นาน ก็มีอาการเจ็บป่วยที่ดิฉันเชื่อว่า เกิดจากเจ้ากรรมนายเวรมาทวง เพราะเห็นด้วยตาเลยค่ะ ทำให้นึกขึ้นได้ว่า สมัยเด็กๆเคยรังแกสัตว์อะไรมา เมื่อได้ขอขมาแล้ว อาการเจ็บป่วยก็หายเป็นปลิดทิ้ง หลังจากนั้น ยังมีอาการเจ็บป่วยแปลกๆเกิดขึ้นอีกหลายครั้ง ทำให้เกิดกลัวมาก จึงหยุดนั่งสมาธิไปพักใหญ่ ตอนนี้อยากกลับมาปฏิบัติอีก แต่อีกใจก็กลัว รบกวนให้อาจารย์ช่วยแนะนำด้วยค่ะ และเราจะรู้ได้อย่างไรว่าที่ปฏิบัติเองนั้นถูกหรือผิด ถ้าผิดจะมีโทษไหมคะ
  3. ดิฉันเคยปวดคอมากระหว่างที่เดินทางไปต่างประเทศ ทันทีที่เครื่องบินแตะพื้นของประเทศนั้น คอก็ปวดอย่างรุนแรงทันทีจนขยับคอไม่ได้ ไม่ว่าจะกินยา หรือทายาอย่างไรก็ไม่หายตลอดระยะเวลาที่พักอยู่ที่นั่น ก่อนกลับ จึงฉุกคิดได้และอธิษฐานบอกต่อเจ้ากรรมนายเวร ว่าจะทำสังฆทานไปให้เมื่อกลับถึงเมืองไทยแล้ว ดูเหมือนว่าเค้าจะยอมยกโทษให้ เพราะวันที่เดินทางกลับก็หายเป็นปกติ อยากถามอาจารย์ว่า เจ้ากรรมนายเวรของเราอยู่ต่างประเทศได้ด้วยหรือคะ หรือว่าจะตามเราไปจากที่นี่ และทำไมถึงเจ้ากรรมนายเวรถึงรู้จักการทำสังฆทาน ทั้งๆที่ประเทศนั้นไม่ใช่เมืองพุทธ

กราบขอบพระคุณในความกรุณาของอาจารย์ ที่ช่วยตอบคำถามค่ะ

คำตอบ
  (1) ท่านเจ้าคุณโชดก เคยพูดกับผู้ตอบปัญหาว่าเมื่อใดที่พัฒนาจิตจนมีความบริสุทธิ์เพิ่มขึ้น ให้ระมัดระวังพฤติกรรมที่เป็นทั้งบุญหรือบาปจะให้ผลเร็ว และให้ผลรุนแรงกว่าคนที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมหลายเท่า ซึ่งผู้ตอบปัญหาเห็นตรงตามนั้น

(2) ปฏิปทาที่ดำเนินถูกทางแล้ว จงทำต่อไป ทุกครั้งที่สวดมนต์และปฏิบัติธรรมแล้วเสร็จต้องอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของตัวเองไปเรื่อย ๆ ผู้ตอบปัญหายังต้องปฏิบัติดังเช่นที่แนะนำมาอยู่เรื่อย ๆ เพราะเจ้าหนี้เวรกรรมที่ผูกเวรกันไว้ในแต่ละภพที่เกิดมีมากจนมิอาจชดใช้หนี้กรรมได้หมด

(3) โรคที่เกิดจากกรรม เป็นโรคที่แพทย์แผนปัจจุบันมิอาจรักษาให้หายได้ เจ้ากรรมนายเวรมีอยู่ทั่วสากลจักรวาลเพียงแต่ว่าจะให้ผลเมื่อใดขึ้นอยู่กับ เจ้าหนี้กรรม-ลูกหนี้กรรมโคจรมาพบกันเมื่อใด ก็จะเกิดการทวงหนี้และการชดใช้หนี้เวรกรรมขึ้นเมื่อนั้น

สังฆทานคือการให้ทานกับหมู่สงฆ์ให้แล้วมีอานิสงส์เป็นบุญบุญคือความดี กุศล ความสุข ฯลฯ สภาวะของบุญเช่นความสุขมีความเป็นสากล สรรพสัตว์ทั่วสากล พิภพ สามารถรับรู้ได้เหมือนกันหมด
 

675.
กราบเรียนถามอาจารย์ ดร.สนองค่ะ

ขอความกรุณาอาจารย์ชี้ทางพ้นทุกข์จากโรค
   หนูป่วยด้วยโรค binge-eating disorder อยากทราบว่า 1) เหตุเพราะได้เคยทำกรรมอะไรไว้ และ 2) จะแก้กรรมได้อย่างไร หนูได้เคยฟังที่อาจารย์พูดว่าพวกโลภนั้นเป็นเปรต หนูเห็นจริงเลยค่ะ และอยากแก้ไขพฤติกรรมไม่ดีนี้ให้หมดไป
   จึงอยากเรียนถามเพื่อขอความกรุณาจากอาจารย์ ชี้ทางพ้นทุกข์จากโรคนี้ให้หนูด้วย

ด้วยความเคารพและขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    (1) เหตุที่ทำให้เกิดคือความเห็นผิดและการมีอัตตาจึงส่งผลเป็นความโลภ แสวงหาสิ่งต่าง ๆ มาไว้กับตนจนเกินพอดีที่จะบริโภคได้หมด

   (2) กรรมนี้จะหมดไปได้ต้องเชื่อแล้วทำตามผู้รู้บอกกล่าวคือ ให้วัตถุที่สามารถบริโภคได้ให้เป็นทานอยู่เสมอ และดับอัตตาให้หมดไปด้วยการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งแล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งพิจารณาขันธ์ 5 ให้ดับตามกฎไตรลักษณ์
  

674.
เรียนอาจารย์ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพครับ

   ผมเคยบวชพระหนึ่งพรรษา ที่สำนักวิปัสสนาสำนักหนึ่ง ได้ปฏิบัติกรรมฐานตามสติปัฎฐาน 4 ได้เข้าเก็บอารมณ์ประมาณ 2 เดือน เดือนแรกสามารถปฏิบัติจนผ่านรอบแรกได้ พระอาจารย์ให้อธิฐานเพื่อขึ้นรอบสอง แต่พอรอบสองไม่สามารถปฏิบัติผ่านได้ สภาวะขึ้นๆ ลง อยู่ประมาณ 5 ครั้ง จนสุดท้ายหมดแรง เนื่องจากปวดศรีษะมาก แล้วก็อาเจียน(มีแต่ลม)ไม่ยอมหยุด แค่กำหนดอิริยาบทย่อยก็ปวดหัว และอาเจียนแล้ว จนพระอาจารย์ต้องให้หยุดเพราะใกล้ออกพรรษา และต้องใช้เวลาคลายด้วยครับ

คำถาม
   1. อาจารย์จะมีข้อแนะนำอย่างไรบ้างครับ
   2. ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดประการใด หรือมีกรรมเก่าใด เช่น ผิดศีล, รบหลู่ผู้มีคุณธรรม, ฯลฯ
   3. ผมควรจะปฏิบัติอย่างไรต่อไปดีครับ

กราบของพระคุณด้วยความเคารพครับ

คำตอบ
    (1) เพื่อให้พ้นจากปัญหาที่บอกเล่าไปต้องอุทิศบุญกุศล ให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่แผงมาในรูปของขันธมาร (ปวดศีรษะอาเจียน) อุทิศให้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าหนี้เวรกรรมจะหมดไป แล้วเจริญพละ 5 ให้มีกำลังกล้าแข็งอยู่มาร

   (2) ต้องทำตัวเองให้เป็นผู้มีศีล 5 บริสุทธิ์คุมใจอยู่ทุกขณะตื่นและขอขมากรรมต่อพระรัตนตรัย ต่อพ่อแม่ ครูอาจารย์ฯลฯ

   (3) ทำตัวเองให้เป็นผู้มีศีล มีสัจจะ มีความเพียร และประพฤติอยู่แต่ในกุศลธรรม
  

673.
เรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

ดิฉันแปลกใจที่ บุคคลเพศที่ 3
สามารถปฏิบัติธรรมได้แต่จะให้เข้าถึงความเป็นอริยบุคคลยังไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยเหตุที่การชดใช้อกุศลวิบากยังไม่จบสิ้น แสดงว่าคนที่ทำกรรมหนักกว่าเช่น ฆ่าคน ฆ่าสัตว์ โกงชาติ ขายแผ่นดิน หากได้เกิดเป็นมนุษย์แล้วบุคคลเหล่านี้สามารถปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงความเป็นอริยบุคคลได้ หมายความว่าบุคคลพวกหลังนี้ได้ชดใช้อกุศลวิบากหมดไปแล้วใช่หรือไม่ แล้วคนที่ฆ่าคน หรือโกงชาติ ขายแผ่นดิน ซึ่งทำบาปในชาตินี้เขาก็สามารถปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงความเป็นอริยบุคคลได้ ใช่หรือไม่ค่ะ แล้วคนที่ผิดศีลข้อ 3 ในปัจจุบันสามารถ ปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงความเป็นอริยบุคคลได้หรือไม่ค่ะ

กราบขอบพระคุณค่ะ
อนันยา

คำตอบ
    การเข้าถึงความเป็นอริยบุคคล เกิดขึ้นจากเหตุที่ทำในชาติปัจจุบัน และบุญบารมีเก่าส่งผล ดังตัวอย่างของสาวงามสิริมาโสเภณีแห่งแคว้นมคธ ได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์ และบุญบารมีเก่าที่ทำไว้แต่ปางก่อนส่งผล ทำให้บรรลุโสดาบันจึงได้เลิกอาชีพทุศีลข้อ 3

   คนที่ฆ่าสัตว์ โกงชาติ โกงแผ่นดิน ฯลฯและได้ชดใช้หนี้เวรกรรมในอบายภูมิหมดสิ้นแล้ว เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งและมีบุญบารมีเก่าสนับสนุน ยังมีโอกาสเข้าถึงธรรมที่ทำให้เป็นอริยบุคคลได้ ดังตัวอย่างของพระเจ้าอชาตศัตรู ที่จับพ่อ (พระเจ้าพิมพิสาร) ขังคุกจนตาย แม้จะสำนึกผิดแล้วเป็นองค์อุปถัมภ์การทำปฐมสังคายนาพุทธศาสนา ก็ยังไม่สามารถปกป้องตัวเองให้พ้นจากการไปเกิดเป็นสัตว์นรกได้ เมื่อใดชดใช้หนี้เวรกรรมในนรกได้หมดสิ้นแล้ว จึงจะมีโอกาสกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ได้อีกและด้วยบุญบารมีที่ทำปฐมสังคายนาไว้จะผลักดันให้เขาบรรลุความเป็นปัจเจกพุทธเจ้าได้

   ดังนั้นคนที่ฆ่าคน โกงชาติ ขายแผ่นดินฯลฯ ซึ่งได้ทำบาปในชาติปัจจุบัน หากกำลังของบุญบารมีที่ทำสั่งสมมาแต่ชาติปางก่อน มีกำลังไม่กล้าแกร่งไปกว่ากำลังของบาปจะถูกแรงกรรมผลักดันลงไปเกิดเป็นสัตว์ในนรก จึงไม่สามารถบรรลุธรรมเป็นอริยบุคคลในชาติปัจจุบันได้

   ส่วนคนที่ประพฤติผิดศีลข้อ 3 ในชาติปัจจุบันจะบรรลุธรรมขั้นสูงได้หรือไม่ ต้องดูสิริมาโสเภณีเป็นตัวอย่าง มีบุญบารมีเก่าส่งผลและได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์จึงบรรลุโสดาบัน แล้วจึงเลิกอาชีพโสเภณี
    

