1

 

 

                                                         
คำถาม-คำตอบ ข้อ 751-800

800.
กราบน้อมน้อมท่านอาจารย์ดร.สนองที่เคารพค่ะ

   หนูขอเรียนถามเรื่องการประกอบอาชีพ อยากทราบว่าการมีรายได้มาจากงานหรืออาชีพดังนี้ เป็นอาชีพที่ดีหรือไม่ จัดเป็นสัมมาอาชีพไหมค่ะ ถ้ามมีรายได้มาจากสิ่งนี้จะได้รับผลดีหรือไม่ดีอย่างไร
1.การรับงานเป็นแบบถ่ายโฆษณาไม่ว่าจะเป็นสื่อทีวี หรือภาพนิ่งตามหนังสือพิมพ์เป็นต้น
2.พิธีกร
3.ธุรกิจขายตรง

กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
หนูชอบหนังสือทางสายเอกและซีดีตามรอยพ่อมากเลยค่ะ นอกจากชี้ทางให้รู้ในสิ่งที่ถูกแล้วยังช่วยทำให้หนูมีกำลังที่จะปฏบัติดีตามได้มากขึ้น ขออนุโมทนานะค่ะ

ขออำนาจคุณพระศีรัตนตรัยด้วยบุญบารมีที่หนูได้กระทำมาแล้ว อำนวยให้ท่านดร.สนองและผู้ดำเนินงานชมรมกัลยาณธรรมทุกท่านสมดังปรารถนาอันประเสริฐทุกประการค่ะ

คำตอบ
    (1) การรับงานเป็นแบบถ่ายโฆษณา ถ้าประพฤติแล้วไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม อันเป็นต้นเหตุให้กิเลสเข้าครอบงำจิตใจของผู้ดูภาพโฆษณา ถือได้ว่าเป็นอาชีพที่ดีได้

   (2) ต้องถามว่าเป็นพิธีกรประเภทไหน ถ้าเป็นพิธีกรอาชีพที่ไม่ชักนำให้ผู้อื่น ออกไปนอกกรอบของศีลธรรม ถือว่าเป็นอาชีพพิธีกรที่ดีได้

   (3) ธุรกิจขายตรงที่ไม่ผิดกฎหมายไม่ผิดศีลและไม่ผิดธรรมไม่ชักนำให้ผู้ใช้บริการเกิดความหลง เกิดความกำหนัดในกามารมณ์ ความมีจิตเป็นทาส ฯลฯ จึงจะนับได้ว่าเป็นธุรกิจขายตรงที่ดี
     

799.
กราบเรียนถามดร.สนอง

ได้ตามผลงานของท่านหลายชิ้นเช่น วิธีอยู่เหนือดวง แต่การที่เราจะทำให้สำเร็จจนทำให้เราอยู่เหนือดวงได้นั้น ยาก และต้องใช้เวลาในการทำดีมาก(เพราะเรารู้ตัวดีว่าเราไม่ได้สร้างบุญมามาก)
คำถามคือ
1.มีเพื่อนมาชวนให้เราเช่าพระเก่าของจริงเช่นหลวงปู่ทวด หลวงพ่อปาน เนื่องจากเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ มีพุทธคุณมากมาย คุ้มครองผู้บูชาให้ปลอดภัย โชคดี แคล้วคลาด การงานการเงินดี หนูคิดว่าหนูเป็นคนทั่วไปไม่ได้ทำชั่วหรือทำร้ายใคร และพยายามรักษาศีลห้าให้ครบเสมอด้วยคุณสมบัติเพียงเท่านี้ หนูคิดว่ายังไม่ดีพอจึงคิดจะเช่าพระเพื่อเป็นเครื่องช่วยเหลือเราให้ทันณ.ปัจจุบันให้ปลอดภัย โชคดี หนูคิดผิดไม๊ค่ะ หนูคิดว่ากว่าหนูจะสร้างบุญได้มากพอจนมีความเชื่อมั่นในตัวเองโดยไม่ต้องยึดที่พึ่งยังต้องใช้เวลาอีกนานจึงคิดว่าการเช่าพระดีๆจะช่วยเหลือเราได้ก่อนณ.ปัจจุบัน แต่พระเก่าดีๆนี้มีราคาเช่าสูงด้วยค่ะหลักหมื่นค่ะ

2.ท่านมีความเห็นอย่างไรกับพระบูชาที่ดังๆในวงการพระจนมีราคาเช่ากันสูง

กราบขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    (1) ความคิดนั้นถูกต้องตามปัญญาทางโลก (สุตมยปัญญาและจินตามยปัญญา) แต่เป็นความคิดผิดเมื่อใช้ปัญญาทางธรรม (ภาวนามยปัญญา) ส่องนำทางให้ชีวิต เพราะเหตุว่า แค่ทำใจตัวเองให้เป็นผู้มีศีล 5และมีสติคุมใจให้ได้ทุกขณะตื่น ตัวเองก็จะสามารถอยู่รอดปลอดจากภัยได้ ณ กาลที่เป็นปัจจุบัน โดยไม่ต้องแสวงหาวัตถุอื่นใดมาคุ้มครองชีวิต ถ้าผู้ถามปัญหาเป็นชาวพุทธที่มีศรัทธาในคำสอนของพระพุทธะ ที่ว่า “ ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ” แล้วไม่จำเป็นต้องไขว่คว้าหาวัตถุภายนอกมาเป็นที่พึ่งให้สิ้นเปลืองเงินทอง ซึ่งผู้ฉลาดเขาไม่นิยมประพฤติกัน

   (2) พระบูชาที่ดังอยู่ในวงการพระที่บุคคลผู้รู้ไม่จริง (หลง) ใช้เงินเช่าหากันในราคาที่สูง เป็นเพราะกิเลสเข้ามามีอำนาจอยู่เหนือใจ ราคาสูงตามความมากน้อยของกิเลสที่ครอบงำใจนั่นเองเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ผู้ถามปัญหายังจะทำตัวเองให้เป็นผู้หลงอยู่ในอำนาจของกิเลสยังจะยึดติดอยู่ในวัตถุอีกหรือไม่ ก็เลือกเอาตามที่ชอบเถิดโยม
  

798.
กราบเรียนท่าน ดร.สนองที่เคารพค่ะ

   หนูขอเล่าเรื่องราวเพื่อขอคำชี้แนะจากท่านดังนี้ค่ะ หนูรักกับชายคนนึงที่มีครอบครัวแล้วและเขาก็รักหนูเช่นกัน เราพยายามไม่ให้ความรักของเราเป็นสิ่งที่ไม่ดีงาม ไม่ให้ผิดศีลและธรรม แต่เรายังคงให้ความรัก ดูแล ห่วงใย โทรศัพท์พูดคุยกัน ช่วนกันทำบุญและสังฆทานสม่ำเสมอเพราะคิดว่าที่ความรักไม่สมหวัง อาจเป็นจากกรรมที่เคยทำไว้ในอดีตชาติ และเขาก็มีปัญหาในชีวิตครอบครัวอยู่เรื่อยๆ นอกจากนั้นแล้วเรายังไม่พยายามพูดถึงเรื่องความรักไม่ถูกต้องเนื้อตัว และไม่ดิ้นรนให้ได้อยู่ด้วยกันเพราะคิดว่าทุกอย่างย่อมเกิดและเป็นไปเพราะกรรม

หนูขอเรียนปรึกษาดังนี้ค่ะ
1 องค์ประกอบของศีลข้อ 3 มีอะไรบ้างคะ
2 หนูและชายคนนั้นผิดศีลข้อ 3 หรือไม่และผิดในเรื่องใดคะ
3 หากหนูเคยล่วงเกินกันแต่ไม่ถึงกับร่วมประเวณี หนูจะแก้ไขบาปกรรมนี้อย่างไรคะ

คำตอบ
   (1) ไม่เสพเมถุน กับบุตรภรรยาสามี ฯลฯ ของผู้อื่น ที่เจ้าของยังมิได้อนุญาตยกให้

   (2) มนุษย์ทำกรรมได้ 3 ทาง คือ ทำกรรมทางกาย ทำกรรมทางวาจา และทำกรรมทางใจ หากกรรมทั้งสามประเภทนั้นไม่ผิดไปจากข้อ (1) ถือได้ว่าไม่ผิดศีล ข้อ 3 ฉะนั้นต้องถามตัวเองและตอบตัวเองให้ได้

   (3) สารภาพผิดต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระพุทธรูป ธาตุเจดีย์ ธรรมเจดีย์ฯลฯและกล่าววาจาจะไม่ประพฤติสิ่งไม่ดีงามเช่นนั้นให้เกิดขึ้นอีก และรักษาสัจจะ ให้คงอยู่ตลอดไป
  

797.
กราบเรียน อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

   หนูอ่านหนังสือของอาจารย์หลายเล่มแล้วค่ะ เล่มแรกที่ทำให้ต้องหาเล่มอื่นๆ มาอ่านต่อไป คือ "ทางสายเอก" ค่ะ บทเรียนจากหนังสือเล่มนี้ทำให้วิธีคิดและการดำเนินชีวิตของหนูเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่มากพอ เพราะหนูยังพลั้งเผลออยู่บ่อยครั้ง พลาดไปแล้วจึงคิดได้แต่ก็สายไปแก้ไขไม่ได้ เพราะหนูขาดสติในชั่วขณะนั้น หนูมีคำถามหลายข้อที่จะเรียนถามอาจารย์ ดังนี้ค่ะ

   1. คนที่อยู่คนละศาสนากับเรา เมื่อตายแล้วเข้าจะต้องชดใช้กรรม โดยการไปรับกรรมในนรก หรือสวรรค์เหมือนเราไหมคะ หรือเป็นไปตามหลักของศาสนาใครศาสนามันคะ

    2. ดอกไม้และพวงมาลัยที่ใช้บูชาพระ เมื่อแห้งแล้วเราควรทำอย่างไรคะ ทิ้งได้ไหมทิ้งอย่างไรคะ

   3. การใส่บาตรส่งผลกรรมดีอย่างไร หนูเกิดมาก 30 กว่าปีแล้วจำได้ว่าเคยใส่บาตรประมาณ 2 ครั้ง เมื่อตายไปแล้วหนูจะได้รับผลจากการกระทำนี้อย่างไร และควรใช้อะไรใส่บาตรจึงจะได้รับุญที่ยิ่งใหญ่

กราบขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ ที่สละเวลาตอบคำถามของหนู ขอให้คุณพระคุ้มครองให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงตลอดไปนะคะ

คำตอบ
   (1) นรก สวรรค์เป็นภพที่มีอยู่จริงในสังสารวัฏเป็นสถาน ที่อยู่ของสัตว์กายทิพย์ ที่มิอาจเข้าถึงได้ด้วยประสาทสัมผัสผู้ใดปรารถนาเห็นสัตว์กายทิพย์ ต้องพัฒนาจิต (สมถภาวนา) จนตั้งมั่นระดับฌานให้ได้ แล้วโอกาสเข้าถึงความจริงในเรื่องนี้จึงจะเกิดขึ้นได้ ทั้งสองภพมีความเป็นสากลเหมือนกัน คือสัตว์ทุกตัวตนในภพนรกเสวยทุกขวิบากล้วนด้วยการถูกทรมาน สัตว์ในสวรรค์เสวยสุขวิบากอันเป็นทิพยสุขล้วน ฉะนั้นผลของกรรมในนรกและผลของกรรมในสวรรค์จึงมีความเป็นสากลเหมือนกัน

   (2) สามารถนำไปทิ้งได้ แล้วหาดอกไม้หรือพวงมาลัยที่สดและใหม่มาใช้เป็นวัตถุบูชา (อามิสบูชา) แทนได้

   (3) การนำอาหารไปใส่บาตร เป็นการสร้างทานอย่างหนึ่งผู้ใดประพฤติได้แล้วจะเกิดอานิสงส์เป็นบุญ 30 ปีใส่บาตรสองครั้งจึงมีบุญในเรื่องนี้เกิดขึ้นสองครั้งหากบุญที่ทำยังไม่ถูกใช้หมดไป ตายแล้วบุญนี้ยังสามารถติดตามข้ามภพข้ามชาติไปให้ผู้มีบุญได้เสวย

   สิ่งที่ควรนำไปใส่ลงในบาตรคือวัตถุทุกอย่างที่เหมาะสมแก่การบริโภคใช้สอยของสมณะ

   นอกจากนี้ผู้ถามปัญหาประสงค์บุญที่ยิ่งใหญ่ ต้องนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรม เพราะปฏิปทาเช่นนี้ส่งผลเข้าถึงนิพพานได้    บุญที่เกิดจากการนำอาหารไปใส่บาตรอานิสงส์สูงสุดได้แค่สวรรค์สมบัติ แต่นิพพานสมบัติเข้าถึงได้ด้วยการปฏิบัติธรรมเท่านั้น
  

796.
สวัสดีค่ะ ท่าน ดร.สนอง วรอุไร...

   ดิฉันได้มีโอกาสเข้ามาอ่านข้อความเกี่ยวกับจะมีวิธีไหนบ้างที่จะสามารถไถ่บาป หรือแก้กรรม จากการทำแท้งมาก่อน เพราะดิฉันกับเพื่อน ก็เป็นหนึ่งในกรณีนี้ค่ะ จากที่ดิฉันอ่าน พอจะเข้าใจว่าต้องทำหรือ ปฎิบัติตัวอย่างไรเกี่ยวกับการไถ่บาป แต่ดิฉันอยากจะรบกวนถาม ท่าน ดร.สนอง เพิ่มเติมว่า

  1.การปฎิบัติธรรมและการแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรและเด็กที่ถูกทำแท้งออกไปนั้น เวลาที่เราจะกรวดน้ำ อุทิศฯ ดิฉันควรจะกล่าว หรือเอ่ยถึง(ลูก)เด็กที่เราทำแท้งออกไปว่าอย่างไรค่ะ เพราะบางครั้ง ดิฉันจะเอ่ยว่า แม่ขออุทิศฯแก่ลูกที่แม่เคยทำแท้งออกไป แบบนี้ถูกต้องมั้ยค่ะ?

  2.ดิฉันควรจะถวาย พวกนม กับเสื้อผ้าหรือของใช้เด็ก ไปพร้อมกับสังฆทานมั้ยค่ะ ดิฉันอยากให้ลูกได้รับของเหล่านี้ เพราะบางครั้งดิฉันเคยฝันถึงเด็กค่ะ เหมือนเค้ามาหาแล้วมาขอนม ขอขนมกิน

  3.ปีนี้ดิฉันกับเพื่อนเราตั้งใจกันไว้ว่า เราจะไปปฎิบัติธรรม ที่วัดแถวๆชลบุรี ไม่ทราบว่า ท่าน ดร.สนอง พอจะมีวัดหรือสถานที่แนะนำมั้ยค่ะ หรือจะใกล้ๆกรุงเทพฯก็ได้ค่ะ

  4. ดิฉันสงสัยในตัวเองมานานแล้วว่า ทำไมดิฉันถึงกลัวภูเขา และกลัวพวกรูปปั้นใหญ่ๆ ตามวัดหรือตามสถานที่ต่างๆ ยิ่งถ้าเป็นรูปปั้นพวกพญานาค ดิฉันจะกลัวมากเป็นพิเศษ ก็ไม่รู้ว่าชาติก่อนดิฉันเคยทำบาป ทำกรรมอะไรไว้ พยายามหาคำตอบให้กับตัวเองว่า ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้...

สุดท้าย ดิฉันอยากจะขอรบกวน ขอคำปรึกษาจากท่าน ดร.สนอง ค่ะ

ขอบพระคุณค่ะ
  สาวไทยในต่างประเทศ

คำตอบ
    (1) ควรกล่าวว่า “ ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำแล้วตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ข้าพเจ้าอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรต่อกันเลย รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งหมดทั้งสิ้นเถิด ”

   (2) ผู้ใดปรารถนาให้สิ่งใดกับผู้ที่ล่วงลับ ควรให้สิ่งนั้นเป็นทาน แล้วจึงอุทิศบุญอันเกิดจากทานนั้นแก่ผู้ล่วงลับ ดังตัวอย่างเช่น พระเจ้าพิมพิสารถวายภัตตาหารแด่พระพุทธเจ้าพร้อมพระสาวกแล้วจึงอุทิศผลของทานด้วยการกล่าววาจาว่า “ ขอทานนี้จงถึงแก่ญาติทั้งหลายของเรา ” อาหารทิพย์ได้บังเกิดแก่ญาติที่ไปเกิดเป็นเปรตได้บริโภคจนอิ่มกันถ้วนหน้า

   (3) การปฏิบัติธรรมนับเป็นบุญใหญ่สุด ที่กัลยาณมิตรทางธรรมแนะนำให้บุคคลได้ประพฤติ ผู้ใดประพฤติและเข้าถึงมรรคผลแห่งธรรมได้แล้ว นับได้ว่าชาตินี้เกิดมาไม่สูญเปล่า ควรหาโอกาสไปฝากตัวเป็นศิษย์ปฏิบัติธรรมที่วิเวกอาศรมจังหวัดชลบุรี หรือฝากตัวเป็นศิษย์ปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อวิริยัง สุขุมวิท 103 ก็ได้

   (4) ผู้ใดกลัวสิ่งใด แสดงว่าไม่รู้จริงในสิ่งนั้น ฉะนั้นต้องพัฒนาจิตให้มีศีล มีสติ สถิตอยู่ทุกขณะตื่น แล้วไปพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้วความกลัวในสิ่งที่บอกเล่าไปจะไม่เกิดขึ้นได้อีก
   

795.
เรียน ท่านอาจารย์ สนอง วรอุไร ที่เคารพและนับถืออย่างสูงครับ

กระผมได้น้อมนำให้ตัวเองให้มีธรรมะตามที่ท่านอาจารย์ได้แนะนำตามหลักสติปัฏฐาน 4 ตอนนี้กำลังของสติสัมปะชัญญะยังไม่มากพอ โดยเฉพาะ"ความหลง"ใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส มันมาแบบอัตโนมัติและแนบเนียนมากบางครั้งก็ทันครับแต่ส่วนใหญ่ยังตามรู้ไม่ทันมารู้อีกทีก็โดนมันเล่นงานซะแล้วหรือบางครั้งก็สู้กันในจิตจนแพ้

คำถามครับ
1.ท่านอาจารย์ช่วยแนะนำหรือมีอุบายหรือขาตสิ่งใดที่ต้องเพิ่มเติมในการเพิ่มกำลังสติสัมปะชัญญะเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันในการตามดูรู้ทันใจครับ

2.ท่านอาจารย์ช่วยแนะนำอุบายหรือวิธีในการเจริญภาวนาพิจารณาเพื่อการถอดถอน อัตตาความมีตัวตนครับ
ทุกวันนี้ผมได้เจริญสติโดยการบริหารกายวิธีพุทธทุกเช้าค่ำและเดินจงกลมตามโอกาสครับ

ขอขอบคุณ ท่านพ่อสนอง วรอุไร ที่รักและเคารพอย่างสูงครับ(ผมขออนุญาติเรียกอาจารย์ว่าท่านพ่อนะครับ)

