1

 

 

 

                                                       
คำถาม-คำตอบ ข้อ 1101-1150

1150.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไรที่เคารพ

ผมมีคำถามขอกราบเรียนถามท่านดังต่อไปนี้
1. ความเชื่อเรื่องอานิสงค์การปล่อยสัตว์ของคนไทย เช่นปล่อยเต่าจะอายุยืน ปล่อยปลาหมอทำให้หายจากโรค ปล่อยปลาไหลทำให้การงานลื่นไหล ปล่อยหอยขมทำให้ใจไม่ขมขื่น เหล่านี้มีความเป็นจริงเพียงใดครับ

2 ขอรบกวนอาจารย์แนะนำว่าสัตว์อะไรเราควรปล่อยดีที่สุด และจะได้อานิสงค์บุญที่สูงที่สุดครับ (ในจำนวนตัวที่เท่ากัน) การปล่อยสัตว์ขนาดใหญ่จะได้อานิสงค์บุญมากกว่าการปล่อยสัตว์ขนาดเล็กเสมอไปหรือไม่ครับ

3. การถวายของให้พระพุทธรูป หรือพระภูมิ หรือถวายแด่ดวงวิญญาณอื่นๆ ถ้าเราซื้อกับข้าวที่เป็นถุงมัดด้วยหนังยาง จะถวายทั้งที่ยังมัดปากถุงอยู่ได้หรือไม่ครับ หรือเราต้องแกะห่อใส่ชามแล้วจึงถวายเสมอ (บางทีไม่มีเวลาจัดถาดอาหารถวาย และล้างทำความสะอาดภาชนะครับ)

ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงครับ

คำตอบ
    (๑) การปล่อยสัตว์ให้เป็นอิสระ เท่ากับการให้ชีวิตเป็นทานแก่สัตว์ที่ถูกนำไปปล่อย การให้ทานเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ผู้ให้ได้บุญ บุญทำให้สำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกอย่าง เช่น ปรารถนามีอายุยืนยาว ปรารถนาไม่อาพาธ ปรารถนาให้งานลื่นไหล ปรารถนาไม่ให้ระทมขมขื่นใจ ฯลฯ ทั้งนี้มีเงื่อนไขที่ว่า ต้องไม่มีอกุศลกรรมอื่นใดที่ทำไว้ก่อนแล้วมาชิงให้ผลตัดหน้า ความปรารถนาดังกล่าวข้างต้นจึงจะเป็นจริงได้

    (๒) ควรปล่อยสัตว์ที่มีคุณต่อมนุษย์ เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย ฯลฯ หรือสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่าปรกติ (ใหญ่เบ้อเร่อ) เช่น ปลาช่อนตัวใหญ่ ปลาไหลตัวใหญ่ นกตัวใหญ่ ฯลฯ หรือสัตว์ที่มีบริวารมาก

หมายเหตุ : พระโพธิสัตว์ เคยเกิดเป็นลิงใหญ่ (มหากปิราช) มีบริวารมาก เคยเกิดเป็นสุนัขตัวใหญ่ (พญาสุนขราช) มีบริวารมาก เคยเกิดเป็นปลาช่อนตัวใหญ่ (พญามัจฉาปลาช่อน) มีบริวารมาก เคยเกิดเป็นนกแขกเต้า มีบริวารมาก ฯลฯ

     (๓) ถวายได้ แต่ควรใส่ภาชนะที่มนุษย์ใช้ใส่อาหารสำหรับบริโภค จะดีกว่าถวายอาหารทั้งที่ถูกบรรจุอยู่ในถุง ซึ่งดูมักง่ายเกินไป
   

1149.
กราบเรียน อาจารย์สนอง วรอุไร ผมมีคำถามที่ต้องการถามอาจารย์ดังนี้ครับ

1.หากฆราวาสแต่เดิมมีความเชื่อไม่กินเนื้อชนิดใดชนิดหนึ่ง ทั้งกรณีที่ตั้งสัจจะและไม่ได้ตั้งสัจจะว่าจะไม่ฉันเนื้อชนิดนั้นอีก (เช่น ชาวจีนบางกลุ่มจะไม่กินเนื้อวัว หรือเคยปล่อยสัตว์ชนิดนั้นให้เป็นอิสระมาก่อน เช่น ปล่อยปลา) ต่อมาได้มาบวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา(ฝ่ายเถรวาท) เนื้อชนิดนั้นไม่ได้ถูกห้ามด้วยพระวินัย มีญาติโยมนำอาหารที่ปรุงด้วยเนื้อชนิดนั้นมาถวาย ผู้เป็นภิกษุควรทำอย่างไรกับอาหารนั้น ถือได้ว่าถ้าไม่ฉันอาหารนั้นจะทำให้ของถวายที่ญาติโยมผู้เป็น ทายก มาถวายเสียหายได้ หรือ ถือได้ว่าเป็นสมณะผู้เลี้ยงยากได้หรือไม่ครับ หากเกิดกรณีนี้จะแก้ไขโดย บอกญาติโยมหรือโยมอุปฐากเสียตั้งแต่เป็นฆราวาสว่า ให้นำอาหารที่ไม่ได้ปรุงด้วยเนื้อชนิดนั้นมาถวาย เพื่อไม่ให้ผิดสัจจะหรือข้อตกลงทางประเพณีที่ตั้งไว้ตั้งแต่เป็นฆราวาสอย่างนี้ได้หรือไม่ครับ

2. การชำระค่าสินค้าแบบ "เงินผ่อน" ถือว่าเป็นบาปหรือไม่ครับ เพราะขัดกับพุทธพจน์ที่ว่า "อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเก การเป็นหนี้ เป็นทุกข์ในโลก" ถ้าหากเป็นบาป ผู้ชวนกู้ ผู้ให้กู้ ผู้กู้ ผู้ดำเนินเรื่อง ฯลฯ ก็จะร่วมอกุศลกรรมด้วย เนื่องจากในปัจจุบันข้าวของราคาแพง เช่น รถยนต์ หรือ บ้านเรือน หากไม่ชำระแบบผ่อนผู้มีรายได้น้อยจะต้องรอเป็นเวลานานมากกว่าจะสะสมเงินได้ตามจำนวนนั้น แล้วจึงชำระเพียงงวดเดียว (รวมถึงถ้าเอาความรู้ทางโลกในแง่ของเศรษฐกิจมาคิด จะทำให้เกิด "เงินไม่หมุนเวียน" คือการที่ประชาชนไม่เอาเงินออกมาใช้สอย) โดยส่วนตัวคิดว่า ถ้าเป็นไปได้ ใช้ขันติ วิริยะ ฯลฯ เก็บเงินให้พอกับสิ่งของที่จำเป็นต้องซื้อเสียจะดีกว่า ขอความเมตตาอาจารย์แนะนำในเรื่องนี้ด้วยครับ

3.ระหว่างการปฏิบัติภาวนาหากมีสิ่งกระทบจากหลายอายตนะพร้อมกัน เช่น เกิดทุกขเวทนาทางกาย ได้ยินเสียงรบกวน เกิดความฟุ้งซ่าน เป็นต้น ควรจัดการกับสิ่งกระทบเหล่านี้อย่างไรครับ ได้อ่านคำถามคำตอบในหนังสือเล่มหนึ่ง อาจารย์ตอบว่า ให้จัดการเป็นเรื่องๆ ไป แต่สงสัยว่าควรจัดการกับสิ่งกระทบใดก่อนหลัง (ฟังธรรมเทศนาของเจ้าคุณโชดก ท่านได้เทศน์ว่า ให้ดูสิ่งกระทบที่รับได้ชัด) คิดว่าคำถามนี้คงเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ปฏิบัติในสถานที่ที่ไม่ค่อยสัปปายะครับ

ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ที่เมตตาตอบคำถามเหล่านี้ ด้วยกรรมอันใดทั้งทางกาย วาจา ใจ ที่ผมทำไว้ในทุกภพชาติ จะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ดี ต่อหน้าและลับหลังก็ดี ระลึกได้หรือไม่ได้ก็ดี ขอให้อาจารย์อโหสิกรรมในกรรมอันน่าติเตียนเหล่านั้นด้วยครับ

ปกรณ์

คำตอบ
   (๑) ผู้ใดมีสัจจะว่าจะไม่บริโภคเนื้อสัตว์ชนิดนั้นๆ แม้จะตกอยู่ในสภาวะใด เช่นมาบวชเป็นภิกษุ ต้องเว้นบริโภคเนื้อสัตว์ชนิดนั้นๆตามที่ให้สัจจะไว้ ประพฤติได้เช่นนี้จึงจะเรียกได้ว่าผู้นั้นมีสัจจะ และมิได้เป็นความเสียหายแต่อย่างใด หากจะพูดบอกโยมอุปัฏฐาก หรือแก่ผู้ที่ควรบอกว่า ...
“ ข้าพเจ้าไม่บริโภคเนื้อสัตว์ชนิดนั้นๆ ”

   (๒) การชำระสินค้าแบบผ่อนใช้เป็นรายเดือน และปฏิบัติได้ถูกตรงตามกติกาที่ได้ตกลงกันไว้ ไม่ถือว่าเป็นบาป ทั้งยังเป็นการสร้างสัจจบารมีให้เกิดขึ้นอีกด้วย แต่การตัดสินใจซื้อสินค้าเงินผ่อน เป็นเจตนาก่อหนี้ให้เกิดขึ้น พระพุทธะจึงตรัสว่า “ การเป็นหนี้เป็นทุกข์ในโลก ” ซึ่งมีผลเป็นบาป ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า ผู้ถามปัญหามีสติระลึกได้ทันตัณหา อันจะเป็นเหตุให้เกิดการก่อหนี้ได้หรือไม่ หากการสร้างหนี้ยังมีความจำเป็นแก่ชีวิต และต้องทำเพื่อให้เศรษฐกิจในสังคมหมุนเวียน ต้องทำด้วยเงื่อนไขที่ตนเองปฏิบัติได้ โดยให้มีความทุกข์เกิดเท่าที่จำเป็นและตัวเองยอมรับได้

   (๓) ด้วยเหตุที่จิตมีการเกิด-ดับเร็ว จนระบบประสาทไม่สามารถตามสัมผัสได้ทัน จึงคิดเอาเองว่า อายตนะภายนอก (รูป เสียง กลิ่น รส ฯลฯ) เข้ากระทบอายตนะภายใน (ตา หู จมูก ลิ้น ฯลฯ) พร้อมกันทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วมิได้เป็นเช่นนั้น หากเป็นดังกรณีที่บอกเล่าไปต้องกำหนดผัสสะใหญ่ หรือผัสสะที่ปรากฏเด่นชัดให้หมดไปให้ได้ก่อน แล้วจึงกำหนดผัสสะรองให้หมดไปเป็นอันดับถัดมา
     

1148.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

     ผมชื่อ เสรีชัย เขมวิโรจน์ อายุ 22 ปี เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ผมได้ฝึกตามดูความคิดของตัวเอง ได้ฟังเทศน์แนวทางดูจิตตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 จนคืนวันที่ 20 มกราคม 2552 ที่ผ่านมา ระหว่างที่ผมกำลังฝึกงานอยู่ที่เชียงราย เกิดสภาวะอย่างหนึ่งที่แปลกกว่าทุกครั้ง คืนนั้นผมนั่งอ่านหนังสือและก็ค่อยสังเกตุใจที่หนีไปคิด สักพักเริ่มรู้สึกว่าใจมันนิ่งและเย็น ผมเลยปิดไฟแล้วนั่งหลับตา ไปรู้ตรงที่ใจนิ่งๆนั้น มันก็เกิดนิ่งวูปๆขึ้นมาเรื่อยๆ เห็นหัวใจเต้นแรงขึ้นๆ เห็นใจที่คิดแยกออกมา เห็นใจที่นิ่งๆก็นิ่งขึ้นๆ และมีคำพูดของหลวงพ่อว่า รู้ลงอย่างเป็นกลาง ขึ้นมาเป็นระยะ ผ่านไปสักพัก หัวใจก้เต้นเบาลง แต่ใจเริ่มดิ้นไปๆมาๆ จนรู้สึกว่าหมดแรง เริ่มปวดตามตัว ผมเลยลืมตาขึ้นมาแล้วเอนตัวนอน พอหลับตาลงก้รู้สึกเหมือนว่าร่างกายมันแบนราบ หายใจเข้ามันถึงจะพองขึ้นมาที่ท้อง และยังรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงมากจนตัวสั่นตามจังหวะการเต้นของหัวใจ จนรู้สึกรำคาญ ผมพยายามหลับตานอน แต่นอนไม่หลับ เหมือนกับว่าตัวหลับหายไป ผมเลยนอนดูหัวใจเต้นไปอย่างนั้น มันมีความคิดขึ้นมาตัวหนึ่งว่า บรรลุแล้ว ผมก็เลยลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก รู้สึกว่าโลกเปลี่ยนไป เหมือนเป็นภาพวาด ตัวความคิด บรรลุแล้ว มันก็ขึ้นมาเรื่อยๆ ผมเลยไปเปิดคอมฯแล้วโหลดหนังโป๊ะมาดู ความอยากยังมีอยู่ แต่มันเกิดยิกๆอยู่ในใจ ผมเลยเข้าใจว่าความคิดนั้นมันหลอก

     หลังจากวันนั้นมา ผมนอนก้ไม่หลับอีกเลย หลับก้ไม่เหมือนเดิม เวลาหลับก็เหมือนเวลาที่ใจเราหนีไปคิดแล้วเราไม่รู้ แต่พอมันคิดจบผมก็ตื่น ในขณะที่ใจหนีไปคิดผมก้รู้ แต่รู้บางๆ ไม่พอที่จะตัดมันให้ขาดเหมือนตอนตื่น เป็นการนอนที่ทรมานมากเหมือนว่าผมถูกใจจะลากไปโน้นไปนี่ทั้งคืน พอผมไม่ยอมหลับ 2-3 วัน เหมือนร่างกายจะไม่ไหว หัวใจก้เต้นแรงๆ จนรู้สึกว่าทรมาน เหนื่อย ก็ต้องไปนอน แต่ใจมันไม่เคลิ้มหนีไปคิดอย่างเดิม คือพอผมนอน ผมก้ดูลมหายใจเข้า-ออก หายใจได้ไม่กี่ที ใจมันเหมือนกับว่าแอบไปอยู่ตรงที่ว่างๆตรงลมเข้า-ออก ประมาณ 30-60 นาที ก้สดชื่นขึ้นมา แต่พอผมตั้งใจดูลมหายใจเข้า-ออก ให้ใจไปอยู่ตรงว่างๆนั้น แล้วผมจะได้หลับ มันก้ทำไม่ได้ มันเป็นสภาวะที่ผมไม่เคยเจอและแปลกกว่าทุกครั้ง และอีกอย่างคือสภาวะที่ว่านี้หลวงพ่อไม่ได้เทศน์ไว้ ทุกครั้งเมื่อผมติดสภาวะ ผมก้จะฟังเทศน์แล้วจับจุดแก้เอา

     ผมเคยไปกราบหลวงพ่อประสิทธิ์ วัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง เชียงใหม่ กราบถามสภาวะนี้ แต่ท่านแค่บอกผมว่า อย่าไปสงสัย อยากดูโน้นดูนี่ ให้เอาสติตั้งลงที่จิต ผมฟังแล้วก็เหมือนเข้าใจ แต่พอมาทำก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ผมเลยไปปฏิบัติธรรมที่สำนักวิป้สสนาแม่ชีดอยสะเก็ด และถามแม่ชีที่สอบอารมณ์ ท่านก็บอกว่าเป็นผู้รู้ ผู้ตื่นแล้ว แต่ยังไม่เบิกบาน เพราะร่างกายไม่พร้อม เพราะผมไปทำข้ามขั้นตอนของสติปัฏฐาน 4 ให้ผมไปดูพอง-ยุบ และเวทนา ผมฟังแล้วก็เหมือนเข้าใจ แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดี ผมไปปฏิบัติที่สำนักฯได้ 10 วัน

     ตอนนี้ผมกลับมาอยู่บ้าน ที่อำเภอแม่ริม ผมรู้สึกว่าชีวิตเปลี่ยนไปเยอะมาก หลังวันที่ 20 มกราคม 2552 กินข้าว 3 มื้อก็ไม่ได้ มันแน่นอึดอัดไปหมด ผมเลยกิน 2 มื้อ เช้ากับเย็น เว้นกลางวัน ตอนไปปฏิบัติผมกินมื้อเช้ามื้อเดียวก็อยู่ได้มีแรงปกติ นอนก็ไม่หลับเหมือนก่อน เหมือนว่าตัวหลับหายไป แต่ง่วงเคลิ้มๆมีอยู่ ดูหนัง ดูทีวี ฟังเพลง ก็เหมือนดูไปอย่างนั้น ฟังไปอย่างนั้น เล่าให้ใครฟัง เค้าก็หาว่าคิดมาก ตัวความคิดว่า บรรลุแล้ว มันก็ผุดขึ้นมา แต่มันก็เบาลงจนผมแทบจะไม่สนใจ เพราะดูมันจนชิน ผมยังมีกิเลสอยู่ เวลาออกไปไหน เห็นผู้หญิงสวยๆ ก็ยังมองอยู่ ใจยังแว็ปๆไปที่เค้าอยู่ เดือนเมษาผมต้องไปจับใบดำ-ใบแดง ผมคิดว่าถ้าได้ขึ้นมา ด้วยสภาวะที่ผมเป็นอยู่คงจะเป็นทหารไม่ไหว ตอนนี้ผมอยากบวชครับ

     ผมอยากเรียนถามท่านอาจารย์ว่า สภาวะที่ผมเป็นอยู่นี้ คืออะไร และผมควรทำอย่างไรต่อดีครับ ทุกวันนี้ผมก็ยังตามดูความคิดและเห็นมันเกิดไปเกิดมาอย่างนั้น ผมก็ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร แต่ผมไม่รู้จะอธิบายกับญาติพี่น้องอย่างไร และผมก็ยังสงสัยสภาวะที่ผมเป็นอยู่

ต้องขออภัยท่านอาจารย์ด้วยครับ ผมอาจจะคำไม่ค่อยสุภาพ แต่สภาวะที่ผมเป็นอยู่ เป็นจริงตามที่ผมได้เล่าไป ขอท่านอาจารย์ได้โปรดตอบข้อสงสัยของผมด้วยครับ

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ

คำตอบ
     ตามที่บอกเล่าไปเป็นสภาวะของจิตที่เริ่มมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิ จึงถูกมารตามขัดขวางมิให้บรรลุความดี หากผู้ถามปัญหาทำตัวเป็นคนโง่ แล้วประพฤติให้ถูกตรงตามคำชี้แนะของผู้มีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน จนกระทั่งเข้าถึงผลแห่งการปฏิบัติแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นจะหมดไป เมื่อใดที่อาการต่างๆปรากฏ อาทิ เห็นหัวใจเต้นเบาลง ต้องกำหนดว่า “ เบาหนอๆๆๆๆ ” ไปเรื่อยๆ จนอาการเต้นเบาของหัวใจหายไปและไม่ปรากฏขึ้นกับจิตอีก หรือเห็นตัวเองหายไป ต้องกำหนดว่า
  “ เห็นหนอๆๆๆๆ ” ไปเรื่อยๆ จนอาการหายไปของตัวไม่ปรากฏอีก หรือคิดว่าตัวเองบรรลุแล้ว ต้องกำหนดว่า “ คิดหนอๆๆๆๆ ” ไปเรื่อยๆ จนความคิดว่าบรรลุแล้วหายไป และความคิดเช่นนี้ไม่ปรากฏขึ้นอีก ฯลฯ หลังจากนั้นนำจิตกลับมาสู่องค์ภาวนาเดิมที่ทำอยู่ การแก้ปัญหาเช่นนี้เป็นวิธีกำจัดตัวการที่มาขัดขวาง (มาร) ไม่ให้บรรลุความดีที่สูงขึ้นไป เมื่อกำจัดมารได้แล้ว ความตั้งมั่นเป็นสมาธิของจิตที่สูงขึ้นย่อมเกิดได้ และสามารถใช้เป็นฐานพัฒนาปัญญาเห็นแจ้งต่อไป
   

1147.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนองที่เคารพค่ะ

หนูมีเรื่องกราบเรียนขอคำแนะนำจากอาจารย์ค่ะ ก่อนอื่นหนูอยากบอกว่าหนูชื่นชมในตัวอาจารย์มากเลยคะและยิ่ง มาทราบว่า อาจารย์เป็นคนฉะเชิงเทราหนูก็ยิ่งดีใจลึก ๆ เข้าไปอีกค่ะ

ขออนุญาติเล่าเลยนะค่ะหนูเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ และหนูยึดหลักกตัญญูเป็นที่ตั้ง ตามสำสั่งสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า การกตัญญู รู้คุณคน เป็นสิ่งที่ดี หนูได้เรียนและถูกปลูกฝั่ง จากโรงเรียนพุทธโสธร ที่เราจะได้เรียนกับพระอาจารย์ หรือแม้กระทั่งวันหยุดก็จะเป็นวันโกน วันพระ แทนวันเสาร์ - อาทิตย์ ขอเข้าเรื่องนะค่ะ หลักในการตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ที่หนูได้พยายามทำตามคำสั่งสอน และหน้าที่ ที่บุตรต้องทำต่อบิดา - มารดา ไม่ว่าการเลี้ยงดู อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย หรือแม้ยามป่วยไข้ หนูจะจัดหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ตาม กำลังความสามารถของหนูเท่าที่จะทำได้

และตอนนี้สิ่งที่หนูพยายามคือทำให้พ่อแม่ได้เห็นธรรมด้วย หนูพยายามช่วยให้พ่อเลิกเหล้า ซึ่งพ่อได้ดื่มมาตั้งแต่อายุ 14 หนูไม่เคยอายที่พ่อหนูเป็นแค่คนขับรถรับจ้าง แต่หนูอายที่พ่อดื่มเหล้าจนติด ขาดสติ จนกลายเป็นคนทำอะไรที่หนูรับไม่ได้ ที่เขาทำร้ายจิตใจแม่ ด้วยการทำไม่ดีกับน้องที่พิการทางสมอง ที่เคยมีคนเอามาให้เลี้ยงเพราะเห็นพ่อแม่มีหนูคนเดียวอาจจะอยากมีลูกอีก ส่วนตัวหนูเอง ทำหน้าที่รับผิดชอบครอบครัวมาตั้งแต่จบมัธยมปลายชีวิตเดินผิดบ้างถูกบ้าง แต่หนูไม่อยากไปยึดกับอดีตแล้ว แต่ที่ทำผิดก็คิดแค่ว่าอยากจะเลี้ยงพ่อแม่ให้สบาย โดยจะไม่มีวันให้พ่อแม่หนูต้องไปมีชีวิตที่ลำบาก เหมือนในสกู๊ปชีวิต และสุดท้ายหนูก็ทำสำเร็จทุกอย่าง แต่สิ่งสุดท้ายที่ยังไม่สำเร็จเลย

จากการพยายามหลายปี ที่จะให้พ่อเลิกเหล้า เพราะหนูไม่อยากให้แม่ทุกข์ แม่จะไปไหนก็ไม่ได้เพราะต้องคอยดูน้อง บางที หนูอยากชวนแม่ไปปฏิบัตธรรมด้วย แม่ก็ไปไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกบอกใครไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเรา เรื่องนี้มันกัดกินความรู้สึกมานานมาก และหนูก็รับไม่ได้กับพฤติกรรมของพ่อ รู้สึกผิดหวัง จนอยากจะกีดเอาเลือด คืนเขาไปแต่ ทีผ่านหนูได้หาวิธีหลาย ๆ วิธีที่จะทำให้เขาเลิก จากแรก ๆ หนูเคยรับพฤติกรรมพ่อไม่ได้จนหนูเกิดความห่างเหิน พูดเท่าที่จำเป็น แต่ก็มาคิดได้ว่าเราต้องให้อภัยพ่อได้เพราะพ่อเป็นพ่อ และเป็นผู้ให้ชีวิต โดยหนูคิดว่าอาจเป็นพราะหนูให้ความรักกับพ่อไม่พอ เพราะรักแต่แม่ หนูก็หันมาสนใจ มารักและให้กำลังใจพ่อให้เขาเลิกเหล้า ไม่ว่าจะกราบเท้าขอ หรือ พา ไปที่เลิกเหล้า ก็หยุดไปแล้วก็มาดื่มเหมือนเดิม หรือไม่จะเป็นการแผ่เมตตา ก็ได้ผลซักระยะแต่ก็มาเหมือนเดิม หรือว่าจะใช้ วิธีการซื้อของที่พ่ออยากได้(รถ) เพื่อแลกเปลี่ยนสุดท้ายก็เหมือนเดิม เท่าที่จำความได้พ่อหนูไม่เคยทำบุญ หรือแม้จะบวชให้ ย่าก็ไม่เคย หนูใช้วิธีการให้ขับรถส่งหนูไปวัด น้อยครั้งที่จะขี้นไปบนวัดด้วย จนกระทั่ง ณ วันนี้แม่หนูป่วยเป็นมะเร็งในเม็ดเลือด หนูไม่อยากให้แม่ต้องมาเครียดกับสิ่งกดดันเหล่านี้ หนูยอมรับบางครั้งหนูทนไม่ไหวก็บ่นบ้างว่าบ้าง หนูไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะว่าความตายได้เข้ามาใกล้แม่แล้วหนูอยากให้แม่เตรียมตัวก่อนวันนั้นจะมาถึง แต่หนูไม่รู้จะทำอย่างไรดี หนูคิดว่าจะให้พ่อไปอยู่ที่อื่น โดยหนูยังส่งเงินเลี้ยงดู แต่แม่กลัวว่าคนอื่นจะว่าหนูเป็นลูกอกตัญญู แค่พ่อดื่มเหล้าแค่นี้ทำไมต้องทำกับพ่อถึงขนาดนี้ เพราะเวลาพ่อหนูดื่มเหล้า พ่อไม่ไปทำเสียงดังที่ไหน ซึ่งชาวบ้านไม่เข้าใจ คิดว่าหนูกับแม้เข็มงวดเกินไปแต่ใครละจะรู้เท่ากับหนูและแม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา จนบางครั้ง ทำให้หนูกลัวว่าถ้าวันหนึ่งหนูมีลูกสาวแล้ว หนูจะปล่อยให้ลูกหนูอยู่ที่บ้านได้อย่างไรในเมื่อ ที่บ้านไม่ปลอดภัย หนูเข้าใจว่าทั้งหมดมันเป็นกรรมของครอบครัวเรา แต่ตอนนี้หนูรู้สึกเครียดหาทางออกไม่ได้เลยค่ะ