672.
เรียนถามอ.สนองค่ะ

   1. เวลาที่เราต้องการแผ่เมตตาโดยที่ขณะนั้นไม่ได้เป็นช่วงที่พึ่งประกอบสิ่งที่มีบุญเสร็จ เช่น เดินอยู่แล้วรู้สึกว่าบริเวณนี้น่าจะมีอมนุษย์อยู่แล้วอยากจะแผ่เมตตาให้ เราควรมีจิตตั้งมั่นเพียงแค่เมตตาจิตแล้วแผ่ให้อย่างเดียว หรือควรจะระลึกถึงความดีที่เคยประกอบมาเพื่อจะได้มีบุญมากขึ้นแล้วค่อยอุทิศให้ ถ้าเราฟุ้งระหว่างที่กำลังคิดถึงความดีเพื่อจะเอามาแผ่เมตตาจะยิ่งเป็นบาปหรือมิจฉาทิฏฐิหรือไม่คะ แล้วถ้าเรากำลังอยู่ในอารมณ์กำหนดอิริยาบทย่อยอยู่ถือว่ามีกุศลมากพอที่จะใช้แผ่เมตตาได้เลยหรือไม่คะ

   2. ทุกครั้งที่ไม่ว่าอาจารย์เองหรือพระอาจารย์ครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆสอน ให้ความรู้ หรือกล่าวเลยว่าถึงต้องการบรรลุซึ่งธรรมสูงสุด หนูก็จะกราบขอบพระคุณทุกครั้ง ร่วมอนุโมทนาการให้ธรรมทานของทุกท่าน รวมทั้งส่งปรารถนาจิตว่าให้ทุกท่านนั้นได้บรรลุมรรคผลนิพพานโดยเร็ว การขอเช่นนี้เป็นการเหมาะสมหรือไม่คะ เพราะจริงๆแล้วก็อาจเป็นคล้ายๆกับเด็กไปอวยพรให้ผู้ใหญ่

   3. พยายามที่จะประพฤติตนให้ศีล5ถึงพร้อมตามที่ครูบาอาจารย์ทุกท่านแนะนำ โดยเฉพาะข้อ1.มีความมั่นใจมากและตั้งใจว่าจะไม่ให้พร่องเลยเพื่อจะได้ใช้เป็นเหตุไว้แผ่เมตตาให้ผู้ป่วยที่ดูแลอยู่ได้ พึ่งรู้สึกตัวเมื่อไม่กี่วันนี้ว่าได้สั่งยาฆ่าพยาธิไปหลายครั้งโดยไม่ได้รู้สึกตัวว่าตั้งใจจะฆ่า(ใบสั่งยาเป็นแบบสำเร็จรูปว่าผู้ป่วยที่จะได้ยากดภูมิคุ้มกันทุกครั้งจะต้องได้ยาถ่ายพยาธิก่อน ไม่เช่นนั้นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต) วันก่อนสั่งยาด้วยเจตนาที่จะ"ฆ่า"จริงๆจึงระลึกถึงคำอาจารย์ได้ว่าพยาธิก็เป็นสัตว์ที่มีจิต ย่อมผิดศีลข้อปาณาติปาตแน่นอน พยาธิเป็นสัตว์ที่มีจิตจริงใช่หรือไม่คะ ถ้าเช่นนี้ครั้งก่อนๆที่หนูฆ่าเค้าไปโดยไม่มีเจตนาก็ถือว่าเป็นศีลพร่องอยู่หรือไม่ สำหรับครั้งนี้พิจารณาแล้วว่ามีความจำเป็น ได้แต่ขออโหสิกรรมให้เขารับทราบและไปเกิดในภพภูมิที่ดีขึ้นจะพอช่วยได้หรือไม่ อาจารย์มีคำแนะนำอย่างไรบ้างคะเพราะหนูคงต้องสั่งยาเช่นนี้อีกตลอดอาชีพแพทย์และยังหาทางหลีกเลี่ยงไม่ออก

   กราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    (1) ผู้ใดมีจิตเมตตาอยู่แล้ว สามารถแผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์ได้ทุกเวลาที่ปรารถนาจะแผ่ให้ เมตตากับบุญเป็นคนละเรื่องกันโปรดอ่านรายละเอียดในเว็บไซด์ ข้อ 518 (2)

อนึ่งการแผ่เมตตาหรืออุทิศบุญกุศลให้สรรพสัตว์ ขณะจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิจะแผ่หรือส่งผลบุญไปได้ไกลกว่าจิตที่ไม่ตั้งมั่น

   (2) การอนุโมทนาในความดีของผู้อื่น ผู้อนุโมทนาได้บุญส่วนการส่งจิตปรารถนาให้ผู้อื่นบรรลุถึงความดี (นิพพาน) เป็นการเจริญเมตตาของผู้ส่ง

   (3) ใช่ ศีลยังพร่อง พยาธิเป็นสัตว์ที่มีรูปนาม เมื่อจำเป็นต้องใช้ยาฆ่าพยาธิ ก่อนใช้ยาต้องขออโหสิกรรม ถ้าเขายกโทษให้จะไม่มีการจองเวรเกิดขึ้น การสั่งยาให้คนไข้รับประทานไม่ถือเป็นบาปแต่ถ้าพยาธิไม่ยกโทษให้ถือว่าเป็นบาป ฉะนั้นหากยังมีความจำเป็นต้องประกอบอาชีพนี้จะได้ทั้งบุญและบาป จึงควรทำบุญอยู่เสมอแล้วอุทิศบุญใช้หนี้เวรกรรมไปเรื่อย ๆ ตราบที่ยังประกอบอาชีพนี้อยู่ เพื่อให้เจ้าหนี้เวรกรรมตามทวงหนี้ไม่ทัน
  

671.
เรียนอาจารย์ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพค่ะ

ขอเรียนถามปัญหาดังนี้ค่ะ
คนท้องสามารถนั่งสมาธิเดินจงกรมได้ไหมค่ะ และถ้านั่งจะมีอันตรายหรือผลข้างเคียงต่อเด็กในครรภ์ไหมค่ะ ถ้าไม่ได้ควรจะทำอย่างไรทดแทนการนั่งสมาธิได้บ้างค่ะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์ด้วยความเคารพค่ะ

คำตอบ
    เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของทารกในครรภ์ถ้ายังนั่งสมาธิได้สะดวก เดินจงกรมไม่สะดวกก็จงปฏิบัติต่อไป เมื่อใดที่นั่งขัดสมาธิไม่สะดวกให้เปลี่ยนไปนั่งบนเก้าอี้แทน หรือเดินจงกรมหรือนอนกำหนดลมหายใจ หรือใช้อิริยาบถย่อยอื่น กิน ดื่ม พูด ฟัง ฯลฯ ด้วยการมีจิตจดจ่อ ก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรมได้ดังนั้นต้องเลือกอิริยาบถเองตามความเหมาะสม
  

670.
เรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

    ถ้าในชาตินี้ทั้งตัวดิฉันเองและสามีตั้งใจจะไม่มีลูก (คุมกำเนิด) จะเป็นบุญหรือเป็นบาป และ/หรือจะส่งผลต่อชีวิตในภพภูมิข้างหน้าหรือไม่ อย่างไรคะ

ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ค่ะ
    ด้วยความนับถืออย่างสูง
      ณัฏฐารมย์ เอกสมุทรชัย

คำตอบ
   ในกรณีที่ผู้ถามเป็นฆราวาสนับถือพุทธศาสนาหากมิได้ประพฤติตามบุญกิริยาวัตถุ 10 ไม่ถือว่าเป็นบุญ และหากมิได้ละเมิดศีล 5 ไม่ถือว่าเป็นบาป

ทั้งสามีและภรรยาเห็นพ้องต้องกันที่จะไม่มีลูก ถึงใช้วิธีคุมกำเนิดในกรณีที่ 1 สเปริมกับไข่ไม่สามารถผสมกันได้ ตัวอ่อนยังไม่เกิดยังไม่มีจิตวิญญาณจับจองเข้าอยู่อาศัย กรณีที่ 2 สเปริมเข้าผสมกับไข่แล้ว ตัวอ่อนเกิดขึ้นแล้วมีจิตวิญญาณจับจองแล้ว และกรณีที่ 3 สเปริมเข้าผสมกับไข่แล้วตัวอ่อนเกิดขึ้นแล้วมีจิตวิญญาณเข้าอยู่อาศัยแล้ว

การคุมกำเนิดในกรณีที่ 2 เป็นการทำลายบ้านที่มีจิตวิญญาณจับจองแล้วเกิดการจองเวรขึ้นถือว่าเป็นบาป การคุมกำเนิดในกรณีที่ 3 เป็นบาปด้วยผิดศีล ข้อปาณาติบาต

การกระทำที่เข้าข่ายกรณีที่ 2 และ 3 จึงมีผลสืบต่อในวันข้างหน้าเมื่อกรรมถึงวาระให้ผลความเจ็บป่วยของร่างกายความวิบัติของชีวิตคือผลที่ผู้ทำต้องรับ
  

669.
เรียน อ.ดร.สนอง รบกวนถามปัญหาดังต่อไปนี้

1. พอดีดิฉันสวดมนต์บทมหาเมตตาใหญ่แล้วเจอคำบาลีบางคำที่เมื่ออ่านคำแปลแล้วก็ยังไม่เข้าใจความหมายรบกวนถามอ.ดังนี้คะ
   - ปาณะ บทสวดแปลว่าปาณา แล้วมันหมายความว่าอะไรคะ
   - อัตตะภาวะประริยาปันนา บทสวดแปลว่า อัตภาพ แล้วมันหมายความว่าอะไรคะ
   - วินิปาติกะ บทสวดแปลว่า วินิปาติกา แล้วมันหมายความว่าอะไรคะ

2. เรียนถามเรื่องการนั่งวิปัสสนากรรมฐาน
   - การนั่งกรรมฐานจริงๆแล้วเราต้องการผลลัพธ์คืออะไรคะ ฝึกจิตใจให้เราสงบ / เพื่อให้ได้บุญกุศล / หลุดจากวัฎสงสาร หรืออะไรกันแน่คะ ดิฉันเคยได้ยินว่าสามารถแก้กรรมหรือผ่อนกรรมได้ใช่ไหมคะ

   - การนั่งวิปัสสนากรรมฐานจำเป็นต้องเดินจงกรมหรือไม่ ดิฉันเคยไปฝึกที่วัด ท่านจะสอนให้เดินควบคู่กับการนั่ง แล้วดิฉันมาปฏิบัติเองที่บ้าน นั่งอย่างเดียว ไม่ได้เดินคะจะถือว่าไม่ครบสมบูรณ์หรือเปล่า

   - การเข้ากรรมฐาน 7 วัน จำเป็นต้องเข้าที่วัดอย่างเดียวหรือไม่ ถ้าทำที่บ้านจะได้หรือไม่

   - ดิฉันนั่งสมาธิมาประมาณ 1 เดือน มาระยะหลังๆรู้สึกว่าพอจิตเริ่มนิ่งแล้ว (แต่จิตยังไม่ว่างถึงขั้นเป็นสมาธิ) บริเวณหน้าผากมันจะหน่วงๆ ระยิบระยับบนหน้าผาก เหมือนมีพลังงานอะไรมารวมอยู่บริเวณหน้าผาก รบกวนอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยว่าปรากฎการณ์นี้คืออะไร

