1

 

 


                                                           
คำถาม-คำตอบ ข้อ 801-850

850.
กราบสวัสดีค่ะ..ท่าน ดร.สนอง

   1) ปัจจุบัน ดิฉัน ได้ทำงานเป็นพนักงานนวดแผนไทย ในสปาแห่งหนึ่ง มีปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นกับพนักงานนวดทุกแห่งก็ว่าได้ คือ ผู้ชายที่เข้ามาในสปามักจะปฏิบัติตัวไม่เหมาะสม ไม่ว่าการกระทำ หรือวาจา (คือว่าการที่ลูกค้าแต่ละคนมาใช้บริการนั้น ตอนแรกเราจะไม่สามารถทราบได้ว่าลูกค้าจะมีนิสัยอย่างไร กว่าจะรู้ก็ขณะตอนที่พนักงานทำการนวดให้ค่ะ คาดว่าบุคคลเหล่านั้นบ้างก็เคยไปที่สปาแห่งอื่นที่อาจจะพบการบริการที่แอบแฝงด้วยการค้าบริการด้วย หรือไม่ก็เป็นนิสัยส่วนตัวของบุคคลเหล่านั้นที่หมกหมุ่นในเรื่องกามราคะ) ดังนั้น เมื่อบุคคลเหล่านั้นเข้ามาใช้บริการในสปา ซึ่งทางสปาจะไม่มีเรื่องการให้บริการแอบแฝงแต่อย่างใด สำหรับดิฉันเองยังไม่เคยเจอกับตัวเอง เพราะเพิ่งจะเข้าไปทำงาน แต่ทราบจากเพื่อน ๆ ว่าจะเจอบุคคลเหล่านี้ทุกคน โดยผู้ชายเหล่านั้นจะแสดงกิริยาลวนลามพนักงานบ้าง ใช้วาจาลวนลามพนักงานบ้าง พนักงานนวดก็จะบอกให้เขาเข้าใจว่าสปาแห่งนี้ไม่ได้มีการค้าบริการ ดิฉัน จึงรู้สึกกังวลและไม่อยากให้ตัวเองต้องพบเจอบุคคลที่เป็นลูกค้าแบบนี้เลย เพราะถ้าพูดแล้วเขารู้เรื่องแล้วหยุดพฤติกรรมไม่ดี ก็ไม่เป็นไร แต่กลัวว่าจะเจอพวกที่พูดแล้วไม่ฟังไม่รู้เรื่องก็อาจจะนำภัยมาถึงตนเองได้ จึงอยากจะขอคำแนะนำจากท่านว่าการที่ดิฉัน สวดมนต์นั่งสมาธิที่บ้านของดิฉัน แล้วแผ่เมตตาให้เจ้าที่เจ้าทางที่ร้านสปาที่ทำงานอยู่ และแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร และแผ่เมตตาให้เทวดาที่คุ้มครองตัวเอง พร้อมกับการอธิษฐานไม่ให้เจอลูกค้าแบบนี้ การปฏิบัติเช่นนี้จะมีผลช่วยให้ดิฉันไม่เจอลูกค้าแบบดังกล่าว และอยู่รอดปลอดภัยได้หรือไม่ค่ะ หรือจะต้องปฏิบัติธรรมอย่างไรให้ถูกทางและปลอดภัยที่สุด รบกวน ท่านดร.สนอง โปรดช่วยแนะนำด้วยค่ะ ( เพราะกว่าจะได้งานก็หายากแสนยาก หากจะไปทำที่อื่นในกิจการสายนี้ก็ต้องหนีไม่พ้นค่ะ )

   2) อยากทราบว่า การถวายสังฆทาน พร้อมผ้าไตรจีวร ทุก ๆ เดือน นั้น จะก่อเกิดบุญกุศลในลักษณะใดบ้างค่ะ

  3) ดิฉัน เคยอ่านหนังสือของท่าน ดร.สนอง ก็พอจะทราบว่าท่านไม่เชื่อเรื่องการทำนาย เพราะท่านจะบอกเสมอว่า คนเราสามารถทำให้ชีวิตตนเองให้อยู่เหนือดวงได้ แต่ทั้งนี้ ดิฉัน ได้ศึกษาศาสตร์ของการทำนายไพ่ยิบซี และการแปลงชื่อ-สกุลเป็นตัวเลขแล้วทำนายมาบ้าง เมื่อลองทำนาย จากที่สังเกตก็จะมีความแม่นยำ แต่คงจะไม่กล้าพูดว่า แม่นยำ 100% เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ดิฉัน เคยคิดว่าอยากจะหารายได้พิเศษจากการทำนายบ้าง เมื่อก่อนดิฉันก็เคยลองดูให้คนอื่น ทุกครั้งที่ดูให้ ดิฉัน ก็จะบอกกับทุกคนเสมอว่าอย่าเชื่อ 100% แต่สิ่งที่บอกเพื่อเป็นแนวทาง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับผลของกรรม และการกระทำของเราในปัจจุบันด้วย จากการที่เคยดูบุคคลอื่น ๆ มา จะทำให้ทราบว่าบุคคลที่มาดูนั้นเขามีพื้นฐานชีวิต นิสัย หรือกำลังพบเจอปัญหาในชีวิตเป็นอย่างไร ดิฉัน ก็จะแนะนำเขาโดยสอดแทรกธรรมะในการแก้ไข ซึ่งตามความเข้าใจของดิฉัน ๆ คิดว่าการนำธรรมะที่ครูบาอาจารย์และที่ท่านสอนไปสอดแทรก ก็เป็นเหมือนวิธีที่ทำให้บุคคลเหล่านี้นำไปปฏิบัติ แล้วอยู่เหนือดวงของตนเองได้ ความทุกข์ที่ประสบจะได้คลายลง ดิฉัน จึงอยากจะทราบว่าการทำนายไพ่ยิบซี อย่างที่ดิฉันตั้งใจจะทำนั้น สมควรที่จะกระทำหรือไม่ / แล้วถ้าบุคคลนั้นเขานำคำที่ดิฉันแนะนำไปปฏิบัติแล้วชีวิตดีขึ้น จะทำให้เจ้ากรรมนายเวรของคน ๆ นั้น มาเล่นงานดิฉันหรือไม่ค่ะ / และอยากให้ท่านอธิบายเพิ่มเติมอีกนิดนึงว่า การที่สมัยก่อนเวลาเขาจะออกไปทำศึกสงคราม ก็จะให้โหรหลวงทำนายทุกครั้ง แม้ปัจจุบันโหรหลวงก็ยังคงต้องมีการทำนายดูฤกษ์ยามในการทำพิธีในวันสำคัญต่าง ๆ นั้น กับการที่ไม่ให้เชื่อเรื่องการดูดวงนี้ มันมีความแตกต่างกันยังไงค่ะ

กราบขอบพระคุณ ท่าน ดร.สนอง ล่วงหน้าค่ะ

คำตอบ
   (1) สิ่งอันเป็นอกุศลที่ถูกสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณแล้วมาปฏิสนธิเป็น มนุสฺสติรจฺฉาโน เป็นสิ่งที่ปรับปรุงแก้ไขได้ยาก ด้วยเหตุนี้ผู้ใดเข้าใกล้และเข้ามีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ประเภทนี้ ย่อมเปิดโอกาสให้อกุศลกรรมเกิดขึ้นได้ง่าย หากไม่ประสงค์จะพบกับเหตุการณ์นี้ต้องนำตัวเองออกห่างจากอาชีพดังกล่าว แล้วไปหาอาชีพอื่นที่เป็นสัมมาทำจะดีกว่าการแผ่เมตตาหรืออธิษฐานดังที่บอกเล่าไป

   (2) อานิสงส์ที่จะเกิดจากการประพฤติดังที่บอกเล่าไปคือ ทำให้เป็นผู้เข้าถึงความบริบูรณ์ในเครื่องนุ่งห่ม เป็นที่รักของคนหมู่มากเป็นที่คบหาของคนดี เกิดในสุคติโลกสวรรค์ ฯลฯ

   (3) หากผู้ถามประสงค์นำพาชีวิต วนอยู่กับการเวียนตาย-เวียนเกิดในวัฏสงสาร การประกอบอาชีพหมอดูสามารถทำได้และผู้ใดเข้าไปมีส่วนรวมในวงจรกรรมของผู้อื่น ผู้นั้นต้องมีส่วนรับผลของกรรมนั้นด้วย ในสมัยก่อนมีการใช้ประโยชน์จากคำพยากรณ์ของโหรหลวง ก่อนออกสงครามรวมทั้งมีการประกอบพิธีกรรมในปัจจุบันยังต้องพึ่งความรู้จากโหรหลวง เหตุเพราะบุคคลผู้เข้าร่วมกระบวนกรรมมิได้มีเจตนานำพาชีวิตให้พ้นไปจากวัฏสงสารจึงสามารถทำได้ แต่หากผู้ใดปรารถนานำพาชีวิตให้พ้นไปจากทุกข์ ต้องเชื่อและประพฤติตามคำชี้แนะของผู้รู้ โดยไม่เอาจิตไปข้องเกี่ยวกับคำพยากรณ์ใด ๆ ความปรารถนาบรรลุธรรมสูงสุดคือพระนิพพานจึงจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้
     

849.
กราบสวัสดี ดร.สนองที่เคารพอย่างสูง

เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนท่านอาจารย์ ดิฉันขอถามคำถามท่านอาจารย์ดังนี้คะ
คือเมื่อหมดอายุขัยความเป็นมนุษย์ในชาตินี้ ปรารถนาไม่อยากกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก โดยปรารถนาจะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกก็ต่อเมื่อ พระอริยเมตตรัยบังเกิดในโลกมนุษย์(ปรารถนาพบพระพุทธเจ้า) โดยหลังจากที่หมดอายุขัยความเป็นมนุษย์ในชาตินี้แล้ว ควรจุติเกิดเป็นอะไร เช่นเทวดา พรหม(เพื่อรอพบพระพุทธเจ้า) และความเป็นมนุษย์ที่เหลืออยู่ควรนำพาชีวิตอย่างไรเพื่อให้ไปจุติยังที่ ๆ ปรารถนาได้

ขอบพระคุณอย่างสูงคะ

คำตอบ
    ต้องสร้างมหาทาน เช่น ทำอาหารเลี้ยงพระในวัดที่มีพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติถูกตรงตามธรรมวินัย ต่อเนื่อง 7 วัน แล้วอธิษฐานขอเกิดมาพบพระศรีอารยเมตไตรย์ในกาลาข้างหน้า แล้วต้องทำเหตุให้ถูกตรงคือให้นำพาชีวิตไปเกิดในสวรรค์ด้วยการประพฤติกุศลกรรมบถ 10 และในห้วงชีวิตที่เหลืออยู่ ต้องพัฒนาตนให้มีนิสัยชอบอยู่ในที่สร้างวิเวกพัฒนาตนให้ไม่มีความโลภ ไม่ตระหนี่ ยินดีบริจาคทานอยู่เสมอ มีจิตเมตตาอยู่เสมอ มีความยินดีสมาคมกับผู้มีสติปัญญาอยู่เสมอ ฯลฯ ซึ่งมีคุณสมบัติดังนี้แล้วโอกาสเกิดมาพบพระศรีอารยเมตไตรย์ในวันข้างหน้าจึงมีได้ และทำไมไม่อธิษฐานขอบรรลุธรรมของพระองค์ด้วยล่ะ
       