ขอรบกวน ท่านอาจารย์แนะนำหนูด้วยนะค่ะ

กราบขอบพระคุณค่ะ ด้วยความเคารพอย่างสูง และขอให้อาจารย์มีสุขภาพที่แข็งแรงนะคะ

คำตอบ
    เคยมีคนกล่าวว่า “ ไม่มีใครช่วยใครได้แท้จริง เว้นไว้แต่ว่าตัวเองนั่นแหละต้องช่วยตัวเอง ” ด้วยเหตุนี้พระพุทธะจึงไม่แนะนำให้ใครผู้ใดไปแก้ปัญหาที่ผู้อื่น แต่แนะนำให้แก้ปัญหาที่ตัวเอง ฉะนั้นหากประสงค์ให้ปัญหาที่เกิดขึ้นหมดไป ต้องพัฒนาตัวของผู้ถามปัญหาให้มีธรรมคุ้มครองใจ แล้วธรรมที่มีอยู่กับใจนั่นแหละ จะเป็นเครื่องคุ้มครองภัยมิให้เกิดขึ้น .... ทำไมไม่ลองพิสูจน์ด้วยตัวเองล่ะ
   

1146.
สวัสดีค่ะ อาจารย์

- ทำไมทอดกฐิน สร้างศาลาปฏิบัติธรรม จึงเป็นมหาทาน
- การให้อภัยเป็นมหาทานด้วยรึเปล่าคะอาจารย์

หนูสบายใจขึ้นเยอะเลยค่ะ หลังจากทำความดีหนีบาปกรรมมาซักพักแล้ว
ขอบคุณอาจารย์ค่ะ

คำตอบ
    คำว่า มหาทาน หมายถึง ทานอันยิ่งใหญ่ เป็นทานที่ทำแล้วเกิดประโยชน์กับคนหมู่มาก หรือเกิดประโยชน์กับสาธารณะ เช่นอดีตของพระอินทร์ในสมัยที่เกิดเป็นมนุษย์มีชื่อว่า ฆฆมาณพ ได้ชักชวนสหายอีกสามสิบสองคน ประกอบการอันเป็นกุศล เช่น สร้างศาลาที่พักริมทางให้ผู้สัญจรพักอาศัย ทำถนนหนทางให้คนสัญจรไปมาสะดวก และยังได้ประพฤติกุศลธรรมอื่นๆอยู่อย่างต่อเนื่อง เมื่อตายแล้วตัวเองไปเกิดเป็นท้าวสักกเทวราช พร้อมทั้งเทวบริวารผู้เป็นใหญ่อีกสามสิบสององค์อยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ด้วยเหตุนี้การสร้างศาลาปฏิบัติธรรม หรือนำคณะทอดกฐินจึงเป็นการกระทำที่เกิดประโยชน์กับคนหมู่มาก จึงเรียกว่าเป็นมหาทานได้

ส่วนการให้อภัยเป็นทาน ผู้ให้อภัยย่อมมีเมตตาเกิดขึ้นเฉพาะตน มิได้เกิดกับคนหมู่มาก จึงไม่เรียกว่าเป็นมหาทาน
   

1145.
เรียนอาจารย์ ดร.สนอง

หนูกราบเรียนถามดังนี้ค่ะ

การที่เราสามารถแยกแยะว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี และรู้ว่าควรคิดดี ทำดี พูดดี และต้องการทำแบบนั้น (หมายถึงความคิดดี ทำดี พูดดีค่ะ)
แต่ความคิดของเราก็คิดเอง.. หมายถึงคิดในสิ่งที่ไม่ต้องการให้ตนเองคิด คิดในสิ่งที่คิดแล้ว ตนเองก็ไม่ชอบ อย่างความคิดด้านลบทั้งหลาย... แต่ไม่สามารถห้ามความคิดนั้นได้ค่ะ

หนูขอถามว่า นั้นเป็นความคิดที่เป็นของเราหรือไม่คะ...คือหนูไม่ค่อยเข้าใจว่า..หากมันเป็นความคิดที่เราคิด..ทำไมความคิดที่หนูมีถึงไม่ใช่ความคิดที่หนูต้องการคะ.. และหนูไม่สามารถบังคับได้ค่ะ... และมีวิธีใดบ้างที่หนูสามารถทำความคิดในหัวให้เป็นไปอย่างที่เราต้องการคะ

ขอบพระคุณอาจารณ์มากค่ะ

คำตอบ
    เมื่อใดที่จิตขาดสติกำกับ ความคิดด้านลบที่ยังฝังอยู่ในจิตสำนึกของผู้คิดจึงได้แสดงออก หากไม่ประสงค์ให้ความคิดติดลบเกิดขึ้น ต้องพัฒนาจิตให้มีสติกำกับอยู่ทุกขณะตื่น ด้วยการสวดมนต์ก่อนนอน หลังสวดมนต์เจริญอานาปานสติ ด้วยการกำหนดลมเข้า-ออกว่า “ พุทโธ ๆๆๆ ” ไปเรื่อยๆ ตามกำหนดเวลาที่ตนมี และหลังจากนั้นต้องอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ปฏิบัติเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าความคิดที่เป็นอกุศลจะหมดไป
     

1144.
ถึง อาจารย์สนอง วรอุไร ที่เคารพเป็นอย่างสูงครับ
พ่อเป็นคนอารมณ์ร้ายเเละรุนเเรงมาก บังคับทุกอย่าง(สาบานว่าเรื่องจริงทั้งหมดครับ)ผมจะทำยังไงดี ???? สุดจะทนเเล้วครับ

ผมมีปัญหาที่หนักใจ เเละไม่รู้จะทำยังไงดี ผมรู้สึกเคว้งคว้างมากๆ เลยขอความกรุณาเเนะนำวิธีจัดการกับปัญหานี้นะครับ

ครอบครัวผมมี 5 คนครับ พ่ออายุ 50 ปี เเม่ 40 ปี ผมพี่ชายคนโต อายุ 19 ปี เรียนอยู่เอเเบคปี 3 น้องสาวคนกลาง ม. 6 เเละน้องชายคนเล็ก ม. 4

พ่อผมตกงานมานานเเล้วครับ เคยเป็นเอเยนต์ทำเสื้อผ้าส่งออกกับฝรั่ง ต่อมาเจ้านายฝรั่งเค้ารวยมากเเละเเก่เเล้วเค้าเลยขายกิจการต่อให้คนอื่น พ่อผมก็เลยตกงานทันที เป็นเวลาประมาณ 10 กว่าปีได้เเล้วครับรู้สึกตั้งเเต่ ม.ต้นนะครับ ตอนนี้อยู่เงินอยู่ก้อนหนึ่งนะครับ พอเเค่ส่งผมเเค่เรียนจบปริญญาตรีนะครับ ตอนนี้เเม่ผมทำงานคนเดียวครับ เกี่ยวกับปักเสื้อผ้า รายได้น้อย ทุกวันผมคนโตต้องช่วยงานบ้านเเละงานธุรกิจทุกอย่างของเเม่ น้องผู้หญิง สามปีให้เค้าอ่านหนังสือเอนท์อย่างเดียว ไม่อยากให้เค้าเหนื่อย ส่วนผู้ชายคนเล็ก ไม่ยอมช่วยทำงานบ้านหรือตั้งใจเรียนเลย พ่อผมก็นั่งดูหุ้นกับข่าว ตลอดเวลา ไม่ยอมช่วยงานบ้านเเม้เเต่อย่างเดียว เเม่ผมก็ทำงานหนักมาก ผมก็ต้องไปช่วยเเม่ทำเเทน ส่วนน่องก็ให้เขาอ่านหนังสืออย่างเดียว เวลาวันไหน พ่อผมอารมณ์ไม่ดี ก็จะหาเรื่องเเม่ผม ด่าคำหยาบไอ้เ........เเละคำหยาบเเรงๆๆๆๆภาษาเเต้จิ๋ว ไม่ให้ผมรู้เรื่อง บางทีก็จะโยนงานธุรกิจและของของแม่ไปหน้าบ้านที่จอดรถ บางครั้งก็ไล่ออกจากบ้าน พูดว่า ออกไปเลย ไอ้สั …… เเล้วก็เวลาเเม่ผมทำงานเก็บเงินได้ พ่อก็สั่งว่าให้เค้าเป็นคนจัดการ เเละจะคอยเช็คบัญชีตลอด เวลาแม่ผมจะซื้ออะไรด้วยเงินของแม่ที่หามา เช่น เครื่องสำอาง ขนม กับข้าว เสื้อผ้า กระเป๋า พ่อจะคอยด่าและสั่งห้ามซื้อ ไม่งั้นจะตวาดหรือโยนของของแม่

บางครั้ง ผมเกือบทนไม่ไหวจะไปชกหน้าพ่อผม แต่แม่ห้ามเกือบเคยจะหนีออกจากบ้านแม่ก็ดึงไว้ ถ้าเเม่ผมไม่ยอมทำตาม พ่อจะตวาดเสียงดัง จนเดี๋ยวนี้รู้กันทั้งซอยนั้น เเม่ผมต้องเเอบหลบมา ร้องไห้ทุกครั้ง หลีกมีปากเสียงกันอย่างรุนเเรง ผมปวดหัวข้างเดียวทุกวัน กินยาพาราเซตามอลเป็นแพ็คๆ ต่อสัปดาห์ บางครั้งก็เปิดเสียงเพลงดังๆๆๆใส่หูไม่ให้ได้ยินเสียงตวาดของพ่อ

ผมทนไม่ได้ที่พ่อไม่เคารพสิทธิแม่เลย บังคับและใช้เหมือนทาส บางครั้งแม่ผมกลับมาจากทำงานอย่างหนัก ยังต้องกลับมาล้างจาน ซักผ้า ถูบ้านอีก ผมช่วยท่านไม่ได้เพราะบางทีติดสอบผมบอกให้เเม่เลิกกับพ่อหลายครั้งแต่แม่บอกให้น้องสาวเอนท์เสร็จก่อนไม่อยากให้เค้าวิตกกังวลมากไปกว่านี้ น้องสาวผมขยังตั้งใจมากๆๆ เรียนพิเศษทุกวิชา ทุกคอรส์หมดไปหลายหมื่น เขาได้ที่หนึ่งในห้องทุกปีตั้งแต่ ม. 4 จริงๆอยากเข้าหมอมากๆๆๆ เพื่อจะได้ให้แม่สบายในอนาคต อ่านหนังสือถึงตี 2 ทุกคืน บางทีก็ป่วยจนต้องให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล บางครั้งง่วงจนฟุบหลับคาโต๊ะหนังสือ แต่หลังจากน้องผมไปสอบพื้นฐานแพทย์เมื่อ 11 พย 50 ที่ผ่านมาเค้าบอกว่าเค้าทำพลาดไปเยอะมากเค้า คงไม่ติดหมอแน่ๆๆ เลยเปลี่ยนใจไปเลือกทันต์แพทย์แทน

ผมไม่เคยอยากได้ทรัพย์สินอะไร แต่อยากได้ความอบอุ่น รักกัน ไม่ทะเลาะกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันแม้จะเผชิญปัญหาที่เลวร้ายซักแค่ไหน แต่ของผมมันไม่ใช่ ถ้าใครทำอะไรกลับมา พ่อ จะซ้ำเติม ตำหนิ ถ้าทำดี พ่อจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่เหมือนครอบครัวอื่นเค้าบ้างเลย บางครั้งเช่นกินข้าว เมื่อน้องสาวผมอิ่มแล้วจริงๆ แต่พ่อสั่งให้เก็บให้หมดหม้อ น้องผมไม่ยอมทำตามพ่อจะตวาดใส่อย่างแรง บางทีน้องสาวผมก็ร้องไห้ อีกทั้งยังเครียดจากการอ่านหนังสืออีก แต่พ่อผมไม่สนใจเวลา น้องสาวผมตั้งใจจะอ่านหนังสือ พอเจอพ่อตวาดใส่แม่ เค้าก็ร้องไห้ ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ พอน้องได้ที่หนึ่งในห้อง ได้ 3.9 พ่อก็เอาไปอวดญาติ เวลาเจอกัน

ผมกับแม่และน้องสาวทนชิวิตเหมือนกับเป็นนักโทษเคลื่อนที่ได้มา หลายสิบปี ถ้าน้องสอบเสร์จอยากให้แม่เลิกกับพ่อ มันถูกไหมครับที่ทำแบบนี้ น้อง 2 คนก็อยู่กับพ่อ เพราะท่านมีเงินเก็บ แล้วผมกับแม่ก็จะไปอยู่บ้านญาติแม่หรือหาห้องเช่าไป ก่อน และก็คงต้องออกจากเอแบคไปรามคำแหงเพราะคุณแม่มีเงินไม่เพียงสำหรับค่าเทอมของเอแบค เทอมละ 5 หมื่นกว่าบาท แต่แม่บอกว่าพ่อเค้ายังไงก็ไม่ยอมเลิกหรอก เค้าจะกุมเงินทั้งหมดไว้ แม่เค้าก็ต้องฟ้องศาลครอบครัวเพียงหนทางเดียว ผมควรจะทำยังไงกับชิวิตดี ผมไม่รู้จะเดินไปทางไหนดีแล้ว อยู่มหาลัย ก็ไม่อยากไปสังสรรค์เข้ากิจกรรม party กับใครเมื่อผมคิดถึงเสียงตวาดในครอบครัว ทุกวันนี้รู้แต่ว่าตั้งใจให้ดีที่สุดเพื่อสุดที่รักและน้องสาวผม ส่วนน้องชายทุกๆวัน เค้าก็ไม่เคยสนใจ และก็ใช้เสียงดังแข่งกับพ่อตลอดเวลาและบางครั้งก็ทำให้ผม แม่และน้องสาวกลุ้มใจ เพราะพูดอะไรกับเค้าก็เถียงไม่หยุด

- ตอนนี้ น้องติด หมอ มศว เเล้วครับ เเต่พ่อก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนเลย ทำไมพ่อต้องทำร้ายกันเอง เหมือนตอนนี้มันหมดความเป็นครอบครัวไปเเล้ว

ทำไมหมดรักกันเเล้ว พ่อถึงไม่ยอมเลิก ผมเกลียดพ่อมากเลยรับ ขอโทษนะครับที่ผมคิดสิ่งๆชั่วๆนี้ คือเคยคิดอยากฆ่าพ่อทำร้ายจิตใจเเม่ ใช้งานเยี่ยงทาส ด่าคำหยาบคายมาก ทำให้เเม่เจ็บช้ำน้ำใจมาก เเละทำใหสุขภาพเเม่เสียอีกด้วย ทำไมพ่อทำเเบบนี้ ผมไม่มีกำลังใจจะเรียนหนังสือเลย ผมจะทำยังไงดีรับ ทำได้เเค่ทนให้ตายไปข้างหนึ่งหรือครับ ?

ผมจะทำยังไงดี ??? เนี่ยเป็นกรรมเก่าหรือครับ ???

กราบขออภัยเป็นอย่างสูงครับ ถ้าพูดจาไม่มีกาละเทศะ เเละ กราบขอบพระคุณอย่างสูงที่กรุณาเมตตาสละเวลาอ่านครับ

คำตอบ
    เรื่องนี้เป็นวิบากของกรรมที่พ่อกับแม่ได้ผูกกันไว้ เมื่อกรรมให้ผล แม่จึงต้องชดใช้หนี้เวรกรรมจนกว่าจะหมดสิ้น (ดูสนทนาภาษาธรรม เล่ม ๑๑ ข้อ ๗๘ หรือ website ข้อ 728 )

เมื่อใดผู้ถามปัญหาเข้าไปมีส่วนร่วมในกรรมอกุศลกรรมของพ่อแม่ ย่อมต้องมีส่วนได้รับอกุศลวิบากที่เกิดขึ้น ฉะนั้นหากผู้ถามปัญหาทำตัวเองให้เป็นเพียงผู้ดู โดยไม่เอาใจไม่มีส่วนร่วมในกรรมของพ่อแม่ ผู้ดูย่อมไม่ทุกข์ใจแน่นอน ผู้รู้จึงเสนอแนะให้แก้ปัญหาที่ตัวเอง ด้วยการพัฒนาจิตตัวเองให้มีสติและปัญญาเห็นถูก แล้วทำตัวเองให้เป็นเพียงผู้ดูได้เต็มร้อย ปัญหาที่เกิดจากละครกรรมที่พ่อแม่กำลังแสดงอยู่ ... หมดแน่นอน และด้วยเหตุที่ผู้ดูมีชีวิตเป็นของตัวเอง จงอย่าเสียเวลาไปกับเรื่องขยะชีวิตของคนอื่น จงมองไปข้างหน้า นำพาชีวิตไปสู่จุดหมายที่ดีงาม นี่แหละคนที่ฉลาดหรือผู้รู้เขามองและประพฤติกันอย่างนี้
   

1143.
เรียน อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร ด้วยความเคารพอย่างสูง

ขณะนี้หนูมีปัญหาทางจิตใจอยู่ในปัจจุบันคือ เวลามีคำพูดที่มากระทบอารมณ์ (ต่อว่าต่อขาน ตำหนิ) ทำให้เกิดอาการน้อยใจ เศร้าโศก น้ำตาคลอเบ้า เหมือนร้องไห้อยู่ตลอดเวลา (เป็นมานานมากแล้ว ตั้งแต่เด็ก) มันเจ็บปวดมากๆ พยายามกำหนดแล้วแต่ยิ่งกลับทำให้แย่กว่าเดิม หนูจะรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นกรรมเก่า หรือเป็นเพราะหนูยังอุปทานกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อยู่ ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยชี้แนะแนวทางแก้ไขด้วยค่ะ

ขอบพระคุณอย่างสูง

คำตอบ
    ผู้ใดพัฒนาตนเองให้เป็นผู้มีเมตตา ด้วยการให้อภัยเป็นทานต่อผู้อื่นที่ทำให้ขัดใจได้ เมตตาย่อมเกิดขึ้นและมีอารมณ์สงบเย็น ยิ่งได้พัฒนาตนเองให้มีสติ (สมถภาวนา) และมีปัญญาเห็นแจ้ง (วิปัสสนาภาวนา) ได้แล้ว ปัญหาที่บอกเล่าไปจะไม่เข้ามารบกวนใจให้เศร้าหมองได้อีก
     

1142.

กราบเรียนอาจารย์ที่เคารพ

มีปัญหาครอบครัวคือสามีมีนิสัยชอบดื่มสุรา เข้าสังคม ใครชวนไปกินที่ไหนก็ไป กินจนความดันเลือดขึ้น พอหายดี ก็ไปกลับกินใหม่ ไม่สนใจเรื่องในครอบครัวและลูก ไม่ช่วยค่าเลี้ยงดู แต่บอกว่ารักลูกมาก ดิฉันทนมานานจนตัวเองย่ำแย่ พยายามสวดมนต์ ไหว้พระ บริจาคทาน บางครั้งก็สุดทน ตัดสินใจจะย้ายไปอยู่ที่อื่น เขาร้องไห้บอกว่าสงสารลูก ให้ลูกโตแล้วค่อยไป ดิฉันบอกว่าถ้าอยากให้อยู่ต้องเลิกทำตัวแบบเดิม ยิ่งอยู่ลูกยิ่งเห็นและรับรู้พฤติกรรมของพ่อ ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยตกลงกันแบบนี้หลายครั้ง แต่ดีได้ไม่นานก็เข้าสู่สภาพเดิม เขาไม่สามารถรักษาสัจจะ ครั้งนี้เลยบอกเขาไปว่า ให้ไปสาบานกับพระพุทธรูป หรืออะไรก็ได้ที่เขาเคารพนับถือ อาจารย์ว่าควรหรือไม่ จะให้เขากล่าวคำสาบานว่าอย่างไร หรือปล่อยเขาตามยถากรรม แล้วแต่ตัวเขา

กราบขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    พระพุทธะมิได้สอนพุทธบริษัทให้ประพฤติ “ สาบาน ” และมิได้สอนให้ไปแก้ปัญหาที่ใครผู้ใด แต่สอนให้แก้ปัญหาที่ตัวเอง ด้วยการพัฒนาตนเองให้เป็นที่พึ่งของตัวเองให้ได้ แล้วจะได้ไม่ต้องไปพึ่งผู้อื่นให้เป็นที่ผิดหวัง
       

1141.
กราบเรียนอาจารย์ครับ

ผมปฏิบัติธรรมมานานพอสมควรจนเข้าถึงอัปปนาสมาธิได้แล้วจึงขอเรียนถามอาจารย์ว่า

ข้อแรก หลังๆมาผมไม่ได้ใช้คำภาวนาใดๆเช่น ยุบ พอง แต่ใช้ดูลมหายใจอย่างเดียว แล้วใช้สติดูอารมณ์ที่มากระทบนั้นเป็นอุบายที่เหมาะกับจริตของผมหรือไม่ (พุทธจริต) แต่ผมสังเกตว่าก็สงบดีครับ และ เคยได้ยินอาจารย์บางท่านไม่ให้เดินจงกรม แล้วกำหนดคำบริกรรมว่าพุทโธ บอกว่าระวังจะบาป เนื่องจากกำหนดพุทโธที่เท้าเวลาเดิน แต่ผมบางครั้งมักกำหนดพุทโธ เนื่องจากคิดว่าขาและเท้าก็เป็นส่วนหนึ่งของธาตุสี่ ไม่ได้มองว่าของสูงหรือต่ำ และยังเป็นพุทธานุสสติ อีกด้วย ไม่ทราบว่ากระผมมีแนวคิดที่มิจฉาทิฎฐิหรือไม่ครับ

ข้อสอง เราจะน้อมมาสู่วิปัสสนากรรมฐานได้อย่างไร ที่ผมทำอยู่คือเข้าสู่อารมณ์ ญาณ ลึกแล้วถอยมาอุปจารสมาธิแล้ว พิจารณา ไตรลักษณ์ และ เราจะมีหลักในการพิจารณาอย่างไรว่า เรายกระดับจิตขึ้นสู่วิปัสสนาญาณได้แล้วมิได้ใช้กำลังสมาธิข่มและระงับกิเลสชั่วคราวไว้เท่านั้น เนื่องจากปัจจุบันนี้ ผมมองว่าเริ่มละ ลด กิเลสได้มากขึ้น และค้นพบตนเองว่า เกิดมาต้องการอะไร และ มุ่งมั่นในเรื่องการปฏิบัติธรรมมากครับ

จึงได้กราบรบกวนอาจารย์สนองได้โปรดเมตตาแนะนำด้วยครับ

กราบอนุโมทนาอย่างสูง
ศุภฤกษ์

คำตอบ
    (๑) เมื่อเปลี่ยนมาใช้วิธีดูลมเข้า-ออก แล้วทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ ถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติสมถภาวนาได้ถูกทางเช่นกัน

   อนึ่งเดินจงกรมด้วยการกำหนดพุทโธ แล้วทำให้จิตเป็นสมาธิได้ ไม่ถือว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิในการเจริญสมถภาวนา

    (๒) เมื่อใดที่จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิจวนแน่วแน่ได้แล้ว ต้องนำจิตมาพิจารณาสติปัฏฐาน ๔ (กาย เวทนา จิต ธรรม) ว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ เมื่อใดจิตเห็นแจ้งในกาย เวทนา จิต ธรรม เป็นอนัตตาได้ ปัญญาเห็นแจ้งในฐานทั้งสี่ย่อมเกิดขึ้น แล้วจิตจะปล่อยวางสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนได้และมีจิตว่างเป็นอิสระ จึงจะเรียกได้ว่าปฏิบัติวิปัสสนามาถูกตรงแนวทาง
    

1140.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ด.ร.สนองที่เคารพนับถือ

     ดิฉันได้ซื้อบ้านมือสองที่เชียงใหม่ต่อจากคนที่ซื้อมาจากธนาคาร (บ้านหลุดจำนอง ) ตั้งจิตอธิฐานไว้ว่าจะตั้งศาลพระภุมิเจ้าที่ใหม่ก่อนเข้าไปอยู่ เริ่มเข้าไปปรับปรุงซ่อมแซมประมาณต้นมกรา จนถึงเมื่อสิ้นกุมภานี้ ช่างขุดดินบริเวณเสาหน้าประตูรั้วบ้าน จะเทพื้นปูกระเบื้อง พบหุ่นสองคู่ หันหน้าเข้าหากัน อีกคู่หันหลังชนกัน ช่างได้นำออกไปทิ้งนอกบ้านแล้ว ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เพื่อที่ครอบครัวดิฉันย้ายเข้าไปอยู่แล้ว เป็นศิริมงคล อยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข กราบเรียนขอคำแนะนำด้วยค่ะ จะย้ายเข้าไปอยู่ประมาณปลายเดือนมีนาคมค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง
ศิริพร

คำตอบ
    ประพฤติตนเป็นผู้บำเพ็ญทานอยู่เสมอ และรักษาศีล ๕ ให้อยู่กับใจเป็นปรกติ หรือสร้างบุญใหญ่ด้วยการปฏิบัติธรรม แล้วอุทิศบุญให้สรรพสัตว์ที่อยู่รอบข้าง แล้วการอยู่อาศัยจะเป็นไปอย่างสะดวกสบายและมีปรกติสุข
     

1139.
กราบเรียนถามอาจารย์สนอง ที่เคารพ

     1. ได้อ่านคำถามเกี่ยวกับการจาบจ้วงบุพการี และ ต้องกราบขอขมา ให้ท่านละเว้นโทษ ถ้าพ่อแม่สิ้นไปแล้ว ควรทำอย่างไร ในการปฏิบัตสมถและวิปัสสนากรรมฐาน และการประพฤติตนในบุญกริยาวัตถุ 10 ทุกครั้งที่ระลึกได้ ทุกครังที่มีการแผ่เมตตาให้บุพการีและครูบาอาจารย์ที่เราเคยล่วงเกิน เราจะส่งจิตไปขออโหสิกรรมด้วยได้หรือไม่ หรือควรทำอย่างไร