3. ศีลอุโบสถกับศีล 8 ต่างกันอย่างไรคะ และข้อเรื่องการประพฤติผิดในกามในศีล 5 และศีล 8 ต่างกันอย่างไรคะ

ขอบคุณอาจารย์คะ

คำตอบ
    (1) คำว่าปาณาหมายถึง สัตว์ที่มีลมปราณมีลมหายใจ มีชีวิต
     คำว่า อัตภาพ หมายถึงลักษณะความเป็นตัวตนหรือหมายถึงตน
     คำว่า วินิปาติกา หมายถึง สัตว์ที่ถูกทรมานหรือสัตว์ที่ตกอยู่ในที่ที่ปราศจากความเจริญ (อบาย)

   (2) การนั่งเป็นอิริยาบถหนึ่งของการฝึกกรรมฐานคือฝึกจิตให้มีความพร้อมที่จะทำงานระดับสูง ได้แก่ ฝึกจิตให้มีความตั้งมั่นเป็นสมาธิและฝึกจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง นั่นคือเป้าหมายของการนั่งกรรมฐาน

การฝึกกรรมฐาน (จิตตภาวนา) เป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10และเป็นบุญสูงสุด เพราะเมื่อจิตเห็นแจ้งและเข้าถึงธรรมที่ทำให้พ้นไปจากการเวียนตาย-เวียนเกิดได้แล้ว ผู้มีสภาวะของจิตเช่นนั้นสามารถนำพาชีวิตพ้นไปจากความทุกข์ได้

บุญที่เกิดจากการฝึกกรรมฐานมีอานิสงส์มากสามารถอุทิศใช้หนี้เวรกรรมได้ดีกว่าบุญอย่างอื่น และเมื่อใดดับรูปดับนามเข้าสู่ภาวะนิพพานไปแล้วหนี้เวรกรรมที่เหลือเป็นอันยกเลิก

การฝึกกรรรมฐานสามารถทำได้ในทุกอิริยาบถของมนุษย์ เช่น ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม พูด ฟัง ฯลฯ ฉะนั้นฝึกนั่งกรรมฐานเพียงอย่างเดียวแต่อิริยาบถอื่นไม่นำมาใช้ในการฝึก เท่ากับปล่อยโอกาสของการฝึกจิตให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์

การฝึกกรรมฐาน 7 วัน จะทำที่ไหนก็ได้ แต่สถานที่ใดมีความเหมาะสม (สัปปายะ) มากกว่า สถานที่นั้นให้ประโยชน์ในการฝึกจิตได้มากกว่า

คำว่า สมาธิ มิได้หมายถึงจิตมีความว่าง แต่หมายถึงจิตที่มีความสงบตั้งมั่นอยู่กับอารมณ์ปัจจุบัน อาการที่เกิดขึ้นกับหน้าผากเป็นผลมาจาก จิตมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับหนึ่งควรกำหนดว่า “ รู้หนอ ๆๆๆ ” กับอาการที่เกิดขึ้นกำหนดไปเรื่อย ๆ จนกว่า อาการระยิบ ระยับบนหน้าผากจะหายไป แล้วดึงจิตกลับมาสู่องค์บริกรรมเดิม

   (3) ศีลอุโบสถหมายถึงศีล 8 ที่รักษาเป็นพิเศษในวันพระส่วนศีล 8 เป็นศีลที่ใช้ฝึกตนให้ยิ่งขึ้น

ศีล 5 ข้อที่สาม เว้นจากการประพฤติผิดในกามหมายถึงเว้นจากการร่วมประเวณีกับหญิงหรือชาย ที่เจ้าของยังมิได้อนุญาตซึ่งในเรื่องอย่างเดียวกันนี้ มีปรากฏอยู่ในศีล 8 ให้เว้นจากการประพฤติผิดพรหมจรรย์หมายถึงเว้นจากการร่วมประเวณีกับหญิงหรือชายที่เจ้าของอนุญาตแล้วหรือที่เป็นของตนตามนิตินัย    
  

668.
เรียนอาจารย์ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพค่ะ

ขอเรียนถามปัญหาดังนี้ค่ะ
การพิจารณาการเกิด-ดับ
สามารถเริ่มพิจารณาเห็นการเกิด-ดับได้ในชีวิตประจำวันหรือไม่
หรือต้องเริ่มจากการปฏิบัติกรรมฐานก่อนแล้วจึงจะเห็นการเกิดดับ

กราบขอบพระคุณอาจารย์ด้วยความเคารพค่ะ

คำตอบ
    ทุกอิริยาบถที่เป็นปัจจุบันของชีวิตประจำวันสามารถนำมาพิจารณาให้เห็นถึงการเกิด-ดับได้
    

667.
กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนองที่เคารพ

หนูขอเรียนถามว่า หากเจอเงินหรือเหรียญเงินที่ตกอยู่ในที่สาธารณธะ สามารถที่จะเก็บมาเพื่อนำไปทำบุญ เช่นให้ต่อขอทาน หรือหย่อนในตู้บริจาคต่อได้หรือไม่ หนูไม่มีเจตนาที่จะเก็บมาเป็นของตน อย่างนี้จะผิดศีลและธรรมหรือไม่ อย่างไร ขออาจารย์ได้โปรดให้ความกระจ่างเพื่อป้องกันภัยเวรที่เกิดจากการู้เท่าไม่ถึงการณ์ด้วยค่ะ

หนูกราบขอบพระคุณในความเมตตาของอาจารย์ที่สละเวลามาตอบคำถาม และหากมีสิ่งใดที่ได้ล่วงเกินท่านอาจารย์ไปด้วยกายวาจาใจก็ดี ด้วยความไม่ตั้งใจก็ดี ขออาจารย์ได้โปรดให้อภัยและอโหสิกรรมให้หนูด้วยค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
    ที่ถามไปเป็นการกระทำที่ไม่ผิดศีลไม่ผิดธรรมทำแล้วควรอุทิศบุญกุศลที่เกิดขึ้นส่งไปให้กับเจ้าของทรัพย์ที่ตกหล่นไว้

   หากเป็นทรัพย์มีค่าและมีจำนวนมากต้องประกาศหาเจ้าของเพื่อส่งคืนเมื่อถึงเวลาที่สมควรแล้วยังไม่มีเจ้าของมาขอรับคืนจึงนำไปทำบุญดังที่บอกเล่าไปได้
 

666.
กราบเรียนท่านอ.ดร.สนอง

ดิฉันเคยไปปฏิบัติธรรมที่สำนักปฏิบัติธรรม (จำชื่อไม่ได้อยู่ จ.ฉะเชิงเทรา) 2 คืน 3 วัน และได้มาปฏิบัติต่อที่บ้านแต่ไม่ได้ทำทุกวัน นาน ๆ จะนั่งสมาธิ และเดินจงกรม แต่ดิฉันจะสวดมนต์คาถาชินบัญชรทุกคืน มีอยู่วันหนึ่งดิฉันได้นั่งสมาธิพอนั่งได้ซักพักเริ่มรู้สึกว่าในขณะที่นั่งสมาธิอยู่นั้นร่างกายค่อย ๆ หมุน และเริ่มหมุนเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ดิฉันพยามตั้งสติดูการหมุน และนึกในใจว่า หมุนหนอ หมุนหนอ แต่ก็ไม่หยุดหมุน ดิฉันจึงได้มาดูลมหายใจโดยใช้ภาวนาว่า พอง ยุบ ๆ ไปเรื่อย ๆ แต่ร่างที่นั่งสมาธิอยู่นั้นก็ยังหมุนอยู่เรื่อย ๆ ประมาณ 10 กว่านาที จนกระทั่งดิฉันคิดว่าจะถอนสมาธิแล้ว ดิฉันจึงอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร และคนที่ดิฉันเคารพรัก แล้วค่อย ๆ ถอนสมาธิออก ร่างก็ค่อย ๆ เริ่มหมุนช้าลง ๆ และหยุดหมุน ตอนที่ไปปฏิบัติที่สำนักปฏิบัติธรรมก็ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย แต่เคยเป็นครั้งหนึ่งตอนที่ดิฉันสวดมนต์บทอิติปิโสเทาอายุแต่ตอนนั้นรู้สึกกลัว แต่ครั้งนี้ไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะเคยเป็นแบบนี้ครั้งหนึ่งแล้วประกอบกับที่ดิฉันไปไปปฏิบัติธรรมมาเลยพอควบคุมสติได้บ้าง

ดิฉันอยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า
   1.การที่ร่างหมุนขณะนั่งสมาธินั้น (ไม่ได้มองเห็นแต่รู้สึกได้ว่าร่างหมุนเร็วมาก) คืออะไร ดีหรือไม่ดีค่ะ
   2.ดิฉันต้องปฏิบัติอย่างไรต่อไป ถ้าหากว่านั่งสมาธิแล้วร่างหมุนอีก

ขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    (1) ขณะนั่งเจริญสติเพื่อให้จิตเข้าสู่ความตั้งมั่นเป็นสมาธิ แล้วเกิดอาการหมุนของร่างกายแสดงว่าสติเคลื่อนออกจากองค์ภาวนาแล้วไประลึกรู้อาการหมุนของร่างเป็นสิ่งที่ไม่ดี

   (2) เมื่อใดจิตระลึกได้ในอาการหมุนของร่างต้องกำหนด “ หมุนหนอ ๆๆๆ ” ไปเรื่อยๆ แม้จะเป็นจำนวนร้อยหรือหลายร้อยครั้งจนกว่าอาการหมุนจะหยุด แล้วดึงจิตกลับมาสู่องค์ภาวนาเดิม
  

665.
กราบเรียนถามท่านอาจารย์ คร.สนอง วรอุไร

ทำอย่างไรถึงจะขจัดความเกียจคร้านออกไปจากตัวได้คะ บางครั้งเวลาจะสวดมนต์หรือนั่งสมาธิ ความรู้สึกขี้เกียจก็เกิดขึ้น แต่โดยปกติหนูจะสวดมนต์ทุกคืนอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้นั่งทำสมาธิทุกว้น จะขยันตั้งใจปฎิบัติเป็นบางช่วงเท่านั้น เวลาตั้งใจปฎิบัติก็เหมือนกับต้องมีสิ่งมากระตุ้น เช่นเวลาที่หนูฟังธรรมมะบรรยายของอาจารย์ หรือเวลาที่หนูได้อ่านหนังสือธรรมมะ มันทำให้หนูรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากและไม่พอใจตัวเองที่ทำไมเป็นคนไม่มีความพยายามและไม่มีความเพียรอย่างจริงจัง หนูไม่อยากเป็นคนที่ประมาทในชีวิต ไม่ทราบว่าอาจารย์พอจะมีข้อคิด หรือข้อเตือนใจที่จะให้หนูได้นำไปปฎิบัติเพื่อขจัดความรู้สึกนี้ได้ไหมคะ
รบกวนอาจารย์ช่วงชี้แนะให้ชีวิตหนูได้พบแสงสว่างด้วยนะคะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    เมื่อใดที่ผู้ถามสามารถคุมวาจาให้เป็นสัมมาวาจาคือพูดไม่เท็จ ไม่หยาบ ไม่ส่อเสียด และไม่เพ้อเจ้อไร้สาระกับชีวิต ลดแบกภาระของผู้อื่น คือลดการเอาเรื่องของคนอื่นมาเป็นเรื่องของตน ทำเป็นไม่เห็นเสียบ้าง ฯลฯ แล้วความขี้เกียจจะลดลง จะประพฤติเช่นนี้ได้ต้องเจริญสติให้มีกำลังมากยิ่งขึ้นด้วยการเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งในกรรมฐาน 40 ที่เหมาะกับจริต มาเป็นองค์บริกรรมทุกขณะที่จิตนึกได้ทุกขณะที่ว่างจากงานภายนอกที่ทำให้กับสังคมจนจิตเข้าถึงความตั้งมั่นได้แล้วความขี้เกียจจะหายไป
  