848.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

   ดิฉันมีปัญหาอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องงานค่ะ คือดิฉันเพิ่งถูกเลิกจ้างค่ะ ตอนนี้ก็เลยต้องหางานใหม่ทั้ง ๆ ที่ทำงานเพียงแค่4 เดือน(ให้ออกเดือนมิถุนายน) และก็ไม่ได้มีความผิดอะไร แต่เค้าบอกว่าบริษัทมีปัญหาเรื่องการเงิน

   อาจารย์คะ ก่อนหน้านี้ดิฉันก็มีปัญหา อย่างงานก่อนหน้านี้ดิฉันก็ถูกนินทาโดยที่ดิฉันไม่มีโอกาสชี้แจงเลยว่าอะไรเป็นอะไร นินทาจนดิฉันไม่รู้จะเอาตัวไปวางตรงไหน จะทำอะไรก็ถูกจับผิดไปหมด เหมือนเล่นซ่อนหาอยู่ตลอดเวลา เอาเรื่องดิฉันไปเล่าให้นายจ้างฟังจนมองดิฉันไม่ดี ทุกอย่างเกิดขึ้นลับหลังดิฉันและก็มีเหตุที่ดิฉันต้องออก(ดิฉันไม่มีโอกาสได้รับรู้ด้วยซ้ำว่าทำผิดตรงไหนเขาไม่บอกต่อหน้าแต่เอาไปพูดกับคนอื่น)

   ตอนนี้ดิฉันหางานใหม่ยอมรับว่าไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ ถ้าย้อนกลับไปถ้าองค์กรที่อยู่ไม่มีปัญหาเรื่องการเงินจนต้องบีบพนักงานออก ก็เป็นเรื่องคนที่นินทาจนดิฉันไม่อยากจะอยู่ ทั้ง ๆ ที่พยายามทำดีด้วย พูดด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่าฝืนตัวเองอย่างมากจริง ๆ ค่ะ แต่ก็ต้องทำ เราตอบโต้เขาไม่ได้
ดิฉันจะทำอย่างไรดีคะกับสภาพเหตุการณ์ที่เป็นแบบนี้ ก็ต้องหางานใหม่ ดิฉันยอมรับว่ารู้สึกหวั่นใจ และกลัวไม่รู้ว่าจะเจอกับคนแบบไหน ยอมรับว่ากลัวคนจริง ๆ ค่ะ ดิฉันไม่ทราบว่าที่ดิฉันต้องเจอแบบนี้ติด ๆ กันนี้เป็นกรรมเก่าของดิฉันหรือปล่าว ดิฉันจะทำอย่างไรดีคะ ขอความกรุณาอาจารย์แนะนำด้วยค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
    ไม่มีปรากฏการณ์ใดสามารถเกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุที่ทำให้เกิดผู้ใดทำกรรมไว้ก่อนแล้ว เมื่อกรรมให้ผลเป็นอกุศลวิบากผู้ทำกรรมต้องเป็นผู้รับและต้องชดใช้กรรมจนกว่าหนี้ของกรรมจะหมดไป (ดูเว็บไซด์ข้อ 728 เพิ่มเติม)

   ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตและงาน มีคุณสมบัติประจำตัวดังนี้คือ ต้องเป็นคนเก่ง (มีความรู้+ความสามารถ) ต้องเป็นคนดี (มีคุณธรรม) ต้องมีดวงดี (ประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 เนืองนิตย์) และต้องหยุดประพฤติอกุศลกรรมทั้งปวงให้ได้เมื่อใดกุศลที่ประพฤติส่งผล การถูกปฏิเสธ การถูกไล่ออกจากงาน การถูกนินทา ฯลฯ จะไม่เกิดกับบุคคลที่มีคุณสมบัติดังที่กล่าวมานี
     

847.
กราบเรียนถาม อ.สนอง วรอุไร

   เรียนถามปัญหาคือ ปัจจุบัน ตัวผู้ถาม ไม่มีบ้าน ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีงาน ไม่มีเงิน กลายเป็นคนเร่ร่อน นี่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริง ไม่ได้โกหก หรือหลอก แต่อย่างใด ขอเรียนถามความเห็น อ.สนองว่า ว่า ผู้ถามควรทำอย่างไรดี เพราะรู้สึกมืดมนจริง ๆ

กราบแสดงความนับถือ

คำตอบ
    ในความมืดยังมีความสว่างเป็นของคู่ผู้ตอบปัญหาเคยได้สนทนาธรรม กับหลวงพ่อดาบส (มรณภาพแล้ว) มีอยู่เรื่องหนึ่งได้เรียนถามท่านว่า “ อะไรเป็นเหตุให้ท่านต้องมาบวชเป็นพระสงฆ์ในพุทธศาสนา ” หลวงพ่อตอบว่า “ เพราะความยากจนเป็นเหตุ จึงต้องมาบวชเป็นพระสงฆ์ ”    หากผู้ถามมีชีวิตเป็นอิสระจากมนุษย์สมบัติดังที่บอกเล่าไปจริง นับว่าเป็นผู้มีโชคดี และจะดียิ่งขึ้น หากได้ประพฤติถูกตรงตามแบบอย่างหลวงพ่อดาบส และทำได้อย่างหลวงพ่อดาบส ผู้ตอบปัญหาจะได้อนุโมทนาด้วย
   

846.
กราบเรียนถามท่านดร.สนอง วรอุไร ครับ

1.การสร้างทานบารมีกับพระอริยะสงฆ์แล้วอธิฐานขอพระนิพานจะทำให้เราเติมเต็มบารมีในเจริญสติได้เร็วกว่าใช่ไหมครับและรบกวนท่านอาจารย๋สนองแนะนำคำอธิฐานเพราะๆ หน่อยครับ

2.ถ้าทำบุญทุกวันกับพระอริยสงฆ์หลายๆรูปจะมีผลยังไงและจะหนีวิบากกรรมได้เร็วกว่าใช่ใหม่ครับ.

คำตอบ
    (1) การอธิษฐานขอพระนิพพานเป็นการตั้งจิตปรารถนานำจิตเข้าสู่ภาวะนิพพาน เมื่อตั้งเป้าหมายไว้แล้ว ต้องทำเหตุให้ถูกต้องคือพัฒนาจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิและพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้สติกับปัญญาเห็นแจ้ง ส่องดูใจตนเองแล้วกำจัดกิเลสที่ผูกมัดใจ (สังโยชน์10) ให้หมดไปได้เมื่อใดสภาวะนิพพานตามที่อธิษฐานจึงจะมีจริงได้

(2) ทำบุญทุกวันกับหมู่อริยสงฆ์ ไม่สามารถหนี้วิบากกรรมได้เร็วเท่ากับการพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งกำจัดสังโยชน์แต่ละตัวให้หมดไปจากใจ จนจิตบรรลุความเป็นอริยบุคคลได้แล้ว จะหนีวิบากของกรรมได้เร็วกว่า
  

845.
กราบเรียนดร.สนองที่เคารพ

   หนูประสบปัญหาถูกเพื่อนบ้านกลั่นแกล้งรังแกค่ะ ถึงขั้นปีนเข้ามาในบ้านทำลายทรัพย์สินต่างๆ ไม่ได้มากมายอะไรนักเหมือนกับต้องการก่อกวนให้โมโหไม่มีความสุข หนูเคยตบะแตกมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งแต่หาคู่กรณีไม่ได้ เพราะใครจะยอมรับจริงไหมคะ หนูพยายามใช้ธรรมะทุกข้อเข้าแก้ ให้อภัย เมตตา มันก็บรรเทาได้เป็นบางครั้ง แล้วมันก็โกรธเกลียดพยาบาทอีก แต่พอนึกได้ว่า เราเคยก่อกรรมนี้ไว้ ก็ควรชดใช้ซะ เขาย่อมเคยทุกข็ร้อนใจก็เพราะเรามาก่อน มันก็ทำให้อารมณ์เย็นลงและทำให้ปลงได้ค่ะ คราวนี้อยากทำอะไรก็ทำซะ ฉันขอใช้ให้หมดๆไป

    แต่หนูก็ยังมีความคาดหวังว่า เมื่อไรเขาจะหยุด ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหรือสำนึกอะไร ก็เลยเศร้า เสียใจ เบื่อหน่ายอีก มีอยู่วันหนึ่งหนูมองดูต้นไม้ในกระถาง เสียงแม่บ่นว่า ใครหนอมาเด็ดหักทำลายช่อกล้วยไม้ที่เพิ่งออกใหม่ หนูก็ไม่รู้หรอกค่ะว่า ใครทำ อาจเป็นหลานที่อยู่ในบ้านหรือเป็นเจ้ากรรมนายเวรพวกนั้น แล้วมันก็มีความคิดแวบเข้ามาในหัว "เพราะเราไปถือเป็นเจ้าเข้าเจ้าของสิ่งเหล่านั่น การยึดถือเป็นเจ้าของนั่นแหละทำให้เป็นทุกข์ ต้นไม้ข้าวของต่างๆมันอยู่ของมันเฉยๆ คนเรานี่ล่ะที่ไปทึกทักกันว่า เราเป็นเจ้าของสิ่งนั้นสิ่งนี้ สรรพสิ่งต่างๆไม่มีใครเป็นเจ้าของใคร เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เรามีกรรมสิทธิ์ในโลกนี้ก็ด้วยกติกาสมมุติ สมมุติเงินทองเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของต่างๆ ไม่มีใครเป็นเจ้าของอะไรที่แท้จริงเลย"

   หนูอยากเรียนถามอาจารย์ว่า ความคิดที่แวบเข้ามานี้เป็นอย่างไรคะแล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ทุกวันนี้ หนูเห็นสิ่งของต่างๆที่ไม่เป็นระเบียบ อาจจะด้วยน้ำมือคนหรือเหตุบังเอิญก็ตาม หนูก็คิดทำความสะอาดหรือจัดเก็บให้เรียบร้อย ไม่ต้องคิดว่า เกิดจากอะไร โทษใครอีก มันก็เหมือนจิตเบาๆดีค่ะ และทำให้หนูไม่คิดมากเรื่องหนูถูกนินทาให้ร้ายต่างๆด้วยค่ะ หนูสามารถยิ้มให้คนพวกนั้นได้ด้วยค่ะ หนูไม่อยากปรุงแต่งแล้วว่า เขายิ้มให้เรา ทำหน้าอย่างนั้นอย่างนี้เพราะนินทาเรา ด่าเรา

    กราบขอบพระคุณอาจารย์ที่สละแรงกายแรงใจช่วยเหลือเพื่อนร่วมสังสารวัฎ และขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ทุกประการค่ะ
       ขอแสดงความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
    ความคิดที่ไม่ดีแวบเข้ามาให้ระลึกรู้ แสดงว่าโปรแกรมจิตที่ติดลบยังหลงเหลืออยู่ในใจ ผู้รู้ไม่แก้ปัญหาที่คนอื่น แต่ผู้รู้ดูใจของตนเองแล้วแก้ปัญหาที่ตนเอง เมื่อใดที่จิตระลึกถึงความคิดที่เป็นลบ ต้องทำจิตให้นิ่งเป็นสมาธิ แล้วใช้จิตตามดูว่า ความคิดติดที่เป็นของไม่เที่ยง ไม่คงที่ (อนิจจตา) คงทนอยู่ไม่ได้ เพราะถูกมีด้วยความเกิดขึ้นและความดับสลาย (ทุกขตา) และเป็นสิ่งที่มิใช่ตัวมิใช่ตน (อนัตตา) ผู้ใดเห็นชัดแจ้งดังนี้แล้ว จะไม่เอาความคิดติดลบ ที่ไม่มีตัวตนแท้จริงมาไว้กับตัว จิตจะปล่อยวางความคิด มีความเป็นอิสระจากความคิด แล้วความสุขจะเกิดขึ้นแทนที่
  