คำตอบ
    (1) ให้มีศีล 5 คุมใจให้ได้ทุกขณะตื่น เร่งความเพียรเจริญสติภาวนาต่อเนื่องยาวนาน สุดท้ายรักษาสัจจะให้เต็มร้อย ผู้ใดทำปัจจัยทั้งสามนี้ให้มีขึ้นได้แล้ว โอกาสที่จิตเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งย่อมเกิดขึ้นได้

   (2) ก่อนที่จะถอดถอนอัตตาควรเริ่มจากการกลบฝังอัตตาซึ่งประพฤติได้ง่ายกว่า ด้วยการประพฤติจริยธรรมที่เกี่ยวข้องให้ได้ก่อน เช่น ประพฤติจริยธรรมลูกที่ดีต่อพ่อแม่ จริยธรรมเพื่อนต่อเพื่อน จริยธรรมพลเมืองของชาติ ฯลฯ เมื่อทำได้แล้วจึงค่อยขยับขั้นขึ้นไปพัฒนาปัญญาเห็นแจ้งให้เกิดขึ้น แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งมาพิจารณาขันธ์ 5 จนดับไปตามกฎไตรลักษณ์นี้คือวิธีดับหรือถอดถอนอัตตาให้หมดไปจากใจ      
  

794.
กราบเรียน ท่านอาจารย์สนองที่เคารพ

1. ดิฉันกำลังจะทำมหาทานในช่วงสงกรานต์นี้ โดยการเลี้ยงพระ และฆราวาสที่เข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เป็นเวลาติดต่อกัน 7 วันกัน ใคร่อยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า หากต้องการอธิษฐานบารมี จะต้องทำในวันที่เท่าไหร่ของการทำบุญ และในการทำมหาทานหนึ่งครั้ง สามารถอธิษฐานได้กี่ข้อคะ (กราบเรียนเชิญอาจารย์ร่วมอนุโมทนาด้วยค่ะ)

2. ที่บ้านมียุงเยอะมาก ดิฉันพยายามจับออกไปปล่อย เนื่องจากสมาทานศีล 5 จึงของดเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตโดยเด็ดขาด แต่ยิ่งใสใจในเรื่องป้องกันยุง ก็ดูเหมือนจะเจอยุงมากขึ้นในทุก ๆ ที่ ทั้ง ๆ ที่บางที่ไม่น่าจะเจอยุงแต่ดิฉันก็เจอ อยากให้ท่านอาจารย์แนะนำว่าการแผ่เมตตาให้ยุงโดยเฉพาะเจาะจงจะช่วยได้ไหมคะ

3. เคยอ่านเจอว่า ในการอุทิศบุญกุศลนั้น ควรกล่าวก่อนเริ่มปฏิบัติจิตตภาวนาว่า ขอให้สัตว์ทั้งหลาย และเจ้ากรรมนายเวรทยอยมารับส่วนบุญที่กำลังจะปฏิบัติ เพราะสัตว์บางพวกไม่สามารถรับบุญกุศลตอนที่ปฏิบัติเสร็จแล้ว เนื่องจากบุญกุศลการปฏิบัติจิตตภาวนามีกำลังแรงมาก ต้องเป็นพวกมีบุญอย่างเทวดาจึงจะรับได้เลย ท่านอาจารย์มีความเห็นอย่างไรคะ

กราบขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    (1) ควรอธิษฐานหลังจากเลี้ยงพระและฆราวาสปฏิบัติธรรมแล้วเสร็จนั่นคือเย็นวันที่ 7 จะอธิษฐานกี่ข้อก็สามารถอธิษฐานได้ อธิษฐานหลายข้อต้องใช้เวลานานกว่าอธิษฐานเพียงข้อเดียว การบรรลุคำอธิษฐานจึงจะให้ผล

   (2) ช่วยได้ หากผู้ถามปัญหามีเมตตาอยู่ในจิตใจ ดูตัวอย่างของหลวงพ่อเกษม แห่งสุสานไตรลักษณ์จังหวัดลำปาง ท่านมีเมตตามากนั่งที่ไหนยุงไม่กัด

   (3) เห็นตรงกันข้ามกับคนที่เขียนให้ผู้ถามปัญหา เคยอ่านเจอ
  

793.
กราบเรียนท่านอาจารย์ดร.สนอง ที่เคารพ

   แต่เดิมหนูได้ทำงานที่สำนักงานบัญชี ซึ่งทำงานด้วยความไม่สบายใจ เนื่องจากทางเจ้าของสำนักงานได้ให้บริการให้คำปรึกษาแนะนำการหลบเลี่ยงภาษีแก่ลูกค้าของสำนักงานด้วย หนูจึงได้ลาออก และมาทำงานที่ใหม่ซึ่งเป็นธุรกิจประเภทโรงแรม แต่ก็พบว่าทางเจ้าของกิจการก็มีการนำบิลค่าใช้จ่ายส่วนตัว มาบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ เพื่อบริษัทฯจะได้เสียภาษีน้อยลง หนูก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ ลองปรึกษากับเพื่อนๆ ทุกคนล้วนตอบหนูเป็นคำตอบเดียวกันคือ ไม่มีธุรกิจไหนที่ทำบัญชีตรงไปตรงมา100%หรอก มีทางเดียวคือเปลี่ยนสายอาชีพไม่ต้องทำงานด้านบัญชี ใจหนึ่งหนูก็ไม่ค่อยเชื่อว่า ไม่มีธุรกิจไหนเลยหรือที่จะทำบัญชีตรงไปตรงมา และอีกใจหนึ่งหนูก็คิดว่าหนูคงต้องเปลี่ยนสายอาชีพ หนูจึงคิดวางแผนที่จะศึกษาต่อระดับปริญญาโท เพื่อจบมาหนูจะได้ไปประกอบอาชีพเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย

หนูจึงอยากรบกวนขอคำปรึกษาจากท่านอาจารย์ค่ะว่า
หนูคิดถูกหรือผิดอย่างไรค่ะ

สุดท้ายนี้หนูขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะสำหรับความเมตตาของท่านอาจารย์

คำตอบ
    อาชีพใดประพฤติแล้วไม่ผิดกฎหมายไม่ผิดศีลไม่ผิดธรรม ถือว่าเป็นอาชีพปลอดภัยในทางธรรม ประพฤติแล้วจะมีวิถีชีวิตที่ดีงามสงบและมีความสุข

  อนึ่งการประกอบอาชีพเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย หากดำเนินไปในแนวทางที่ไม่ขัดกับหลักการข้างต้น ถือว่าเป็นอาชีพปลอดภัยสำหรับชีวิตได้
  

792.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ ดร. สนอง วรอุไร ที่เคารพค่ะ

หนูอยากเรียนถามว่าบุคคลที่ได้ดวงตาเห็นธรรมแล้วเป็นโสดาบัน ทำการวิปัสนาภาวนาอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งทำบุญทำทานต่างๆ เป็นประจำแต่ที่ไม่ค่อยได้ทำคือ ตักบาตร ถวายอาหารพระ อยากกราบเรียนถามว่าเมื่อต้องไปเกิดในภพหน้า คนๆนั้นจะมีข้าวรับประทานไหมคะ เนื่องจากได้ยินมาว่าคนที่ตักบาตรตายไปก็จะเห็นอาหารที่ตัวเองใส่บาตรในสวรรค์ค่ะ

ขอบพระคุณค่ะอาจารย์
อร

คำตอบ
    ผู้ใดให้สิ่งแก่ผู้อื่น ผู้ให้ย่อมได้สิ่งนั้นตอบคืนมา ซึ่งจะตอบกลับมาในรูปเดิมหรือต่างไปจากรูปเดิมก็ได้ดังตัวอย่างของดุรุชาวธิเบตในอดีต ได้ขึ้นไปยังภูเขาหิมาลัยเพื่อนไปจำพรรษาอยู่ในถ้ำ ปีนั้นหิมะตกทับถมพื้นดินยาวนานจนชาวบ้านคิดว่าดุรุองค์นั้นตายไปแล้ว ผลปรากฏว่าเมื่อหิมะละลายถนนหนทางเปิดปากน้ำเปิด ชาวบ้านจึงชวนกันไปยังถ้ำ ผลปรากฏว่า ดุรุยังไม่ตายยังมีสุขภาพดีเหมือนเดิม หลังจากไต่ถามทุกข์สุขกันพอประมาณแล้วดุรุได้ถามชาวบ้านว่า “ วันที่เท่านั้น เดือนนั้น พวกท่านทำอะไรกัน ข้าพเจ้าอิ่มไปหลายวัน ” ชาวบ้านตอบดุรุว่า “ พวกราคิดว่าท่านมรณภาพแล้วจึงได้ร่วมกันทำบุญและอุทิศบุญกุศลมายังท่าน ”

  ฉะนั้นคำว่า “ ไม่ค่อยได้ตักบาตรถวายอาหารพระ ” แสดงว่าเคยตักบาตรรถวายอาหารพระ แต่ไม่บ่อยนัก ผู้มีความประพฤติเช่นนี้เมื่อตายแล้วกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งย่อมมาข้าวรับประทาน แต่มีไม่มากและไม่หลากหลาย ถ้าตายไปสู่สุคติภพ เช่นไปเกิดเป็นเทวดาหรือนางฟ้าจะได้บริโภคอาหารในรูปที่เป็นรสทิพย์ อิ่มทิพย์ ไม่บริโภคข้าวอย่างที่มนุษย์ผู้มีกายหยาบประพฤติกัน
   

791.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ด.ร.สนอง ที่เคารพ

หนูขออนุญาตเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

   1/ มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งชวนให้ร่วมทำบุญสร้างที่พักผู้ปฏิบัติธรรมและร่วมสร้างพระเพื่อนำไปประดิษฐานในวัดต่างจังหวัด จึงได้รับปากว่าจะร่วมเป็นเจ้าภาพร่วมทั้งสองอย่างนี้ มาทราบภายหลังจากอีกคนว่าที่วัดมีพระน้อยมากและต้องการความสงบ การไปสร้างนั้นไม่จำเป็นนักอีกทั้งยังจะเพิ่มภาระแก่พระที่ต้องคอยดูแลอีก ส่วนพระที่จะสร้างนั้นก็เนื่องจากความอยากทำของผู้ใหญ่ท่านนั้นเอง โดยที่ค่อยหาวัดที่จะนำไปประดิษฐานทีหลัง (โดยที่ท่านจะเน้นที่วัดที่มีพระอาจารย์ดังๆ ซึ่งแน่นอนว่ามีพระประธานอยู่แน่แล้ว) จึงอยากทราบว่า การที่เราร่วมทำบุญนี้จะเป็นการสร้างบาปแทนหรือไม่ หากจะถอนตัวจะกลายเป็นการเสียสัจจะหรือไม่ เนื่องจากอีกใจหนึ่งก็รู้สึกไม่ดีว่าจะร่วมทำความอึดอัดให้แก่พระท่านหรือไม่ ส่วนอีกใจก็รู้สึกว่าจะเสียสัจจะที่บอกว่าจะเป็นเจ้าภาพจำนวน XX,XXX บาท และหากนำเงินนี้ไปทำบุญอย่างอื่นที่มีความจำเป็นจริงๆ จะดีกว่าหรือไม่คะ

   2/ แฟนหนูอายุ 35 คบกันเกือบสิบปี เขาอยากแต่งงาน แต่หนูยังไม่พร้อมเนื่องจากเขาเคยรับงานของญาติผู้ใหญ่หนูแต่ทำไม่ดีไม่ถูกใจซึ่งก็คงมองหน้ากันไม่ติดหากต้องแต่งกับเขา อีกทั้งความรับผิดชอบและนิสัยบางอย่างของเขาที่คิดว่าตัวเองถูกเสมอ และตัวหนูเองคงเหนื่อยมากแน่ๆ แต่เขาก็มีส่วนดี มีน้ำใจ และวัยของหนูที่จะ 30 ทำให้หนูยังลังเล จึงอยากขอคำแนะนำจากอาจารย์ค่ะ

   3/ หากต้องแต่งงาน กะว่าจะให้หนังสือประเภท ธรรมะเกี่ยวกับความรัก เป็นของชำร่วย อาจารย์เห็นว่าสมควรหรือไม่คะ (ผู้ใหญ่ที่บ้านบอกว่าการให้หนังสือเหมือนงานศพต้องมีของอื่นเพิ่มแน่ๆ)

สุดท้ายนี้หนูขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์แทบเท้าด้วยความเคารพยิ่งที่ช่วยให้ความสว่างและเปิดโลกธรรมะให้พวกหนูค่ะ

คำตอบ
    (1) ผู้ใดรับปากว่าจะร่วมเป็นเจ้าภาพในกิจกรรมที่จิตทำขึ้น แล้วไม่ประพฤติตรงตามคำที่ให้ไว้ เรียกว่าผู้นั้นเป็นผู้ไม่มีสัจจะ ผู้รู้นิยมรักษาสัจจะอันเป็นทรัพย์ภายในซึ่งติดตามไปได้เมื่อตาย มากกว่ารักษาทรัพย์ภายนอกที่ตายแล้วต้องทิ้งไว้กับโลก

ฉะนั้นผู้ถามปัญหา จึงต้องตัดสินใจด้วยตัวเองว่า ชอบสิ่งไหนก็เลือกประพฤติตามสิ่งที่ชอบ

  (2) สัตว์โลกมีนิสัยที่แตกต่างกัน แต่มีอยู่หนึ่งสิ่งที่เหมือนกันคือ ทุกตัวตนของสัตว์โลกรักที่จะมีความสุข และปฏิเสธความทุกข์ ฉะนั้นจึงต้องเลือกเองตามที่ผู้ถามปัญหาปรารถนา หากปรารถนาอยู่เป็นสุขมากกว่าอยู่แล้วทุกข์ ต้องดำเนินชีวิตแบบคนโสด และตรงกันข้าม ปรารถนาอยู่เป็นทุกข์มากกว่าอยู่แล้วมีความสุข ต้องดำเนินชีวิตแบบมีครอบครัว และยิ่งมีศรัทธา ศีล จาคะและปัญญาต่างกันมากความทุกข์ของการมีชีวิตคู่จะยิ่งมีมากขึ้น มนุษย์สมัยนี้มีจิตเป็นทาสของตัณหา จึงนิยมนำพาชีวิตดำเนินไปตามแบบที่สองมากกว่า

  (3) การให้สิ่งดี ผู้ให้แล้วได้บุญ การให้ธรรมะเป็นทานเป็นการให้ที่สูงสุด ผู้ใดมีใจเป็นทาสของสมมติบัญญัติ ผู้นั้นมีบาปสั่งสมอยู่ในใจและเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้มีบาป ย่อมชักชวนผู้อื่นให้ทำบาปและป้องกันขัดขวางไม่ให้ผู้อื่นทำความดี ส่วนผู้มีบุญย่อมชักชวนให้ผู้อื่นทำบุญและป้องกันขัดขวางไม่ให้ทำบาป ฉะนั้นผู้ถามปัญหาจะเลือกปฏิบัติอย่างไร อยู่ที่แรงบุญหรือแรงบาปที่มีอยู่ในใจส่งผล
  

790.
สวัสดีค่ะ

วันนี้กับเมื่อวานทำสมาธิ แบบพองยุบ เหมือนจิตระลึกรู้เส้นเลือดที่ออกจากหัวใจ สักพักก็ไปที่ตามแขนและมือ รู้สึกถึงความร้อนเวลาเส้นเลือดผ่านด้วยค่ะ จริงๆจิตระลึกรู้ขณะนั้นว่าเป็นสมถะ แต่ว่าอยากเป็นผู้ดู แต่ที่ถูกแล้วไม่ควรไปใส่ใจใช่ไหมค่ะ ควรจะมุ่งเน้น ระลึกรู้ถึงไตรลักษณ์มากกว่า

ขอคำแนะนำของ ดร ด้วยค่ะ
   ขอบคุณค่ะ

คำตอบ
    ใช้จิตที่ตั้งมั่นตามดูทุกสิ่งจนเห็นว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ได้เมื่อใดแล้ว ปัญหาเห็นแจ้งในสิ่งที่ถูกดูจะเกิดขึ้นนี่คือหนทางที่ผู้รู้นิยมปฏิบัติอย่างนี้
    

789.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพอย่างสูง

หนูขอรบกวนท่านโปรดให้คำแนะนำด้วยค่ะ เป็นเพราะหนูต้องเดินทางโดยเครื่องบินบ่อย และเมื่อเที่ยวล่าสุดนี้ เครื่องบินผ่านสภาพภูมิอากาศเลวร้ายมากๆ หนูรู้สึกกลัวมาก (กลัวตายนั่นแหละค่ะ) หนูก็เลยกำหนดความรู้สึกว่า กลัวหนอ กลัวหนอ และพยายามจับความรู้สึกของจิต ซึ่งพอจะรู้ได้ว่า เขาดิ้นรน ใจเต้นแรงมาก ในช่วงนั้นความสับสนเกิดขึ้นมาก
จนหนูกำหนดไม่ค่อยถูก จึงได้กำหนดว่า กลัวหนอ รู้หนอ (อันนี้หมายถึงรู้ว่าสับสนลนลานค่ะ) และมีการระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยด้วยการสวดมนต์ไปด้วย

ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ ขอคำแนะนะหน่อยค่ะว่า
1. เวลาที่เราเกิดเหตุคับขันที่อาจส่งผลให้เราเสียชีวิตได้ เราควรมีสติกำหนดอย่างไรดีคะ /แล้วที่หนูกำหนดเช่นนี้ ถูกต้องไหมค่ะ
2. มีบางครั้ง หนูก็ใช้วิธี อธิษฐานเลยว่า ถ้าข้าพเจ้ามีอันต้องเป็นไป ขอให้ตายปุ๊ปเกิดใหม่ปั๊บ มีมนุษย์สมบัติ อริยสมบัติ เทวดาสมบัติ ติดตัวมา เพื่อปฎิบัติธรรมได้บรรลุ มรรค ผล นิพพาน ด้วยเทอญ ทำอย่างนี้ดีไหมคะ แต่ในเสี้ยวชีวิตนั้น ไม่รู้ว่าจะอธิฐานจบหรือเปล่านะคะ มีสั้นกว่านี้ไหมคะ
3. ทำไม ทั้งๆ ที่รู้ว่าเราทุกคนต้องตาย ก็ยังกลัวอีก การปฎิบัติธรรมจะช่วยให้หนูไม่กลัวตายได้ใช่ไหมคะ (หนูก็พยายามฝึกการมีสติ อยู่เนืองๆ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ทำให้รู้เลยว่า สติเรายังอ่อนมากๆ )

สุดท้ายนี้ หนูขอให้ผลบุญที่ท่านอาจาร์ย ดร.สนอง วรอุไร ได้สร้างและสะสมไว้ในชาตินี้ ส่งผลที่ดีและประเสริฐที่สุดให้แก่ท่านอาจาร์ย อย่างเห็นได้ทันทีด้วยเทอญ
และหนูขออนุญาตนำ VCD เรื่อง วิถีสู่อริยะ ของท่านอาจาร์ย ไป copy เพื่อมอบเป็นธรรมะทานแก่ผู้อื่นด้วยนะคะ รวมถึงผลงานเรื่องอื่นๆ ที่หนู Download จากเว็บกัลยาณธรรมด้วยเช่นกันนะคะ