664.
เรียนถามอาจารย์สนองครับ

   1. คนที่มีเชื้อสายจีนบางคนจะไหว้เจ้า และติดต่อร่างทรงเพื่อให้เทพเจ้าช่วยเหลือสิ่งต่าง ๆ เช่น ช่วยให้แก้ไขปัญหาชีวิต ติดต่อกับคนตาย การช่วยส่งวิญญาณไปสวรรค์ ฯลฯ (ซึ่งผมไม่ทราบว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องจริงหรือไม่) ตัวผมจะไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง เมื่อพิจารณาแล้วการขอความช่วยเหลือจากเทพเจ้าก็เป็นโอกาสช่วยให้ท่านได้สร้างบารมี จึงทำให้สงสัยว่าควรปฏิบัติอย่างไร เมื่อไปกราบไหว้เคารพบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บางครั้งจึงเพียงแต่น้อมจิตบูชาในคุณงามความดีของเทพเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่ละองค์ (ด้วยความดีที่ท่านสั่งสมไว้จึงทำให้ท่านได้ไปเกิดเป็นเทวดา) ไม่ได้บนหรือขออะไร เพราะคิดว่าคนที่เป็นชาวพุทธอย่างแท้จริงไม่ควรพึ่งพาผู้อื่นมากจนเกินไป (ทั้งที่เป็นมนุษย์และอมนุษย์ก็ตาม) จึงขอเรียนอาจารย์เพื่อขอคำแนะนำในการปฏิบัติสำหรับตัวผมและแนะนำให้กับผู้อื่นสำหรับเรื่องนี้ด้วยครับ

   2. ได้อ่านคำตอบจากอาจารย์ครับว่า "จิตมีดวงเดียว" ดังนั้นเรื่องการแบ่งจิตของเทพองค์ต่าง ๆ ลงมาสร้างบารมีจึงไม่ถูกต้องใช่ไหมครับ

   3. การเซ่นไหว้ด้วยอาหาร และสิ่งจำลองต่าง ๆ เช่น กระดาษเงิน กระดาษทอง รถยนต์และบ้านกระดาษจำลอง เป็นต้น เป็นแค่เพียงพิธีกรรม เพื่อบูชาบุคคลที่ตายไปแล้ว ไม่สามารถส่งให้ถึงผู้ตายได้จริงใช่ไหมครับ

ขอขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงครับ

ด้วยบุญกุศลที่ผมได้ทำมาในทุกกาลขอส่งผลให้อาจารย์มีอายุยืนนานและสุขภาพดีเพื่อสร้างบารมีช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายต่อไปครับ

คำตอบ
   (1) การช่วยให้เทพเจ้าสร้างบารมีต้องขอให้เทพช่วยทำในเรื่องของคุณธรรมที่เป็นบ่อเกิดแห่งบารมีอันได้แก่ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา หากเทพเจ้าทำดังที่ยกตัวอย่างมาให้ดูนี้ได้ ก็ถือว่าเป็นการสร้างบารมีของเทพเจ้า

อนึ่งการระลึกถึงความดีที่ทำให้ไปเกิดเป็นเทพเจ้า (เทวดานุสติ) เป็นสิ่งดีเป็นหนึ่งในอนุสติ 10 ควรระลึกบ่อย ๆ

พระพุทธะมิได้สอนให้พุทธบริษัทพึ่งสิ่งอื่นใดที่อยู่นอกตัวแต่สอนให้พึ่งตนเองคือพึ่งธรรมะที่มีอยู่ในใจตัวเองเป็นสิ่งดีที่สุด

(2) จิตมีดวงเดียวแต่ด้วยเหตุที่จิตเป็นพลังงานเกิดดับเร็ว จึงทำให้จิตเคลื่อนที่ได้เร็วทำงานได้เร็ว ดังนั้นในแต่ละขณะจิตที่มีการเกิด-ดับ จึงไปทำหน้าที่ได้หลายอย่างประกอบกับความต่างกันอย่างมากในมิติแห่งกาลเวลาของภพมนุษย์และภพสวรรค์ จึงทำให้มนุษย์คิดเอาเองตามประสบการณ์ที่เกิดจากประสาทสัมผัส ว่าเทพเจ้าแบ่งจิตลงมาสร้างบารมีซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องของผู้รู้จริง ดังตัวอย่างของพระจูฬปันถกผู้เข้าฌานได้และชำนาญด้านฤทธิ์สามารถเนรมิตตัวเองได้ถึง 1,000 ร่างแต่เวลาเหาะไปเฝ้าพระพุทธเจ้ามีเพียงรูปนามเดียวหรือเวลาที่พระจูฬปันถกดับรูปนามเข้านิพพานก็มีเพียงรูปนามเดียวที่ต้องดับ

(3) ผู้ที่เป็นชาวพุทธและเข้าถึงธรรมขั้นสูงของพุทธศาสนาได้แล้วจะรู้ว่าการกระทำที่บอกเล่าไปไม่สามารถส่งเงิน ส่งของ ส่งรถยนต์ ส่งบ้านไปให้ผู้ตายได้
  

663.
กราบเรียน อ. ดร. สนองที่เคารพ

ดิฉันมีปัญหาต้องการเรียนถามอาจารย์หลายข้อ และประสงค์จะขอความกรุณาให้อาจารย์ตอบเป็นการส่วนตัว แต่หากอาจารย์เห็นว่าคำตอบจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วย ดิฉันก็ไม่ขัดข้องที่จะเผยแพร่ในสนทนาภาษาธรรมค่ะ

ขณะนี้ดิฉันมีเรื่องทุกข์ใจมาก เนื่องจากคุณแม่ที่ป่วยทางจิตเวชมีอาการกำเริบ และอาละวาดด่าทอเพื่อนบ้านและญาติๆ จนไม่มีใครทนไหว ที่สุดจึงไปนอนกลางถนนเพื่อจะให้รถชน ดิฉันจึงต้องนำตัวส่ง รพ. จิตเวช จริงๆ แล้วดิฉันเคยถามปัญหาอาจารย์เกี่ยวกับเรื่องนี้มาบ้างแล้ว อาจารย์เคยตอบว่าให้สร้างกุศลชดใช้หนี้กรรมไป ดิฉันก็พยายามทำด้วยการนำตัวไปปฏิบัติธรรม แต่ด้วยอาชีพที่ทำ ทำให้ไปปฏฺบัติธรรมจริงจังได้ในช่วงปิดเทอมเท่านั้น ในระหว่างที่ไม่ได้ไปก็ปฏิบัติที่บ้านบ้าง แต่ก็ทำบุญและรักษาศีล 5 ด้วย

ดิฉันเป็นลูกสาวคนเดียว ทำงานอยู่คนละจังหวัดกับที่คุณแม่อยู่ ทำให้ท่านต้องอยู่คนเดียว แต่ดิฉันส่งเสียดูแลค่าใช้จ่ายของคุณแม่ตลอด คุณแม่ต้องการอะไร ดิฉันก็พยายามหามาให้ แต่ท่านก็ไม่เคยพอใจ ทั้งๆ ที่ใครๆ ก็บอกว่าท่านน่าจะมีความสุขได้แล้วเพราะดิฉันก็ไม่ได้ให้ท่านทำงานตั้งแต่ดิฉันเรียนจบ

ดิฉันยอมรับว่าคงไม่สามารถจะอยู่ร่วมบ้านเดียวกันกับคุณแม่ได้ เพราะความคิดความเห็นไม่ตรงกัน และรู้สึกทุกข์ใจมากถ้าต้องอยู่ใกล้ คุณแม่คอยแต่จะคิดว่าญาติๆ ไม่รัก ไม่นับถือและไม่เห็นใจ และลูกทอดทิ้ง โดยไม่พยายามมองว่าที่ไม่มีใครให้ความเห็นใจก็เพราะผลแห่งการกระทำที่เกิดจากโทสะของท่านเองเวลาที่คุมสติไม่อยู่ ดิฉันพยายามพูดให้แม่เข้าใจสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง และพาท่านไปปฏิบัติธรรม และเมื่อท่านต้องการทำบุญหรือไปปฏิบัติธรรมก็สนับสนุนตลอด เพราะหวังจะให้ท่านมีความเห็นถูก คลายความทุกข์ได้บ้าง แต่ก็ช่วยไม่ได้มาก ขณะนี้ท่านจึงต้องอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช

ดิฉันอยากจะขอความกรุณาอาจารย์ช่วยแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาว่าดิฉันจะแก้กรรมที่ดิฉันมีนี้ได้อย่างไร เพราะสามีของดิฉันก็รับเรื่องนี้ไม่ได้ และดิฉันก็คิดว่าดิฉันคงต้องทุกข์ใจกับเรื่องนี้อีกเรื่อยๆ มีคนแนะนำว่าให้ทำบุญเกี่ยวกับการสอน/เรียนธรรมะเพื่อให้คุณแม่มีความเห็นถูก ดิฉันก็พยายามทำอยู่ แต่อยากให้อาจารย์แนะนำวิธีแก้ทุกข์ วิธีทำใจ และวิธีแก้หรือทำให้กรรมเบาบางลง และอยากจะเรียนถามอาจารย์ว่าถ้าคุณแม่บวชชี พอจะช่วยได้ไหมคะ หรืออาจารย์จะกรุณาแนะนำวิธีอะไรก็ได้ค่ะ ดิฉันทุกข์ใจมากจริงๆ ขณะนี้เหมือนมืดแปดด้าน มองไม่ค่อยเห็นทางสว่างเลย และยิ่งนึกว่าในที่สุดจะต้องให้คุณแม่มาอยู่ด้วยแล้วก็ยิ่งเครียดหนัก
  
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาที่อาจารย์ช่วยตอบปัญหา ช่วยคลายทุกข์ทางใจและชี้ทางสว่างให้ผู้มีทุกข์ ขอบุญกุศลทั้งหลายที่ดิฉันได้ทำไว้ จงช่วยอำนวยให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงค่ะ

กราบขอบพระคุณในความกรุณาของอาจารย์อีกครั้งค่ะ

คำตอบ
  เรื่องที่ถามไปโปรดอ่านคำตอบในเว็บไซด์ข้อ 521 (1)

หากลูกทำให้แม่ศรัทธาและบวชเป็นชีได้นับว่าเป็นบุญของแม่ส่วนปัญหาของแม่จะลดลง หรือหมดไปขึ้นอยู่กับบุญบารมีของแม่ที่ทำสั่งสมมาแต่ชาติปางก่อน และที่ทำสั่งสมอยู่ในชาติปัจจุบันดูตัวอย่างคนเป็นบ้าในครั้งพุทธกาลอาทิปฏิจารา กีสาโคตรมี วาสิฏฐี ฯลฯ หันมาปฏิบัติธรรมด้วยตัวเองช่วยเหลือตัวเองจนหายจากบ้าเข้าสู่ความเป็นอริยบุคคลบรรลุอรหัตตผลเป็นพระอรหันต์ได้

อนึ่งจริยธรรมของการเป็นลูกที่ดีต่อบุพการีโดยเฉพาะความกตัญญูกตเวทีคุณต้องประพฤติอยู่เสมอแล้วชีวิตของผู้เป็นลูกจะไม่วิบัติ
 