844.
อนุโมทนา สาธุ ท่านอาจารย์ สนองค่ะ

   ดิฉันเพิ่งเข้ามาศึกษาการปฏิบัติธรรมไม่นานมานี้ ครั้งแรกที่ปฏิบัติธรรมคือที่ ยุวพุทธฯ มีเพื่อนแนะนำหนังสือทางสายเอกของท่านอาจารย์สนองให้อ่าน ดิฉันก็ไปดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ กัลยาณธรรมนี้ หลังจากนั้นก็ติดตามงานหนังสือของท่าอาจารย์มาโดยตลอด ถ้ามีเวลาว่างจะเข้ามาดาวน์โหลดธรรมบรรยายของท่านอาจารย์สนองอย่างเป็นประจำ และทุกวันเวลานั่งทำงานจะฟังธรรมบรรยายของท่านอาจารย์ตลอด รู้สึกว่าซึ้งถึงรสพระธรรมดีมาก มีธรรมบรรยายของท่านอาจารย์ที่เป็นการตอบคำถามธรรมทางรายการวิทยุ ฟัง ๆ ไป เจอคำถามแต่ละอัน ตัวดิฉันเองก็คิดว่า ทำไมคำถามแต่ละอันถึงได้........ (อันนี้ขอละไว้นะค่ะ) ก็มีความรู้สึกว่า ท่านอาจารย์มีความเมตตาอย่างแรงกล้า หากเป็นตัวดิฉันเองคงไม่มานั่งฟังเรื่องอะไรแบบนี้ เพราะบางเรื่องรู้สึกว่ารับไม่ได้จริงๆ (เพราะดิฉันไม่มีบารมีพอ) ก็อยากจะขออนุโมทนา สาธุ ในความเมตตาของท่านอาจารย์นะค่ะ ทุกวันนี้พยายามรักษาศีล 5 ให้บริสุทธ์ และพยายามหาเวลาว่างไปนั่งปฏิบัติธรรมตามแต่ละโอกาสจะเอื้ออำนวย

  มีคำถามเดียวที่สงสัย คือ พี่สาวของดิฉันเคยนั่งสมาธิที่บ้าน และทุกครั้งที่จะออกจากสมาธิพี่สาวจะตัวสั่น ซึ่งมันไม่ได้สั่นเเองนะค่ะ พี่สาวจะทำตัวให้สั่นเพื่อเรียกจิตกลับมา อันนี้มันคืออะไรค่ะ เพราะว่าที่พี่สาวดิฉันปฏิบัตินี่ก็ทำตามพระสงฆ์ที่ประจำอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งค่ะ วิธีแบบนี้มีในพระพุทธศาสนาจริงหรือไม่ เพราะเท่าทีทำการ search หาข้อมูลดูไม่เคยเห็นกล่าวไว้เลยค่ะ

ขอขอบพระคุณในความกรุณาของอาจารย์มา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ

คำตอบ
    ผู้ใดนำธรรมะของพระพุทธะมาสถิตไว้ในใจได้แล้ว พฤติกรรมติดลบจะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้าผู้ใดปฏิบัติผิดไปจากธรรมของพระพุทธะ พฤติกรรมดังบอกเล่าไปย่อมเกิดขึ้นได้นั่นคือปฏิบัติไม่ถูกตรงตามธรรม

    ฉะนั้นหากประสงค์จะแก้ปัญหานี้ต้องนำตัวเองของเข้าหาและขอรับคำชี้แนะจากครูบาอาจารย์ผู้มีประสบการณ์และเข้าถึงธรรมของพระพุทธะได้ ถ้าคำชี้แนะมาปฏิบัติตามให้ได้ปัญหาที่บอกเล่าไปจึงจะแก้ได้เป็นผลสำเร็จ

  

843.
กราบเรียน อ.ดร.สนอง

  ดิฉันมีความพร้อมทุกอย่างในการปฏิบัติธรรม ทางบ้านไม่ขัดข้อง และมีรายได้ทุกเดือนโดยไม่ต้องเดือดร้อนหางานทำ แต่ดิฉันยังไม่สามารถหาสถานที่อยู่ปฏิบัติธรรมได้เป็นเวลานานๆ จนสามารถเห็นธรรมได้โดยไม่ต้องบวชชี จึงอยากให้ อาจารย์ช่วยแนะนำสถานที่ที่ดิฉันสามารถอยู่ปฏิบัติธรรมได้ยาวนานจนบรรลุธรรมได้ด้วยค่ะ ปัจจุบันดิฉัน อาศัยอยู่ที่ กรุงเทพ เคยปฏิบัติแนว พองยุบ มาก่อน แต่ทางวัดคนเยอะมาก ไม่สามารถให้อยู่ปฏิบัติได้นาน ดิฉันจึงต้องไปๆกลับๆ ปฏิบัติไม่ต่อเนื่องเพราะที่บ้านคนเยอะจะชวนคุยมากจนฟุ้ง ต่อมาดิฉันรู้จักเพื่อนพาไปปฏิบัติ แนวพุทโธ ดิฉันลองปฏิบัติดู รู้สึก โปร่ง โล่ง เบา แต่ก็ยังไม่มีสติ เนื่องจากวัดที่เพื่อนพาไปปฏิบัติ จะเป็นแนวอิสระ อยากปฏิบัติเมื่อไรก็ทำเอง ดิฉันเพิ่งจะเริ่มต้นปฏิบัติจึงเคว้งคว้าง

รบกวนอาจารย์ช่วยแนะนำสถานที่ปฏิบัติธรรมที่ฆราวาสสามารถอยู่ปฏิบัติธรรมแบบมีกฎระเบียบให้ด้วยค่ะ
   ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
   สถานที่ปฏิบัติธรรมมีคนมาก ยังไม่สำคัญเท่ากับปรับตัวเองให้เหมาะสม (สัปปายะ) กับสถานที่ นั่นเป็นที่ถูกต้องและควรทำที่สุด ประสงค์จะแสวงหาที่สงบในการปฏิบัติธรรมผู้ตอบปัญหาแนะนำให้ไปหาเจ้าอาวาส และขออนุญาตปฏิบัติธรรมที่วัดทับทิมแดง ซึ่งอยู่หลังตลาดไท จ.ปทุมธานี
   

842.
กราบแทบเท้าอาจารย์ ดร. สนอง

   ดิฉันเคยปรึกษา อ.สนอง ในคำถามที่ 809 , 823 ตามที่ดิฉันได้ศึกษาประวัติแม่นางอิสิทาสี ทำให้อยากทราบประวัติโดยละเอียด ไม่ทราบว่าดิฉันจะสามารถสืบค้นหาได้จากที่ไหนคะ ทั้งนี้เพราะดิฉันอยากทราบขั้นตอนและแนวคิดวิธีปฏิบัติเช่นไร เพื่อหลุดพ้นจากอกุศลกรรมวิบากดังกล่าว ไปให้ได้ ทั้งนี้ เพื่อยึดเป็นแบบอย่างคะ ไม่ทราบว่าดิฉันจะหาข้อมูลได้ที่ไหนคะ

   ขณะนี้ดิฉัน ได้ย้ายกลับมาอยู่กับพ่อแม่ที่ต่างจังหวัดแล้วคะ เรามีร้านขายยาเล็กอยู่หน้าตลาด ดิฉันสังเกตถึงพฤติกรรมของพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดแล้วรู้สึกเป็นห่วงอย่างมากคือ บ้างก็ดื่มเหล้า เล่นหวย นินทาว่าร้ายกัน บ้างก้อขายเต่า ปลาไหล ปลาดุก ขังพวกมันไว้ในถัง น่าสงสาร ฆ่าปลา ทุบหัวกันสดๆ เห็นแล้วรู้สึกหดหู่ มากเลยคะ
    ดิฉันจึงตัดสินใจขออนุญาตคุณพ่อแม่ จัดแบ่งพื้นที่ในร้านขายยา จัดทำมุมหนังสือธรรมะ ไว้ที่ร้านโดยอนุญาตให้เข้ามานั่งอ่านหรือหยิบยืมหนังสือธรรมะ ที่ดิฉันทำการสั่งซื้อหนังสือและซีดี ทั้งหมดที่มีจำหน่ายในเวปไซน์ของกัลยาณธรรม และหนังสือธรรมะอื่นๆอีกมากมาย ทั้งนี้หวังเพียงแค่ให้พ่อค้าแม่ค้า ได้มีหนังสือดีๆอ่าน ได้ซึมซับสิ่งดีๆบ้าง ที่กล่าวมายืดยาวนี้ เพียงแค่จะ ขออนุญาตอาจารย์สนอง ขอใช้มุมหนังสือธรรมะนี้ว่า มุม กัลยาณธรรม จะได้ไหมคะ หรือหากอาจารย์เห็นชื่ออื่นเหมาะสมกว่า ดิฉันขออนุญาตอาจารย์ช่วยแต่งชื่อ มุมหนังสือธรรมะนี้ด้วยคะ

   ดิฉันขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ด้วยความเคารพอย่าสูง และขอให้อาจารย์เชื้อได้ว่า ดิฉันจะใช้ ศีล สมาธิและปัญญา ที่อาจารย์ สนอง เคยแนะนำมานี้ มาช่วยเหลือคนที่อยู่ใกล้ดิฉันให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้คะ

    กราบขอบพระคุณคะ

คำตอบ
   โปรดสอบถามดร.บรรจบ บรรณรุจิ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ท่านมีความรู้เกี่ยวกับพุทธศาสนาอย่างดีคงให้ความกระจ่างในเรื่องที่ถามไปได้

   ส่วนเรื่องพฤติกรรมของพ่อค้าแม่ค้าที่คุณได้เห็นด้วยตกได้ยินด้วยหู มันเป็นเรื่องของเขา คุณไม่มีสิทธิไปบอกเขาให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเขาเป็นครูที่ดีสอนคุณให้ระมัดระวังหูที่ได้ยิน ระมัดระวังตาที่ได้เห็นมันจะเป็นสื่อนำบาปกรรมของคนอื่นมาเป็นบาปกรรมของตัวฉะนั้นหากคุณปรารถนาจะไม่ให้บาปเข้าสู่ใจ ต้องปรับปรุงใจของตนเองให้มีสติสัมปชัญญะ คุมหู คุมตา คุมใจ ของตนเองให้ดีได้เมื่อใดแล้ว การเห็นด้วยตา การได้ยินด้วยหู ก็จะเป็นประโยชน์กับตัวคุณเอง

   ดำริจะทำมุมธรรมะไว้ที่ร้านให้ผู้อื่นได้มาหยิบยืมหนังสือหรือซีดีไปอ่านไปฟัง เป็นความคิดถูก (สัมมาสังกัปปะ) อนุโมทนาด้วยและไม่ขัดข้องตามที่ขอใช้ชื่อมุมกัลยาณธรรม เพียงแต่แจ้งให้ทางชมรมกัลยาณธรรมทราบด้วย เขาจะได้อนุโมทนาแล้วบุญก็จะเกิดมากยิ่งขึ้น
   