     2. เคยทำงานบริษัทฯ และประพฤติตัวไม่ดี เช่นไปสาย ใช้โทรศัพท์บริษัทฯ คุยกับเพื่อน ใช้คอมบริษัทฯ พิมพ์จดหมายสมัครงาน หลังจากศึกษาธรรม รู้สึกถึงความด่างพร้อยของศีล จะแก้ไขได้อย่างไร อยากคิดเป็นเงินแล้วเอาไปคืน ก็ไม่ทราบบริษัทฯ จะว่าอย่างไร เคยเอาเงินเท่ากับสิ่งที่เราทำ (คิดว่าคงสามารถชดได้หมด) ส่งไปให้มูลนิธิช่วยเหลือคนตาบอด แล้วให้เขาออกเป็นใบเสร็จส่งไปให้บริษัทฯ ไม่ทราบจะช่วยไถ่โทษได้หรือไม่ ปัจจุบันมีบริษัทฯ ของตัวเอง รู้สึกว่าวิบากกรรมมันส่งผล ลูกน้องทำเช่นเดียวกับที่เราทำ คิดว่าดีเหมือนกัน เราได้ชดใช้กรรมที่ทำไว้

กราบเรียนถามมาด้วยความเคารพค่ะ สิ่งใดที่ดิฉันได้ล่วงเกินหรือทำไม่ถูก ดิฉันกราบขออโหสิกรรมด้วยค่ะ
  หมิง

คำตอบ
    (๑) ทำบุญแล้วต้องอุทิศบุญให้ผู้ล่วงลับ พร้อมกับกล่าวขอขมาให้ผู้ล่วงลับเว้นโทษให้ย่อมทำได้ แต่จะได้ผลหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

การส่งจิตไปขออโหสิกรรม หากจิตของทั้งสองฝ่ายสามารถสื่อถึงกันได้ และผู้รับการสื่อยกโทษให้ การขออโหสิกรรมด้วยการส่งโทรจิตสามารถทำได้

   (๒) บุคคลสามารถแก้ไขพฤติกรรมที่ทำให้ศีลด่างพร้อยได้ ด้วยการหยุดไม่ประพฤติเช่นนั้นอีก ผู้ประพฤติบาปด้วยทุศีลย่อมมีบาปเกิดขึ้นสั่งสมอยู่ในใจ การส่งเงินไปช่วยมูลนิธิฯ เป็นบุญ ผู้ประพฤติบุญย่อมมีบุญสั่งสมอยู่ในใจ ใจจึงมีทั้งบุญและบาปที่ให้ผล เมื่อใดผู้สั่งสมจึงต้องรับผลนั้น

ผู้ถามปัญหามีบริษัทเป็นของตัวเองขึ้นมา แล้วถูกลูกน้องในบริษัทประพฤติทุศีล เช่นเดียวกับที่ผู้ถามปัญหาเคยประพฤติมาก่อน นั่นแสดงว่าบาปให้ผลที่ตัวเองต้องยอมรับ และยอมชดใช้กรรมที่เคยทำไว้ (ดูคำตอบในหนังสือสนทนาภาษาธรรม เล่ม ๑๑ ข้อ ๗๘ หรือ website ข้อ 728 )
   

1138.
กราบเรียน ดร. สนองที่เคารพ

ดิฉันมีปัญหาอยากเรียนถามค่ะ
     ดิฉันมีโอกาสได้เจอกับเพื่อนชายคนหนึ่ง ดิฉันมีความรู้สึกพอใจในตัวเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ(ทั้งที่หน้าตา บุคลิกไม่ไช่ลักษณะทั่วไปที่ดิฉันชอบ) ดิฉันทราบมาว่าเขามีแฟนแล้ว ในเบื้องต้นจึงตั้งใจว่าจะไม่ก่อกรรมใดใดที่ทำให้แฟนเขาเป็นทุกข์และไม่ต้องการผิดศีลข้อ 3 พยายามประคองความสัมพันธ์ให้อยู่ในระดับเพื่อนกัน แต่สิ่งแวดล้อม สถานการณ์รอบข้าง และความรู้สึกภายในก็ผลักดันให้ต้องใกล้ชิดกันมากขึ้น จนสุดท้ายการวางตัวและการกระทำหลายอย่างของเรามันมากกว่าความเป็นเพื่อน (ทั้งที่ตอนอยู่กันสองคนเราต่างก็ย้ำกันเสมอว่าเราเป็นเพื่อนกัน) ดิฉันมาสังเกตุเอาภายหลังว่าตั้งแต่ชีวิตเราเริ่มโคจรเข้ามาใกล้กันก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เขาประสบปัญหาสุขภาพมากขึ้น และคนที่ต้องคอยดูแล อำนวยความสะดวกต่างๆแก่เขาก็คือตัวดิฉันเอง (แต่ก็ไม่เคยมีเจตนาทำให้เขาคิดว่าความช่วยเหลือต่างๆมาจากความรักหรือความปรารถนาอย่างชาย หญิง ดิฉันจะย้ำกับเขาเสมอว่ามันเหมือนเป็นหน้าที่ที่ถูกกำหนดมาแล้วว่าดิฉันต้องมาเจอเขาเพื่อช่วยเหลือเขา )

     ในเรื่องการดูแลและความช่วยเหลือต่างๆดิฉันทำด้วยความเต็มใจ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นทุกข์จากพฤติกรรมหลายๆอย่างของเขา (ที่ทำไปด้วยความไม่เจตนาให้ดิฉันเป็นทุกข์) เขาเป็นคนเจ้าชู้และดิฉันก็พยายามย้ำเตือนเขาเสมอว่าไม่ควรทำผิดต่อคนรักของตัวเอง แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเราเองที่ทำแบบนั้น ด้วยความรู้สึกผิด และไม่ต้องการให้ชีวิตของเราสองคนในภพชาติต่อๆไป ต้องมาประพฤติตนผิดศีลและสร้างกรรมไม่ดีต่อกันเช่นนี้อีก ดิฉันจึงเริ่มชักชวนเขาไปทำบุญ ไหว้พระ ตักบาตร ปฏิบัติวิปัสสนา ตอนนี้ดูเหมือนวิบากกรรมของเราจะเริ่มส่งกำลังน้อยลงแล้วค่ะ เขาต้องกลับไปอยู่กับแฟนเพื่อรักษาตัว มันก็ค่อนข้างลำบากใจสำหรับดิฉันในระยะแรก เนื่องจากความเคยชินที่เราต้องพบเจอพูดคุยกันเกือบทุกวัน แต่หลังจากคิดเสียว่ามันเป็นวิบากกรรมที่เราต้องเจอ ก็สบายใจมากขึ้น และพยายามสร้างกรรมใหม่ให้ดีเพื่ออนาคต

สิ่งที่อยากเรียนถามอาจารย์คือ
1) กรรมแบบไหนคะที่ทำให้เราสองคนต้องมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้
2) ดิฉันควรอธิษฐานหรือทำอย่างไรให้กรรมไม่ดีต่างๆที่เขาเคยทำให้ดิฉันเป็นทุกข์ไม่ติดไปกับตัวเขา ไม่อยากให้มาชดใช้กันไปมาอย่างนี้อีกแล้ว
3) ดิฉันอยากมีโอกาสได้ชักนำให้เขาได้ปฏิบัติธรรม ถือศีล อย่างตั้งใจ อย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิตของเขา แต่ด้วยสถานการณ์รอบตัวและความเหมาะสมต่างๆมันไม่เอื้ออำนวย และคิดไปเองว่าคงต้องใช้กำลังบุญมากเอาการในการทำอย่างนั้น ดิฉันควรทำอย่างไรเพื่อเป็นทางลัดให้เจตนานี้เป็นจริงได้คะ

ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
ws

คำตอบ
    (๑) กรรมที่เคยอยู่ร่วมกันมาก่อน และกรรมที่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาก่อน ส่งผลให้ต้องมาพบกับเหตุการณ์เช่นนี้

    (๒) พระพุทธะไม่เคยสอนให้ไปแก้ปัญหาที่คนอื่น แต่สอนให้แก้ปัญหาที่ตัวเอง หากผู้ถามปัญหาประสงค์ไม่มีหนี้เวรผูกพัน ต้องพัฒนาตัวเอง จนบรรลุความเป็นอนาคามีให้ได้ แล้วหนี้เวรกรรมที่เคยมีต่อกันย่อมโคจรห่างไกล และหมดไปเมื่อเข้าถึงอริยธรรมสูงสุดได้

    (๓) ความประสงค์ของผู้ถามปัญหาจะบรรลุได้ ต้องสร้างมหาทานเช่น เลี้ยงพระเจ็ดวัน สร้างศาลาปฏิบัติธรรม นำคนทอดกฐิน ฯลฯ แล้วอธิษฐานในสิ่งที่ตนปรารถนา เมื่อใดเหตุปัจจัยลงตัว ความปรารถนาย่อมสัมฤทธิ์ผลได้
   

1137.
ขอกราบเรียนถามท่านอาจารย์ดร.สนองค่ะ

เมื่อหลายปีก่อน ดิฉันจะสวดมนต์ก่อนนอนทุกวัน และจะสวดครั้งละนาน ๆ ประมาณ 2 ช.ม.โดยจะกางหนังสือสวดมนต์ แล้วก็อ่านบทสวดมนต์ไปเรื่อย ๆ ค่ะ จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่นั่งสวดมนต์อยู่ตามปกติ ก็เห็นแสงสีทองเป็นเส้นยาวหมุนตัวม้วนลงมาตรงหน้า เป็นแสงที่สวยงามมาก ตอนนั้นตกใจมาก เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อหน้าต่อตา กลัวมากค่ะ ทำให้หยุดสวดทันที แล้วต่อมาก็ไม่กล้าสวดมนต์นาน ๆ อีก ไม่กล้าไปเล่าให้ใครฟังกลัวเขาไม่เชื่อค่ะ

ขอเรียนถามนะคะว่า แสงสีทองที่เห็นคืออะไรค่ะ ทำไมถึงเห็นได้ และควรจะปฏิบัติตัวยังไงต่อไปค่ะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

ด้วยความเคารพอาจารย์อย่างสูง
สิริชุดา

คำตอบ
    สิ่งนั้นคือนิมิตที่ปรากฏขึ้นกับจิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการสวดมนต์นั่นเอง ที่เห็นเป็นแสงสีทองได้เพราะความถี่คลื่นจิตมีความคงที่อยู่ในระดับที่ทำให้นิมิตปรากฏ เมื่อเห็นนิมิตแล้วต้องบริกรรมคำว่า “ เห็นหนอ ๆๆๆ ” ไปเรื่อยๆ จนกว่านิมิตจะหายไป แล้วดึงจิตกลับมาจดจ่ออยู่กับการสวดมนต์ต่อไป
     

1136.
กราบเรียนอาจารย์สนอง

1. ได้รับการฝึกกรรมฐานแบบสติปัฐฐาน 4 ตอนนั่งสมาธิ ภาวนาในห้องกรรมฐานกับหมู่กลุ่มหรือแม้แต่คนเดียว เวทนาที่เกิดขึ้นแม้จะรุนแรง สามารถทนได้ง่าย สามารถวางอุเบกขาได้ แต่พอเวทนาที่เกิดในชีวิต เช่นปวดฟัน ปวดหัว ที่มีเวทนารุนแรง ไม่สามารถกำหนดได้ พยายามดู ๆ เรื่อยๆ แต่ก็ยอมแพ้ไม่สามารถวางอุเบกขาได้ ควรทำอย่างไร เราไม่สามารถแยกรูปกับนามได้เลย

2. ขอคำแนะนำในการดูจิต คอยดูจิตตัวเองตลอด เห็นจิตเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา ดีบ้าง เลวบ้าง เป็นไปสภาวะธรรม แต่บางครั้งรู้สึกว่า สภาวะจิตในบางกรณีมันไม่ดี ยกกรณีตัวอย่าง ดิฉันไม่ได้ชอบสัตว์เลี้ยง แต่มีเหตุจำเป็นที่ต้องเลี้ยง ต้องคอยหาข้าวหาน้ำให้มันกิน สังเกตุดูจิตตัวเองพบว่าไม่ได้ชอบสัตว์เลย รู้สึกไม่ถูกชะตากับมัน เมื่อเกิดสภาวะจิตอย่างนี้ ควรทำอย่างไร

กราบขอบพระคุณในคำแนะนำค่ะ

คำตอบ
    (๑) เรื่องของทุกขเวทนาที่แสดงออกเป็นอาการปวดหัว ปวดฟันอย่างรุนแรง ผู้ใดพัฒนาจิตจนมีกำลังของสติกล้าแข็ง แล้วทำให้จิตเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิแน่วแน่ (อัปปนาสมาธิ) ที่เรียกว่าสมาธิในระดับฌาน เพียงแค่นำจิตเข้าถึงรูปฌานที่สี่ได้ จะมีอารมณ์ภายใน (อุเบกขา กับ เอกัคคตา) เท่านั้นที่เกิดขึ้น สิ่งกระทบภายนอกใดๆที่ทำให้เกิดอาการปวดหัว ปวดฟัน จะไม่ปรากฏให้สัมผัสได้ เช่นเดียวกับขณะจิตตั้งมั่นอยู่ในฌาน การแยกรูปแยกนามไม่สามารถเกิดขึ้นได้

   (๒) ผู้ใดให้อภัยเป็นทานกับทุกสิ่งที่เป็นเหตุข้องใจได้แล้ว เมตตาย่อมเกิดขึ้นและถูกเก็บสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณของผู้ให้อภัย ผู้มีเมตตามีจิตพ้นไปจากความไม่ชอบใดๆ และเมตตายังส่งผลให้ผู้ปฏิบัติธรรม บรรลุมรรคผลแห่งธรรมได้ง่ายอีกด้วย
   

1135.
กราบสวัสดีและเรียนถามท่านอาจารย์ ดร . สนองที่เคารพยิ่ง

ท่านค่ะ หนูทุกข์ใจที่มีปฏิสัมพันธ์กับคุณพ่อที่ไม่ดีเลยค่ะ พ่อหนูเวลาใจเย็นจะเป็นคนใจดี แต่เวลาที่ท่านใจร้อนขึ้นมาท่านจะตี เตะ แม่ แม่ท้องยังเตะเลย ความผิดคนอื่นแม่ต้องรับทุกเรื่อง มันฝั่งใจหนู ทำให้หนูรู้สึกเกลียดเค้าเพราะสงสารแม่หนูเอาตัวเค้ารับแทนแม่ตลอดพอเป็นหนูท่านก็ไม่ตี แต่ท่านเป็นคนรับผิดชอบหน้าที่ดี ให้แม่ใช้เงินทองแบบสบายๆไม่มีห่วงเลย ตอนนี้ท่านแก่แล้วไม่ได้มีรายได้อย่างเก่า กลายเป็นแม่ต้องเลี้ยงพ่อแทน ท่านมีรายได้จากค่าเช่าบ้านประมาณหมื่นกว่าบาทแต่เงินนั้นท่านไม่เคยใช้เพื่อความสุขของตัวเองและคนอื่นเลย ท่านจะเอาเงินนั้นไปจ้างคนงานมาซ่อมบ้านที่ไม่มีคนอยู่ตามที่ท่านพอใจ ไม่ยอมทิ้งของเลย ทั้งที่ซื้อยังถูกกว่า เก็บทุกอย่างจนบ้านมีแต่ขยะหนูไม่ชอบเลยค่ะ เช่นขวดยาคู้ กล่องเค็กที่ทิ้งแล้วก็ไปล้างมาเก็บ ทำแบบนี้มา 20ปีแล้วค่ะ พฤติกรรมอื่นๆของท่านที่ทำให้รู้สึกไม่ชอบคือ

1. ท่านชอบบอกไม่มีเงิน เพราะท่านเอาเงินไปจ้างคนงานทำเรื่องไร้สาระไปวันๆเช่นเอาขยะมาซ่อมทั้งๆที่ไม่เหลือสภาพการใช้งานแล้ว เหมือนเอาเงินไปทิ้ง แต่ท่านบอกว่าเป็นงาน

2. ท่านชอบใช้ชีวิตแบบคนอนาถา เช่น เข้าห้องน้ำไม่เปิดไฟทำให้สกปรก ไม่กดน้ำทำให้เหม็นข้ามคืน ชอบเข้าไปยุ่งในครัวล้างจานด้วยน้ำเปล่าเท่านั้น ชอบเอาของเสียมากินแล้วยอมปวดท้องยอมท้องเสียแล้วค่อยมากินยาเอา ชอบเอาขวดน้ำพลาสติกมาใช้หลายๆครั้งหนูกลัวอันตรายบอกดีก็แล้วตะคอกก็แล้วท่านก็ไม่ยอมทิ้ง และที่สำคัญที่จะทำให้อยู่ร่วมกันไม่ได้ คือวันดีคืนดีเครียดอะไรไม่รู้ก็มาระเบิดที่บ้าน ตีลูกบ้าง จะตีแม่บ้าง (แม่หนูเป็นคนดีน่ะค่ะมีคุณธรรมด้วยหนูรักแม่มากๆๆ)

พฤติกรรมพวกนี้ต้องเห็นเป็นประจำ อยากให้พ่อใช้ชีวิตมีอนามัย เพื่อความสะอาดและสุขภาพที่ดีของตัวท่านเอง ต้องตะคอกท่านบ่อยๆเพื่อท่านไม่กินของเสีย ถ้าพูดดีๆไม่เคยได้ ใครเอาของเสียท่านไปทิ้งเป็นเรื่องเลยค่ะ

ลูกคนอื่นก็เป็นด้วยน่ะ ต้องตะคอกท่านถึงจะหยุด มันเลยเหมือนว่าการอยู่ใกล้ท่านทำให้มีโอกาสในการทำบาปมาก ท่านชอบพูดว่าทำกะพ่อแบบนี้บาป พี่หนูเลยตอบเค้าไปว่าใครอยู่ใกล้พ่อบาปทุกคนซึ่งหนูเห็นด้วยค่ะ

ขอท่านช่วยชี้แนะ วิธีการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับท่านโดยไม่บาปต้องทำไงคะ จักเป็นพระคุณยิ่งค่ะ

ตอนนี้ที่หนูทำอยู่คือ

1.ช่างแล้วเมื่อเตือนแล้วไม่ฟังก็ปล่อยจะไม่ตะคอกท่านอีก แต่เหมือนท่านจะมาหยอกมาเล่าให้ฟังว่าวันนี้เก็บของเสียในตู้เย็นอะไรมากินบ้างให้ฟัง พอเราโมโหท่านจะหัวเราะมีความสุข หัวเราะเสียงดังถูกใจสุดๆเมื่อเราตะคอก กลับไป เหมือนมายั่วกัน

2.หลีกเลี่ยงการพูดคุย และยุ่งด้วยให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้ไม่ต้องสร้างบาปอีก

กราบขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    ผู้ถามปัญหาประสงค์อยู่ร่วมกับคนที่กำลังเสวยอกุศลวิบากอย่างเป็นปรกติ ต้องพัฒนาจิตตัวเองให้เป็นผู้มีขันติบารมีและเจริญพรหมวิหาร ๔ อยู่เสมอ จนคุณธรรมทั้งสองมีกำลังกล้าแข็งเหนือสิ่งกระทบที่เข้าทางทวารทั้งหก (หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ) ได้เมื่อใด แล้วจะรู้ว่าพ่อเป็นครูผู้มีอุปการคุณต่อผู้อยู่รอบข้าง ทำให้ผู้อยู่รอบข้างได้พัฒนาจิตตนเองให้มีคุณธรรมสูงยิ่งๆขึ้น และหากเมื่อใดผู้ถามปัญหาทำได้เช่นนี้แล้ว .... สาธุ
     

1134.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ ดร. สนอง ที่เคารพอย่างสูง

ดิฉันมีลูกสาวคนหนึ่งมีปัญหาทางสมองค่ะ เพราะตอนอายุ 6 เดือน เกิดไปแพ้ยาที่หมอฉีดให้ และมีอาการชัก ตาค้าง นานหลายสิบนาที ตอนนั้นอาการรุนแรงมาก ต้องเข้า ICU ถึง 7 วัน แต่หลังจากนั้นก็หายเป็นปกติ แต่พอโตขึ้น เขาก็มีอาการคล้ายเด็กออทิสติก+สมาธิสั้นค่ะ ซุกซนมาก อยู่ไม่นิ่ง พูดได้บ้าง แต่ไม่ค่อยรู้เรื่อง เรียนหนังสือก็ไม่ค่อยทันเพื่อน (ตอนนี้กำลังจะขึ้น ป. 1)

ตั้งแต่มีลูกสาวคนนี้ ดิฉันก็ได้หันเหเข้ามาทางธรรมมากขึ้นๆๆ ตอนนี้พยายามสวดมนต์ และนั่งสมาธิเกือบทุกวัน วันละ 15-30 นาที และพยายามระลึกว่า กรรมใดหนอ ที่ทำให้เรามีลูกมีอาการเช่นนี้

เมื่อเร็วๆนี้ ได้ฟังคำของพี่สาว ซึ่งสนใจธรรมะเหมือนกัน เขาให้ข้อสังเกตว่า ดิฉันอาจจะเคย จาบจ้วง ล่วงเกิน ผู้มีศีลหรือผู้ทรงธรรมไว้ในอดีตชาติ (ชาตินี้มั่นใจว่าไม่เคยค่ะ)

สาเหตุที่เขาวิเคราะห์เช่นนี้ เนื่องจากสังเกตว่าดิฉันเป็นคน ชอบวิจารณ์คนอื่นๆ (หมายถึงคนดังๆในสังคมน่ะค่ะ) แม้ว่าจะวิจารณ์อย่างเป็นกลางก็ตาม..... เมื่อเร็วๆนี้ ดิฉันได้ฟังเรื่องลบๆของหลวงตาที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง ก็นำมาเล่าต่อ (โดยไม่ได้ใส่ความเห็นของตัวเองเข้าไป) แค่เล่าให้ฟังเฉยๆ

แต่พี่สาวก็ทักท้วงว่าไม่สมควร และว่าน่าจะเป็นจริตของดิฉันที่ติดมาตั้งแต่อดีตชาติ ที่ชอบทำเช่นนี้

จึงอยากเรียนถามท่านอาจารย์ดังนี้ค่ะ

1) เป็นไปได้หรือไม่ ที่ดิฉันมีกรรมเนื่องจากเคยไปละเมิดผู้มีศีลไว้ในอดีตชาติ ทำให้ต้องมีลูกมีปัญหาทางสมองในชาตินี้

2) แล้วเราจะขอขมากรรม หรือขออโหสิกรรมได้อย่างไร เพื่อให้กรรมเบาบางลง เนื่องจากเราสำนึกผิดแล้ว อีกทั้งไม่ทราบว่าเคยล่วงเกินผู้ใด

3) การที่เราได้ยินคนอื่นพูดเรื่องผู้มีศีลในทางลบ แล้วนำมาเล่าต่อ (โดยไม่มีเจตนาลบหลู่) จะเป็นบาปหรือไม่ เพราะเราได้ยินมาอย่างนั้นจริงๆ โดยไม่ได้เสริมเติมแต่งแต่อย่างใด

คำตอบ
    (๑) การวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น แม้จะวิจารณ์เป็นกลาง ในทางโลกถือว่าเป็นเรื่องปรกติ แต่ในทางธรรมหมายถึงการมีโปรแกรมจิตติดลบ (บาป) ยังมีอยู่ในจิตของผู้วิจารณ์ การได้ยินได้ฟังเรื่องลบๆของบุคคลอื่น เช่นเรื่องของหลวงตาที่มีชื่อเสียง แล้วนำไปบอกต่อ ถือว่าผู้บอกเล่าเป็นจำเลยบาปที่กระจายบาปส่งต่อไปให้คนอื่น เมื่อบาปให้ผล ผู้ส่งต่อบาปจึงต้องเป็นผู้รับผลอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง

   (๒) ผู้ใดสำนึกบาปได้ และประสงค์จะขอขมากรรมนั้นสามารถทำได้ แต่ผลของบาปจะถูกยกเลิกหรือไม่ขึ้นอยู่กับเจ้ากรรมนายเวร หากเขายกโทษให้ อกุศลวิบากที่กำลังเสวยอยู่จะหมดไป และหากผู้ใดพัฒนาจิตตนเองจนบรรลุอริยธรรมสูงสุด แล้วดับรูปดับนามเข้านิพพาน อกุศลกรรมและกุศลกรรมที่เหลือทั้งหมด จะถูกยกเลิก (อโหสิ) ไปโดยปริยาย

   (๓) การได้ยินได้ฟังเรื่องไม่ดี นับว่าเป็นบาปอยู่แล้ว และยังนำเรื่องไม่ดีของคนอื่นไปบอกเล่าต่อ แม้ไม่มีเจตนาลบหลู่ จะยิ่งมีบาปเพิ่มมากขึ้นแน่นอน
  

1133.
เจริญพร โยมอาจารย์ ...

