คำถาม-คำตอบ จากงานบรรยายธรรม ณ วัดปัญญาราม (เฮ็ง เส็งหยี่)

ต.บางม่วง อ.สามพราน จ.นครปฐม เมื่อ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๑


 

๑.คำถาม  
    คนที่เคยได้ฌาน แล้วมาผิดศีลทำให้ฌานเสื่อม เมื่อมีสติจะกลับมาปฏิบัติให้ได้ฌานเช่นเดิมหรือไม่

คำตอบ  
    หากเอาศีลมาคุมใจให้ได้เหมือนเดิม เจริญความเพียรให้ยิ่งขึ้น ก็สามารถกลับมาปฏิบัติสมถภาวนา จนจิตบรรลุฌานได้ใหม่ จึงจะมีโอกาสเป็นไปได้


๒. คำถาม  
    เวลาเราทำอะไรแล้วไม่สำเร็จตามเป้า มันเกิดจากสาเหตุใด คือคิดได้แต่ทำไม่ได้ เหมือนมีอุปสรรคมาขวางกั้น และดูเหมือนว่ามันขาดปัจจัยในด้านต่างๆและคอยขัดขวางเรา เช่น ความขี้เกียจ เราจะมีวิธีแก้อย่างไร

คำตอบ  
    คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตและงาน ต้องเป็นคนเก่งคือ มีความรู้ มีความสามารถ และเป็นคนดีมีคุณธรรม และหากพัฒนาจิตให้เป็นผู้มีดวงดีด้วยแล้ว ความสำเร็จในชีวิตและงาน ย่อมเกิดขึ้นได้ง่าย

    ฉะนั้น ผู้ใดทำงานได้ไม่สำเร็จตามเป้า นั่นหมายถึงความเก่งและความดียังพัฒนาได้ไม่ถึงระดับที่จะให้ผล อนึ่ง ความขี้เกียจเป็นอบายมุข เป็นทางเสื่อมของชีวิต หากยังมีความขี้เกียจเกิดขึ้นกับใจของผู้ใดแล้ว ความสำเร็จในชีวิตและงานย่อมเกิดขึ้นไม่ได้


๓. คำถาม  
    ขอธรรมะสำหรับการตัดใจจากคนรักที่คบกันมานาน แต่จำใจต้องเลิกกัน เพราะเหตุผลทางศีลธรรม

คำตอบ  
    ยังตัดใจจากคนรักไม่ได้ เหตุเป็นเพราะตัวเองยังมีความเห็นผิดและมีตัณหาเป็นแรงสนับสนุน ในครั้งพุทธกาล พระพุทธะแก้ปัญหาเช่นเดียวกันนี้ให้กับสงฆ์ผู้เห็นผิด ด้วยเอาจิตตนเองไปผูกติดอยู่กับความสวยความงามชั่วคราวของสาวงามสิริมา ต่อมาสิริมาตายลงและถูกสั่งให้เก็บศพไว้นานสี่วัน แล้วพระพุทธะได้พาหมู่สงฆ์ไปพิจารณาซากศพของสิริมา เมื่อสงฆ์องค์ที่มีจิตเป็นทาสของสิริมาได้ไปเห็นซากศพของสิริมาที่นอนขึ้นอืด ตัวบวมพอง ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง มีน้ำเหลืองไหลออกจากทางปาก ทางจมูก ทางรูหู และมีหนอนไต่ยั้วเยี้ย จนมองไม่เห็นเค้าความงามเหลืออยู่เลย ผลปรากฏว่า จิตของสงฆ์รูปนั้น หลุดออกจากความเป็นทาสความสวยงามของสิริมาอย่างสิ้นเชิง และเช่นเดียวกับสาวชาวบ้านป่าที่ตนเคยไปรับบิณฑบาตที่บ้านของนาง หลวงพ่อชาให้ไปนำอุจจาระของสาวชาวบ้านป่าคนนั้นที่ถ่ายอุจจาระไว้ในพุ่มไม้ เอามาใส่ผอบ (ผะ-อบ) แล้วให้เปิดสูดดมบ่อยๆ ก็สามารถแก้ปัญหาแบบนี้ได้สำเร็จเช่นเดียวกัน


๔. คำถาม  
    การที่พ่อแม่นำลูกเล็กๆที่ยังกระจองอแงอยู่ ไปปฏิบัติธรรมเช่น นั่งสมาธิด้วยนั้น ถือว่าพ่อแม่จะเป็นบาปไหม? เพราะขณะที่ทุกคนกำลังนั่งสมาธิอย่างสงบอยู่นั้น แล้วมีเสียงเด็กร้องขึ้นมารบกวนสมาธิ

