1

 

 

 


                                                                
คำถาม-คำตอบ ข้อ 701-750

750.
ดิฉันขอกราบเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ
ดิฉันเคยฝันเห็นรัชกาลที่ 5 ค่อนข้างบ่อยมาก
ครั้งแรกตอนนั้นอายุประมาณ 12-13 ปี เห็นรัชกาลที่ท่านลอยออกมาจากปฏิทินแล้วพูดว่า ซาสี่ สี่ซา แล้วเลขท้ายสองตัวรถเตอรี่ก็ออก 34 (ซาสี่สี่ซาเป็นภาษาจีน แปลว่า 34 43)
ครั้งต่อมาอายุประมาณ 28 ปี ก็ฝันเห็นองค์รัชกาลที่ 5 ท่านลอยเข้ามาในบ้านของแม่ดิฉัน แล้วบอกให้ดิฉันตั้งหิ้งท่านที่บ้านแม่ของดิฉัน
ครั้งที่สาม ฝันว่าองค์รัชกาลที่ 5 ท่านมายืนเป็นรูปปั้น บอกกับดิฉันว่า ให้ทำอะไรก็ไม่ทำ ให้สวดมนต์ก็ไม่สวด ถ้าทำตัวอย่างนี้หลังปลายปีไปแล้วจะไม่ช่วยแล้วนะ
ครั้งที่สี่ ฝันว่า เห็นองค์รัชกาลที่ 5 ท่านมานอนอยู่ในอ้อมกอดของดิฉันทางด้านซ้าย ส่วนทางด้านขวาเป็นสามีของดิฉันนอนอยู่ ในความฝันพอดิฉันหันไปเห็นท่าน
ท่านก็บอกกับดิฉันว่า "มานอนอยู่กับหนูทุกคืนแหละ และได้เอาพระอานนท์มาใส่ในอกไว้ (อกของดิฉัน) เพื่อให้ดิฉันได้ไปนิพพาน

ดิฉันหวังว่าอาจารย์ได้อ่านแล้วคงไม่คิดว่าดิฉันกินมากฝันมากนะคะ ขอรับรองว่า แต่ละครั้งที่ฝันไม่ได้มีจิตนึกอะไรเกี่ยวกับความฝันเหล่านี้เลย นึกจะฝันก็ฝันเอง

และดิฉันก็ฝันเห็นอีกท่านหนึ่งซึ่งเป็นคนแก่ มาเข้าฝันบอกดิฉันหลายครั้ง ท่ผ่านมาก็เป็นจริงดังที่ท่านบอก เช่นบอกว่าปีนี้มีโชคมีลาพ จะมีคนตาย ก็เป็นจริงดังที่ท่านบอก ต่อมาท่านมาบอกในความฝันอีกว่า "ปี 52 ดิฉันจะได้รับความเดือดร้อน ครอบครัวจะแตกแยก จะมีคนตาย น้ำจะท่วมบ้าน"

1. เกี่ยวกับความฝันที่เกี่ยวกับรัชกาลที่ 5 อาจารย์ให้คำแนะนำให้ความกระจ่างได้ไหมคะ
2. ดิฉันควรจะปฏิบัติเช่นไรเกี่ยวกับคนแก่ที่ฝันถึง
3. เกี่ยวกับศาลพระภูมิ เป็นไปได้ไหมคะว่าหากตั้งผิดที่ผิดทางไม่ถูกต้องตามโบราณว่า จะทำให้เราได้รับความเดือนร้อน
4. การที่เราไปทำบายศรีมาขึ้นหิ้งและรูปปั้นตุ๊กตาเป็นคนแก่แล้วกราบไหว้ โดยที่เราไม่ได้ไปรับจากเจ้าที่เข้าทราบแต่อย่างใด จะถือเป็นการรับขันธ์ 5 ไหมคะ

ดิฉันขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ที่ช่วยตอบปัญให้ดิฉันค่ะ กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
จาก พัช

คำตอบ
    (1) การบูชาผู้ควรบูชาเป็นมงคล รัชกาลที่ 5 เป็นผู้ทรงคุณธรรมมีพระคุณต่อบ้านเมืองอย่างมาก ฉะนั้นเป็นปฏิปทาที่ควรกระทำ

   (2) ไปทำบุญแล้วอุทิศบุญกุศลให้กับคนที่ฝันถึงให้ทุกครั้งที่ระลึกได้

   (3) เป็นไปได้ แต่ควรพัฒนาจิตตัวเองให้มีคุณธรรมสูงกว่าภูมนเทวา (พระภูมิเจ้าที่) แล้วสร้างความเป็นมิตรกับเทวดาด้วยการอุทิศบุญให้เขาบ่อย ๆ จะเป็นการดีกับตัวคุณเอง

   (4) ศาสนาพุทธสอนให้ทำจิตเป็นอิสระต่อพิธีกรรมและให้เอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นที่พึ่งที่เคารพกราบไหว้บูชา ด้วยเหตุนี้ผู้รู้ในพุทธศาสนา จึงมีจิตวิญญาณอยู่เหนือบายศรีและรูปั้นตุ๊กตาเหล่านั้น
   

749.
ดิฉันมีปัญหาถามท่านอาจารย์ดังนี้คะ

คือดิฉันสวดมนต์ จิตตั้งมั่นในการสวดแล้วเกิดอาการร่างกายแกว่งและก็หมุนสลับกัน (ตกใจ) จึงลืมตาขึ้นก็ยังเกิดอาการอย่างนั้นอยู่ จึงตั้งจิตภาวนาสวดมนต์ต่อไป โดยจิตภาวนาว่าแกว่งหนอ หมุนหนอพร้อมกับการภาวนาสวดมนต์ไปด้วยเป็นอยู่ร่วม 5 นาที เมื่ออาการแกว่งและหมุนหายไปกลับมีอาการจิตเห็นร่างกายใหญ่โต มือโตขึ้น จึงอยากเรียนถามท่านอาจารย์ ว่าอาการที่เกิดขึ้นนี้เป็นด้วยสาเหตุใด

ขอบพระคุณท่านอาจารย์คะ

คำตอบ
    เกิดขึ้นด้วยเหตุขณะสวดมนต์มีจิตจดจ่อ (สติ) อยู่กับการภาวนาแล้วทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ พลังสมาธิสามารถบันดาลให้เกิดปาฏิหาริย์ได้หลายอย่าง การเห็นร่างกายใหญ่โตขึ้น เห็นมือโตขึ้นเป็นหนึ่งในปาฏิหาริย์เหล่านั้น ผู้รู้แนะนำให้กำจัดปาฏิหาริย์เช่นนี้ให้หมดไปจากใจ ด้วยการกำหนดว่า “ เห็นหนอๆๆๆ ” จนกระทั่งสิ่งที่ถูกเห็นนั้นหายไปแล้วนำจิตไปพัฒนาให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งตามแนวสติปัฏฐาน 4
  

748.
สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์

หนูขอความกรุณาให้ท่านอาจารย์ช่วยอธิบายให้ทราบสักหน่อยเถอะค่ะว่า “นิโรธสมาบัติ” และนิโรธกรรม” นั้นคืออย่างไร แตกต่างกันอย่างไร
แล้วทำไมการที่เราได้ทำบุญกับพระสงฆ์ที่ปฎิบัติ “นิโรธกรรม” หรือ นิโรธสมาบัติ” จึงเป็นการทำบุญใหญ่คะ

ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ล่วงหน้า ที่ให้ความเมตตาตอบคำถามนะคะ
บุศรินทร์

คำตอบ
    คำว่า “ นิโรธ ” หมายถึงภาวะที่ใจปลอดจากความทุกข์ คำว่า “ กรรม ” หมายถึงการกระทำ นิโรธกรรมจึงหมายถึงการกระทำที่เป็นเหตุให้ใจปลอดจากความทุกข์

   ส่วนคำว่า “ นิโรธสมบัติ ” หมายถึงการเสวยอารมณ์ของจิตที่ปลอดจากสัญญาและเวทนา (สัญญาเวทยิตนิโรธ) ผู้ที่มีสภาวะของจิตเป็นพระอนาคามีหรือพระอรหันต์ที่เจริญสมถภาวนา จนบรรลุฌานสมาบัติ 8 ได้แล้วจึงมีสิทธิ์เสวยอารมณ์ที่เป็นนิโรธสมาบัติได้
   

747.
เรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

ผมมีคำถามที่จะเรียนถามอาจารย์ดังนี้ครับ 1.เป็นความจริงหรือไม่ที่คนเขาพูดกันว่าผู้ที่ปฏิบัติธรรมหากไปเดินลอดราวตากผ้าที่ตากเสื้อผ้าของผู้หญิงอยู่ทำให้ผลของการปฏิบัติธรรมนั้นเสื่อมลง 2.หากห้อยพระเครื่องไว้ที่คอแล้วเดินลอดราวตากผ้าเช่นเดียวกับข้อ 1. จะทำให้ความศักดิ์ของพระเครื่องเสื่อมลงหรือไม่

ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ

คำตอบ
    (1) จริงตามปากคนที่พูด แต่ผู้ใดปฏิบัติธรรมจนมีกำลังของสติสัมปชัญญะกล้าแข็งได้แล้ว ไม่จริง

   (2) คนทียังต้องอาศัยพระเครื่องห้อยคอ แล้วมีพฤติกรรมตามข้อ (1) ความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องเสื่อมลง เหตุเพราะใจของคนที่ห้อยพระเสื่อมลงก่อน ผู้ใดมีศีลและสติอยู่กับใจทุกขณะตื่นผู้นั้นไม่เสื่อม
   

746.

เรียน ท่านอาจารย์

   ผมขอถือวิสาสะเรียกท่านว่าอาจารย์ เนื่องจากได้ฟังและนำข้อคิดต่างๆจากการฟังมาใช้ กระผมเป็นคนทำงานที่เช้าออกบ้าน เย็นก็กลับเข้ามา และพยายามตามรู้ตามดูสติของตนในแต่ละวัน จนขณะนี้ภรรยาคู่ชีวิตก็หันมาปฏิบัติ และเห็นในแนวทางการแสวงหาวิมุตติ ผมจึงอยากปฎิบัติมากขึ้นไปอีก เพื่อแสวงหาแนวทาง เพื่อตนเองและคนรอบข้าง ผมจึงตัดสินใจลางาน 1 เดือนในช่วงเดือนเมษายน 2551 ที่จะถึงนี้ เพื่อแสวงหาโมกขธรรม คำถามขอผมอยู่ที่ว่า ผมอยากได้คำแนะนำสถานที่หรือวัดนั่นเอง ที่ผมจะขอฝากตัวเข้าไปปฎิบัติ เพราะผมอยากมีอาจารย์และผู้สอบอารมณ์ในเบื้องต้น เพื่อที่ว่าผมจะได้คลำทางถูกครับ ผมอาศัยอยู่ที่ลำพูนครับ

คงจะขอรบกวนอาจารย์เพียงเท่านี้ ขอขอบคุณในความกรุณาของท่านที่มีต่อผมครับ
  จักกเรศ

คำตอบ
    แนะนำให้ไปฝึกที่วัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
    

745.
กราบเรียนอาจารย์ สนอง วรอุไร

1. เมื่อก่อนเวลานอนไม่ค่อยฝัน แต่เมื่อเริ่มมาศึกษาธรรมะนั่งสมาธิ เดินจงกรม จะฝันบ่อยขึ้น เป็นเพราะอะไรคะ
2. เมื่อเราปฏิบัติฝึกตามดูจิตไปเรื่อยๆ (ปฏิบัติด้วยตนเอง) จะทราบได้อย่างไรว่าถูกวิธีและปฏิบัติได้ระดับใด

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สนอง เป็นอย่างสูงค่ะ ที่ชี้ทางสว่างให้กับหนูและทุกๆคน ขอให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงมากๆค่ะ
ด้วยความเคารพและศรัทธา
   รัชฎา

คำตอบ
    (1) เหตุที่ฝันบ่อย เป็นเพราะสัญญาที่ถูกเก็บไว้ในดวงจิต ส่งผลกระทบพลังงานจิตที่มีความถี่คลื่นอยู่ในระดับหนึ่งระดับนี้จะไม่ถูกรบกวนด้วยสัญญาที่ถูกส่งเข้ากระทบ ความฝันจะไม่เกิด ฉะนั้นคนที่ฝึกจิตจนมีกำลังของสมาธิกล้าแข็งแล้วบุคคลประเภทนี้จะไม่ฝัน

   (2) ผู้ใดปฏิบัติสมถภาวนาจนได้ผลแล้ว จิตต้องเข้าสู่ความตั้งมั่นเป็นสมาธิ ผู้ใดปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาจนได้ผลแล้วจิตจะเกิดปัญญาเห็นแจ้ง
   

744.
กราบเรียนอาจารย์สนอง ขอความเมตตาอาจารย์ตอบคำถาม เป็นคำถามที่เกี่ยวกับอาชีพ และการเจริญสติ ดังนี้ครับ

   1. ผมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับอาชีพบางอาชีพ เช่น การเล่นหุ้น เล่นค่าเงินตรา เป็นต้น มีความเห็นว่า ถ้าผู้ประกอบอาชีพมีความรู้ความสามารถดี ก็สามารถมีค่าตอบแทนที่ดีได้ แต่เมื่อพิจารณาไปลึก ๆ แล้ว อาชีพดังกล่าว เป็นอาชีพที่ ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง ในขณะที่ผู้หนึ่งได้ อาจจะมีอีกผู้หนึ่งที่เสีย พิจารณาแล้วเห็นถึงความไม่สงบทั้งกายและใจที่ต้องจ้องติดตามข่าวสาร การเปลี่ยนแปลงไปกับสิ่งที่เวียนวนไม่แน่นอน กับกระแสสังคม ฯลฯ เพื่อให้ผลตอบแทนมาโดยใช้จุดอ่อนของผู้อื่นมาเป็นจุดได้ของตนเอง ไม่ว่าผู้ประกอบอาชีพเหล่านี้จะประสบผลสำเร็จในอาชีพทำนองนี้หรือไม่ก็ตาม จากธรรมบรรยายของอาจารย์สนอง ที่อาจารย์ใช้คำว่า take จากสังคม และ give เพื่อสังคม พิจารณาแล้วจึงคิดว่ายังมีอีกหลาย ๆ อาชีพที่เป็นไปในทาง take มากกว่า give เช่น การเปิดร้านอาหารที่ขายราคาแพงและฟุ่มเฟือย เป็นต้นไม่ว่าอาหารเหล่านั้นจะมีต้นทุนแพงหรือถูกก็ตาม ก็เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียทรัพย์ไปกับอาหารเกินจำเป็นต่อการดำรงชีพและจะยังทำให้ติดกับกามสุข แต่ในเวลาเดียวกัน หากนำตนเองไปประกอบอาชีพพื้นฐานบางอย่าง เช่น การปลูกพืชผัก เกษตรกรรม ฯลฯ รายได้อาจจะมากน้อยไปถามการลงทุนของผู้ประกอบการ แต่ผลอย่างน้อยที่ได้คือ การได้สร้างวัตถุที่เป็นอาหารหล่อเลี้ยงให้กับสังคมซึ่งถือเป็นปัจจัยหนึ่งในปัจจัย 4 ถึงจะได้ค่าตอบแทนไม่มากเหมือนอาชีพอื่น ๆ และถ้าหากนำตัวเองไปประกอบอาชีพที่ดีกว่า เช่น อาชีพ ครู อาจารย์ ก็จะน่าสรรเสริญกว่า เพราะกระแสสังคมจะเป็นอย่างไร คุณงามความดีที่ออกมาจากอาชีพครู อาจารย์ ก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยบางอย่างน้อยกว่าอีกหลายอาชีพ

   สุดท้ายผมคิดว่า อาชีพหนึ่งอาชีพอาจจะประกอบด้วยบุญและบาปมากน้อยคละเคล้ากันไป
อยากขอคำแนะนำจากอาจารย์ในความเห็นดังกล่าวและขอคำแนะนำในการประกอบอาชีพในสังคมด้วยครับ

   2. ปัจจุบัน นั่งเจริญสติกำหนด ยุบหนอ พองหนอที่หน้าท้อง บางครั้งรู้สึกไม่ชัดถึงอาการพองยุบ แต่เมื่อทำขณะอยู่อิริยาบถนอนแล้วรู้สึกถึงการยุบพองของหน้าท้องได้ชัด บางครั้งจะนำมือทั้งสองมากุมไว้จะทำให้รู้สึกถึงการยุบพองได้ดีขึ้น รู้สึกว่าการกระทบลมหายใจเข้าออกที่จมูกรู้สึกได้ชัดและง่ายกว่าที่ท้องในขณะที่นั่งอยู่ ถ้าหากจะใช้การดูลมหายใจที่กระทบที่จมูกไปจนจิตตั้งมั่นพอแล้วจึงพิจารณาสิ่งต่างๆ ไปตามกฎไตรลักษณ์จะเหมาะสมหรือไม่ และรู้สึกว่าตนเองมีจริตแบบวิตกจริตเป็นอย่างน้อย เช่น ถ้ามีตัวเลือกหลายอย่าง ก็จะพยายามครุ่นคิดหาเหตุผลสักอย่างในการเลือกสิ่งเหล่านั้นออกมาตามเหตุผลที่ตนเองคิดว่าสมควร เมื่อปฏิบัติโดยการสวดมนต์และเจริญสติด้วยวิธีดังกล่าว ก็รู้สึกว่าลดอาการคิดมากลงได้ แต่ก็ยังไม่ทราบชัดเจนครับว่า จริง ๆ แล้วจะมีจริตไปทางด้านไหนบ้างมากน้อยเพียงใด
อยากขอคำแนะนำในการปฏิบัติที่เหมาะสมด้วยครับ

บุญกุศลที่ผมทำมาในทุกกาลขอจงเป็นพลวปัจจัยให้อาจารย์สนองมีสุขภาพดี เดินทางสะดวก ปลอดภัย ราบลื่น ได้เมตตาสร้างบารมีช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายต่อไป รวมถึงขอกราบขอขมาอาจารย์ ทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ในทางที่ไม่ดี ที่อาจจะมีไปโดยตั้งใจไม่ตั้งใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลังด้วยครับ

คำตอบ
    (1) ในทางโลกอาชีพใดกระทำแล้วไม่ผิดกฎหมายถือว่าเป็นอาชีพที่ดีเช่นการขายล๊อตเตอรี่ การขายสุรา ขายยาฆ่าแมลง ขายอุปกรณ์ตกปลาฯลฯ แต่ในทางธรรมอาชีพที่กล่าวถึงข้างต้นเป็นอาชีพที่เบียดเบียน ทุศีล ไร้ธรรม ทำแล้วได้บาปมากกว่าบุญผู้ปรารถนาอยู่เย็นเป็นสุขจะไม่กระทำ ผู้ที่ปรารถนาอยู่เป็นสุข จะประกอบอาชีพที่ไม่ผิดศีลผิดธรรม อาทิ ขายโลงศพ ขายอุปกรณ์ก่อสร้างบ้าน เป็นครูอาจารย์ที่สอนวิชาการที่ชอบธรรมฯลฯ