841.
กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพ

   บ้านพักของผมมีแมลงสาบชนิดหนึ่ง เป็นแมลงสาบขนาดเล็ก ตัวเต็มวัยขนาดกว้าง x ยาว ประมาณ 3 มม. x 1 ซม. (ชึ่งต่างกับแมลงสาบทั่วไปที่ตัวมีขนาดใหญ่) ลูกของมันเล็กมาก (ประมาณเท่ามดคัน) แมลงสาบชนิดนี้ขยายพันธุ์ได้เร็วมาก เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อนผมเคยคิดจะกำจัดโดยใช้ยาเบื่อ แต่ก่อนใช้ผมได้ตั้งจิตอธิษฐานบอกว่าหลังจากนี้อีก 3 วันผมจะใช้ยาเบื่อแล้วนะ ขอให้ย้ายไปอยู่ที่อื่นก่อนอย่ามารบกวนกันอีกเลย เมื่อครบ 3 วันผมก็ซื้อเหยื่อสำเร็จรูปมาวาง เช้ามาก็พบแมลงสาบตายไป 10 กว่าตัว แต่ด้วยความที่ผมได้เคยตั้งใจไว้ว่าจะรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ก็รู้สึกไม่ดีที่เห็นแมลงสาบตาย ก็เลยเก็บยาเบื่อไว้ไม่นำมาใช้อีก

    ผมก็พยายามทำความสะอาดบ้านไม่ให้เหลือเศษอาหารไว้เป็นเหยื่อแมลงสาบเพื่อมันจะได้ไม่ต้องมาอยู่ แต่มาถึงปัจจุบันนี้แมลงสาบเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว กลางคืนผมลุกเข้าห้องน้ำผ่านห้องครัวเห็นมันออกมาเดินกันเป็นพันตัว (ไม่น้อยนะครับ) เพื่อหาเศษอาหาร เช้ามาหม้อข้าว หม้อแกงก็พบมันมุดฝาลงไปกินตายอยู่ในหม้อหลายตัว โดยเฉพาะกับข้าวที่เป็นน้ำเช่นต้มจืดมันจะลงไปแล้วตกน้ำตายเป็นประจำ ไปหาซื้อตู้กับข้าวก็ไม่มีแบบที่ป้องกันแมลงสาบตัวเล็กได้ ตอนกลางวันไปรื้อดูพบมันแอบอยู่ตามใต้ภาชนะต่างๆ มากมาย เช่นใต้ขวดน้ำปลาขวดเดียวพบทั้งพ่อแม่ลูกและไข่เป็นสิบตัวผมทนกับเหตุการณ์แบบนี้มานานพอสมควรจนตอนนี้ผมทนไม่ไหวแล้ว ก็เลยต้องเลิกรักษาศีล 5 เอายาเบื่อที่เคยเก็บไว้มาใช้อีก ผมวางมา 3 คืนแล้ว เช้ามาก็พบมันนอนตายเกลื่อนพื้นวันละ 200 - 300 ตัว รู้ว่ามันบาบมากแต่หาทางออกไม่ได้

อยากจะขอคำแนะนำจากอาจารย์ว่ามีทางออกวีธีอื่นบ้างหรือไม่ครับ
   ขอขอบพระคุณอาจารย์มากครับ

คำตอบ
    การกระทำที่บอกเล่าไป เป็นการประพฤติผิดศีลข้อ ปาณาติบาต ผู้ใดประสงค์จะเลิกประพฤติผิดศีลในข้อที่กล่าวถึงทำไมไม่ทำตามแบบคนโบราณ เขาแก้ปัญหาเช่นนี้ได้เป็นผลสำเร็จด้วยการใช้พิมเสน 1 ส่วน ผสมกับ การบูร 3 ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากันดีแล้ว บรรจุใส่ถุงผ้าดิบเล็ก ๆ (3-5ช้อนโต๊ะ) รัดปากถุงให้แน่นแล้วนำไปวางไว้ในที่มีแมลงสาปรบกวน เช่นในตู้เสื้อผ้า ในตู้เก็บเครื่องถ้วยชาม ในตู้เก็บแก้ว เก็บช้อน ฯลฯ ปรากฎว่าไม่มีแมลงสาปตายและไม่มีแมลงสาปปรากฏให้เห็นอีกเลยทำไมไม่ลองทำตามที่คนโบราณเขาได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่างดูบ้างล่ะ
     

840.
กราบเรียนอาจารย์สนอง มีคำถามที่ต้องการถามอาจารย์ดังนี้ครับ

   1. ได้อ่านคำตอบที่อาจารย์ให้ไว้ว่า ควรจัดหิ้งพระให้หันหน้าไปทางด้านทิศตะวันออก อยากทราบเพราะเหตุใดจึงเป็นทิศที่เหมาะสมครับ

   2. การเข้าอรูปฌานได้ไม่จำเป็นต้องฝึกกสิณมาก่อนใช่หรือไม่ครับ และอยากให้อาจารย์อธิบาย อรูปฌาน ทั้ง ๔ อย่างย่อๆ พอให้เห็นภาพครับ เพราะพยายามอ่านและใช้ความคิดตามแล้ว รู้สึกเข้าใจสภาวะอรูปฌานเหล่านั้นได้ยาก เช่น "กำหนดวิญญาณเป็นอารมณ์" และอยากทราบว่า ผู้ที่ฝึกเข้า "รูปฌาน"ได้สามารถรู้วิธีการเข้าสู่ "อรูปฌาน" ต่อไปเป็นลำดับได้ด้วยตนเองได้หรือไม่ หรือว่าอาจจะต้องมีครูอาจารย์เป็นผู้แนะนำการพัฒนาลำดับฌานขึ้นไปครับ

   3. "ฉันทะ" คือกิเลสตัวหนึ่งใน "สังโยชน์ ๑๐" คือ "กามฉันทะ" แต่ "ฉันทะ" ก็ปรากฏอยู่ใน
"อิทธิบาท ๔" ด้วยเช่นกัน การใช้อิทธิบาท ๔ ในการทำการงานภาระหน้าที่ทางโลก ยังคงต้องแฝงอยู่ด้วยกิเลสอยู่ใช่หรือไม่ครับ แล้วจะพัฒนาจิตอย่างไร ให้ใช้อิทธิบาท ๔ เพื่อความสำเร็จแต่จิตไม่ยึดติดกับความเป็นตัวตนสมมติของภาระหน้าที่เหล่านั้นได้ครับ และการปฏิบัติธรรมควรจะประกอบด้วยฉันทะด้วยหรือไม่ครับ เพราะเคยได้ยินคำว่า "ฉันทะในการปฏิบัติธรรม"

ขอขอบพระคุณอาจารย์ที่เมตตาตอบคำถามเหล่านี้ครับ

คำตอบ
    (1) ตอนที่พระมหาโพธิสัตว์ ประทับนั่งใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ในคืนที่ตรัสรู้ ท่านได้นั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกในฐานะพุทธบริษัทที่เลื่อมใสศรัทธาในพระศาสดา ควรดูเป็นแบบอย่างแล้วประพฤติตาม จิตให้เข้าถึงอรูปฌานได้ ยังสามารถใช้อุเบกขาอัปปบัญญา หรือ อาณาปานสติ มาเป็นองค์บริกรรมให้จิตเข้าถึงรูปฌานทั้ง 4 ได้ ผู้ใดปฏิบัติได้แล้ว กำลังของรูปฌาน 4 จะส่งผลให้จิตของผู้เขาถึงแล้วสามารถพัฒนาอรูปฌานได้เป็นผลสำเร็จ

   (2) การอ่านจากตำราไม่สามารถเข้าถึงอรูปฌานได้ แต่ผู้มีทักษะมาแต่อดีตชาติ เมื่อจิตตั้งมั่นถึงระดับรูปฌาน 4 สามารถใช้พลังจิตตามดู (โยนิโสมนสิการ) ความเป็นไปสี่อย่างของอารมณ์ที่เกิดขึ้นในจิตได้เองโดยไม่ต้องมีผู้แนะนำ คือรู้เห็นเข้าใจด้วยจิตของตนเอง (สนฺทิฏฐิโก) ว่าอากาศไม่มีที่สิ้นสุดปรากฏเป็นอารมณ์เกิดขึ้นในจิต โดยไม่ต้องบริกรรมคำว่า “ อากาโส อนฺนโตๆๆๆ ” จิตสามารถบรรลุถึงคาวมเป็นอรูปฌานที่เรียกว่า อากาสานัญจายตนฌาน เมื่อจิตออกจากอากาสามัญจายตนฌานแล้ว จะปรากฏว่า วิญญาณ(ความรู้แจ้งอารมณ์)ไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอารมณ์เกิดขึ้นในจิต โดยไม่ต้องบริกรรมคำว่า “ วิญญาณํ อนฺนตํๆๆๆ ” จิตสามารถบรรลุถึงความเป็นอรูปฌานที่เรียกว่า วิญญาณัญจายตนฌาน เมื่อจิตออกจากวิญญาณัญจายตนฌานแล้ว จะปรากฏความไม่มีอะไรเป็นอารมณ์เกิดขึ้นในจิต โดยไม่ต้องบริกรรมคำว่า “ นตฺถิ กิญจิๆๆๆ ” จิตสามารถบรรลุถึงความเป็นรูปฌาน ที่เรียกว่า อากิญจัญญายตนฌาณ และสุดท้ายเมื่อนำจิตออกจาก อากิญจัญญายตนฌานแล้ว จะปรากฏความไม่มีสัญญาอย่างหยาบ แต่มีสัญญาอย่างละเอียด เป็นอารมณ์เกิดขึ้นในจิต โดยไม่ต้องบริกรรมคำว่า “ เอตํ สนฺตํ เอตํ ปณีตํๆๆๆ ” จิตสามารถบรรลุถึงความเป็นอรูปฌานที่เรียกว่า เนวสัญญานาสัญญายตนฌานเป็นอรูปฌานสุดท้าย

ส่วนผู้ฝึกจิตที่มีบุญบารมีหรือมีทักษะสั่งสมมาไม่มากพอแต่ชาติปางก่อน สามารถพัฒนาจิตให้เข้าถึงความเป็นอรูปฌานได้จำเป็นต้องพึ่งครูบาอาจารย์ผู้มีประสบการณ์ หรือเคยเข้าถึงฌานสมาบัติ 8 มาก่อน เป็นผู้ชี้แนะการฝึกให้ ด้วยการนำคำบริกรรมดังกล่าวข้างต้นมาเป็นองค์ภาวนา

   (3) ในสังโยชน์ 10 ตัวแรกคือ กามราคะ คำว่าราคะหมายถึงความกำหนัด ความยินดีในกาม ส่วนคำว่าฉันทะในอิทธิบาท 4 เป็นหนึ่งในคุณธรรมที่ส่งผลให้เกิดเป็นความสำเร็จในทางโลก คือมีความยินดีในกิจที่ทำ ผู้รู้ใช้ฉันทะให้เกิดเป็นประโยชน์ ผู้รู้ได้ประโยชน์จากฉันทะ แต่ผู้รู้ไม่เอาจิตไปผูกติดกับฉันทะ ด้วยเหตุนี้การปฏิบัติธรรม หากประสงค์จะเข้าถึงธรรมของพระพุทธะ ต้องใช้ฉันทะให้เป็นโดยมีสติสัมปชัญญะระดับโลกุตระ เป็นตัวระลึกรู้เท่าทันในการใช้ฉันทะให้เกิดประโยชน์ แล้วจิตจึงจะเป็นอิสระจากฉันทะได้
   