662.
กราบเรียนถามท่านอาจารย์ ดร. สนองครับ
1. ถ้าเราเป็นลูกเขยซึ่งมีพ่อตาชอบเล่นไก่ชนเป็นประจำ เรียนถามท่านอาจารย์ว่ากระผมและภรรยาจะบาปด้วยหรือไม่ครับ และจะมีผลกระทบหรือเศษกรรมกับกระผม, ภรรยาหรือลูกที่อาจจะมีในอนาคตบ้างโดยส่วนตัวกระผมและภรรยาไม่เห็นชอบกับสิ่งที่พ่อตาทำเลย

2. จากคำถามข้อแรกครับถ้ากระผมต้องทำธุรกิจส่วนตัวร่วมกับพ่อตา กระผมจะมีส่วนร่วมในการทำบาปของพ่อตาหรือไม่ครับ เพราะเงินที่ได้จากการทำธุรกิจก็จะเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลไก่ชนและนำไปเล่นพนันชนไก่

3. กระผมควรทำอย่างไรดีครับซึ่งทางออกที่ผมคิดได้ตอนนี้คือ
   3.1 ตัดใจไม่แต่งงานกับผู้หญิงที่ผมรักเพราะกระผมรับไม่ได้ที่พ่อตาเป็นแบบนี้
   3.2 แต่งงานกันตามปรกติแต่แยกครอบครัวออกมาทำธุรกิจของตัวเอง

4. ถามว่าอาชีพนักแต่งเพลง,นักร้องนั้นบาปมากน้อยแค่ไหนครับ

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ

คำตอบ
    (1) กาย วาจา ใจ ไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในอกุศลกรรมของผู้อื่นก็ไม่บาป แต่เศษกรรมยังส่งผลกระทบได้ด้วยการเข้าไปมีส่วนร่วมในทางลบ(ไม่เห็นด้วย) กับคนที่มีบาป แล้วทำให้ตัวเองต้องมีจิตเศร้าหมองเมื่อนึกถึงการพนันชนไก่ของเขา ฉะนั้นผู้รู้จึงพัฒนาจิตให้มีกำลังของสติสัมปชัญญะกล้าแข็ง แล้วปล่อยวางพฤติกรรมของผู้อื่นบาปจะเข้ารบกวนจิตใจไม่ได้

   (2) มีบาปในฐานะเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนอกุศลกรรม

   (3) ผู้รู้เป็นได้เพียงผู้ชี้ทาง ชีวิตของคุณต้องเลือกทางชีวิตด้วยตัวคุณเอง

   (4) บาปในฐานะเป็นเหตุให้คนหลง เอากิเลสเข้าไปปรุงแต่งใจความหลง (โมหะ) เป็นเหตุนำเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเมื่อเทียบกับสัตว์นรกแล้วยังบาปไม่มากเท่า
  

661.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

1)ผมเคยไปปฎิบัติที่วัดอัมพวัน มา7วัน ก็ได้พยายามระดับหนึ่ง พอนั่งไปได้วันที่4ที่5(ไม่แน่ใจ) อยู่ๆมันวุบไป รู้สึกว่าตัวหาย เหมือนไม่มีร่างกาย มีแต่จิตใจ เวทนาก็หายไปด้วย อาการง่วงก็หายไป แต่มีความรู้สึกดีใจมากๆอย่างบอกไม่ถูก เหมือนปิติรึป่าวผมไม่แน่ใจ กลัว วิตก มากไปหน่อย เลยอยู่สภาวะนั้นได้เพียง1-2นาทีได้มั้งครับ รู้สึกว่าก่อนจะเกิดอาการนี้ผมได้เพ่งไปที่หน้าผาก อาการอย่างนี้เรียกว่าอะไรครับ ดีหรือไม่ครับ และสามารถบอกได้รึป่าวครับว่าผมควรฝึกตามแนวไหน

2)อีกเรื่องผมสงสัยมาก อยากรู้มาก เพราะว่าทำให้การปฎิบัติผมต้องหยุดไป อยากทราบว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราควรปฏิบัติแนวไหน ระหว่างสติปัฏฐาน4 ยุบพอง หรือว่า พุทธโธ จะต้องไปหาหลวงพ่อที่มีญาณสามารถดูว่าจริตเราตรงกับแบบไหนดี หรือว่าลองสติปัฏฐาน4ไปเลย

3)เรื่องสุดท้ายครับ อาจารย์มีวิธีหาคำตอบไหมครับ เรื่องมีอยู่ว่า ผมอายุ23 ใจหวังหลุดพ้นไปจากโลกนี้เต็มทนแล้ว เบื่อมาก แต่อีกใจคือต้องทำหน้าที่เลี้ยงดูแม่และน้องๆ เพราะพ่อเสีย เราก็เป็นพี่ใหญ่ ใจนึงก็ฟังคำพูดพระท่านและอาจารย็หลายๆท่าน บอกว่า ภัยกำลังจะเกิด ไม่เกิน5ปี ผมเลยไม่รู้จะเอาอะไรดี จะเรียนต่อก็ไม่รู้เรียนไปทำไมเพราะว่าเรียนไปก็ไม่ได้ใช้ จะไปทางธรรมเลยก็ไม่ได้ ต้องเลี้ยงดูแม่ เวลาที่เหลือก็น้องไปแค่5ปี คงไปได้ไม่ถึงไหน อยากให้อาจารย์ช่วยหาทางออกให้หน่อยครับ ว่าจะเรียนต่อให้จบถึงที่เราหวังไว้ก่อนดีไหม หรือว่า ออกมาปฏิบัติธรรมเลย แต่ระหว่างเรียนก็คงปฎิบัติได้ด้วย แต่คงได้ไม่เต็มที่

ขอบพระคุณมากครับ

คำตอบ
     (1) อารมณ์ที่บอกเล่าไปเป็นเรื่องดีในระดับหนึ่งและจะดียิ่งขึ้นหากเอาจิตไปตามดูอารมณ์ที่เกิดขึ้นจนเห็นว่าดับไป (อนัตตา) ตามกฎไตรลักษณ์แล้วทำให้จิตปลอดจากอารมณ์วิตกกลัวดีใจฯลฯได้แล้ว จะเกิดปัญญาเห็นแจ้งต่อสิ่งที่ปรากฏขึ้นในจิตถือว่าดีที่สุด

   (2) การปฏิบัติกรรมฐานตามแนวพอง-ยุบ หรือตามแนวพุท-โธ เมื่อนำมาใช้เป็นองค์ภาวนาแล้วทำให้จิตสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิถือว่าปฏิบัติได้ถูกทาง หลังจากจิตสงบเป็นอุปจารสมาธิแล้วต้องปฏิบัติต่อไปด้วยพิจารณาสติปัฏฐาน 4 (กาย เวทนา จิต ธรรม) ให้เห็นว่าแต่ละฐานดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์แล้วปัญญาเห็นแจ้งในผัสสะจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่กายหรือเวทนาหรือจิตหรือธรรมปรากฏขึ้นเป็นอารมณ์ของใจ ต้องพิจารณาแบบนี้จิตจะปล่อยวางผัสสะจิตเป็นอิสระจากผัสสะนี่คือวิธีพัฒนาปัญญาเห็นแจ้งเห็นสิ่งต่าง ๆ ถูกตรงตามเป็นจริง

   (3) ทางชีวิตต้องเลือกด้วยตัวเอง ผู้รู้เป็นได้เพียงผู้ชี้ทางว่าผู้ใดยังมีหน้าทางโลกต้องทำหน้าที่ทางโลกให้ดีที่สุด แต่ขณะเดียวกันงานภายในคือพัฒนาจิตวิญญาณของตัวเองต้องไม่ลืมที่จะปฏิบัติเหตุ เพราะชีวิตยังต้องดำเนินข้ามภพชาติอีกยาวไกลเมื่อใดที่เหตุปัจจัยลงตัวทางออกของชีวิตย่อมเกิดขึ้น และเคยเกิดขึ้นแล้วนับครั้งไม่ถ้วนที่ตัวเองทิ้งรูปเดิมและไปได้รูปใหม่ให้จิตอยู่อาศัย ฉะนั้นหน้าที่ปัจจุบันต้องทำให้ดีที่สุดแล้วทางชีวิตที่ถูกต้องจะเกิดจากกรรมดีที่ทำนั่นเอง
  

660.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

หนูเพิ่งเริ่มฝึกปฏิบัติโดยใช้การดูกายดูจิต เมื่อเคลื่อนไหวก็ดูการเคลื่อนไหวของกาย เมื่อคิดก็จะเห็นว่าความคิดมันไหลไปเอง เมื่อเริ่มฝึกปฏิบัติแล้วเกิดปฏิกิริยาดังนี้ค่ะ
1. ขณะที่กำลังล้างหน้าอยู่แล้วมองหน้าตัวเอง เหมือนไม่ใช่ตัวเรา พอลองจ้องเหมือนกับว่าหน้าเราค่อยๆเปลี่ยนไป(แก่ขึ้น)แต่เป็นแป๊บเดียวค่ะ แล้วขณะที่ล้างมืออยู่แขนกำลังแกว่งไป-มา เหมือนไปใช่แขนของเรา รู้สึกว่าเรากำลังมองสิ่งๆนึงแกว่งอยู่ เลยเกิดความรู้สึกกลัวจึงหยุด เหตุการณ์นี้คืออะไรคะ
2. เวลานั่งสมาธิช่วงแรกจะฟุ้งมาก พอนั่งไปซักพักเหมือนกับวูบไปแต่ยังรู้ตัว รู้ว่าไม่ได้หลับ ควรปฏิบัติอย่างไรต่อคะ
3. ปกติเป็นคนกลัวผี แล้วช่วงนี้ฝันเห็นผีบ่อยขึ้น ควรทำอย่างไรคะ การฝันบ่อยแปลว่าจิตเรายังมีกำลังอ่อนใช่ไหมคะ

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์มากๆค่ะ
ด้วยความศรัทธา

คำตอบ
   (1) เมื่อใดจิตนิ่งคือตั้งมั่นเป็นสมาธิความจริงที่อยู่เหนือประสาทสัมผัส จะปรากฏสิ่งที่เห็นด้วยใจเป็นเรื่องจริงของร่างกายจะเห็นได้ชัดแจ้งว่า เมื่อวันข้างหน้ามาถึงร่างกายต้องเป็นเช่นที่เห็นแล้วในที่สุดหายไปจากโลกเป็นธรรมดาของทุกรูปนาม
จึงไม่จำเป็นต้องหนีความจริงให้เกิดเป็นความกลัวเพราะทุกชีวิตจะต้องเป็นเช่นนี้

   (2) ให้กำหนดว่า “ วูบหนอๆๆ ” จนอาการดังกล่าวหายไปแล้วดึงจิตกลับมาสู่องค์บริกรรมเดิม

   (3) สติสัมปชัญญะของผู้ถามปัญหามีกำลังอ่อนจึงกลัวผี ประสงค์จะแก้ปัญหากลัวผีต้องไปอ่านหนังสือ “ ทางสายเอก ” แล้วทำตามให้ได้ เมื่อใดเข้าถึงความจริงเรื่องของผีแล้ว จากนั้นไปเจอผีดุอย่างไรจะไม่กลัวผีอีกต่อไป


 

659.
ขอเรียนถามปัญหาอาจารย์ ดังนี้ค่ะ
1. ระบบทุนนิยม ที่มุ่งการผลิตเพื่อการตลาดและแสวงหากำไรสูงสุดนั้น บุคคลที่อยู่ในกระบวนการความคิดแนวนี้ มีบาปแค่ไหน อย่างไร
อาจารย์มีข้อคิดทางธรรมเพื่อจะสอนบุคคลที่แสวงหาผลกำไรอยู่ตลอดเวลาอย่างไรค่ะ