ฉะนั้นผู้ถามปัญหาในฐานะที่เป็นสมาชิกของสังคมโลกยังต้องอาศัยสังคมเลี้ยงชีพ เลี้ยงดูชีวิตให้ดำเนินอยู่ได้ ขณะเดียวกันต้องระลึกอยู่เสมอว่า ทุกคนต้องตาย ตายแล้วยังต้องไปเกิดในภพภูมิใหม่จะต้องเตรียมตัวเดินทางให้กับตัวเองอย่างไร ผู้ตอบปัญหาแนะนำว่า หนึ่งชีวิตที่ได้อัตภาพเกิดมาเป็นมนุษย์ ควรรักษาศีลอย่างน้อย 5 ข้อ ให้มีอยู่ในใจทุกขณะตื่น เพราะตายไปแล้วจะไม่เกิดต่ำไปกว่าภพมนุษย์จะดียิ่งขึ้นให้บำเพ็ญทานตลอดชีวิต เพราะการมีศีลมีทานอยู่ในใจเป็นคุณสมบัติของชาวฟ้าชาวสวรรค์ และจะดีที่สุดต้องเจริญจิตตภาวนาจนเข้าถึงธรรมที่ทำให้จิตสงบเป็นฌานโอกาสไปเกิดเป็นพรหมผู้สูงศักดิ์มีได้ หรือเจริญจิตตภาวนาจนได้ดวงตาเห็นธรรม จึงจะมีโอกาสนำพาชีวิตพ้นไปจากการเวียนตาย-เวียนเกิดได้แน่นอน

   (2) องค์บริกรรมใดเมื่อนำมาปฏิบัติแล้วทำให้จิตตั้งมั่นได้ดีองค์บริกรรมนั้นเหมาะกับจริตของผู้นั้น ผู้ถามปัญหาใช้ลมหายใจเข้า-ออกที่กระทบจมูกมาบริกรรมแล้วจิตตั้งมั่นได้ดีกว่า ควรเปลี่ยนไปใช้วิธีกำหนดลมเข้า-ลมออกจะเหมาะสมกว่า

คำว่า วิตกจริต หมายถึงพื้นนิสัยที่หนักไปในทางคิดฟุ้งไปในเรื่องต่าง ๆ จึงต้องถามตัวเองว่า มีพื้นนิสัยเป็นแบบนี้หรือไม่ ถ้าเป็นแบบนี้ องค์บริกรรมที่เหมาะกับผู้มีวิตกจริตได้แก่อานาปานสติ หรือเลือกเอากสิณอย่างใดอย่างหนึ่งมาเป็นองค์บริกรรมหรือเลือกเอาอรูปฌานมาเป็นองค์บริกรรมเพื่อใช้เป็นฐานนำสู่วิปัสสนา

 

743.
กราบเรียนถามอ.สนองที่เคารพ

เวลาหนูกล่อมลูกนอน หนูจะอุ้มลูกเดินหรือนอนกอดลูกแล้วสวดมนต์ชัยมงคลคาถา(พาหุงมหากา)ให้ลูกฟัง กระทั่งลูกหลับ ขอเรียนถามอาจารย์นะคะว่าทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ถูกที่สมควรหรือไม่

กราบขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    มนุษย์ทำกรรมได้ 3 ทาง คือทางกาย ทางวาจา ทางใจ การสวดมนต์พุทธชัยมงคลคาถา หากผู้สวดมีใจจดจ่ออยู่กับบทมนต์ที่สวด และมีวาจากล่าวบทมนต์ออกมาอย่างถูกต้องถือว่าเป็นการทำกรรมดีสมควรทำได้ต่อไป
  

742.
เรียน ท่าน ดร.สนอง วรอุไร

ผมมีข้อสงสัยว่า...

1. ผมได้มีโอกาสไปดูดวงจาก เจ้า ที่เข้าทรง และทำนายทายทัก ทำไม ท่าน(เจ้า)นั้นจึงสามารถช่วยลด เคราะห์กรรม ช่วยเหลือหรือ ต่ออายุ (เฉพาะบางท่านที่ทำได้)ของผู้ที่ศรัทธาไปหาท่าน แล้วยังบอกโรคภัย และวัน-เวลา ตายของผู้ที่ถึงเวลา ได้ถูกต้องตรงมาก

2. ทำไมท่านไม่ต้องไปเกิดได้ละครับ หรือท่านต้องการใช้ร่างทรงเพื่อ เพิ่ม บุญ บารมี เพราะท่านบอกว่ามีอายุมา 100 กว่าปีแล้วหรือท่านเป็น ภพภูมิ ก้ำกึ่ง ระหว่างมนุษย์ กับ เทวดา

3. สำหรับผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือ หลังจากนั้นเวลาทำบุญกุศลจะต้องถูกแบ่งบุญไปให้ท่านด้วยใช่หรือไม่เหมือนยืมบารมีท่านมาช่วยเหลือก็ต้องใช้ให้ท่าน นะครับ

ขอกราบขอบพระคุณ

คำตอบ
    (1) ผู้ใดใช้ปัญญารู้ไม่จริง (สุตมยปัญญาและจินตมยปัญญา) ส่องนำทางให้กับชีวิตแล้ว วิบากของชีวิตย่อมดำเนินไปตามเหตุดีและเหตุชั่วที่ผู้นั้นได้กระทำไว้ การไปร้องขอให้เจ้าเข้าทรง ช่วยเหลือลดเคราะห์กรรมหรือต่ออายุให้ เป็นการกระทำของผู้มีศักยภาพด้วยในทางปัญญา ผู้รู้จริงคือพระพุทธะสอนให้พึ่งตัวเองด้วยการพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง (ภาวนามยปัญญา) แล้วให้ใช้สติสัมปชัญญะส่องนำทางให้กับชีวิตตนเองจิตวิญญาณของผู้มีสติสัมปชัญญะจะมีแต่สิ่งดีงามสั่งสมสิ่งดีงามคือธรรมที่มีอยู่ในใจนั้นเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุด

อนึ่งการที่เจ้าเข้าทรงกำหนดรู้เรื่องโรคภัยและวันเวลาตายของผู้อื่นได้ถูกตรง เป็นเรื่องปกติธรรมดาของผู้ที่เคยพัฒนาจิตจนได้มรรคผลแห่งธรรมแล้ว ปุถุชนที่ไม่เคยฝึกจิตมาก่อนไม่มีสิทธิ์ล่วงรู้กำหนดวันตายของผู้อื่นได้

   (2) สัตว์คือสิ่งมีชีวิตที่ประกอบด้วยรูปและนาม หากสิ่งเศร้าหมอง (กิเลส) ยังมีสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณของสัตว์ใด สัตว์นั้นยังต้องเวียนตาย-เวียนเกิดอยู่ในสังสารวัฏมิรู้จบ

ฉะนั้นสัตว์ที่ตายตามปกติ เมื่อจิตวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้วยังต้องไปแสวงหาร่างใหม่เข้าอยู่อาศัย จะไปได้ร่างอาศัยอยู่ในภพภูมิใด เป็นเรื่องของแรงกรรมผลักดันให้ไปสู่ ไม่มีภพภูมิเข้าถึงตามที่ผู้รู้ไม่จริงเข้าใจ แต่สัตว์บางตนมีศักยภาพที่จะโคจรไปสู่บางภพได้ อาทิ ฆฏิการมหาพรหมสุทธาวาส นำอัฐบริขารจากพรหมโลกมาถวายเจ้าชายสิทธัตถะในวันที่เปลี่ยนเพศจากฆราวาสมาเป็นเพศนักบวช ท้าวสักกะโคจรจากดาวดึงส์มาสู่มนุษย์โลกเนรมิตร่างเป็นมนุษย์มารอใส่บาตรพระมหากัสสปะในวันที่ออกจากนิโรธสมาบัติ เทพธิดา (หญิงชราจัณฑาลี) พาบริวารลงมาจากดาวดึงส์ มากราบขอบคุณพระมหาโมคคัลลานะ ที่ชี้ทางให้ไปเกิดในภพที่ดีฯลฯ

   (3) ผู้ใดประพฤติแล้วซึ่งบุญกิริยาวัตถุ 10 ผู้นั้นมีบุญสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณผู้มีบุญสามารถอุทิศบุญให้ผู้อื่นได้ ผู้ที่ถูกระบุถึงถ้ามาอนุโมทนาบุญได้ผู้นั้นจะได้รับบุญกุศลที่มีผู้อุทิศให้ตรงกันข้าม ผู้ใดมีบุญแล้วเก็บไว้กับตัวไม่อุทิศให้ใคร ใครก็ไม่สามารถเอาบุญของเขาไปได้ ดังอานิสงส์ที่ว่าโจรลักขโมยบุญไม่ได้ฉะนั้นผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือ ถ้ามีบุญสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณแล้วผู้ที่ให้การช่วยเหลือ (เจ้าเข้าทรง) ไม่สามารถแบ่งบุญจากเขาไปได้ ถ้าเขาไม่ปรารถนาจะส่งบุญให้หรืออุทิศบุญให้
   

741.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนอง วรอุไร

    กราบขอบพระคุณที่เป็นแสงสว่างให้กับชีวิตของดิฉันค่ะ วันนี้ดิฉันมีเรื่องรบกวนถามปัญหาแทนสามีหนึ่งเรื่องค่ะ คือเราสองคนพยายามนั่งปฏิบัติกรรมฐานร่วมกันโดยมีอาจารย์ท่านหนึ่งเป็นผู้สอนชี้แนะค่ะ แต่สามีมีปัญหาเรื่องง่วงนอนมาก คือนั่งไปสักสองสามนาทีก็จะหลับอย่างง่ายดาย ปกติก็เป็นคนหลับง่ายอยู่แล้วค่ะ แต่ไม่มีปัญหาในเวลาทำงานหรือขับรถนะคะ อาจารย์ที่สอนพวกเราก็บอกว่าสอนมานานหลายสิบปี นานๆจะเจอสักคน สอนมาเก้าวันแล้วสามีก็ยังนั่งหลับ ซึ่งเขาเองก็ไม่อยากเป็น แต่อาจารย์ก็ไม่ได้บอกว่าเขาเป็นอะไรทำไมนั่งทีไรจึงหลับทุกทีค่ะ เลยอยากจะกราบเรียนถามท่านอาจารย์สนองว่า สามีควรจะปฏิบัติอย่างไรจึงจะหายง่วงคะ เวลาเดินจงกรมเขาก็เดินได้ค่ะ แต่พอนั่งปั๊บหลับทุกทีเลยค่ะ

กราบขอคำชี้แนะด้วยค่ะ
   อภินทร์พร กิตติพีรพัฒน์

คำตอบ
    ขณะปฏิบัติธรรมเกิดอาการง่วงนอนอย่างมาก ปัญหานี้เคยเกิดขึ้นกับผู้ตอบปัญหา ในสมัยที่ไปบวชและฝึกกรรมฐานอยู่กับท่านเจ้าคุณโชดก จึงได้แก้ปัญหาให้กับตัวเองหลายวิธี อาทิ การบริโภคอาหารเท่าที่จำเป็นพอให้ร่างกายนี้ทรงอยู่ได้ บริโภคอาหารที่ย่อยง่ายหายใจเข้าลึก ๆ ประมาณ 21 ครั้ง แล้วค่อย ๆ ปล่อยลมออกยาว ๆ เดินจงกรมให้ยาวนาน ไม่หายง่วงนอนขณะนั่งต้องลุกขึ้นเดินจงกรมอาบน้ำเย็นและเอาน้ำราดรดศีรษะจนทั่ว ฯลฯ ในที่สุดปัญหาง่วงนอนขณะนั่งหมดไปได้

ย้อนหลังไปสู่อดีตครั้งพุทธกาลก่อนบรรลุอรหัตตผล พระมหาโมคคัลลานะ มีปัญหาเรื่องความง่วงเช่นเดียวกัน พระพุทธะเสด็จไปสอนให้หาวิธีแก้ง่วงด้วยวิธีการต่าง ๆ ถึง 8 วิธี ที่มีความหมายในลักษณะนี้คือ

1.  ควรพิจาณราองค์บริกรรมที่นำมาใช้นั้นให้มาก

2.  ถ้ายังไม่หายห่วง ควรนำธรรมที่ศึกษาจนจำได้นั้นมาพิจารณา

3.  ถ้ายังไม่หายง่วง ควรท่องบ่นธรรมที่ได้ฟังมาโดยพิศดาร

4.  ถ้ายังไม่หายง่วง ควรท่องบ่นธรรมที่ได้ฟังมาโดยพิศดาร

5.  ถ้ายังไม่หายง่วง เอาน้ำล้างหน้าลูบตาแล้วแหงนดูดาวในท้องฟ้า

6.  ถ้ายังไม่หายง่วง ควรทำจิตให้ระลึกถึงความสว่างในตอนกลางวัน

7.  ถ้ายังไม่หายง่วง ควรเดินจงกรมให้จิตจดจ่อในเท้าที่ย่างก้าว

8.  ถ้ายังไม่หายง่วงควรนอนตะแคงขวา เอาเท้าวางซ้อนกัน แล้วกำหนดว่า เมื่อตื่นแล้วจะลุกขึ้นทันที จะไม่หาความสุขจากการนอนด้วยศรัทธาเต็มร้อย พระมหาโมคคัลลานะนำไปปฏิบัติโดยไม่สงสัยผลปรากฏว่าท่านสอบผ่าน
   

740.
เรียน ดร.สนอง

ผมมักจะกราบพระก่อนนอนประจํา ผมกราบพระในห้องนอน แต่ชุดผมเป็นชุดธรรมดา ชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้น(ชุดใส่นอน) จะเป็นการสมควรหรือไม่ที่ผมจะใส่ชุดแบบนี้ หากใส่ขายาวรู้สึกว่าจะอึดอัดและร้อน อยากให้ ดร.สนองให้คําแนะนําด้วยครับ

กราบขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย

คำตอบ
    เรื่องนี้ผู้ถามปัญหาต้องดูตัวเองให้ออกว่าก่อนสวดมนต์เต็มใจ ขณะสวดมนต์ตั้งใจ และสวดมนต์เสร็จแล้วสบายใจ หากเป็นไปตามนี้ ปัญหาที่ถามไปก็เป็นเพียงเปลือกของการสวดมนต์
  

739.
กราบเท้าอาจารย์สนองที่เคารพเป็นอย่างสูง

   ดิฉันเริ่มจากการอ่านหนังสือ ยิ่งกว่าสุขเมื่อเป็นอิสระ รู้สึกชอบและประทับใจในเนื้อหาสาระมาก จากนั้นก็ติดตามอ่านหนังสือเล่มอื่นอีก จนกระทั่งได้มาฟังบรรยายธรรมจากเวปไซต์กัลญาณธรรม จนได้เปลี่ยนแนวคิดมาตั้งใจปฏิบัติธรรมและตั้งใจดำเนินชีวิตในทางที่ดี ที่ถูกต้อง ตามคำสอนของอาจารย์ รู้สึกซาบซึ้งในพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระคุณและความเมตตาของอาจารย์มากที่เป็นเหมือนผู้กระตุ้นและชี้ทาง รวมทั้งขอขอบคุณเวปไซต์กัลยาณธรรมที่เป็นสื่อที่เยี่ยมยอด โดยเฉพาะคนไทยที่อยู่ห่างไกลในต่างประเทศ อย่างดิฉัน

ขอรบกวนอาจารย์ช่วยตอบข้อสงสัยดังนี้คะ
1. หลังจากสวดมนต์หรือนั่งสมาธิภาวนาทุกครั้ง ดิฉันก็อุทิศส่วนบุญกุศลตามบทอิทังเม ได้แก่ พ่อแม่ ญาติ ครูอาจารย์ เทวดา เปรต สัพสัตว์ เจ้ากรรมนายเวร...จนครบ แล้วแถมต่อด้วยอุทิศให้เจ้ากรรมของแม่ และแฟน และขอให้เจ้ากรรมนายเวรเหล่านั้นอโหสิกรรมให้แม่และแฟน รวมทั้งขอให้อนุโมทนาบุญกะดิฉันด้วย ไม่ทราบว่าจะดีมั้ยค่ะ เราจะเข้าไปอยู่ในวงจรกรรมด้วยหรือป่าว

2.ดิฉันพยายามเล่าธรรมมะที่ได้ฟังให้แฟนที่เป็นต่างชาติฟังโดยใช้ภาษาอังกฤษ แต่ก็กลัวคำบางคำจะแปลผิด ไม่ว่าจะเป็นคำไทยหรือบาลี ทำให้อาจเล่าความหมายผิดเพี้ยนไป กลัวจะเป็นอกุศลกรรม ควรจะหยุดดีมั้ยคะ แต่ก็อยากให้เค้าได้รู้สิ่งดี ๆ

3.แฟนเป็นคริสเตียนแต่ไม่เคร่ง เค้าก็ฟังสิ่งที่เราเล่า แล้วเค้าถามว่า ถ้างั้นมันต้องมีศาสนาใดที่สอนถูกและที่เหลือก็สอนผิด เพราะเค้าพูดว่าของเค้ามนุษย์ตายแล้วไม่ไปสวรรค์ก็นรก ไม่มาเป็นมนุษย์อีก ไม่รู้จะตอบยังงัยคะ เพราะไม่อยากพูดว่าศาสนาของใครดีหรือไม่ดี ถูกหรือไม่ถูก

ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงคะ
ชนนิกานต์

ปล ได้ฟังเสียงอ่านหนังสือตามรอยพ่อ แล้วซาบซึ้งมาก อยากเป็นลูกของพ่อและน้องของพี่ที่อ่านคะ อยากตามพ่อไป และไปไกลๆ เหมือนพ่อคะ

คำตอบ
   (1) การอุทิศบุญกุศลเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 เมื่ออุทิศบุญให้แก่สรรพสัตว์รวมถึงเจ้ากรรมนายเวรของแม่และแฟนเป็นการกระทำที่เป็นบุญ เป็นความดีจงทำต่อไป และขณะเดียวกันการขอให้สรรพสัตว์อนุโมทนาถือว่าเป็นการชี้ทางบุญให้สรรพสัตว์ได้กระทำเป็นผู้มีส่วนร่วมในวงจรกรรมดีเป็นวงจรกรรมที่เป็นบุญ ผู้ใดประพฤติแล้วปราชญ์สรรเสริญ

   (2) พูดแต่สิ่งดีงามออกจากปาก เป็นกุศลวจีกรรมและผู้ฟังได้ยินได้ฟังแล้วเกิดปัญญาเห็นถูก เกิดเป็นความชุ่มชื่นใจจงทำต่อไปแต่หากผู้ฟังได้ยินแล้ว เกิดเป็นความเห็นผิด เกิดเป็นความไม่สบายใจ แม้จะเป็นความปรารถนาดีเป็นกุศลวจีกรรมก็ตามจงหยุดไม่พูดต่อไป เพราะพูดแล้วไม่ก่อประโยชน์และยังเป็นการสร้างบาปให้เกิดขึ้นกับผู้ฟังอีกด้วย

   (3) คำว่าสอนถูกหรือสอนผิด ต้องถามว่าถูกของใครผิดของใคร ทั้งนี้เพราะมนุษย์พัฒนาปัญญาได้ไม่เท่ากัน หรือเข้าถึงความจริงได้ต่างกัน

   มนุษย์มีศักยภาพที่จะพัฒนาปัญญาได้ 3 ระดับ คือสุตมยปัญญา เป็นปัญญาที่เกิดจากการได้ฟังผู้รู้บอกกล่าว หรือเป็นปัญญาที่เกิดขึ้นจากการอ่าน จินตามยปัญญา เป็นปัญญาที่เกิดขึ้นจากการคิดดตรงตามแนวเหตุผล และภาวนามยปัญญาเป็นปัญญาที่เกิดจากการพัฒนาจิต

   สุตมยปัญญาและจินตามยปัญญาเข้าถึงความจริงในระดับที่เป็นความจริงชั่วคราว(สภาวสัจจะ) ส่วนภาวนามยปัญญา เข้าถึงความจริงแท้ (ปรมัตถสัจจะ) ได้

   ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงเข้าถึงความจริง และศรัทธาในความจริงที่บัญญัติไว้ในแต่ละศาสนาได้ต่างกัน จึงไม่สามารถพูดได้ว่าศาสนาใดสอนถูก ศาสนาใดสอนผิด

   ผู้ใดเข้าถึงปรมัตถสัจจะ ผู้นั้นไม่โต้เถียงโต้แย้งในความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ผู้ใดเข้าไม่ถึงปรมัตถสัจจะ การโต้เถียงโต้แย้งในความคิดเห็นที่แตกต่างกันจึงเกิดขึ้นเป็นธรรมดาของโลก
   

738.
เรียนถาม อาจารย์ สนอง

    ดิฉันเคยไปหาพระสงฆ์รูปหนึ่ง (จ.เชียงใหม่) ท่านเป็นพระที่มีเมตตามาก ดิฉันได้ถวายปัจจัยและอุทิศให้ พ่อ แม่ ที่เสียชีวิตไปแล้ว ท่านก็ติดต่อกับดวงจิตของ พ่อ แม่ให้โดยให้ลูกศิษย์ของท่าน(อุบาสก)ที่นั่งข้างๆท่าน เป็นตัวกลาง เมื่อสอบถามดวงจิตของพ่อ พ่อบอกว่าไม่ได้รับบุญที่ดิฉัน ทำบุญทำทานอุทิศให้เลยเพราะท่านเป็นวิญญาณเร่ร่อน ท่านอาจารย์บอกว่าดิฉันทำบุญผ่านพระสงฆ์ที่ไม่รักษาศีลบริสุทธิ์ ท่านเลยสงเคราะห์ให้และ ช่วยให้ดวงจิตของพ่อไปสู่ที่ที่สูงขึ้น ได้ยินเป็นวิมานอะไรซักอย่าง มีอาหารทิพย์ไม่ต้องเร่ร่อนอดอยาก ดิฉันสงสัยว่า บุญของพระกรรมฐานจะช่วยให้ดวงจิตของพ่อให้พ้นสภาพที่ทรมานได้หรือไม่ เพราะทราบมาว่า กรรมของใครก็ต้องรับกรรมไปจนกว่าจะหมดแรงกรรม ไม่มีใครช่วยได้ แต่ถ้าช่วยได้จะช่วยได้นานแค่ไหน

ขอขอบพระคุณมากค่ะ
จันทนา ชุ่มศิริ (อ. สันป่าตอง จ.เชียงใหม่)

คำตอบ
    การตาย (จุติ) แล้วเกิด (ปฏิสนธิ) ของสัตว์ในภพต่าง ๆ มีแรงกรรมเป็นตัวนำเกิด จิตวิญญาณที่ไปได้ร่างใหม่ที่มีรูปลักษณะไม่เหมือนเดิมอยู่อาศัย เช่นไปได้ร่างของสัตว์เดรัจฉาน ไปได้ร่างมนุษย์ที่มีหน้าตาไม่เหมือนก่อนตาย ไปได้ร่างของเทวดาหรือนางฟ้าฯลฯ เหล่านี้ไม่เรียกว่าเป็นวิญญาณเร่ร่อน แต่หากตายจากมมนุษย์ก่อนครบอายุขัย จิตวิญญาณจะไปโอปปาติกะเป็นสัมภเวสี ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนครบอายุขัย คือหมดแรงกรรมผลักดันให้ไปเกิดเป็นสัมภเวสี แล้วจึงจะไปเกิดในภพใดภพหนึ่งในสังสารวัฏได้

   ด้วยเหตุนี้หากเป็นวิญญาณเร่ร่อนจริง จะยังไปเกิดใหม่ไม่ได้ยังต้องเป็นไปตามกฎธรรมชาติ ไม่มีใครผู้ใดช่วยสัมภเวสีให้ไปเกิดใหม่ได้แม้จะอุทิศบุญกุศลให้ก็ตาม ดังเช่น สัมภเวสีที่อยู่ในวัดม่อนฤาษี จ.เชียงใหม่ เป็นตัวอย่าง
      

737.
กราบเรียนท่านอาจารย์ครับ...

คือว่าป้าผมคนหนึ่งครับ ชวนผมไปรับธรรมะที่สถานธรรม ป้าผมบอกว่าเป็นการรับธรรมะโดยตรงจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์เคยได้รับรู้เรื่องแบบนี้หรือไม่คับ ขอท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะผมด้วยนะครับว่าเรื่องนี้มีจริงหรือไม่ แล้วผมควรจะทำอย่างไร

ขอกราบขอขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงครับ...

คำตอบ
    ผู้ตอบปัญหาเคยได้ยินในเรื่องที่ถามไป แต่รู้ว่าไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดจะยิ่งไปกว่าความศักดิ์สิทธิ์ในธรรมวินัย ที่มีอยู่ในพุทธศาสนา ธรรมวินัยนั้นคือสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานภาคปฏิบัติ ผู้ใดปฏิบัติและเข้าถึงดวงตาเห็นธรรมได้แล้วนั่นคือสุดยอดของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถนำพาชีวิตของผู้เข้าถึงธรรมให้พ้นไปจากความทุกข์ได้

สิ่งที่ผู้ถามปัญหาควรทำหรือพิสูจน์คือนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรมและเมื่อใดที่เข้าถึงธรรมได้ก็จะรู้ว่าสิ่งที่ตอบปัญหาบอกกล่าวนั้นเป็นเรื่องจริง
   

736.
เรียน อาจารย์ สนอง

    ผมได้เริ่มพยายามปฏิบัติธรรมตามสติปัตฐาน4 มาเกือบ 1 ปีแล้ว โดยฝึกอาณาปานสติแบบนั่งสมาธิ วันละ 20 นาที และพยายามมีสติระลึกรู้ขันธ์5 อยู่ทุกครั้งที่มีสติ และพยายามรักษาศีล5 ให้ดีที่สุด ไม่นานมานี้ไ ด้พบเรื่องแปลกอยู่เรื่องหนึ่ง คือ ตอนที่นอนในห้องนอนคนเดียวตอนกลางคืนนั้น หลายครั้งเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นกลางดึกจะได้ยินเสียงคนคุยกันหลายคน บางครั้งได้ยินชัดมากเหมือนคุยกันอยู่ในห้องเลย (ทั้งๆที่นอนคนเดียว) บางครั้งก็เป็นเสียงผู้หญิงไพเราะมาก แต่แปลกที่ผมพยายามฟังอยู่หลายครั้งก็ฟังไม่ออกว่าเป็นภาษาอะไร คล้ายภาษาไทยแต่ไม่ใช่ เหมือนเขมร พม่า หรือ บาลี ก็ไม่ทราบได้

   มีอยู่ครั้งหนึ่งผมตื่นมาได้ยินเสียงอีก จึงตั้งสติให้มั่นแล้วตั้งใจฟังอยู่พักหนึ่งก็ฟังไม่รู้เรื่องแม้จะได้ยินขัดเจน ก็ปรากฏแสงสีขาวเล็กๆ (เหมือนใครเอาไฟฉายเล็กๆมาส่องหน้า) จนผมหมดสติหลับต่อไป ผมคิดเอาว่าอาจจะเป็นเทวดา หรือ เจ้าที่ จึงได้นำผลไม้มากราบไหว้เพื่อแสดงความนับถือ

   ขอเรียนถามอาจารย์ว่า เป็นไปได้ไหมครับว่าเป็นเทวดา หรือ เจ้าที่ แล้วทำไมเราจึงได้ยินพวกเขาคุยกันตอนตื่นนอนกลางดึกเท่านั้น เขาตั้งใจมาให้เราเห็นหรือไม่ และควรจะทำอย่างไรต่อไปดีครับ เพราะหลายครั้งรู้สึกกังวลทำให้นอนไม่หลับบ่อยๆ หากเป็นเทวดาจริง การเซ่นไหว้ด้วยอาหารจะทำให้ท่านพอใจ และไม่มารบกวนเราได้ไหมครับ ก่อนที่จะฝึกสติก็ไม่เคยเจอแบบนี้ เป็นเพราะจิตเราเริ่มนิ่งหรือเปล่าครับ ทำให้สามารถสัมผัสได้มากขึ้น ขอบคุณมากครับ

ขอให้อาจารย์สุขภาพแข็งแรงครับ
   โพธิ

คำตอบ
    เสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของอมนุษย์ที่อยู่ในอีกมิติหนึ่งผลที่เกิดเนื่องมาจากเหตุที่ผู้ถามปัญหาได้พัฒนาจิต จนความถี่คลื่นจิตไปตรงกับความถี่คลื่นในมิติเดียวกันกับเขา จึงสัมผัสกันได้ในลักษณะที่เรียกว่าทิพยโสต ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของคนที่มีความก้าวหน้า ในการพัฒนาจิตได้ระดับหนึ่ง สิ่งที่ควรทำทุกครั้งที่ได้ยินเสียง คือกล่าวคำอุทิศบุญไปให้เขาว่า “ ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้ามีอยู่ ข้าพเจ้าอุทิศบุญให้ท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงเป็นสุข ” เมื่อทำเช่นนี้แล้ว คุณก็จะมีเขาเป็นเพื่อนต่างมิติ
      

735.
เรียนท่าน อาจารย์ สนองครับ

   ผมได้ฝึกสมาธิมา อยากทราบว่า การดูจิต และ การฝึกสมาธิ ควรจะฝึกอย่างไร และ ฝึก ควบคู่กันไปได้หรือไม่ คือ เวลา ผมสมาธิแบบอานาปานสติ ก็จะรู้แต่อยู่กับแต่ลมหายใจเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ไปดูจิตแต่อย่างได แต่เมื่อผมออกจากสมาธิแล้ว เราก็ดูจิตเรา ว่าตอนนั้นเรากำลัง รู้สึกอย่างไร เช่น ฟุ่งซ่าน โกรธ สามารถฝึกควบคู่กันอย่างนี้ได้หรือไม่ครับ หรือ ผม ควร จะฝึกสมาธิให้ดีเสียก่อนครับ แล้ว ค่อยมาฝึกดูจิต เพราะการดูจิต เป็นการวิปัสนา แล้ว อยากทราบว่า ถ้าสมาธิเรายังไม่ดี แล้ว มา วิปัสสนา มันจะเกิดผลเสียหรือไม่ครับ

คำตอบ
    สมาธิคือความตั้งมั่นของจิต จิตที่มีสมาธิเป็นจิตที่ไม่ฟุ้งซ่านด้วยการไปรับสิ่งกระทบจากภายนอกเข้ามาปรุงอารมณ์ สมาธิไม่ต้องฝึก แต่สมาธิจะเกิดได้ด้วยการฝึกจิตให้มีกำลังของสติเพิ่มขึ้น องค์ภาวนาที่ใช้ในการฝึกจิตให้มีกำลังของสติ ได้แก่ กรรมฐาน 40 โดยเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งที่เหมาะกับจริตของตัวมาเป็นองค์ภาวนา เช่น อานาปานสติ เป็นกรรมฐานที่เหมาะกับผู้มีโมหจริต หรือมีวิตกจริต

   สำหรับผู้ฝึกใหม่ ต้องใช้จิตที่ตั้งมั่งจวนแน่วแน่(อุปจารสมาธิ) ไปตามดูอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับจิต เช่น อารมณ์ฟุ้งซ่านอารมณ์โกรธ อารมณ์ปวด ฯลฯ จนเห็นว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อใดอารมณ์ที่เกิดขึ้นดับไป (อนัตตา) จิตจะเห็นแจ้งชัดว่า อารมณ์ไม่ใช่ตัวตน จิตจะวางอารมณ์แล้วความเห็นแจ้งในอารมณ์จะเกิดขึ้น

ด้วยเหตุนี้จึงควรฝึกจิตให้ตั้งมั่นเป็นอุปจารสมาธิให้ได้ก่อนแล้วจึงค่อยตามดูจิตในภายหลัง
    

734.
กราบเรียนอาจาร์ยดร. สนอง

ได้อ่านหนังสือของอาจาร์ยเกือบทุกเล่ม รู้สึกดีมากค่ะ ทีนี้มีคำถามมาถามอาจาร์ย 3 ข้อ วอนอาจาร์ยช่วยให้คำแนะนำด้วยค่ะ

1- เคยขโมยเงินคุณพ่อไปใช้แบบที่เราอยากใช้ ทีนี้สิ่งนี้มันตามวนเวียนมาในหัวสมองจนรู้สึกว่ายังผิดอยู่ประจำ อยากหาทางหรือวิธีชดใช้กรรม แต่ไม่อยากสารภาพกับคุณพ่อ อาจาร์ยช่วยแนะนำให้ทีค่ะ

2- มีวิธีทำอย่างไรให้เราทำงานแล้วมีความสุขทั้งๆที่ไม่ชอบระบบการทำงาน นิสัยเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย

3- ถ้าเป็นคนติดการโกหกเพื่อทำให้เราหลุดพ้นออกจากความทุกข์ มีวิธีไหนที่จะแก้ได้บ้างค่ะ

รบกวนอาจาร์ยแค่ 3 ข้อค่ะ กราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    (1) ผู้ใดวิ่งหนีห่างจากความจริง ผู้นั้นไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ฉะนั้นผู้ถามปัญหาประสงค์จะให้อกุศลกรรมทุศีลข้อ 2 ที่เคยทำไว้กับคุณพอให้หมดไป ต้องอยู่กับความจริงยอมรับความจริงแล้วนำพวงมาลัยดอกไม้สดไปสารภาพความผิด ที่เคยไปขโมยเงินของท่าน เมื่อใดที่คุณพ่อเอ่ยปากยกโทษให้ คุณจึงจะพ้นจากความผิดที่ทำนั้นได้ และต้องไม่ขโมยเงินของท่านอีก

   (2) เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยเหตุผู้ถามปัญหามีปัญญาเห็นผิด หากประสงค์จะให้ปัญหานี้หมดไปต้องแก้ไขที่ตัวผู้ถามปัญหาเอง ด้วยการพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง นำตัวเองเข้าฝึกวิปัสสนากรรมฐาน เมื่อผู้ฝึกเกิดปัญญาเห็นแจ้งขึ้นแล้วจะเห็นว่า ระบบการทำงานนิสัยเพื่อนร่วมงานนิสัยของเจ้านายล้วนต่างเป็นครูผู้มีพระคุณ สอนใจให้เราได้เรียนรู้ และมีประสบการณ์ชีวิตเพิ่มมากขึ้น

   (3) พระพุทธะเป็นผู้มีความเป็นสัพพัญญูคือรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง พระพุทธะบัญญัติศีลข้อ 4 ไว้ ให้กับมนุษย์และเทวดาผู้ปรารถนามีความสุขนำไปประพฤติปฏิบัติ ด้วยการเว้นจากการประพฤติวาจามุสาวาทได้แล้วโทษที่เกิดทางวาจาจะไม่มี
    

733.
กราบเรียนสอบถาม อ.ดร.สนอง ดังนี้คะ

   1. เงินที่ได้มาจากการถุกลอตเตอรี่ ถ้านำมาทำบุญจะถือว่าบาปไหม แล้วการได้เงินมาดังนี้ถือว่าเป็นเงินที่ไม่บริสุทธิ์หรือเปล่าคะ

   2. บ้านดิฉันไม่มีห้องพระ อยากเช่าพระพุทธรูปมาให้ในห้องนอน แต่เคยได้ยินมาว่ามันไม่ควร เนื่องจากเทวดาจะไม่เข้ามา และอีกอย่างดิฉันเป็นผู้หญิงบางครั้งต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง มันไม่สมควรหรือเปล่าคะ อาจารย์ ตอนนี้ในห้องจะมีแต่รูปของพระพุทธรูป และพระสงฆ์ที่ดิฉันรักและเคารพ

   3. ดิฉันต้องขับรถประจำ เวลาขับรถหรือรถติด ดิฉันจะสวดมนต์ แต่ไม่ได้ยกมือขึ้นประนม เพราะต้องจับพวงมาลัย อย่างนี้จะถือว่าได้ไหมคะ เพราะทุกครั้งที่สวดมนต์เราต้องยกมือขึ้นประนม ดิฉันไม่ค่อยสบายใจกลัวว่าจะเป็นการหลบหลู่

   4.การฝึกแบบมโนมยิทธิมีหลักการอย่างไรหรือคะ ดิฉันเคยมีโอกาสได้เข้าไปเรียนแต่ไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของการทำอย่างนี้ ปกติดิฉันจะนั่งวิปัสสนากรรมฐาน เดินจงกรม ตามปกติ

   ขอบคุณคะอาจารย์

คำตอบ
    (1) สังคมใดอนุญาตให้กิจการล๊อตเตอรี่เป็นสิ่งถูกกฎหมาย เงินที่ได้จากการถูกรางวัลจึงเป็นเงินบริสุทธิ์ตามที่สังคมบัญญัติ แต่การซื้อขายล๊อตเตอรี่เป็นเหตุแห่งอบายมุข นำความเสื่อมมาสู่ชีวิตได้

ฉะนั้นการได้เงินจากการถูกรางวัลจึงเป็นเงินที่ไม่บริสุทธิ์ในทางธรรม ผู้ใดนำเงินที่ไม่บริสุทธิ์ไปทำบุญ อานิสงส์ที่เกิดขึ้นจึงได้บุญที่ไม่บริสุทธิ์ เป็นบุญที่มีบาปเจือปน

   (2) เอาพระพุทธรูปมาไว้ในห้องนอน เพื่อจุดประสงค์กราบไหว้สวดมนต์ก่อนนอน เป็นการกระทำที่ไม่สมควร ผู้ใดศรัทธาในพุทธศาสนา สามารถส่งใจไปกราบไหว้และสวดมนต์บูชาคุณพระรัตนตรัย ต่อหน้าพระพุทธรูปในโบสถ์ใดโบสถ์หนึ่งที่คุ้นเคย หรือต่อองค์พระแก้วมรกตที่ประดิษฐานอยู่ในโบสถ์วัดพระแก้วในพระบรมมหาราชวังก็สามารถปฏิบัติได้

   (3) มนุษย์ทำกรรมได้ 3 ทาง คือ ทางกาย ทางวาจา ทางใจ เมื่อใจมิได้คิดลบหลู่ การสวดมนต์ทางวาจา กับทางใจสามารถทำได้

   (4) มโนมยิทธิ หมายถึง การมีฤทธิ์ทางใจ เป็นโลกิยอภิญญาตัวที่ 2 ในวิชชา 8 มโนมยิทธิเกิดได้กับผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ (สมถกรรมฐาน) ผู้ตอบปัญหาไม่แนะนำผู้ใดให้ตั้งเป้าหมายพัฒนาจิตเพื่อให้เกิดฤทธิ์ทางใจเพราะไม่ทำให้พ้นไปจากทุกข์ได้ แต่ผู้ตอบปัญหาแนะนำให้ฝึกวิปัสสนากรรมฐานเพื่อเป้าหมายของการเกิดวิปัสสนาญาณ แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งกำจัดกิเลสให้หมดไปจากใจได้เมื่อใดแล้ว วิถีแห่งการพ้นไปจากทุกข์จึงจะเกิดขึ้นได้
      