ก่อนที่อาตมาจะลาสิกขา ขอโอกาสได้ถามคำถามดังนี้

1. การฝึกมโนมยิทธิ แนววัดท่าซุง เพื่อไปพบ พระพุทธเจ้าที่แดนนิพพาน (เมืองๆ หนึ่ง)
เป็นสิ่งที่ท้าทายและต่างจาก คำสอนทั่วๆ ไปมากนัก แต่กลับไม่มีใครที่ให้ความกระจ่าง ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งเกี่ยวกับศรัทธา

ถามว่า พระพุทธเจ้า และ แดนนิพพาน (เมือง) ยังคงอยู่ หรือ มีอยู่หรือไม่ ... ถ้าไม่มีทำไม พระทรงฌาณหลายองค์จึงกล่าวเช่นนั้น

2. อาตมาบวชมา 2 พรรษา ก็ยังไม่มีความเชื่อ เรื่องกฎแห่งกรรม การเกิดใหม่ เทวดาหรือนรกสวรรค์
ถ้ามีจริง ขอแค่พบเทวดาประจำตัวหรือ เทวดาที่อื่นๆ ก็ได้

ถามว่า อยากทราบวิธีพบเทวดา (ถ้ามีจริง) แบบที่ท่านมาไม่น่ากลัว เพื่อเพิ่มศรัทธา

ขออนุโมทนาอย่างสูง

คำตอบ
    (๑) ผู้ตอบปัญหาไม่เคยมีประสบการณ์ตรงในเรื่องนี้ แต่เคยสนทนาธรรมกับพระป่าผู้ทรงอภิญญา ท่านบอกว่าพระพุทธเจ้ายังคงอยู่ แดนนิพพานมีอยู่จริง และหลวงพ่อประสิทธิ์ แห่งเกาะสีชัง (มรณภาพ) ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่เคยมีคนถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านได้กล่าวในทำนองที่ว่า “ นิพพาน หมายถึง รูปดับ-นามดับ คำว่านามดับหมายถึง ความรู้สึกนึกคิดปรุงแต่ง (จิตตสังขาร) ดับ อาการของจิต (เจตสิก) เช่น โลภะ โทสะ โมหะ เมตตา สติ ปัญญา ฯลฯ ดับ แต่ใจไม่ดับ เข้าใจไหม ”

   (๒) ผู้ใดฝึกสมถภาวนา จนจิตเข้าถึงความตั้งมั่นแน่วแน่ (ฌาน) ได้แล้ว เมื่อนำจิตออกจากความทรงฌาน อภิญญา ๕ ย่อมเกิดขึ้นกับผู้นั้น แล้วจะรู้เห็นเข้าใจด้วยทิพพจักขุว่า เทวดามีจริง นรกสวรรค์มีจริง แล้วยังสามารถรู้เห็นเข้าใจด้วยปุพเพนิวาสานุสติญาณว่า การเกิดใหม่มีจริง

   อนึ่งผู้ถามปัญหาประสงค์พบเทวดา ต้องทำเหตุให้ถูกตรงด้วยการพัฒนาจิตให้มีคุณธรรมเช่นเดียวกับเทวดา อาทิ มีศีลธรรมคุ้มครองใจ มีความประพฤติละอายชั่วกลัวบาป (หิริโอตตัปปะ) มีกายวาจาใจเป็นอุโบสถศีลอยู่เป็นปรกติทุกขณะตื่น มีสภาวะของจิตเป็นอริยบุคคล ฯลฯ ผู้ประพฤติได้ถูกตรงตามนี้แล้ว การพบเห็นเทวดาประจำตัวหรือเทวดาในที่อื่นใด ย่อมเกิดขึ้นได้
  

1132.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร . สนองที่เคารพยิ่ง ขอเรียนถามดังนี้

1.ทุกวันนี้มีคนเป็นจำนวนมากที่ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ เมื่อเวลาที่ทำผิดศีลก็ไม่รู้ว่านั้นคือความผิดแต่อาจทำให้เกิดความสุขจากการทำผิดศีล คำถามคือ บาปนี้จะเก็บไว้ในดวงจิตเค้าได้อย่างไร(ในเมื่อเค้าทำด้วยความสุขสมหวังเช่นเล่นพนันแล้วได้ หรือยิ่งเบียดเบียนเค้ายิ่งมีความสุขเพราะเห็นว่าตนเป็นฝ่ายได้ ฝ่ายกำไร แล้วเค้าก็ไม่คิดว่าบาป หรือเช่นคนที่ปล่อยกุ้นอกระบบคิดดอกสูงกว่าธนาคาร เค้าไม่คิดว่าบาปเค้าคิดว่าดีซะอีกเพราะเค้าได้ให้โอกาสกับบุคคลเหล่านั้น

2. คนที่เป็นเกย์คิงและควีนเป็นแฟนกันเป็นบาปไม๊ ถ้าทั้งคู่ยังไม่มีเจ้าของ แล้วถ้าคนเป็นพ่อแม่รับไม่ได้ที่เค้าไม่สมบูรณ์ทางเพศใครบาปคะ

3.ท่านเคยบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ขอเรียนถามว่า เป็นทุกเรื่องเลยเหรอคะ เช่นในชาตินี้จะมีการกระทำใหม่ที่เกิดขึ้นโดยไม่บังเอิงบ้างไม๊คะ เช่นเจอคนมาเบียดเบียน เจอคนใจร้าย เป็นการกระทำใหม่ที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้เป็นกรรมเก่ามาก่อนไม๊คะ

4.การไปทำให้คนไม่พอใจจะทำให้เกิดบาปใช่ไม๊คะ แล้วถ้าเราเป็นฝ่ายถูกจนยอมไม่ได้ ต้องยอมเพื่อไม่ให้เกิดบาปเหรอคะ แล้วถ้าเราต้องอดทนไว้จะไม่เป็นการเบียดเบียนตัวเองเหรอคะ ขอช่วยชี้แนะเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวันค่ะ

คำตอบ
    (๑) ผู้ใด คิด พูด ทำ (พฤติกรรม) แล้ว ผลของการกระทำ จะถูกเก็บสั่งสมไว้ในจิตวิญญาณ เป็นสมบัติของตัวเอง พฤติกรรมดีให้ผลเป็นบุญ พฤติกรรมไม่ดี (เล่นพนัน ให้กู้นอกระบบโดยคิดดอกเบี้ยสูง) ให้ผลเป็นบาป ทั้งนี้เป็นไปตามกำหนดอันแน่นอนตายตัวของธรรมชาติ ที่เรียกว่า “ กฎแห่งกรรม ” บุคคลใดไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม เป็นเพราะบุคคลนั้นยังมีปัญญาเข้าไม่ถึงความจริง (เหตุผล) ในเรื่องนี้ ตรงกันข้าม บุคคลใดพัฒนาตนเองจนเข้าถึงปัญญาสูงสุดได้แล้ว ย่อมเข้าถึงความจริงว่า ทำดีต้องได้ดีแน่นอน ทำชั่ว (เล่นพนัน , ให้กู้นอกระบบฯ) ต้องได้รับผลชั่วแน่นอน เมื่อถึงเวลาที่กรรมให้ผล

   (๒) เป็นบาปที่เกิดมาต้องรับอกุศลวิบากเป็นเกย์คิง , เกย์ควีน ผู้ถามปัญหาพูดว่า “ ทั้งคู่ยังไม่มีเจ้าของ ” เป็นการพูดไม่ตรงความจริง เพราะผู้ให้กำเนิดรูปนาม คือมีพ่อแม่เป็นเจ้าของ ด้วยเหตุที่พ่อแม่เคยมีส่วนร่วมในการประพฤติทุศีลข้อ ๓ มาก่อน จึงต้องรับผลทางอกุศลวิบากนั้นด้วย

   (๓) ผู้ใดเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ผู้นั้นยอมรับโดยศิโรราบในพุทธวจนะที่ว่า “ ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระพุทธะตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้นไว้ ... ฯ ”
    ฉะนั้นผู้ตอบปัญหายืนยันว่า “ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ย่อมมาจากเหตุที่ทำให้เกิด ”

   อนึ่งการต้องมาพบเจอกับคนเบียดเบียน พบเจอกับคนใจร้าย หากมิใช่โพธิสัตว์แล้ว ย่อมเป็นผลที่เกิดขึ้นจากเหตุที่เป็นอกุศลกรรมเก่าทั้งสิ้น ตรงกันข้ามผู้ที่ดำเนินชีวิตตามแนวพระโพธิสัตว์เท่านั้น ผลที่เกิดขึ้น จึงมิใช่เป็นเหตุมาจากอกุศลกรรมเก่า

   (๔) ใช่แล้ว และใช่อีกแล้ว ถ้าผู้ถามปัญหาเชื่อในปัญญาของพระพุทธะ อนึ่งหากผู้ใดทำให้เราต้องอดทน ผู้เห็นถูกจะเห็นว่า ผู้ที่ทำให้เราต้องอดทนเป็นครูมีบุญคุณต่อเรา ที่ทำให้เราได้สร้างขันติบารมีนั่นเอง
  

1131.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนองที่เคารพค่ะ

     ดิฉันมีคำถามที่จะเรียนถามแต่อาจจะไม่ค่อยเหมือนคนอื่นเท่าไหร่นะคะ ดิฉันมีญาติซึ่งรุ่นราวคราวเดียวกันยี่สิบปลายๆ ค่ะ ผู้หญิงทั้งหมด โตมาด้วยกันสนิทกันมาก ซึ่งมีเรื่องอะไรมักจะพูดให้ดิฉันฟังทั้งหมดไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องทางเพศ ต้องขออภัยด้วยนะคะที่ต้องเล่าตรงๆ ตอนนี้คบกันอยู่4คน ไปไหนมาไหนมักจะไปด้วยกัน แต่พักหลังดิฉันได้เข้าหาธรรมะได้ไปปฏิบัติธรรม กลับมาก็ไม่ได้ไปมาหาสู่เพราะมักจะมีแต่เรื่องอบายมุขจึงอยากจะถอยห่าง

     เรื่องที่จะเล่าคือ ญาติดิฉันคนนึงในกลุ่มมีสามีแล้ว แต่สามีมักจะอยู่ต่างประเทศ เวลาสามีไม่อยู่ก็จะคบผู้ชาย พามานอนที่คอนโดที่สามีซื้อให้ เตียงก็นอนเตียงที่นอนกับสามี เงินที่สามีส่งมาให้ก็เลี้ยงผู้ชาย รถที่สามีซื้อให้ก็ให้ชู้ขับ แนะนำผู้ชายให้ดิฉันรู้จักในฐานะแฟนเธออีกคน ถึงดิฉันจะไม่ชอบแต่ก็เพราะเป็นญาติไปมาหาสู่อยู่เป็นประจำทำให้พลอยรู้จักกับชู้เธอแทบทุกคน แต่ไม่ได้สนิทใจนะคะ ไม่ชอบหรอกแต่ก็พูดด้วยอะไรอย่างนั้นนะคะ ทำตัวอย่างนี้มานานมาก ดิฉันนับไม่ถูกแล้วว่ามีกี่คน เธอบอกว่าเธอเหงา สามีไม่อยู่ให้ความรัก ตัวเธอก็มีความต้องการนี่คือเหตุผลของเธอ บางครั้งเธอก็อกหักหรือโดนทุบตีจากพวกชู้แต่ไม่เข็ด ดิฉันเคยปรามแล้วแต่ก็ไม่ได้มากเพราะคิดว่าโตๆ แล้วน่าจะคิดได้ เคยพูดเรื่องนรกแต่ดูเหมือนเธอจะไม่เชื่อว่ามีจริง สงสารสามีเธอเพราะสนิทกับดิฉันเช่นกัน เวลาสามีเธอกลับมาเจอดิฉันจะรู้สึกผิดเหมือนสมรู้ร่วมคิดปกปิดความจริงให้เขาเป็นคนโง่ เขาดีมากรับผิดชอบเคยช่วยเหลือดิฉันด้วย อยากจะบอกสามีเธอให้รู้แต่ก็ทำไม่ได้ เดี๋ยวเป็นการหักหลังญาติคนนี้ไปซะอีก บางครั้งคบกับเพื่อนผู้ชายกลุ่มหนึ่งมี6-7คนก็มีอะไรกับผู้ชายทั้งหมด นี่คือเพื่อนนะคะ เธอบอกพวกเพื่อนผู้ชายเองเลยว่าอย่าคิดอะไรมากแค่สนุกด้วยกัน เรียกมาที่ห้องในวันที่ดิฉันอยู่ด้วยแล้วเวลามีอะไรกับผู้ชายพวกนั้นก็ให้ดิฉันเข้าไปรอในห้องน้ำ ดิฉันก็ล็อคประตูรอกลัวก็กลัว รู้สึกทุเรศแต่ก็ญาติน่ะค่ะตัดไม่ขาด คือคบกับใครก็มีอะไรแทบทุกคนก็ว่าได้ ล่าสุดสองเดือนที่แล้วไปเที่ยวกลางคืนกลับมาดื่มต่อในห้องหลายคน ก็มีอะไรกับผุ้ชายที่เพิ่งรู้จักบนเตียงไม่สนใจคนอื่นที่นั่งดื่มอยู่ติดๆตรงเตียงเลย ต่อหน้าต่อตาก็ว่าได้ เรียกว่าโชว์เลยไม่มีความอาย ขนาดที่ว่าคนอื่นนั่งดื่มได้สักพักก็อายเองลงไปรอข้างล่างคอนโด เหตุการณ์นี้ดิฉันไม่ได้อยู่ด้วยเธอเล่าให้ฟัง ส่วนตัวดิฉันไม่เคยนอกใจแฟนและไม่ชอบที่เธอทำอย่างนี้ เคยมีคนแถวบ้านว่าเธอเรื่องมีชู้ ดิฉันก็เปรยๆให้ฟัง ว่ามีคนเห็นเธอและชู้ เธอก็บอกว่า อวัยวะเพศของเธอเกี่ยวอะไรกับใคร แต่เธอพูดคำหยาบนะคะ และยังเล่น msn hi5 ลงท้ายด้วยการมีเพศสัมพันธ์ตลอด แล้วก็มาเล่าว่าคนนี้เป็นอย่างไร ทำอย่างไรให้บ้าง พอใจไม่พอใจอย่างไร เหมือนกับกิจวัตรประจำวันของเธอ

     ดิฉันอยากทราบว่า การที่ดิฉันไม่ชอบแต่ไม่กล้าพูดและยังต้องคบกันเพราะเป็นญาติสนิท รับรู้พฤติกรรมนี้มาตลอด รู้จักกับชู้ของเธอด้วย ดิฉันบาปต่อสามีเธอไหมแต่ดิฉันก็ไม่ได้ยอมรับนะคะรังเกียจด้วยซ้ำ แต่ดิฉันก็เหมือนน้ำท่วมปากไม่รู้จะทำอย่างไรค่ะ

     เรื่องที่สองเกิดขึ้นเมื่อวันที่24กพนี้เองนะคะ คือ กับญาติสาวคนเดิม ปีนี้เศรษฐกิจทรุดทำให้เงินที่สามีส่งมาให้เธอนั้นลดเหลือเดือนละ10,000ไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ มากมาย ธุรกิจของสามีเธอต้องปิดตัว ทำให้ไม่มีเงินเหมือนเมื่อก่อนในที่สุด เธอจึงตัดสินใจไปนั่งตู้ อาบ อบ นวด โดยที่ให้ดิฉันและญาติอีกสามคนไปเป็นเพื่อน ตัวดิฉันกลัวเรื่องปีนต้นงิ้วมาก ไม่นอกใจแฟน เธอก็เหมือนไม่เชื่อเรื่องต้นงิ้วพูดไปก็เหมือนว่าดิฉันงมงาย ใจจริงไม่อยากไปเลยแต่กลัวจะหาว่าไม่มีน้ำใจก็เลยจำใจ ไปครั้งแรกไม่กล้าสมัคร พอดีมีพี่ที่รู้จักเคยเป็นแม่บ้านที่นี่มาก่อนก็เลยกลับไปรับ โดยญาติให้ดิฉันลงไปเรียกเพราะตนเองไม่กล้าลงไปกลัวคนรู้จักเห็น ดิฉันไม่เต็มใจเลยแต่ก็ต้องจำใจลงไปเรียก ลำบากใจมากไม่สบายใจเลยค่ะคิดว่าต้องเข้ากระบวนกรรมในเรื่องนี้แน่นอน ตัวดิฉันนั้นเรื่องคิดนอกใจหรือมีชู้นั้นไม่มีเลย เชื่อเรื่องปีนต้นงิ้วมากใครแนะนำกิ๊ก(ชู้)ให้ก็ไม่เอา คนอยากเป็นกิ๊กก็ไม่เอาบอกเลยมีสามีแล้ว แต่ต้องมาร่วมกระบวนกามอย่างนี้ทำให้ไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ดิฉันต้องบาปแน่ๆ เลยใช่มั้ยค่ะ ที่ไปเป็นเพื่อนด้วยเหมือนสนับสนุนให้เขาทำหรือเปล่า และถ้ามีลูกค้ามาเที่ยวโดยที่ภรรยาไม่อนุญาติและมีอะไรกับญาติดิฉันอย่างนี้ดิฉันจะผิดศีลข้อกาเมไหมคะ และจะแก้ไขได้อย่างไร หรือต้องเลิกคบไปเลย

ขออนุโมทนาท่านอาจารย์ที่ตอบคำถามนะคะขอให้อาจารย์มีสุขภาพแข็งแรง
โซดา

คำตอบ
     ผู้ใดรู้เห็นในพฤติกรรมไม่ดีของคนอื่น แล้วทำให้ไม่สบายใจ ผู้นั้นมีบาปในฐานะเป็นผู้ร่วมกระบวนประพฤติอกุศลกรรม

    แม้ใจไม่เห็นด้วย แต่นำตัวเข้าไปมีส่วนร่วมในอกุศลกรรม ก็ยังเป็นบาปอยู่ ตัวเองมิได้ประพฤติทุศีลข้อกาเมฯ แต่เข้าไปมีส่วนร่วมในพฤติกรรมทุศีล ก็ถือว่ามีบาปเช่นกัน หากผู้ถามปัญหาประสงค์ ไม่เข้าเป็นสมาชิกปีนต้นงิ้วในชีวิตหน้า ต้องปลีกตัวให้ห่างไกลจากญาติผู้เป็นปาปมิตร
  

1130.
เรียนดร.สนอง วรอุไร

ข้าพเจ้ามีปัญหาที่ยังค้างคาใจอยู่หลายปี เรื่องมีอยู่ว่าขณะที่ข้าพเจ้าเรียนอยู่ชั้นม.ปลายโรงเรียนได้จัดบวชชีพราหม์ขึ้นในรายวิชาพุทธศาสนา ในวันนั่งสมาธิวันสุดท้ายตอนเย็น(ก่อนสึกตอนเช้า) ข้าพเจ้านั่งสมาธิที่พระธาตุซึ่งบรรจุพระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าไว้(วัดพระธาตุราชบำรุง จ.หนองคาย) โดยข้าพเจ้าตั้งจิตอธิฐานตั้งมั่นให้จิดสงบนิ่งหลังจากที่ผ่านมานั่งสมาธิไม่ได้ผล ขณะนั่งสมาธิข้าพเจ้าเห็นผีจำนวนมาก เหมือนเข้าไปในป่าช้า ก่อนที่จะเห็นผู้หญิงใส่ชุดสาหรี่เหมือนอินเดียแบกคนโทนใส่หัวเดินไป ข้าพเจ้าจึงเดินตามนางไปขึ้นเขา แล้วพบเห็นเหมือนต้นโพธิ์ ข้างใต้มีฐานที่นั่งเป็นดอกบัวใหญ่มาก มีแสงทองเรืองรองเป็นรัศมี หลังจากวันนั้นเคยทดลองนั่งสมาธิหลายครั้งแต่ไม่เคยเห็นอีกเลย ข้าพเจ้าเลยอยากถามว่า
1.ข้าพเจ้านิมิตรเห็นจริงหรืออุปทานไปเอง
2. ทำอย่างไรจึงจะสามารถนั่งสมาธิให้จิตนิ่งได้
3. อยากทำดีให้มากที่สุดจะทำอย่างไร

คำตอบ
    (๑) ที่เห็นนั้นเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็นไม่จริง

   (๒) หลังจากประพฤติตามบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ (ทาน ศีล ภาวนา ประพฤติอ่อนน้อม ขวนขวายรับใช้ อุทิศความดีให้ผู้อื่น ยินดีในความดีของผู้อื่น ฟังธรรม เทศน์ธรรม ทำความเห็นให้ตรง) แล้วต้องอุทิศบุญให้กับสัตว์ (รูปนาม) ที่นิมิตเห็น

   (๓) อยากทำความดีให้มากที่สุด ต้องบำเพ็ญทานอยู่เสมอ มีศีล ๕ บริสุทธิ์คุมใจทุกขณะตื่น บำเพ็ญสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนาอยู่เสมอ
   

1129.
เรียน อาจารย์ที่เคารพ

ผมมีเรื่องรบกวนอาจารย์ครับ ผมเป็นคนที่นั่งสมาธิมาตั้งแต่เด็ก บางครั้งก็สงบ บางครั้งก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมมาอ่านบทความของอาจารย์เรื่องหนึ่งถึงกับหดหู่
อาจารย์เขียนว่าคนที่เป็นเกย์หรือรักร่วมเพศไม่สามารถสำเร็จธรรมในชาตินี้ได้ ผมคิดว่าผมเป็นคนกลุ่มนี้แน่นอน ผมรู้ตัวดี ต่อไปผมควรจะทำอย่างไรต่อครับ

ด้วยความเคารพ
ผู้อาภัพธรรม

คำตอบ
    ต้องหยุดประพฤติรักร่วมเพศแล้วปฏิบัติธรรมต่อไป เพื่อให้จิตเก็บบันทึกข้อมูลที่เป็นบุญใหญ่ไว้ให้มาก เมื่อใดที่อกุศลวิบากได้รับการชดใช้หมดไป แล้วบุญให้ผล การบรรลุธรรมย่อมเกิดขึ้นได้ จงดูจากตัวอย่างของสิริมาได้เลิกอาชีพโสเภณีอย่างเด็ดขาด แล้วหันมาปฏิบัติธรรม จนสามารถบรรลุโสดาบันได้ในขณะยังอยู่ในเพศของฆราวาส
   

1128.
กราบเรียน อ.สนอง

   มีเรื่องรบกวนสอบถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ คือ หนูตั้งใจจะทำขนมขาย (ขายส่ง ไม่ได้เปิดเป็นร้านของตนเอง เพราะยังไม่มีพื้นที่) เลยไปเรียนทำเบเกอรี่ และเพิ่งทราบว่า หากต้องการให้ขนมมีอายุการเก็บนาน ต้องใส่ "สารกันบูด" ในปริมาณ 1% ของน้ำหนักแป้ง (สมัยตอนเป็นผู้บริโภค ยังทำขนมไม่เป็น...ก็กินอย่างเดียว ไม่เคยฉุกใจคิดว่า ในขนมเขาจะใส่สารกันบูดกัน เห็นอบออกมาจากเตาใหม่ๆ ...คิดว่าเป็นของดี ไม่มีพิษภัย)

   ปัญหาคือ หนูไม่สบายใจเลย ถ้าทำขนมออกมาแล้วต้องใส่สารกันบูดลงไป...เพราะมันเหมือนทำร้ายคนกิน ทางอ้อม และหนูรู้สึกว่า "สารกันบูด" เป็นยาพิษ ซึ่งข้อนึงในมิจฉาอาชีพที่พระพุทธองค์ทรงห้ามไว้ คือ ไม่ให้ขายยาพิษ.... แต่ถ้าไม่ใส่...ขนมที่หนูทำก็เก็บได้ไม่กี่วัน ซึ่งจะเป็นปัญหาต่อการส่งขายไปยังร้านต่างๆ เพราะเขาก็ต้องเก็บขนมไว้ เพื่อรอลูกค้ามาซื้อเหมือนกัน (เสียดายที่หนูยังไม่มีที่ขายเป็นของตัวเอง ถ้ามี หนูจะเปิดร้าน และจะขายขนมที่ไม่ใส่สารกันบูดค่ะ)

   จึงขอเรียนถามอาจารย์ว่า ขายขนมที่ใส่สารกันบูด...บาป หรือผิดศีลไหม? แล้วถ้าต้องทำ หนูจะมีวิธีแก้อกุศลกรรมที่เกิดขึ้นอย่างไรคะ? ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยให้ความกระจ่างด้วยค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
    ผู้ใดมีจิตระลึกได้ว่า สารกันบูดที่ใส่ลงไปในขนม เมื่อบริโภคเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่มาก ก็คือยาพิษนั่นเอง ผู้ที่ระลึกได้เช่นนี้ แล้วยังประพฤติถือว่าเป็นบาปได้ ตรงกันข้าม ผู้ใดคิดว่าสารกันบูดที่ใส่ลงไปในขนม ด้วยมีจุดประสงค์ป้องกันมิให้เชื้อจุลินทรีย์ขยายจำนวน ซึ่งจะทำให้ขนมบูดเสีย คิดเพียงเท่านี้ไม่ถือว่าเป็นบาป

   ฉะนั้นเมื่อผู้ถามปัญหาระลึกได้ว่า สารกันบูดเป็นยาพิษ แล้วยังมีความจำเป็นต้องประพฤติ ต้องประพฤติบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้บุญมีกำลังมากกว่าบาป แล้วบาปจะตามให้ผลไม่ทัน
   

1127.
กราบเรียนอ. สนองและทีมงานกัลยาณธรรมครับ

ผมเพิ่งมีโอกาสได้ฟังไฟล์เสียงการบรรยายธรรมของอ. สนองเรื่องเกี่ยวกับวิชาชีพครู มีอยู่ช่วงหนึ่งอ. บอกว่าครูที่ดีต้องสอนให้ถูกจริตนักเรียน ผมมีคำถามดังนี้ครับ

1. นักเรียนแต่ละคนมีจริตต่างกัน ทีนี้เราจะทำอย่างไรละครับ?

2. เราจะรู้ได้อย่างไรว่านักเรียนแต่ละคนมีจริตอย่างไร?