คำตอบ  
    ถือว่าพ่อแม่เป็นต้นเหตุของบาป ด้วยเหตุที่นำลูกไปทำให้ส่งเสียงรบกวนการพัฒนาจิตของผู้อื่น มิให้เข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิ


๕. คำถาม  
    ถ้านั่งสมาธิแล้วเกิดอาการปวดเมื่อยมากๆ จะทำอย่างไรดีค่ะ  ขอบคุณค่ะ

คำตอบ  
    หากกำลังของสมาธิยังไม่กล้าแข็งถึงระดับอุปจารสมาธิ ต้องเปลี่ยนอิริยาบถจากท่านั่งไปเป็นเดินจงกรมแทน ทำสลับดังนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่ากำลังของสมาธิกล้าแข็งพอที่จะนำไปพิจารณาทุกขเวทนา (ความปวดเมื่อย) ว่า ดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์


๖. คำถาม  
    ขอให้อาจารย์ช่วยขยายความของคำว่า
“ฌาน” เป็นอย่างไร? ขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ  
    คำว่า
“ฌาน” หมายถึงการเพ่งอารมณ์จนใจแน่วแน่ หรือหมายถึงการพัฒนาจิต (สมถภาวนา) จนจิตเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิแน่วแน่ (อัปปนาสมาธิ) ผู้ใดเข้าสภาวะความทรงฌานเช่นนี้ จะมีอารมณ์ของฌานเป็นเครื่องหมายบ่งให้รู้ เช่น

   ปฐมฌาน มีอยู่ ๕ อารมณ์ ได้แก่ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา

   ทุติยฌาน มีอยู่ ๓ อารมณ์ ได้แก่ ปีติ สุข เอกัคคตา

   ตติยฌาน มีอยู่ ๒ อารมณ์ ได้แก่ สุข เอกัคคตา

                จตุตถฌาน มีอยู่ ๒ อารมณ์ ได้แก่ อุเบกขา เอกัคคตา


๗. คำถาม  
    (๑) การถือศีล ๘ แล้วดื่มน้ำปานะ ถ้าเป็นนมหรืออะไรที่ช่วยให้ท้องสบายจะถือว่าผิดศีลหรือไม

   (๒) การดู ฟังข่าวทางทีวี ผิดศีล ๘ หรือไม่

คำตอบ  
    (๑) คำว่า
“น้ำปานะ” หมายถึง น้ำคั้นผลไม้ จากที่พระพุทธองค์บัญญัติได้แก่ น้ำคั้นจากผลไม้ ๘ ชนิด (น้ำอัฏฐบาน) คือ น้ำมะม่วง, น้ำชมพู่หรือน้ำหว้า, น้ำกล้วยมีเมล็ด, น้ำกล้วยไม่มีเมล็ด, น้ำมะขางเจือจาง, น้ำลูกจันทน์หรือน้ำองุ่น, น้ำเหง้าอุบล, น้ำมะปรางหรือน้ำลิ้นจี่

   นอกจากนี้พระพุทธะยังอนุญาต น้ำใบไม้ (ปัตตรส) ทุกชนิด เว้นน้ำผักต้ม อนุญาตน้ำจากดอกไม้ (บุปผรส) ทุกชนิด เว้นน้ำดอกมะขาง และอนุญาตน้ำอ้อยสด (อุจฉุรส) อีกด้วย น้ำนมไม่เรียกน้ำปานะ ฉะนั้นฆราวาสดื่มน้ำนมถือว่าผิดศีลแปด เพราะทำให้อาหารล่วงลำคอสู่กระเพาะ แต่หากพระสงฆ์ดื่มน้ำนมแทนน้ำปานะ ถือว่าผิดวินัยบัญญัติ

   (๒) พิจารณาตามรูปศัพท์ในข้อบัญญัติแล้ว ไม่ถือว่าผิดศีลแปด แต่นักปฏิบัติธรรมที่ดีจะไม่ดู ไม่ฟัง รวมถึงไม่พูด เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ เป็นเหตุให้จิตฟุ้งซ่าน เป็นเหตุขัดขวางความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมได้


๘. คำถาม  
    (๑) จ้างคนปฏิบัติธรรม คนจ้างจะได้บุญหรือไม่

   (๒) พ่อแม่ไม่ค่อยได้ทำบุญ ถ้าลูกตั้งมูลนิธิให้พ่อแม่ พ่อแม่จะได้บุญหรือไม่

   (๓) ถ้าเราอธิษฐานว่า เราจะอยู่กับคนที่เรารัก เพื่อช่วยกันสร้างบารมีเพื่อมรรคผลนิพพาน เป็นการอธิษฐานที่ผิดหรือไม่ (ไม่ว่าชาติไหนก็อยู่กับคนนี้)