732.
เรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

ไม่ได้เป็นคำถามค่ะ อยากเล่าสู่กันฟัง

   ดิฉันมีลูกสาวอายุสามขวบกว่า มีปัญหาครอบครัว และนอนกันคนละห้องกับสามี ดิฉันนอนกับลูกสาว และมักจะสวดมนต์ก่อนนอน ตั้งใจทำให้ลูกดูเป็นตัวอย่าง แต่ห้องดิฉันไม่มีพระพุทธรูป จึงกราบรูปพระพุทธรูปที่หน้าปกหนังสือแทน (พระพุทธรูปอยู่ห้องนอนสามี ซึ่งเดิมเป็นห้องพระ) อยู่มาวันหนึ่งลูกสาวบอกว่าอยากให้มีพระพุทธรูปในห้องนอนของดิฉัน ดิฉันได้ยินก็ไม่ว่าอะไร คิดว่าถ้าลูกไม่พูดอะไรอีก ก็จะเฉยๆ ผ่านมาหลายวัน ลูกสาวตื่นนอนกลางวัน ก็พูดว่าย้ายๆ ร้องไห้ จูงมือแม่เดินขึ้นชั้นบนไปห้องพระ บอกว่าอยากให้ย้ายพระพุทธรูปไปไว้ห้องแม่ จะได้ไม่ต้องกราบหนังสืออีก ดิฉันซาบซึ้งมาก ใจหนึ่งก็ขำ ดิฉันตั้งใจจะไปเช่าพระตามความต้องการของลูก แต่ไม่ได้เอาจากห้องพระเพราะเป็นของสามี บางครั้งเขาเองก็กราบไหว้เช่นกัน แต่นานๆ ครั้งจะไหว้ เขามักจะเมาเป็นประจำ และมักจะนอนหลับในสภาพนั้น เรื่องราวจบลงด้วยการที่ดิฉันได้พระพุทธรูปมาจากวัดหนึ่ง ซึ่งเจ้าอาวาสท่านได้เมตตาให้มาโดยไม่ต้องเสียทรัพย์บูชา ดิฉันก็กั้นห้องนอนทำเป็นห้องพระ วันแรกที่ได้มาลูกสาวได้ไปนั่งสวดนะโมจบไปหลายจบ

   ดิฉันต้องรับผิดชอบทุกอย่าง แต่ก็พยายามทำชีวิตให้มีคุณค่าด้วยการทำงาน และดูแลลูกเต็มที่ แม้ว่ามันจะเหนื่อยมาก คิดว่าการได้สวดมนต์ นั่งสมาธิ ฟังธรรมะ จะช่วยเตือนสติตัวเองบ้าง เพราะทุกๆวัน มีมารมาท้าทายอยู่ตลอดเวลา ต้องอดทนมากเหลือเกิน

ขอบพระคุณอาจารย์และชมรมกัลยาณธรรม ที่ได้ให้สิ่งที่มีคุณค่าต่อสังคม

คำตอบ
   ...สาธุ รักษาความดีให้คงอยู่ตลอดไปและทำดีให้ยิ่ง ๆขึ้น
  

731.
กราบเรียน ท่านอาจารย์สนอง ที่เคารพ

   หนูขอคำแนะนำด้วยค่ะ เรื่องการปฎิบัติตัวในสังคม เนื่องจากในสังคมที่ทำงานของหนูนั้น มีหนูเพียงคนเดียวที่ค่อนข้างจริงจังในการปฎิบัติธรรม นอกนั้นจะปฎิบัติเพียงตามโอกาสและประเพณีเท่านั้น และบางคนก็จะสนใจในเรื่องวัตถุมงคลไปเลย พอหนูปฎิบัติธรรมได้สัก 1 ปี ผ่านมานั้น หนูรู้สึกอยากปลีกตัวและเลิกพูดคุยกับเพื่อนๆ ที่ทำงาน
เพราะเรามักจะพูดคุยแต่เรื่องไร้สาระ ครบเครื่องหมดเลยค่ะทั้ง พูดเสียดสี พูดเพ้อเจ้อโปรยประโยชน์ ถึงแม้นจะเป็นการพูดคุยหยอกล้อกันเล่นๆ ไม่ได้มีประสงค์ร้ายต่อกันก็เถอะ ปัญหาคือ พอหนูทำตัวสันโดษ ก็กลายเป็นคนแปลก แตกแยกจากคนอื่น มีแต่คนบอกให้ทำตัวเหมือนเดิมเพราะอย่างไรเราก็ยังอยู่ในสังคม
(คือยอมรับนะคะว่า หนูเองก็เป็นหัวโจกตัวฮาของกลุ่มเลยนะคะ) หนูก็เลยไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ทำตัวเหมือนเดิมก็รู้สึกว่าจะทำให้เราปฎิบัติธรรมได้ไม่เต็มที่และไม่ก้าวหน้าเลย พยายามเดินทางสายกลาง แต่ทุกครั้งที่จบการสนทนากับเพื่อนๆ ก็รู้สึกเป็นทุกข์ พอแยกตัวออกห่าง ก็กลายเป็นเหมือนคนแปลกหน้ากันอีก
ขอท่านอาจารย์แนะนำทางสว่างเป็นวิทยาทานให้หนูด้วยค่ะ

   อีกเรื่องหนึ่งค่ะ หนูขออนุญาต write CD ธรรมะบรรยายหรือหนังสือที่ท่านอาจารย์เป็นผู้เขียนที่หนูโหลดจากเว็ปกัลยาณธรรม มอบเป็นธรรมทานตามโอกาสที่หนูสามารถทำทานได้ด้วยนะคะ

สุดท้ายนี้ ขอท่านอาจารย์มีสุขภาพแข็งแรง สำเร็จ มรรคผล นิพพาน ดั่งใจปราถนาค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
Boosrin

คำตอบ
    คำว่า “ ครบเครื่อง ” สำหรับอกุศลวจีกรรมมี 4 อย่าง คือ พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดหยาบ พูดเพ้อเจ้อ

   ในครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าได้สอนเณรราหุล ให้สำเหนียกอยู่เสมอว่า “ จักไม่กล่าวเท็จ แม้เพียงประสงค์จะให้หัวเราะเล่น ” และมีอยู่ครั้งหนึ่งพระพุทธะได้เสด็จหมู่บ้านพราหมณ์ชนบทห่างไกลที่ชื่อว่าหมู่บ้านสาละ ซึ่งอยู่ในแคว้นโกศล พระพุทธะได้ตรัสกับหมู่พราหมณ์ในความหมายที่ว่า กุศลกรรมบถ 10 เป็นทางดำเนินไปสู่สวรรค์อกุศลกรรมบถ 10 เป็นทางสู่นรก

   ฉะนั้น ผู้ถามปัญหามีชีวิตเป็นของตัวเอง จึงต้องเลือกด้วยตัวเองวาจะนำพาชีวิตไปบนเส้นทางใด ผู้ตอบปัญหามิบังอาจตัดสินใจแทนใครได้ ผู้ตอบปัญหาเป็นได้เพียงผู้ชี้ทาง
  

730.
เรียน อาจารย์ค่ะ

ดิฉันมีศรัทธาจะได้ทำบุญกับพระที่ออกจากนิโรธสมาบัติ ได้อ่านจากหนังสือของอาจารย์ว่ามีพระที่เข้านิโรธสมาบัติทุกปี วัดที่อยู่จังหวัดสระบุรี อยากทราบว่าวัดอะไรอยู่อำเภอไหน มีกำหนดการอย่างไร ขอความเมตตาอาจารย์บอกรายละเอียดด้วยค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
ปวริศา

คำตอบ
    พระสงฆ์ที่เข้านิโรธสมาบัติประจำทุกปีนั้นอยู่ที่วัดศรีดอนมูล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ มิได้อยู่ที่จังหวัดสระบุรี ปีนี้ท่านจะเข้านิโรธสมาบัติวันที่ 21 กุมภาพันธ์ และจะออกจากนิโรธสมาบัติในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
  

729.
เรียน ท่านอาจารย์สนอง

   รบกวนสอบถามว่าถ้าสามีไปมีคนอื่น แต่ยังรักและผูกพันกับเราอยู่ แต่ก็ยังห่วงอีกฝ่ายไม่สามารถตัดใจได้ ผู้หญิงท่านนั้นก็ไม่รู้ว่าเค้ามีภรรยาแล้ว แต่สามีกลับมาสารภาพกับเราเอง เพราะอยากมีลูกกับผู้หญิงคนนี้ และเพราะเราไม่สามารถมีลูกกับเค้า สามีก็เลยคิดจะไปแอบมีอะไรกับผู้หญิงท่านนี้เพื่อจะได้มีลูก และเก็บผู้หญิงคนนี้ไว้ลับ ๆ โดยไม่ได้เปิดเผย แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นมีลูก แต่ก็มีอะไรกันแล้ว สามีบอกห่วงผู้หญิงคนนี้เพราะเค้ายังอายุน้อยและถูกหลอกง่าย เกรงว่าจะเจอคนไม่ดีและถูกคนอื่นหลอก แต่ถ้าเค้าไปเจอคนดีและรักกันก็เต็มใจปล่อยไป เมื่อเรารู้เรื่องก็อดหวั่นไหวเศร้าใจไม่ได้ อยากจะขอเลิกราในฐานะการเป็นภรรยา แต่ความเป็นเพื่อนก็ยังมีให้เหมือนเดิม ไม่เกลียดโกรธ แต่เค้าขอร้องไว้ว่าให้ช่วยอยู่กับเค้า เพื่อที่เค้าจะได้หยุดความเจ้าชู้ให้น้อยลง และไม่ทำร้ายผู้หญิงอีกมากมาย ที่ผ่านมาเค้าจะเจ้าชู้ก็ทะเลาะกันหลายครั้งแต่ตอนหลังเราก็ให้อภัย เพราะเค้าจะสารภาพเองเรื่องนี้เอง จับได้บ้างแต่เค้าก็จะบอกรายละเอียดจนหมด

   ประเด็นที่ถามคือ ถ้าเค้าไม่สามารถตัดใจจากผู้หญิงอีกท่าน เราควรจะตัดใจเองดีหรือไม่ เพราะไม่อยากเข้าไปในวงจรเมียหลวงเมียน้อย คือเรารู้เรื่องแล้วก็เหมือนสมรู้ร่วมคิดกับสามีในการหลอกผู้หญิงคนนั้น

   แต่เค้าขอให้เราวางเฉยปฏิบัติธรรมอะไรได้ แต่ก็ขอให้เราทำหน้าที่ภรรยาต่อ คือให้ทำอย่างนั้นเราก็ทำได้ แต่จะเป็นการสร้างกรรมกับผู้หญิงคนคนนั้นหรือไม่ เค้าบอกถึงเราจะเลิกกับเค้า เค้าก็ไม่สามารถอยู่กับใครได้เหมือนเรา ไม่มีใครที่เข้าใจและพูดคุยกันได้เปิดอกเหมือนเรา

ขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    มนุษย์เป็นสัตว์สังคมสัตว์สัมทุกตัวตนมีวงจรกรรมหลากหลาย ที่เข้าไปมีส่วนร่วมผู้ตอบปัญหาเคยร่วมวงจรกรรมทุศีลข้อ 5 ด้วยปรารถนาพัฒนาชีวิตของตนเองให้ดีให้เป็นตัวอย่างของสังคมคนดี จึงกันตัวเองออกจากวงจรอกุศลกรรมนั้น

   ผู้ถามปัญหามีชีวิตเป็นของตัวเอง และประสงค์ไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในวงจรกรรมภรรยาหลวง-ภรรยาน้อย ต้องตัดสินใจและเลือกทางเดินของชีวิตด้วยตัวเองแต่ก่อนมีการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรขอยกตัวอย่างวงจรกรรมภรรยาหลวง-ภรรยาน้อยมาบอกเล่าให้ฟังว่า ในอดีตมีลูกสาวคหบดีสองคนลูกสาวคนพี่ชื่อภัททา คนน้องชื่อสุภัททา พี่สาวออกเรือนไปแต่งงานอยู่กินกับสามีแต่ไม่มีบุตร จึงบอกสามีให้ไปขอสุภัททามาเป็นภรรยาน้อย ทั้งภรรยาหลวงและภรรยาน้อยมีจิตเป็นกุศลขวนขวายในการทำบุญให้ทานช่วยกันปรุงอาหารถวายพระที่มารับบิณฑบาตเมื่อทั้งสองตายไป ภัททาไปเกิดเป็นบาทบริจาริกาของพระอินทร์อยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ส่วนสุภัททาไปเกิดเป็นเทพนารีอยู่ในสวรรค์ชั้นนิมมานนรดี

   กรรมคือการกระทำทำดีเรียกว่ากุศลกรรมเมื่อใดที่กรรมให้ผลจะให้ผลเป็นกุศลวิบาก ดังตัวอย่างของภัททากับสุภัททา ส่วนกรรมไม่ดี(อกุศลกรรม) เมื่อทำแล้วจะให้ผลเป็นอกุศลวิบาก ดังตัวอย่างของอิสิทาสี ซึ่งอดีตกรรมเคยไปยุสามีให้ขับไล่ภรรยาหลวงให้ออกจากบ้านชาติที่มาเกิดอยู่ในครั้งพุทธกาล กรรมชั่วให้ผลแต่งงานแล้วจึงต้องเป็นหม้ายถึง 3 ครั้ง ด้วยสามีทั้งสามคนปฏิเสธที่จะอยู่ร่วม

ฉะนั้นผู้ถามปัญหาจะเลือกทำกรรมชนิดใด ต้องบริหารจัดการชีวิตด้วยตัวเอง ผู้ตอบปัญหาเป็นได้เพียงผู้ชี้ทางทั้งดีและไม่ดีให้เลือกเท่านั้น
  

728.
เจริญพร คุณโยม ดร. สนอง วรอุไร

 อาตมาภาพ ได้บวชเรียนในบวรพระพุทธศาสนา สายธรรมยุติ ณ วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม จ.ปทุมธานี เมื่อ 14 ก.ค. 2550

    เนื่องจากต้องการปฏิบัติกรรมฐาน อยู่ป่า เพื่อหลีกเร้นและหนีสงสาร จากโลก ((ปัจจุบันจำวัตรอยู่วัดสีตลาราม(ธ) จ.ตาก)) และความที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการประพฤติในเพศฆราวาส จนเป็นเหตุให้ถูกอดีตภริยา ได้ใส่ร้ายฟ้องร้องเป็นคดีอาญา กล่าวหาว่าได้ทำการอนาจารบุตรสาว วัย 4 ขวบ ซึ่งอาตมาภาพในสมัยเป็นฆราวาสนั้น ก็ถูกอดีตภริยาและครอบครัว ได้กีดกันและไม่ให้พบลูกสาวเลยตั้งแต่ ลูกสาวอายุได้ 6 เดือน และต้องต่อสู้ฟ้องร้องกันมาตลอด 4 ปี จนลูกอายุได้ 4 ขวบ และการที่เขาไม่ทำตามข้อตกลงเลย จึงเป็นเหตุให้อาตมาภาพ ขอออกหมายจับและหมายขัง จนศาลอนุมัติตามคำขอ แล้วต่อมาก็เกิดความกลัว จึงส่งมอบลูกสาววัย 4 ขวบ ให้อาตมาภาพ และเป็นเหตุให้เขาและครอบครัว ใส่ร้ายว่าอาตมาภาพ(ฆราวาส) ทำอนาจาร ลูกสาวตนเอง นี่คือกรรม ณ ปัจจุบัน และผูกพันมาแต่อดีตในชาตนี้ ิ

   อาตมาภาพมีความซาบซึ้งในพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระพุทธศาสนา จนเป็นเหตุให้เกิดสัมมาทิฏฐิ ที่จะครองเพศสมณ เพื่อเจริญในธรรม ตราบเท่าที่บุญยังมีอยู่

จึงเจริญพร มาเพื่อขอให้คุณโยม ช่วยแนะนำบุพกรรมและกรรมในปัจจุบันแก่อาตมาภาพ
ตามความเหมาะสมด้วย

เจริญพร
พระภิกษุณัฐฐพล ขนฺติโก

คำตอบ
    นักวิทยาศาสตร์เชื่อในความเป็นเหตุผล เมื่อมีเหตุเกิดย่อมมีผลเกิดตามมาหรือผลที่เกิดขึ้นย่อมมีเหตุที่ทำให้เกิด ผู้ที่เข้าถึงธรรมในพุทธศาสนารู้ว่าไม่มีแม้เพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นโดยบังเอิญทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ย่อมมีเหตุที่ทำให้เกิดทั้งสิ้น กรรมวิบาก มีจริง เป็นประสบการณ์ตรงของผู้ตอบปัญหาจึงขออนุญาตแนะนำพระคุณเจ้าว่า การจะให้ปัญหาของพระคุณเจ้าหมดไปสามารถทำได้ 4 อย่างคือ

   1.  ยอมรับความจริงของบุพกรรมและยอมชดใช้วิบากของกรรมที่ตามมาทันในชาติปัจจุบัน ชดใช้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าหนี้เวรกรรมจะหมดสิ้น

   2.  ทำบุญใหญ่แลกหนี้บุญใหญ่ต้องทำด้วยการปฏิบัติจิตตภาวนาแล้วอุทิศบุญที่เกิดขึ้นให้กับเจ้าหนี้เวรกรรม (อดีตภรรยาและลูกสาว) ไปเรื่อย ๆ วิธีนี้เป็นการเอาบุญของพระคุณเจ้าแลกกับหนี้บุพกรรมที่เป็นเวรต่อกัน

   3.  สร้างความดีหนีหนี้ ด้วยการพัฒนาตัวเองให้มีความเพียรไม่ประพฤติอกุศลกรรมใหม่ให้เกิดขึ้น เพียรกำจัดอกุศลกรรมเก่าให้หมดไปเพียรทำความดีทุกรูปแบบให้มีกำลังหนีทันอกุศลวิบากที่จะตามมาให้ผลและสุดท้ายเพียรรักษาความดีที่พัฒนาได้ให้คงอยู่

   4.  หนีเข้านิพพานด้วยการพัฒนาจิตตนเองหมดอาสวกิเลสแล้วดับรูปดับนามเข้านิพพาน

ทั้ง 4 ข้อเป็นทางปฏิบัติของอริยบุคคล ในการบริหารจัดการนำพาชีวิตของตนเองข้ามวัฏฏะ คือข้ามไปจากความทุกข์ทั้งมวล
      

727.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพอย่างสูง

หนูจะ อุทิศส่วนกุศล ทุกครั้งหลังจากนั่งสมาธิค่ะ ...
คำว่า "อุทิศส่วนกุศล" เราใช้กับคนเป็นได้หรือไม่คะ หรือว่า ใช้เฉพาะกับคนตายแล้วเท่านั้น ?
หนูต้องการให้บุญที่เกิดจากการทำสมาธิของหนูนี้ (ถึงแม้จะเป็นบุญเพียงเล็กน้อย แต่หนูก็จะเพียรทำทุกวัน) ให้กับพ่อแม่ หนูตั้งจิตอธิษฐาน แล้วใช้คำว่า อุทิศส่วนกุศล ให้กับพ่อแม่ ได้หรือไม่คะ ?