กราบขอบพระคุณค่ะ
หนูแหม่ม

คำตอบ
    (1) ควรกำหนดมรณานุสติว่า “ ความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ ” กำหนดบ่อย ๆ กำหนดทุกครั้งที่นึกได้ กำหนดทุกครั้งที่ว่างจากงานภายนอก หากทำได้ตลอดไปเช่นนี้แล้วสติจะเกิดขึ้นกับใจอยู่ทุกขณะตื่น เมื่อเหตุปัจจัยทำให้ต้องตายจะตายอย่างมีสติ แล้วสุคติจะเป็นที่หมายของการไปเกิดในภพใหม่

การประพฤติที่แล้วมา ประพฤติแล้วไม่ได้ผล ควรเลิกเสียด้วยเหตุนี้ประพฤติแล้วสติไม่เกิดหากจำเป็นต้องตายขณะจิตขาดสติจะทำให้ชีวิตใหม่เสียหายได้

  (2) ไม่ดี เพราะเป็นการอธิษฐานที่เป็นไปไม่ได้ จะเอาทั้งมนุษย์สมบัติและเทวสมบัติในคราวเดียกันย่อมไม่เกิดขึ้นได้ คนตายแล้วไปเกิดใหม่ในภพมนุษย์ต้องมีศีล 5 คุมใจฉะนั้นหากผู้ถามปัญหาประสงค์จะพบกันความสมปรารถนาต้องสร้างมหาทานแล้วอธิษฐาน และสุดท้ายต้องทำเหตุให้ถูกตรงคำอธิษฐานจึงจะมีโอกาสพบกับความสำเร็จได้

  (3) คนที่รู้ว่าทุกคนต้องตายจึงกลัวตาย เหตุเพราะรู้ไม่จริงเกี่ยวกับความตาย แต่ทุกคนที่เอาใจเข้าถึงความจริงของการตายจะไม่กลัวตาย เหตุเพราะรู้จริงเกี่ยวกับความตายฉะนั้นผู้ใดประสงค์จะไม่กลัวตาย ต้องเข้าถึงความตายก่อนตายจริงให้ได้ ด้วยการปฏิบัติชอบ จนเข้าถึงมรรคผลแห่งธรรมแล้วจะไม่กลัวตายแน่นอน

ส่วนเรื่องที่ผู้ถามปัญหาขอไปต้องไปขออนุญาตกับชมรมกัลยาณธรรม เพราะเขาเป็นผู้ผลิตและรับผิดชอบในสิ่งเหล่านั้น
  

788.
เรียนท่านอาจารย์ดร.สนอง

   แม่ของกระผมมีบ้านที่เชียงใหม่และให้คนเช่าอยู่เดือนละ 20000 บาท แต่คนเช่าไม่จ่ายเงินให้จนกระทั้งเค้าติดค่าเช่าได้ 100000 บาท แม่ของผมก็ทวง จนเค้าเขียน เช็ค มาให้ 100000 บาท แต่ว่า เช็ค มันเด้ง แม่ของผมก็เลยจ้างทนายมาฟ้องเรื่อง เช็ค (ระหว่างฟ้องใช้ระยะเวลานานถึง 5 เดือน ทำให้เค้าติดค่าเช่า เพิ่มอีก เป็น 200000 บาท) แล้วไปขึ้นศาล 3ครั้ง ศาลเลยสั่งออกมาว่า ให้ส่งหมายไปจับ เค้าก็เลยมาจ่าย 100000 บาท ก็เลยยกฟ้องเรื่อง เช็ค และศาลจะให้จ่ายอีก 100000 โดย ให้แบ่งจ่าย เดือนละ 20000 บาท

อยากถามท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ว่า
1.ถ้าเค้าไม่ผ่อนจ่ายอีก เดือนละ 20000 บาท ที่เค้าติด ตามที่ศาลสั่ง เราจะฟ้องศาลอีกจะดีหรือไม่ แต่ดูแล้วเค้าไม่ค่อยมีเงิน และยังเป็นเด็กอายุแค่ 20กว่าๆ
2.ถ้าเราบังคับให้เค้าจ่ายเงินที่เค้าติดเราให้เรา จะปาบ มั้ย เพราะครั้งที่แล้วเค้าเอา รถไปเข้า finance ให้เรา

คำตอบ
    (1) ชาวพุทธที่เชื่อในคำของพระพุทธะในความหมายที่ว่า “ ไม่มีสิ่งใดเกิดโดยบังเอิญ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นต้องมีเหตุทำให้เกิด ” และเชื่อในคำสอนที่ว่า “ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ”

หากผู้ถามปัญหามีศรัทธาในคำสอนของพระพุทธะดังที่ยกตัวอย่างมาให้ดู จะตัดสินใจได้เองว่า จะผูกเวรกรรมให้ต่อเนื่องยาวนานในภพข้างหน้าหรือจะให้เวรกรรมยุติเพียงชาตินี้ อยู่ที่ผู้ถามปัญหาต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง

   (2) คนที่มีธรรมะของพระพุทธะอยู่ในใจจะไม่เบียดเบียนใครให้ไม่สบายใจ เพราะนั่นคือการสร้างบาปที่เขาจะต้องนำติดตัวไปเกิดในภพใหม่ มนุษย์สมบัติได้แก่ทรัพย์ภายนอก เมื่อตายแล้วไม่เคยมีใครนำทรัพย์ภายนอกติดตัวไปได้สักราย มีแต่บุญและบาปซึ่งเป็นทรัพย์ภายในเท่านั้นที่นำติดตัวข้ามภพชาติดได้ฉะนั้นผู้ถามปัญหาจะนำบุญหรือบาปติดตัวไปเกิดใหม่ ต้องเลือกเอาตามที่ตัวเองชอบ
  

787.
เรียน อาจารย์สนองที่เคารพ

ดิฉันสงสัยว่าเวลาที่เราทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรในชาติที่แล้วๆมาเพื่อขออโหสิกรรมนั้น หากเขาไปเกิดใหม่ในภพภูมิต่างๆแล้วเขาจะรับรู้และอโหสิกรรมให้เราด้อย่างไรในเมื่อเขาเหล่านั้นไม่สามารถจำอดีตชาติได้ และหากเป็นอย่างนั้นหมายความว่าเราก็ยังไม่ได้รับการอโหสิกรรมใช่มั๊ยคะ

กรรมใดที่ดิฉันได้ล่วงละเมิดต่ออาจารย์ ดิฉันขออโหสิกรรมด้วยนะคะ และขออนุโมทนาในกุศลที่อาจารย์ใด้ทำแก่เพื่อนร่วมโลกทั้งหลาย

ขอบพระคุณค่ะ
   สุวัฒนา

คำตอบ
    สัตว์(รูปนาม) ที่ไปเกิดอยู่ในภพภูมิต่าง ๆ มีทั้งที่จำอดีตได้และจำอดีตไม่ได้ ตัวอย่างเช่น สุภัททาตายจากมนุษย์แล้วไปเกิดเป็นเทพนารีอยู่ในสวรรค์ชั้นนิมมานหรดี ได้ลงมาหาเทพนารีภัททาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ซึ่งตัวเองจำได้ว่า ในครั้งที่เกิดเป็นมนุษย์ภัททาเคยเป็นพี่สาวต่างงานแล้วไม่ลูกได้แนะนำสามีให้ไปขอตัวเองซึ่งเป็นน้องสาวมาเป็นภรรยาน้อย และยังแนะนำให้ขวนขวายในการจัดเตรียมอาหารใส่บาตรพระสงฆ์เป็นประจำส่วนภัททาเทพนารีไม่สามารถระลึกได้ว่า สุภัททานารีเคยเป็นน้องสาวในครั้งที่เกิดเป็นมนุษย์ร่วมสามีเดียวกัน

   หรือในอีกตัวอย่างหนึ่งที่คณะสงฆ์หลงทางไปพบเปรตอยู่ในป่าลึก เปรตชี้ทางเดินออกจากป่าให้และยังได้ขอร้องสงฆ์ให้บอกกับมนุษย์ว่า “ อย่าได้ประพฤติอย่างข้าพเจ้าในสมัยที่เกิดเป็นมนุษย์ได้ไปโกงที่ดินของวัดมาใช้เป็นที่ทำนาของตน ” ฯลฯ

   ฉะนั้น สัตว์ใดระลึกได้ว่าผู้มีบุญได้อุทิศบุญให้กับตน และตนได้มีโอกาสไปรับอนุโมทนา สัตว์นั้นย่อมได้บุญจากมีผู้อุทิศให้ ส่วนสัตว์ที่เป็นเจ้ากรรมนายเวร เมื่อเขามาอนุโมทนาบุญแล้วจะอโหสิกรรมให้กับผู้อุทิศบุญให้เขาหรือไม่นั้นเป็นสิทธิ์ของเขา ไม่มีผู้ใดสามารถไปบังคับเขาได้
     

786.
เรียน อาจารย์สนอง ด้วยความเคารพ

ผมเรียนอยู่ในระดับปริญญาตรีและกำลังจะทำภาคนิพนธ์ในช่วงปีสุดท้ายครับ แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำเรื่องอะไรดี (เป็นคนคิดอะไรไม่ค่อยจะออกครับ) จึงอยากเรียนถามอาจารย์ว่าจะมีวิธีนำเอาสมาธิในระดับขณิกสมาธิมาใช้ในการคิดหัวข้อภาคนิพนธ์ได้หรือไม่ และควรปฏิบัติอย่างไรครับ อยากให้อาจารย์ช่วยแนะนำด้วยครับ ขอบคุณครับ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

อภิชาติ

คำตอบ
    คิดจะทำวิทยานิพนธ์เรื่องดี คำว่าดีมีมาตรชี้วัดได้ดังนี้ว่า เรื่องที่คิดจะทำต้องไม่ผิดกฎหมายไม่ผิดศีลและไม่ผิดธรรม เรื่องใดที่อยู่ในเกณฑ์นี้ถือว่าเป็นเรื่องดีในทางธรรมทำแล้วให้ผลเป็นบุญ ดังนั้นไม่ต้องกังวลไม่ต้องว้าวุ่นให้สูญพลังไปโดยเปล่าประโยชน์ทำใจให้นิ่งแล้วจะปิ๊งขึ้นมาเอง
  

785.
สวัสดีค่ะ ท่านดร.สนอง

ดิฉันมีความสงสัยอยากเรียนถามดังนี้
1.การที่เราจะต้องมาเลี้ยงสุนัขหรือแมว เป็นเวรกรรมของเราหรือเปล่า และเราได้ทำกรรมอะไรกับเค้าไว้
2.หากเราจะเลี้ยงแล้วนำไปขายต่อให้คนอื่นเลี้ยง จะบาปไหมค่ะ
3.ถ้าเราได้เลี้ยงเค้าแล้วเราต้องปฏิบัติต่อเค้าอย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นบาปเป็นกรรมต่อกัน

ขอบคุณค่ะ

คำตอบ
    (1) การที่ต้องเลี้ยงสุนัขหรือแมว เป็นกรรม (การกระทำ) ของผู้เลี้ยงสัตว์ ส่วนกรรมนั้นจะให้ผลเป็นบาปได้ต่อเมื่อผู้เลี้ยงด้วยก่อเวรกับสัตว์ที่เลี้ยง เช่น กักขัง ทุบตี ให้สัตว์อดอยากหิวโหย ฯลฯ แล้วพฤติกรรมที่ทำจึงจะถูกเรียกได้ว่าเป็นเวรกรรม

หากมีพฤติกรรมตรงกันข้าม ผู้เลี้ยงสุนัขหรือแมวประพฤติถูกตรงตามบุญกิริยาวัตถุ 10 ถูกตรงตามบารมี 10 ถือได้ว่าการเลี้ยงสัตว์นั้นเป็นการสร้างบุญ สร้างบารมีของผู้เลี้ยงสัตว์

   (2) เรื่องที่ถามไปจะเป็นบาปได้ ต่อเมื่อสัตว์ที่ถูกขายจองเวรกับผู้ขาย หรือสัตว์ที่ถูกขายต้องไปตกระกำลำบากถือว่าเป็นบาป ซึ่งผู้ขายเป็นต้นเหตุให้มีบาปเกิดขึ้นจึงต้องมีส่วนร่วมในกรรมนั้นด้วย หรือหากทั้งสองกรณีให้ผลเป็นตรงกันข้ามถือว่าการกระทำนั้นเป็นบุญ

   (3) ประสงค์จะไม่ให้มีบาปเกิดขึ้นจากการนำสัตว์มาเลี้ยงต้องเลี้ยงให้สัตว์มีความสุขจึงจะเป็นบุญเกิดขึ้น
  

784.
เรียน ท่านอาจารย์สนอง

   อ่านการตอบปัญหาของอาจารย์แล้วรู้สึกเพลิดเพลินและสนุก บางทีก็ขำกับมุขของอาจารย์ ต้องเข้ามาอ่านคำถาม-คำตอบทุกหัวข้อ นอกจากนี้ก็ชอบฟังธรรมะบรรยายของอาจารย์ ปกติดิฉันแทบจะไม่ได้ดูทีวีเลย ชอบอ่านหนังสือธรรมมะและพระพุทธศาสนา

    มีข้อสงสัยดังนี้ค่ะ สิ่งที่ประกอบเป็นโลกมนุษย์อันกว้างใหญ่ ทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิต การเวียนว่ายตายเกิด ใครจะเป็น ใครจะตาย ใครจะลำบากเดือดร้อน ได้รับเคราะห์กรรม มีอะไรเป็นสิ่งกำกับควบคุมดูแล หรือทุกสิ่งขับเคลื่อนเป็นไปตามวัฎจักรของมันเอง ทุกสรรพสิ่งเป็นไปตามกรรม แต่มองดูมันเหมือนกับมีโครงสร้าง คล้ายๆ หน่วยงานหนึ่ง มีสรรพสัตว์ที่เวียนว่ายเป็นประชากรหลายระดับ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ เดรัจฉาน อมนุษย์ มีผลตอบแทน เช่น ทำดี ได้ดี มีเทวดาคอยรักษา ทำชั่ว
ได้ชั่ว ตกนรก มีฝ่ายบุคคลคอยประเมินผลงานอยู่

ไม่รู้ว่าดิฉันฟุ้งซ่านเกินไปหรือเปล่า

คำตอบ
   สิ่งที่ถามไปไม่ใช้จิตฟุ้งซ่าน แต่เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า ผู้ถามปัญหาเริ่มจะนำตัวเองออกจากกะลาครอบ จึงได้สนใจในเรื่องเหล่านี้ ซึ่งตอบได้ว่า สิ่งที่ประกอบเป็นโลกอันกว้างใหญ่พร้อมวัฏจักรของสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตถูกกำกับดูแล (ควบคุม) ด้วย 2 ปัจจัยใหญ่ คือ กฎธรรมชาติและกฎแห่งกรรม ที่สิ่งมีชีวิตเป็นผู้กระทำให้เกิดขึ้น

   กฏธรรมชาติ คือ กำหนดอันแน่นอนตายตัวว่าสรรพสิ่งมีการเกิดขึ้น สรรพสิ่งมีการคงอยู่ชั่วขณะ (ระยะสั้น ระยะยาวหรือยาวนานมากจนปัญญาทางโลกมิอาจประเมินได้) และมีการดับสลายไปเป็นธรรมดาของธรรมชาติ ไม่มีมนุษย์ เทวดา พรหมตนไหนสามารถไปเปลี่ยนกฎเกณฑ์ของธรรมชาติได้อย่างจริงแท้

   กฎแห่งกรรมคือกำหนดอันแน่นอนตายตัวที่สิ่งมีชีวิตผู้ประกอบขึ้นด้วยรูปนาม กระทำเหตุแล้วต้องมีผลเกิดตามมาแน่นอนส่วนผลที่จะเกิดนั้น จะปรากฏเป็นจริงเมื่อไร ขึ้นอยู่กับชนิดของเหตุที่ทำและขึ้นอยู่กับผลของกรรมเก่า

   ผู้ถามปัญหาไม่ควรปลงใจเชื่อคำตอบนี้ จนกว่าจะได้พิสูจน์พุทธวจนะ ที่กล่าวไว้ในกาลามสูตร ด้วยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจนเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้แล้วจะถ่องแท้ได้ด้วยตัวเอง
  

783.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ดร.สนอง ที่เคารพ

กระผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบนั่งสมาธิและชอบเดินทางไปกราบครูบาอาจารย์ต่างๆเสมอ ตามเวลาและโอกาสที่เอื้ออำนวย แต่กระผมนั้นมีข้อเสียอย่างยิ่งคือการดื่มสุราและชอบสังสรรค์กับเพื่อนฝูง

ดังนั้นจึงอยากจะกราบเรียบถามท่านอาจารย์ว่า
1.ถ้าเราดื่มเหล้า 2 วันแล้วเว้นช่วงใว้ 2 วันให้สร่างจากอาการเมาแล้วนั่งสมาธิเราจะได้บุญเป็นเช่นไร( หรือจะได้บาป )
2.ถ้าทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จะมีโอกาสวิปลาสหรือไม่

ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
    (1) สองวันที่ดื่มสุราเป็นการประพฤติทุศีลมีอานิสงส์เป็นบาป สองวันที่มิได้ดื่มสุรา ไม่ประพฤติทุศีลเป็นบุญการนั่งสมาธิเป็นการประพฤติจิตตภาวนาเป็นบุญ ฉะนั้นพฤติกรรมทั้งสามที่ทำแล้วจึงได้ทั้งบาปและได้ทั้งบุญ ส่วนพลังกรรมใดมีมากกว่าให้ดูที่ความประพฤติของตัวเองว่าผู้ใดมีบุญสั่งสมอยู่ในจิตมากกว่าบาป ผู้นั้นทำความดีได้ง่าย ทำความชั่วได้ยากตรงกันข้าม ผู้ใดมีบาปสั่งสมอยู่ในดวงจิตมากกว่าบุญผู้นั้นทำความชั่วได้ง่ายทำความดีได้ยาก

  (2) ขึ้นอยู่กับการให้ผลของพลังกรรมถ้าพลังบุญให้ผลจิตไม่วิปลาส แต่หากพลังบาปให้ผลโอกาสมีจิตวิปลาสจะเกิดขึ้นได้
  

782.
เรียน ท่าน ดร.สนอง

ผมได้ชวนเพื่อนไปฟัง ปุจฉา-วิสัชนา จากพระโพธิสัตว์ รูปหนึ่ง หลังจากจบแล้วได้เตรียมเงิน และของ(เหรียญ 25 ,50 สตางค์ ,ทองเหลือง) เพื่อทำบุญถวายกับมือของท่านโดยตรง เพื่อร่วมสร้างพระ แต่ พอหันไปเห็นเพื่อนๆ จึงรู้สึกสงสารว่า เพื่อนไม่ได้เตรียมของมาถวายท่าน เท่าที่ควรจึงได้ แบ่ง เงิน และ ของที่ ผมรวบรวมจาก ผู้คนที่ข้าพเจ้าชักชวนทำบุญซึ่งน่าจะประมาณ 10 กว่ากิโล ออกเป็น 4 ส่วน และมอบให้ เพื่อนๆ ช่วยกัน ร่วมอนุโมทนา และถวาย เงินและของนั้น