อีกคำถามไม่เกี่ยวกับการสอนนะครับ
3. เวลาเราไปอยู่ในสังคมที่มีเรื่องเพ้อเจ้อ พูดคำหยาบ ถ้าเราไม่พูดอะไรเลยมันก็นิ่งสิครับ คือถ้าอยู่กันหลาย ๆ คนเราก็ไม่พูดได้ แต่ถ้าอยู่กับ 2-3 คน ถ้าเราไม่พูด มันมีแต่ความเงียบสิครับ แล้วทีนี้ไม่นั่งเงียบกันหมดเลยครับ แบบว่านั่งจ้องหน้ากันเฉย ๆ? คือบางทีมันหาเรื่องมีสาระพูดไม่ได้นะครับ การเงียบเป็นคำตอบที่ดีที่สุด แต่มันคงทำให้คู่สนทนาของเราเบื่อ ๆ งง ๆ กับเรา

ขอบคุณมาก ๆ ครับ

คำตอบ
    (๑) ทำตัวเองให้ดีได้ก่อน ด้วยการกำจัดสิ่งไม่ดีให้หมดไปจากใจ แล้วประพฤติอยู่แต่ธรรมที่เป็นกุศล

   (๒) ผู้ใดมีปัญญาเห็นถูก ย่อมมองตัวเองได้ทะลุปรุโปร่ง และย่อมเห็นจริตของผู้อื่น (นักเรียน) ได้ทะลุปรุโปร่งเช่นกัน

   (๓) ความเงียบเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด คนอื่นจะรู้สึกอย่างไรเป็นเรื่องของคนอื่น มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ไปเอาเรื่องของคนอื่นมาเป็นของตน เรื่องของเราคือ ประพฤติตนให้มีวาจาเว้นจากการพูดเท็จ เว้นพูดหยาบ เว้นพูดส่อเสียด และเว้นพูดเดรัจฉานกถา (พูดเพ้อเจ้อ) ผู้ใดประพฤติได้เช่นนี้ ผู้นั้นมีจิตสงบและมีความสุข ที่ละเอียด ประณีต ยืนยาวกว่ากามสุขที่ชาวโลกนิยมแสวงหากัน
   

1126.
เรียนอาจารย์ที่เคารพ

อยากจะดวงดีเช่นที่อาจารย์ว่า ต้องสวดมนต์ เจริญสติ มีศีลทุกขณะ ข้อแรกทำได้ แต่เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ บางครั้งเหนื่อยมากก็จะนอนสวดในใจ รู้สึกตัวกลางดึกก็จะสวด หรือ สวดในใจเวลาว่างจากงาน เหมาะสมหรือไม่ เวลาเจริญสติรู้ตัวว่าจิตสัดส่ายไปมา นิ่งยาก การมีศีล ตอนนี้ทำได้อย่างแน่วแน่อยู่สองข้อ คือข้อสามและข้อห้า เพราะเห็นตัวอย่างที่ไม่ดีและได้รับความเดือดร้อนจากการผิดศีลของคนรอบข้าง ส่วนศีลข้ออื่นๆ ยังพร่องอยู่

ทำไมจึงมีความรู้สึกเห็นว่าตัวเองไม่ดีเลย มีโทสะบ่อย ไม่ชอบคนโน้นไม่ชอบคนนี้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีปัญหากับเขา แต่เป็นเพียงความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจเราเอง การที่ตั้งใจจะดี เป็นคนมีสติ แต่เหมือนจะยิ่งมีปัญหาต่างๆ เข้ามาพร้อมๆ กันหลายเรื่อง ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว บางเรื่องก็ทำให้ขาดสติ กว่าจะกลับตัวทันก็หลายวัน บางครั้งก็ท้อใจกับปัญหาที่ตัวเองเผชิญอยู่ เบื่อหน่ายกับชีวิต อยากจะหลุดพ้นแต่ก็ยังมีกิเลสอยากได้ใคร่ดี รู้ตัวแต่ก็ยังทำดีไม่ได้เท่าที่ควร

ขอบพระคุณอาจารย์ที่สละเวลารับฟังปัญหา

คำตอบ
    สวดมนต์ได้ในทุกอิริยาบถที่เหมาะสมกับสรีระและวัยของผู้สวด หากศีลยังไม่ครบห้าข้อ และยังเป็นศีลที่มีกิเลสเจือใน อย่างพึงหวังว่า จิตจะตั้งมั่นเป็นสมาธิที่สูงขึ้นได้ และการจะมีดวงดีต้องบำเพ็ญทานอยู่เสมอ ใจต้องมีศีล ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย และต้องบำเพ็ญภาวนาจนจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิและเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้ หากเข้าถึงกุศลธรรมทั้งสามข้อนี้ได้เมื่อใด ดวงดีแน่นอน

   พระพุทธะตรัสว่า คนจะดีอยู่ที่การกระทำดีของตัวเองเป็นต้นเหตุ ฉะนั้นปัญหาต่างๆของผู้ถามปัญหาจะหมดไปได้ ต้องเริ่มต้นทำเหตุให้ถูกตรงนั่นเอง
   

1125.
เรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

1. อาจารย์คะ หนูไปปฎิบัติธรรมที่วัดอัมพวันมา 3 วัน หนูเดินจงกลมได้ตามเวลาที่กำหนดค่ะ แต่นั่งได้ไม่นาน บางครั้ง 10 นาที ก็ไม่ไหวแล้ว เป็นเพราะอะไรคะ และควรแก้ไขอย่างไรถึงจะนั่งได้ตามเวลาที่กำหนด

2. หนูเป็นคนใจร้อนมาก แค่หาของไม่เจอก็โมโหและฉุนเฉียว ใครพูดอะไร ไม่เข้าหูหนูก็สวนทันที บางครั้งพยายามข่มใจไม่ให้โกรธ แต่สีหน้าเก็บไม่ได้ค่ะสีหน้าจะบ่งบอกเลยว่าเป็นอย่างไร หนูควรทำอย่างไรคะ นิสัยไม่ดีเหล่านี้ถึงจะหายไป

3.ทำอย่างไรถึงจะไม่ขี้เกียจสวดมนต์คะ หนูสวดแค่ บูชาพระรัตนตรัย กราบพระรัตนตรัย นมัสการพระรัตนตรัย ไตรสรณคมน์ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ หนูจะสวดก่อนไปทำงานอย่างนี้ทุกวัน สวดแค่นี้ได้ไหมคะ ควรสวดอะไรเพิ่มเติมอีกคะ กราบขอความกรุณาท่านอาจารย์ชี้แนะด้วยค่ะ ว่าควรสวดอะไรเพิ่มเติมอีก

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ค่ะ

คำตอบ
    (๑) การปฏิบัติธรรมสามารถทำได้ในทุกอิริยาบถ เช่น ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม พูด ฟัง ฯลฯ อิริยาบถใดเหมาะสมกับสรีระวัยและความอาพาธของตัวเอง ก็สามารถนำเอาอิริยาบถที่เหมาะกับตัวเองมาใช้ได้ จึงไม่จำเป็นต้องปฏิบัติอยู่ในอิริยาบถนั่งอย่างเดียว

   (๒) ทุกครั้งที่มีอาการตามที่บอกเล่าไปแสดงออก ให้นำหัวมันเทศ หัวมันแกว หัวมันฝรั่ง อย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ใส่ไว้ในกระจาดหรือภาชนะอื่นใด หยิบออกมาชั่งและจดบันทึกน้ำหนักของหัวมันไว้ ชั่ง หัวมันไปเรื่อยๆ จนกว่าอาการติดลบที่แสดงออกได้หายไป ชั่งหัวมันบ่อยๆ แล้วปัญหาที่เกิดขึ้นจะหมดไปได้เอง

   (๓) การสวดมนต์กระทำได้ในทุกอิริยาบถ คนทั่วไปนิยมนั่งสวดมนต์ แต่ผู้ที่มีความผิดปกติ สามารถสวดมนต์ในอิริยาบถที่เหมาะสมได้ ขอเพียงให้มีใจจดจ่ออยู่กับมนต์ที่สวดเป็นใช้ได้ ผู้ที่มีอารมณ์ฟุ้งซ่าน สวดมนต์แค่บทสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยนับว่าเพียงพอแล้ว
  

1124.
รบกวนเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

1.การที่มารดาไปไหว้พระแล้วทำบุญบริจาคทรัพย์แทนลูก ลูกจะได้บุญนั้นด้วยหรือไม่ค่ะ

2. การที่บิดามารดามีฐานะดีไม่ขัดสน จนลูกๆไม่ต้องเลี้ยงดูอุปการะ แต่ทุกครั้งที่ลูกทำบุญใส่บาตร รักษาศีล สวดมนต์ทำสมาธิภาวนา แล้วอุทิศบุญกุศลให้ ถือว่าได้กตัญญูบิดามารดาแล้วหรือไม่

3. บิดาชอบทานเนื้อวัว แต่ลูกไปทำบุญไถ่ชีวิตโคกระบือโดยใส่ชื่อบิดา จะไถ่บาปให้บิดาได้หรือไม่

ขอขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    (๑) ลูกจะได้บุญต่อเมื่อ ลูกรู้ว่าแม่ได้บริจาคทรัพย์แทนลูก แล้วลูกได้อนุโมทนาบุญที่แม่ทำแทนให้

   (๒) ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอีกหลายวิธี ที่ลูกได้แสดงความกตัญญูต่อบิดามารดา

   (๓) หากบิดามิได้สั่งให้เขาฆ่าวัว และวัวมิได้จองเวรไว้กับผู้ที่นำเนื้อของเขาไปรับประทาน การบริโภคเนื้อวัวของบิดา มิได้ถือว่าเป็นบาปอันเนื่องมาจากประพฤติทุศีลข้อปาณาติบาต จึงไม่จำเป็นต้องไถ่บาปให้บิดา แต่หากวัวจองเวรกับผู้ที่เอาเนื้อไปรับประทาน ผู้นั้นต้องชดใช้หนี้เวรกรรม (ดูสนทนาภาษาธรรม เล่ม ๑๑ ข้อ ๗๕ หรือ เล่ม ๑๓ ข้อ ๕๓)
   

1123.
เรียน อาจารย์สนอง

หนูมีเรื่องไม่สบายใจอยากจะบอกอาจารย์ค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าหนูได้ทำผิดศีลห้า ข้อ 3,4 และไม่แน่ใจว่าผิดข้อ 2 ด้วยหรือไม่
เมื่อวานนี้หนูตั้งใจไว้ว่าจะถือศีลแปด หนูคิดว่าศีลแปดที่ถือนี้นับตั้งแต่ตอนตื่นจนถึงตีห้าของอีกวันใช่หรือไม่คะ

สารภาพบาป
ผิดข้อ 3 หนูคิดไม่ดีกับเพื่อนในชั้น แต่ก็มองรูปศพแก้

ผิดข้อ 4 ตระบัตสัตย์ หนูแก้งานของหนูทั้งๆที่ไม่ได้มาจากความคิดของหนูโดยตรง แต่หนูแอบคิดเอาเองว่าหนูลืมมองจึงพลาด หนูกังวลกลัวผลจะไม่ดี จะผิดหวังเลยปรึกษาเพื่อน เพื่อนบอกว่าถ้าเป็นเขา เขาจะไม่แก้ ตอนแรกหนูจะไม่แก้ แต่กลายเป็นแก้ไป แม้จะไม่ได้แก้ตามตรงๆ แต่ก็จงใจบิดเบือนสิ่งที่ตัวเองทำ สิ่งที่รู้สึกตอนนี้คือ โชคลาภหายไปและไม่มีความสุขค่ะ เริ่มมึนหัวและไม่กล้าสู้หน้าคน ไม่กล้าที่จะกล้าด้วย

รู้สึกขี้ขลาดมากเลยค่ะ

คำตอบ
    ศีล ๘ เป็นศีลที่ใช้ฝึกตนให้ดียิ่งขึ้น จะรักษาเป็นครั้งคราว เช่นในห้วงเวลาที่บอกไป รักษาในวันพระ หรือรักษาตลอดไปย่อมทำได้ตามใจปรารถนา

   ผู้ใดระลึกได้ว่า ตัวเองประพฤติผิดไปแล้ว จงหยุดไม่ประพฤติผิดอีก แล้วประพฤติดีให้ยิ่งใหญ่ ด้วยการบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ผลกรรมไม่ดีที่เคยทำย่อมตามส่งผลไม่ทัน ดูจากตัวอย่างของสิริมาโสเภณี เลิกประกอบอาชีพชั่ว แล้วหันมาทำความดีด้วยประพฤติ ทาน ศีล ภาวนา จนบรรลุโสดาบัน ตายแล้วไปเกิดเป็นนางฟ้าโสดาบันอยู่ในสวรรค์ชั้นสูงสุด
   

1122.
กราบเรียน อ.สนอง วรอุไรที่เคารพนับถือในโลกธรรม

   ครอบครัวผมเป็นคริสต์คาทอลิกมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ แต่หลังจากพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ได้เสียชีวิตหมดแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นในชีวิตของผมครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง นั่นคือผมได้พบอาจารย์คนหนึ่ง และกลุ่มคนที่เป็นผู้ปฏิบัติธรรม(สวดมนต์ภาวนา นั่งสมาธิ เป็นหมู่คณะ) พร้อมทั้งมีร่างทรง ที่บอกว่าเป็นร่างของพระ... และปู่ฤาษี.... และในบางครั้ง เป็นพระ.... หรือพระมหากษัตริย์ไทยบางพระองค์ ซึ่งตัวผมเองมีความรู้ทางด้านนี้น้อยเนื่องด้วยพื้นฐานเดิม แต่มีความเคลือบแคลงสงสัยตลอดเวลาที่ได้ปฏิบัติธรรมกับกลุ่มนี้มาตลอดประมาณ ๓ ปี

   ปัจจุบันผมได้ปลีกตัวเองมาปฏิบัติด้วยตัวเองได้ประมาณ ๒ ปีแล้ว โดยใน ๓ ปีแรกที่อยู่กับกลุ่มปฏิบัติดังกล่าว ใช้คำบริกรรม ตามคำแนะนำของอาจารย์ผู้นำกลุ่ม แต่ในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมา ใช้บริกรรม พุทโธ กำหนดลมหายใจเข้าออก ในช่วง ๓ ปีที่อยู่กับกลุ่มปฏิบัติฯดังกล่าว ในทุกปีจะมีพิธีไหว้ครูพระแก้วมรกต ในวันขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ มีการบวงสรวงด้วยบายศรีและอาหารคาวหวานเหมือนพิธีบูชาเทพทั่วไป นอกจากนี้ยังให้ลูกศิษย์ทำพานครูคนละชุด (ขึ้นอยู่กับระดับจิตของลูกศิษย์แต่ละคน ที่จะโดนวัดโดยอาจารย์ผู้นำกลุ่ม และร่างทรงดังกล่าว) เทียนขาว ๒เล่ม ดอกไม้ ๓ สี (บัว ดาวเรือง บานไม่รู้โรย) พร้อมทั้งเหรียญบาท ๙ บาท ทั้งหมดใส่ในพานของแต่ละคนที่เตรียมมา ใช้บทสวดคล้ายมนพิธีในการบวงสรวงอัญเชิญเทพผสมกับบทสวดมนต์ทางพุทธ เช่น มหากาฯ มงคลจักรวาลน้อย อิติปิโส เป็นต้น

   มีอีกอย่างที่ผมลืมบอกไป ทุกคนที่ผ่านการวัดระดับจิต จะได้ส่งพานครูกับร่างทรง หรือ อาจารย์ผู้นำ ซึ่งจะมีการกล่่าวคำนำปฏิญานเหมือนให้สัจจะในการเป็นศิษย์ครู ปู่... (เป็นชื่อเรียกที่รู้กันว่าคือพระแก้วมรกต) ปู่ฤาษี... และปู่พระ.... ทุกวันพระนอกจากการวมกลุ่มเพื่อสวดมนต์นั่งสมาธิแล้ว จะมีการเชิญทรง โดยอาจารย์ผู้นำ เพื่อทำนายทายทัก และช่วยเหลือปัญหาของลูกศิษย์ พร้อมทั้งการปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ ทั้งที่เช่าบูชาจากวัดต่างๆซึ่งย่อมผ่านพิธีมาแล้ว แต่ร่างทรง หรืออาจารย์ผู้นำ จะมีพิธีปลุกเสกอีกครั้ง และพระบูชา เทพต่างๆที่ซื้อมาจากร้านค้าที่ยังไม่ผ่านพิธี ก็จะถูกปลุกเสก เพื่อให้ลูกศิษย์นำกลับบ้านไปบูชา พร้อมทั้งหนังสือสวดมนต์ ที่ถูกทำขึ้นโดยร่างทรง และอาจารย์ผู้นำ โดยมีบทอัญเชิญครูบาอาจารย์ และบทสวดมนต์ทั่วไป ผสมอยู่ด้วยกัน

   บางครั้งก็จะมีคนโดนของมาให้ที่กลุ่มรักษา ตัวผมเองยังถูกสอนให้ถ่ายพลังช่วยเหลือคน หรือถ่ายพลังปรับธาตุให้ลูกศิษย์คนอื่นๆ นอกจากนี้อาจารย์และร่างทรงยังรับตั้งศาลพระภูมิ และพระพรหม โดยจะนำลูกศิษย์รวมทั้งผมไปร่วมพิธีกรรมดังกล่าว โดยกำหนดหน้าที่ตามภูมิธรรมของแต่ละคน โดยอาจารย์และตัวร่างทรงบอกว่าเป็นการสร้างบารมี ที่ผมเล่ามานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีเหตุการณ์ประสบการณ์อีกมากที่เกิดขึ้นในระยะเวลา ๓ ปี ที่ผมอยู่ในกลุ่มนี้

   อนึ่งที่ผมได้เข้าไปมีสวนในกลุ่มปฏิบัตินี้ เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อสำหรับคนทั่วไป เพราะคนที่เป็นร่างทรง ได้เข้าไปทำงานเป็นลูกจ้างผม โดยสมัครเป็นครู ที่โรงเรียนเอกชนที่ผมเป็นเจ้าของและผู้บริหารอยู่ และชักนำผมไปพบอาจารย์ที่เป็นผู้นำกลุ่ม ปัจจุบันผมได้ขายกิจการโรงเรียน และบ้านของพ่อแม่ที่ผมและพี่น้องเคยอาศัยตั้งแต่เด็กไปแล้ว โดยมีเหตุจากความขัดแย้งกับพี่น้อง ถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลกันมาแล้ว เพียงเพราะผมถูกชักนำให้มาปฏิบัติธรรมกับกลุ่มดังกล่าว และพี่น้องระแวงว่าผมจะถูกหลอก โดยบอกว่าผมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และอาจารย์ผู้นำ กับร่างทรง มีอากัปกิริยา ที่แปลกในสายตาของพี่น้องผม ส่วนหนึ่งผมกับพี่น้องบางคนมีเหตุขุ่นข้องหมองใจกันมาก่อนหน้าที่ผมจะไปเข้ากลุ่มดังกล่าว และผมได้เล่าเรื่องความขัดแย้งภายในครอบครัวให้อาจารย์ และร่างทรงฟัง ด้วยความบริสุทธิ์เชื่อใจ หลังจากนั้นบางครั้งตัวร่างทรง หรืออาจารย์ผู้นำกลุ่มก็จะบอกว่าพี่น้องทำคุณไสยใส่ผมบ้างล่ะ(ทั้งที่พี่น้องผมเป็นคริสต์) คิดกับผมไม่ดี สร้างความหวาดระแวงให้ผมกับพี่น้อง จนมีเรื่องราวฟ้องร้องกันเหนือทรัพย์สินที่พ่อแม่ได้มอบกรรมสิทธิ์ให้ผม คือโรงเรียน และบ้านพ่อแม่ที่ผม และน้องสาวอาศัยอยู่ จนกระทั่งมีเหตุที่ต้องขายทัรพย์สินดังกล่าวไป หลังจากนั้นตัวอาจารย์เอง ก็บอกว่าผมต้องไปทำอาชีพใหม่ที่จังหวัดแห่งหนึ่ง โดยบอกว่าผมมีบารมีทางโภคทรัพย์อยู่ที่นั่น ต้องไปทำงานร่วมทุนกับพี่ชายของตัวอาจารย์ผู้นำกลุ่ม(โดยผมเป็นคนออกทุนในการทำงาน)

   จนกระทั่งประมาณต้นปี ๕๐ ผมได้เดินทางไปภูเก็ตตามนิมิตของอาจารย์ และที่นั่นผมก็ได้เรียกสติสัมปัชชัญญะกลับคืนมาโดยหลายสิ่งหลายอย่างได้เกิดความเข้าใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ทราบว่าที่ผ่านมาที่ได้ปฏิบัติธรรมอยู่กับกลุ่มดังกล่าว บางสิ่งบางอย่างไม่ใช่เป็นธรรมมะของพระพุทธะ ผมจึงตัดสินใจเดินทางกลับจังหวัดบ้านเกิด ได้ตระเวณไปรดน้ำมนต์ตามวัดต่างๆ และได้มีบุญวาสนาได้ไปกราบ หลวงปู่สุภา ที่ภูเก็ต และพระในจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยเกรงว่าที่ผ่านมาตัวผมเอง โดนคุณไสย (มีผู้ปฏิบัติธรรมคนอื่นได้บอกว่าเห็นนิมิตที่ผมโดนทำคุณไสย) อย่างไรก็ตามเหตุที่ผมได้นำประสบการณ์ย่อๆมาถ่ายทอดผ่านชมรมกัลยาณธรรม ก็เผื่อจะเป็นธรรมทานที่อาจจะเป็นประโยชน์ และอุทธาหรณ์ ต่อบุคคลทั่วไปที่อาจเผชิญประสบการณ์ลักษณะดังกล่าวได้เทียบเคียง

ผมมีข้อคำถามที่จะรบกวนอาจารย์สนองได้กรุณาให้ความชัดเจนด้วยครับ

   ๑.ประสบการณ์ของผมข้างต้นเป็นการชดใช้กรรมในอดีตของผมใช่ไหมครับ แล้วปัจจุบันที่ผมได้แยกตัวปฏิบัติด้วยตัวเองผมได้ชดใช้กรรมต่อบุคคลในกลุ่มปฏิบัติดังกล่าวแล้วใช่ไหมครับ (ทุกครั้งที่มีการเชิญทรง หรือทำพิธีบวงสรวงต่างๆจะมีการทำบุญเป็นค่าครูด้วย) และการบอกว่าองค์พระ.... มาลงทรงนั้น อาจารย์มีความเห็นว่าอย่างไรครับ

   ๒.ในระหว่างการปฏิบัติธรรมกับกลุ่มดังกล่าว ผมได้มีโอกาสได้บวชพระ ๒ ครั้ง ครั้งแรกบวช ๙ วัน ครั้งที่ ๒ บวช ๑ พรรษา โดยอาจารย์บอกว่าเป็นการล้างกรรม เพื่อสร้างบุญใหม่ โดยในช่วงปลายพรรษามีเหตุที่ผมต้องขายทรัพย์สินข้างต้นไป อาจารย์บอกว่าเป็นบารมีที่ผมได้ในระหว่างบวช(ทั้งที่ผมไม่สบายใจที่ต้องขายกิจการและทรัพย์สินของพ่อแม่ไป) เหตุการณ์ดังกล่าวใช่อย่างที่อาจารย์ผู้นำกลุ่มบอกหรือเปล่าครับ

   ๓.พระพุทธรูป หุ่นเทพ หุ่นปู่ฤาษี ที่ร่างทรง หรืออาจารย์ดังกล่าวทำพิธีปลุกเสก เราควรทำอย่างไรครับ (ปัจจุบันผมยังเก็บไว้อยู่ บางส่วนอยู่ในห้องพระที่ผมสวดมนต์ด้วยครับ) จะมีผลในทางไสยศาสตร์กับผมไหมครับ และคำถามเดียวกันกับ พระพูทธรูป องค์บูชาพระนเรศวร เป็นต้นที่ผมเช่าบูชาจากวัดที่ผ่านพิธีปลุกเสกแล้ว แต่ร่างทรง และอาจารย์มาทำพิธีอีก ผมควรทำอยางไรครับ

   ผมอยากจะบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมและครอบครัว เป็นเสมือนครูบาอาจารย์ และประสบการณ์ธรรมที่ผมคิดว่า เป็นโอกาสที่ทำให้คนคริสต์อย่างผม(อดีต) ได้มีโอกาสบุญวาสนา ได้เป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า ได้เรียนรู้ธรรมะ ทั้งที่เป็นพุทธศาตร์ และไสยศาสตร์ และได้เป็นวิทยาทานแก่บุคคลทั่วไป ปัจจุบันนี้ผมได้เรียนรู้ธรรม มากมายหลายทาง ทั้งจากการปฏิบัติธรรม และจากอาจารย์สนอง และธรรมะจากพระอริยเจ้าทั้งที่ มรณภาพไปแล้วและมีชีวิตอยู่ และปรารถนาที่จะได้มีวาสนาพบเจอครูบาอาจารย์ที่เป็นกัลยาณมิตรทางธรรมได้ชี้แนะการปฏิบัติธรรม

   ในท้ายนี้ขออำนาจแห่งพระรัตนตรัยทั้งสาม องค์พรหม องค์เทพผู้ทรงศีลทรงธรรมในสัมมาทิฐฐิได้ดลบันดาลให้อาจารย์สนอง และคณะผู้ทำงานเผยแพร่ธรรมะของพระพุทธะ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีกำลังจิตที่ดี ด้วยอายุ วรรณะ สุขขะ พละ ด้วยเทอญ สาธุ

คำตอบ
    เป็นความโชคดีที่ผู้ถามปัญหา ได้นำตัวเองแยกออกจากกลุ่มของผู้ที่มีความเห็นผิดไปจากธรรม เอาจิตไปยึดติดเลื่อมใสศรัทธา ในสิ่งที่เป็นโลกๆ (โลกิยะ) และนำความคับแค้นใจมาให้ ดังที่ผู้ถามปัญหาได้รับประสบการณ์ตรงมาแล้ว แต่โชคดีเป็นครั้งที่สอง ได้พบพระแท้ที่จังหวัดภูเก็ต องค์ที่กล่าวถึงเป็นพระอริยสงฆ์ในพระพุทธศาสนา สามารถกราบได้บูชาได้อย่างสนิทใจ เมื่อใดผู้ถามปัญหาพัฒนาตัวเองให้ได้แบบพระสงฆ์องค์นั้น จะมีโชคดีเป็นครั้งที่สาม ซึ่งเป็นโชคดีสูงสุดของชีวิต