ขอบพระคุณในความเมตตาของท่านอาจารย์ค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง
จีรภา

คำตอบ
    การอุทิศส่วนกุศลจะสัมฤทธิ์ผลได้ต้องประกอบด้วยปัจจัย 3 คือ มีผู้อุทิศให้ มีบุญกุศลที่อุทิศ มีผู้มาอนุโมทนา

   ฉะนั้นคนที่ตายไป แล้วไปเกิดเป็นรูปนามใหม่ที่มีลักษณะต่างไปจากรูปนามเดิม หรือมีลักษณะเหมือนรูปนามเดิมที่เป็นทิพย์ (สัมภเวสี) รวมถึงรูปนามที่ถูกสมมุติว่าเป็นพ่อเป็นแม่ หากเขาเหล่านั้นสามารถมาอนุโมทนาบุญได้การอุทิศกุศลนั้นจะบรรลุผล

   ผู้ถามปัญหาถามไปว่าอุทิศส่วนกุศลให้กับพ่อแม่ได้หรือไม่จึงตอบว่า คุณสามารถอุทิศกุศลให้ท่านได้ ปัญหามีอยู่ว่าท่านรับรู้หรือไม่ถ้าพ่อแม่รับรู้และอนุโมทนาผลสัมฤทธิ์แห่งการอุทิศกุศลจะเกิดขึ้น
    

726.
เรียนอ.ดร.สนอง

  1. เมื่อสัตว์เลี้ยงที่บ้านป่วยแล้วเราไม่พาเค้าไปหาหมอจะถือว่าบาปไหมคะ จะปล่อยให้เค้าไปตามกรรมของเค้า หรือว่าเราต้องช่วยเค้าให้ถึงที่สุดคะ

   2. ดิฉันมีรูปภาพพระพุทธรูปอยู่ที่บ้าน โดยจะสวดมนต์หน้ารูปภาพพระพุทธรูปอยู่เป็นประจำ อยากเรียนถามว่าจะมีเทวดาอยู่ในรูปภาพได้หรือไม่ เนื่องจากดิฉันไม่มีองค์จำลองมีแต่เพียงรูปภาพคะ

   3.ทำไมบุญที่ได้จากการเจริญวิปัสสนากรรมฐานจึงถือว่าเป็นบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคะ ทำไมอานิสงค์มันถึงได้มากมายขนาดนั้น

   4. ทำไมจึงกล่าวว่าขณะที่ตายถ้าเราคิดยังไง เช่น คิดไม่ดี ก็จะไปเกิดในอบาย แล้วถ้าคนๆนั้นเป็นคนที่ทำความดีมาตลอด แต่ขณะตายดันไปคิดเรื่องไม่ดีเข้า มันจะยุติธรรมเหรอคะ กับคนที่ทำชั่วมาตลอดแต่ขณะตายก็สวดมนต์ คิดแต่สิ่งดีๆ

   รบกวนอาจารย์ด้วยนะคะ ขอบคุณคะ

คำตอบ
    (1) มิได้ประพฤติผิดศีล ไม่ถือว่าเป็นบาปแต่เป็นความมัวหมอง (มลทิน) ของใจที่ไม่มีเมตตากรุณา

   (2) เทวดาพวกที่ศรัทธาในพุทธศาสนาจะไม่เข้าไปอยู่ในรูปจำลองขององค์พระพุทธะ แต่จะปกป้องคุ้มครองอยู่ใกล้ ๆ

  (3) การเจริญวิปัสสนากรรมฐานถือว่าเป็นบุญใหญ่สุดเพราะปฏิปทาเช่นนี้เป็นหนทางนำพาชีวิตไปสู่นิพพานสมบัติได้

   (4) ยุติธรรม หมายถึง ความชอบด้วยเหตุผล ผู้มีความเห็นถูกตามธรรมเชื่อว่าสัตว์โลกเป็นไปตามกรรมและเชื่อว่ากรรมใกล้ตาย (อาสันนกรรม) จะให้ผลก่อนถ้าไม่มีกรรมหนัก (ครุกรรม)และกรรมที่ทำจนเคยชิน (อาจิณณกรรม)ให้ผล

   ปัญหามีอยู่ว่า เมื่อใกล้ตายจิตระลึกได้ในกุศลกรรมแล้วจิตหลุดออกจากร่างทันที แรงของกุศลกรรมจะผลักดันจิตให้ไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในสุคติภพ ตรงกันข้ามเมื่อใกล้ตายจิตระลึกได้ในอกุศลกรรมแล้วจิตหลุดออกจากร่างทันทีแรงของอกุศลกรรมจะผลักดันจิตให้ไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในทุคติภพ
   

725.
ขอโอกาสค่ะ

   ถ้าภาวนาจนเกิดปัญญารู้ว่า "จิตไม่ใช่เรา" สงสัยค่ะ ว่าตอนตาย ถ้ามีสติรู้อยู่ เฝ้าดูว่า จะเกิดอะไรต่อไป แต่จิตยังไม่ได้หลุดพ้นเนื่องจากยังมีกิเลสเหลืออยู่ อะไรจะเป็น ตัวนำไปเกิด เป็นเพราะตัวรู้ยังอยู่ใช่ไหมคะ เพราะถ้ามีตัวรู้ก็ถือว่ายังมีจิต ขอความกรุณาท่านอาจารย์ อธิบายการสร้างภพของจิตด้วยค่ะ

ขออนุโมทนาบุญในมหากุศลจิตค่ะ

คำตอบ
    เมื่อปัญญารู้ว่า “ จิตไม่ใช่เรา ” แล้วยังเกิดความสงสัยแสดงว่าปัญญาที่นำมาใช้พิจารณาจิตนั้น
เป็นจินตามยปัญญาแต่ถ้าเป็นเห็นแจ้ง(ภาวนามยปัญญา) ที่เกิดขึ้นในดวงจิตแล้วจะไม่เกิดเป็นความสงสัย

ดังนั้นตัวที่จะนำจิตไปเข้าอยู่อาศัยในร่างใหม่คือความไม่รู้จริง(อวิชชา) ที่ยังมีอยู่ในดวงจิตนั่นเอง

ผู้ถามปัญหาประสงค์จะรู้การสร้างภพของจิต ต้องไปดูเรื่องสิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงเกิดมีขึ้น(ปฏิจจสมุปบาท)
      

724.
เรียนถามอ.สนองที่เคารพ

หนูอยากทราบวิธีการสอบอารมณ์ตนเองค่ะ

เราจำเป็นต้องทราบว่าเราปฏิบัติถึงระดับไหนหรือเปล่าคะ
หนูเกิดมาในครอบครัวปฏิบัติธรรม ใส่บาตรเป็นตั้งแต่ยังเด็ก นั่งสมาธิกับตากับยาย ไปวัดทุกวันพระ และได้ค้นพบด้วยตัวเองว่า การไม่ทำให้ตัวเองทุกข์ก็คือการหยุดคิด มีอะไรอีกหลายอย่างค่ะที่ทำให้หนูคิดว่า หนูมาต่อจากชาติที่แล้ว
เมื่อต้นปีที่แล้ว หนูได้รับคำแนะนำจากอ.ท่านหนึ่ง ท่านเมตตาสอนให้แยก จิต สติ ความคิด ซึ่งหนูก็เริ่มปฏิบัติด้วยการตามรู้การเดินในชีวิตประจำวัน และมีแผนที่เป็นลำดับญานซึ่งรู้ได้ด้วยตนเอง และปฏิบัติต่อเนื่องเรื่อยมาตามความรู้ที่ได้ศึกษาจากการอ่าน ฟังธรรม สนทนาธรรม และปรากฏการณ์จากการปฏิบัติ

   ไม่นานมานี้ หนูฝันถึงหลวงปู่เหรียญค่ะ ท่านเอาเท้ายันไว้ไม่ให้ลงจากรถ ซึ่งในรถโค้ชคันนั้นมีครูบาอาจารย์อยู่เต็มรถ ต่อมาหนูฝันถึงพ่อ ว่าพ่อเอาซากศพผูกติดกับตัวไว้ ใครๆก็เอาศพผูกติดกับตัวไว้ เมื่อคืนก็ฝันว่ามีปลาที่เกล็ดสวยงามเหมือนมรกตบินขึ้นจากอ่างเลี้ยงปลา บินไปต่อหน้าต่อตา สูงขึ้นๆ หนูก็ถืออ่างปลาเดินตาม กลัวว่าถ้าไม่อยู่ในน้ำปลามันจะตาย แต่มันบินอย่างมีความสุขค่ะ

   ตอนนี้หนูพิจารณาขันธ์ชัดเจนขึ้น การน้อมนำสิ่งที่สัมผัสทางทวารทั้ง 6 สู่ไตรลักษณ์และอริยสัจก็ดีขึ้น เห็นอะไรก็พิจารณาได้และปล่อยวางได้ ทำให้จิตเบาขึ้นๆ ไม่มีความโกรธ โลภ อยู่ในใจเลย โทสะ มีบ้าง แต่ก็เห็นชัดตั้งแต่มันรู้สึกจึงปล่อยวางได้ ยิ่งมาป่วยหนัก ทำให้พิจารณาความตายได้โดยไม่มีความกลัว
ตอนแรกหนูไม่ได้สนใจปรากฏการณ์เหล่านี้เท่าไรคะ จนมีเพื่อนคนหนึ่งที่ถือศีล 8 เคร่งครัด มาปรามาสว่า เราปฏิบัติไม่ก้าวหน้าเนื่องจากศีล 5 เราไม่ครบ (คือเค้าไม่รู้ทางปฏิบัติเราและมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น หนูถือศีลข้อเดียวค่ะ) ก็ไม่ได้โกรธเค้านะคะ ก็แนะนำเค้าด้วยความเมตตาว่าการถือศีลนั้นก็ดี แต่มันไม่ได้เป็นมีดตัดกิเลส พี่เค้าก็ปรามาสต่อว่าครูบาอาจารย์เราเป็นใคร ครูบาอาจารย์เค้าเป็นใคร หนูเลยเงียบเสีย แต่ไม่อยากให้ใครมาปรามาสธรรมะในตัวเราเลยค่ะ เพราะของดีเราเห็น
ตอนแรกไม่คิดจะอยากรู้อะไรค่ะ จะปฏิบัติไปเรื่อยๆ อาจารย์ว่าหนูควรจะรู้ระดับของตัวเองหรือไม่คะ

ขอบคุณที่อาจารย์เมตตาตอบค่ะ
สาธุ

คำตอบ
     ไม่จำเป็นต้องทราบ จะหยุดคิดได้มีอยู่ 2 กรณีคือทำจิตให้ตกภวังค์(นอนหลับ) หรือพัฒนาจิตให้ไปเกิดเป็นอสัญญีสัตตาพรหม (พรหมที่มีแต่รูปไม่มีจิต)

   ผู้ใดอยากทราบระดับความรู้(ปัญญา)ของตัวเอง ผู้นั้นจะไม่รู้ แต่ถ้าผู้ใดทำจิตให้เป็นอิสระจากความอยากรู้ (ปลอดตัณหา) ผู้นั้นมีโอกาสเข้าถึงระดับของความรู้ของตัวเอง นี่คือคำตอบที่ถามไปว่าควรจะรู้ระดับของตัวเองหรือไม่ และเช่นเดียวกัน ความไม่อยากให้ใครมาปรามาสธรรมที่มีอยู่ในตัวเอง ยังเป็นความเห็นผิดเพราะในทางธรรม ไม่มีผู้ใดสามารถแก้ปัญหาเห็นผิดหรือเห็นถูกให้กับใครได้ เว้นแต่ว่า ผู้นั้นต้องแก้ปัญหาให้กับตนเอง
  

723.
เรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

ขอสอบถามปัญหา 2 ข้อค่ะ
   1. เพื่อนสอบถามว่า เหตุใดการนั่งสมาธิแค่ช้างกระดิกหู มีบุญมากกว่าการสร้างโบสถ์ 100 หลัง

   2. ดิฉันเคยสอบถามปัญหาอาจารย์และอาจารย์ตอบแล้ว(ข้อ 720) แต่ข้อความทั้งหมดที่เขียนรายงานคือ ในความคิดเห็นโดยส่วนตัว ดิฉันมอง 2 ด้าน ในทางโลกมองอย่างที่กล่าวมาข้างต้นและดิฉันเป็นส่วนหนึ่งของสังคมครอบครัวที่ยืนหันหลังให้กับระบบทุนนิยม แต่ในทางธรรมดิฉันมีความเห็นว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้นำโลกในทางธรรม เพราะท่านเป็นผู้มีความเป็นสัพพัญญูคือรู้แจ้งในทุกสิ่งทุกอย่าง สามารถใช้ปัญญารู้แจ้งส่องนำทางให้กับจิตวิญญาณของมนุษย์ เทวดาและพรหมในสุทธาวาสพ้นไปจากความทุกข์ทั้งปวงได้ ซึ่งผู้นำในทางโลกไม่มีผู้ใดมีความอัจฉริยะ เช่นท่าน กลับตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่ตื่นนอนจนหลับไปแต่ละวัน ตั้งแต่การดำรงชีพในแต่ละวันจนกระทั่งตายจากโลกไป ช่างน่าคิดว่าพระพุทธเจ้ากลับไปผู้นำโลกได้ทั้ง 3 โลก และเป็นผู้นำที่ไม่ล้าสมัย เวลาผ่านมา 2500 ปี ท่านไม่ต้องเปลี่ยนการแต่งตัว ( นุ่งจีวร ) ,ไม่ต้องเปลี่ยนวัฒนธรรมทางความคิด และกระบวนทัศน์ใดเพื่อให้ทันต่อยุคสมัย ข้อปฏิบัติและคำสั่งสอนของท่านยังเป็นสัจธรรม นอกจากนี้ยังมีความเป็นวิทยาศาสตร์ที่สามารถยืนยันและทดสอบได้ เพียงแต่ว่าผู้ที่จะยืนยันหรือทดสอบมีความสามารถเข้าถึงได้หรือไม่ ดิฉันจึงมีความแปลกใจว่า ในเมื่อสิ่งที่พระพุทธะท่านได้นำแบบอย่างเอาไว้อย่างดีแล้ว ผ่านห้วงเวลาการพิสูจน์มายาวนานแล้ว เหตุใด มนุษย์จึงยังหลงเลือกว่าควรจะค้นคว้าหาทางสร้างหรือคิดค้นหรือทำลายล้างกันเพื่อความเป็นใหญ่ของตัวเองหรือ แก่งแย่งชิงความได้เปรียบ เพื่อสนองความเห็นแก่ตัวของตนเอง แล้วมาชูกำปั้นว่าข้าฯนี่แน่และเก่งจริง เพียงเพื่อสนองกิเลสในห้วงชีวิตหนึ่งที่มีบุญได้เกิดเป็นมนุษย์มีอายุไม่ถึง 100 ปีนี้เท่านั้น แม้ในทางการศึกษาก็ยังค้นคิดทฤษฏีต่างๆมาสนับสนุนอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ เมื่อทฤษฏีใดไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์ได้ก็เปลี่ยนแนวคิดและค้นหาทฤษฏีใหม่ แล้วเหตุใดทฤษฏีของพระพุทธเจ้าเป็นทฤษฏีถาวรไม่มีข้อโต้แย้งใด มนุษย์เราท่านจึงไม่ศึกษาและทำตัวให้เข้าถึงเพื่อพิสูจน์สัจธรรมเหล่านั้น หากศึกษาและปฏิบัติได้ทั่วทุกแห่งในโลก ความสงบ สันติสุข จะบังเกิดในโลกหล้า ไม่ทราบว่าถูกต้องหรือไม่ ขอโทษที่เป็นคำถามที่ยาวมาก ดิฉันจะไม่รบกวนอาจารย์อีกแล้วเป็นคำถามสุดท้าย

กราบขอบพระคุณค่ะ
พ.ต.ท.หญิง อนันยา ฯ

คำตอบ
    (1) สร้างโบสถ์ 100 หลัง มีอานิสงส์สูงสุดได้เข้าถึงสวรรค์สมบัติ นั่งสมาธิแค่ช้างกระดิกหูแต่เข้าฌานได้มีอานิสงส์สูงสุดไดเข้าถึงพรหมสมบัติ

   (2) ผู้ถามปัญหายังมีความแปลกใจว่าทำไมมนุษย์จึงยังหลงเหลือหาทางค้นคว้าเพื่อทำลายกันและกัน หรือเพื่อสนองอัตตา ของตัวเอง ทำไมมนุษย์จึงไม่ศึกษาและทำตัวให้เข้าถึงสัจจธรรมของพระพุทธะ

   ความแปลกใจคือความไม่แน่ใจ คือ ความสงสัย เหล่านี้มีต้นเหตุจากความรู้ไม่จริง มนุษย์ส่วนใหญ่นิยมพัฒนาปัญญารู้ไม่จริง (สตุมยปัญญา และจินตามยปัญญา) จึงมีความเห็นเป็นคนละทางกับพระพุทธเจ้าผู้มีปัญญารู้จริงแท้

   ผู้ถามปัญหายังมีความแปลกใจ นั่นเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่า ผู้ถามปัญหายังมีความรู้ไม่จริง เมื่อใดผู้ถามปัญหาพัฒนาปัญญาจนเข้าถึงความเป็นผู้รู้จริงได้แล้ว ความแปลกใจในสิ่งที่ถามไปจะไม่เกิดขึ้น

   ในยุคสมัยนี้เป็นยุคที่จิตวิญญาณของมนุษย์ส่วนใหญ่มีพลังน้อยจิตตกเป็นทาสของโลกธรรมและวัตถุ คนส่วนใหญ่จึงตะเกียกตะกายแสวงหาสองสิ่งนี้มาประดับตัวตน ความหวังจะให้ความสงบและสันติสุข บังเกิดขึ้นในโลกหล้า ย่อมเป็นไปไม่ได้ หากประสงค์จะพิสูจน์สัจจธรรมของความรู้แจ้ง ผู้ถามปัญหาต้องสร้างเหตุให้จิตวิญญาณของตัวเองไปเกิดในยุคสมัยที่มนุษย์เกือบทั้งหมดมีจิตเป็นอิสระจากโลกธรรมและวัตถุ (ยุคพระศรีอารยเมตไตรย) ความสงบและสันติสุขในสังคมมนุษย์จะเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องคาดหวัง
      

722.
สวัสดีค่ะอาจารย์

   หนูก็เป็นคนหนึ่งที่จบจากมหาลัยเชียงใหม่คงเคยเรียนกับอาจารย์ค่ะ แรกสุดหนูเป็นคนห่างไกลศาสนามากคนหนึ่ง หนูเกิดมาในครอบครัวที่ถือว่าดีพ่อแม่น้องดี ฐานะปานกลาง หน้าตาดี การศึกษาดี รุ้สึกว่าชีวิตนี้สมบุรณ์ จนพอวันหนึ่งหนูมีความรักซึ่งหนูจริงจังมากถึงขั้นจะแต่งงานกับชายคนนี้เค้าเป็นหมอและเป็นพ่อม้ายแก่กว่า 7 ปี เราคบกันมา 4 ปี แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้แต่งงานแต่เค้าก็พูดว่าจะแต่งงานกับหนูทุกๆปี ไม่ใช่แค่บอกหนูแต่ยังบอกพ่อแม่ของหนูด้วย เหมือนเค้าหลอกเราทั้งครอบครัว ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา หนูมีความสุข 50 ทุกข์ 50 หนูเกิดอาการเครียดมากกับนิสัยและความเจ้าชู้ของเค้า จนเมื่อเข้าปีที่ 2 หนูเกิดอาการเหมือนเป็นโรคจิต ปรากฎว่าหนูป่วยเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ คือจะคิดและวิตกกังวลตลอดเวลา หนูเป็นหนักขึ้นๆ ทุกวัน เคยคุยกับจิตแพทย์ (ผู้มีพระคุณที่รู้จักทางอินเตอร์เน็ต) ท่านก็ช่วยบอกวิธีปฏิบัติตัวว่าต้องทำอย่างไร ก็เป็นโชคดีของหนูไปที่ได้เจอท่าน แต่อาการของโรคก็ไม่หาย ยังทรมานตัวหนูเองเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
   1. แบบนี้เกิดจากอะไรค่ะ แล้วหนูต้องทำอย่างไรให้ดีขึ้น
   2. หนูจะทำอย่างไรให้หลุดพ้นจากแฟนคนนี้ หรือทำให้ความสัมพันธ์ของเราดีขึ้นค่ะ ทุกวันนี้หนูสวดมนต์และแพร่เมตตาให้เค้าตลอด เผื่อว่าเค้าจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรเรา
   3. ทำอย่างไรชีวิตหนูจะมั่นคง และมีความสุขมากกว่านี้