839.
กราบเรียนถามอ.ดร.สนองที่เคารพอย่างสูง

ขอโอกาสถามเรื่องปัญหาชีวิตค่ะ
   หนูรู้สึกว่าพ่อเป็นเจ้ากรรมนายเวรมาทวงหนี้เพราะตั้งแต่อยู่กันมาไม่มีความสุขเลย พ่อชอบกินเบียร์จนเมา ชอบจิกใช้แม่เหมือนชี้ข้า และถ้ารู้ว่าหนูและแม่ไม่ชอบอะไรก็จะยิ่งทำสิ่งนั้นด้วยความสะใจ และไม่ยอมหย่ากับแม่เพราะต้องการผลประโยชน์คือเงิน หนูทุกข์และโกรธมากเวลาพ่อมาตะคอกขอตังค์จากแม่ โดยให้แม่ไปกู้สหกรณ์มาให้ ถ้าไม่ให้จะไปยืนด่าหน้าสหกรณ์ แม่ก็กลัวต้องยอมไปกู้มาให้ทุกครั้งเพราะรู้ว่าสู้คนแบบนี้ไม่ไหว โดยเค้าไม่เคยคืนให้เลย เอาของแม่ไปหลายแสน ถ้าทวงถามก็จะพาลตอบว่า ไม่เคยยืมเลย ตอนนี้หนูมีเรื่องทะเลาะกับพ่อ เค้าโกรธมากอยากตัดขาดจากหนูและแม่ โดยไล่หนูและแม่ออกจากบ้าน ต้องไปอาศัยอยู่บ้านญาติ และให้โอนบ้านซึ่งเป็นชื่อหนู คืนให้กับเค้า พร้อมเงินที่เคยให้ ซึ่งหนูก็ไม่ได้ว่าอะไร ยินดีคืนให้ ทุกอย่าง เพราะถ้าไม่มีเค้าในชีวิตแล้ว ชีวิตมันดีขึ้นเยอะ

    หนูรู้สึกทุกข์ใจมากในตอนนี้เพราะเค้ายังคงอยากตามพยาบาทจองเวรต่อไป โดยบอกว่าให้ออกค่าน้ำค่าไฟค่าโทรศัพท์และค่าเคเบิ้ลให้เค้าต่อไป (ก่อนหน้านี้หนูก็เป็นคนออกให้มาตลอด) ตอนแรกนึกว่าเค้าอยากตัดขาดจากเราแล้วจะไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก แต่เค้าเหมือนอยากแกล้ง อยากพยาบาทจองเวรต่อไป ทั้งที่เงินที่หนูโอนคืนให้ก็เป็นหลักแสนแล้ว และเค้ามีเงินเก็บอีกประมาณ 2 ล้าน แต่เค้าก็ยังมาขอให้ออกค่าในบ้านต่อไป เค้าชอบเปิดแอร์ทั้งวันเปลืองค่าไฟมาก หนูก็มีเงินเดือนไม่มาก ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีเงินเก็บเพราะเอามาจ่ายค่าในบ้านและให้เงินเดือนเค้าหมด โดยเค้ามีนิสัยพาล ถ้าสั่งอะไรแล้วไม่ได้อย่างใจ หนูกลัวว่าเค้าจะมาทำร้ายร่างกายหรือมายืนด่าหน้าบริษัท (เค้าเคยขู่ว่าจะมายืนด่าหน้าบริษัทค่ะ) หนูและแม่จะทำอย่างไรดีคะ ที่จะไม่ต้องพบเจอและเกี่ยวข้องกับเค้าอีกต่อไป ต้องทำบุญอะไรถึงจะไปพ้นเวรกรรม บ่วงพยาบาทของคนนี้ค่ะ

กราบขอบพระคุณค่ะที่เมตตาตอบคำถาม

คำตอบ
    ในครั้งพุทธกาล ที่วัดเชตะวัน กรุงสาวัตตถี พระพุทธตรัสความเป็นมงคลจำนวน 38 ข้อ ให้กับเทวดาที่มาขอให้พุทธองค์บอก ซึ่ง 1 ใน 38 ข้อนั้นมีคำว่า “ อเสวนา จ พาลานัง... ” ซึ่งมีความหมายว่า ความไม่คบชนพาลเป็นมงคลสูงสุด

   การไม่คบชนพาลต้องไม่เข้าใกล้ ไม่เงี่ยหูฟัง ไม่พบเห็นคนพาล เว้นให้ห่างไกลจากคนพาล ดังคำของคนโบราณได้กล่าวไว้ว่า “ เว้นหมาให้ห่างศอก เว้นวอกให้ห่างวา เว้นพาลาให้ไกลถึงแสนโยชน์

   ดังนั้นหากผู้ถามปัญหาเชี่อพระพุทธะและเชื่อคำกล่าวของคนโบราณและปฏิบัติตาม ปัญหาที่ถามไปจะหมดไปชั่วคราวและจะหมดไปสิ้นต่อเมื่อนำชีวิตเข้าสู่พระนิพพาน
    

838.
กราบ เรียนอาจารย์

   ผม ได้ฟังซีดี ของอาจารย์ และอ่าน สนทนาภาษาธรรม ขอเรียนถามอาจารย์ เกี่ยวกับ คน สัตว์ สิ่งของ ดิน น้ำ ลม ไฟ เกิด แก่ เจ็บ ตาย จิต กับ กาย กฎแห่งกรรม กฎเกณฑ์ต่างๆ ศ ี ล สมาธิ ภาวนา การ มีโลก มี ระบบ สุริยะ มีกาแลคซี่ มี จักรวาล สิ่งที่กล่าวมา เกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นผู้ให้กำเนิด เป็นผู้สร้าง และเพื่ออะไร

กราบขอบคุณอาจา ร ย์มาล่วงหน้าครับ
   สมปอง

คำตอบ
    ทั้งหมดที่ถามไปว่า สิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นเกิดขึ้นได้อย่างไรใครเป็นผู้ให้กำเนิด ใครเป็นผู้สร้างและเพื่ออะไร เป็นสิ่งที่ไม่ควรคิด (อจินไตย) และมิใช่วิถีแห่งการพ้นทุกข์ ต้องขออภัยไม่ตอบ
  

837.
กราบเรียน อาจารย์สนอง วรอุไร

หนูได้ไปฝึกวิปัสสนากรรมฐาน ที่คณะ 5 ที่อาจารย์แนะนำแล้วค่ะ แต่หนูประสบปัญหาหลายอย่าง ขอเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

1. หนูไม่สามารถนั่งสมาธิได้นาน อาจเนื่องจากสรีระของหนูเอง คือหนูเป็นคนตัวอ้วนเตี้ย ขาจึงสั้นและใหญ่ หนูจะปวดขามากเวลานั่ง จิตจึงฟุ้งมาก เพราะไม่มีสมาธิอยู่แล้ว ปวดขา และรู้สึกเหมือนจะหงายท้องด้วย แต่หนูรู้สึกดีและมีสมาธิกว่ากับการเดินจงกรม หนูจะเดินจงกรมอย่างเดียวได้ไหมคะ

2. หนูมีโอกาสไปฝึกมา 4 ครั้งแล้ว ครั้งแรกรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย ครั้งที่ 2 รู้สึกโล่งสบาย ครั้งที่ 3 รู้สึกปวดหัว ครั้งที่ 4 รู้สึกปวดหัวมากกว่าครั้งอื่นๆ เป็นเพราะอะไร หนูตวรปฏิบัติอย่างไร

3. หนูยังไม่สามารถสวดมนต์ช่วงที่กราบแล้วหมอบได้ค่ะ แล้วหนูจะได้บุญไหมคะ เมื่อหนูไม่สามารถสวดมนต์ได้ครบทุกขั้นตอน (หนูจะพยายามฝึกท่องให้ได้ค่ะ)

4. ตอนท้ายที่มีการแผ่เมตตาและอุทิศส่วนกุศลให้พ่อแม่และผู้มีพระคุณ ท่านจะได้รับบุญกุศลอย่างไรคะ มากแค่ไหนคะ พ่อหนูกำลังป่วยหนักจะมีวิธีที่จะทำให้ท่านได้บุญมากๆ และมีโอกาสได้ไปสวรรค์ไหมคะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์ค่ะที่กรุณาสละเวลาอันมีค่ายิ่งตอบคำถามดังกล่าว
หนูขออนุญาตอวยพรให้อาจารย์และครอบครัวมีความสุข สุภาพแข็งแรงตลอดไปนะคะ

คำตอบ
    (1) การฝึกจิตให้มีสติ สามารถใช้ได้กับทุกอิริยาบถ อิริยาบถใดนำมาใช้ฝึกจิตให้มีสติ แล้วทำให้จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ อิริยาบถนั้นเหมาะกับผู้ถามปัญหา

   (2) วิธีการฝึกจิตแล้วมีปัญหาปวดศีรษะเข้ามารบกวนควรเลือกฝึกในอิริยาบถที่เหมาะสมเข้าได้กับจริตของผู้ฝึก เช่นโภชนสัปปะได้แก่การบริโภคอาหารที่ถูกับร่างกาย อุตุสัปปายะ เช่นอากาศไม่หนาวเกินไปไม่ร้อนเกินไป อิริยาบถสัปปายะ เช่น ใช้วิธีเดินจงกรมแทนการนั่งภาวนา ฯลฯ รวมถึงการใช้บทกรรมฐานที่ถูกับจริตของตน ซึ่งต้องทดลองปฏิบัติดูด้วยตนเอง

   (3) สวดมนต์ในขณะหมอบกราบ หากไม่เหมาะกับสรีระของตนให้นั่งสวดมนต์แล้วจึงกราบภายหลังก็ได้บุญเหมือนกัน

   (4) อุทิศบุญกุศลหลังปฏิบัติธรรมให้พ่อแม่ ก่อนเข้าปฏิบัติควรบอกให้พ่อแม่ทราบก่อนว่า เมื่อปฏิบัติธรรมแล้วเสร็จในแต่ละวัน ลูกจะอุทิศบุญกุศลให้ท่าน บอกให้ท่านกล่าววาจาตามเวลาที่กำหนดให้ หากพ่อแม่กล่าวอนุโมทนาบุญที่ลูกอุทิศให้เขาก็จะได้รับบุญเป็นส่วนจะได้บุญมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความตั้งใจกล่าวคำอนุโมทนาว่าตั้งใจมากหรือตั้งใจน้อย

พ่อมีโอกาสได้ไปเกิดอยู่ในสวรรค์หรือไม่ ขึ้นอยู่กับขณะจิตหลุดออกจากร่าง หากมีแรงกรรมของกุศลกรรมบถ 10 ผลักดัน โอกาสไปเกิดในสวรรค์จะมีได้
  

836.
กราบเรียนท่านอาจารย์

อยากจะถามเกี่ยวกับเรื่อง การทำให้เรียนหนังสือดี นะครับ
   1.ที่อาจารย์บอกว่าให้กิน โปรตีน กับ ไขมัน เยอะๆ จะได้ไปเลี้ยงสมอง กินแบบฝรั่งจะได้หัวดี
ขอถามว่า ผมกินไขมันเยอะๆโดยกินอาหารฝรั่ง คือ พวก mcdonald กินเฟรนฟาย(มันฝรั่งทอด) จะได้มั้ยครับ และพวก พิซซ่า kfc ด้วยครับ เพราะผมเห็นว่ามันมีโปรตีนกับไขมันเยอะดี หรือถ้าไม่ควรกินอะไรดี ผมอายุ 24 ครับ และ น้อง 18 ปีครับ
   2.โปรตีนกับไขมัน ควรกินเยอะๆเพื่อไปบำรุงสมองได้ ควรกินถึงอายุประมาณเทาไหร่ดีครับ แล้วจึงหันไปกินพักแทน
   3.อาจารย์บอกว่าจะเรียนดี ต้องทำจิตให้ว่าง 10-15 นาที ขอถามว่า ทำจิตให้ว่าง คือ ไม่คิดอะไรเลย นั่งหลับตาเฉยๆ หรือว่า กำหนด พองหนอ ยุบหนอ ดีครับ