ผมไม่ได้ หวงบุญ ที่ได้ แบ่ง เงิน และของที่รวบรวม ให้เพื่อนได้มีโอกาสถวายกับมือ พระโพธิสัตว์ โดยตรง แต่อยากทราบว่าบุญ นั้น นั้น จะ ต่างจาก การที่ผม รวบรวม และ ถวายแต่ เพียงผู้เดียว อย่างไร

กราบขอบพระคุณครับ

คำตอบ
   ต่างกันตรงที่ว่า คุณได้เมตตาได้กรุณาเพิ่มขึ้นได้เขามาเป็นบริวารช่วยเหลือคุณในการให้ท่าน จึงได้บุญมากกว่ากำหนดเพียงผู้เดียว
  

781.
เรียน อาจารย์ สนอง วรอุไร

ผมชื่อ วันชัย วงศ์ศรีชาตินนท์ กรรมใดที่เคยล่วงเกิน ท่านอาจารย์ขอท่านอาจารย์โปรดอโหสิกรรมกระผมด้วยครับ

คำถามครับ
1. เหตุใดเมื่อเราได้สมาธิแล้วจึงไม่อยู่ติดตัวเราไปตลอด และไม่สามารถเขาสมาธิได้ดังเดิม

2. ทำไมแต่ละคนเมื่อเขาสมาธิได้ครั้งแรก ได้ข้อมูลในสมาธิไม่เหมือนกัน

ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงครับ

คำตอบ
    (1) สมาธิเป็นหนึ่งในกำลังของจิต (พละ5) ผู้ใดฝึกจิตให้มีกำลังของสมาธิอยู่เสมอ ฝึกอยู่เป็นประจำ กำลังสมาธิจะไม่ลดไป ต้องดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์คือมีความไม่คงที่คงอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ และเป็นของสูญไม่เป็นของใคร

   (2) เหตุที่ได้ข้อมูลในสมาธิไม่เหมือนกันเพราะต่างมีประสบการณ์ไม่เหมือนกัน สั่งสมบุญสั่งสมบารมีสั่งสมบาปมาไม่เหมือนกันและไม่เท่ากัน
     

780.
ทำบุญยังไงให้รวยเร็วครับ

1. เคยได้ยินมาว่า การให้ทาน กับคนที่มีศีลมีธรรมต่างกันก็จะได้บุญต่างกันไปเช่นให้คนมีศีล5ได้บุญ 10เท่า ศีล10ได้100เท่า โสดาบัน อนาคามี อรหันต์ ก็หมื่นเท่า แสนเท่า ล้านเท่า ต่างกันไปใช้ไหมครับ

2. และรู้มาว่าแม่คืออรหันต์ในบ้าน
อยากถามว่าแบบไหนได้บุญมากกว่ากัน หรือแบบไหนดีกว่า
   (1)ผมเป็นเจ้าของเอง ผมได้เงินมา เอาไปให้แม่ ให้หมด
   (2)แม่เป็นเจ้าของ แม่ได้เงินมา แม่เอาเงินไป เราแค่ช่วยแม่ และแม่ให้ค่าจ้างเราอีกที
ผมจะมาทำธุระกิจเล็กๆส่วนตัวนะครับ

3. เคยเห็นคนที่ไปปฎิบัติธรรมบางแห่ง เค้าบอกว่า เค้าไปปฎิบัติธรรมแล้ว ช่วยให้ธุรกิจดีขึ้น (ได้ยินมาหลายคนเหมือนกัน) ตามหลักการแล้วช่วยได้จริงหรือครับ ก็นั่งสมาธิ เดินจงกลม แล้วอุทิศส่วนกุศล มีผลจริงหรือเปล่า

ออกเรื่องทางโลกนิดหน่อยคงไม่ว่ากันนะครับ เพราะเรายังเป็นฆารวาสครับ

คำตอบ
    (1) ใช่ได้บุญไม่เท่ากันตามระดับคุณธรรมของผู้มารับทาน ดังตัวอย่างของหญิงชรายากจน ทำบุญด้วยน้ำผักดอง กับพระมหากัสสปะอรหันต์ผู้ออกจากนิโรธสมาบัติ ผลปรากฏว่าตายจากมนุษย์แล้วได้ไปเกิดเป็นเทพนารีอยู่ในสวรรค์ชั้นนิมมานนรตีและเช่นเดียวกันในพรรษาที่ 7 ที่พระพุทธะขึ้นไปโปรดพุทธมารดาอยู่ที่สวรรค์ชั้นดางดึงส์อินทกเทพบุตรในสมัยที่เกิดเป็นมนุษย์ ได้ทำทานกับพระอนุรุทธะอรหันต์ด้วยข้าวเพียงทัพพีเดียว ตายแล้วไปเกิดเป็นเทพบุตรนั่งอยู่ใกล้พุทธมารดาทางเบื้องขวาของพระพุทธะ ส่วนอังกรูเทพบุตรนั่งอยู่ทางเบื้องซ้ายเมื่อเทพบุตรผู้มีศักดิ์ใหญ่องค์อื่น ๆ เสด็จมา อังกุตทพบุตรต้องถอยร่นไปเรื่อย ๆ และนั่งอยู่เบื้องหลังเทพบุตรเหล่านั้นห่างไกลจากพระพุทธะถึง 12 โยชน์ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะสมัยที่เกิดเป็นมนุษย์ได้ให้ทานแก่มหาชนตลอดกาลอันยาวนาน แต่ปฏิคาหก (ผู้มารับทาน) ว่างเปล่าจากความเป็นทักขิไณยบุคคล จึงได้อานิสงส์ต่างจากทานของอินทกเทพบุตรดังนี้

   (2) การให้เงินแม่ด้วยตัวเองได้บุญมากกว่าต่อเมื่อให้แล้วต้องมีปีติมากกว่าวิธีที่สอง

   (3) การปฏิบัติธรรมเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 และเป็นบุญใหญ่สุดเมื่อมีบุญใหญ่แล้วอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรรวมถึงสรรพสัตว์ย่อมได้บุญมากยิ่งขึ้น ถ้าอยากจะรู้ว่าเป็นจริงหรือไม่ทำไมไม่ลองพิสูจน์ดูด้วยตนเองเล่าครับ
  

779.
กราบเรียน ท่านอาจารย์สนองที่เคารพอย่างสูง

ขณะนี้หนูกำลังตั้งใจปฏิบัติจิตภาวนาประมาณ 15 นาทีหลังสวดมนต์ทุกคืน และสมาทานศีล 5 ทุกเช้าก่อนไปทำงาน ในช่วงแรก ๆ ของการปฏิบัติจะรู้สึกอึดอัดมากเวลากำหนดลมหายใจเข้าออก แต่ตอนนี้เริ่ม ๆ ดีขึ้นแล้วค่ะ แต่คุณแม่ ซึ่งท่านได้ศึกษาพระอภิธรรมมายาวทาน และได้ปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานมาอย่างต่อเนื่อง แนะนำว่าน่าจะเริ่มวิปัสสนากรรมฐานเลย มากกว่าจะเริ่มจากสมถกรรมฐาน เพราะเวลาจะเปลี่ยนจากสมาธิมาเป็นวิปัสสนากรรมฐานจะทำได้ยาก จะไปติดที่การกำหนดจิตให้นิ่งอย่างเดียว หนูเลยเริ่มสับสน เนื่องจากที่เริ่มจากการทำสมาธิ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่สามารถฝึกได้ด้วยตนเองในระยะแรก หากจะปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเลย หนูรู้สึกว่าเป็นเรื่องยาก เพราะต้องเข้าใจพระอภิธรรมได้มากพอสมควร จึงอยากรบกวนปรึกษาท่านอาจารย์ว่า หนูควรจะปฏิบัติอย่างไรต่อไปดีคะ

ด้วยความเคารพย่างสูง

คำตอบ
    เจริญจิตตภาวนานาน 15 นาที หลังสวดมนต์ทุกคืนและสมาทานศีล 5 ทุกเช้า เมื่อประพฤติได้แล้วดีจงมีสัจจะรักษาปฏิปทาเช่นนี้ไว้ให้ได้ตลอดไป ส่วนเรื่องที่จะเริ่มปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเมื่อไรนั้นอยู่ที่กำลังความตั้งมั่น (สมาธิ) ของจิตตัวเองจะเป็นตัวกำหนดให้รู้เองได้เมื่อเวลานั้นมาถึง
   

778.
เรียนท่านด๊อกเตอร์,

   ทุกครั้งที่ดิฉันเริ่มงานใหม่ ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้ดี แต่พอเวลาผ่านไป อะไรๆก็เปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม การงานของดิฉันก็ค่อนข้างดี น่าจะมีฐานะได้แล้ว แต่ความจริงก็ไม่เป็นเช่นนั้น

   - วัยเด็กดิฉันมักทำกิจกรรมที่ทำให้พ่อแม่ทุกข์ และเสียใจ
    - ตอนแม่ไม่สบาย แม่หิวข้าว บอกให้ดิฉันไปซื้อข้าวให้กิน ดิฉันก็มัวห่วงเพื่อนที่มาหาที่บ้าน ไม่สนใจกับคำพูดของแม่ จนกระทั่งแม่ต้องบอกฉันว่าหิวจนแสบท้อง ฉันจึงไปหาข้าวมาให้แม่กิน (บาปมาก นิสัยแย่มาก)
   - ตอนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย เราถามแม่ว่าแม่อยากให้เข้าเรียนคณะไหน จะได้เลือกสอบเข้า แม่พูดเบาๆว่าบัญชี ฉันแปลกใจเลยถามทวนอีกครั้ง แต่แม่บอกไม่มีอะไร แล้วเราก็ปล่อยผ่านไปไม่สนใจที่จะสอบเข้า

   ดิฉันคิดว่า นี่เป็นเพราะกรรมเก่าที่ฉันทำไว้ กว่าจะคิดได้ตอนนี้ก็อายุมากแล้ว พ่อแม่ก็เสียได้ร่วมสิบปีแล้ว จะไปขออโหสิกรรมกับท่านก็สายไปเสียแล้ว จะขอขออโหสิกรรมกับพ่อแม่แฟนก็กลัวว่าไม่ได้

รบกวนถามท่านด๊อกเตอร์ว่า
   1. ดิฉันควรทำอย่างไรดีคะ
   2. ชีวิตดิฉันจะดีขึ้นได้ไหมคะ

ด้วยความนับถือ,
ผู้อาศัยในความมืด และหาทางไปที่ที่สว่างไม่เจอ

คำตอบ
    (1) ทำบุญแล้วอุทิศบุญให้พ่อแม่ผู้ล่วงลับ แล้วกล่าวคำขออโหสิกรรมต่อท่านย่อมทำได้

   (2) จะดีขึ้นต่อเมื่อ ต้องทำตัวเองให้มีศีล มีธรรม มีสัจจะ และประพฤติดีบุญกิริยาวัตถุ 10 ให้ได้ตลอดชีวิต แล้วจะดีได้ตามที่ปรารถนา
      

777.
ดิฉันเคยไปร่วมงานศพและไปเห็นพระสงฆ์ทำพิธีกรรมแทนสัปเหร่อโดยการนำคนตายลงโรงเอง และมีมีดหมอทำพิธีและเหล้าแสงโสมเทลงโรงเอง
ถามว่าผิดหลักของพุทธศาสนาไหม ทั้งที่วัดก้มีสัปเหร่อและตัวดิฉันจะผิดต่อข้อ วิจิกจฉา ไหมคะ

รบกวนอ.สนองช่วยตอบด้วยคะ

คำตอบ
    พุทธศาสนาสอนสงฆ์สาวกให้ประพฤติตรงตามธรรมวินัย ด้วยการเรียนรู้ภาคปริยัติและเข้าถึงธรรมวินัยด้วยการปฏิบัติกรรมฐาน การประพฤติตนเป็นสัปเหร่อ มิใช่กิจของสงฆ์จึงถือวาผิดหลักการของพุทธศาสนาซึ่งถือได้ว่าผู้ถามปัญหาเช่นนี้ยังมีวิกิจฉา จึงไม่รู้ว่าสงฆ์ที่ประพฤติเช่นนั้นถูกตรงตามธรรมวินัยหรือไม่
      

776.
เรียนท่านอาจารย์สนองครับ

ผมมีปัญหาในการวางตัวครับ คือ ผมนั้นรู้สึกเบื่อหน่ายกระแสสังคม อยากแสวงหาทางออกกับครูบาอาจารย์
แม่นั้นจะสนับสนุน แต่พ่ออยากให้ทำกิจการต่อจากท่าน ซึ่งผมเห็นว่าเป็นเรื่องหาสาระไม่ได้เลย
จึงอยากถามท่านอาจารย์
ว่าผมควรทำอย่างไรครับ เมื่อพ่อยังอยากให้ลูกสร้างต่อ แต่ลูกไม่อยากสร้างแล้ว และปรารถนาที่จะบวชกับครูบาอาจารย์
ด้วยศรัทธาใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และครูบาอาจารย์ อย่างสุดหัวใจ ครับ

คำตอบ
    ชีวิตเป็นของตัวเอง ผู้ถามปัญหาจึงต้องเลือกทางเดินชีวิตด้วยตัวเอง ผู้รู้ไม่มีสิทธิ์เลือกทางชีวิตให้กับผู้ใดได้ผู้รู้เป็นได้เพียงผู้ชี้แนะว่ามนุษย์สมบัติมีค่าน้อยกว่า สวรรค์สมบัติและพรหมสมบัติตามลำดับ สมบัติที่มีค่าสูงสุดและมนุษย์สามารถเข้าถึงได้คือนิพพานสมบัติ
     

775.
กราบเรียน ท่านอาจารย์สนอง ที่เคารพ

อยากทราบความหมายที่แท้จริงของคำว่า เจ้ากรรมนายเวรค่ะ เนื่องจากบางท่านก็บอกว่า เจ้ากรรมนายเวรจริง ๆ แล้วไม่มี แต่เจ้ากรรมนายเวรคือตัวของเราเอง เวลาอุทิศส่วนกุศลให้ แท้จริงแล้วก็คือการอุทิศให้ตัวเอง

กราบรบกวนท่านอาจารย์ช่วยให้ความกระจ่างด้วยค่ะ

คำตอบ
    คนที่บอกว่าเจ้ากรรมนายเวรไม่มี ถือว่าเป็นความเห็นถูกของเขาแต่มิใช่เป็นความเห็นถูกของผู้รู้

เวรหมายถึงความปองร้ายกัน ตัวอย่างที่สามารถรู้เห็นเข้าได้ด้วยระบบประสาทสัมผัสเช่น พระพุทธองค์ที่กลิ้งก้อนหินลงจากภูเขาเพื่อทำร้ายพระพุทธเจ้า จนพระพุทธองค์ได้รับบาดเจ็บที่เท้าจึงเรียกว่า พระเทวทัตเป็นเจ้ากรรมนายเวรของพระพุทธเจ้า หรือในอีกตัวอย่างหนึ่งคือ พระองคุลีมาลอรหันต์ออกไปบิณฑบาตในเมืองแล้วถูกชาวบ้านขว้างปาด้วยก้อนดินและท่อนไม้จนได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย ในกรณีนี้ชาวบ้านผู้ขว้างปาก้อนดินและท่อนไม้เป็นเจ้ากรรมนายเวรของพระองคุลีมาล
   

774.
กราบเรียน ท่านอาจารย์สนอง ที่เคารพ

ก่อนอื่นต้องกราบขอบพระคุณอาจารย์ ที่เมตตาตอบข้อสงสัยของผม (ข้อ 767 ) ช่วงนี้และช่วงต่อ ๆ ไปผมคงรบกวนอาจารย์อีกหากมีข้อสงสัยในการปฏิบัติ วันนี้ขอสอบถามดังนี้ครับ

1. อารมณ์ที่ผมเข้าถึงในเบื้องต้นนี้ (จากข้อ 767 ข้อ 1 ) เรารู้สึกได้ สัมผัสได้ว่าเป็นอย่างไรและไม่เคยเจอมาก่อน แบบนี้เรียกว่าเป็น “ สิ่งที่เรารู้ได้ด้วยตัวเอง ” หรือไม่ครับ เพราะที่ผ่านมาอ่านหนังสือก็เข้าใจแค่ตัวหนังสือเท่านั้น และถ้าฝึกไประดับสูง ๆ กว่านี้ก็จะมีความแตกต่างของอารมณ์ให้เรารับรู้ได้ในตัวมันเองและเป็นตัวชี้วัด ถูกต้องหรือไม่ครับ

2. สำหรับคนที่ไม่เคยศึกษาและไม่มีความรู้เกี่ยวกับภาษาธรรมะเลย จะทราบได้อย่างไรครับว่าอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภาษาธรรมะเรียกว่าอะไร เพราะผู้ปฏิบัติเองก็ต้องการทราบว่าตนเองมีความก้าวหน้าในการปฏิบัติหรือไม่ เพียงใด หรือเราก็ต้องศึกษาบ้างเล็ก ๆ น้อยเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น เหมือนขับรถก็ต้องรู้ทาง รู้กฏจราจรไว้บ้างครับ

3. ผมมีความเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมคือ อารมณ์ของขณิกสมาธิ ใช่หรือไม่ครับ

กราบขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงครับ

คำตอบ
   (1) การรู้เห็นเข้าใจด้วยตัวเองเรียกว่าสนฺทิฏฺฐิโกลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นได้กับผู้ปฏิบัติธรรมและเข้าถึงธรรมเท่านั้น ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นกับผู้ถามปัญหาที่ปฏิบัติธรรมได้แล้วถือว่าถูกต้อง

  (2) ต้องไปอ่านหนังสือทางธรรมว่าเขาสมมุติเรียกอารมณ์เช่นนี้ว่าอะไรจะได้สื่อสารให้ผู้อื่นรู้ตรงกันได้ และสามารถใช้เป็นตัวชี้วัดความก้าวหน้า หรือความถอยหลัง(ปฏิบัติธรรมผิดทาง) ของตัวเองได้

   (3ป เรียกได้ว่าจิตมีความตั้งมั่นชั่วขณะ
  

773.
สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์

หนูได้ยินมาจากพี่สาวว่าการกินยาถ่ายพยาธิเป็นบาปชนิดหนึ่ง แล้วพอดีหนูเพิ่งบริจาคเงินช่วยเด็ก500คนกับประเทศที่ยากจนในแถวแอฟริกาที่ไม่ค่อยได้ทานอาหารที่สะอาดซักเท่าไหร่
ให้ขับพยาธิออกมาเพื่อที่เด็กๆเค้าจะได้รับสารอาหารที่มากขึ้นแล้วแข็งแรงขึ้นในภายภาคหน้า หลังจากบริจาคไปแล้ว หนูเพิ้งคิดได้ว่าพี่สาวบอกว่ามันเป็นบาบปที่กินยาขับพยาธิ หนูพอจะเข้าใจว่ามันอาจจะเป็นการเบียดเบียนพยาธิ ที่ทำให้มันตายแต่ว่ามันก็เป็นหนทางเดียวที่เด็กที่ยากจนและไม่ค่อยมีอาหารทาน จะมีสุขภาพที่ดีขึ้นเพราะในแต่ละวันพวกเขาก็ไม่มีอาหารที่เพียงพออยู่แล้ว