ด้วยความเคารพและขอขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
  ปล. อาจใช้คำไม่เหมาะสมขออาจารย์โปรดอภัยด้วยค่ะ

คำตอบ
    (1) แม้จะเรียนมาสูงแต่ความรู้ (ปัญญา) ที่พัฒนาได้มานั้น ยังเป็นความรู้ที่ไม่ถูกตรงตามความเป็นจริงแท้ จึงเอาคำพูดของผู้อื่นมามีอำนาจเหนือใจ อารมณ์เครียดวิตกกังวลอาการย้ำคิดย้ำทำจึงได้เกิดขึ้น

วิธีแก้ไขในทางโลก หมอจะให้กินยาระงับการทำงานของระบบประสาท แต่ในทางธรรมแก้ด้วยการพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งซึ่งมีพลังมากใช้ปัญญาเห็นแจ้งมาดับต้นเหตุ คือคำพูดของผู้อื่นเป็นสิ่งที่เป็นอนัตตาไม่มีตัวตนแท้จริง จิตปล่อยวางคำพูดแล้วอารมณ์ที่ติดลบ อาการที่ติดลบจะหายไปอย่างถาวร

   (2) ประสงค์จะหลุดพ้นจากเขาต้องเอาตัวเองเข้าไปสัมผัสกับซากศพบ่อย ๆ (เจริญอสุภกรรมฐาน) จนจิตตัวเองไม่ตกเป็นทาสของรูป (ร่างกาย) ความหลุดเป็นอิสระจากเขาจึงจะเกิดขึ้นได้

สันดานของคนเป็นเรื่องที่เปลี่ยนได้ยาก การจะให้คนสองคนมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ต้องมีคุณธรรม 4 อย่างเสมอกัน คือมีความศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีการสละบริจาคเสมอกันและมีปัญญาเสมอกันถามว่าคุณจะทำได้ไหมถ้าทำได้ความสัมพันธ์ที่ดีจะเกิดขึ้นได้

   (3) ผู้ใดพัฒนาปัญญาทางโลกให้มีมาก พัฒนาทักษะให้มีมากและพัฒนาคุณธรรมให้มีมาก ความสำเร็จและความมั่นคงของชีวิตย่อมเกิดขึ้นและผู้ใดทำตัวเองให้มีศีล 5 คุมใจให้ได้ทุกขณะตื่นเลิกแสวงหาความสุขจากกามแล้วไม่แสวงหาความสุขจากจิตสงบชีวิตจะมีความสุขเพิ่มขึ้น
      

721.
เรียน อาจารย์สนองที่เคารพ

ขอรบกวนขอความกระจ่างจากอาจารย์อีกครั้ง เรื่องการปฏิบัติธรรม ดังนี้ค่ะ

   1. หากพิจารณาผัสสะด้วยการตามดู และเห็นไตรลักษณ์ปรากฎแล้ว จิตเริ่มปล่อยวางผัสสะ เพราะเห็นว่าไม่ใช่ตัวตน จิตเข้าสู่อุเบกขารมณ์ถามว่าต้องกำหนดรู้อุเบกขารมณ์นั้นด้วยหรือไม่ และหากถึงขั้นนี้แล้ว เมื่อทำได้อย่างสม่ำเสมอ จะเกิดอะไรขึ้น (กำหนดสงสัยหนอแล้วค่ะ แต่ยังอยากเห็นภาพถนนทั้งหมด ว่าจะพาเราไปที่ใด ขอความเมตตาด้วยค่ะ)

   2. การบรรลุธรรม เกิดขึ้นในขณะนั่งสมาธิเท่านั้นหรือไม่ หรือสามารถเกิดขึ้นในระหว่างอิริยาบถปกติได้

   3. อาการที่จิตกลับไปสู่สภาวะดั้งเดิม (ตัวตนเดิมแท้) เป็นอย่างไร

   4. หลักธรรมของพุทธเซ็นไม่ได้เน้นเรื่อง ไตรลักษณ์ แต่ให้รู้โดยฉับพลัน แต่ทำไมของเถรวาทเรา ต้องมีการปฏิบัติมากเหลือเกิน ทำไมจึงดูเสมือนขัดแย้งกันได้ ทั้ง ๆ ที่เป็นพุทธเหมือนกัน

กราบขอบพระคุณอาจารย์สนองอย่างสูงสำหรับความเมตตาที่ท่านมีให้แก่ผู้ถามคำถามทุกคน และด้วยความอดทนอย่างยิ่ง

ด้วยความเคารพ

คำตอบ
    (1) เมื่อเป็นผัสสะเป็นไปตามกฎไตรลักษณ์จิตจะปล่อยวางผัสสะ จิตเข้าสู่อุเบกขารมณ์ ซึ่งอุเบกขารมณ์ยังต้องดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ แท้จริงแล้วอุเบกขารมณ์ก็ไม่มีตัวตนเช่นกันความเป็นอิสรภาพของจิตจึงจะเกิดขึ้นและเมื่อใดจิตเป็นอิสระจาะสังโยชน์ทั้ง 10 ได้ ความพ้นไปจากการเวียนตาย-เวียนเกิดในวัฏสงสารจึงจะเกิดขึ้นได้ นี่คือภาพถนนที่มุ่งไปสู่ความสิ้นสุดของเส้นทางเดินของชีวิต

   (2) การบรรลุธรรม (โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์) เกิดได้ในทุกอิริยาบถ อาทิ ทัพพะมัลละบุตร บรรลุโสดาบันหลังจากโกนจุกที่ 1 แล้วเสร็จ... บรรลุอรหัตตผลหลังจากโกนจุกที่ 4 แล้วเสร็จ อุปติสสะ (พระสารีบุตร) บรรลุโสดาบันขณะนั่งฟังธรรมจากพระอัสสชิ...บรรลุอรหัตตผลขณะนั่งฟังธรรมพร้อมกับถวายงานพัดให้กับพระพุทธเจ้า พระอานนท์โสดาบัน บรรลุอรหัตตผลขณะล้มตัวลงนอน ปฏาจาราบรรลุอรหัตตผลขณะตักน้ำราดล้างเท้าตัวเอง ฯลฯ

   (3) ต้องขออภัยยังไม่มีประสบการณ์จิตเข้าสู่สภาวะดั้งเดิมจึงไม่อาจให้คำตอบได้

   (4) พุทธเถรวาทและพุทธเซ็น มิได้ขัดแย้งมีจุดประสงค์เหมือนกัน แต่วิธีการเข้าถึงความรู้แจ้งรู้ถ่องแท้ในสรรพสิ่ง ต่างกัน
  

720.
เรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

ดิฉันขอสอบถามปัญหา 2 ข้อค่ะ
   1. เคยฟังการบรรยายของอาจารย์ว่าการปรารถนา พุทธภูมิ ใช้เวลา หลายอสงค์ไขย หากปรารถนา นิพพาน จะใช้เวลาเท่าใดค่ะ และ ฆราวาส ปรารถนานิพพานได้หรือไม่

   2. การรายงานวิชาหนึ่งของหลักสูตร ป.โท ให้กล่าวถึงผู้นำโลก ในทางโลกได้จัดทำรายงานไว้แล้ว แต่ในทางธรรม ดิฉันมีความเห็นว่าผู้นำโลก คือ พระพุทธเจ้า แต่ดิฉันบรรยายในทางธรรมไม่ชัดเป็นรูปธรรม ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยดิฉัน บรรยายความหมายที่พระพุทธเจ้าเป็นผู้นำโลก ด้วยค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง
อนันยา

คำตอบ
    (1) ปรารถนานิพพานสามารถทำได้ แต่จะบรรลุนิพพานได้เมื่อไร หรือใช้เวลายาวนานเท่าไร กำหนดไม่ได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบุญบารมีที่ทำสั่งสมมาแต่อดีตชาติ อาทิ พระทัพพะมัลละบุตรและโสปากร บรรลุอรหัตตผลเมื่ออายุ 7 ขวบ กัญจนะ (พระมหากัจจายนะ) พาหิยะ พระนางเขมา ฯลฯ บรรลุอรหัตตผลขณะเป็นฆราวาสฟังธรรมจากพระโอษฐ์ และบางท่านต้องสร้างบุญบารมีต่อให้ชาติปัจจุบัน อาทิ พระมหาโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระมหาปชาบดี ฯลฯ หลังปฏิบัติธรรมแล้วจึงบรรลุอรหัตตผล

ฆราวาสสามารถปรารถนานิพพานได้ แต่จะเข้าถึงได้ต้องทำเหตุให้ตรง คือ ปฏิบัติสมถและวิปัสสนากรรมฐาน เมื่อใดเหตุปัจจัยลงตัวคือสามารถละสังโยชน์ทั้ง 10 ได้ ความปรารถนานิพพานจึงจะสัมฤทธิ์ผล

   (2) พระพุทธเจ้าเป็นผู้นำโลกในทางธรรม หมายถึงเป็นผู้มีความเป็นสัพพัญญูคือรู้แจ้งในทุกสิ่งทุกอย่าง สามารถใช้ปัญญารู้แจ้งส่องนำทางให้กับจิตวิญญาณของมนุษย์ เทวดาและพรหมในสุทธาวาสพ้นไปจากความทุกข์ทั้งปวงได้
  

719.
เรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

ดิฉันมีข้อสงสัยบางประการในการรักษาศีล 8 ซึ่งดิฉันกำลังฝึกปฏิบัติอยู่ ขอเรียนอาจารย์ ในการปฏิบัติของดิฉันก่อนนะคะว่าถูกต้องหรือไม่และขอคำแนะนำจากอาจารย์ด้วยค่ะ

1. ดิฉันตั้งใจรักษาศีล5แต่ถือปฏิบัติแบบศีล 8 โดยไม่ได้รับศีล 8 จะได้หรือไม่

2. ในชีวิตประจำวันของการปฏิบัติงานทำให้การรักษาศีลให้บริสุทธิ์เป็นไปได้ค่อนข้างยาก ดิฉันสงสัยว่าถ้าเราต้องทำงานนอกบ้าน การรับรู้ข่าวสาร ทั้งฟังและอ่าน , การแต่งตัวแต่งหน้า สิ่งต่างๆเหล่านี้จะปฏิบัติอย่างไรที่จะให้กระทบกับการรักษาศีลให้น้อยที่สุด

3. ขอคำแนะนำสำหรับการรักษาศีล 8 สำหรับผู้ที่ยังต้องวุ่นวายอยู่ในสังคมด้วยค่ะ ว่าควรจะปฏิบัติอย่างไรจึงจะถือว่าปฏิบัติได้ถูกต้องและได้บุญ

กราบขอบพระคุณอาจารย์เป็ยอย่างสูงค่ะ
   ผู้เริ่มปฏิบัติ

คำตอบ
    (1) คำว่าสมาทาน มีความหมายได้ 2 นัย คือการคือเอาเป็นข้อปฏิบัติ หรือการรับเอาเป็นข้อปฏิบัติ

ฉะนั้น ผู้ใดรู้ว่าศีลแปดข้อมีอะไรบ้างแล้วนำทั้งแปดข้อนั้นมาถือปฏิบัติเพื่อให้เว้นจากความชั่ว สามารถทำได้โดยไม่ต้องไม่รับมาจากผู้ใด หรือตรงข้ามผู้ใดยังไม่รู้ว่าศีลแปดข้อนั้นมีอะไรบ้างต้องไปขอให้พระสงฆ์บอกศีลทั้งแปดข้อแล้วรับเอามาปฏิบัติ ก็ให้เหมือนกันคือ เว้นจากความชั่วได้

   (2) ทุกกิจกรรมที่ประพฤติทั้งในบ้านและนอกบ้าน ต่างมีผลกระทบถึงการถือปฏิบัติศีลเพียงแต่ว่าเมื่อกระทบแล้วจะทำอย่างไรให้ศีลขาด ศีลพร่องเท่าที่จำเป็น ความประสงค์ในแนวทางนี้จะสำเร็จได้ต้องพัฒนาจิตตนเองให้มีกำลังของสติสัมปชัญญะกล้ามแข็งนั่นคือสติสัมปชัญญะจะเป็นตัวทำหน้าที่คัดเลือก เอาเฉพาะส่วนที่เป็นประโยชน์ในการฟัง การอ่าน การรับรู้ข่าวสาร การแต่งตัวแต่งหน้าเท่าที่จำเป็นกับชีวิต

   (3) วันใดที่ยังต้องออกไปวุ่นวายกับสังคม ไม่ต้องปฏิบัติศีล 8 วันใดหยุดพักไม่ต้องออกงานสังคม วันนั้นให้ปฏิบัติศีล 8
   

718.
กราบเรียนอาจารย์ดร.สนอง วรอุไร

   ดิฉันอาศัยอยู่ที่จังหวัดน่าน ได้รู้จักกับท่านจากการฟังบรรยายทางวิทยุ เมื่อ ท่านมาบรรยายที่โรงแรมเทวราช จ.น่าน เป็นที่สิ่งที่ข้าพเจ้าประทับใจและต้อง การศึกษา จึงได้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมโดยการอ่านหนังสือ และดาวน์โหลดเสียงจาก อินเทอร์มาฟัง นอกจากนั้นก็ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมะ เกี่ยวพับพระพุทธเจ้า มากยิ่งขึ้น เพราะท่านอาจารย์ยกกรณีตัวอย่างจะได้เข้าใจมากยิ่ง ทำให้ตนเอง พัฒนามากขึ้น (ประเมินตนเอง) คิดได้หลายเรื่อง ทำให้ทราบวิธีฝึกตนเอง และ ฝึกตนเองอยู่เสมอ กำหนดลมหายใจอยู่ตลอดเวลา สวดมนต์ ไหว้พระ แต่ไม่สม่ำเสมอ

    จะพยายามทำให้ดีต่อไป ดิฉันเป็นครูได้นำความรู้ที่ได้รับมาเล่าสู่นักเรียน ฟังเป็นประจำ เมื่อก่อนก็รัก โลภ โกรธ หลง เหมือนคนทั่วไป แต่เดี๋ยวนี้ ดีขึ้นเยอะมาก รู้สึกเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น รู้ว่าควรทำอย่างไรเราจึงจะมีความ สุข ดิฉันได้ชักชวนในคนในครอบครัวมาฟังเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ฟัง สิ่งที่ดีดี ทำเป็นแบบอย่างให้ลูก ๆ ดู อ่านหนังสือของท่านให้ลูกฟัง ดิฉันมีลูกสามคน คน เล็กได้ 1 ปี 8 เดือน ปิดเทอมก็จะพากันไปนั่งสมาธิ ที่บ้านเป็นครอบครัว ใหญ่ดิฉันเป็นสะใภ้ อาศัยอยู่กับแม่ยายและน้องสาวของสามีซึ่งไม่แต่งงาน และ ยังพาคุณแม่มาเลี้ยงหลานอีกด้วย ฟังดูยุ่งมาก เมื่อก่อนก็ยุ่งใจมาก แต่ เดี่ยวนี้ไม่ยุ่งแล้ว เพราะดิฉันกำกับใจของตนเองได้ระดับหนึ่ง ซึ่งต่อทำต่อไป อีก ดิฉันได้กัลยาณธรรมที่ดีมากคืออาจารย์ ถือโอกาสการอยู่ร่วมกันมากฝึกสงบ จิตใจไปขั้นหนึ่ง ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงที่ได้พบเจอกับท่านอาจารย์และสิ่งที่ ดีดีเช่นนี้ ดิฉันตั้งใจไว้ว่าจะฝึกตนอยู่เสมอมิให้กิเลสเข้ามาครอบงำอยู่เสมอ
ดิฉันอยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า

   1. ถ้าต้องการนั่งสมาธิในจังหวัดในภาคเหนือมีสถานที่ใดบ้าง

   2. ขอข้อแนะนำเพิ่มเติ่มอีกคะ ขอบพระคุณอาจารย์มาก

        ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูง ขออนุโมทนาสิ่งที่อาจารย์ได้กระทำด้วยคะ

คำตอบ
   (1) วัดแพร่ธรรมาราม อ.เด่นชัย จ.แพร่ หรือสาขาของวัดแพร่ ฯ เป็นสถานที่เหมาะแก่การพัฒนาจิตวิญญาณ

   (2) ประสงค์เข้าถึงมรรคผลแห่งการปฏิบัติต้องทำใจให้เป็นผู้มักน้อย มีสันโดษ มีศีล มีสัจจะ มีความเพียรให้ได้ทุกขณะตื่น แล้วการปฏิบัติธรรมจะบรรลุจุดประสงค์
  

717.
กราบสวัสดีท่านอาจารย์ค่ะ

   หนูอยากขอความกรุณาท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ คือได้เคยดูกิจกรรมที่ผู้ที่สนใจธรรมได้แจ้งข่าวและพูดถึงถึงครูบาอาจารย์ในเวปไซด์อยู่บ่อยๆ ครั้งหนึ่งพอเห็นชื่อของพระ อ.บุญกู้ วัดมหาธาตุฯ จิตกลับไปนึกถึงชื่อเปรตบุญกู้ที่เคยเป็นข่าวดังในหนังสือพิมพ์เมื่อหลายปีก่อน รู้ว่าเป็นสิ่งไม่ดีที่คิดเช่นนี้ และก็กลับมาคิดทุกครั้งที่นึกถึงท่าน รู้สึกไม่ดีที่คิดเช่นนี้และเกรงว่าจะเป็นบาป จนท้ายที่สุดก็มานั่งคิดว่า ชื่อเดียวกันก็จริงแต่ต่างกันลิบลับ คนหนึ่งทำตัวให้ตกต่ำกับอีกท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นตัวอย่างให้เราคิดว่าควรจะเดินตามทางของใคร เมื่อคิดเองเช่นนี้ก็กลับมาคิดในเรื่องนี้น้อยลงแต่หากคิดครั้งใดก็จะบอกตัวเองว่าเป็นคนละคนกัน แต่อยากทราบว่าการที่คิดเช่นนี้ถือเป็นบาปไหมคะ แล้วควรจะมีวิธีแก้เช่นไรคะ ควรไปกราบท่านเพื่อขอขมาหรือไม่คะ คือหนูก็ไม่เคยไปพบท่านมาก่อน ไม่ทราบว่าจะเป็นเรื่องไร้สาระหรือไม่ หากต้องไปกราบท่านจริงๆ ก็ไม่ทราบว่าควรจะเริ่มต้นพูดอย่างไรค่ะ อีกเรื่องคือ

   เมื่อวานนี้คุณพ่อหันมาถามหนูว่ารู้ไหมว่าทำไมพระพรหมถึงมีแต่ผู้ชาย คุณพ่ออ่านหนังสือเยอะมาก และท่านว่าเคยอ่านพระท่านพูดถึงว่าพระพรหม (สี่หน้า) มีแต่ผู้ชาย หนูควรจะตอบท่านอย่างไรดีคะ

ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ล่วงหน้าด้วยค่ะ

คำตอบ
   การคิดถึงความไม่ดีของคนอื่น แล้วจิตของผู้คิดฝังความไม่ดีเช่นนั้นไว้ถือว่าเป็นบาป

