เมื่อผมพาแม่ไปปฏิบัติธรรม เรื่องโดย ธราดล คูหาวรรณ์ วันนี้จะขอพาพี่ๆ เพื่อนๆ มาวัดที่จังหวัดบ้านเกิดผม ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา หลายๆ คนอาจจะนึกว่าวัดหลวงพ่อโสธร แต่ไม่ใช่ครับ วัดนี้เป็นวัดที่ไม่ได้โด่งดังด้านความศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นวัดที่มีความสำคัญในการพัฒนาจิตใจเราให้ดีขึ้น นี่คือ ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดผาณิตาราม จังหวัดฉะเชิงเทรา สถานที่นี้เป็นบ้านอีกแห่งหนึ่งของผมเช่นกัน ที่ผมพูดแบบนี้เพราะว่า ถ้าผมหมุนเวลากลับไปเมื่อสองปีก่อน นาฬิกาชีวิตย้อนกลับไปอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลาที่ผมได้เริ่มทำงานที่แรกกับการเป็นเซลล์ รายได้อู้ฟู่ไม่ใช่น้อย ใช้ชีวิตแบบสุรุ่ยสุร่าย หมดเงินไปกับสิ่งที่เรียกว่าแฟชั่น ค่านิยมจำนวนมาก จนวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน แม่เริ่มไม่สบาย ปวดขา และต้องมารักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เวลาที่ผมไปหาลูกค้าเสร็จ ช่วงเย็นผมต้องมาเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล อาการที่ขาของแม่ก็ไม่ดีขึ้นเลย ผมมักจะซื้อของที่แม่ชอบมาให้กินประจำ ผมนั่งมองดูแม่หลับ น้ำตาผมจะไหล แต่มันไหลไม่ได้ ผมอยากให้แม่หายไว ๆ เมื่อก่อนเวลาที่แม่บ่นแม่ว่า ผมไม่เคยสนใจท่านเลย ผมไม่เคยกอดแม่นานมากแล้ว จำได้ครั้งล่าสุดที่กอดคือวันที่รถตู้โรงเรียนสมัยมัธยมถูกสิบล้อชน แม่มาที่โรงเรียนและวิ่งเข้ามากอดผม แม่นึกว่าผมอยู่ในรถคันนั้น ผมเดินออกจากโรงพยาบาลในตอนค่ำอย่างอ่อนล้า ท่ามกลางแสงไฟและแสงสีในกรุงเทพฯ ผมเคยเป็นเหมือนแมลงเม่าที่บินเข้ากองไฟหลงแสงสี หลงรัก หลงทาง หาทางออกไม่เจอ วันนี้ผมไม่ต้องออกตลาด เพราะผมต้องประชุมและเคลียร์งานอยู่ที่ออฟฟิศแถวชิดลม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พ่อโทรศัพท์มาบอกว่าย่าเสียแล้ว ทำไมชีวิตมันถึงโหดร้ายอย่างนี้ แม่ผมไม่สบาย ย่าที่ผมรักมากยังมาจากผมไปอีก ความทุกข์ที่เข้ามาเหมือนคลื่นที่ถาโถมมาอย่างไม่หยุดยั้ง หลังงานศพของย่า แม่ของผมต้องเปลี่ยนโรงพยาบาลไปอยู่ที่พญาไท หมอบอกว่าอาการขาของแม่เกินจะเยียวยาแล้วจะต้องตัดขา ผมกอดแม่ไว้แน่น ผมมองตาแม่ อยากจะว่ารักท่านมากมายแค่ไหน ผมยืนอยู่หน้าห้องไอซียูพร้อมกับพ่อและน้อง หมอออกมา เงียบ ผมกับพ่อและน้องเข้าไปที่ห้องไอซียู แม่บอกไม่เป็นไร ไม่มีขา แต่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อลูก ผมรักแม่ครับ ช่วงนั้นผมไม่มีแก่จิตแก่ใจทำงานเลย แต่ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ผมลาออกจากงานเป็นเซลล์ แล้วธรรมะก็จัดสรรให้ผมมาช่วยงานที่ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติที่จังหวัดฉะเชิงเทราด้วยความใกล้บ้าน และผมจะได้อยู่ใกล้แม่มากขึ้น ผมเดินเข้ามาในวัดที่ร่มเย็น ผมเดินเข้าไปด้วยความรู้สึกแปลก ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุรุ่นคุณยายได้แล้วยิ้มด้วยความเบิกบาน ภายในโอ่โถง ตกแต่งแบบงานที่มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนวัดอื่น ๆที่เคยเข้ามา