2. หากการแสวงหากำไร กระทำด้วยการทำลายทรัพยากรไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเวลาโลกเสื่อมสลาย คนบนโลก(ที่มีบุญสามารถเกิดเป็นมนุษย์)จะเกิดใหม่ที่ใดค่ะ

3.บทธรรมะที่สอนเกี่ยวกับความโลภ มีอะไรบ้างค่ะ ขอความหมายด้วยค่ะ

ขอบพระคุณในความกรุณา
ขอให้อ.สนองมีบารมีสะสมยิ่งๆขึ้นจากการบำเพ็ญบุญตอบปัญหาด้วยค่ะ
  อนันยา

คำตอบ
    (1) พฤติกรรมใดประพฤติแล้วทุศีล หรือไร้ธรรมถือว่าเป็นบาป ถามว่ามีบาปแค่ไหนตอบว่ามีบาปเท่าที่ทำทำแล้วเป็นเหตุให้ผิดศีลข้อปาณาติบาตโอกาสไปเกิดเป็นสัตว์นรกมีได้ ทำแล้วผิดศีลข้ออทินนทานโอกาสไปเกิดเป็นเปรตมีได้ฯลฯ

ผู้ตอบปัญหามีแนวคิดตามรอยพระเจ้าอยู่หัวคือเศรษฐกิจพอเพียงแล้วควบคุมตัวเองให้อยู่ในศีลในธรรม

   (2) ในยุคสมัยนี้คนส่วนใหญ่ที่มีบุญจะไม่ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ในครั้งพุทธกาลคนมีบุญลงมาเกิดกันมาก

เมื่อเวลาที่โลกสลายมนุษย์ที่มีบุญมีโอกาสไปเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งในดาวดวงอื่น หรือไปเกิดเป็นชาวฟ้าชาวสวรรค์รวมถึงพรหมหรือไม่เกิดอีกเลย(นิพพาน)

   (3) คนที่มีจิตใจตกเป็นทาสของความโลภ ตายแล้วมีโอกาสไปได้รูปนามเป็นเปรตในอบายภูมิได้

บทธรรมที่สอนใจเกี่ยวกับความโลภ คือทำจิตให้นิ่งแล้วหยุดคิดว่าคนที่ตายไปแล้วเขานำอะไรติดตัวไปได้บ้าง แล้วเมื่อถึงคิวตายของตัวเองตัวเองจะเอาอะไรไปเกิดใหม่ในปรโลก

บุคคลสำคัญที่คนส่วนใหญ่ไม่ปรารถนาพบแต่จำเป็นต้องพบคือพญายม ท่านจะถามว่า “ ตอนที่เกิดเป็นมนุษย์ทำความดีอะไรไว้บ้าง ” ถ้ายังนึกไม่ออกตอบไม่ได้ท่านจะถามต่อไปว่า “ แล้วความชั่วล่ะทำอะไรไว้บ้าง ” ถ้าระลึกได้ถึงการคอรัปชั่น และตอบให้ท่านทราบจะถูกตัดสินพิพากษาให้ลงไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในอบายภูมิ พญายมลงโทษคนทำความผิดด้วยการใช้กรรมที่ถูกบันทึกไว้ในดวงจิตเป็นหลักฐาน และใช้กฎแห่งกรรมคือทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วเป็นกฎหมายด้วยเหตุนี้มนุษย์ผู้ประพฤติทุจริตคอรัปชั่นทุศีล ฯลฯ ที่เคยรอดพ้นจากอำนาจของศาลในเมืองมนุษย์จึงไม่สามารถรอดพ้นจากอำนาจของพญายมได้นี่คือเรื่องจริง ลองตามไปดูสิเห็นแล้วจะหนาว


  

658.
เรียนอ.ดร.สนอง

ดิฉันอยากเรียนถามอ.ดร.สนองดังนี้คะ

1. ดิฉันเคยทำงานเป็นหัวหน้าคน และต้องทำการประเมินการผ่านการทดลองงานของลูกน้อง ดิฉันเคยประเมินพนักงานไม่ผ่านการทดลองงานจำนวนทั้งสิ้น 3 คน รู้สึกอึดอัดใจมาก แต่จากการทำงานของลูกน้องที่ดิฉันพิจารณาแล้ว คือ ชอบมาสาย ชอบขาดงาน บางคนก็ไม่เคยขาดงานแต่เรียนรู้งานช้า และอู้งานบ้าง จนเพื่อนร่วมงานหน่าย บางคนดิฉันให้โอกาสทดลองงานต่อแต่ก็ยังขาดงานอยู่ ดิฉันอึดอัดใจและเครียดกับการเป็นหัวหน้ามาก ปัจจุบันดิฉันลาออกจากงาน หางานใหม่ และได้งานที่ไม่ต้องมีลูกน้อง

คำถาม
   ดิฉันจะบาปกรรมไหมคะที่ทำให้คนตกงาน ไม่มีงานทำ และถ้าบาปจะไถ่บาปได้อย่างไร

2. การที่เราจะแต่งงานหรือใช้ชีวิตอยู่กับใครคนหนึ่ง มันเป็นชะตาชีวิตที่ฟ้ากำหนดมา หรือเป็นจากเวรกรรมที่เคยทำร่วมกันมา หรือเป็นจากที่เรากำหนดเองในชาติปัจจุบัน

3. จากข้อ 2 ไม่ว่าจะเป็นจากอะไรก็ตามที่ทำให้ต้องมาอยู่หรือแต่งงานใช้ชีวิตอยู่กับใครคนหนึ่ง เราสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้หรือไม่ โดยจากการกระทำของเรา จากกุศลกรรมที่เราตั้งใจสร้างขึ้นมาใหม่ในปัจจุบันและตั้งอธิษฐานจิตให้ได้อยู่กับคนที่เราอยากจะอยู่ด้วยได้หรือไม่

4. ถ้าเรายังเป็นคนที่หลงยึดติดอยู่กับความทุกข์ จะทำให้เราไม่สามารถหลุดจากวัฏสงสารนี้ได้ใช่หรือไม่ และเกี่ยวไหมคะอาจารย์ว่าต้องเป็นพระเท่านั้นที่จะหลุดได้ ยังงี้ผู้หญิงก็ไม่สามารถหลุดได้ใช่หรือไม่ ดิฉันจะได้อธิฐานให้ชาติหน้าเกิดเป็นผู้ชาย (เพราะคิดว่าชาติหน้าคงต้องเกิดมาอีกเป็นแน่แท้ เพราะกิเลสยังเยอะอยู่

ขอขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูง
  ขอให้อาจารย์ได้หลุดจากวัฏสงสารนี้คะ

คำตอบ
    (1) สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมเขาทำกรรมให้ตัวเองด้วยในศักยภาพจึงไม่สามารถแข่งขันสู้ผู้อื่นที่มีศักยภาพสูงกว่าได้จึงต้องได้รับประเมินให้ออกจากงาน คุณอยู่ในฐานะหัวหน้าผู้ประเมินผลงานซึ่งเข้าไปมีส่วนร่วมในวงจรกรรมกับเขา จะได้รับอานิสงส์บาปในกรณีที่ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาดไม่เป็นไปตามธรรม ถ้าปฏิบัติได้ถูกต้องแล้วบาปจะตามให้ผลไม่ได้

   (2) ฟ้ามิเคยกำหนดชะตาของผู้ใด ดังนั้นเรื่องนี้จึงเกิดจากกรรมที่เคยร่วมทำกันมาแต่อดีตชาติและปัจจุบันชาติ ส่วนคำว่าเวรกรรม หมายถึง การกระทำที่เป็นการแก้เผ็ด แค้นเคืองปองร้ายฯลฯ

   (3) สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต้องอธิษฐานเอาแต่สิ่งที่เป็นกุศล หลังอธิษฐานแล้วต้องทำเหตุให้ถูกตรงคือทำเหตุให้เหมือนกับคนที่คุณประสงค์จะอยู่ร่วมคือ ทั้งสองต้องทำกรรมให้เหมือนกันนั่นเองแล้วโอกาสเกิดมาอยู่ร่วมในวันข้างหน้าจึงจะเป็นไปได้

   (4) ใช่ ฆราวาสสามารถพัฒนาจิตให้พ้นไปจากวัฏสงสารได้แต่ส่วนใหญ่บรรพชิตพัฒนาจิตได้มากกว่า
       ไม่ใช่ ผู้หญิงสามารถพัฒนาจิตให้หลุดพ้นได้เช่นกันดังตัวอย่างพระโคตรมีภิกษุณีอัมพปาลีภิกษุณีปฏาจาราภิกษุณี ฯลฯ ได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง

     

657.
กราบเท้าอาจารย์ ดร.สนอง

กระผมรู้สึกดีใจที่มีโอกาสได้อ่านงานเขียนของท่านอาจารย์ และอยู่ระหว่างการฝึกหัดตาม ที่อาจารย์แนะนำ กระผมจะขอกทราบเรียนถามอาจารย์ว่า

1.) เวลานั้งสมาธิประมาณ 30 นาทีแรก จะเมื่อยมาก และบางครั้งจิตจะเริ่มไม่อยู่กับคำภาวนา กระผมควรทำอย่างไรดี

2.) บางครั้งนั้งสมาธิ หูมีเสียงดัง "วิง" อยู่ภายในหูเบาๆ แม้จะออกมาจากสมาธิแล้วบางครั้งก็ยังมีเสียงอยู่ สาเหตุเกิดจากอะไรครับ

3.) อาจารย์พอจะแนะนำสถานที่ฝึกนั้งสมาธิ ในกรุงเทพ ให้ด้วยครับ

ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงครับ
   ชยพล

คำตอบ
    (1) เมื่อนั่งปฏิบัติธรรมแล้วเมื่อย ควรลุกขึ้นเดินจงกรมทำสลับกันไปเรื่อย ๆ

   (2) เกิดจากร่างกายปรับสมดุลตามการปรับสมดุลของจิต

   (3) คณะ 5 วัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์ ยุวพุทธิกสมาคม วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม
วัดปทุมวนาราม (วัดสระปทุม) ใกล้สี่แยกราชประสงค์ฯลฯ

     

656.
กราบเรียนถามท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไรค่ะ

จากที่ได้อ่านคำถามและคำตอบใน สนทนาธรรม ข้อ 647 เรื่องการใช้หนี้นะคะ ในกรณีของหนู ได้ยืมเงินเพื่อนมาแล้วและได้บอกเขาว่า ถ้ามีแล้วจะใช้ให้นะคะ ในตอนนี้หนูสามารถคืนเงินให้เขาได้แล้วก็ตั้งใจว่าจะใช้คืนให้เขา แต่ปรากฏว่าได้ทราบข่าวว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว (เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง) ดังนั้นหนูอยากเรียนถามนะคะ

1. หนูนำเงินเท่ากับจำนวนที่ยืมเขามา ไปทำบุญสร้างสถานปฏิบัติธรรม เช่นสถานปฏิบัติธรรมยุวพุทธฯ หรือนำเงินไปสร้างโรงพยาบาลแพทย์แผนไทย ได้หรือไม่คะ หรือ ควรจะนำไปคืนให้

ครอบครัวเขาค่ะ (หมายถึงภรรยาและลูกเขาค่ะ)

2. ถ้าหากต้องไปทำบุญต้องระบุชื่อของเขาเป็นผู้ทำบุญด้วยหรือไม่คะ

3. เมื่อทำบุญไปเรียบร้อยแล้ว การอุทิศบุญกุศลต้องทำอย่างไรบ้างคะ

4. หนูต้องขออโหสิกรรมอย่างไรบ้างคะ เนื่องจากหนูไม่ได้ไปงานศพเขา เพราะทราบข่าวหลังจากที่เผาไปเรียบร้อยแล้วค่ะ