มันเลยทำให้หนูสงสัยว่า
1.หนูทำบาปมากมั้ย เพราะว่าจำนวนเงินที่บริจาคไปสามารถช่วยเด็กได้หลายคน อย่างนี้ก็เท่ากับฆ่าพยาธิไปหลายๆตัว
2.ตามความเข้าใจของหนู ถ้าการคนที่กินยาถ่ายพาธิ เป็นบาบ เพราะฉะนั้น อาชีหมอจะเป็นบาปมั้ยคะ เพราะต้องฆ่าไวรัส เชื้อโรค พยาธิ หรือแบคทีเรียตั้งมากมาย เพื่อช่วยชีวิตคน หนูคิดว่ามันคงจะเป็นบาปและบุญในขณะเดียวกัน เพราะว่าต้องฆ่าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น แล้วถ้าอย่างนี้ต้องทำบุญขออโหสิกรรม กับสิ่งเหล่านั้นด้วยหรือไม่ แล้วถ้าสิ่งเหล่านั้นไม่อโหสิกรรมให้ คุณหมอก็ต้องรับผลกรรมนั้นต่อไปใช่มั้ยคะ

หนูไม่ทราบว่าหนูคิดมากไปรึเปล่า แต่หนูขอกราบขอบพระคุณล่วงหน้านะคะที่ท่านจะช่วยชี้แจงความเข้าใจให้หนู
ขอขอบพระคุณในความเมตตาของท่านค่ะ

คำตอบ
  (1) บาปเกิดขึ้นด้วยการเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการ งานนี้จึงได้บาปน้อยและได้บุญมากกว่า

  (2) ผู้มีศรัทธาในพุทธศาสนา การพรากนามให้หลุดอกไปจากรูปถือว่าเป็นการประพฤติผิดศีลข้อปาณาติบาตเป็นลาปแต่การช่วยเหลือคนให้ปลอดจากพยาธิรบกวนเป็นบุญที่ใหญ่กว่าบาป

    ฉะนั้นคนโบราณที่เขามีอาชีพทางนี้เขานิยมประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 อยู่เนืองนิตย์และอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวรเมื่อเจ้ากรรมนายเวรอโหสิให้เขาจึงอยู่ได้ด้วยการไม่ถูกจองเวร ให้เจ็บป่วยเป็นโรคแบบคนไข้ที่มาให้เขารักษา
   

772.
ขอเรียนถามปัญหาดังนี้ค่ะ

1 - ดิฉันเจริญสติโดยภาวนาพุทโธ แต่จิตไม่ค่อยสงบ จะคิดโน่นคิดนี่ตลอด ตอนที่สติกลับมา จะกำหนดรู้ทุกครั้งที่จิตคิดไปเรื่องอื่น พอสักพักรู้สึกว่าลมหายใจแผ่วเบามาก เหมือนไม่ได้หายใจ อย่างนี้พอจะเรียกได้ว่าจิตเริ่มนิ่งไหมคะ วิปัสสนาคือการพิจารณาถึงความไม่เที่ยง ตามกฏไตรลักษณ์ ใช่ไหมคะอาจารย์

2- มีอยู่ครั้งหนึ่งนั่งเจริญสติได้สักพักแล้วปวดเมื่อยมาก แต่ก็ทนนั่งต่อไป พอเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง นึกขึ้นได้ว่าทำไมไม่มีอาการปวดอะไรเลย ไม่แน่ใจตัวเองว่าใจฟุ้งซ่านไปคิดเรื่องอื่นจนลืมปวดหรือเริ่มมีสมาธิ แต่วันนั้นที่ปฏิบัติไม่คาดหวังว่าจะเกิดสมาธิหรือไม่ พอนึกได้ว่าไม่ปวด เกิดปิติ สักพักความปวดก็เกิดขึ้น

3- วันหนึ่งขณะที่นอนหลับ ฝันไปได้สักพักก็รู้สึกตัวว่าเรากำลังฝันอยู่ เลยระลึกได้ว่าไม่ควรฝัน ขณะนี้เป็นเวลานอน ความฝันเลยยุติ หมายความว่าจิตเรามีสภาพอย่างไร
   
  กราบขอบพระคุณมากค่ะ
  
คำตอบ
 
  (1) เมื่อจิตรู้ว่าลมหายใจเริ่มแผ่วเบาเรียกว่าจิตเริ่มนิ่งได้ ส่วนคำว่า วิปัสสนาเป็นการเห็นแจ้งด้วยจิต ซึ่งจะมีผลตามมาคือจิตปล่อยวางสิ่งกระทบ แล้วจิตเข้าสู่ความว่างเป็นอุเบกขาแต่หากผลเป็นตรงข้าม คือจิตไม่ว่างเป็นอุเบกขา ไม่เรียกว่าเป็นวิปัสสนา

   (2) เมื่อใดจิตขาดสติ รับเอาสิ่งกระทบที่ไม่ดีมาปรุงเป็นอารมณ์และเกิดเป็นอาการปวดขึ้น และเช่นเดียวกันหากจิตแวบออกไปรับกระทบอื่นมาปรุงเป็นอารมณ์แบบใหม่ อาการปวดเดิมย่อมหายไปได้ชั่วคราว และเมื่อจิตหวนกลับมารับสิ่งกระทบเดิมที่ไม่ดีมาปรุงเป็นอารมณ์ซ้ำอีกครั้ง อาการปวดย่อมเกิดขึ้นได้อีก อย่างนี้ไม่เรียกว่าจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ

   (3) คนที่มีสติดี จิตจะเข้าสู่ความตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้วจะไม่ฝัน คนที่ยังฝันอยู่แสดงว่าจิตมีกำลังขอบสมาธิไม่กล้าแข็ง
   

771.
เรียน ดร.สนอง วรอุไร

   ดิฉันมีข้อสงสัยค่ะ คือ ถ้ามีคนเค้ามาทำบุญกับเรา แต่ก่อนหน้านี้เราได้ออกเงินทำบุญไปให้เค้าก่อนแล้ว แต่พอหลังจากนั้นเค้าก็นำเงินทำบุญมาให้พร้อมกับอนุโมทานาแล้วเราเอาเงินจำนวนนั้นไปใช้จะผิดไหมค่ะ

ขอบคุณค่ะ

คำตอบ
 
  ไม่ผิดครับ
   

770.
กราบเรียนอาจารย์สนอง

ดิฉันมีคำถามสองข้อดังนี้ค่ะ

1. สัตว์เดรัจฉานที่เกิดในป่าแล้วต้องล่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร ต้องตกนรกไปเกิดเป็นสัตว์นรก ถ้าเช่นนั้น สัตว์เหล่านี้จะมีโอกาสเกิดในภูมิที่ไม่ใช่อบายภูมิอีกไหมค่ะ

2. มารซึ่งคอยขัดขวางไม่ให้มนุษย์ทำความดี (ถือว่าเป็นบาป เพราะมีเจตนาไม่ดี) แล้วเหตุใดมารถึงได้เกิดในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี ซึ่งถือว่าเป็นสวรรค์ชั้นสูง ถ้าเช่นนี้ ก็ไม่ได้เป็นไปตามกฎแห่งกรรมซิคะ

ขอขอบพระคุณอาจารย์ที่ให้ความกระจ่าง
ชุติพันธ์

คำตอบ
    (1) สัตว์นรกมีโอกาส เกิดเป็นสัตว์ในสุคติภูมิได้ต่อเมื่อมีเหตุปัจจัยลงตัว แต่มีเป็นจำนวนน้อย ตัวอย่างเช่น พระเจ้าอชาตศัตรู ที่จับพ่อ (พระเจ้าพิมพิสาร) ข้อและลงโทษทรมานจนตายมีผลทำให้ตัวเองต้องลงไปเกิดเป็นสัตว์นรก (ทุคติภูมิ) ซึ่งได้รับพยากรณ์วาเมื่อหมดอายุขัยในนรกแล้ว จะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ (สุคติภูมิ) เป็นชาติสุดท้าย และจะได้ตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือในกรณีของพระเจ้าอโศกมหาราช ตายจากมนุษย์แล้วได้ไปเกิดเป็นงูเหลือม อาศัยกินสัตว์น้ำอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอจิรวดี จนกระทั่งลูกชายที่เป็นพระอรหันต์ ไปขอร้องไม่ให้งูเหลือม (อดีตพ่อ) จับสัตว์น้ำกินเป็นอาหาร งูเหลือมเชื่อและประพฤติตามเมื่อตายจากงูเหลือมไปแล้ว จึงได้ไปเกิดเป็นเทวดาอยู่ในสวรรค์

   (2) เขาปฏิบัติหน้าที่ถูกตรงตามไม่ได้ประพฤติผิดศีลจึงไม่ถือว่าเป็นความผิด เช่นเดียวกับมนุษย์ผู้มีอาชีพเป็นครูสอนหนังสือให้กับเยาวชน ปฏิบัติหน้าที่ถูกตรงตามธรรมคือมีหน้าที่ทดสอบความรู้ความสามารถของนักเรียน ด้วยการออกข้อสอบให้ทำ หากนักเรียนสอบไม่ผ่านเกณฑ์ประเมิน ไม่ถือว่าผิดไปจากธรรม
  

769.
เรียนอ.ดร.สนอง

ดิฉันเคยสอบถามเรื่องคุณยายพูดคนเดียวมาครั้งนึงแล้ว เนื่องจากสองสามวันที่ผ่านมาคุณยายเปลี่ยนไปจากเดิมมากคือ มีอาการนั่งพูดคนเดียวและไม่ยอมนอนหลับ ไม่ยอมทานข้าว ไม่ให้ใครเข้าใกล้ และบอกว่า มีเทวดามาคุยด้วยจากดาวดึง จะทำไรต้องขอนุญาตท่าน แม้แต่ขับตัวดื่มน้ำ หรือเข้าห้องน้ำ ดิฉัน ได้ทำตามที่ท่าอาจารย์ได้แนะนำคือทำบุญอุทิศส่วนกุศลไป แต่ตัวคุณยายเองไม่ยอมเป็นคนถวายสังฆทาน หรือกรวดน้ำ ท่านให้น้าชายทำแทน ท่านไม่ยอมทานข้าวดื่มน้ำหรือลุกจากการนั่งไปไหน นอกจากพูดคุยกับ รูปนามที่อยู่ต่างมิติ และนั่งสมาธิ

รบกวนอาจารย์ช่วยแนะนำว่าควรทำอย่างไรดี จึงให้คุณยายปกติเหมือนเดิม หรือไม่ต้องเหมือนเดิม แต่ว่าทานข้าวหรือพักผ่อนได้บ้าง มีความเห็นที่ถูก และปฏิบัติตนถูกต้อง เนื่องจากลูกหลาน มีความกังวลกับท่านมากค่ะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

ปิยพร

คำตอบ
    ความปกติของมนุษย์และความปกติของเทวดามีความต่างกัน เทวดาเสวยอาหารที่เป็นทิพย์ สำเร็จด้วยจิต เทวดาไม่เสวยอาหารปฏิกูลอย่างที่มนุษย์บริโภคกัน ฉะนั้นเมื่อคุณยายนำจิตเข้าไปอยู่ในมิตินั้น ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ลูกหลานไม่เชื่อพระพุทธเจ้าหรือที่ท่านตรัสว่า “ สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม (การกระทำ) ของตัวเอง ”
      

768.
กราบเรียนถามท่านอาจารย์ครับ

1. กระผมสงสัยเรื่องกรรมที่ทำให้รูปงามครับ ผมไม่แน่ใจว่ารูปงามใน จูฬกัมมวิภังคสูตร หมายถึง ความงามแบบใดในปัจจุบัน เนื่องจากว่าผมรู้สึกว่าคนส่วนใหญ่ (รวมถึงผมผู้ที่ยังไม่มีดวงตาเห็นธรรม)ให้ความหมายเกี่ยวกับ รูปงาม คือ รูปร่างหน้าตาดีแบบ ดารา, นางงาม, นางแบบ หรือแม้แต่ การที่แต่งกายยั่วกิเลส ซึ่งปัจจุบันนี้ความงามประเภทนี้ สามารถทำได้ด้วยเครื่องประทินผิว, หรือศัลยกรรม ซึ่งคนรวยก็สามารถมีรูปงามได้ อนึ่ง ผมศรัทธาใน จูฬกัมมวิภังคสูตร ผมจึงคิดว่าผมน่าจะเข้าใจคำว่า"รูปงาม"ในพระสูตรนี้ผิดไป ขอท่านอาจารย์ช่วยแก้ไขให้ผมด้วยครับ

2. ขอให้ท่านอาจารย์ไขความข้องใจเกี่ยวกับ โยนิโสมนสิการ กับ กาลามสูตร ให้ผมหน่อยครับ เนื่องจากว่า ผมเข้าใจว่าโยนิโสมนสิการ คือการคิดอย่างแยบคาย พิจารณาอย่างมีเหตุผล แต่ในหลักกาลามสูตรในข้อ 7 กล่าวห้ามการเชื่อโดยนึกเอาตามเหตุผลไว้ครับ :
      - 5. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
      - 6. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
      - 7. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล

ตามความเข้าใจของกระผม เราควรเชื่อโดยการพิสูจน์ แต่ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ ให้เราเชื่อโดยศรัทธาแต่ทำการโยนิโสมนสิการก่อน ความคิดนี้ของผมถูกต้องหรือไม่ครับ ผมควรจะพิจาณาแบบโยนิโสมนสิการเช่นไรจึงไม่ผิดไปจากกาลามสูตรครับ

3. ปัจจุบันมีข้อมูลข่าวสารมากมายบางครั้งผมไม่แน่ใจว่านั่นเป็น พุทธศาสนาเดิมแท้หรือไม่ ผมจึงสงสัยเกี่ยวกับ บทสวดมนต์ หรือ คาถา ครับ เพื่อนของผมหวังดีให้คาถามเกี่ยวกับเช่น ทำให้ร่ำรวย หรือว่า ทำให้ผู้คนรักใคร่ โดยบอกว่าเป็นพุทธคุณ แต่ผมสงสัยว่าเช่นนี้จะไม่ขัด กับกฎแห่งกรรมหรือครับ ถ้าคนเราสามารถร่ำรวยหรือมีคนรักมากมายจากเพียงการสวดมนต์อย่างเดียว ขอให้ท่านอาจารย์ช่วยมอบธรรมทานกับผมเกี่ยวกับ คาถาต่างๆใน พุทธศาสนาด้วยครับ

ขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่มอบธรรมทานแก่ผมครับ

คำตอบ
    (1) คำว่างามหมายถึงสวยงาม ลักษณะที่เห็นแล้วชวนยินดี มีลักษณะสมบูรณ์มีลักษณะดี ฯลฯ

เจ้าคุณโชดกเคยบอกกับผู้ตอบปัญหาว่า คนจะสวยต้องสวยด้วยศีล คือทำใจให้มีศีล แล้วความงามภายในจึงจะเกิดขึ้นได้และอยากจะมีผิวพรรณงาม ต้องรักษาใจไม่ให้โกรธ ท่านเจ้าคุณฯ ไม่เคยพูดถึงความงามของรูปเลย และเช่นเดียวกันในสมัยที่ผู้ตอบปัญหาไปปฏิบัติธรรมอยู่กับท่าน ในวันที่สิบของการปฏิบัติได้ไปเห็นเทวดา เมื่อย้อนกับมาดูมนุษย์แล้วไม่เห็นมีใครสวยงามสักคน เช่นเดียวกันอัมพปาลีที่เคยหลงตัวเองว่าเป็นคนสวยงามเมื่อพัฒนาจิตจนได้ดวงตาเห็นธรรมบรรลุเป็นอรหันต์แล้วได้ย้อนกลับมาดูตัวเอง จึงเห็นเป็นตามที่พระพุทธะตรัสวา รูปไม่เที่ยงที่เคยหลงว่าเป็นสิ่งสวยงามบัดนี้ทุกอย่างเป็นตรงกันข้าม

ฉะนั้นด้วยสายตามองของชาวโลกผู้เห็นผิด จึงเห็นว่ารูปเป็นสิ่งสวยงาม หรือสวยงามด้วยการใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์จึงมิใช่เป็นความงามในพุทธศาสนา ด้วยเหตุนี้ผู้ใดศึกษาจูฬกัมมวิภังคสูตร ด้วยสุตมยปัญญาและจินตามยปัญญา จึงเห็นผิดไปว่ารูปร่างกายเป็นสิ่งสวยงาม

   (2) คำว่า โยนิโสมนสิการ หมายถึง การพิจารณาโดยแยบคายซึ่งใช้ใจที่มีความตั้งมั่นจวนแน่วแน่ เป็นเครื่องมือในการพิจารณาสิ่งที่เข้าสัมผัสใจ ในทางตรงข้ามผู้ที่ศึกษามาในทางโลก มนุษย์ได้พัฒนาสุตมยปัญญาและจินตามยปัญญา แล้วนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการพิจารณาสิ่งที่เข้าสัมผัสใจอย่างนี้ไม่เรียกว่า โยนิโสมนสิการในพุทธศาสนา

ในหลักการของกาลามสูตร เมื่อมีสิ่งภายนอกเข้ากระทบใจแล้วอย่าพึงปลงใจเชื่อ ด้วยเหตุ 10 ประการ เพราะอาจเกิดความเห็นผิดได้กาลามสูตรมีเจตนาให้บุคคลพัฒนาปัญญาสูงสุด (ภาวนามยปัญญา) แล้วใช้ปัญญาสูงสุด มาพิจารณาสิ่งที่เข้ากระทบใจ เมื่อถูกตรงตามเหตุผลที่เป็นจริงแท้ (ปรมัตถสัจจะ) แล้วจึงจะให้เชื่อ

ผู้ถามปัญหาใช้ปัญญาระดับไหนมาพิสูจน์สัจจธรรมถ้าใช้ปัญญาทางโลก (สุตมยปัญญาและจินตามยปัญญา มาพิสูจน์ จะไม่สามารถรู้เห็นเข้าใจความเป็นจริงแท้ (ประมัตถสัจจะ)ในพุทธศาสนาได้ ด้วยเหตุนี้ จึงควรต้องเชื่อผู้รู้ ผู้มีประสบการณ์ในทางธรรมไปพลางก่อนแล้วพัฒนาจิตตนเองให้เข้าถึงภาวนามยปัญญาให้ได้ แล้วใช้ปัญญานั้นมาพิสูจน์คำบอกกล่าวจากผู้รู้ ด้วยปัญญาเห็นถูกตามธรรมของตัวเองในภายหลังจึงจะไม่พลาดไปจากหลักการของกาลามสูตร

   (3) แม้คาถาจะพูดถึงสิ่งดีงามอย่างไร แต่ผู้นำคาถามาท่องบ่นจนเจนใจ แต่ใจไม่มีความดีงามตามคาถานั้น คาถาที่ท่องบ่นก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้นอยากรวยต้องให้ทาน อยากให้คนเข้าใกล้รักใคร่ ต้องพัฒนาใจให้มีเมตตาได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องท่องบ่นคาถา ความสำเร็จในสิ่งที่หวังจะสำเร็จได้นั่นหมายความว่าคาถาไม่ศักดิ์สิทธิ์ไปกว่ากฎแห่งกรรมแน่นอน
   