     (๑) ใช่ครับ และใช่ครับ การที่องค์พระ...มาลงทรงนั้น เป็นเรื่องของพระที่มาเข้าทรง พฤติกรรมการเข้าทรง มิได้เป็นเหตุทำให้ผู้ศรัทธาได้พัฒนาจิตตัวเองให้ดีขึ้น ผู้ตอบปัญหาเห็นว่า วิธีการเช่นนั้นไม่ทำให้จิตมีอิสรภาพ ไม่ทำให้พ้นจากความทุกข์ จึงไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปศรัทธาเลื่อมใส เพราะจะทำให้เวลาของชีวิตที่เหลืออยู่ผ่านเลยไปโดยไม่เกิดประโยชน์แท้จริง

     (๒) “ กรรม ” หมายถึงการกระทำ ผู้ใดทำกรรมแล้ว ผลของกรรมจะถูกเก็บสั่งสมไว้ในจิตวิญญาณของผู้ทำกรรม เมื่อใดที่เหตุปัจจัยลงตัว กรรมจะแสดงผลออกมาเป็นวิบากของกรรม ที่ผู้ทำกรรมต้องรับและต้องชดใช้จนหมดสิ้น

การทำความดีต้องประพฤติบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ (ทาน ศีล ภาวนา ถ่อมตน ช่วยคนอื่น อุทิศความดีให้ผู้อื่น ยินดีในความดีของผู้อื่น ฟังธรรม เทศน์ธรรม ทำความเห็นให้ถูกต้อง) ผลแห่งการประพฤติแล้วคือบุญ ปฏิบัติธรรม(ภาวนา) เป็นบุญใหญ่สุด เพราะวิธีการเช่นนี้สามารถนำพาชีวิตไปสู่ความเป็นอิสระ นำพาชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ ผู้ใดมีบุญใหญ่และอุทิศบุญใหญ่ใช้หนี้เจ้ากรรมนายเวร หนี้เวรกรรมย่อมหมดไปได้เร็วกว่าบุญที่มีอานิสงส์เป็นธรรมดา ฉะนั้นเรียกว่า “ ล้างกรรม ” ย่อมเรียกได้

     (๓) ไม่ต้องทำอะไร เอาเก็บไว้ในที่ตั้งอยู่เดิม เพื่อใช้เป็นเครื่องระลึกถึงคุณความดีของผู้เป็นต้นแบบหุ่นว่าจะประพฤติตาม และระลึกถึงความไม่ดี (ความหลง) ของผู้เป็นต้นแบบหุ่น ว่าจะไม่ประพฤติตาม

   ผู้ใดมีสติสัมปชัญญะคุ้มครองใจ ผู้นั้นห่างจากภัยอันมาจากไสยศาสตร์ การที่ผู้ถามปัญหาเอาประสบการณ์ที่ผ่านมาเป็นครูสอนใจ นั้นทำถูกแล้ว แต่ต้องไม่ประพฤติซ้ำรอยเดิม และอย่าปลงใจเชื่อด้วยคำเล่าลือ อย่าปลงใจเชื่อเพราะตำราคัมภีร์บอกกล่าวไว้ อย่างปลงใจเชื่อเพราะเขาเป็นครูของเรา ฯลฯ (กาลามสูตร ๑๐ ข้อ) แต่ให้พัฒนาจิตให้ตั้งมั่น (สมถภาวนา) และพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง (วิปัสสนาภาวนา) และใช้ปัญญาเห็นแจ้งมาวิเคราะห์สิ่งที่เข้าสัมผัสจิต จนเข้าถึงความจริงแท้ได้แล้วจะไม่ถูกหลอก

   ขอบใจที่อวยพรให้ผู้ตอบปัญหาและคณะผู้เผยแพร่ธรรม แต่สิ่งดีที่สุด ไม่อาจเทียบได้กับการบันดาลของธรรมวินัยที่มีอยู่กับใจนั่นเอง
   

1121.
กราบเรียนอ. สนอง

ผมอยากจะถามว่า ข้อแรกของอิทธิบาท 4 คือ ฉันทะ ทำอย่างไรจึงจะเกิดครับ บางทีต้องทำงานที่เราไม่ชอบ บางทีทำงานที่เราชอบแต่รู้สึกไม่กระตือรือร้น (ตรงนี้ผมลองฝึกสติ เพื่อไม่ให้พลังสติเสียไปกับเรื่องไร้สาระ แต่บางทีมีพลังแต่บางทีเราไม่กระตือรือร้น เลยคิดว่าน่าจะมาจากว่ายังไม่มีฉันทะครับ)

ขอบคุณมากครับ

คำตอบ
    คำว่า ฉันทะ หมายถึงความยินดี ความพอใจ ความรักใคร่ในสิ่งนั้นๆ ฯลฯ ฉันทะจะเกิดกับผู้ใด ผู้นั้นต้องมีความเห็นถูก (สัมมาทิฏฐิ) ความเห็นถูกเกิดได้ด้วยมีผู้รู้บอกกล่าว แล้วผู้รับฟังคำบอกกล่าวนั้นนำไปประพฤติตาม หรือในอีกทางหนึ่ง เมื่อผู้รู้บอกกล่าว ผู้รับฟังนำเอาคำที่บอกกล่าวนั้นไปคิดพิจารณาโดยแยบคาย(โยนิโสมนสิการ) แล้วความเห็นถูกตามธรรมย่อมเกิดขึ้นได้
   

1120.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

ดิฉันมีเรื่องเรียนสอบถามปัญหาอาจารย์คะ
     ดิฉันนับถือพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เด็ก หลังจากเรียนจบได้ทำงาน ก็เปลี่ยนศาสนานับถือทางตะวันตก ได้สักประมาณ4ปี มีบทเรียนต่างๆ เกิดขึ้นกับชีวิตดิฉัน ได้ศึกษาอ่านหนังเกี่ยวกับเรื่องจิต จนในที่สุดก็กลับมาศรัทธาในพระพุทธศาสนาอีกครั้ง เมื่อปีที่แล้วทำให้ศรัทธามากยิ่งขึ้นเมื่อได้ฟังธรรมะจากอาจารย์ แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า

1.เป็นเพราะกรรมเก่าหรื่อไม่ ทำให้ดิฉันต้องพลัดพรากจากพระพุทธศาสนาไปเกื่อบสี่ปี
และเมื่อก่อนดิฉันจะฝันเห็นวิญญาณต่างๆ บ่อยมาก (เป็นมาตั้งแต่สมัยวัยเรียนมัธยมต้นปัจจุบันดิฉันอายุ 29ปี) พระภิกษุสงฆ์ท่านแนะให้แผ่เมตตา และทำบุญไปให้ ช่วงปีที่ผ่านมาดิฉันทำบุญให้ตามโอกาส สังเกตได้ว่าช่วงหลังนี้ไม่ได้ฝันถึงวิญญาณเลย + รวมทั้งเรื่องกฏแห่งกรรมที่ระลึกได้ว่าเราเคยสร้างกรรมนี้มาสมัยเด็กๆ

2. ดิฉันยังไม่เคยไปปฏิบัติธรรมที่ไหน แต่ฝึกตามการกำหนดลมหายใจ เข้าออก พุธ-โธ ก่อนนอนสังเกตว่าขณะที่ตื่นรู้สึกตัวจะเป็นจังหวะที่ลมหายใจเข้าตลอด รู้สึกเหมือนกับว่าได้ยินเสียงลมหายใจ ผ่านท่อ เสียงชัดเจนมากซึ่งเมื่อก่อนขอยอมรับค่ะว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอ ภาวะแบบนี้คืออะไรคะอาจารย์

ด้วยความเคารพอาจารย์อย่างสูง
จินตนา

คำตอบ
    (๑) ความรู้ในพระพุทธศาสนากล่าวว่า ไม่มีปรากฏการณ์ใดเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ ทุกปรากฏการณ์มีเหตุที่ทำให้เกิดทั้งสิ้น เรื่องที่บอกเล่าไปมีเหตุมาจากกรรมเก่า ที่ผู้ถามเคยชี้นำผู้อื่นให้ประพฤติผิด

   (๒) ภาวะของจิตที่มีกำลังของสติเพิ่มขึ้น จึงไประลึกรู้ลมหายใจที่ละเอียดอ่อนได้
   

1119.
กราบเท้าอาจารย์ สนอง ครับ

ผมขอถามและปรึกษาอาจารย์ดังต่อไปนี้ครับ
      ปัจจุบันผมทำงานเป็นวิศวกรที่ปรึกษา(consult)อยู่บริษัทแห่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้เป็นวิศวกรโครงการงานรับเหมา ลักษณะงานที่เคยคุยกับอาจารย์เป็นงานที่ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม แต่เมื่อทำงานแล้วพบว่าการแก้ปัญหาหน้างานผมไม่ค่อยเก่ง โดยเฉพาะงานทางด้านไฟฟ้า ที่ไม่มีประสบการณ์ทางด้านนี้ ซึ่งงานที่ทำอยู่ต้องใช้ความรู้ทางด้านนี้มากกว่างานเครื่องกล ปัจจุบันมีเพื่อนรุ่นน้องชวนให้ไปร่วมงานเป็นวิศวกรที่หางานเข้าบริษัท โดยตั้งเป็นแผนกใหม่คือ ฝ่าย marketing ซึ่งพื้นฐานผมผ่านงานขายมานาน และมีความปราถนาสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตในอนาคต โดยการเปิดบริษัทเกี่ยวกับการขายสินค้าอุตสาหกรรม และการให้บริการทางด้านการตรวจสอบ และทดสอบระบบดับเพลิง (ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อปริญญาโทวิศวกรรมป้องกันอัคคีภัย) จึงขอกราบเรียนถามอาจารย์ดังนี้
     1. อาชีพงานขายเกี่ยวกับการหาลูกค้าเข้าบริษัท (งานวิศวกรรม) มีโอกาสที่จะผิดศีลผิดธรรมหรือไม่ ถ้ามีเป็นอย่างไรโปรดชี้แจงและการป้องกันแก้ไข
     2. การสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตตามชี้แจงข้างต้น สามารถสร้างได้ด้วยวิธีใด และถ้าเราต้องการให้มีลูกค้าอย่างต่อเนือง ควรประกอบกุศลอันใดและประพฤติตัวอย่างไร
     3. ถ้าเราจำเป็นต้องพาลูกค้าไปเลี้ยงรับรองมีเครื่องดื่มมึนเมา โดยตัวเราไม่อยากทำ แต่ด้วยหน้าที่การงานจำเป็นต้องทำ เราจะมีวิธีแก้ไขและป้องกันอย่างไร
     4. การตัดสินใจเปลี่ยนงาน ควรใช้หลักคิดหรือธรรมะข้อใดประกอบการตัดสินใจ
     5. การสวดมนต์ให้พระ การเดินจงกรม การนั่งสมาธิ ควรแบ่งเวลาอย่างไร การสวดมนต์ไม่จำเป็นต้องหลายบทก็ได้ใช่หรือไม่ แต่เอาเวลาทำอีก 2 ส่วนให้มากขึ้นจะดีกว่าหรือเปล่า
     6. เมื่อเกิดปัญหาที่หนักๆที่เป็นจุดอ่อนของเรา(ตามจริต) เราควรใช้ธรรมะข้อไหนเพื่พิจารณา เพื่อมิให้เกิดความฟุ้งซ่าน

          ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด
            โจ๊ก อาสาสมัครธรรมะบริกร

คำตอบ
    (๑) โอกาสผิดศีลยังมีได้ หากสินค้าอุตสาหกรรมนั้น เป็นเหตุให้ต้องฆ่าสัตว์ เป็นเหตุให้มีการผลิตสุราเมรัย เป็นเหตุให้พูดไม่จริง ฯลฯ ดังนั้นจะป้องกันได้ต้องพัฒนาจิตให้มีสติ (สมถภาวนา) พัฒนาจิตให้เห็นถูกตามธรรม (วิปัสสนาภาวนา) แล้วใช้สติปัญญาเห็นถูกนำทางให้กับธุรกิจที่ทำ

   (๒) การสร้างความมั่นคงที่แท้จริงให้กับชีวิต มิได้เกิดจากการทำงานภายนอก แต่เกิดจากการทำงานภายในคือ พัฒนาจิตให้มีความเห็นถูกตามธรรม แล้วใช้ปัญญาเห็นถูกพัฒนาตัวเองให้มีคุณธรรม ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ใช้ปัญญาทางโลก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ แต่ใช้คุณธรรมถึง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ และหากประสงค์ให้มีลูกค้ามาอุดหนุนต่อเนื่อง ต้องทำตัวเองให้เป็นผู้มีดวงดีด้วยการประพฤติ ทาน ศีล ภาวนา อยู่เสมอ เมื่อใดที่บุญให้ผลย่อมทำให้ดวงดีได้ ผู้มีดวงดีมีงานให้ทำไม่รู้จบ

   (๓) การมีใจเป็นเจตนาพาลูกค้าไปเลี้ยงรับรอง โดยมีเครื่องดื่มสุราเมรัยเป็นเครื่องสนับสนุนธุรกิจ ผู้นำพาลูกค้าไปประพฤติทุศีลเป็นจำเลยบาปที่หนึ่ง ผู้ใดมีบาปสั่งสมในจิต ผู้นั้นมีดวงไม่ดี วิธีป้องกันบาปเช่นนี้ไม่ให้เกิดขึ้น พร้อมทั้งมีธุรกิจดำเนินไปงอกงาม ไม่มีทางเป็นไปได้ ฉะนั้นจึงต้องเลือกด้วยตัวเองว่า จะนำชีวิตอยู่กับโลก หรือจะนำชีวิตพ้นไปจากโลก ต้องเลือกด้วยตัวเอง

   อนึ่ง ปรารถนาให้ธุรกิจงอกงาม พร้อมทั้งยังประพฤติบาปให้เกิดขึ้นด้วย ต้องพัฒนาตนเองให้มีบุญใหญ่ ให้ผลของบุญมีมากกว่าบาป แล้วธุรกิจจะอยู่ได้ ชีวิตจะอยู่ได้ โดยบาปตามให้ผลไม่ทันในชาติปัจจุบัน แต่บาปยังคงติดตามรอเวลาให้ผลอยู่

   (๔) หากคิดจะเปลี่ยนงานใหม่ และมีสิทธิ์เลือกงานได้ ผู้รู้จะเลือกงานที่ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีล และไม่ผิดธรรม

   (๕) ควรสวดมนต์อย่างน้อยบทมนต์ที่สรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นการเจริญสติเบื้องต้น หลังสวดมนต์นั่งสมาธิและเดินจงกรม ควรใช้เวลามากกว่าสวดมนต์ แต่จะใช้เวลายาวนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับกำลังของร่างกาย หากไม่เบียดเบียนเวลาพักผ่อนจนเกินไป ย่อมสามารถทำได้

    (๖) เอาศีล ๕ ลงคุมให้ถึงใจ แล้วพัฒนาจิตให้มีกำลังของสติเพิ่มมากขึ้น จนจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้แล้ว ความฟุ้งซ่านในการปรุงอารมณ์ของจิตจะหมดไป
       

1118.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ สนอง ที่เคารพ

ผมมีปัญหาใคร่อยากจะให้อาจารย์ช่วยตอบดังนี้ครับ
1. เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนไหนคือคู่ครองของเรา
2. ผมอยากเริ่มฝึกสมถกรรมฐาน โดยการเพ่งกสิณแต่ผมไม่มีความรู้ด้านนี้เลย ผมควรทำอย่างไรดี อาจารย์ที่จะให้ความรู้ก็ไม่มี มีแต่หนังสือที่บอกวิธิปฏิบัติคร่าวๆ ไม่ละเอียดแล้วจะฝึกกรรมฐานได้ไหม ถ้าไม่มีอาจารย์เป็นผู้ให้กรรมฐานเพราะแถวบ้านผมไม่มีผู้มีความสามารถด้านนี้เลย (ผมอยู่โคราช)

สุดท้ายผมต้องขอขมาอาจารย์ที่รบกวนเวลาของอาจารย์ด้วยครับ
ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
    (๑) รู้ได้ด้วยคุณธรรม ๔ อย่าง คือ ศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา หากคุณธรรมทั้งสี่มีในบุคคลทั้งสองใกล้เคียงกัน เมื่อมาอยู่ด้วยกัน เรียกว่าเป็นคู่สร้างคู่สม หากคุณธรรมสี่อย่างนี้มีความห่างไกลกัน เมื่อมาอยู่ด้วยกันย่อมเห็นไม่ตรงกัน ทะเลาเบาะแว้งกัน เรียกว่าคู่เวรคู่กรรม

   (๒) หากหาบุคคลมาเป็นครูฝึกกสิณให้ไม่ได้ ก็อ่านหนังสือแล้วปฏิบัติตามคำชี้แนะยังดีกว่าไม่ได้ฝึก อนึ่งผู้ใดให้ทานที่เป็นมหาทาน แล้วอธิษฐานให้ได้พบครูอาจารย์สอนกสิณให้ เมื่อเหตุปัจจัยลงตัว การพบครูสอนกสิณย่อมเกิดขึ้นได้
   

1117.
กราบเรียนดร.สนองที่เคารพ

ผมมีข้อข้องใจเกี่ยวกับการฝึกวิปัสนาครับ
เช่นเวลาเกิดการปวดเมื่อยหลังเพราะเวลานั่งสมาธิ ผมจะฝืนไว้ ไม่ให้หลังงอ แล้วกำหนดว่า ปวดหนอ ๆ ผมทำถูกหรือไม่ ควรแก้ไขอย่างไรครับ

การกำหนดลมหายใจเข้าออก ใช้การภาวนา เข้าหนอ(สติรู้ว่าหายใจเข้า) ออกหนอ(รู้ว่าหายใจออก) ใช้ได้หรือไม่ครับ หรือ ควรหาหนังสือ กรรมฐาน 40 มาอ่านเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกว่านี้ดีครับ

ขอบคุณครับ
ขอให้การให้ธรรมะเป็นทานส่งผลให้อาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปครับ

คำตอบ
     ปฏิบัติถูกแล้วที่กำหนดว่า “ ปวดหนอๆๆๆ ” เรื่อยไปจนกว่าจะหายปวด และการบริกรรมเข้าหนอ-ออกหนอ ก็ทำได้ อนึ่งขณะปฏิบัติธรรมต้องไม่พูด ไม่อ่าน ไม่ดู ไม่ฟัง สิ่งใดๆ แล้วเร่งความเพียรปฏิบัติให้มากขึ้น แล้วมรรคผลแห่งธรรมย่อมเกิดขึ้นได้
     

1116.
กราบเรียนถามอาจารย์ที่เคารพยิ่งค่ะ

การกำหนดจิตให้มีสติอยู่กับอิริยาบทต่างๆนั้น มีวิธีทำอย่างไรคะ ถ้าเรากำหนดรู้แค่ลมหายใจเข้า-ออก อย่างเดียว โดยที่ไม่ต้องกำหนดรู้อิริยาบทอื่นๆ จะทำให้จิตมีสติและเกิดสมาธิได้หรือไม่คะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ

คำตอบ
     การกำหนดลมหายใจเข้าออก ต้องกำหนดขณะจิตว่างจากไม่มีงานภายนอกให้ทำ สามารถกำหนดได้ในทุกอิริยาบถที่เหมาะสม นั่งกำหนด นอนกำหนด ดีกว่าเดินกำหนด ด้วยเอาใจไปจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้า-ลมหายใจออก ทำทุกครั้งที่ว่างจากงานภายนอก ทำทุกครั้งที่นึกได้ บทกรรมฐานที่เรียกว่า อานาปานสติ เพียงอย่างเดียว ก็สามารถพัฒนาจิตให้มีกำลังของสติเกิดขึ้นได้ ส่งผลให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้
    

1115.
กราบเรียนอาจารย์

พอดีผมมาพบwebนี้โดยบังเอิญจากการฟังvcd ขอรบกวนถามอาจารย์ครับ

ผมสงสัยมานานแล้วว่า อานิสงค์ที่เราทำทานหรือเลี้ยงดูแก่บิดามารดา เสมือนให้แก่พระอรหันต์ อานิสงค์หมื่นล้านเท่า แต่ผมสงสัยว่า หากบิดามารดาที่ไม่ได้ให้กำเนิดเราเช่นป้าเลี้ยงเรามาตั้งแต่เล็ก ขอถามครับ

1.อย่างนี้เราเลี้ยงท่านเราได้บุญกี่เท่า เคยมีคนตอบให้ผมฟัง บ้างก็บอกว่าเท่ามารดาจริงๆ บางท่านบอกครึ่งนึงของผู้ให้กำเนิด หรือเสมือนให้ผู้คนทั่วไป

2.หากเราไม่เลี้ยงเราบาปหรือไม่ เพราะตอนหลังเรามาเจอมารดาผู้ให้กำเนิด หากเราอยากเลี้ยงแต่มารดาผู้ให้กำเนิดผู้เดียว เรื่องมีอยู่ว่าป้าผมเคยเลี้ยงน้องผม และเก็บเด็กอีกคนมาเลี้ยง ตอนหลังหนีไปหมด เพราะความเจ้าอารมร้อนของป้า เหลือผมคนเดียว ผมก็อดทนไม่อยากให้ถูกด่าตาหน้าว่าอกตัญญู แต่เพราะมีหนี้สินจากทำธุรกิจ แต่ใจจริงที่เสาะหาทำธุรกิจเพราะอยากให้ป้าสบาย ตอนนี้ก็อายุ60 ก็ยังทำงานอยู่ โดยท่านทำทุกเสาร์อาทิตย์ ผมให้เงินท่านตอนเรียนจบ2,000บาท ท่านบอกว่าเป็นเศษเงิน แต่เราไปให้แม่น้ำตาคลอ(ลืมบอกไปครับ ผมไม่ได้อยู่กับแม่) ที่ท่านบอกเป็นเศษเงินเพราะท่านชอบเอาผมไปเปรียบกับลูกบ้านอื่น แต่ไม่เข้าใจว่าเราเป็นหนี้มาก ก็อยากมีเงินนะครับ แต่พลาดจากการทำธุรกิจครั้งเดียว มีหนี้หลายแสน 4-5แสน

#ทุกวันนี้ป้าผมชอบทำบุญ แต่หน้าตาหมองคล้ำ เพราะเครียด ป้าเคยเลี้ยงน้าและแม่ผม แต่2ท่านก็ต้องหนีไปหมด ป้าตัดพี่น้อง ไม่เหลือใครแม้ลูกหลาน พี่น้อง เราก็อยากหนีเหมือนกันครับ

#ผมกลับบ้านทีไร เครียดทุกที เพราะป้าชอบเล่าเรื่องอดีตที่ขมขื่นของบรรดาพี่น้องลูกหลาน ท่านอมทุกข์ไว้เต็มอก

#ป้าชอบทำทานแต่ไม่ศึกษาธรรม ผมพยายามนำพระธรรมไปเสนอพูดคุย มักไม่สนใจ บอกคำเดียวว่าถ้าอยากให้ท่านหายเครียดต้องมีเงินไปกองให้ท่าน ผมก็ยิ่งเครียดเพราะไม่มีเงิน ให้น้อยก็หาว่าเป็นเศษเงินท่านเหมือนทำบุญเพื่อหวังผล

3.ผมควรทำเช่นไรครับ เพราะจะทำอย่างไรท่านก็ต้องการเงินเท่านั้น ติดในวัตถุ และอาจเพราะเลี้ยงผมเพื่อผลประโยชน์ตอนผมเรียนจบ หรือหวังผล

ขอบพระคุณอาจารย์ล่วงหน้าที่ตอบนะครับ

คำตอบ
    (๑) ใครจะตอบเช่นไรก็เป็นเรื่องถูกของผู้ตอบ บิดามารดามีคุณด้วยเป็นผู้ให้กำเนิดรูปนาม และเลี้ยงดูมาในระยะแรกเกิดจากครรภ์มารดา ส่วนป้ามีอุปการคุณด้วยเลี้ยงดูชีวิตให้เติบใหญ่ ดังนั้นการทำทานแก่บิดามารดาย่อมได้อานิสงค์มากกว่าผู้เป็นป้า ซึ่งให้การเลี้ยงดูเพียงอย่างเดียว

   (๒) เมื่อใดที่ผลของบาปแสดงออก ความเครียด คำพูดที่เป็นอกุศล ความมีหน้าตาหมองคล้ำ ฯลฯ ย่อมเกิดขึ้นส่งผลให้ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ เขาจึงต้องจากไปอย่างที่เห็นแล้ว

   ผู้ใดมีจิตเป็นทาสของเงิน ให้ขนเงินมากองอยู่ต่อหน้าก็ไม่สามารถเติมเต็มความอยากของเขาได้ ฉะนั้นผู้ใดทำบุญเอาหน้า แต่ใจมีแต่ความอยากได้ ย่อมได้รับอานิสงค์แห่งบุญน้อย แต่ได้รับอานิสงค์ของบาปมาก จงดูเขาเป็นครู แล้วเลือกทางชีวิตด้วยตัวเองว่าจะดำเนินไปแบบไหน

   (๓) ชีวิตเป็นของตนเอง จะนำพาชีวิตไปทางไหนต้องเลือกด้วยตัวเอง ใช้เงินเป็นสิ่งตอบแทนกับผู้มีจิตอยากได้เงิน แล้วทำให้เขาอยากได้มากขึ้น ผู้ให้เงินเป็นจำเลยบาปที่หนึ่ง ผู้รับเงินเป็นจำเลยบาปที่สอง ผู้เห็นดีด้วยเป็นจำเลยบาปที่สาม
   

1114.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

   ผมจะขอรบกวนอาจารย์ กรุณาแนะนำวัดหรือสถานปฏิบัติธรรม ในเชียงรายที่อาจารย์จะสามารถแนะนำได้ เพราะผมมีแผนการจะไปที่นั่น และอยากจะใช้เวลาในการปฏิบัติประมาณ ๓ วัน ปกติผมอยู่ที่นครสวรรค์ และเคยไปพบอาจารย์ที่ ม.ธรรมศาสตร์ปีที่แล้ว ผมสวดมนต์ปฏิบัติธรรม แนวพุทโธ แบบอานาปานาสติ มาได้ประมาณ ๒ ปีแล้วครับ ผมขอรบกวนเวลาของอาจารย์เท่านี้นะครับ

  ด้วยความนับถือและเคารพ
    ภานุรุจ บุญญพัฒน์

คำตอบ
    แนะนำ วัดใหม่ศรีร่มเย็น อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย
      