คำตอบ  
    (๑) คนถูกว่าจ้างให้พัฒนาจิตเพียงแค่มีสติดีขึ้น ผู้ว่าจ้างก็ได้บุญแล้วและจะได้บุญมากขึ้น เมื่อผู้ถูกว่าจ้างพัฒนาจนจิตเข้าถึงมรรคผลแห่งการปฏิบัติธรรมได้

   (๒) ก่อนที่จะพูดว่าพ่อแม่ไม่ค่อยได้ทำบุญ ผู้เป็นลูกรู้หรือไม่ว่า บุญเกิดขึ้นจากการประพฤติบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ (ทาน, ศีล, ภาวนา, ประพฤติอ่อนน้อม, ขวนขวายรับใช้, อุทิศความดีให้ผู้อื่น, ยินดี (อนุโมทนา) ในความดีของผู้อื่น, ฟังธรรม, เทศนาธรรม, ทำความเห็นให้ตรง)

        ดังนั้นการตั้งมูลนิธิให้พ่อแม่ เป็นเรื่องของการทำบุญอย่างหนึ่ง หากพ่อแม่ยินดี (อนุโมทนา) ในความดีของลูก พ่อแม่ก็ได้บุญด้วยการอนุโมทนาเช่นนี้

   (๓) คำว่า “อธิษฐาน” หมายถึง การตั้งจิตปรารถนาในสิ่งดีงามไม่ถือว่าผิด แต่หากเป็นไปในทางตรงกันข้ามแล้วเรียกว่า สาปแช่ง


๙. คำถาม  
    ถ้ามีโอกาสได้ไปทำบุญใส่บาตรพระที่ออกจากนิโรธสมาบัติ ควรจะอธิษฐานจิตก่อนใส่บาตรอย่างไรดีคะ

คำตอบ  
    อธิษฐานอย่างไรก็ได้ที่ไม่ผิดศีลไม่ผิดธรรม ถือว่าดี อธิษฐานให้เป็นผู้มีความเห็นถูกตามธรรม ... ดีกว่า อธิษฐานหมดอาสวกิเลส ... ดีที่สุด


๑๐. คำถาม
    (๑) รบกวนอาจารย์ ถ้าคุณพ่อป่วยไม่แสดงอาการตอบอะไร? เวลาให้ท่านอธิษฐาน เพื่อให้ท่านทำบุญจะทำอย่างไร (ผู้ให้ท่านอธิษฐานมีพลังของจิตน้อย)

    (๒) ขอให้อาจารย์ช่วยขยายความที่อาจารย์พูดว่า จิตจะสัมผัสได้ต้องพูดถึงในระดับ metaphyphics นั้นเป็นอย่างไร

    (๓) อยากบวชชีพราหมณ์ในกรุงเทพฯ ควรบวชที่ใด

คำตอบ
    (๑) เมื่อสามารถสื่อสารถึงกันได้ ก็ไม่สามารถให้ท่านอธิษฐานได้

    (๒) คำว่า “จิตสัมผัส” หมายถึง รู้ เห็น เข้าใจ ด้วยใจที่พัฒนาดีแล้ว คือเข้าใจความจริง (เหตุผล) ที่อยู่เหนือประสาทสัมผัส อยู่เหนือการเห็นด้วยตา อยู่เหนือการได้ยินด้วยหู อยู่เหนือการสัมผัสด้วยมือ ฯลฯ จึงเรียกการรับรู้ความจริงในระดับนี้ว่า เป็นความจริงระดับ metaphypics

    (๓) ขออภัย ไม่มีข้อมูล


๑๑. คำถาม
    (๑) การที่มีผู้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ทราบมาว่าวิญญาณจะอยู่ที่ตรงนั้น จนกว่าจะมีผู้อื่นมาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเช่นเดียวกัน วิญญาณเดิมจึงจะไปเกิดได้ เป็นตัวตายตัวแทน ถ้าไม่มีคนมาเสียชีวิตตรงนั้นวิญญาณเดิมก็ต้องทนทุกข์ทรมานต่อไป จริงหรือไม่

    (๒) เวลากำหนดลมหายใจเข้า-ออก แล้วบริกรรม “พุทโธ” จะรู้สึกแน่นอึดอัด จะแก้ไขอย่างไร?