ถ้าอาจารย์มีคำแนะนำเกี่ยวกับการเรียน ช่วยบอกเพิ่มเติมหน่อยนะครับ
   ขอบคุณอาจารย์มากๆครับ ขอให้อาจารย์สุขภาพแข็งแรงอยู่ช่วยเพื่อนๆมนุษย์ต่อไปนานๆครับ

คำตอบ
    (1) ตัวอย่างอาหารที่บอกเล่าไป อุดมด้วยโปรตีนและไขมัน บริโภคแล้วดีกับผู้มีอายุอยู่ในช่วงวัยเด็ก

   (2) อาหารที่อุดมด้วยไขมันและโปรตีน ควรรับประทานในช่วงวัยเด็กคือมีอายุแรกเกิดจนถึงอายุ 15 ปี เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นควรลดบริโภคอาหารที่เป็นโปรตีนและไขมันลง โดยเพิ่มพืชผักผลไม้ให้มากขึ้น ส่วนอาหารที่ให้พลังงานเช่นประเภทคาร์โบไฮเดรต บริโภคพอประมาณ นักกีฬาที่ใช้พละกำลังมากสามารถบริโภคอาหารคาร์โบไฮเดรตได้มากตามความต้องการใช้พลังงานของร่างกายได้

   (3) คำว่าจิตว่าง หมายถึงจิตที่ว่างจากการรับสิ่งกระทบภายนอกเข้ามาปรุงอารมณ์เช่นจิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิในฌาน

ที่แนะนำว่าผู้ใดประสงค์จะเรียนได้ดี ต้องทำจิตว่างนั้นหมายถึงพัฒนาจิตให้มีสติ จนจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้วคลื่นสมองจะเปลี่ยนความถี่มาอยู่ในช่วงความถี่คลื่นสั้น ส่งผลให้ความจำเพิ่มขึ้นเป็นอัตโนมัติทำให้เรียนเก่ง
  

835.
ดิฉันมีคำถาม รบกวนท่าน ดร สนองช่วยให้ความกระจ่างด้วยค่ะ

   1.มีความจำเป็นที่จะต้องประกอบอาชีพที่เสื่ยงต่อกฏหมาย และหลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะสินค้านั้นถูกผลิตตามความต้องการของลูกค้า ทราบว่าอย่างไรก้อบาป และผิดศีลแน่นอน เราไม่อยากทำงานนี้และไม่เต็มใจรับ แต่จำเป็นต้องทำ ไม่ทราบว่าควรอธิษฐานจิตอย่างไร เพื่อจะได้ไม่ต้องมีอาชีพที่เป็นมิจฉาทิฏฐิคะ และเราทำกรรมแบบไหนมาจึงต้องมาประกอบอาชีพแบบนี้

   2. ดิฉันเป็นคนที่ไม่มีโชคเรื่องงานเลยค่ะ ตั้งแต่เรียนจบหางานเกือบปีงานที่ได้ก็เป็นธุรกิจของคนใกล้ชิด ทำได้แปดเดือนเท่านั้น จากนั้นก็ว่างไปสี่เดือน ได้งานใหม่ เป็นงานที่เพื่อนแนะนำมาค่ะ ทำได้สองปีกว่าก็เบื่อ ส่วนงานที่สามก็ทำได้แค่สองเดือนเท่านั้นเป็นงานที่เพื่อนแนะนำอีกก็ออกมาอีก (ทั้งสามที่นี้เราเป็นคนตัดสินใจลาออกเอง) และสมัครงานไปก็มักจะไม่ถูกเรียก,หรือถ้าได้งานแล้วทำไปได้ไม่นานก็เบื่อ อยากเปลี่ยนงาน เนื่องจากทางบ้านมีธุรกิจเลยไม่ลำบากเรื่องปัจจัย แต่เราก้ออยากมีงานที่เราคิดว่าทำแล้วชอบและรักกับงานนั้นๆ แต่ก็ยังหาไม่เจอ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร และควรแก้ไขอย่างไรคะ

   3.หันมาปฏิบัติธรรมมากขึ้น รู้สึกดีและคิดว่าจะทำต่อไปเรื่อย ใช้การบริกรรมยุบ-พองหนอ และอานาปาณสติ แต่จิตยังซัดส่ายมากๆๆๆ ไม่ทราบว่าควรทำอย่างไรดีคะ (เคยอ่านพบว่าให้เอาอสุภกรรมฐานมาเป็นอารมณ์ แต่กำหนดไม่เป็นค่ะ) รบกวนแนะนำด้วยค่ะ

   ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยจงปกปักคุ้มครองรักษาให้ท่าน ดร สนอง มีสุขภาพแข็งแรง และมีความสุขนะคะ
       ขอบคุณมากๆค่ะ

คำตอบ
   (1) คนที่มีอาชีพเป็นมิจฉาอาชีวะ เมื่อรู้แล้วยังประกอบอาชีพนั้นต่อไป เท่ากับเป็นการสั่งสมบาปให้มีกำลังมากยิ่งขึ้น หากเมื่อใดกำลังของบาปให้ผลผู้ทำบาปต้องับผลของอกุศลวิบากนั้น

   อธิษฐานจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมิจฉาอาชีวะ สามารถอธิษฐานได้ แต่คำอธิษฐานจะเป็นจริงได้ต่อเมื่อต้องประพฤติเหตุให้ถูกตรง คือเลิกทำอาชีพปัจจุบัน แล้วหันไปทำอาชีพที่ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม

   ส่วนเหตุที่ต้องมาประกอบมิจฉาอาชีวะอยู่ในปัจจุบัน เป็นเพราะอดีตเคยทำอาชีพทุศีลมาก่อน

   (2) การหางานที่ชอบกับใจของตัวเอง และได้งานชนิดนั้นมาทำเป็นอาชีพ ต้องพัฒนาตัวเองให้เป็นคนเก่ง คือมีความรู้ มีความสามารถในงานนั้น ต้องพัฒนาตัวเองให้เป็นคนดี มีคุณธรรม มีความกตัญญูฯ ต่อผู้มีพระคุณ และสุดท้ายต้องพัฒนาตัวเองให้มีดวงดี ด้วยการประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 อยู่เนืองนิตย์ จนอานิสงส์ของบุญส่งผลได้เมื่อไรแล้วความปรารถนาข้างต้นจะสัมฤทธิ์ผลปัญหามีอยู่ว่าจะประพฤติได้ไหม

   (3) ปฏิบัติธรรมแล้วจิตยังซัดส่าย “ มาก ๆๆๆ ” นั้นถูกต้องแล้วเหตุเป็นเพราะ ปฏิบัติธรรมไม่สมควรแก่ธรรม การจะแก้ปัญหาจิตซัดส่าย (ขาดสติ)ให้ได้ ผู้ปฏิบัติธรรมต้องทำใจให้มีศีล 5 สถิตอยู่กับใจให้ได้ทุกขณะตื่น เลือกเอาบทกรรมฐานเพียงหนึ่งอย่างมาเป็นองค์บริกรรมและสุดท้าย เร่งความเพียรในการปฏิบัติให้ต่อเนื่องยาวนานผลสำเร็จในการปฏิบัติธรรมจึงจะเกิดขึ้นได้
     

834.
กราบเรียน ท่านอาจารย์สนอง ที่เคารพ

ขออนุญาตรบกวนสอบถามอาจารย์เพิ่มเติม (หลังจากได้รับความเมตตาจากอาจารย์ช่วยชี้แนะในข้อที่ 767 และ 774 ) ดังนี้ครับ

  1. ตอนนี้ในการปฏิบัติแต่ละครั้ง ผมมีความรู้สึกว่าใช้เวลาน้อยลงกว่าเดิมในการที่จิตจะเริ่มนิ่ง พยายามจะไม่ไปกำหนดว่าจะต้องไปให้ถึงอารมณ์ที่เข้าถึงตามที่อาจารย์แนะนำ (แรก ๆ มันก็ยังอยากถึงตามที่มันเคย ปรากฏว่ากลายเป็นเพ่งเกินแล้วเครียดไปเลย) พยายามวางใจให้สบาย เพราะหลายครั้งที่ปฏิบัติรู้สึกว่าถ้าเริ่มแบบนี้ เดี๋ยวก็ไปถึงตรงนั้นเองได้ดีขึ้น ผมเข้าใจว่าคล้าย ๆ กับเราจะกระโดดไปเกาะอะไรที่สูงขึ้นไป ถ้ากำลังแขน(สติ)ไม่มี ถึงเกาะได้ก็อยู่แป๊บเดียว เดี๋ยวก็ตกลงมาที่เดิม เป็นการเข้าใจถูกหรือไม่ครับ

  2. ล่าสุดในการปฏิบัติ ขณะที่นั่งปฏิบัติอยู่ สภาวะที่รู้สึกว่าคล้าย ๆ ขนลุกก็ไม่เชิงแต่เย็นวูบวาบทั่วตัว (กำหนดรู้แต่ไม่ตกใจ พยายามไม่สนใจ) หลังจากนั้นเหมือนจิตมีที่เกาะอยู่กับอะไรสักอย่างหนึ่งตามที่เรากำหนด นิ่งมากกว่าเดิมและอยู่ได้นานขึ้น ความคิดมีบ้างแต่เหมือนจาง ๆโผล่มาแล้วก็หายไปเหมือนว่าจะสนใจที่ความนิ่งมากกว่า (ความคิดไม่เข้มข้นเหมือนตอนแรก ๆ) แต่ความรู้สึกเมื่อยขายังรู้สึกอยู่ สภาวะนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น เรียกว่าอะไรครับ และต้องปฏิบัติอย่างไรต่อครับ

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ครับ

คำตอบ
    (1) ความอยากเป็นตัณหา ถ้ายังกำจัดความอยากให้พ้นไปจากใจไม่ได้ การพัฒนาจิตให้เกิดสติและปัญญาเห็นแจ้ง จะยังไม่เกิดขึ้น นั่นคือ จิตมีกำลังสติไม่กล้าแข็ง ดังที่เข้าใจนั้นถูกต้องแล้ว

   (2) ในขณะปฏิบัติจิตตภาวนา อารมณ์ใดเกิดขึ้นแล้วไม่สนใจเรียกว่าความหลง (โมหะ) ได้เกิดขึ้นแล้ว ถือเป็นการปฏิบัติธรรมผิดทางทุกอารมณ์ที่เกิดขึ้นต้องมีสติระลึกได้ทัน แล้วใจจิตตามดูจนเห็นว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นดับไปตามกฎไตรลักษณ์ อย่างนี้จึงจะเรียกว่า ปฏิบัติธรรมถูกทาง

   ความรู้สึกเมื่อยที่ขา ยังปรากฏให้สัมผัสได้ แสดงว่ากำลังสติไม่กล้าแข็ง จึงไปรับเอาอารมณ์เมื่อย เข้ามามีอำนาจเหนือใจวิธีแก้ไขต้องกำหนดว่า “ เมื่อยหนอ ๆๆๆ ” ไปเรื่อย ๆ จนกว่าความเมื่อยจะหมดไปแล้วดึงจิตกลับมาสู่องค์บริกรรมเดิม
  