767.
กราบเรียน ท่านอาจารย์สนอง ที่เคารพ

ผมได้มีโอกาสไปฟังอาจารย์บรรยายที่งานเสวนาธรรม ม.ธรรมศาสตร์ มีคำถามเพิ่มเติมที่จะรบกวนอาจารย์เมตตาชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องดังนี้ (คำถามในงานอาจารย์ตอบผมมาในข้อที่ 8 ครับ)

1. ผมปฏิบัติแนว “ สัมมา อะระหัง ” ช่วงที่มีความรู้สึกว่าจิตเริ่มนิ่ง มีสมาธิ บางครั้งจะมีอยู่แว่บนึงเร็วมาก ที่เหมือนจะเคลิ้มหลับ ประมาณ 1 วินาที หลังจากนั้นก็จะกลับมามีสติรู้ตัว และภายในหัวก็จะโล่ง เบา สบาย ต่างจากช่วงก่อนหน้า (แต่อาการอื่น ๆ เช่น ปวดขา ยังเป็นอยู่) พอเลิกปฏิบัติ วันนั้นทั้งวันรู้สึกว่าความคิดต่าง ๆ จะลดลงไปมาก ไม่ค่อยคิดอะไร สบาย ไม่ทราบว่าสิ่งที่เปฏิบัติหรือเกิดขึ้นได้ดำเนินมาในแนวทางที่ถูกต้องหรือยัง และจะต้องทำอย่างไรต่อไปครับ

2. ถ้าข้อที่ 1 ถูกต้องตามแนวทาง การปฏิบัติแต่ละครั้งก็ควรจะจำแนวทางและมาให้ถึง พยายามไปต่อ เป็นความคิดที่ถูกต้องหรือไม่ครับ

3. อาการปวดขา เหน็บ ที่เกิดขึ้นหลังจากนั่งไปประมาณ 45-60 นาที ที่ผ่านมาผมจะยอมทุกครั้งไปต่อไม่รอด ถ้าต้องการผ่านจุดนี้ไปจะต้องท้าชน เข้าแลกเหมือนกับที่อาจารย์ปฏิบัติมาวิธีเดียวหรือไม่ หรือจะมีวิธีอื่นที่ขึ้นอยู่กับจริตของแต่ละคน

รบกวนและขอบพระคุณอาจารย์นะครับ

คำตอบ
     (1) การปฏิบัติจิตตภาวนา ดำเนินไปในทางที่ถูกต้องแล้ว สิ่งที่ควรทำต่อไปคือ เพียรรักษาปฏิปทาเช่นนี้ให้คงอยู่เมื่อจิตตั้งมั่นจวนแน่วแน่ได้แล้ว จึงเอาจิตไปพิจารณาสติปัฏฐาน ๔

    (2) ต้องไม่ไปกำหนดว่า จะต้องไปให้ถึงอารมณ์ที่เคยเข้าถึง เพราะนั่นคือ ตัณหา ซึ่งเป็นกิเลสขวางกั้นการปฏิบัติธรรมไม่ให้ก้าวหน้า แต่ควรใช้ความเพียรปฏิบัติตามแนวทางเดิมต่อไปเรื่อย ๆ

   (3) เหตุที่จิตพ่ายแพ้ต่อเวทนา (ปวดขา,เหน็บ) เป็นเพราะจิตมีกำลังของสติยังไม่กล้าแข็งพอที่จะผ่านเวทนาได้ ให้ลุกขึ้นเดินจงกรม สลับกับการนั่งภาวนา วิธีนี้เป็นการเพิ่มกำลังของสติให้กล้าแข็งยิ่งขึ้น
   

766.
เรียน ท่านอาจารย์สนองที่เคารพ

หนูได้มีโอกาสอ่านหนังสือของท่านอาจารย์ เรื่อง อีคิวกับผู้สูงอายุ มีความสนใจเรื่องการตั้งโปรแกรมจิตให้เป็นบวก โดยเฉพาะในเรื่องที่ท่านอาจารย์ยกตัวอย่างว่า มีอยู่ท่านหนึ่งเป็นเนื้องอกที่รังไข่ และท่านอาจารย์ได้แนะนำให้ตั้งโปรแกรมจิตให้เป็นบวก จนเนื้องอกนั้นค่อย ๆ หายไปได้เอง ตัวหนูเองตอนนี้มีปัญหาคือ ไปตรวจพบเนื้องอกขนาด 3 ซม. ที่ต่อมไทรอยด์ แต่ยังโชคดีว่าตรวจดูเซลส์แล้วปรากฎว่าไม่เป็นมะเร็งค่ะ

- จึงอยากกราบรบกวนปรึกษาท่านอาจารย์ว่า หนูควรจะมีวิธีการตั้งโปรแกรมทางจิตอย่างไรบ้าง เพื่อช่วยให้อาการที่เป็นอยู่ดีขึ้นบ้างค่ะ
- และการสวดมนต์ และนั่งสมาธิที่หนูพยายามปฏิบัติอยู่ทุกวัน จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้พลังจิดเข้มแข็ง เพื่อช่วยให้สุขภาพกายดีขึ้นหรือไม่คะ

กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
     ต้องมีศรัทธาเต็มร้อยและมีความเห็นถูกว่าเนื้องอกเกิดขึ้นได้เนื้องอกต้องหายไปได้ แล้วตั้งโปรแกรมจิตให้ได้ทุกขณะตื่นโดยระลึกอยู่เสมอว่า ต่อมไธรอยด์ของข้าพเจ้าดีเป็นปกติ หลังจากนั้นทำใจให้มีศีล 5 คุม สวดมนต์ก่อนนอน ต่อด้วยทำจิตตภาวนาประมาณ 15 นาทีทุกวันแล้วอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เมื่อรักษาสัจจะให้เป็นดังนี้ได้แล้ว โรคที่เป็นอยู่หายได้แน่นอน
   

765.
กราบเรียนถามท่านอาจารย์ครับ

กระผมสงสัยถึงคำว่า วิกลจริต, จิต และ สติ ครับ

ผมได้อ่านเจอมาว่าบุคคลที่วิกลจริตในทางพุทธนั้น เนื่องด้วยจิตของบุคคลนั้นขาดสติ
มากกว่าบุคคลปกติทั่วไปจนทำให้บุคคลนั้นวิกลจริต

ปํญหาของผมคือว่า ทางวิทยาศาสตร์สามารถทำให้บุคคลวิกลจริตกลับมาเป็นปกติได้
หรือ ทำให้บุคคลปกติเป็นวิกลจริต โดยใช้ยาบางตัว ผมจึงสงสัยว่า

1. สตินี่เราสามารถเพิ่มหรือลดจากจิตของเราด้วยสารเคมีได้หรือไม่ครับ
2. จากข้อ 1 (ถ้า ไม่ได้) เราควรจะอธิบายเรื่องยาสามารถทำให้บุคคลวิกลจริตกลับ
มาเป็นปกติได้ หรือ ทำให้บุคคลปกติเป็นวิกลจริต ว่าอย่างไรดีครับ
3. กรรมทางต่างๆที่บุคคลกระทำตอนที่เค้าวิกลจริต เค้าต้องรับผลกรรมหรือไม่ครับ

ขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงครับ

คำตอบ
    (1) ได้ เพราะสารเคมีเป็นสิ่งกระทบภายนอกเมื่อนำเข้าสู่ร่างกายแล้ว พลังงานเคมีส่งผลกระทบพลังงานจิตที่อาศัยอยู่ในร่างกายได้ จิตมีหน้าที่คิด นึก เพียงแต่อยู่ในห้องปรับอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำ พลังงานของมวลอากาศส่งผลกระทบถึงพลังงานร่างกายและพลังงานจิต ทำให้รู้สึกหนาว ซึ่งเป็นอาการของจิตทำหน้าที่ได้ถูกตรงความรู้ทางวิทยาศาสตร์ รู้ไม่จริงว่า อาการหนาวเกิดขึ้นที่ร่างกายซึ่งเป็นความเห็นถูกที่มีความรู้ระดับนั้น แต่เป็นการเห็นผิดของผู้ที่เข้าถึงความรู้สูงสุด (ภาวนามยปัญญา)

   (2) ในข้อ (1)ตอบแล้วว่าได้ ฉะนั้นข้อ (2) จึงไม่ต้องตอบ

   (3) บุคคลปกติ สามารถทำกรรมได้สามทาง คือทำกรรมทางกาย ทำกรรมทางวาจา ทำกรรมทางใจ บุคคลที่วิกลจริตคือบุคคลที่มีกำลังสติอ่อน รับเอาสิ่งกระทบไม่ดีเข้าปรุงเป็นอารมณ์ไม่ดี ผิดเพี้ยนไปจากอารมณ์ของคนปกติ เมื่อจิตสั่งร่างกายให้ทำตามอารมณ์ที่ผิดเพี้ยนแล้วแสดงออกเป็นพฤติกรมที่ผิดเพี้ยน ผลของพฤติกรรมที่ผิดเพี้ยนจะถูกเก็บสั่งสมไว้ในดวงจิต เมื่อใดที่กรรให้ผลเป็นวิบากจะเป็นอกุศลวิบากซึ่งผู้ทำกรรมต้องเป็นผู้รับผลกรรมที่ผิดเพี้ยน (อกุศลวิบาก) นั้น
  

764.
กราบเรียนถามท่านอาจารย์ค่ะ

   หนูได้ไปดูดวงกับอาจารย์ท่านหนึ่งเพื่อจะสอบถามเรื่องฤกษ์แต่งงานกับแฟน ซึ่งเราได้พูดกันว่าจะแต่งปีนี้ เขาเตรียมสินสอดและเราได้เตรียมของชำร่วยไว้แล้ว เขาบอกพ่อแม่เขาแล้วแต่ยังไม่ได้ให้ผู้ใหญ่มาขอเท่านั้น อาจารย์ท่านนั้นได้หลับตาสักครู่แล้วจะบอกว่าหนูแต่งงานไม่ได้ เพราะหนูโดนสาบแช่งและมีกรรมที่ทำไว้จากชาติที่แล้วที่หนูเกิดเป็นชายแล้วขณะเข้าพิธีบวชมีผู้หญิงอุ้มท้องมาร้องไห้ก็เลยหนีบวช ทำให้บรรพบุรุษเสียใจแล้วหนูก็อายุไม่ยืนนัก เมื่อตายไปก็ถูกทำโทษให้ไปเฝ้าบันไดหอระฆังในวัดแล้วเหลืออีก ๒ ปีจะได้ไปเกิดก็หนีเขามาเกิดกับผู้หญิงคนที่เราหนีไปอยู่กับเขา (ซึ่งพอดูดวงของน้องสาวหนูก็บอกว่าคือน้องคนนี้ที่เกิดห่างกัน ๑ ปีนั่นเอง) หากหนูแต่งไปสุขภาพจะไม่แข็งแรง จะป่วยบ่อย ส่วนน้องของหนูก็ไม่มีดวงเรื่องนี้เพราะถูกแช่งไว้เช่นกัน ส่วนแฟนหนูนั้น (ไม่ได้มาด้วยตัวเอง) หากแต่งงานธุรกิจจะไม่ดี ไม่ก็ผู้หญิงสวมเขาให้เนื่องจากเขาเคยทำกับผู้หญิงไว้มาก ไม่ควรแต่งงานเช่นกัน แต่หนูและน้องก็ได้รับคำแนะนำให้ไปถือศีล ไปปฏิบัติกรรมฐานบ่อยๆ อย่างน้อยสัก ๓ วัน (ซึ่งหนูก็พยายามปฏิบัติมาได้ประมาณปีเศษๆ ก่อนนอนในห้องนอนและก็ไปปฏิบัติธรรมที่วัดในวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ ๒ ครั้ง)

หนูจึงขออนุญาตรบกวนถามท่านอาจารย์ดังนี้ค่ะ
๑) หนูควรจะเชื่อสิ่งที่ได้ฟังมาและยกเลิกการแต่งงานเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งร้ายๆ หรือไม่คะ (หนูไม่ทราบว่าจะบอกแฟนอย่างไรเนื่องจากเขาไม่เชื่อเรื่องดวงเท่าไรและเขาก็เป็นคนดีมีศีลธรรมในจุดหนึ่งเว้นบางเรื่องคือโมโหง่าย ปากร้ายและมีความคิดเข้าข้างตัวเองเป็นใหญ่ค่ะ)

๒) หากหนูรับเป็นเจ้าภาพบวชพระแล้วอุทิศให้บรรพบุรุษและพยายามปฏิบัติธรรมบ่อยๆ แล้วหนูสามารถเอาชนะคำทำนายนี้ได้ไหมคะ

๓) ขอคำแนะนำจากผู้รู้เช่นอาจารย์ว่าหนูควรจัดการกับชีวิตเช่นไรดี เนื่องจากช่วงหลังทำงานกลับบ้านดึก ทำให้ไม่มีความเพียรที่จะเดินจงกรมนั่งสมาธิทุกวันอย่างเคย (บางทีก็นั่งสมาธิอย่างเดียว) และพักหลังจิตก็ไม่ค่อยสงบ คิดนู่นนี่ฟุ้งซ่านมากค่ะ

สุดท้ายนี้ต้องขอบพระคุณท่านอาจารย์มากค่ะสำหรับคำแนะนำที่มีประโยชน์
ขอกราบท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
      (1) จะเชื่อหรือไม่เชื่อคำพูดของหมอดูเป็นเรื่องของผู้ถามปัญหา ในพุทธศาสนามิได้สอนให้เชื่อคำพูดของผู้อื่น (ดูกาลามสูตร) แต่สอนให้เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม สอนให้ประพฤติตนให้เป็นผู้มีศีลมีธรรมทำไมผู้ถามปัญหาไม่ประพฤตตนให้มีศีล มีธรรม ประพฤติตนให้เป็นผู้มีดวงดีหรืออยู่เหนือดวงล่ะ แล้วสิ่งต่าง ๆ ที่หมอดูพยากรณ์ไว้จะไม่เป็นจริงตามที่เขาพูด

   (2) คำตอบเรื่องนี้มีอยู่แล้วในหนังสือ “ วิธีอยู่เหนือดวง ” ที่ชมรมกัลยาณธรรมได้จัดพิมพ์ไว้ ควรไปหามาอ่านดู แล้วจะรู้วิธีบริหารชีวิตตนเองได้อย่างถูกต้อง

   (3) แบ่งเวลาในรอบวันให้เหมาะกับสุขภาพของตน ว่าจะอุทิศเวลาให้กับงานภายนอกที่ทำให้กับสังคม เวลาที่อุทิศให้กับงานภายในคือบริหารจัดการดูแลกายใจตัวเองนานเท่าไรและเวลาที่อุทิศให้กับการพักผ่อนหลับนอนนานเท่าไร หากงานใหญ่ทั้งสามนี้มีเวลาเหมาะสมกับสุขภาพร่างกายแล้ว ความสำเร็จในทางโลก ความสำเร็จในทางธรรมความสำเร็จของชีวิตย่อมเกิดขึ้นได้
   

763.
เรียนท่านอาจารย์ดร.สนอง ที่เคารพอย่างสูง

ผมขอความกรุณาถามคำถาม ขอความกรุณาท่านอาจารย์ช่วย ชี้ทางสว่างด้วยครับ

1. ผมมักจะมีปัญหา
- ตื่นเต้นง่าย
- มักกังวลเกินเหตุ
- ขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิตและการทำงาน

ท่านอาจารย์ครับ เหตุของปัจจัยเหล่านี้มาจากอะไรครับ? ผมต้องการขจัดสิ่งเหล่านี้ออกไปจากดวงจิต ผมเคยกังวลเกินเหตุ และได้ตั้งสมาธิ และพิจารณาตามดูเห็นมันดับไปกับตา แล้วก็พบว่า ปัญหานั้นมันไม่กลับมาอีก ก็พอจะเห็นทางสว่างรำไรว่าเราจะสามารถแก้ปัญหากังวลเกินเหตุได้

แต่การตื่นเต้นง่าย หากมีคนมาเร่งให้ทำงาน จะรนรานจิตใจปั่นป่วน และขาดความมั่นใจไปโดยปริยาย ขอความกรุณาท่านอาจารย์ โปรดชี้แนะทางสว่างด้วยครับ

2.ท่านอาจารย์ครับ ผมทำงานกับคนที่มีปัญญาทางโลกสูงมาก ความจำความคิดความอ่านแบบโลกๆ เฉียบแหลม มองทะลุปรุโปร่ง ตัวผมเองก็พยายามที่จะไล่ตามคนเหล่านั้น เพราะต้องร่วมงานกับเขา วิธีการแบบใด จึงจะเป็นการพัฒนาความจำได้ในระยะสั้นครับ?

3. ท่านอาจารย์ครับ ผมมีข้อสงสัยในเรื่องศีลข้อสาม ที่กล่าวถึงการผิดประเวณีกับบุคคลต้องห้าม เช่น คนที่อยู่ในการปกครองของพ่อแม่ คือเป็นผู้ที่มีเจ้าของในสังคมที่ความสัมพันธ์ของพ่อแม่ลูกไม่สนิทกัน เช่นสังคมตะวันตก หนุ่มสาวบางคนก็อยู่กินกัน โดยที่ไม่บอกกล่าวพ่อแม่ด้วยซ้ำ อย่างนี้ การกระทำแบบนี้ ถือว่าเป็นการละเมิดศีลข้อสามด้วยหรือเปล่าครับ ท่าน?