   ชื่อหนึ่งได้ประพฤติเหตุให้ชีวิตตกต่ำ ผู้ถามปัญหาเห็นว่าเป็นความประพฤติไม่ดีแล้วไม่ทำตาม และผู้มีชื่อเดียวกันปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้วคิดว่าจะทำตาม ถือได้ว่าทั้งสองบุคคลเป็นครู เป็นผู้มีพระคุณทำให้ผู้ถามปัญหาเกิดปัญญาเห็นถูก ความคิดในลักษณะนี้เป็นบุญ

   ส่วนเรื่องที่คุณพ่อบอกว่า พระพรหมมีแต่ผู้ชาย ผู้เป็นลูกที่ถามปัญหาควรตอบว่า “ ถูกแล้วค่ะ ” เพราะผู้ใดสามารถปฏิบัติสมถภาวนาจนบรรลุฌานแล้วตายในขณะจิตทรงฌาน จะไปโอปปาติกะ เป็นพรหมอยู่ในพรหมโลกซึ่งเป็นภพที่พ้นไปจากกาม

   เหตุที่พรหมมีแต่เพศชาย เป็นเพราะกำลังแห่ง ฉันทะ วิริยะ จิตตะ และปัญญา เป็นแรงผลักดันให้เกิดเป็นบุรุษเพศ ผู้มีจิตเป็นอิสระจากกาม
   

716.
กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพอย่างสูง

   หนูได้อ่านหนังสืออาจารย์และได้เปิดCD ของอาจารย์และชอบฟังซ้ำๆ แล้วเกิดศรัทธาคิดอยากจะปฏิบัติธรรมบ้างค่ะตอนนี้หนูกำลังศึกษาวอยู่ค่ะแต่หนูมีข้อสงสัยอยากจะเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ
   1.การแอบดูคำตอบหรือถามเพื่อนตอนทำข้อสอบเวลาอาจารย์เผลอทุจริตในการสอบจะบาป และผิดศีลไหมคะ
   2.เวลาพ่อกับแม่ทะเลาะกันแล้วหนูก็ห้ามเขาและพูด ว่าเขาด้วยคำพูดที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่จะบาปไหมคะ
ขอรบกวนช่วยตอบด้วยค่ะ
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    (1) “ แอบดูคำตอบ ” เป็นการไปเอาข้อมูลที่เจ้าของมิได้อนุญาต และถามเพื่อนเมื่ออาจารย์คุมสอบเผลอ เป็นการร่วมกันประพฤติทุจริต ทั้งสองพฤติกรรมถือว่าเป็นบาป

   (2) หากลูกพูดออกไปแล้วทำให้พ่อแม่ต้องเสียใจถือว่าเป็นบาป  
   

715.
กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนอง

   1. ดิฉันเป็นผู้หนึ่งที่มีจิตลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ นับแต่ที่เริ่มปฏิบัติธรรม เมื่อไม่นานมานี้มีเพื่อนผู้ปฏิบัติธรรมจนเข้าสู่องค์ฌาน3 ท่านเห็นอดีตชาติของดิฉันว่า เคยเป็นเจ้าแม่ที่มีมิจฉาทิฐิ เห็นแก่ของเซ่นไหว้ พยายามทุกอย่างเพื่อให้คนที่มากราบไหว้ ไม่หันไปไหว้พระพุทธ ดิฉันใส่ร้ายพุทธศาสนา ด้วยความโลภของจิต ณ ชาตินั้น ปัจจุบันคนที่มากราบไหว้ดิฉันเกิดมาเป็นพี่น้องให้ดิฉันชดใช้กรรม ดิฉันอยากให้อาจารย์ช่วยบอกวิธีแก้กรรมกับอดีตชาติที่ดิฉันทำกรรมมา และวิธีขอขมากับพระรัตนตรัยที่ดิฉันขัดขวางไม่ให้ใครนับถือ เพราะตอนนี้ดิฉันในใจจะพูดจาหยาบต่อพระสงฆ์ที่ดิฉันนับถือ ทั้งที่ดิฉันสวดมนต์อยู่ หรือกราบไหว้เจ้าแม่กวนอิมอยู่ แต่ในใจก็เรียกท่านอย่างหยาบคาย ดิฉันไม่กล้ามองวัด หรือพระพุทธรูปเลย เพราะจะมีคำกล่าวหยาบคาย ท้าทายในใจทันที ทำให้หนักใจมากค่ะ โปรดช่วยชี้ทางออกให้ดิฉันด้วยค่ะ

   2. เพื่อผู้ปฏิบัติธรรมติดอยู่ที่องค์ฌาน

   3 ยังก้าวต่อไปไม่ได้ต้องแก้ไขอย่างไรคะ

คำตอบ
    (1) ผู้ถามมีประสงค์แก้ไขปัญหาอกุศลกรรมที่ถูกเก็บบันทึกไว้ในดวงจิต ต้องแก้ที่เหตุ 4 อย่าง
      •  นำพวงมาลัยดอกไม้ขาวล้วน ธูป เทียน ไปกราบขอขมาต่อพระรัตนตรัย ต่อองค์เจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ กล่าวถึงต้นเหตุที่ทำให้เกิดปรามาส ผลกรรมที่ได้รับและกล่าวคำปฏิญญาว่า “ บัดนี้ข้าพเจ้าได้สำนึกผิดแล้ว ขอองค์พระรัตนตรัยได้โปรดผูกโทษให้แก่ข้าพเจ้าด้วย ต่อไปข้าพเจ้าจะไม่กระทำกรรมอันใด ที่จะเป็นเหตุล่วงเกินต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อีกต่อไป ”
      •  นำตัวเองบวชเป็นโยคีปฏิบัติธรรมนาน 3 เดือน เพื่อชำระจิตวิญญาณให้ปลอดจากมลทิน
      •  รักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์
      •  รักษาสัจจะให้มีอยู่กับใจให้ได้ทุกขณะตื่น

   (2) และ (3) จะสัมฤทธิ์ผลได้ ต้องปฏิบัติตามที่แนะนำไว้ในข้อ (1) ปัญหาที่มอยู่ว่าผู้ถามปัญหาจะทำตามได้หรือไม่
  

714.
เรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

ข้าพเจ้าเป็นนักศึกษาค่ะ ตั้งใจจะรักษาศีล5 แต่มีข้อสงสัยศีลข้อ4คือมุสาวาทา ปกติข้าพเจ้าเป็นคนเงียบไม่ค่อยพูด
    อยากทราบว่า ถ้าพูดหยอกล้อกับเพื่อนจะผิดศีลไหมคะ เพราะในสังคมปัจจุบัน ต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นๆต้องมีการพูดเล่นพูดหยอกกัน
ขอคำชี้แนะด้วยค่ะ

ขอแสดงความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
    เป็นคนเงียบไม่ค่อยพูด ยังไม่สำคัญเท่ากับว่าเมื่อใดที่มีการพูดเกิดขึ้น ต้องพูดด้วยวาจาที่เป็นวาจาสัตย์จึงจะไม่ผิดศีลข้อมุสาวาท การพูดหยอกล้อกับเพื่อน ถ้าพูดแล้วเหลวไหลไร้สาระ (เพ้อเจ้อ) การพูดนั้นไม่ผิดศีลแต่เป็นอกุศลวจีกรรม
     

713.
รบกวนท่านอาจารย์ช่วยตอบคำถาม และเป็นกัลยาณมิตรให้ดิฉันด้วย เพราะรับรู้ว่าตัวดิฉันเองมีปัญญาน้อยนิดเหลือเกิน

   คำถามที่ 1 . ดิฉันเริ่มมาจริงจังกับการปฏิบัติธรรมเมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา โดยเริ่มจากการสวดมนต์ เนื่องจากไม่มีเวลาเข้าวัดทำบุญ โดยปฏิบัติดังนี้
   เริ่มสวดตั้งแต่บทบูชาพระรัตนตรัย กราบพระรัตนตรัย นมัสการพระรัตนตรัย(นะโม 3 จบ โดยนำเงินมาจบไว้ที่มือด้วย) คำขอขมาพระรัตนตรัยไตรสรคมน์ ถวายพรพระ(อิติปิ โสฯ) พุทธชัยมงคลคาถา(พาหุง) อิติปิ โส เท่าอายุบวกด้วย 1 เสร็จแล้วแผ่เมตตาให้กับญาติ ๆ (ระบุเป็นรายบุคคล)แล้วจึงนำเงินที่จบไว้ในมือใส่ในภาชนะที่วางไว้บนหิ้งพระ (โดยจะนำเงินไปทำบุญตามแต่โอกาส) เสร็จแล้วแผ่เมตตาแก่ตนเอง แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์แผ่ส่วนกุศล กล่าวคำกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร คำอธิษฐานอโหสิกรรม คำอธิษฐานขอพร แล้วจึงสวดบทพระคาถาชินบัญชร และสุดท้ายคือพระคาถาบูชาดวงวิญญาณเสร็จพ่อ ร.5 แล้วจะนั่งสมาธิต่อเมื่อมีเวลาพอ ไม่ทราบว่า ตัวดิฉันปฏิบัติถูกต้องหรือไม่ประการใด

   คำถามที่ 2. สนใจปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานเพื่อการหลุดพ้น ควรเริ่มปฏิบัติอย่างไรดีค่ะ

   คำถามที่ 3. ดิฉันมีลูก 2 คน อายุห่างกันพอสมควร คนโตอายุ 5 ขวบย่าง 6 ขวบแล้ว เป็นหญิง นิสัยดื้อรั้น เอาแต่ใจตนเอง พูดจาไม่เพราะ ควรอบรม
บุตรอย่างไรดีค่ะ

   สุดท้ายขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่สละเวลามาตอบคำถามให้ดิฉันได้พบแสงสว่างแห่งธรรม...สาธุ  

คำตอบ
    (1) เมตตาคือความรักความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์และมีความสุข เมตตาเกิดขึ้นจากการให้อภัยเป็นทาน ผู้ใดให้อภัยคนอื่นสัตว์อื่นได้ ผู้นั้นเป็นผู้มีเมตตาสถิตอยู่ในใจเป็นอัตโนมัติจึงไม่จำเป็นต้องแผ่เมตตาให้กับตนเอง ดังนั้นสัตว์จะได้รับประโยชน์และมีความสุขต่อเมื่อมีผู้มอบเมตตาให้

ส่วนบุญเกิดจากการประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 ผู้ใดประพฤติแล้วผู้นั้นมีบุญ ผู้มีบุญสามารถอุทิศบุญให้สัตว์อื่นได้ ดังนั้นที่ปฏิบัติมาดีแล้ว จงทำดีต่อไป

   (2) ต้องทำใจให้มีศีล หาครูผู้เป็นกัลยาณมิตรในทางธรรมมาเป็นผู้ชี้นำการปฏิบัติ และสุดท้ายทำตามครูด้วยตนเองให้ถูกตรงคำสอน

   (3) อบรมตัวเอง (แม่) ให้เป็นผู้มีธรรมสถิตอยู่ในใจให้ได้ก่อนแล้วจึงสอนลูกด้วยการประพฤติสิ่งดีๆ ให้ลูกดู เมื่อใดที่ลูกศรัทธาแม่แล้วเขาจะไม่ดื้อ
   

712.
เรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

  ดิฉันจะสร้างอพาร์ตเม้นท์ประมาณ 4 - 5 ชั้นให้สามีเก็บเกี่ยวเลี้ยงครอบครัว เพราะเป็นหน้าที่ในทางโลก หากจะอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ดังกล่าวด้วย และต้องการจะสร้างห้องพระ 1 ห้องไม่ทราบว่าดิฉันจะสร้างในชั้นที่ 2 ได้หรือไม่ เพราะจะมีห้องเช่าอื่นๆอยู่เหนือห้องพระอีก
  
กราบขอบพระคุณค่ะ
อนันยา

คำตอบ
    ประสงค์สร้างห้องพระในชั้นที่สองของอพาร์ทเม้นท์สามารถทำได้ แต่จะดีหรือไม่ดีเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เทวดารักษาองค์พระยังมีอัตตา เขาไม่ประสงค์อยู่ต่ำกว่ามนุษย์ผู้ทุศีล และเทวดาที่มีคุณธรรมเขาไม่ประสงค์อยู่สูงกว่าอริยบุคคล ฉะนั้นต้องคิดเอาเองวาควรจะทำอย่างไรกับตำแหน่งของห้องพระที่จะสร้าง
   

711.
สวัสดีค่ะ
   1 มีอาการพองยุบค่อนข้างเป็นจังหวะ ที่ค่อนข้างสงบ ไม่รุนแรงและน่ากลัวเหมือนเมื่อก่อน แต่ทำสักพักจะเกิดอาการเหมือนพองยุบรวม นิ่งอย่างบอกไม่ถูก เหมือนรวมกันเป็นหนึ่ง เลยมีความคิดว่า จริง จริง พองยุบเป็นอนัตตาให้เราเห็น แต่ว่าทำบางครั้งก็เหมือนจิตจะหลุดออกไปข้างนอกออกจากตัว ถ้าเกิดอาการอย่างนี้ควรกำหนดอย่างไร ดีค่ะ และก็บางครั้งก็เหมือนพองยุบวูบไปรวมกันที่ลูกตา เลยกำหนดว่ารู้หนอ ไม่ ทราบว่าถูกไหมค่ะ

   2 ถ้าสนใจอยากอ่านพระไตรปิฎก ควรจะอ่านเล่มไหน และมีจำหน่ายที่ไหนบ้างค่ะ
 
     เป็นกำลังใจให้อาจาร์ยในการทำงานค่ะ

คำตอบ
    (1) ต้องหยุดความคิดวาพอง-ยุบเป็นอนัตตาเมื่อปฏิบัติธรรมแล้ว มีอาการเหมือนจิตจะหลุดออกไปจากตัว ต้องใช้จิตตามดูให้ถึงที่สุด เมื่ออาการดังกล่าวเข้าสู่อนัตตา จิตจะไม่ออกไปจากตัวและบางครั้งอาการพอง-ยุบวูบไปรวมที่ตา กำหนดว่ารู้หนอนั้นถูกต้องแล้ว

   (2) ควรปรึกษาครูผู้ทำหน้าทีสอนอภิธรรมในโรงเรียนปริยัติธรรมต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยสงฆ์หรือถามเจ้าอาวาสวัดที่มีการเก็บรักษาพระไตรปิฎก
   

710.
กราบเรียน อาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพค่ะ

    ที่บ้านคุณพ่อทำอาชีพเลี้ยงหมู-ไก่ ขาย ซึ่งเป็นอาชีพที่ลูก ๆ ไม่สนับสนุนเลยและพยายามพูดขอร้องท่านเสมอ ๆ แต่ท่านก็ไม่ยอมเลิกค่ะ เลี้ยงไปก็ขายได้ไม่ดี จนกระทั่งตอนนี้ท่านลำบากเรื่องเงินใช้จ่าย ดิฉันในฐานะลูกเมื่อเห็นท่านลำบากก็สงสารท่านมาก ได้ให้เงินท่านเป็นจำนวนหนึ่งและบอกว่าให้ท่านไว้ใช้จ่ายและไม่ต้องบอกว่าใช้เรื่องอะไร และใจก็ทราบว่าท่านคงนำไปใช้เรื่องเลี้ยง ไก่-หมู บางส่วน แต่ในใจของดิฉันไม่ได้สนับสนุนเลยและคิดว่าเงินนั้นเพื่อช่วยเหลือพ่อเท่านั้น

    อย่างนี้จะถือว่ามีส่วนร่วมในวิบากกรรมของการเลี้ยง ไก่-หมู นี้หรือไม่ค่ะ ? ถ้าใช่ ต้องทำอย่างไรค่ะ เพราะถ้าพ่อแม่ลำบากลูกไม่ช่วยเหลือ ก็อกตัญญูไม่ใช่หรือค่ะ ?      
      กราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    มีเจตนาให้เงินพ่อแม่ใช้ไม่ถือว่าเป็นบาปส่วนใจที่ระลึกไปว่า พ่อแม่นำเงินจำนวนนั้นไปเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ การระลึกเช่นนี้เป็นบาป

   ผู้ฉลาดเขาให้ทรัพย์เป็นทานแก่พ่อแม่แล้วเขาได้บุญเต็มร้อยผู้ไม่ฉลาดจะคิดต่อไปว่าทรัพย์ที่ให้ไปนั้น ผู้รับทรัพย์เป็นทานจะนำไปใช่จ่ายในเรื่องใด ความคิดเช่นนี้เป็นบาป
   

709.
เรียนอาจารย์สนอง

ข้าพเจ้าเป็นคนนึงที่ติดตามผลงานของอาจารย์มาโดยตลอด แต่ก็มีปัญหาที่อยากจะสอบถามท่านอาจารย์

   1. การนั่งวิปัสนากรรมฐานนั้นทำให้ได้บุญกุศลอย่างไร
   2.เพราะเหตุใด ข้าพเจ้าเป็นคนที่ไม่เคยสมหวังในความรักเลย อกหักตลอด คนรักนอกใจหรือไม่ก็มีเหตุให้ต้องพลัดพลากจากคนรักทั้งที่ ตัวของข้าพเจ้าไม่เคยผิดศีลข้อกาเมเลย ไม่เคยนอกใจคนรักและไม่เคยแย่งคู่ครองของใครเลย หรือว่าข้าพเจ้าเคยสร้างบาปกรรมไว้เมื่ออดีตชาติ และพอจะมีวิธีแก้กรรมอย่างไร

คำตอบ
    (1) การนั่งปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นบุญเพราะเมื่อเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ทำให้สามารถกำจัดสันดานไม่ดีให้หมดไปได้ ทำให้เข้าถึงความดีเกิดเป็นความประพฤติชองทางกาย วาจา ใจและทำให้มีความสุขเหล่านี้เรียกว่า “ บุญ ”

   (2) กรรมคือการกระทำ มนุษย์ทำกรรมได้สามทางคือ กายกรรม วจีกรรมและมโนกรรม กรรมดีให้ผลเป็นความสุข กรรมไม่ดีให้ผลเป็นความทุกข์ ดังนั้นความผิดหวังเป็นผลแห้งกรรมไม่ดีที่เคยทำไว้ก่อนวิธีแก้ไข ต้องเลิกนึกถึงกรรมในอดีต เพราะไม่มีใครสามารถแก้ไขอดีตกรรมได้ แต่มีใคร ๆ ทำกรรมดีในปัจจุบันได้ กรรมดีที่ควรทำคือประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 อยู่เสมอ ประพฤติทุกครั้งที่นึกได้ ประพฤติทุกครั้งที่ว่างจากงานภายนอก เมื่อใดกรรมให้ผล ความสุข ความสมหวัง จะเกิดขึ้นกับผู้มีบุญ
  

708.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพ

   ดิฉันมีเรื่องเรียนถามอาจารย์ค่ะ คือดิฉันมักจะเปิดเว็บไซด์กัลยาณธรรมเพื่อฟังธรรมะของท่านอาจารย์ ดร.สนอง และของครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆในช่วงเวลาดึกๆ(ประมาณก่อนเที่ยงคืนถึงตี3 ตี4) ดิฉันอยากทราบว่าตอนที่ดิฉันเปิดฟังเทวดา วิญญาณในบ้านดิฉัน ท่านเหล่านั้นจะร่วมฟังกับดิฉันด้วยหรือไม่ค่ะ และถ้าคืนไหนดิฉันไม่เปิด ท่านเหล่านั้นจะสามารถใช้คลื่นจิตของท่านเปิดฟังเองได้ไหมค่ะ ขอเรียนถามเท่านี้ค่ะ