833.
เรียน ดร.สนอง วรอุไร

   ดิฉันมีความกังวล คือ เมื่อประมาณสองสามปีที่ผ่านมาดิฉันได้ยุให้แม่เข้าวัดถือศีล ปฏิบัติธรรม เพราะว่าแม่เป็นคนทุกข์มาก เครียด และพยาบาท รวมทั้งเคยได้ทำกรรมไม่ดีไว้มากมาย (ตั้งแต่เกิดมา ดิฉันเห็นท่านทำบาปหลายอย่างโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะผิดศึลข้อสาม และเคยทำแท้งบุตรถึงสองครั้ง)

    ดิฉันเป็นคนชอบธรรมะและศึกษามาตั้งแต่วัยรุ่น ก็ไม่ได้ปฏิบัติอะไรมากมายแต่ก็ได้อ่านหนังสือธรรมะ ต่างๆ และมีความเข้าใจประมาณหนึ่งคือสามารถประคองชีวิตให้ดำเนินไปอย่างราบรื่นและประกอบด้วยศีล ธรรม จนมีความสงบร่มเย็นดี ก็อยากให้แม่ได้เป็นอย่างนี้บ้าง ในที่สุดแม่ของดิฉันก็ได้ไปปฏิบัติธรรม และถือศึลคล้ายๆชีพรหมณ์ ดิฉํนก็มีความยินดีและอนุโมทนาในเบื้องต้น ก็คอยส่งเสียค่าใช้จ่ายรายเดือนให้ ตามปกติวิสัยลูกที่ควรทำ และคอยโทรไปเช็คอยู่เรื่อยๆ ว่าปฏิบัติถูกทางก้าวหน้าดีหรือไม่อย่างไร เพราะตัวเองก็ทราบอยู่ว่าท่านไม่ค่อยปกติทางด้านจิตใจเท่าไร (คือ น่าจะเป็นคล้ายๆ โรคประสาท แต่ไม่เคยไปหาหมอเพราะไม่ได้มีอาการร้ายๆ แต่คล้ายๆ หลงผิดไม่อยู่ในโลกความเป็นจริงแต่โดยทั่วไปปกติคล้ายคนทั่วไป หากไม่ทราบมาก่อนจะไม่มีทางรู้ได้เลย ตัวท่านเองก็ไม่ยอมรับว่าเป็นอาการอย่างนี้)

    จนได้ฟังท่านเล่าเรื่องอภินิหารย์ต่างๆ ท่านชอบว่าพระ หรือชี ท่านอื่นว่าเป็นมาร รูปไหนปฏิบัติเคร่งท่านก็ว่าเป็นเทพ มีการระลึกชาติ และหมกมุ่นในเรื่องต่างๆเหล่านี้ รวมถึงเรื่องภัยพิบัติน้ำท่วมโลกต่างๆ (ซึ่งเรื่องเหล่านี้ ดิฉันก็ไม่ได้เถียงว่ามันไม่มีจริง เพราะก็เคยอ่านมาเหมือนกัน แต่มีความสงสัยอย่างมากว่าท่านปฏิบัติไม่ถูกทาง เพราะมันไม่เป็นไปเพื่อการปล่อยวางเลย ยิ่งทำยิ่งยึดมั่นอดีต ชาติ)ล่าสุดที่ทำให้ดิฉํนกังวลอย่างหนักคือ ท่านบอกว่าท่านเป็นเนื้อคู่กับพระอาจารย์เจ้าสำนักปฏิบัติธรรม ทำให้ดิฉัน กลัวเหลือเกินว่ามันจะนอกรูปนอกรอยที่ควรแม้แค่เพียงคิด หากพระท่านเป็นพระปฏิบัติดีจะยิ่งบาปไปกันใหญ่ใช่ไหมค่ะ ดิฉันอยากถาม อาจารย์ว่า

1 จะมีหนทางช่วยแม่ได้อย่างไรบ้าง เพราะพูดไปปรามไปท่านก็ไม่เชื่อซักเท่าไร ตอนแรกก็เชื่อกันดี ตอนหลังท่านคิดว่าตัวเองเก่งมากแล้วลูกไม่รู้อะไร ก็เลยไม่ฟัง (ซึ่งจริงๆก็สับสนว่าตัวเองคงไม่รู้อะไรจริงๆหรือเปล่า)

2 การที่ดิฉันผลักดันให้แม่ไปปฏิบัติธรรมแต่มันกลับกลายเป็นแบบนี้ไป ดิฉันบาปไหม

3 แล้วตัวแม่เองหากกระทำ อกุศลจิตกับพระผู้ปฏิบัติดี (โดยสมมติว่าท่านมีอาการทางจิต และไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำผิด) แม่จะบาปไหมค่ะ

ขอบพระคุณ อาจารย์ล่วงหน้าที่ช่วยชี้ทางสว่างให้
  อรุณวรรณ

คำตอบ
   (1) บุคคลมีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่มีใครสามารถแก้ไขเส้นทางเดินของชีวิตให้กับใครได้ เว้นไว้แต่ว่า เจ้าของชีวิตต้องปรับปรุงแก้ไขชีวิตด้วยตัวเอง ฉะนั้นสิ่งที่ผู้ถามปัญหาในฐานะลูก ได้พยายามช่วยเหลือแม่ ด้วยการแนะนำแม่ให้ไปปฏิบัติธรรม นั้นทำถูกต้องแล้วแต่วิบากกรรมของแม่ยังจำเป็นต้องชดใช้ ด้วยการมีจิตเป็นทาสของความเห็นผิด ซึ่งลูกไม่สามารถช่วยเหลือได้ ควรต้องปล่อยวางและหากผู้ใดยังเอาเรื่องของคนอื่นมาเป็นภาระให้กับใจของตัวเอง ผู้นั้นยังได้ชื่อว่า เป็นผู้รู้ไม่จริง

   (2) บาปในฐานะเป็นผู้ร่วมกระบวนกรรมจะพ้นบาปเช่นนี้ได ้ต้องพัฒนาจิตวิญญาณของตัวเองจนเป็นอิสระจากวิบากกรรมของผู้เป็นแม ่นั่นคือจิตมีกำลังสติสัมปชัญญะกล้าแข็ง จนสามารถปล่อยวางผลกรรมของคนอื่นได้ แล้วจิตเข้าสู่ความว่างเป็นอุเบกขาอารมณ์เป็นเครื่องวัด

   (3) เพียงแค่ความคิดที่เป็นอกุศลก็บาปแล้ว และหากไปประพฤติอกุศลกรรมจนสำเร็จด้วยกาย เท่ากับเป็นการตอกย้ำบาปให้มีกำลังมากยิ่งขึ้น
   

832.
เรียนท่านอาจารย์สนองที่เคารพ

   หนูมีโปรแกรมจิตติดลบกับพ่อแม่และเพื่อร่วมงานมาก เคยคิดจะฆ่าตัวตายด้วย ควรแก้ไขวาระจิตอย่างไรเพื่อเวลาหมดลมหายใจจะได้ไปสู่ภพภูมิทีดี
   อยากให้อาจารย์ช่วยอธิบายเรื่องสัมปรายภพ

   หนูเคยทำงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อยากจะกลับเข้าไปทำงานอีกเพื่อทดแทนพระคุณแผ่นดินจะช่วยให้ไปสู่ภพภูมิที่ดีได้ไหม

คำตอบ
    จิตมีธรรมชาติรู้อารมณ์ มีความสามารถที่จะรู้คิด นึกว่าจิตที่ระลึกรู้ในสิ่งที่เป็นอกุศล สามารถปรับปรุงแก้ไขให้มารู้คิดนึกแต่ในสิ่งที่เป็นกุศลได้ ด้วยการพัฒนาจิตให้มีสติสัมปชัญญะ ทั้งนี้ต้องนำตัวเองเข้าฝึกปฏิบัติธรรม และหากเมื่อใดจิตเข้าถึงธรรมของพระพุทธะได้แล้วสติสัมปชัญญะสูงสุดจะเกิดขึ้น สิ่งที่คิดไม่ดีจะมีสติเป็นตัวระลึกได้ทันและมีสัมปชัญญะ (ตัวปัญญา) ช่วยกำจัดความคิดที่ไม่ดีให้หมดไป คงเหลือไว้แต่ความคิดที่ดีสั่งให้ปากให้พูด สั่งอวัยวะของร่างกายให้ทำแต่สิ่งดีงาม ที่แสดงให้เห็นเป็นพฤติกรรมดีที่คนทั่วไปสามารถสัมผัสได้

อนึ่งการทดแทนคุณของแผ่นดิน บุคคลสามารถทำได้ด้วยการประพฤติตนเป็นผู้ให้สิ่งดีงามแก่สังคมบ้านเมือง โดยไม่จำเป็นต้องกลับเข้าไปทำงานในหน่วยงานที่บอกเล่าไป
  

831.
กราบสวัสดีค่ะ ท่าน ดร.สนอง

   ปัจจุบัน ดิฉัน เพียรฝึกสติและนั่งสมาธิ และมีภาพบางอย่างเกิดขึ้น ต้องขอเล่าย้อนไป 10 กว่าปีก่อนนั้น เมื่อดิฉัน เริ่มปฏิบัติธรรมใหม่ ๆ จำได้ว่าพอนั่งสมาธิเสร็จ ดิฉัน ก็จะนอนภาวนาพุทโธ ไปเรื่อย ๆ ตอนนั้นอยู่ในห้องพระ แล้วก็เห็นภาพผู้ชายแต่งชุดขาว ( เหมือนชุดขาวผู้ชายที่ใส่ตอนบวชพราหมณ์ค่ะ) เดินเข้ามาในห้องแล้วผ่านกำแพงเข้าไป ภาพก็จบแค่นั้น (ตอนนั้นดิฉันก็คิดเพียงว่าบุคคลที่เห็นคงเป็นเจ้าที่ที่บ้านกระมัง) และก็ไม่เคยเห็นอีกเลย ประกอบกับหลังจากนั้น ดิฉันก็ไม่ค่อยได้นั่งสมาธิอีก (ปกติภายหลังจากนั่งสมาธิเสร็จ ดิฉัน ก็จะแผ่เมตตาให้เจ้าที่เจ้าทางด้วยทุกครั้ง )