ขอความกรุณาท่านอาจารย์ ด้วยครับ และหากได้เคยล่วงเกินท่านอาจารย์ด้วย กายวาจาใจ ขอขมากราบแทบเท้าอาจารย์ครับ

คำตอบ
    (1) ตื่นเต้นง่ายเป็นเพราะกำลังของจิตอ่อน กังวลเกินเหตุและขาดความมั่นใจในชีวิตและการทำงาน เหตุเป็นเพราะไม่รู้จริงในชีวิตและงาน ฉะนั้นวิธีแก้ปัญหาที่ถูกตรงคือนำตัวเองไปพัฒนาจิตเพื่อให้มีกำลังของสติเพิ่ม และพัฒนาจิตเพื่อให้เกิดปัญญาเห็นถูกตามธรรมแล้วปัญหาจะหมดไป

   (2) อยากให้มีปัญญาทางโลกสูงต้องแสวงหาความรู้ทางโลกให้มากด้วยการเข้าร่วมประชุม อบรม สัมมนา ศึกษาอยู่บ่อย ๆ เพื่อให้เกิดเป็นความรู้ความสามารถสูงเท่าเขาหรือสูงกว่าเขาแล้วจะร่วมทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา

อนึ่งประสงค์จะพัฒนาความจำให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ต้องเปลี่ยนความถี่คลื่นสมองด้วยการพัฒนาจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิได้เมื่อใดแล้ว ความจำจะเพิ่มได้เป็นอัตโนมัติ
   

762.
กราบเรียนถามอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพ

เนื่องจากคุณยายของดิฉันมีความชราท่านอายุ 80 ปี ตอนนี้เป็นโรคพากินสันซึ่งเป็นโรคที่เป็นอาการทางระบบประสาท ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาคุณยายมีอาการพูดคนเดียวในช่วงเวลาที่ไม่ได้หลับ ซึ่งดิฉันไม่แน่ใจ ว่าเป็นอาการของโรคทางสมองใช่หรือไม่ เพราะโดยปกติคุณยายเวลาหลับจะมีอาการละเมอพูคคนเดียวเป็นเรื่องเป็นราวอยู่แล้ว และเล่าว่าได้พูคุยกับคนที่เสียชีวิตไปแล้วบ้าง ทำให้คนรอบข้างที่อยู่ด้วยมีความกลัว แต่อย่างไรก็ตาม ดิฉันเชื่อเนื่องจาก คิดว่าคุณยายเป็นคนที่หมั่น ทำบุญ ฟังธรรมะ สวดมนต์อยู่อย่างสม่ำเสมอ และยังเป็นคนมีสัมมาฐิฑิอีกด้วย

เรียนถามท่านอาจารย์ค่ะ

1. จริงหรือไม่สิ่งที่คุณยายพูดคุยด้วยมีอยู่จริง

2. ถ้ามีอยู่จริงจะทำอย่างไรให้คุณยายมองไม่เห็นสิ่งเหล่านั้นหรือวิธีการใดที่จะทำให้ทุกอย่างเป็นปกติ

กราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

ปิยพร

คำตอบ
    (1) จริง

   (2) เป็นการไม่ฉลาดที่จะไปปิดบังหรือบิดเบือนความจริงของคุณยายที่มีตาทิพย์ ให้ผิดไปจากความปกติของธรรมชาติ แต่เป็นการฉลาดที่ควรร่วมมือกับคุณยายทำบุญ แล้วอุทิศบุญกุศลให้กับรูปนามที่อยู่ต่างมิติ แล้วการเป็นเพื่อนกับอมนุษย์ในต่างภพย่อมเกิดขึ้นได้
   

761.
กราบเรียนท่านอาจารย์ที่เคารพอย่างสูง

กระผมได้รับแผ่นซีดีเรื่องทางสายเอกจากเพื่อนคนหนึ่ง ฟังแล้วเข้าใจธรรมะของพระพุทธะมากขึ้น บังเอิญให้มาพบกับน้องคนหนึ่งที่ปฏิบัติธรรมกับท่านอาจารย์
เดิมทีน้องคนนี้มีอาชีพขายประกันชีวิตปัจจุบันเลิกแล้วเพราะเป็นอาชีพที่สร้างวิบากกรรมตามที่เธอเข้าใจ กระผมเองก็เป็นตัวแทนประกันชีวิตมานานหลายปี แต่โดยความรู้สึกลึกๆก็อยากจะหาอาชีพอื่นทำและได้พยายามหลายครั้งแต่ก็เหมือนกับว่าถูกดึงกลับมาวนเวียนอยู่ในอาชีพนี้ด้วยต้องรับผิดชอบลูกค้าเก่า และรายได้จากการไปทำงานใหม่ไม่สามารถจุนเจือครอบครัวได้ แต่พอมาฟังความคิดเห็นของน้องคนนี้แล้วกระผมเองไม่อยากสร้างวิบากกรรมกับอาชีพที่ต้องทำเพื่อเลี้ยงครอบครัวครับ ตอนนี้ก็เลยทุกข์ใจจะมุ่งมั่นในอาชีพก็ตะขิดตะขวงใจ ถ้าไม่ทุ่มเทรายได้ก็ไม่พอเลี้ยงครอบครัว

อยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า การขายประกันชีวิต เป็นงานที่สร้างวิบากกรรมอย่างที่น้องเขาพูดให้ฟังหรือไม่ ถ้าใช่แต่ยังจำเป็นต้องทำจะทำอย่างไรถึงจะหลุดพ้นได้เพราะไม่มีเงินสำรองพอจะหยุดทำงานนี้แล้วไปศึกษาเริ่มงานใหม่ได้ทันที

กระผมอาจจะถามสับสนไปบ้าง เพราะตอนนี้ก็รู้สึกเช่นนั้น กราบรบกวนท่านอารย์ช่วยชี้แนะด้วยครับ

กราบมาด้วยความเคารพอย่างสูง
แซม

คำตอบ
    จริงอย่าที่น้องพูดให้คุณฟัง ถ้ายังมีความาจำเป็นต้องทำงานประเภทนี้อยู่ควรไปทำบุญใหญ่ (ปฏิบัติธรรม) อยู่เนืองนิตย์เพื่อให้พลังบุญถูกเก็บสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณมากกว่าพลังบาป แล้วชีวิตจะยังคงดำเนินต่อไปได้ ต้องอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรอยู่เสมอ เพื่อให้บาปตามส่งผลไม่ทัน
   

760.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพ

กระผมมีคำถามจะขอกราบเรียนถามอาจารย์ดังต่อไปนี้ครับ

1. การปิดทองลูกนิมิต ที่ทางวัดจัดไว้ไห้ญาติโยมได้ร่วมปิดทองก่อนที่จะนำไปฝัง จะเป็นเหตุปัจจัยใดๆ และมีอานิสงค์อะไรบ้างครับ เทียบเท่ากับการปิดทององค์พระพุทธรูปหรือไม่ครับ

2. กราบขอคำแนะนำจากอาจารย์ช่วยแนะนำครูบาอาจารย์ที่ผมสามารถเรียนรู้การฝึกวิปัสสนากรรมฐานได้อย่างดีและเกิดผลสูงสุดครับ (ผมเข้าใจว่าครูบาอาจารย์แต่ละท่านจะมีแนวทางการสอนที่เหมาะกับบางท่านแต่อาจจะไม่เหมาะกับบางท่าน เนื่องจากพื้นฐานจิตใจของผู้เรียนต่างกัน และกรรมของผู้เรียนที่เคยทำมาร่วมกันกับผู้สอนต่างกัน ผมเข้าใจถูกไหมครับ)

3. การทำบุญใหญ่ นอกจากการตักบาตรพระที่ออกจากนิโรทกรรม แล้วยังมีอย่างอื่นอีกไหมครับ (พึ่งไปตักบาตรท่านครูบาที่วัดศรีดอนมูลมาครับ และอยากจะทำบุญใหญ่อื่นๆอีกครับ)

4. การเลี้ยงพระ 7 วัน ที่เป็นมหาทานนั้น สามารถทำโดยการตักบาตร 7 วันต่อกัน จะได้อานิสงค์เดียวกันไหมครับ ถ้าได้ต้องตักบาตรพระกี่รูปครับ ถ้าไม่ได้การเลี้ยงพระ 7 วันนั้นควรทำโดยวิธีไหนครับ

   ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงครับ

คำตอบ
   (1) ลูกนิมิตใช้สำหรับฝังให้เป็นเครื่องหมายบ่งเขตของโบสถ์ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับพระสงฆ์ใช้ประชุมทำสังฆกรรมต่าง ๆ อาทิใช้ตรวจสอบความบริสุทธิ์ทางวินัย (สวดปาฏิโมกข์) ใช้สำหรับบวชฆราวาสให้เป็นเณร บวชเณรให้เป็นพระสงฆ์ใช้สำหรับวัตรปฏิบัติ (สวดมนต์เช้า-สวดมนต์เย็น) ของหมู่สงฆ์ฯลฯ

การปิดทองลูกนิมิต เป็นเพียงพิธีกรรมที่ทำให้เกิดเป็นความสมบูรณ์ของสถานที่ดังกล่าว อานิสงส์ที่จะเกิดขึ้นกับผู้ร่วมกระทำกรรมเป็นมหากุสลที่นำสู่ความมีใจผูกอยู่กับพุทธศาสนา นำสู่การได้สมบัติของสวรรค์นำสู่ความสำเร็จในสิ่งปรารถนาที่ชอบธรรม ฯลฯ และมีอานิสงส์มากกว่าปิดทองพระพุทธรูปซึ่งเป็นเพียงสวรรค์สมบัติ

   (2) การปฏิบัติธรรมและเข้าถึงธรรมได้ มิได้ขึ้นอยู่กับครูบาอาจารย์เพียงส่วนเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับบุญบารมีของตัวเองที่ทำสั่งสมมาแต่อดีตชาติ ร่วมกับศีลสัจจะและความเพียรในการสร้างบุญบารมีในชาติปัจจุบัน

ฉะนั้นครูบาอาจารย์เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้นเอง ที่จะทำให้ผู้ถามปัญหาประสบความสำเร็จในการปฏิบัติธรรม ผู้ตอบปัญหาแนะนำให้ไปฝากตัวเป็นศิษย์กับพระอาจารย์มานพ อุปสโม สำนักปฏิบัติธรรมกิ่งอำเภอหางแมว จังหวัดจันทบุรี

   (3) ทำบุญกับหมู่สงฆ์ที่เป็นพระอริยบุคคล เป็นเจ้าภาพหรือร่วมเป็นเจ้าภาพเผยแผ่ธรรม เป็นเจ้าภาพฯปฏิบัติธรรม เป็นเจ้าภาพฯสร้างสถานปฏิบัติธรรม เป็นเจ้าภาพสร้างทางเดินจงกรม ฯลฯ เหล่านี้เป็นบุญใหญ่

   (4) การเลี้ยงพระ 7 วัน หรือตักบาตรหมู่พระสงฆ์ 7 วันจะได้อานิสงส์เท่ากันหรือไม่ขึ้นอยู่กับ คุณธรรมของพระสงฆ์ที่ร่วมในการเลี้ยงพระหรือพระสงฆ์ที่มารับบิณฑบาตหากเป็นพระอริยสงฆ์จะได้บุญมากกว่าสมมุติสงฆ์ และยังขึ้นอยู่กับความตั้งใจในการทำบุญตั้งใจมากจะได้บุญมาก และยังขึ้นอยู่กับความอิ่มใจหลังจากทำบุญแล้วอิ่มใจมากได้บุญมากกว่าฯลฯ
   

759.
กราบเรียนอ สนอง

ดิฉันเป็นทุกข์แสนสาหัสไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นตัวหนังสือได้ ว่าสามีมีใจและไปมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับหญิงอื่นที่อ่อนกว่าเกือบ 30 ปี ทั้งๆที่เขาสวดมนต์มากมาย นั่งสมาธิ ใส่บาตรทุกวัน ไม่มีขาดเป็นเวลาหลายปีแล้ว ปัจจุบันก็ยังปฏิบัติดังกล่าว

1 เขาเข้าใจผิดหรือเปล่าว ว่าแม้หญิงนั้นจะเต็มใจ พ่อแม่เขาจะเต็มใจ และดิฉันไม่รู้เรื่องดังกล่าว ไม่ บาป ตกลงจริงๆเป็นยังไงคะ

2.ตกลงไม่มีวันรู้ได้ใช่ไหมคะ ว่าทุกข์ที่ดิฉันได้นี้มาจากกรรมใครเริ่มก่อน อาจะเป็นเขามาเริ่มก่อกรรมกับดิฉันก่อนได้หรือไม่ เพราะไม่เชื่อว่าตนเองจะสามารถทำผิดศีลข้อสามได้ในอดีตชาติ

3.เขาคงคิดว่าหากดิฉันทราบ เข้า ก็เป็นบาป ไหนๆเป็นบาปแล้วก็กระทำต่อไป บาปคงไม่เพิ่มไปกว่านี้แล้ว คิดอย่างนี้ถูกหรือเปล่าคะ หากมีอีกคน ถึงจะมีบาปมากขึ้น อะไรทำนองนี้คะ

4 เขาเองก็หันทาทางบุญ เหตุเพราะฟังเทปอาจารย์ ปัจจุบันก็ยังฟังอยู่ เคยพูดกับเขาว่า ทำผิดศีลข้อสาม อย่างนี้ แล้วจะสวดมนต์สมาธิต่อไปทำไม ก็ทำนองต่อว่า แต่ก็รู้คะว่าพุทธศาสนาเป็นของดีของจริงแน่แท้คะ

กราบขอบพระคุณคะ

คำตอบ
    (1) ถ้าเจ้าของ (ภรรยา) ไม่อนุญาต ถือว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นบาปด้วยการผิดศีลข้อ 3

   (2) ผู้ถามปัญหาประสงค์จะรู้สาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ ต้องพัฒนาจิตตนเองจนเข้าฌานให้ได้ แล้วโอกาสรู้ต้นเหตุด้วยตนเองจึงเป็นไปได้

   (3) คิดผิดปัญหาทุกข์ใจจึงเกิด เมื่อใดความเห็นถูกเกิดขึ้นกับผู้ถามปัญหา ความคิดฟุ้งซ่านเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น

   (4) รู้ว่าพุทธศาสนาเป็นของดีของจริง แต่ผู้ถามปัญหาไม่สามารถเอาธรรมะในพุทธศาสนา มาประดับไว้ในใจของตนเองได้การบ่นเพ้อรำพันจึงได้เกิดขึ้น
   

758.
เรียนอ.ดร.สนอง

ดิฉันมีเรื่องอยากเรียนปรึกษาอาจารย์ดังนี้คะ

  1. ดิฉันอธิษฐานจิตว่าถ้าดิฉันได้โบนัส ดิฉันจะนำเงินมาให้อดีตแฟน เพื่อใช้ในการศึกษาต่อเมืองนอก ปรากฎว่าดิฉันได้โบนัสจริงๆทั้งๆที่เพิ่งทำงานมาได้ 4 เดือน ดิฉันจึงนำเงินโบนัสที่ได้นี้ไปให้พ่อและแม่อดีตแฟน แต่ปรากฎว่าท่านทั้ง 2 ไม่รับเงินดังกล่าว ดิฉันไม่สบายใจมาก เพราะเหมือนดิฉันผิดคำสัญญา ที่เคยอธิษฐานไว้ ดิฉันควรทำอย่างไรดีคะ
  2. ดิฉันเคยเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้อนุญาตไป แต่ตอนหลังกลัวบาปและละอายใจเลยคิดจะนำไปคืน ถ้าดิฉันคืนแล้ว ดิฉันยังมีบาปติดตัวอยู่หรือไม่คะอาจารย์
  3. การที่เราได้งานทำแล้วคิดจะลาออกไปทำงานที่ใหม่ ที่ได้เงินเดือนเยอะกว่า จะถือว่าเราเนรคุณเจ้านายเก่าไหมคะ เพราะเค้ามีบุญคุณที่รับเราเค้าทำงาน

ชอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงคะ

คำตอบ
    (1) เหตุด้วยไม่รักษาสัจจะจึงให้ผิดคน อธิษฐานให้อดีตแฟนแต่กลับไปให้พ่อแม่ของเขาจึงไม่ประสบผล ลองทำดูใหม่ด้วยการให้ที่ถูกตรงกับคำอธิษฐาน ถ้าเหตุปัจจัยลงตัว คำอธิษฐานมีโอกาสเป็นจริงได้

   (2) ถ้าเจ้าของเขายกโทษให้ คุณก็ไม่มีบาปติดตัว

   (3) ควรบอกระยะเวลาที่คุณจะทำงานให้กับเจ้านายว่าจะอยู่ทำงานให้เขานานเท่าไร พอครบกำหนดคุณก็ลาออกไปหางานทำใหม่ทำอย่างนี้ไม่ถือว่าเป็นการเนรคุณ
  

757.
เรียน อ.ดร.สนอง

1. การรักษาศีล 8 ในวันธรรมดา กับการรักษาศีลอุโบสถวันพระ กุศลจะแตกต่างกันไหมคะ

2. ลูกชายของพี่สาวดื้อและซนมาก เป็นไปได้ไหมคะว่าเป็นลูกที่ขอมาจากพระ พอดีพี่สาวดิฉันอยากมีลูกผู้ชายเลยไปขอกับหลวงพ่อโสธร ปรากฎว่าเลี้ยงยากมาก ลูกพระจะเลี้ยงอย่างไรให้เลี้ยงง่ายคะ

3. คนที่มีสามี ภรรยา แล้วถ้าปรารถนาจะไม่เกิดอีกในชาติต่อไป แปลว่าต้องตัดกิเลสและแยกกันอยู่หรือเปล่าคะ

ขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงคะ

คำตอบ
    (1) วันธรรมดามีจำนวนวันมากกว่าวันพระ ผู้ใดรักษาศีล 8 ในวันธรรมดาได้ทุกวัน จะได้กุศลมากกว่ารักษาศีล 8 เฉพาะในวันพระ ซึ่งมีจำนวนวันน้อยกว่า

   (2) เป็นไปได้ จะเลี้ยงลูกประเภทนี้ไม่ให้ดื้อแม่ แม่ต้องพัฒนาจิตตัวเองให้มีคุณธรรมสูงเท่าเขาหรือมากกว่าเขาแล้วเขาจะไม่ดื้อ

   (3) คำว่าไม่เกิดอีกในชาติต่อไป หากหมายถึงไม่เกิดในภพใด ๆ ในวัฏสงสาร ต้องพัฒนาจิตตนเองจนละสังโยชน์ทั้ง 10 ได้ แล้วโอกาสไม่กลับมาเกิดอีกจึงเป็นได้ หากยังไม่ทิ้งขันธ์ลาโลก จำเป็นต้องแยกกันอยู่เพราะเข้ากันไม่ได้ด้วยธรรม ดูพระนางเขมามเหสีรองของพระเจ้าพิมพิสารเป็นตัวอย่าง
   

756.
กราบสวัสดีค่ะ

1. ได้ยินมาว่าสมัยปัจจุบันนี้มีพระปัจเจกพุทธเจ้าอยู่ด้วย แต่ที่เคยทราบมาว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าจะเกิดมีเฉพาะในช่วงสมัยที่โลกเว้นว่างจากศาสนา ไม่มีพระพุทธเจ้ามาประสูติ แล้วทำไมปัจจุบันถึงมีได้ล่ะค่ะ ทั้งๆ ที่ก็ยังอยู่ในช่วงศาสนาของพระพุทธเจ้าของเรา ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับพระปัจเจกฯ ค่อนข้างจะหายากค่ะ

2. อยากมีโอกาสได้ทำบุญกับพระปัจเจกฯ สักครั้งในชีวิตนี้จะมีทางไหนที่จะมีโอกาสได้ทำบ้างไหมคะ

3.ท่านอาจารย์เคยตอบหลายคำถามเกี่ยวกับการบรรลุธรรมในชาตินี้ของพวกเพศที่ 3 ซึ่งคำตอบคือ "ไม่สามารถเป็นได้ในชาติปัจจุบัน" น่าเศร้านะคะ แล้วถ้าในเรื่องการพัฒนาทางจิตจากการปฏิบัติสมถะ หรือวิปัสสนาแค่ในชั้นโลกียะละค่ะ จะเป็นไปได้ไหม จะก้าวหน้าได้หรือเปล่า

ขอบคุณท่านอาจารย์ที่สละเวลามาช่วยตอบคำถามค่ะ ขออนุโมทนาในบุญและขอให้บุญของดิฉันที่อาจจะน้อยนิดนี้ช่วยเป็นแรงหนุนให้อาจารย์สำเร็จทุกอย่างที่ปรารถนาได้โดยง่ายมีสุขภาพแข็งแรงค่ะ ขอบคุณค่ะ