1113.
เรียนถาม อ.ดร.สนอง

     ดิฉันอายุ 48 ปี มีลูก 2 คน สามีรับราชการระดับนายตำรวจ ดิฉันรู้สึกเครียดเกี่ยวกับเรื่องที่ทำงานค่ะ ดิฉันทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งมาเป็นเวลานาน 17 ปี เป็นพนักงานระดับล่างได้ 2 ปี ได้รู้จักกับพี่ระดับผู้บริหารคนหนึ่ง(เป็นผู้หญิง) พี่คนนี้ช่วยดึงมาอยู่ในแผนกที่ดีขึ้น(แผนกจัดซื้อ) พี่เค้าก็เป็นคนดี พูดจาไพเราะ น่าเชื่อถือ เขาเป็นน้องสาวของผู้อำนวยการคนเก่า เป็นคนที่พอมี power ในบริษัท พอย้ายแผนกมาเราก็เหมือนมาเป็นลูกน้องเค้าพักนึง ก่อนที่พี่เค้าจะไปรับผิดชอบงานอีกตำแหน่งนึง แต่ว่าดิฉันไม่ทราบมาก่อนว่าพอย้ายมาแล้วจะต้องทำงานนอกขอบเขตหน้าที่อีกมากมาย

    งานที่เพิ่มขึ้นมีตั้งแต่จัดงานเลี้ยง ยกเก้าอี้ ล้างจาน แม้ต่อมาดิฉันจะได้เป็นหัวหน้าแผนกแล้วก็ต้องทำ ลูกน้องดิฉันก็ต้องทำเหมือนกัน ทำไปร้องไห้ไป จนกระทั่งมีการจัดแม่บ้านมาช่วยล้างจาน แต่อย่างอื่นก็ต้องทำเหมือนเดิม จะมีงานเลี้ยงใด ๆ แม้กระทั่งนอกสถานที่ก็ต้องจัดถ้วย ยกชาม ขนหม้อ ฯลฯ(พนักงานแผนกอื่นก็มีมาช่วยบ้างแต่ว่าเขาก็เลือกทำแต่ในส่วนงานที่เบาๆ) จนมีระบบ ISO ทางบริษัทจึงจัดแผนกโดยตรงมารับผิดชอบงานพวกนี้ พวกเราจึงเริ่มจะไม่ยอมทำงานที่นอกเหนืออย่างนี้อีก โดยเริ่มๆจะถอยออกมา แต่ก็โดนพี่คนที่ช่วยดิฉันย้ายแผนกมาว่ากระแทกบ้าง ยิ่งต่อมาพี่คนนี้ไม่ชอบดิฉันจนไม่อยากมองหน้า เห็นหน้าดิฉันเขาจะว่าดิฉันแรง ๆ แต่บางทีพี่เขาก็พูดจาดี แสดงว่าเป็นห่วงเป็นใย จนดิฉันไม่ทราบว่าแบบไหนคือนิสัยของเขาที่แท้จริงกันแน่ แต่ในที่สุด พี่เค้าก็มีโรคประจำตัวอย่างแรงเกี่ยวกับไต ทำให้ทำงานไม่ได้เต็มที่ และบางครั้งเขาก็จงใจจะอู้งานด้วย เจ้านายจึงเริ่มใช้งานโดยตรงกับดิฉันมากขึ้น แต่บางครั้งพอดิฉันเตรียมหาข้อมูลงานไว้เรียบร้อย อยู่ดีๆพี่เขาก็เอางานที่เราเตรียมไว้ไปเสนอเจ้านายเอง ด้านเรื่องส่วนตัว พี่เค้าจะชอบใช้งาน ใช้ทุกวัน วันละนิดๆหน่อยๆ บางวันก็หลายรอบ เวลาใช้ให้เราซื้อของก็ต้องทวงเงินเขาทีหลังเพราะเขาจะไม่เคยคืนเงินเราเลย (มาทราบทีหลังว่าเขาก็ทำแบบนี้กับคนอื่นเหมือนกัน การว่ากระแทกเขาก็ว่ากับคนอื่นเหมือนกัน) ในปีๆหนึ่งดิฉันยื่นใบลาออกหลายครั้งสาเหตุจากพี่คนนี้และก็เรื่องงานหนักมากด้วย แต่คงเป็นเพราะเป็นคนขยัน ซื่อสัตย์ อดทน ทำให้ผู้ใหญ่ในบริษัททักท้วงไม่ให้ออก เมื่อต้นปีมีหลายคนเห็นความดี ดิฉันได้รับรางวัลพนักงานมนุษยสัมพันธ์ดี ประจำปี 2552

ดิฉันอยากเรียนถามอาจารย์ว่า
1. ดิฉันมีกรรมเวรกับพี่เขาหรือไม่
2. ดิฉันควรทำงานอย่างไรให้มีความสุขในขณะที่ต้องทำงานกับพี่เขา
3. ลูกน้องในห้องคนอื่น ๆก็บ่น(เวลาถูกพี่เขาใช้ส่วนตัว) บางทีดิฉันต้องควักเนื้อให้ค่ารถลูกน้อง การที่เราต้องจ่ายให้เขาบ่อยๆทั้งที่เงินเดือนก็น้อยกว่า ดิฉันจะทำอย่างไรดี บางทีถ้าพูดกับพี่เขาตรงๆได้ไหมคะ
4. เคยแผ่ส่วนกุศลให้เค้าแต่ทำไมเหตุการณ์ยังไม่ดีขึ้น ต้องแผ่ให้เขานานเท่าไหร่คะ

อาจารย์เคยสอนให้มองข้อดีก็พยายามมองแล้วได้ดังนี้
1. เค้าให้ตำแหน่งหน้าที่ที่ดี
2. ให้โอกาสเจ้านายได้รู้จักเรา
3. สอนดี (แต่เค้าทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม)
4. ข้อสุดท้ายที่อดทนจนถึงทุกวันนี้ถือว่าตอบแทนบุญคุณได้หรือไม่คะ แต่ว่าบุญคุณแบบนี้ไม่อยากใช้กับคนไม่ดี อยากลาออกจากงานให้พ้นๆแต่ครอบครัวคงไม่สุขสบาย ขอคำแนะนำจากอาจารย์ด้วยค่ะ

   ด้วยความเคารพอย่างสูง
     นัชรีพร

คำตอบ
    (๑) นี่คือหนี้เวรที่ผู้ถามปัญหาต้องชดใช้ให้หมดไป ดูให้ชัด ผู้ถามปัญหาเป็นผู้มีโชคดี ที่จะได้ใช้หนี้เวรกรรมให้หมดกันในชาตินี้ จะได้ไม่ต้องตามมาใช้ในชาติหน้า หากต้องโคจรมาพบกันอีก

   (๒) แท้จริงเหตุเกิดจากผู้ถามปัญหามีความเห็นผิด ความทุกข์จึงเกิดขึ้น เมื่อใดพัฒนาจิตตัวเองให้เป็นผู้มีความเห็นถูก จะเห็นว่า แท้จริงแล้ว เรานั่นเองเป็นคนดี
     การได้รับรางวัล พนักงานมนุษย์สัมพันธ์ดี นั่นเป็นเครื่องประกันความดีของตัวเอง ฉะนั้นหากต้องการให้ปัญหานี้หมดไป ต้องทำใจให้มีสัมมาทิฏฐิ แล้วจะเห็นว่า ความขยัน ความซื่อสัตย์ ความอดทน เป็นคุณธรรมที่หาไม่ได้ในคนที่ไม่มีความดีเช่นคุณ

   (๓) คนอื่นพูดบ่นอย่างไรเป็นเรื่องของเขา ผู้พูดบ่นเป็นคนที่ไม่มีความอดทน แต่เขาเป็นครูที่ดีสอนใจเราว่า เราจะไม่ประพฤติตนเป็นคนขี้บ่นเช่นเขา แล้วเราจะไม่เป็นคนไม่ดีเช่นเขาไงล่ะ

   อนึ่ง การควักเงินตัวเองให้ลูกน้องเป็นค่าโดยสารรถ เป็นการให้ทรัพย์ เป็นทานผู้ให้ได้บุญ ให้แล้วเสียดายเงิน ได้ทั้งบุญได้ทั้งบาป ฉะนั้นไม่ควรควักเงินให้ลูกน้องจนต้องเบียดเบียนตัวเอง จะไปพูดกับพี่เขาให้ทำบุญกับลูกน้องย่อมพูดได้ แต่เขาจะควักเงินหรือไม่ควักเป็นเรื่องของเขา

   (๔) อุทิศกุศลเล็กๆน้อยๆ กว่าเหตุการณ์จะดีขึ้นต้องใช้เวลายาวนาน ทำไมไม่ทำบุญใหญ่ (ปฏิบัติธรรม) แล้วอุทิศบุญให้พี่เขา หนี้เวรกรรมจะได้หมดเร็วขึ้น

   อนึ่ง ผู้ตอบปัญหาเคยสอนให้มองแต่ในแง่ดีของคนอื่น แล้วทำตาม สอนให้มองในแง่ไม่ดีของคนอื่น แล้วไม่ทำตาม คุณมองในแง่ดีแล้วทำตามแบบอย่างดีให้ถึงที่สุด จึงจะเกิดผลดีกับตัวเองแน่นอน ฉะนั้นจงมองต่อไป และจะบอกว่าไม่มีใครหนีใจตัวเองได้พ้น มีแต่คนโง่เท่านั้นที่หาทางออกให้กับชีวิตด้วยการลาออกจากงาน เขาเป็นครูทำให้เราได้สร้างบารมี แล้วยังคิดปฏิเสธอีกหรือ
   

1112.
เรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง

ผมจะช่วยลูกยังไงครับ
     ผมมีลูกชายเป็นเด็กออทิสติก วิ่งสบัดมือ เดินปลายเท้า ใช้คางทิ่มหน้าพ่อ ไม่สื่อสารใดๆ ตอนนี้ผมดูแลลูกอยู่ที่บ้านเวลาผ่านไป1ปีแล้วครับแฟนไปทำงาน ผมมองดูลูกผมเหมือนมีอะไรบอกผมว่าเขาคือเจ้ากรรมนายเวรของผมครับ คือว่าตอนช่วงที่ผมเป็นวัยรุ่น ผมก็ยิงนกตกปลาไปเรื่อยได้ใช้ปืนยิงนกพิราบตัวหนึ่ง ก่อนตายผมกับนกได้จ้องหน้ากัน มีบางอย่างบอกกับผมว่าเขาแค้นผม ผ่านมา10ปีได้แล้วครับ แต่ในใจคิดใว้เสมอว่า เราต้องชดใช้กรรมที่ทำกับนกตัวนั้น คิดว่าเขาต้องมายิงหรือแทงร่างกายเราแน่ กระทั่งถึงวัยทำงานและแต่งงาน มีลูก ครับชีวิตได้เปลี่ยนไปตอนมีเขาได้1ปี เมื่อทราบว่าเขาเป็นออทิสติก ผมออกจากงานที่มีปัญหามาดูแลลูก ช่วงแรกคิดว่าเป็นอาการพิการทางสมองอย่างหนึ่ง พอได้มาฟังอาจารย์บรรยายเมื่อวาน(internet) ภาพนกตัวที่ผมได้ทำให้เสียชีวิตแวบมาที่หัวผม ผมได้วิเคราะห์ พฤติกรรมของลูกแล้วเหมือนนกเลยครับ วิ่งสบัดมือเหมือนกระพือปีก ใช้คางทิ่มเหมือนนกจิก ชอบให้ผมเล่นโยนสูงๆกลางอากาส ผมบอกเรื่องนี้กับภรรยาผมเขาก็ร้องไห้

คำถามครับ ผมจะช่วยลูกยังไงดีครับ ผมสงสารเขาที่เขาไม่พูดไม่สื่อสาร ผมตั้งใจพาเขาไปทำสังฆทานทุกอาทิตย์ดีไหมครับ

ด้วยความเคารพอย่างยิ่งครับ

คำตอบ
    จากเรื่องที่บอกเล่าไป ผู้เป็นพ่อได้สร้างหนี้เวรกรรมด้วยตัวเอง และผู้เป็นแม่ได้ร่วมกระบวนอกุศลกรรมไว้แต่อดีต จึงต้องมีส่วนร่วมในการรับอกุศลวิบากอยู่ในปัจจุบัน เรื่องนี้แก้ปัญหาได้สองทาง คือพ่อและแม่ต้องประพฤติบุญใหญ่ (ปฏิบัติธรรม) แล้วร่วมกันอุทิศบุญใหญ่ให้เจ้ากรรมนายเวร และในทางที่สองให้ลูกได้อยู่ใกล้ชิด สัมผัสกับสัตว์เลี้ยงที่เป็นสัตว์มีปีกอยู่เสมอ เมื่อใดที่ผู้ผูกเวรยกเลิกจองเวร ความเจ็บป่วยที่เกิดกับลูกย่อมหายได้
  

1111.
ถึงท่านอาจารย์ที่เคารพ

ผมเป็นครูแห่งหนึ่ง สอนมาได้ประมาณ 3 ปีแล้วครับ ในจังหวีดนนทบุรี อายุ 25 ปีครับ
ผมได้ฟังบรรยายธรรมจากท่านอาจารย์ผ่านเวบไซต์หลายเรื่อง อาทิ

- ทัศนคติในการดำเนินชีวิต
- อัญมณีแห่งชีวิต
- อัญมณีแห่งชีวิต
- ชีวิตหลังความตาย
- ชีวิตหลังความตาย
- หลักธรรมในการดำเนินชีวิตและการปฎิบัติงาน
- หลักธรรมในการดำเนินชีวิตและการปฎิบัติงาน
- วิถีสู่อริยะ
- ดุลยภาพแห่งโลก-ธรรม
- วัยรุ่นยุคพุทโธโลยี
- ทไวไลท์โชว
- เวลาแห่งสติ
- การดำรงตนให้เป็นนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยอย่างสมบูรณ์แบบ
- ความสามัคคีและหลักธรรมในการปฎิบัติงาน
- กลยุทธ์สยบโทสะ ดร.สนอง วรอุไร กับ ดร. วรภัทร์ ภู่เจริญ
- การใช้ธรรมะในชีวิตประจำวัน ท่านอาจารย์ดร.สนอง วรอุไรและท่านอาจารย์บรรจบ บรรณรุจิ
- เสวนาธรรมเพื่ออบรม พัฒนาจิตให้เกิดปัญญาและสันติสุข

   เมื่อคืนนี้ผมได้นั่งสมาธิประมาณ 40 นาที ประมาณตี 1 แล้วนอนพัก นอนไม่หลับเลยครับ มีอะไรไม่ทราบมากวน ที่ผมเห็น ก็มีค้างคาว และผีเสื้อ ลอยอยู่เต็มเพดานเต็มไปหมดแต่ครั้งหลับครึ่งตืนนะครับ จากนั้นก็มีอะไรไม่รู้มากวนตลอดนอนไม่หลับเลยครับมีอะไรไม่รู้ (มาตีบ้าง กระโดนตามตัวบ้าง) พอผมใช้สมาธิก็ได้ท่องชินบรรชร สักพักก็มาอีกทำถึงสองครั้ง ผมเลยแผ่เมตตาจึงนอนพักได้ในคืนนั้น ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลยครับ ตั้งแต่นั้งสมาธิได้ดีขึ้น ผมบวชมาได้ครบรอบ 1 ปีแล้วครับ ช่วงปิดเทอมผมว่าจะไปบวชอีกเพื่อปฏิบัติธรรม ช่วงนี้กำลังเคลียร์เรื่องงานอยู่ครับไม่รู้จะมีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า ผมฝึกสมาธิทุกวันครับแต่เวลาไม่นานนักอยู่ประมาณ 30-1.30 ชั่วโมง ส่วนมากจะฟังบรรยายจากท่านอาจารย์แล้วนั้งถึงจะสามารถจดจำคำสอนของอาจารย์ได้ แต่นั่งฟังโดยไม่ได้นั้งสมาธิกลับง่วงนอนไป บางทีฟังไม่รู้เรื่อง แต่พอนั้งสมาธิกลับจำได้ดีเลยครับ

ผมควรเริ่มอย่างไรต่อไป ท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยครับ

อีกเรื่องนึงที่จะขออนุญาติจากท่านอาจารย์ผมอยากทำ CD จากที่ผมได้ฟัง ทำออกเพื่อเผยแพร่ให้กับคนรอบข้าง และบุคคลทั่วไปได้ฟังเพื่อให้เขาได้รู้เท่าทั้นความจริงของชีวิตมนุษย์ที่ควรรู้ (ผมยังไม่เชื่ออาจารย์) แต่ผมจะพิสูทธิ์ด้วยตัวเองให้ได้ครับ

อยากเป็นศิษย์อาจารย์ได้โปรดรับผมเป็นศิษย์ด้วย
สวัสดีครับ

คำตอบ
    การเห็นภาพสัตว์ลอยอยู่บนพื้นเพดาน เป็นเรื่องปกติของผู้ที่เริ่มมีบุญเพิ่มจากบุญปกติ สัตว์ที่เห็นและสัตว์ที่มากระโดดอยู่ตามตัว เขามารอรับส่วนบุญเพราะผู้เห็นเป็นหนี้เขา ปัญหาเช่นนี้จะหมดไปได้ต้องอุทิศบุญที่เกิดจากการปฏิบัติจิตตภาวนาแล้วเสร็จ ต้องอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรไปเรื่อยๆ จนกว่าการเห็นและความรู้สึกว่ามีสัตว์กระโดดอยู่ตามตัวจะหมดไป แล้วการปฏิบัติจิตตภาวนาจะดำเนินไปก้าวหน้า

   อนึ่ง ผู้ถามปัญหายังเข้าไม่ถึงความจริงที่พูดไว้ใน website จึงยังไม่ควรก๊อปปี้ซีดีเผยแพร่สู่คนรอบข้างและบุคคลทั่วไป และไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะก๊อปปี๊ซีดีเพื่อนำไปขาย
   

1110.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนองที่เคารพและนับถือ

    ตอนที่หนูเป็นเด็กหนูเคยขโมยขนมที่ร้านค้าแห่งหนึ่ง ตอนนี้หนูอยากจะเอาเงินค่าขนมไปคืนเขาและให้เขาอโหสิกรรมให้ แต่เขาไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้ว และไม่แน่ใจว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เพราะเขาก็อายุเยอะแล้ว มีวิธีที่จะชดใช้กรรมนี้ และให้เขาอโหสิกรรมให้หนูได้อย่างไรคะ

     กราบขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ

คำตอบ
    ขโมยขนมเป็นการทุศีลข้อสอง ให้ผลเป็นบาป เมื่อรู้ว่าบาปได้เกิดขึ้นแล้ว จงหยุดประพฤติบาปแล้วปฏิบัติตนให้เป็นผู้บำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญจิตตภาวนาอยู่เสมอ และการขโมยขนมในอดีต จะเป็นสิ่งที่ให้คุณกับผู้ถามปัญหาได้ ดูตัวอย่างของสิริมา โสเภณีแห่งแคว้นมคธ หยุดประกอบอาชีพทุศีล แล้วหันมาบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญจิตตภาวนา จนบรรลุโสดาบัน (ปิดอบายภูมิ) บัดนี้ไปเกิดเป็นนางฟ้าโสดาบันอยู่ในสวรรค์ชั้นสูงสุด
  

1109.
สวัสดีครับดร. สนอง และทีมงาน

   ผมพยายาม search หาคำตอบของคำถามที่ผมกำลังจะถามจากเว็บแล้ว (เพื่อไม่เป็นการรบกวนอาจารย์ และเพื่ออาจารย์จะได้มีเวลาตอบปัญหาของท่านอื่น ๆ) แต่ดูเหมือนว่ายังไม่มีใครถาม ผมเลยจะขอรบกวนอาจารย์ครับ

อาจารย์เคยพูดในเทปการบรรยายว่า ตอนครั้งหนึ่งมีคนมาถามว่าสวดชินบัญชรไม่เคยจบและจะทำยังไงให้สวดจบ อาจารย์สนองตอบว่า "ทำขยะในตัวให้เป็นทอง แล้วจะสวดได้จบ" ผมอยากทราบว่า "ทำขยะให้เป็นทอง" ในที่นี้แปลว่าอะไรเหรอครับ รบกวนอาจารย์ด้วยครับ

ป.ล. ผมขออนุโมทนากับทีมงานและดร. สนองด้วยครับ ผมได้ฟังเทปบรรยายเกือบทั้งหมดซ้ำไปซ้ำมาหลาย ๆ รอบ เมื่อมีเวลาว่าง และได้ปฎิบัติตาม

1. ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับชีวิตมากกว่าแต่ก่อน (แม้ความทุกข์ยังมีและอกุศลยังมีอยู่บ้างแต่พยายามทำให้น้อยลง)

2. มีสติมากขึ้น (ยิ่งเรื่องการพูด ทุกวันนี้จะพูดผมจะต้องนึกถึงว่า พูดนั้นจริงไหม มีประโยชน์ไหม เบียดเบียนคนอื่นไหม--จนเพื่อนบางคนคงมองผมแปลกๆ เพราะว่าเมื่อก่อนพูดไร้สาระ เพ้อเจ้อ) และ

3. ได้พิสูจน์คำบรรยายของอาจารย์แล้วในบางข้อว่าเป็นสัจจะจริง ๆ ครับ

ขอบคุณมากครับที่เป็นอาจารย์ในทางธรรมให้ผมครับ

คำตอบ
    ขยะ หมายถึง สิ่งเศร้าหมอง (กิเลส) ทอง หมายถึง บุญ บารมี คุณความดี ฯลฯ

(๑) ความทุกข์และอกุศล ถือว่าเป็นขยะ หากกำจัดได้หมดไป ความสุขที่ละเอียด ประณีต ยืนยาว จะเป็นวิบากดีให้ผู้ที่กำจัดได้เสวย

(๒) เพื่อนบางคนมองคุณแปลกๆ หากแปลกแล้วเกิดผลดีกับตัวเอง จงแปลกต่อไป และทำให้แปลกมากยิ่งขึ้น และหากแปลกมากจนกระทั่งเพื่อนพูดว่า คุณเพี้ยนไปแล้ว เป็นการเพี้ยนที่ดี มีความสุขจากจิตสงบ มีความสุขจากจิตที่เป็นอิสระได้ .... สาธุ จงทำความเพี้ยนเช่นนี้ให้เกิดขึ้นเถิด

(๓) พิสูจน์ได้ในบางข้อว่าเป็นสัจจะ เมื่อใดผู้ถามปัญหาพิสูจน์ได้ในทุกข้อว่าเป็นสัจจะ นั่นเป็นตัวบ่งชี้ว่า ผู้พิสูจน์มีความเห็นถูกตามธรรม
  

1108.
กราบเรียนถามอาจารย์ดร.สนองที่เคารพครับ

   ตัวผมเองอายุ 17 ปี ตอนนี่กำลังศึกษาอยู่ที่ประเทศสวิส ครับ หลังจากตัวผมเองได้มีโอกาศศึกษาธรรมะอย่างจริงจังจากการฟังเทปวีดีโอ ของท่านอาจารย์ แล้วก็อ่านหนังสือต่างๆๆเกี่ยวกับธรรมะในช่วงห้าเดือนที่ผ่านมาแล้วนี่
 
   ผมเลยลองฝึกนั้งสมาธิจากการศึกษาตามหนังสือและวีดีโอเทปจากอาจารย์ต่างๆๆ ผมลองฝึกสมาธิหลายแบบจนรู้สึกว่า อานาปานสติ โดยการระลึกรู้ลมหายใจเฉยๆเหมาะสมที่สุด
หลังจากฝึกไปได้ประมาณ สี่เดือนครึ่งผมก็รู้สึกว่า เวลานั้ง จับลมหายใจได้ชัดเจน ว่ามีลมเข้าออกทางจมูก แล้วยังรู้สึกว่าตัวเล็กลง แล้วยังมีอาการตัวใหญ่ขึ่น แล้วความรู้สึกทางกายก็กลับหายไปเหมือนไม่มีขาไม่มีตัว แต่บ่างครั้งยังได้ยินเสียงที่อยู่รอบๆตัวอยู่
ผมอยากจะเรียนถามอาจารย์ว่า

- สิ่งที่ผมรู้สึกคืออะไร
- แล้วผมควรทำอย่างไรต่อไปครับ เพื่อที่จะเข้าสู่ความเป็นฌานได้
- แล้วสิ่งที่ผมปฏิบัติมาถูกต้องหรือไม่ ถ้าหากผิดผมควรจะทำอย่างไรครับ

ผมต้องขออภัยท่านอาจารย์ดร.สนอง ด้วยครับ เนื่องจากผมไม่ได้เขียนภาษาไทยมานานอาจจะเขียนผิดพลาดไปบ่าง
และขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่เมตตาสละเวลามาตอบคำถามของผมครับ

ก้องภพ

คำตอบ
    สิ่งที่รู้สึกเป็นผลที่เกิดจากจิตมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิ หากประสงค์นำจิตเข้าสู่ความตั้งมั่นสูงสุด (ฌาน) ต้องกำจัดสิ่งที่รู้สึกให้หมดไป ทุกครั้งที่รู้สึกว่าตัวเล็กลง ต้องกำหนดว่า “ ตัวเล็กหนอ ๆๆๆ ” เมื่อรู้สึกว่าตัวใหญ่ขึ้น ต้องกำหนดว่า “ ตัวใหญ่หนอ ๆๆๆ ” กำหนดไปเรื่อยๆ จนกว่าความรู้สึกตัวเล็ก-ใหญ่หมดไป แล้วต้องดึงจิตกลับมาเจริญอานาปานสติต่อไปเช่นเดียวกัน เมื่อรู้สึกว่าไม่มีขา ต้องกำหนดว่า “ ไม่มีขา ๆๆๆ ” เมื่อรู้สึกว่าไม่มีตัว ต้องกำหนดว่า “ ไม่มีตัว ๆๆๆ ” ไปเรื่อยๆ จนกว่าความรู้สึกไม่มีขา-ไม่มีตัวหมดไป แล้วจึงดึงจิตกลับมาเจริญอานปานสติต่อไป การกระทำเช่นนี้เป็นการกำจัดสิ่งที่รู้สึกให้หมดไป แล้วความตั้งมั่นเป็นสมาธิของจิตจะละเอียดยิ่งขึ้น สิ่งที่ปฏิบัติดำเนินมาถูกทางแล้ว แต่มีสิ่งที่ต้องแก้ไขเล็กน้อย เมื่อผ่านปัญหานี้ไปได้แล้ว การฝึกอานาปานสติจะให้ผลก้าวหน้า และจะทำให้ความถี่ของคลื่นสมองเปลี่ยน ทำให้ความจำเพิ่ม ทำให้เรียนสำเร็จได้ง่าย ฯลฯ
     