คำตอบ
    (๑) จริงตามปากของคนที่พูด แต่ไม่จริงตามความรู้ของผู้รู้ผู้มีประสบการณ์ตรง

    (๒) ควรเปลี่ยนไปใช้องค์บริกรรมอื่น อย่างใดอย่างหนึ่งในกรรมฐาน ๔๐ ที่เหมาะสมกับจริตของผู้ถามปัญหา


๑๒. คำถาม  
    การเจ็บป่วยที่มีเหตุมาจากเจ้ากรรมนายเวรนั้น เราจะสามารถรับทราบได้อย่างไร? จึงจะบำบัดรักษาได้ถูกทาง

คำตอบ  
    โรคที่เกิดจากการถูกผูกพยาบาท (โรคกรรม) ใช้ความรู้ทางการแพทย์แผนปัจจุบันรักษาไม่หาย แต่โรคกรรมจะหายได้ด้วยการชดใช้หนี้เวรกรรมจนกว่าจะหมดไป หรือทำบุญใหญ่ เช่น ปฏิบัติธรรมแล้วอุทิศบุญแลกหนี้เวรกรรม หากเมื่อใดเจ้ากรรมนายเวรยกหนี้กรรมให้ โรคกรรมก็จะหายไปได้


๑๓. คำถาม  
    ขายของอยู่ที่ตลาดและมีหนูมารบกวน จึงวางยาเบื่อหนู จะมีผลอย่างไร? (เรื่องนี้ผ่านมา ๑๐ ปีแล้ว) และได้ใส่บาตรอุทิศให้แล้ว

คำตอบ  
    เรื่องการวางยาเบื่อฆ่าหนูผ่านมานานถึง ๑๐ ปีแล้ว ยังระลึกถึงการกระทำปาณาติบาตอยู่ แสดงว่าหนี้เวรกรรมยังไม่ถูกยกเลิก ผลที่จะตามมาในชาติปัจจุบัน คือการเจ็บป่วยภายในร่างกาย และหากเมื่อใดที่จิตกำลังจะหลุดออกจากร่าง แล้วจิตยังระลึกอยู่กับอดีตกรรมเช่นนี้ จะมีอบายภูมิเป็นแดนเกิด


๑๔. คำถาม  
    ขอคำแนะนำเรื่องการปฏิบัติธรรมครับ การมีสติตลอดเป็นวิปัสสนาหรือเปล่า แล้วถ้าทำสมถะแล้วยังไม่ได้ผล ต้องตายไปก่อน ควรทำอย่างไรดี กลัวอบายภูมิ

คำตอบ  
    การมีสติตลอดเวลา เป็นผลของสมถภาวนา คือมีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ มิใช่เป็นผลที่เกิดจากการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน

    ผู้ใดประพฤติสมถภาวนา จนจิตเข้าถึงอัปปนาสมาธิ (ฌาน) แล้วตายในขณะจิตทรงอยู่ในฌาน จะไปอุบัติเป็นพรหมแน่นอน

    ผู้ถามปัญหากลัวไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในอบายภูมิ สามารถหนีได้ด้วยการทำเหตุให้ถูกตรง อย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้

   ๑.      มีศีล ๕ คุมใจอยู่ทุกขณะตื่น และขณะจิตหลุดออกจากร่าง ศีล ๕ ก็ยังคงคุมอยู่ที่ใจ ตายแล้วจะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ได้อีก

   ๒.    มีการให้ทานและรักษาศีล ๕ ตลอดชีวิต

   ๓.     ประพฤติกุศลกรรมบถ ๑๐ ตลอดชีวิต (ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมย ไม่ประพฤติผิดกาม ไม่พูดเท็จ ไม่พูดหยาบ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่คิดอยากได้ของคนอื่น ไม่คิดพยาบาทคนอื่น มีความเห็นถูกตรง )

   ข้อ ๒ และข้อ ๓ เป็นเหตุนำเกิดในสวรรค์


๑๕. คำถาม  
    ที่แถวบ้านมีงูมาก วันหนึ่งมีงูเข้าบ้าน ข้าพเจ้าหาคนมาตีงูตาย บาปมาก ดิฉันควรทำอย่างไร? เพราะดิฉันรู้สึกกลัวงูอยู่เสมอและผู้ที่ตีจะบาป ควรทำอย่างไร?

คำตอบ  
    ผู้สั่งและผู้ถูกสั่งให้ตีงู แล้วงูต้องตาย ถือว่าบุคคลทั้งสองได้ร่วมกระทำปาณาติบาต แต่ผู้สั่งได้บาปมากกว่า ผู้ถูกสั่งได้บาปน้อยกว่า เมื่อใดที่หนี้เวรกรรมตามทัน ทั้งสองคนต้องรับการชดใช้หนี้กรรมที่ก่อไว้ ดูวิธีบริหารหนี้กรรมจาก
website ข้อ 728