คำตอบ
    (1) ฟังด้วยหู ยังไม่แจ่มแจ้งเท่ากับสัมผัสด้วยตา ฉะนั้นพระพุทธะจึงตรัสสอนชาวกาลามะ ไม่ให้เชื่องมงายไร้เหตุผลตามหลักกาลามสูตร 10 ข้อ หากผู้ถามปัญหาปรารถนาสัมผัสได้ด้วยตา ต้องสร้างเหตุให้ถูกตรง ด้วยการพัฒนาจิตให้มีคุณธรรมสูงจนถึงระดับที่พลังบุญพลังบารมี ผลักดันตัวเองให้ไปพบพระปัจเจกพุทธเจ้าได้แล้ว หลักกาลามสูตรที่พระพุทธตรัสสอนไว้จึงจะเป็นจริง

   (2) ความอยากคือตัณหา พระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นผู้มีจิตเป็นอิสระจากตัณหา ดังนั้นผู้ถามปัญหาพัฒนาจิตวิญญาณตนเองให้หมดจากตัณหาได้เมื่อใด โอกาสได้ทำบุญกับพระปัจเจกพุทธเจ้าจึงจะเกิดขึ้นได้

   (3) การปฏิบัติธรรมของเพศที่สาม ไม่สามารถบรรลุธรรมนั้นหมายความว่า ไม่สามารถบรรลุธรรมขั้นสูงที่ทำให้เข้าถึงโลกุตตรสมบัติได้ ตรงกันข้าม การปฏิบัติธรมของเพศที่สามสามารถเข้าถึงได้เพียงโลกิยสมบัติเท่านั้น
   

755.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพครับ

   กระผมได้มีโอกาสทำบุญกับพระอริยสงฆ์องค์หนึ่ง และระหว่างที่อยู่ในสถานที่นั้น ชั่วขณะหนึ่งจิตของผมได้คิดสิ่งที่เป็นอกุศลกับพระองค์นั้น ซึ่งกระผมไม่ได้อยากคิดแบบนั้นเลยจึงพยายามดึงจิตกลับมาไม่ให้คิดต่อและพยายามเจริญสติไม่ให้วอกแวก แต่ด้วยความที่กลัวต่อบาปมากและตกใจด้วยตอนนั้นจึงได้อุทานออกมาเบาๆ(ซึ่งคำนั้นเป็นถ้อยคำที่หยาบคาย) แต่ความหมายและคำที่อุทานนั้นเป็นการต่อว่าตนเองทั้งสิ้น ดังเรื่องที่เล่ามาข้างต้นนี้อยากเรียนถามท่านอาจารย์ดังนี้ครับ

1. กระผมรู้ว่าสิ่งที่เล่าไปข้างต้นนั้นกระผมบาปอย่างแน่นอน ถึงแม้จะเพียงแค่คิดก็ตามดังนั้นจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไรได้บ้างครับ ให้บาปลดน้อยลงหรือหมดไป
2. การที่กระผมกล่าวอุทานไปแบบนั้นถือว่าเป็นการปรามาสพระอริยสงฆ์ด้วยวาจาหรือไม่ ดังตัวอย่างที่ท่านอาจารย์เคยเล่าเรื่อง วัสสการพราหมณ์ ที่พูดลบหลู่พระมหากัจจายนะองค์อรหันต์
3. การขออโหสิกรรมต่อบุคคลอื่นที่เราได้ล่วงเกินไปด้วยกาย วาจา ใจ ซึ่งในกรณีที่บุคคลนั้นๆไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้วเราจะสามารถทำได้อย่างไรบ้างครับ
4. การอโหสิกรรมจำเป็นหรือไม่ที่บุคคลนั้นต้องกล่าววาจาอโหสิกรรมให้เรา

ขอบพระคุณอย่างสูงในความเมตตาครับ

คำตอบ
    (1) ต้องไปขอขมากรรมต่อพระอริยสงฆ์องค์ที่ผู้ถามปัญหาไปคิดอกุศลกับท่าน

   (2) ผู้ถามปัญหากล่าวคำอุทานที่ไม่ดีออกมา ด้วยมีเจตนาต่อว่าตนเอง มิได้ถือว่าเป็นการกล่าววาจาปรามาสต่อพระอรหันต์

   (3) ประพฤติตนให้เป็นผู้มีบุญ (ดูบุญกิริยาวัตถุ 10) แล้วอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร พร้อมทั้งขออโหสิกรรมต่อสรรพสัตว์ที่ผู้ถามปัญหาเคยไปกระทำไม่ต่อเขา ให้เขาเหล่านั้นยกโทษให้

  (4) ขึ้นอยู่กับเจ้ากรรมนายเวรว่าจะยกโทษให้หรือไม่แต่การกล่าวคำขออโหสิกรรมเป็นธรรมของผู้เจริญ

  

754.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ดร.สนอง วรอุไร ที่เคารพอย่างสูง

   ขณะที่หนูนอนหลับตา ประมาณสี่ทุ่มเศษ ยังได้ยินเสียงภายนอกที่มากระทบอยู่ ฉับพลันก็รู้สึกจิตรวมกันนิ่งอยู่ ก็นอนดูจิตไปเรื่อย ๆ ขณะนั้นยังรับสัมผัสจากเสียงภายนอกที่มากระทบได้ แล้วก็รู้สึกมีอะไรเข้ามาใกล้ ๆ ที่หน้า ตอนแรกนึกว่าลูกเข้ามาหา แต่ที่นอนไม่เคลื่อนไหว ยังนอนหลับตาดูจิตต่อไป รู้สึกว่าจิตน่าจะออกจากกายได้จึงพยายามออกไปจากร่าง แต่ออกไม่ได้ติดอยู่ที่ศรีษะ พยายามอยู่สองสามครั้งก็เลิก เพราะถ้าพยายามต่อจะปวดศรีษะเพราะรู้สึกติดอยู่ที่ศรีษะ จึงดูจิตเฉย ๆ สักพักจิตก็ค่อย ๆ กลับมาสู่ภาวะปกติเอง ลูกก็ไม่ได้เข้ามาหาด้วย นานมาแล้วเคยรู้สึกคล้าย ๆ แบบนี้ เกิดตอนกำลังนอนเหมือนกันตอนนั้นไม่แน่ใจว่าหลับหรือเปล่าแต่ขณะเกิดรู้สึกตัวดี มีอาการดังนี้ค่ะ คืออยู่ ๆ จิตก็รวมกันลึกลงไป ๆ เรื่อย ๆ เหมือนลงไปใต้น้ำแต่ไม่มีน้ำนะคะ มันดิ่งลงไปจนกลัวและตกใจ กลัวว่าถ้าลงต่อไปจะตาย ไม่แน่ใจว่ารู้สึกเหมือนคนตกจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำหรือเปล่า พอกลับสู่ภาวะปกติหัวใจยังเต้นแรงตึก ๆ อยู่เลย ขอเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

1. ที่รู้สึกเหมือนมีใครมาใกล้ ๆ จนหน้าสัมผัสได้ อาจารย์คิดว่าเป็นอะไรหรือกระแสจิตใครส่งมา เป็นไปได้หรือไม่คะ

2. สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากสมอง หรือจากจิตเรา หรือจากผู้ที่มาทำให้รู้สึกคะ ปกติหนูจะนั่งสมาธิตอนกลางวันวันละ
ประมาณ 1 ชั่วโมง ไม่เคยเป็นแบบนี้เลย อาการเหล่านี้เกิดจากอะไรคะ
(อาการนี้เกิดเมื่อคืนพอเช้ามาก็เขียนมาเรีนยถามอาจารย์เลยค่ะ )

3. อาการที่เคยเป็นนานแล้วที่เล่าข้างต้น เป็นอาการของอะไร และเกิดจากอะไรคะ

กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
รุณ

คำตอบ
    (1) เป็นไปได้ที่จิตไปรับสัมผัสเอาพลังงานอื่นมาปรุงเป็นอารมณ์ให้เป็นเช่นนั้น

   (2) เรื่องนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับจิต มิได้เกิดขึ้นที่สมอง

   (3) เหมือนที่ได้ตอบไว้ในข้อ (1) แล้ว
  

753.
กราบสวัสดีท่านอาจารย์ ดร.สนองค่ะ

   ลูกรู้สึกไม่ชอบคนๆนึง หรือจนถึงขั้นเกลียดก็ว่าได้ค่ะ เพราะว่าเค้าไม่มีเหตุผล มีทิฐิ ยึดมั่นถือมั่นมากๆ แต่ว่าที่เค้าเป็นแบบนั้นอาจจะเพราะเหตุผลบางอย่างจากพื่นฐานครอบครัวเค้าเอง เค้าน่าสงสารมากๆ ลูกจะทำอย่างไรให้เค้า รู้สึกรักตัวเองมากขึ้นและมีใจเป็นอิสระ รักผู้อื่นอย่างเมตตา เค้าก็ศึกษาธรรมะบ้างแต่ลูกเห็นเค้ายังควบคุมสติได้ไม่ดีนัก เค้ายังมีความโกรธและอารมณ์รุนแรงอยู่มากค่ะ ถ้าเค้ามีโรคทางประสาทอ่อนๆ(คือเวลาอารมรณ์ดีก็คุยรู้เรื่อง แต่พอร้ายก็สติแตกทำร้ายร่างกายตัวเองเพื่อให้คนอื่นสนใจ)เราจะแนะเค้าได้ใหมคะคุณพ่อ ...

   คุณพ่อคะ คนๆนึงที่เค้ามัวแต่นั่งคิดเรื่องที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนั้นซึ่งปัญหาไม่ใช่แค่ปัญหาเดี่ยวแต่ว่าเยอะแยะมากมายที่รอทางออกอยู่ เค้ามัวแต่นั่งคิดจะแก้ปัญหาแต่คิดหาทางลงมือทำไมได้สักที เพราะว่าเค้ามัวแต่นั่งคิดถึงผลกระทบที่จะตามมา บางปัญหาคิดหาทางออกได้แล้วแต่ว่าไม่สามารถลงมือทำให้มันบรรลุไปได้ พอไม่นานปัญหานั้นก็ต้องกลับมาหาเราให้เริ่มต้นคิดอีก ทำไมเค้าจึงลงมือแก้ปัญหาไม่ได้ค่ะ บางทีเราเห็นว่าเป็นปัญหาเล็กน้อย แต่ทำไมเค้ายังทำไม่ได้อีก คือลูกสงสารเค้า อยากให้เค้ามีสติและปัญหาแก้ปัญหาได้ ... ลูกอยากทราบค่ะ ว่าเรื่องบางเรื่องถ้าเราตัดสินใจทำไปแล้ว และมีผลกระทบกับคนอื่นซึ่งบางทีผลที่ออกมาแย่กว่าที่เราคิด อย่างนี้เราผิดไหมค่ะ หรือเราจะแก้ไขยังงัยคะ

   สุดท้ายนี้ ลูกขอคุณพระคุ้มครองดร.สนอง วรอุไรให้สุขภาพแข็งแรงตลอดไปค่ะ กราบขอบพระคุณที่คุณพ่อมีความเมตตา

     กรุณาตอบปัญหาต่อคนที่มีปํญญาน้อยอย่างลูกค่ะ

คำตอบ
    แนะนำได้แต่เขาจะเชื่อแล้วทำตามคำแนะนำหรือไม่เชื่อแล้วไม่ทำตามคำแนะนำนั่นเป็นสิทธิ์ของเขา ไม่มีใครสามารถเข้าไปก้าวล่วงได้ เว้นไว้แต่ว่าเขาจะเป็นทิฏฐิ (ความเห็นผิด) ด้วยตัวของเขาเอง

   อนึ่งที่เขายังแก้ปัญหาไม่ได้เป็นเพราะปัญญาเห็นถูกยังไม่เกิดขึ้นกับเขา ผู้ใดคิดปรับแก้ไขคนอื่นเป็นความคิดเห็นถูกทางโลก แต่ผิดในทางธรรม แนะนำชี้ทางออกของปัญญาให้แล้ว หากเขาไม่ทำตามผู้รู้ทำได้เพียงปล่อยให้สัตว์โลกดำเนินไปตามแรงกรรม ที่เขาได้ทำไว้ก่อนแล้วด้วยตัวของเขาเอง
   

752.
เรียนอ.ดร.สนองที่เคารพ

    ดิฉันมีเรื่องอยากเรียนสอบถามอาจารย์ดังนี้คะ
1. ดิฉันแอบชอบเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งแต่เค้ามีแฟนแล้ว ดิฉันอยากทราบว่าการที่ดิฉันเพียงแต่คิดแต่ไม่ได้แสดงออก และไม่ได้มีการกระทำทางกาย วาจา แต่ดิฉันคิด ดิฉันจะเป็นบาปไหมคะ ดิฉันไม่เคยมีความคิดว่าจะแย่งของรักของคนอื่นมา ดิฉันกลัวว่าจะเป็นเศษกรรมติดไปในชาติหน้าคะ และถ้าความคิดที่ดิฉันคิดเป็นบาปจะทำอย่างไรดีคะ มันห้ามความคิดยากมากเลยคะ
2. คนที่แต่งงานมีคู่ชีวิตแล้วก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้ใช่หรือไม่ เพราะยังมีกิจกรรมที่ต้องเกี่ยวข้องกับกามคุณอยู่ ใช่ไหมคะอาจารย์
3. การทานมังสวิรัติจะได้บุญไหมคะอาจารย์

ขอบคุณคะ

คำตอบ
    (1) ความคิดเป็นมโนกรรม คิดแล้วทำให้ไม่สบายใจถือว่าเป็นบาป ผู้ใดพัฒนาจิตให้มีสติสัมปชัญญะได้แล้วความคิดดังกล่าวจึงจะดับไปได้

   (2) ใช่ ยังไม่สามารถหลุดพ้นไปจากความทุกข์ได้

   (3) รับประทานมังสวิรัติ แล้วมีกาย วาจา ใจ ดำเนินอยู่ในกุศลกรรมบถ 10 จึงจะถือว๋าได้บุญ
   

751.
กราบเรียนท่านอาจารย์ด.ร.สนองที่เคารพเป็นอย่างยิ่ง

   ในขณะนี้หนูได้ทำการฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอเนื่องจากได้อฐิษฐานจิตตั้งสัจจะว่าจะปฏิบัติเดินจงกรมนั่งสมาธิอย่างละ 45 นาทีตั้งแต่วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์จนถึงวันมาฆะบูชา เป็นการวัดศักยภาพในช่วงระยะสั้นว่าหนูจะมีความเพียรและตั้งใจมากแค่ไหน ซึ่งในการปฏิบัติครั้งนี้เป็นการทดสอบวัดใจของตนเองเพราะต้องตื่นตีสี่มาสวดมนต์ทำวัตรเช้าและต่อด้วยการปฏิบัติคะ ในการปฏิบัติเป็นแนวทางแบบยุบหนอพองหนอ ซึ่งหนูได้รับการฝึกมาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม แห่งวัดอัมพวันคะ หนูมีคำถามดังต่อไปนี้คะ

   1. ในการเดินจงกรม ในขณะยืนหนอ บางครั้งตัวจะสั่น บางทีสั่นไม่หยุด หนูระลึกถึงคำตอบของอาจารย์ที่เคยตอบไว้ว่าให้เรากำหนดว่าสั่นหนอ และตามดูจนเห็นถึงการดับไปของอาการนั้น แต่เนื่องจากประสบการณ์ทั่วไปอาการสั่นนี้มักเกิดขึ้นกับการนั่ง ส่วนการเดินหรือยืนนั้นหนูยังไม่เคยเห็นคำถามดังนี้ จึงมีความสงสัยว่าถ้าหากเกิดอาการใดๆ ขึ้นนั้นให้เราตามดูและกำหนดจนอาการเหล่านั้นดับไปเหมือนการนั่งใช่ไหมคะ

    2. ตามเดิมที่หนูเดินจงกรมหนูใช้ระยะที่ 3 แต่เมื่อฝึกในครั้งนี้ลองเปลี่ยนมาเดินระยะที่ 4 ซึ่งเมื่อเดินไปเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าหนูจะเห็นตัวต้นจิตว่าหากเราจะยกส้นเท้าหรือย่างนั้นจิตมันจะมีความอยากเกิดขึ้นก่อน หรือในอิริยาบถต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันนั้นมันจะมีตัวอยากเกิดขึ้นก่อนการกระทำนั้นหากแต่ว่าจิตของเรามันเร็วมากจึงเหมือนว่าการทำสิ่งใดนั้นมันเหมือนอัตโนมัติ แต่จริงๆ แล้วจิตเป็นตัวรับแล้วสั่งให้เกิดการทำงานอย่างที่ท่านอาจารย์เคยบรรยายดังนั้นก่อนที่เราจะยกย่างเหยียบ หนูได้กำหนดว่าอยากยกหนอ อยากย่างหนอ ก่อนที่จะยกเท้า และย่าง ไม่ทราบว่าการทำอย่างนี้จะเป็นการกำหนดอิริยาบถย่อยมากเกินไปหรือเปล่าคะ

   3. ในการนั่งสมาธิ อาการสั่นของหนูนั้นได้เกิดขึ้นบ่อยมาก หนูได้ใช้จิตตามดู และกำหนดสั่นหนอ สั่นหนอ จนบางครั้งมันก็หายไป แต่บางทีหนูมาคิดว่าถ้าจิตไปยึดอยู่กับอาการสั่น มันเหมือนได้รับความสนใจจากจิต หนูก็กำหนดสั่นหนอ สั่นหนอ อยู่สักพัก แล้วดึงจิตกลับมาอยู่ที่ลิ้นปี่แล้วกำหนดรู้หนอ รู้หนอ รู้หนอ แล้วก็ดึงจิตกลับมาที่ท้องกำหนดพองยุบต่อจนกระทั่งการสั่นหายไปแล้วก็กำหนดรู้หนอ เนื่องจากหนูเป็นคนชอบอ่านหนังสือและชอบฟังการบรรยายมาก บางทีหนูสับสนว่าควรใช้วิธีไหน ก็พยายามทดลองหลายรูปแบบ จนหนูคิดว่าหนูควรถามท่านอาจารย์ซึ่งเป็นผู้รู้ เพื่อที่จะได้แนวทางที่ถูกต้อง และไม่หลงทาง และเสียเวลากับการลองผิดลองถูกคะ

   หนูขอกราบขอบพระคุณอาจารย์มา ณ ที่นี้คะ และขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาของอาจารย์ที่ได้เสียสละเวลาตอบคำถามต่างๆ บนอินเตอร์เนท ซึ่งสำหรับหนูนั้นสิ่งเหล่านี้มีประโยชน์มากคะ โดยเฉพาะการใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอังกฤษห่างไกลจากครูบาอาจารย์ ซึ่งการบรรยายของอาจารย์ ทุกครั้งที่หนูได้ฟังก็จะเกิดกำลังใจอย่างมากในการปฏิบัติคะ สุดท้ายนี้ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงอำนวยพรให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรงและได้สืบทอดพระพุทธศาสนาตลอดกาลนานเทอญ

กราบขอบพระคุณคะ
สุธีรา

คำตอบ
    (1) ใช่

   (2) ไม่มากเกินไป

   (3) ใช้วิธีไหนก็ได้ที่กำหนดแล้วอาการสั่นหายไปได้จริง ต้องไม่อ่านหนังสือ ทำตัวเองให้เหมือนคนโง่ แล้วทำตามคำชี้แนะนั่นแหละดีที่สุด เพราะมรรคผลแห่งการปฏิบัติจะเกิดขึ้นได้เร็ว