ผมเข้ากราบพระหินหยกสีขาวในห้องปฏิบัติธรรมที่ไม่มีใครอยู่ และระบายความรู้สึกกับองค์ท่าน ขอให้ผมหมดทุกข์ที่ถาโถมนี้โดยเร็วด้วยเถิด จากสังคมในเมืองที่วุ่นวาย ตอนนี้ผมได้มาอยู่ที่วัดผาณิตารามแล้ว ผมช่วยงานในศูนย์ปฏิบัติธรรมที่ติดแม่น้ำบางปะกง ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นสถานที่ที่ผู้คนมากหน้าหลายตาเข้ามาปฏิบัติเพื่อให้เข้าใจในธรรมชาติของตัวเองมากขึ้น ธรรมะได้เริ่มกล่อมเกลาตัวผม การช่วยงานที่นี่เราต้องจัดคอร์สปฏิบัติธรรมเกือบทุกอาทิตย์ ทั้งคอร์สบุคคลทั่วไป คอร์สเยาวชน ทั้งระยะสั้น ๓ วัน และระยะยาว ๗ วัน หลายๆคนเข้ามาที่นี่ด้วยความทุกข์ แต่พอกับออกไป ใบหน้าเขาฉายแววความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น และผู้เบิกบาน มากขึ้น พี่ๆ ที่ทำงานด้วยกันก็อบอุ่นเหมือนครอบครัวเดียวกันป้าแม่ครัวก็ใจดีทำอาหารมังสวิรัติให้ทานอย่างอร่อยหนอ แต่บุคคลสำคัญของที่นี่คือ พระอาจารย์สุรศักดิ์ ผู้ที่มีพระคุณอย่างสูงกับผม พระอาจารย์ที่คอยสอนทั้งการทำงานอย่างมีสติการใช้ชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรม ความเป็นจริงของชีวิต โดยนำแนวทางมาจาก คุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย คุณแม่ทางธรรมของผมท่านได้นำแนวทางการปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ ของพระพุทธองค์มาเผยแผ่ให้ผู้คนจำนวนมาก วิทยากรที่นี่ก็มีส่วนสำคัญ คุณหมอวิไล ธนาสารอักษร คุณวรากร ไรวา พี่กิ๊ก มยุริญ ผ่องผุดพันธ์ ป้าๆ พี่ๆ วิทยากร ที่อบอุ่น ดูแลเรา รักเราเหมือนลูกเหมือนหลาน ผมมีโอกาสได้ไปปฏิบัติธรรมที่จังหวัดลำปาง ความรู้สึกแรก ๆเลยคือ อาการเบื่อ อาการปวดเมื่อย อาการอยู่ไม่สุขในวันแรกๆ ตี่แล้วก็เริ่มดีขึ้น โดยเฉพาะวันที่สามจะมีพิธีพระในบ้านคือการระลึกถึงคุณมารดาบิดา ผมคิดถึงแม่อย่างจับใจ และคิดว่าสักวันต้องพาแม่มาปฏิบัติธรรมเพื่อจะได้รับสิ่งดีๆ อย่างผมบ้างพอวันที่ ๔-๗ อาการสติที่ประคองตัวก็ดีขึ้น รู้สึกเบาสบายมากขึ้นมีความสุขอย่างประหลาดเป็นความสุขที่แตกต่างจากความสุขใดๆ ที่เราเคยได้รับ ผมกลับไปบ้านคราวนี้ ผมซื้อพวงมาลัยไปกราบแม่และขอให้ท่านอโหสิสิ่งใดที่ผมเคยทำไม่ดีกับแม่ แม่คงรู้สึกแปลกใจกับผมมาก ตอนนั้นแม่เริ่มใส่ขาเทียมแล้ว เริ่มเดินเหินคล่องแล้ว แม่เห็นว่าร้อยวันพันปีผมไม่เคยทำแบบนี้ แม่จึงตัดสินใจไปปฏิบัติธรรมที่วัดที่ผมช่วยงานอยู่ ผมรู้สึกภูมิใจมากที่ผมมีโอกาสพาพ่อกับแม่เข้ามาทางธรรม ให้ท่านได้แนวทางหลักธรรมดีๆ ในชีวิต ให้ท่านหมดความทุกข์ไปจากใจให้มากที่สุด ให้ท่านได้อยู่กับเรานานๆ และวันใดที่เราไม่อยู่หรือท่านไม่อยู่ เราก็มีธรรมะเป็นเครื่องคุ้มกันใจเราไม่ให้ไปในทางที่ไม่ดี ให้เรามีสติทั่วพร้อมอยู่เสมอ ที่นี่จึงเปรียบเสมือนบ้านทางธรรมของผมกับคุณแม่ทางธรรม คุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย สุดท้ายนี้ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงช่วยลดบันดาลให้คุณแม่ของผมและคุณแม่ทุกคนบนโลกนี้มีแต่ความสุข ความเจริญ ความสงบร่มเย็น ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ มีโอกาสปฏิบัติธรรม ทำคุณงามความดีจนกว่าจะบรรลุมรรคผลนิพพานครับ
|