   ดิฉันคิดเสมอว่าเป็นความเมตตาของท่านอาจารย์ ดร.สนองจริงๆที่เมตตาอย่างสูงช่วยตอบปัญหาทุกปัญหาที่ถามเข้ามาทั้งๆที่ท่านก็เหนื่อยมาก ด้วยเหตุนี้ดิฉันกราบอาราธนาบุญญาบารมีธรรมของท่านผู้ทรงธรรมทุกท่านได้โปรดดลบันดาลให้ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร และครอบครัว รวมทั้งผู้มีส่วนเสียสละร่วมเผยแผ่ธรรมะเพื่อปวงชน ได้มีความอิ่มเย็น สุขกาย สุขใจ สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีดวงตาเห็นธรรมยิ่งๆขึ้นไป จนบรรลุถึงซึ่งพระนิพพานตามที่แต่ละท่านมุ่งหวังโดยฉับพลันทันกาลด้วยเทอญ สาธุ กราบอนุโมทนา

    ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูง

คำตอบ
     อมนุษย์ที่อยู่ในบ้านหรืออยู่รอบบ้าน หากเขาสนใจและศรัทธาในธรรมของพระพุทธะ เขาสามารถร่วมฟังธรรมนั้นได้ ไม่เพียงแต่ฟังธรรมเขายังมาร่วมสนุกกับมนุษย์ได้อีกด้วย ดังตัวอย่างเช่น อมนุษย์ที่อำเภอคำชะโนด จังหวัดอุดรธานี ยังมาจ้างมนุษย์ให้ไปฉายภาพยนต์กลางแปลงให้ดู ในสมัยที่ผู้ตอบปัญหายังเป็นนักศึกษา เขายังมาเล่นหมากรุกไทยกับนักศึกษาผู้น้องจนจบกระดาน และที่โรงแรมในจังหวัดสุโขทัยอมนุษย์ยังมาลากกระเป๋าเสื้อผ้าของคนขับรถลงจากโต๊ะได้ นับประสาอะไรที่อมนุษย์จะเปิดเทปเปิดซีดีธรรมะฟังเองไม่ได้ ทำไมไม่พิสูจน์ดูด้วยตัวเอง ด้วยการทำจิตให้ตั้งมั่น แล้วกล่าววาจาอนุญาตให้อมนุษย์ที่อยู่ในบ้านเปิดฟังธรรมะเอาเองเมื่อเขาปรารถนาจะฟัง
   

707.
เรียนถามท่านอาจารย์สนองครับ

    ผมเป็นนักการเมืองท้องถิ่นแห่งนึงครับ ก่อนการเลือกตั้ง สส.ที่ผ่านมา ได้มีผู้สมัคร สส.(3คน)จากพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง ได้นัดพวกผมเข้าฟังการปราศรัยของพวกเขา หลังเสร็จการพูดเรื่องนโยบายแล้วผู้สมัครออกจากห้องประชุมไป มีลูกน้องของเขาเข้ามา เอาเงินใส่ซองแจกทุกคนที่เข้าฟัง ได้เงินหลักพันครับ ก่อนหน้านั้นเห็นในทีวี กกต.เขาให้พวกผู้สมัคร สส. ดื่มน้ำสาบานจะไม่ทุจริต แต่พวกเขาทำแบบนี้ ผมคิดว่าบาปมากครับ ใจจริงไม่อยากจะรับ แต่เกรงว่าจะมีภัยเกิดขึ้นกับตัว ผมก็รับมา จากนั้นผมเอาเงินที่ได้ทั้งหมดไปทำบุญสร้างสถานปฏิบัติธรรม และตั้งจิตอุทิศบุญที่ได้ให้กลับไปหาเจ้าของเงินครับ (ในการเลือกตั้ง ผมไม่เลือกพวกเขาครับ)
เรียนถามท่านอาจารย์ครับ ว่า

   1.การที่ผมทำแบบนี้ถูกต้องหรือเปล่าครับ ท่านอาจารย์มีแนวทางอื่นๆที่เห็นควรกระทำอีกครับ

   2. ผลของการทุจริตด้วยการซื้อเสียงของผู้สมัคร สส.เหล่านั้นจะมีผลกรรมบังเกิดขึ้นแก่พวกเขาอย่างไรครับ

ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ในการให้ความกระจ่างครับ
ขออุทิศผลบุญกุศลที่ผมได้กระทำเอาไว้ทั้งหมดทุกภพชาติตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันให้กับท่านอาจารย์สนองครับ และขอโมทนาในกุศลผลบุญทั้งหมดทุกภพชาติของท่านอาจารย์เช่นกันครับ
หากเคยได้ล่วงเกินท่านอาจารย์มาก่อนไม่ว่าทาง กาย วาจา ใจ โดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ดี ขอท่านอาจารย์ได้อโหสิกรรมแก่ผมด้วยเถิดครับ

คำตอบ
    (1) ทำถูกต้องแล้ว สาธุที่สัจธรรมยังมีอยู่ในโลก “ เงินซื้อคนเลวได้ แต่ซื้อคนดีไม่ได้ ” ทั้งนี้เป็นเพราะบุญเก่าของคุณส่งผลตามทัน ที่ไม่สร้างเหตุให้ลงไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิในวันข้างหน้า

   (2) เมื่อใดอกุศลกรรมให้ผล ผู้ประพฤติมีอบายภูมิเป็นที่หมาย 
    

706.
กราบเรียน ท่าน อาจารย์ สนอง วรอุไร

    กระผมนั้นชอบนึกหรือคิดแต่เรื่องลามกอยู่เป็นประจำ เป็นมาตั้งแต่ตอนเด็กๆ จนถึงจนโต ถ้าว่างๆหรือไม่ได้ทำอะไรก็จะคิดอยู่ตลอด มีวิธีที่จะไม่นึกถึงเรื่องนี้ได้ไหมครับ เพราะผมก็พยายามไม่นึก แต่มันเหมือนเป็นนิสัยไปแล้ว

ขอกราบขอบคุณอาจารย์ที่ช่วยขี้เนะครับ

คำตอบ
    ทุกครั้งที่ความคิดนึกที่เป็นอกุศลเกิดขึ้น ต้องใช้จิตที่สงบตามดูความคิดนึกไปให้ถึงที่สุด จนความคิดนึกที่ติดลบนั้นดับหายไป นี่เป็นวิธีลบโปรแกรมจิตที่ไม่ดีให้หมดไปจากใจ เน้นว่าต้องตามดูทุกครั้ง
     

705.
กราบสวัสดีท่านอาจารย์ ดร.สนอง

- นั่งปฏิบัติแล้วเกิด สมาธิ ทำให้ไม่ได้ยินเสียงใด ๆ รอบตัว แต่ชัดที่พอง ยุบ รู้สึก สงบ สว่าง ไม่มีเรื่องใด ๆ ให้จิตแกว่ง สว่าง โปร่งสบายอยู่อย่างนั้น
ขอถามว่า แล้วกำหนดอย่างไรต่อ ค่ะ ที่ทำคือ ดึงเสียงภายนอกเข้ามาพิจารณา ว่า เป็นสิ่งใด แค่รู้ ก็วาง คิดว่า คงไม่ถูกแต่ไม่รู้จะไปทางไหนต่อ ค่ะ

รบกวน อาจารย์ด้วยค่ะ
   คนรู้น้อย

คำตอบ
    ให้เอาความสว่าง โปร่ง สบาย ที่จิตรับสัมผัสได้นั้นมาพิจารณาให้เห็นว่า ดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อความสว่าง โปร่ง สบาย เข้าสู่ความดับ(อนัตตา) จิตจะเห็นแจ้งในผัสสะว่า เป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนแท้จริงจิตจะวางผัสสะจิตเป็นอิสระจากผัสสะ แล้วว่างเป็นอุเบกขา

   ทุกผัสสะที่เกิดขึ้นให้พิจารณาในแนวเดียวกันนี้
   

704.
เรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพ

   ดิฉันสนใจในการปฏิบัติธรรม ในใจลึกๆดิฉันคิดอยากจะบรรลุธรรม มีจิตใจที่สงบ บริสุทธิ์ คือคิดอยากประสบความสำเร็จทางธรรม(คล้ายๆคนทางโลกที่คิดประสบความสำเร็จในด้านที่ตนอยากจะได้อยากจะเป็น)แต่ดิฉันก็ยังอยู่ทางโลกยังไม่ได้ออกบวช จริงๆถ้าดิฉันจะออกบวชก็ได้เพราะไม่มีภาระอะไร คุณแม่ก็อนุญาติ ดิฉันควรจะออกบวชเลยดีไหมค่ะ เพราะว่าถ้ายังอยู่ทางโลกการที่จะบรรลุธรรมก็ย่อมจะเป็นไปได้ช้ากว่าที่เราอยู่วัดอยู่ทางธรรม(และการประสบความสำเร็จทางโลกดิฉันก็ไม่ต้องการค่ะ ดิฉันคิดว่ามันเป็นภาระที่ค่อนข้างเปล่าประโยชน์เพราะเราไม่สามารถนำทรัพย์สมบัติเหล่านั้นข้ามภพข้ามชาติไปกับเราได้ นอกเสียจากเราจะนำไปทำบุญไปทำประโยชน์กับสังคม แต่มันก็จะเสียเวลาเราในการบำเพ็ญเพียรภาวนา) หรือว่าดิฉันควรอยู่ทำงานเก็บเงินทางโลกไปก่อน(ปัจจุบันดิฉันอายุ 37 ปีค่ะ) ถ้าเช่นนี้จะทำให้การบรรลุธรรมเนิ่นช้ายิ่งขึ้นรีเปล่าค่ะ? เพราะภาวะจิตของดิฉันก็คือปุถุชนกิเลสมากเหมือนคนส่วนใหญ่

ดิฉันขอความเห็นของท่านอาจารย์เพื่อประกอบการพิจารณาค่ะ
  กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    คุณมองตัวเองออกแล้ว่า มนุษย์สมบัติไม่สามารถนำติดตัวข้ามภพชาติไม่ได้ ดูปฏาจาราเป็นตัวอย่าง เกิดเป็นลูกสาวเศรษฐีที่สูญเสีย สามีลูกสองคน พ่อแม่และพี่ชาย ปราสาทที่เคยเกิดและอยู่อาศัยมาตั้งแต่เล็ก ก็ถูกลมพายุพัดพังไป เสียสติจนเป็นบ้าที่ได้เห็นมนุษย์สมบัติเป็นกำพร้าตั้งแต่เจ้าของยังไม่ตายจากไป ปฏาจารายังมีบุญเก่าสนับสนุนทำให้ได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์ว่า “ สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งหลายทั้งปวงล้วนดับไปเป็นธรรมดาเช่นกัน ” ปฏาจาราได้สติพิจารณาตาม (โยนิโสมนสิการ) จึงได้บรรลุธรรมขั้นโสดาบัน ตั้งแต่ยังเป็นฆราวาส จึงขอบวชแล้วประพฤติตนให้มีศีลและปฏิบัติตามมรรค 8 จนสามารถบรรลุอรหัตตผลได้

ด้วยเหตุนี้ จะนำพาชีวิตให้ออกห่างไปจากสาระ หรือจะตัดตรงเข้าสู่ชีวิตที่สงบอิสระและบริสุทธิ์ต้องตัดสินใจด้วยตัวเองเพราะชีวิตเป็นของคุณ ผู้ตอบปัญหาเป็นได้เพียงผู้ชี้ทางเท่านั้น
      

703.
กราบเรียนถามอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพ

   การที่เราเรียนรู้วิชาต่างๆก็เหมือนการสั่งสมสัญญาในจิต (ความจำได้หมายรู้) เมื่อสัญญามีมาก จิตก็มีการปรุงแต่งมาก
ขอเรียนถามว่า ในขณะที่เราต้องศึกษาเล่าเรียนวิชาต่างๆในโลก เราควรทำอย่างไร หากต้องการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์

ขออาจารย์ได้โปรดชี้แนะด้วยค่ะ
    กราบขอบพระคุณอย่างสูง

คำตอบ
    หากต้องการชำระจิตให้บริสุทธิ์ ต้องใช้สติสัมปชัญญะที่กล้าแข็ง เป็นเครื่องมือชำระจิต คนที่เรียนวิชาการทางโลกมามากเรียนมาสูง เมื่อมาพัฒนาจิตตนเองให้เข้าถึงเครื่องมือดังกล่าวต้องทำตัวเองให้เหมือนคนโง่ ครูบาอาจารย์ผู้มีประสบการณ์ผู้เป็นกัลยาณมิตรในทางธรรมแม้จะเรียนวิชาการทางโลกมาเล็กน้อย ชี้แนะให้ศิษย์ทำอย่างไรศิษย์ต้องทำตามคำชี้แนะให้ถูกต้องโดยไม่นำความเห็นของตนมาวิเคราะห์คำสอนคำชี้แนะของอาจารย์
  

702.
เรียนอ.ดร.สนอง

รบกวนอาจารย์ช่วยตอบปัญหาดังต่อไปนี้คะ
    1.การสวดมนต์จะสวดอย่างไรให้ได้ผลตามที่ปรารถนาคะ ดิฉันเป็นคนสวดมนต์เร็วมาก การสวดมนต์มนต์เร็วจะทำให้ไม่ได้ผลใช่หรือไม่คะ

   2.เวลานั่งสมาธิแล้วเกิดเวทนา เกิดจากที่เราทำกรรมไว้แล้วมีเจ้ากรรมนายเวรมาทวงใช่หรือไม่ แล้วบางคนที่สามารถนั่งสมาธิได้นานๆโดยไม่มีเวทนาเกิด หรือเกิดขึ้นน้อยมากแสดงว่าเค้าทำกรรมไว้น้อยเลยไม่มีเจ้ากรรมนายเวรมาทวงใช่หรือไม่

   3.ดิฉันเป็นคนนั่งสมาธิแล้วไม่ค่อยมีเวทนาเกิดขึ้น บางครั้งก็นั่งได้นานเป็น ชั่วโมง, 2 ชั่วโมงก็ไม่รู้สึกทรมานอะไรแค่รู้สึกชาเล็กน้อย แต่บางครั้งที่นั่งแค่ 40 นาทีก็รู้สึกปวดทรมานมากเกือบทนไม่ได้ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้คะ มันขึ้นอยู่กับอะไร (สถานที่, สภาพร่างกาย, การอธิษฐาน ณ ขณะนั้น, ฯลฯ)

   4.นั่งสมาธิเสร็จดิฉันจะแผ่เมตตาและอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร แล้วเราจะรู้ได้ยังไงคะว่าเจ้ากรรมนายเวรเค้าได้รับ และเราสามารถแผ่เมตตาและอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของคนอื่นได้หรือไม่คะ

ขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูง

คำตอบ
    (1) สวดมนต์เร็วหรือสวดมนต์ช้าอย่างไร ยังไม่สำคัญเท่ากับขณะสวดมนต์จิตระลึกทันคำสวดนั้นหรือไม่ คำว่าระลึกได้ทันหมายความว่า สวดมนต์ไม่ผิด สวดมนต์แล้วรู้ความหมายของบทสวดสวดมนต์แล้วเสร็จ จิตสดชื่นเบิกบานเป็นบุญ นั่นจึงนับว่าเป็นการสวดที่ได้อานิสงส์มาก

   (2) ไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวรมาตามทวงหนี้ แต่เป็นเรื่องของขันธมารคือร่างกายเป็นมารคอยขัดขวางไม่ให้บรรลุความดี

   (3) สภาพสมดุลของร่างกยในการนั่งสมาธิแต่ละครั้งไม่เท่ากันและหรือมีเทวปุตตมารมาทดสอบกำลังใจ

   (4) บุญเกิดจากการประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 ผู้ใดประพฤติแล้วบุญจะถูกเก็บสั่งสมอยู่ในใจ ผู้มีบุญอยู่ในใจสามารถอุทิศบุญให้ผู้อื่นได้เจ้ากรรมนายเวรจะได้รับบุญที่อุทิศให้หรือไม่ ให้ดูที่หนี้เวรกรรมลดลงหรือหมดไป

   ส่วนการอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรของคนอื่น สามารถอุทิศให้ได้ แต่เขาจะเลิกจองเวรคนอื่นหรือไม่นั้นมันเป็นสิทธิ์ของเขาไม่มีใครสามารถไปบังคับเขาได้

   ผู้ใดมีเมตตาอยู่ในใจ ผู้นั้นสามารถแผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวรของคนอื่นได้ เมื่อเขาได้รับเมตตาแล้วเขาจะเลิกจองเวรผู้อื่นหรือไม่นั้นมันเป็นสิทธิ์ของเขา
  

701.
กราบเรียนถามปัญหาเกี่ยวกับการนั่งสมาธิเบื้องต้นค่ะ

   การนั่งสมาธิในระยะเริ่มต้น ได้ใช้การภาวนาพุทธโธ โดยกำหนดลมหายใจเข้า"พุทธ" และหายใจออก "โธ" กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกได้เท่านั้น ไม่สามารถรู้จุดกระทบของลมหายใจออกต่ออวัยวะภายนอก และตามรู้ลมหายใจเข้าว่าผ่านไปตรงจุดใดบ้าง เคยได้อ่านในหนังสือธรรมะว่าการนั่งสมาธิถ้าเรานั่งหายใจเข้า "พุทธ" หายใจออก "โธ" เท่านั้น มันไม่มีประโยชน์ จะต้องตามดูลมหายใจว่าผ่านหรือกระทบกับอวัยวะใด เช่น หายใจออก ลมก็จะกระทบปลายจมูก หรือหายใจสั้น-ยาว เร็ว-ช้า อย่างไร แต่สิ่งเหล่านี้ดิฉันพิจารณาไม่ได้เลย แล้วเวลาภาวนาจิตก็ไม่สงบด้วยค่ะ รบกวนอาจารย์ช่วยชี้แนะวิธีการนั่งสมาธิที่ถูกต้องให้ได้ไหมคะ โดยการใช้คำภาวนาพุทธโธ เพราะตัวเองจะชินกับคำภาวนานี้ค่ะ

ขอบพระคุณอาจารย์ที่ช่วยชี้แนะแนวทางปฎิบัติค่ะ

คำตอบ
    ก่อนนั่งภาวนาคำว่า พุท-โธ ต้องทำใจให้มีศีล 5 คุมใจให้ได้ก่อน แล้วจึงเอาใจไปจดจ่ออยู่กับลมที่กระทบปลายจมูกเมื่อลมผ่านเข้าก็รู้ว่าลมกระทบปลายจมูก เมื่อลมผ่านออกก็รู้ว่าลมกระทบปลายจมูก บริกรรมลมเข้าว่า “ พุท ” ลมออกว่า “ โธ ” พุทโธ ๆๆๆ ไปเรื่อย ๆ เมื่อใดที่จิตเคลื่อนหายไปจากลมเข้า-ลมออก ต้องหายใจลึก ๆ แล้วปล่อยออกเบา ๆ โดยบริกรรมคำว่า พุท-โธ ๆๆๆเหมือนเดิม ปฏิบัติจนกระทั่งจิตไม่เคลื่อนออกไปจากลมเข้า-ลมออก นาน 45 ถึง 60 นาทีก็ได้ นี่เป็นเครื่องแสดงว่าจิตมีกำลังของสติเพิ่มขึ้น แล้วจิตจะตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้วผลถูกตรงของการบริกรรมก็จะเกิดขึ้น