สุดท้ายนะคะ หนูขออนุญาตจากท่านอาจารย์ ดร.สนองนะคะ เนื่องจากหนูได้ไปขอ ซีดี ที่อัดรายการสัมภาษณ์ของ ท่านอาจารย์ ดร.สนอง กับสถานีวิทยุสังฆทานธรรม ทุกเทปที่มีการบันทึกและได้ไร้ท์ซีดีนี้แจกให้เพื่อนผู้สนใจในธรรมะ เนื่องจากเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจทางธรรม ซึ่งทางสถานีวิทยุได้อนุญาตแล้วนะคะว่าให้ไร้ท์แจกได้ และในโอกาสนี้ได้เขียนปัญหามาถามทางท่านอาจารย์ หนูจึงขออนุญาต ท่านอาจารย์ ดร.สนองอีกครั้งนะคะ

กราบขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    (1) ไม่แนะนำให้นำเงินจำนวนที่ยืมมาไปใช้คืนเจ้าของในปรโลกเพราะเขาไม่ใช้กันแต่แนะนำให้นำเงินไปสมทบสร้างสถานปฏิบัติธรรมหรือโรงพยาบาลตามที่เสนอมา แล้วอุทิศบุญกุศลที่เกิดขึ้นไปให้กับเจ้าของเงินยืม

   (2) คนที่ตายพ้นไปจากโลกมนุษย์แล้วคุณสามารถทำบุญแทนในชื่อของเราได้ แต่ต้องบอกให้เขารู้ว่าคุณทำบุญแทนเขา

   (3) หลังทำบุญเสร็จจะกรวดน้ำหรือไม่กรวดน้ำก็ได้ แต่ต้องบอกให้เขามาอนุโมทนาบุญที่คุณทำส่งไปให้ด้วยการใช้คำพูดที่คุณใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นเสื่อให้เขารับทราบ

   (4) หลังจากอุทิศบุญกุศลให้เขาแล้วให้บอกเหตุผลที่คุณไม่สามารถไปร่วมในงานศพของเขาได้ กล่าวคำขอขมาโทษจากเขาและคุณต้องยกโทษที่เขามีต่อคุณด้วย

การขอไรท์ซีดีเป็นเรื่องของสถานีวิทยุสังฆทานธรรม เมื่อเขาอนุญาตแล้วผู้ตอบปัญหาก็เห็นตามด้วย
   

655.
เรียนท่านอาจารย์

หนูปลีกตัวออกมาอยู่ต่างจังหวัดหลายปี ก่อนที่จะออกมาอยู่ต่างจังหวัดหนูเป็นคนเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเอง ตอนนี้ออกมาอยู่อำเภอเล็กๆ ไม่ค่อยเจอคนเท่าไหร่ใจก็สงบขึ้น และฝึกวิปัสสนาได้ เมื่อต้องอยู่กับผู้คน จิตมักระลึกถึงการกระทำของตนเองในอดีต ซึ่งทำให้ละอายใจและอายที่จะเผชิญหน้ากับผู้คน นอกจากนี้ยังรู้สึกกลัวคนอยู่ลึกๆในใจ และกลัวการถูกตำหนิติเตียนจากคนอื่นด้วยค่ะ เวลาที่ถูกตำหนิแม้เพียงเล็กน้อยก็สะเทือนใจมาก ตอนนี้หนูต้องทำงานแทนพ่อแม่ ซึ่งจำเป็นต้องพบปะพูดคุยกับลูกค้า ทำให้ทรมานใจมากเพราะกลัวคน เวลาลูกค้าต่อว่าหรือปฏิเสธก็มีผลกระทบกับใจ

หนูควรแก้ไขอย่างไรคะ

คำตอบ
    ความละอายชั่วและเกรงกลัวต่อบาป เป็นคุณสมบัติของชาวฟ้าชาวสวรรค์ผู้ใดรักษาสภาวะของจิตให้เป็นอยู่แบบนี้ตลอดไป ตายแล้วมีโอกาสไปร่วมสังสรรค์เป็นสมาชิกกับชาวสวรรค์ที่ไม่สับสนวุ่นวายแบบสังคมมนุษย์

วิธีแก้ปัญหาเรื่องกลัวคนต่อว่าหรือปฏิเสธทำได้ไม่ยาก ต้องเจริญสมถะและวิปัสสนากรรมฐานจนเกิดเป็นสติสัมปชัญญะได้แล้ว จะเห็นว่าการแก้ปัญหาต้องแก้ที่ตัวเอง คือใช้สติสัมปชัญญะที่พัฒนาได้ปล่อยวางพฤติกรรมของคนที่อยู่แวดล้อมได้ ความเป็นอิสระของจิตจะเกิดขึ้นแล้วปัญหาจะหมดไปเอง
     

654.
เรียนอาจารย์ครับ

ผู้ใดที่ชำนาญในสมาธิขั้นฌานแล้ว สามารถพิจารณาพระไตรลักษณ์ได้ในสมาธิขั้นฌานต่าง ๆ ได้มั้ยครับ

กราบขอบพระคุณครับ

คำตอบ
    ไม่ดี
  

653.
เรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

กระผมเป็นสัตวแพทย์มีคำถามที่จะเรียนถามอาจารย์ดังนี้

  1. กรณีที่สัตว์ป่วยหนักและได้ทำการตรวจวินิจฉัยแล้วว่า ต้องไม่รอดแน่ๆ อยู่ต่อไปได้ไม่นานก็ต้องตาย แต่ในขณะที่ยังไม่ตายสัตว์จะอยู่อย่างทรมาณมาก เช่น เป็นมะเร็งเจ็บปวดร้องทรมาณตลอดเวลา หรือโดนรถทับบั้นท้ายรวมทั้งเชิงกรานแหลกละเอียด จะรักษาอย่างไรก็ไม่รอด แต่ไม่ตายในขณะนี้ อาจอยู่ต่อได้อีก 2 - 3 วันหากให้ยารักษาไว้ แต่ในทางด้านสัตวแพทย์ที่เรียนมา เขาสอนว่าหากเป็นกรณีแบบนี้ควรฉีดยาให้หลับตายไปเลย ( put to sleep ) เพื่อสัตว์จะได้พ้นจากความทรมาณ อยากทราบว่าในกรณีแบบนี้เป็นความหวังดีของหมอ แต่ก็ผิดศีลข้อ 1 จะบาปมากไหม ในความเห็นของอาจารย์ควรทำหรือไม่

   2. ในอีกกรณีหนึ่งถ้าหากว่าสัตว์เป็นอัมพาตช่วงหลัง เดินไม่ได้ แต่ขาหน้ายังใช้งานได้เดินลากบั้นท้ายไปกับพื้น ไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ มีแผลหลุมที่เกิดจากการลากตัวเองและการกดทับ ทำให้มีความทรมาณในการใช้ชีวิต แต่ถ้าดูแลอย่างดีสัตว์ก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกนาน แต่ถ้ามนุษย์ไม่ช่วยสัตว์ก็จะช่วยตัวเองไม่ได้และคงอยู่ได้ไม่นาน แต่เจ้าของไม่อยากดูแลแล้ว ต้องการให้สัตวแพทย์ฉีดยาให้หลับตายไปเลยจะได้พ้นจากความทรมาณ กรณีนี้ควรทำหรือไม่ครับ

   ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ

คำตอบ
   (1)  ผู้ที่ยังต้องเดินตามกระแสโลกจะใช้ความรู้ทางโลกแก้ปัญหาเห็นสัตว์ได้รับความทุกข์ทรมานแล้วฉีดยาให้สัตว์หลับตายไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิด แต่หากนำวิธีเดียวกันนี้มาใช้กับคนเจ็บป่วยเป็นทุกข์ทรมานอยู่ในโรงพยาบาลถือว่าผิดกฎหมาย นักโทษที่ถูกตัดสินประหารชีวิตแล้วถูกฉีดยาให้ตายถือว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมายที่มนุษย์สร้างขึ้น ในทางตรงกันข้ามผู้ปรารถนานำชีวิตทวนกระแสโลก เขาใช้ความรู้ทางธรรม (ญาณ) แก้ปัญหา ญาณเป็นความรู้ขั้นสูงสุดที่มนุษย์สามารถเข้าถึงได้ใครเข้าถึงได้ถือว่าเป็นผู้รู้จริง ผู้รู้จริงรู้ว่าสัตว์มีกรรมเป็นของตน ประพฤติกรรมไม่ดี เมื่อกรรมให้ผลเป็นอกุศลวิบากผู้ทำกรรมต้องเป็นผู้รับอกุศลวิบากนั้นจนกว่าจะชดใช้ผลของกรรมได้หมดสิ้น

ในกรณีที่ถามไปหมดช่วยสัตว์ไม่ให้ต้องได้รับทุกข์ทรมานหมดได้บุญจากสัตว์ในกรณีที่สัตว์เห็นดีด้วย แต่ได้บาปตรงที่ถูกเจ้ากรรมนายเวรของสัตว์ผูกพยาบาทจองเวร

อนึ่งผู้ตอบปัญหานำพาชีวิตตนเองและชี้ทางให้ผู้อื่นไม่ทำตัวเองให้ลงไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ จึงเห็นว่าควรปล่อยวางสัตว์ให้เป็นไปตามกรรมสัตว์ต้องเสวยอกุศลวิบากที่ตัวเองได้กระทำ ชาวโลกมองว่าคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้เป็นคนใจดำซึ่งเป็นความเห็นถูกของชาวโลกที่ยังพัฒนาตนเองเข้าไม่ถึงความรู้สูงสุดจึงคิดเห็นเป็นเช่นนั้น

   (2) ผู้ตอบปัญหาเคยช่วยสุนัขขาหน้าหักสองข้างด้วยการนำสุนัขไปหาสัตวแพทย์ช่วยดามขาให ้แล้วใช้ปัญญาของตัวเองคิดประดิษฐ์ล้อเลื่อนให้สุนัขได้ใช้ขาหลังที่ไม่หักเดินไปในที่ต่าง ๆ ได้ตามต้องการใช้เวลาดูแลอยู่ครบเดือนจนหายเจ็บป่วยกลับมาเดินได้เป็นปกติ

เรื่องที่บอกเล่าไปว่าสุนัขได้รับความทุกข์ทรมานเจ้าของสุนัขไม่ประสงค์เลี้ยงดูสุนัขที่เคยให้ความสุขกับตัวเองอีกต่อไป จึงคิดกำจัดสุนัขด้วยการขอความร่วมมือจากสัตวแพทย์ให้ฉีดยาหลับตายเพียงแค่คิดกำจัด (มโนกรรม) ไปให้พ้นก็บาปแล้ว หากความคิดถูกกระทำให้สำเร็จอานิสงส์บาปที่จะเกิดขึ้นกับผู้กระทำกรรมต้องได้รับคือการเจ็บป่วยทุกข์ทรมานจะเกิดขึ้นกับจำเลยกรรมที่หนึ่งคือเจ้าของสุนัข และจำเลยที่สองคือหมอผู้ร่วมกระทำกรรม

ที่ถามว่าควรทำตามที่เจ้าของสุนัขต้องการหรือไม่ ผู้ตอบปัญหาไม่เคยคิดที่จะเข้าร่วมกระบวนอกุศลกรรมที่ให้ผลเป็นบาป จึงไม่มีความเห็น
   