1107.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพและศรัทธาอย่างสูง

   ปัจจุบันดิฉันและครอบครัวได้ตั้งใจที่จะเดินทางตามแนวทางที่ท่านได้โปรดเมตตาแนะนำและสั่งสอน อาชีพที่ทำอยู่นั้นคือ สำนักงานทนายความ ซึ่งเป็นอาชีพที่เสี่ยง ปัจจุบันนี้ครอบครัวของเราไม่ทำคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและคดีที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าเด็ดขาด (ซึ่งในคดีทางแพ่งเรายังต้องทำอยู่เพราะยังมีภาระทางโลกอยู่มากค่ะ ) ซึ่งพอเราหยุดทำคดีกลับกลายเป็นว่ามีคดีพวกนี้เข้ามาจำนวนหลายคดี (ซึ่งเป็นคดีที่ค่าแรงสูงมาก) ตามที่ครอบครัวเราคิดดูเหมือนว่าจะเป็นการทดลองจิตของดิฉันและครอบครัวว่าจะหยุดทำคดีพวกนี้จริงหรือเปล่า เพราะดิฉันและครอบครัวตั้งใจว่าเมื่อภาระต่างๆ เบาบางลง บุญกุศลที่ครอบครัวของเราสั่งสมมาตามแนวทางที่ท่านอาจารย์ได้โปรดสั่งสอน คงจะได้มีอาชีพที่ถูกตรงตามแนวทางธรรมและ ถ้าเราดำเนินชีวิตตามธรรมะของพระพุทธองค์และมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ถึงแม้จะยังดีไม่พอก็คงทำให้ครอบครัวของเราคงมีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรมอยู่บ้าง และเดินทางไปสู่ภพภูมิที่ดียิ่งๆขึ้นไปถึงแม้จะยังไม่สู่นิพพาน ดิฉันและครอบครัวเห็นถูกรึเปล่าค่ะ

   ท้ายนี้สิ่งใดที่ดิฉันและครอบครัวจงใจหรือประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินท่านอาจารย์ จะด้วยกาย วาจา ใจ ขอได้โปรดอโหสิกรรมให้แก่ดิฉันและครอบครัวด้วยค่ะ

   กราบขอบพระคุณในความเมตตาท่านอาจารย์อย่าง   

คำตอบ
     สิ่งที่บอกเล่าไปเกิดจากปัญญาเห็นถูกเป็นเหตุ .... สาธุ หากปรารถนามีชีวิตหน้าไม่ตกต่ำไปกว่าการเป็นมนุษย์ ต้องประกันชีวิตด้วยทำตนให้เป็นผู้บำเพ็ญทานและรักษาศีล ๕ อยู่เสมอ หรือประพฤติศีล ๘ อยู่เสมอ หรือสวดมนต์ก่อนนอน แล้วตามด้วยการเจริญอานาปานสติอยู่เสมอ การประพฤติเช่นนี้เป็นเหตุเกิดในสวรรค์
   

1106.
กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนองที่เคารพ

   หนูขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำชี้แนวทางที่ถูกต้อง ถูกตรงค่ะ หนูมีเรื่องเรียนปรึกษาท่านดังนี้ หนูได้พยายามปฏิบัติธรรมโดยใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งในการทำงานและที่บ้านค่ะ หาโอกาสเข้าปฏิบัติธรรมตามรูปแบบ มองตัวเองให้มากกว่าเผลอสนใจสิ่งกระทบภายนอก

    พี่ชายทำงานระดับฝ่ายบริหารระดับจังหวัด ได้ย้ายไปปฏิบัติงานในจังหวัดใหม่ มีอาการป่วยและพบว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงโดยทานยาก็ยังไม่ลดลงค่ะ เบาหวาน ประกอบกับเกิดความเครียดที่พบว่าผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาซึ่งทำงานที่นั่นอยู่ก่อนแล้วได้คอรัปชั่น ทำให้เกิดความเครียดในการแก้ปัญหา รวมทั้งย้ายเข้าบ้านพัก ปรากฎว่าเมื่อกลับมาบ้าน ภรรยาและลูกๆพบอาการผิดปกติ คือซูบผอม พูดจาเหมือนไม่มีสติ สีบหาสาเหตุพบว่า เมื่ออยู่บ้านพักหลังนั้น จะนอนไม่หลับ มีอาการหนาวสั่นทั้งที่ไม่ได้เจ็บไข้ ได้นำพี่ชายไปพบหลวงปู่ ท่านสามารถบอกลักษณะบ้านพัก รวมทั้งต้นมะขามต้นใหญ่ พบว่าโดนเจ้าที่ที่นั่นกระทำทั้งที่ได้จุดธูปไหว้พระเพื่อขออาศัยอยู่ก็ยังโดนกระทำ หน้าตาหมองคล้ำ ตอนนี้ดีขึ้น แต่ยังคงเหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ นอนไม่หลับ ถามก็ไม่ยอมตอบอะไร เราปรึกษากันในหมู่พี่น้องอยากให้ลาออกจากราชการ แต่ดูเหมือนพี่ชายยังกังวล บางครั้งก็พึมพำคนเดียว และมีอาการกลัวว่าจะโดนทิ้ง พี่ชายเป็นคนดีค่ะ ทำงานด้วยความสุจริตมาโดยตลอด ไม่ค่อยสังสรรค์ ดื่มสุรากับเพื่อน ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีเพื่อน การได้ตำแหน่งมาด้วยการสอบ ขยันทำงาน และรักครอบครัว ขอคำปรึกษาและคำแนะนำค่ะว่าหนูจะมีส่วนช่วยอะไรได้บ้างค่ะ
 
ขอขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    การช่วยเหลือทางโลกเป็นการช่วยที่ผิวเผิน ช่วยได้ชั่วครั้งคราว เช่น ช่วยหาอาหารให้รับประทาน ช่วยพาไปหาหมอ ช่วยพาออกจากแหล่งที่เป็นปัญหา ฯลฯ แต่หากพี่ชายช่วยตัวเอง ด้วยการพัฒนาจิตให้มีสติและปัญญาเห็นแจ้ง การนอนไม่หลับ การปล่อยวางปัญหาของผู้อื่นย่อมหมดไปได้

   อนึ่ง หากตัวเองมีหน้าที่โดยตรงต้องแก้ปัญหาคอรัปชั่น ทำไมไม่ใช้อำนาจที่ตนมี สั่งให้ผู้ประพฤติคอรัปชั่นเปลี่ยนพฤติกรรม ด้วยการส่งไปอยู่วัดที่มีการฝึกอบรมจิตตภาวนาที่มีกฎระเบียบเคร่งครัด บางหน่วยงานได้ทำเช่นนี้แล้วประสบผลสำเร็จ
   

1105.
กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนองค่ะ,

หนูขอบพระคุณอาจารย์มาก ๆ ค่ะ ที่เสียสละเวลาเพื่อตอบคำถามของหนู และทุก ๆท่าน ใน web นี้ค่ะ

หนูขออนุญาตปรึกษาอาจารย์ดังนี้ค่ะ

หลักสูตรเกี่ยวกับการเรียนรู้เรื่อง พลังจิตใต้สำนึก ที่มีสอนอยู่ในปัจจุบันนี้ สามารถ
แก้ไขข้อบกพร่องของอาการทางจิตใจ ได้จริงหรือไม่คะ เนื่องจากปัญหา
ทางด้านจิตใจที่หนูมีอยู่นั้น หนูไม่สามารถควบคุมความคิดอกุศลจิตที่เกิดขึ้น
โดยใช้วิธีมีสติรู้เท่าทันได้ตลอดค่ะ หนูพยายามฝึกนั่งสมาธิ เดินจงกรม บ้าง พยายาม
สวดมนต์ไหว้พระ แต่จิตที่เป็นหากบางครั้งหากยิ่งอยู่ต่อหน้าพระพุทธรูป ก็ยิ่งควบคุมความคิด
อกุศลจิตไม่ได้ หากอดีตหนูเคยลบหลู่ดูหมิ่นผู้มีคุณธรรมสูงไว้ เท่ากับว่าหนูกรรมหนักไว้มากค่ะ
และติดตามหนูมาจนปัจจุบัน ทั้ง ๆ ที่หนูมิได้ยินดีกับความคิดที่แวบขึ้นมาดังกล่าวเลยค่ะ

หากหนูไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้โดยการสวดมนต์ไหว้พระ ทำสมาธิ หนูจำเป็นต้อง
พบจิตแพทย์ เพื่อทานยา หรือ เรียนเกี่ยวกับหลักสูตรเกี่ยวกับพลังจิตใต้สำนึกหรือไม่คะ
เพราะอาการดังกล่าวของหนูทำให้หนูไม่สามารถพัฒนาจิตใจของตนเองให้สงบได้เลยค่ะ
หนูก็อยากเป็นคนดี..มีจิตใจดี..มีความสุข..ปลื้มปิติขณะทำความดี..ขณะสวดมนต์ไหว้พระ
แต่ปัจจุบันกลับเป็นตรงกันข้าม..หนูกลับมีความทุกข์..ขณะไหว้พระสวดมนต์..เพราะจิตใจที่
ควบคุมไม่ได้ของตนเองค่ะ

ขอรบกวนอาจารย์ช่วยกรุณาแนะนำหนูอีกครั้งนะคะ

NIDNOI

คำตอบ
     การเรียนรู้ด้วยการรับฟังข้อมูลจากผู้ถ่ายทอด การเรียนรู้ข้อมูลจากการอ่านตำราเป็นสุตมยปัญญา และการเอาข้อมูลไปคิดพิจารณาวิเคราะห์วิจัยเป็นจินตมยปัญญา ทั้งสองเป็นการเรียนรู้ความจริง (เหตุผล) ที่ไม่จริงแท้ เพราะมีกาลเวลาเป็นตัวกำหนด เมื่อเวลาเปลี่ยนไป ความจริงที่เคยเป็น จะกลับมาเป็นความไม่จริง ความรู้หรือปัญญาประเภทนี้เรียกว่าอวิชชา ดังนั้นเมื่อเอาปัญญาที่รู้ไม่จริงมาแก้ปัญหา (อาการทางจิต) จึงแก้ได้เพียงชั่วคราว เมื่อกาลเวลาผ่านนานไป ปัญหาจะกลับมาเกิดได้อีก ด้วยเหตุนี้จึงแนะนำให้ผู้ถามปัญหาไปพัฒนาปัญญาสูงสุด (ภาวนามยปัญญา) เมื่อเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ให้นำปัญญาเห็นแจ้งมาดับที่ต้นเหตุ แล้วอาการทางจิตจะหายไป และไม่หวนกลับมาเกิดขึ้นได้อีก
   

1104.
คำถาม

ผมฝันเห็นสิ่งที่ผม เดาว่าเป็นสัมภเวสี หรือจะเรียกว่าผี ผมไม่ทราบและไม่สามารถรู้ได้ว่าที่เห็นนั้นจริงหรือไม่ ผมเห็นกึ่งหลับกึ่งตื่น เป็นหญิงเดินใกล้ๆเตียงรุกรนไปมา และหันมาพูดกับผมในลักษณะโกรธว่าขอเตียงหรือแหวนคืน

๑. ท่านอาจารย์ครับ สิ่งที่ผมเห็น ผมไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ แต่หากจริงท่านอาจารย์ช่วยบอกเป็นวิทยาทานให้ผมด้วยครับว่าเราควรทำอย่างไร เมื่อเจอเหตุการณ์อย่างนี้ เพราะความจำในชาตินี้ ก็ไม่พบว่าได้ไปเป็นหนี้ท่านท่านนั้น (ผมได้ทำทานโดยการแจกหนังสือธรรมะเป็นสาธารณชนและอุทิศให้เขาแล้ว)

๒. ตัวผมเอง ศีลห้าก็ไม่ค่อยจะครบบริบูรณ์ แต่ทำไมบางครั้งวาจาที่เปล่งออกไป ส่งผลแปลกๆ บางทีสติขาดเผลอพูดปดเพื่อเอาตัวรอดโดยการยกข้ออ้างที่ยังไม่เป็นจริงในขณะที่พูด (แต่เป็นไปได้ในอนาคต) ก็พูดไปตามนั้น แต่หลังๆที่สังเกตคือ พูดทีไรเป็นตามนั้น บ่อยมาก และมีผลให้ตัวเองต้องรับวิบากในคำพูดนั้นไปด้วย ผมสงสัยครับ เนื่องจากศีลห้าผมก็ไม่สมบูรณ์ เพราะอะไร วาจาในขณะนั้นถึงส่งผลได้เร็ว บางครั้งส่งผลเร็วชนิด หลังจากพูดจบเลยก็มีครับ

กายกรรม วจีกรรม มโนกรรมใดๆที่ผมได้ล่วงเกินท่านจะโดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ผมขอท่านโปรดอโหสิกรรม งดโทษให้กับผมด้วยครับ กุศลกรรมใดๆ อันเกิดจากการถามคำถาม เป็นธรรมทานแก่สาธารณชน ขอกุศลบุญนี้โปรดจงมีจงเกิดแต่ท่านท่านนั้น ขอโปรดอโหสิกรรมให้แก่กันและกัน นับแต่บัดนี้

ขอกราบเท้าท่านอาจารย์อีกครั้งครับ

คำตอบ
    (๑) เห็นนั้นเห็นจริง แต่สิ่งที่ถูกเห็นไม่จริง เมื่อเจอเหตุการณ์อย่างนี้ควรทำบุญ แล้วอุทิศผลบุญให้กับสิ่งที่ถูกเห็น อุทิศให้บ่อยๆจนกว่าจะเลิกเห็น

   (๒) ศีลห้าไม่สมบูรณ์เพราะสติมีกำลังอ่อน อกุศลกรรมที่ทำให้เกิดผลเร็ว เป็นเพราะบุญที่ทำสั่งสมไว้มีน้อย จึงไม่อาจต้านทานพลังของบาปที่มีมากกว่า อกุศลวิบากจึงเกิดขึ้นเร็ว
   

1103.
กราบเรียนท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไรที่เคารพ

ผมมีคำถามขอกราบเรียนถามท่านดังต่อไปนี้
1. ปริมาณและความถี่ในการทำบุญอย่างไหนจะมีน้ำหนักมากกว่ากันครับ เช่น ทำบุญผ้าป่า 1 วัด 300 บาท กับทำบุญผ้าป่า 3 วัด วัดละ 100 บาทจะให้อนิสงค์เท่ากันหรือไม่ หรือการใส่บาตรพระ1รูปเป็นเวลา 3 วัน เทียบกับการใส่บาตรพระ3รูปในวันเดียวกันครับ

2. การบูชาพระภูมิที่บ้านที่ถูกต้องและได้ผลตรงควรทำอย่างไรครับ ศาลพระภูมิที่บ้านมีอายุราวสามสิบกว่าปีแล้วเริ่มชำรุดแตกหักบ้าง ท่านจะว่าอะไรไหมครับ

3. ที่อาจารย์เคยกล่าวว่า การเลี้ยงพระ7วันเป็นมหาทาน นั้นหมายความว่าอย่างไรครับ จะทำโดยการใส่บาตรอาหารให้พระหนึ่งรูปทุกวันรวมเจ็ดวันจะเป็นมหาทานตามความหมายของอาจารย์หรือไม่ หรือว่าต้องไปเลี้ยงพระที่วัดและต้องเลี้ยงกี่รูปครับจึงจะได้อานิสงค์ของมหาทานนี้

ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงครับ

คำตอบ
     (๑) อานิสงส์ของบุญจะเกิดขึ้นมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความศรัทธา (ก่อนทำบุญ) ความตั้งใจ (ขณะทำบุญ) ความสบายใจ (หลังทำบุญ)
   ตัวอย่างเช่น ข้อ ก. ทำบุญผ้าป่าหนึ่งวัด ๓๐๐ บาท
                   ข้อ ข. ทำบุญผ้าป่าสามวัดๆละ ๑๐๐ บาท
    หากปัจจัยทั้งสามในการทำบุญตามข้อ ก. มีกำลังมากกว่า การทำบุญผ้าป่าตามข้อ ก. ย่อมได้บุญมากกว่า หากปัจจัยทั้งสามในการทำบุญตามข้อ ข. มีกำลังมากกว่า การทำบุญผ้าป่าตามข้อ ข. ย่อมได้บุญมากกว่า

   (๒) คำว่า บูชา หมายถึง การแสดงความเคารพ , ยกย่องเทิดทูน ด้วยความนับถือ ฯลฯ การบูชาพระภูมิที่บ้าน คือ เคารพว่าเขาเป็นสัตว์ (เทวดา) ที่อยู่ในภพสูงกว่าภพที่เป็นมนุษย์ เทวดามีคุณธรรมสูงกว่ามนุษย์ ฉะนั้นควรเคารพหรือนับถึงพระภูมิเจ้าที่ในฐานะเป็นอมนุษย์ที่อยู่ในภพติดกันกับภพมนุษย์ จึงควรปฏิบัติตนเหมือนเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน เคารพนับถือกัน เอื้ออาทรกัน สงเคราะห์ (อุทิศบุญ) กัน ฯลฯ

   อนึ่ง ศาลพระภูมิที่ชำรุด แตกหัก หากซ่อมให้อยู่ในสภาพดี หรือเปลี่ยนศาลใหม่ที่ดีกว่าเดิมให้ เทวดาที่เป็นพระภูมิเจ้าที่ย่อมพอใจ ถือว่าเป็นการบูชาเจ้าที่ได้

   (๓) ทำอาหารไปเลี้ยงพระทั้งวัด หรือถวายแก่หมู่สงฆ์นานเจ็ดวัน ถือว่าเป็นมหาทานได้ ตามความหมายของผู้ตอบปัญหา คำว่าหมู่สงฆ์นั้นต้องเป็นพระอริยสงฆ์ หรือถวายแด่พระพุทธเจ้าเพียงองค์เดียว ก็จัดว่าเป็นมหาทานได้ ดังตัวอย่างที่อดีตของพระพากุละ ได้ปรุงยาแก้โรคลมถวายพระพุทธเจ้าอโนมทัสสีเพียงองค์เดียว ก็ถือว่าเป็นมหาทานได้ ดังนั้นการนำอาหารไปใส่บาตรสมมุติสงฆ์เพียงหนึ่งองค์ทุกวัน นานเจ็ดวัน ไม่ถือว่าเป็นมหาทาน
 

1102.
กราบเท้าอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

กระผมใคร่ขอถามปัญหา ดังนี้ ครับ

1. ลูกสาวของกระผมคนเล็ก ด.ญ ศุภิสรา สมณะ ป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง กระทำวิบากกรรมใดมา และ จะช่วยผ่อนกรรมอย่างไรบ้าง ขออาจารย์กรุณาเมตตา ชี้ทางสว่างให้ข้าพเจ้าด้วยเถิด

2. กรรมฐาน 40 มี กสิณ เป็นต้น เวลาจะพิจารณา ต้องทำอย่างไร หรือ ใช้เพ่งน้ำ เพ่งไฟ เเล้วจะเริ่มต้นอย่างไรครับ ขออาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยเถิด

3. การพิจารณาอสุภะ คิดมโนภาพเห็นเป็นของไม่งาม แต่เป็นปัญญาเพียงภายนอกเท่านั้น ทำอย่างไรถึงจะเกิดความเบื่อหน่าย เพราะที่ตาเห็นจิตก็ปรุงแต่ง บางครั้งก็พยายามควบคุมอยู่บ้าง จะปฎิบัติอย่างไร เพื่อให้เป็นไปในทางที่ถูกต้อง

สุดท้ายกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูง ที่โปรดเมตตากระผม หากชีวิตนี้มีบุญเก่าบ้าง คงได้ฝากตัวเป็นศิษย์ท่านบ้างคนหนึ่ง หากผิดประการใด ขอท่านอาจารย์โปรดอโหสิกรรม ด้วยครับ

คำตอบ
   
(๑) เนื้องอกในสมอง เหตุแท้จริงเกิดจากประพฤติทุศีลข้อแรกมาก่อน เมื่อกรรมตามทันผู้กระทำกรรมจึงต้องรับอกุศลวิบากนั้น การบริหารนี้เวรกรรมจึงควรกระทำให้หนี้กรรมหมดสิ้นไป โปรดดูคำตอบจาก web site ข้อ 728 หรือ สนทนาภาษาธรรมเล่ม ๑๑ ข้อ ๗๘

   (๒) ก่อนอื่นต้องนำศีล ๕ มาคุมใจให้ได้ก่อน แล้วจึงเอากสิณน้ำ กสิณไฟมาเป็นองค์บริกรรม จนกระทั่งจิตเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิ การบริกรรมจึงจะประสบผลสำเร็จ

   (๓) การพิจารณาอสุภะ เหมาะกับคนที่มีราคจริต หากเอาของจริงมาพิจารณาไม่ได้ ควรเอารูปถ่ายของศพที่อยู่ในสภาพต่างๆกัน (ศพที่เน่าพอง ศพที่มีสีเขียวคล้ำ ศพที่มีน้ำเหลืองไหล ศพที่ขาดกลางตัว ศพที่ถูกสัตว์กัดกิน ศพที่มีมือเท้าศีรษะขาด ศพที่ถูกสับเป็นท่อนๆ ศพที่มีเลือดไหลอาบ ศพที่มีหนอนชอนไช หรือศพที่เหลือแต่โครงกระดูก) มาพิจารณาดูบ่อยๆ แล้วจะทำให้จิตเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ เหมือนกับดูจากศพจริง
   

1101.
กราบเรียนถามอาจารย์ครับ

ปัจจุบันผมทราบว่าตัวเองได้ผิดศีลข้อสามจากชาติที่ผ่านมาเนื่องจากว่าในชาตินี้ส่งผลให้เป้นคนรักร่วมเพศ จึงมีคำถามที่สงสัยและต้องการคำตอบครับ

1.ถ้าผมตั้งจิตอธิษฐานขอให้ชาติต่อไปอีก 9 ชาติบรรลุนิพพาน ต้องทำเหตุใดให้ได้ถึงผลบ้างครับ

2.จากผลกรรมข้อกาเม ทำให้ในชาตินี้ผิดหวังเรื่องของความรักมาตลอด และรู้สึกทรมานใจทุกครั้งที่จะเริ่มมีความรัก
จะทำอย่างไรให้กรรมนี้เบาบาง จนหมดสิ้นไปครับ

3.ถ้าผมตั้งจิตอธิษฐานขอให้ชาตินี้ ถ้าจะมีคู่ครอง ขอให้คนนั้นเป็นคนที่มุ่งใฝ่ในธรรมและตั้งมั่นที่จะไปสู่นิพพานด้วยกัน ไม่เช่นนั้นก็ขอให้ไม่ได้เจอคนที่จะมาทำให้ทุกข์ทรมานเรื่องของความรักอีก เป็นการสมควรหรือไม่ครับ

4.ทกครั้งที่นั่งสมาธิ รู้สึกว่าเป็นสมาธิมาก แต่ยังกำหนดจิตตามอารมณ์ไม่ค่อยทัน บางทีนั่งไปพอมีสติก็มักแวบคิดไปจนฟุ้งซ่านอีก พอกลับมามีสติก็เป็นอีก พยายามกำหนดให้เท่าทันอารมณ์ แต่ยังตามไม่ค่อยทัน มีวิธีใดที่จะตามอารมณ์ตนเองให้ทันบ้างครับ

5. เป็นคนที่อารมณ์ร้อนและร้าย ถ้ารู้สึกว่าไม่พอใจใครมักจะต้องมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับคนอื่นเสมอ ซึ่งมาเสียใจในภายหลังทุกที
จะทำอย่างไรให้ความเป้นคนเจ้าอารมณ์ถูกสติควบคุมไม่ให้ทำเช่นนั้นได้บ้างครับ

ขอขอบคุณครับ

คำตอบ
    (๑) เหตุที่ต้องทำคือ ประพฤติตนให้มีศีล ๘ คุมใจ บำเพ็ญทานอยู่เสมอ และเจริญจิตตภาวนา (สมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา) อยู่บ่อยๆ แล้วสิ่งที่ปรารถนาย่อมเข้าถึงได้

   (๒) หนี้เวรกรรมจะหมดสิ้นไปต้องบริหารจัดการให้ถูกตรง ดูคำตอบจาก web site ข้อ 728 หรือ สนทนาภาษาธรรมเล่ม ๑๑ ข้อ ๗๘

   (๓) ผู้ใดประสงค์นำพาชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์ (นิพพาน) ต้องสร้างมหาทาน เช่น ทำอาหารเลี้ยงพระสงฆ์นานเจ็ดวัน ถวายทานแด่สงฆ์หรือหมู่สงฆ์ที่ทรงคุณธรรมสูง หรือถวายทานเป็นคนแรกจากสงฆ์ที่ออกจากนิโรธสมาบัติ ฯลฯ เสร็จแล้วอธิษฐานให้มีปัญญาเห็นถูกตามธรรม และนำสู่การพ้นทุกข์ได้ หลังจากอธิษฐานแล้ว ต้องประพฤติตนให้เป็นผู้มีทาน ศีล ภาวนาอยู่เสมอ เมื่อเหตุปัจจัยลงตัว สิ่งที่ตนปรารถนาย่อมเข้าถึงได้ ฉะนั้นปรารถนามีคู่ครอง (กามสุข) จึงสวนทางกับความปรารถนาเข้าถึงนิพพาน (วิมุตติสุข) จึงไม่ควรทำ
  

 

 

 

 

 

 

browser stats