652.
กราบเรียน ดร.สนอง ที่เคารพ

หนูมีปัญาหาอยากถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

1. ทำกรรมอะไรถึงใส่เสื้อผ้าแล้วกลายเป็นโป๊หรืออุจาดตาคะ ทั้งที่เสื้อผ้าเหล่านั้นเคยใส่แล้วก็ไม่เคยเกิดเหตุอะไร แต่ช่วงนี้ใส่อะไรก็ดูไม่เหมาะสมไปหมด ตัวเองดูแล้วดูอีกก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ หรือคนในบ้านคนที่ไปด้วยก็ไม่เห็นอะไร แต่คนอื่นกลับเห็น หัวเราะเยาะดูถูก มันเป็นทุกครั้งเลยค่ะในช่วงนี้ จนไม่อยากออกไปไหน แต่ก็มีเหตุให้ต้องออกจนได้ วันไหนขับรถไปก็ไม่เกิดอะไร วันไหนนั่งรถเมล์ไปก็เป็นเรื่องเลยค่ะ จนคนแถวบ้านหรือคนพบเห็นอาจคิดว่าหนูเป็นผู้หญิงไม่ดี ชอบแต่งตัวยั่วยวนหรือเป็นโรคจิตชอบให้คนดูร่างกายตัวเอง

2. หนูจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไรคะ ครั้งล่าสุดนี่พอรู้ตัวหนูก็ให้คนในห้องน้ำช่วยดูให้ เขาก็บอกไม่เห็นอะไร เรียบร้อยดี หนูไปสมัครงานเลยพลาดงานไปเลยค่ะ ทั้งที่เปอร์เซนต์ที่จะได้มีถึง80เปอร์เซนต์ มันเกี่ยวกับเรื่องงานสองหนแล้วค่ะ หนูกลุ้มใจมาก

3. ครั้งสุดท้ายนี่ จิตเตือนว่า อย่าๆ สองครั้ง ไม่ให้หนูไปยืมกระโปรงน้าสาวมาใส่ ทั้งที่กระโปรงนั้นก็เป็นสีน้ำตาล ผ้าไม่บาง ใส่ครั้งแรกไม่เป็นไร ขับรถไปแล้วก็ไปเดินห้างด้วย ไม่มีใครว่าอะไร แต่ครั้งที่สองนี่นั่งรถเมล์ไปเลยเกิดเรื่องเลยค่ะ ถ้าหนูไม่ทำตามที่จิตห้าม หนูก็ไม่ต้องเกิดเรื่องใช่ไหมคะ แสดงว่า กรรมใกล้หมด หรือยังไงก็ต้องรับกรรมนี้อยู่แล้วคะ

ทุกวันนี้หนูกลุ้มใจมาก กว่าจะออกจากบ้านก็ดูแล้วดูอีก เกือบจะประสาท หนูถูกนินทาว่าร้ายซ้ำแล้วซ้ำอีก คิดว่า ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย มันก็ยังไม่จบซักที หนูท้อมากค่ะ ท้อจริงๆ แทบไม่ได้ทำกรรมฐานเลยหลังจากออกพรรษา เพราะคิดว่าผลบุญจะช่วยได้ แต่นี่โดนเล่นงานทุกครั้งเลยค่ะ นอกจากจะอับอายแล้ว งานก็ไม่ได้ค่ะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์สนองในความกรุณาค่ะ และขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
   ขอแสดงความเคารพอย่าสูง

คำตอบ
    (1) เหตุเกิดเพราะจิตขาดสติดสัมปชัญญะ จึงทำให้จิตตกเป็นทาสของกามราคะคือมีจิตยินดีพอใจ หมกมุ่นสาละวน อยู่กับสรีระว่าเป็นของสวยงามควรแก่การทะนุบำรุงรักษาเมื่อใดที่กรรมให้ผล สิ่งที่บอกเล่าไปจึงได้เกิดขึ้น

   (2) ต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการพัฒนาจิตให้เกิดสติสัมปชัญญะ แล้วพิจารณาว่าสรีระของตนเองเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ แล้วพฤติกรรมที่แสดงออกจะดีงามเป็นอิสระต่อสิ่งเย้ายวนทางประสาทสัมผัสโอกาสที่ได้งานทำจึงจะเกิดขึ้นได้

   (3) ตราบใดที่กรรมยังไม่หมด ผู้ทำกรรมยังต้องรับผลวิบากของกรรมนั้น
      

651.
เรียนถาม ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพครับ

กระผมปฏิบัติธรรม โดยการเดินจงกรม และนั่งสมาธิมาต่อเนื่องมาซักช่วงเวลาหนึ่งแล้วมีเรื่องอยากเรียนถามท่านอาจารย์ฯ ดังนี้ครับ

1. การที่เราเกิดการเจ็บป่วยขึ้นมาจะเป็นเพราะว่าเจ้ากรรมนายเวรเขามาเอาคืนหรือเปล่าครับ เพราะปกติไม่เคยเป็นแล้วก็ดูแลตัวเองดีครับ หากใช่เราต้องทำไงครับ และในช่วงที่ป่วยต้องนอนให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล เราจะสามารถปฏิบัติธรรมได้อย่างไรบ้างครับ เพื่อรักษาธรรมที่มีอยู่ไม่ให้ขาด

2. สืบเนื่องมาจากเรื่องเจ็บป่วย ตอนที่ผมป่วยมีเลือดออกในลำไส้ทำให้เสียเลือดมาก จึงทำให้หน้ามืด หายใจไม่ออก และหูดับไม่ได้ยินเสียง ช่วงวินาทีแบบนี้เราจะมีวิธีการเตรียมจิตอย่างไรเพราะอยู่ในช่วงนั้นมาแล้วรู้สึกว่าชีวิตคนเรามันเปราะบางมากเหลือเกิน แล้วการที่เราขอในใจว่าขอลูกอยู่เพื่อปฏิบัติพระธรรม-กรรมฐานก่อน จะผิดไหม เพราะช่วงนั้นรู้สึกถึงเรื่องนี้มากที่สุด หรือมีวิธีการเตรียมจิต และกำหนดให้มีสติตลอดได้อย่างไรบ้างครับ

3. เรามีการรักษาจิตเราอย่างไรไม่ให้ออกไป คิดไม่ดีกับคนอื่น หรือลบหลู่คนอื่นให้เป็นบาป เพราะทุกครั้งก็จะกำหนดรู้ทุกครั้งเพื่อไม่ให้เกิดเลยมาก แต่บางทีมันคิดไปแล้วมันก็เลยเกิดอกุศลในจิต แบบนี้เรามีวิธีสกัดกั้นยังไงเพื่อไม่ให้อกุศลแบบนี้เกิดขึ้นครับ

ปล. ปัจจุบันนี้เพิ่งหายแล้ว และตอบตัวเองได้ว่าหากพรุ้งนี้ต้องตายสิ่งที่จะเสียดายมากที่สุดก็คือการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมช่วยได้มากแม้ในยามที่ชีวิตวิกฤตทำให้เรามีสติ หรือแม้ยามที่เราหลงขาดสติไปบ้างจากการเจ็บป่วย ก็รู้สึกเหมือนมีสิ่งที่ดีคอยปกป้องตัวเราอยู่ข้างๆ เพื่อไม่ให้หนักขึ้นไปกว่าที่เป็นอยู่ ท้ายนี้ขอขอบคุณล่วงหน้าในคำตอบของท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
สรชา

คำตอบ
  (1) การเจ็บป่วยของมนุษย์สมัยนี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่า มนุษย์อาพาธด้วยเหตุ 4 อย่าง และหนึ่งใน 4 เหตุนั้นคือโรคที่เกิดจากกรรม ดังตัวอย่างเช่น อุตริมนุษย์ที่เอากาวแห้งเร็วไปหยดใส่ก้นไก่ แล้วเอามือบีบให้รูเปิดที่ก้นไก่ติดกัน ผลปรากฏว่าไก่ไม่สามารถถ่านมูลได้ ไก่อยู่ได้หลายวันแล้วตายลงในที่สุด อยู่มาไม่นานกรรมนี้ให้ผล มนุษย์ผู้ทำกรรมถ่ายอุจจาระไม่ออกหลายวันแล้วตายตามไก่ไปในที่สุด นี่คือตัวอย่างจริงของโรคที่เกิดจากรรมเป็นเหตุ

ฉะนั้นหากคิดว่าการเจ็บป่วยของคุณเกิดจากกรรมเป็นเหตุต้องทำบุญให้ยิ่งใหญ่ เช่น ปฏิบัติกรรมฐานแล้วอุทิศผลบุญให้หนี้ให้กับเจ้ากรรมนายเวร จนกว่าเขาจะเลิกจองเวร อาการเจ็บป่วยก็จะหาย

ขณะเจ็บป่วยสามารถปฏิบัติธรรมได้ ด้วยการสวดมนต์ฟังธรรมเป็นการปฏิบัติธรรมเบื้องต้น กำหนดอาณาปานสติ ดูลมหายใจเข้าออกว่า พุท-โธ ๆ ๆ ไปเรื่อย ๆ ถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นกลางและหากมีกำลังสมาธิมากพอ สามารถพิจารราการเจ็บป่วยให้เห็นว่าเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรมขั้นสูงสุดได้

(2) การเจ็บป่วยของคุณในครั้งนี้ถือว่าโชคดี ที่ทำให้เห็นชัดว่า ชีวิตของคนเราเปราะบาง และเป็นเช่นนั้นจริง เมื่อใดที่ลมหายใจหยุดเข้าร่างกาย หยุดออกจากร่างกาย ชีวิตจะดำเนินอยู่ไม่ได้เหมือนที่คนตายทั้งหลายได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ฉะนั้นไม่ควรประมาทกับชีวิตเพราะเมื่อใดที่จิตปฏิเสธร่างกายแล้ว จิตต้องไปแสวงหาร่างใหม่เข้าอยู่อาศัยร่างนี้จะถูกทอดทิ้งไว้ให้เน่าเปื่อยผุพังไป จึงควรอย่างยิ่งต้องเตรียมตัวไปเกิดใหม่ในภพที่ดีด้วยการประพฤติแต่สิ่งที่เป็นบุญเป็นบารมีให้ยิ่ง ๆ ขึ้น จึงจะไม่เสียชาติเกิด

การตั้งจิตปรารถนา (อธิษฐาน) ขอมีชีวิตอยู่เพื่อปฏิบัติธรรมสามารถตั้งจิตปรารถนาได้แต่เมื่อตั้งปรารถนาแล้วต้องมีสัจจะและปฏิบัติให้เป็นเหตุถูกตรงตามที่ปรารถนา ทำได้อย่างนี้และจะไม่ผิดอธิษฐาน ส่วนเรื่องการเตรียมจิตด้วยการกำหนดให้บริกรรมคำว่า พุท-โธ ๆ ๆ อยู่กับลมหายใจเข้า-ออก กำหนดทุกครั้งที่นึกได้ กำหนดทุกครั้งที่ว่างจากงานภายนอก แล้วสติจะมีกำลังมากขึ้น

(3) ต้องพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งแล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งกำจัดสิ่งเศร้าหมอง (กิเลส) ที่มีอยู่ในใจให้หมดไป ด้วยการพิจารณาสิ่งเศร้าหมองหมดไปจากใจ การระลึกได้ในสิ่งเศร้าหมองจะไม่มีความคิดที่เป็นอกุศลอื่ต้องพิจาณาในทำนองเดียวกันนี้
   

 

 

ส่งคำถามถึง ดร. สนอง วรอุไร => question@kanlayanatam.com

สอบถาม ให้คำแนะนำที่ => webmaster@kanlayanatam.com