   แต่ปัจจุบันผ่านมา 10 กว่าปี วันนี้ดิฉันก็ตื่นตั้งแต่ดี 4 ครึ่ง แล้วนั่งสมาธิ เพียงแต่ไม่ได้นั่งในห้องพระ นั่งเสร็จดิฉันก็ล้มตัวลงนอนภาวนาพุทโธ เหมือนเดิม แล้วก็เห็นเป็นภาพดิฉันนั่งสมาธิอยู่ในห้องนั้น โดยห้องที่ดิฉันนั่งอยู่นั้น แปรเปลี่ยนกลายเป็นห้องเก่า ๆ โล่ง ๆ แล้วกลางห้องมีบ่อน้ำใหญ่ซึ่งดิฉันมองเห็นปลา 1 ตัวว่ายน้ำอยู่และน้ำกำลังจะล้นบ่อ ขณะที่เห็น ดิฉันคิดเพียงว่าถ้าน้ำล้นบ่อปลาก็ต้องหลุดออกมาด้วย คิดได้ไม่นานภาพนั้นก็แปรเปลี่ยนหายไปกลายเป็นห้องเดิมแต่บ่อน้ำกลางห้องหายไปแล้ว แล้วก็เห็นเป็นภาพผู้หญิง 1 คน เป็นผิวขาว แต่งชุดขาว (ชุดขาวเป็นชุดถักด้วยไหมพรมสีขาวทั้งชุด) เดินเข้ามาในห้องผ่านหน้าดิฉันไป แล้วก็ไปก้มลงกราบอะไรดิฉันมองไม่เห็น ถัดมาก็มีผู้หญิงผิวคล้ำ ๆ อีก 1 คน เดินเข้ามาในห้อง (แต่งชุดสีขาวเหมือนกันแต่เป็นชุดขาวที่ผู้หญิงใช้สวมใส่ตอนบวชชีพราหมณ์) กำลังจะเดินผ่านหน้าดิฉันไป ซึ่งขณะนั้นดิฉันก็กำลังเริ่มตั้งจิตแผ่เมตตาพอดี ผู้หญิงคนที่สองนี้ก็เลยหยุดเดินแล้วห้นมายืนตรงหน้าดิฉัน ขณะที่ดิฉันแผ่เมตตาอยู่นั่น ก็เหมือนมีลำแสงสีขาวอมส้ม นุ่ม ๆ เบา ๆ ค่อย ๆ กระจายออกไปจากส่วนศรีษะและลำตัวของดิฉันเองตลอดเวลา แต่ขณะนั้น ผู้หญิงคนที่สองกลับเดินตรงเข้าหาดิฉัน แล้วหันหลังทำท่าเพื่อจะนั่งสวมทับร่างดิฉันลงมา ดิฉัน ก็เลยตกใจสะดุ้งตื่นขึ้น มาดูนาฬิกาก็นอนภาวนาไปได้ 10 กว่านาทีเอง... ดิฉัน ก็เลยไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นหมายถึงอะไร เป็นเพียงความฝันหรือนิมิต หรืออะไรไม่ทราบ ดิฉัน ก็เลยอยากจะเรียนถามท่านว่าบุคคลที่ดิฉันเห็นเป็นใคร มาให้เห็นเพื่ออะไร แล้วดิฉันต้องปฏิบัติตนให้ถูกทางอย่างไรต่อไป

   จึงขอความกรุณาท่าน ดร.สนอง ช่วยชี้แนะ ด้วยค่ะ
        กราบขอบพระคุณ ท่าน ดร.สนอง ค่ะ

คำตอบ
    สิ่งที่ผู้ถามปัญหาเห็นนั้น เป็นการเห็นที่เป็นจริงแต่สิ่งที่ถูกเห็นนั้นไม่จริง นิมิตนั้นเป็นเพียงอมนุษย์ที่มาปรากฏให้เห็นชั่วคราว เพื่อมาอนุโมทนาบุญกับผู้ถามปัญหา หลังจากปฏิบัติธรรมแล้วเสร็จ ควรอุทิศบุญกุศลให้กับผู้ที่ถูกเห็นนั้นด้วย
  

830.
เรียนอาจาร์ยสนองที่เคารพ

คือมีคนรู้จักของเตือนให้คุณแม่ของหนูทำบุญเยอะๆค่ะ เพราะว่าเดือนสิงหาจะมีเคราะห์เพราะเจ้ากรรมนายเวร หนูเลยลองทำสมาธิอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของคุณแม่ ปรากฏว่าแผ่ส่วนกุศลไปได้สักพัก วิญญาณก็ปั่นป่วน ขันธ์เหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

หนูจึงอยากเรียนถามอาจาร์ยว่า ที่หนูเกิดอาการอย่างนี้ เพราะนั่งสมาธิผิดวิธีหรือเปล่าค่ะ? หรือว่าเจ้ากรรมนายเวรของคุณแม่มารุมทึ้งหนู เพราะเวลาหนูอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรจองตนเอง ไม่เคยเกิดสภาวะแบบนี้เลยค่ะ

ขอบพระคุณอาจาร์ยมากๆเลยค่ะ

คำตอบ
     การเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการชดใช้หนี้เวรกรรมของผู้อื่น ผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือต้องได้รับผลกระทบในทางลบด้วยด้วยเหตุนี้พระป่าผู้มีคุณธรรมสูง ที่เดินไม่ถนัดต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันจึงห้ามมิให้ผู้ตอบปัญหาเข้าไปช่วยเหลือท่าน เพราะเจ้ากรรมนายเวรของท่านจะหันมาจองเวรกับผู้ที่ให้การช่วยเหลือ และในกรณีเช่นเดียวกัน ผู้ตอบปัญหาเคยไปถวายการบีบนวดไหล่ที่เคล็ดขัดของพระอริยบุคคล ผลปรากฏกว่า วันรุ่งขึ้นผู้ตอบปัญหาต้องรับอกุศลวิบากแทนท่านด้วยการเคล็ดขัดที่ไหล่อยู่นานถึง 4 วัน เมื่อไปพบกันอีกจึงได้เรียนเรื่องนี้กับท่าน ท่านหัวเราะและพูดว่า “ ในสมัยที่อาตมาไปอยู่กับหลวงปู่อ่อนสี ได้ทำเช่นเดียวกันนี้ และได้รับผลเหมือนที่อาจารย์ได้รับ ”
  

829.
ขอเรียนถาม ดร.สนอง ค่ะ
  
   ทุกวันนี้ดิฉันต้องทำงานร่วมกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่มีอายุแล้ว โดยประมาณก็ อายุ 50 ปี และโดยตำแหน่งในที่ทำงานก็ถือว่าเป็นระดับผู้บริหาร และดิฉันก็เคยฝึกกรรมฐานมาก่อนแต่ทุกวันนี้ก็พยายามจะฝึกให้มีสติต่อเนื่อง แต่ทุกวันนี้ดิฉันรู้สึกถึงการไม่สติเลย เนื่องจากผู้ชายคนนี้ ชอบมีนิสัยพูดเสียงดัง,ชอบด่าว่าบุคคลทั่วไปโดยใช้คำหยาบ ๆ คลาย ๆ และชอบพูดดูถูกผู้หญิงบ่อยครั้ง ซึ่งดิฉันพยายามจะไม่ฟังเสียงเค้าแต่คำพูดที่เสียงดังของเค้าก็ทำให้ดิฉันได้ยินไปด้วย บางครั้งก็ด่าว่าพระสงฆ์ให้ได้ยิน

   ดิฉันจะขอเรียนถาม ดร.สนองว่า ดิฉันควรจะทำอย่างไรเมื่อต้องทำงานร่วมกับบุคคลเช่นนี้ และดิฉันต้องปฏิบัติอย่างไรจึงจะได้มีสติตลอดเวลาค่ะ

ขอขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    ผู้ใดประพฤติอกุศลวจีกรรม เช่น ชอบพูดคำหยาบคาย คำดูถูกดูหมิ่น ฯลฯ เมื่อพูดไปแล้วผู้นั้นมีบาปสั่งสมอยู่ในจิตใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาทำขึ้นด้วยตัวเอง ผู้ฉลาดเมื่อได้ยินได้ฟังอกุศลวจีกรรมเช่นนี้แล้ว จะไม่ไปแบ่งเอาบาปของเขามาเป็นบาปของตัว ผู้ฉลาดเอาวจีกรรมของเขา มาเป็นครูสอนใจตัวเองว่าเขากำลังสร้างเหตุนำเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ ซึ่งเราจะไม่ประพฤติเช่นเขาผู้ใดมองเห็นถูกเป็นอย่างนี้แล้ว ผู้นั้นจะขอบคุณเขาในฐานที่เขาเป็นครูสอนใจของเรา

   การที่จะอยู่กับคนเช่นนี้ได้ หากจิตมีกำลังสติไม่กล้าแข็งต้องนำตัวออกห่างจากรัศมีที่ได้ยิน แต่หากแก้ไขที่ตัวเองด้วยการพัฒนาจิตให้มีกำลังของสติกล้าแข็งได้เมื่อใด จิตจะตามดูเสียงที่เข้ากระทบหู จะเห็นว่าเสียงที่ได้ยินดับไปตามกฎไตรลักษณ์ จิตไม่รับเอาเสียงมารปรุงให้เกิดเป็นอารมณ์ จิตจะปล่อยวางเสียง แล้วจิตจะว่างเป็นอิสระเข้าสู่อุเบกขารมณ์ ผู้รู้แก้ปัญหาดังกล่าวด้วยวิธีการเช่นนี้
  

828.
เรียน อาจารย์สนอง

    ดิฉันช่วยเหลือน้องชาย เรื่องบ้านที่อยู่อาศัย โดยจ่ายให้ธนาคารเป็นก้อน แล้วให้น้องจ่ายเป็รายเดือนกับดิฉัน โดยไม่คิดดอกเบี้ย จ่ายบ้างไม่จ่ายบ้างก็ไม่ได้สนใจ หลังจากนั้นก็หาเงินมาช่วยลงทุนกิจการของน้องและตัวดิฉันร่วม สามล้านบาท กิจการก็ดำเนินการไปด้วยดี แต่มีปัญหาเรื่องน้องสะไภ้อยู่ร่วมกันแล้วเลี้ยงต้นไม้จำนวนหลายสิบต้นเช้าขึ้นมาให้เด็กรดนำต้นไม้ จนคนไม่มีน้ำอาบ ดิฉันบอกให้เอาคนก่อน ก็โกรธ ย้ายต้นไม้ออกไปนอกบ้านหมด แล้วไม่พูดกับดิฉันตลอดมาเกือบ 2 เดือนจนถึงปัจจุบัน ในทางโลกดิฉันจะสอนให้เขารู้ว่าคนมีบุญคุณและการอยู่ร่วมกันควรจะทำอย่างไร โดยเมื่อเขาไม่ขอโทษและไม่พูดด้วย ดิฉันก็ไม่พูดด้วย ส่วนทางธรรม ดิฉันไม่ได้ถือโกรธเขาเพราะคนมีหลายประเภทอภัยให้ประเภทอย่างนี้อยู่บ่อยๆ

ดิฉันจะถามอาจารย์ว่าดิฉันทำถูกหรือไม่
(ดิฉันไม่ได้เดือดร้อนที่เขาไม่พูดด้วย) และอาจารย์มีข้อแนะนำอย่างไร

ขอบพระคุณค่ะ
  ภูพิมพ์

คำตอบ
    อยู่บ้านเดียวกันแล้วเขาไม่พูดด้วยเป็นเรื่องของเขาแต่ผู้ถามปัญหาต้องพูดกับเขาเมื่อมีธุระจำเป็นที่เขาจะต้องรับรู้ พูดไปแล้วเขาจะเห็นด้วยหรือไม่เป็นเรื่องของเขา
     

827.
เรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพ

   ถ้ามีผู้นำเงินมาช่วยเหลืองานศพมารดา แต่หลังจากหักค่าใช้จ่ายใด ๆ + ทำบุญถวายพระแล้ว ยังมีเงินเหลืออยู่แล้วเรานำเงินไปบริจาคหรือทำบุญที่อื่นแต่อุทิศให้มารดาและผู้บริจาคทุกท่าน จะถือว่าผิดหรือไม่ค่ะ? (ย้ายฐานเจดีย์) ถ้าผิดจะแก้ไขได้อย่างไรค่ะ ?

   ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    ไม่ผิดครับ
  

826.
กราบเท้าอาจารย์สนองที่เคารพ

  หนูมีคำถามเรื่องการดูจิตค่ะ เมื่อจิตคิดฟุ้งซ่าน เราควรจะตามดูสภาวะจิตที่เกิด เพื่อระลึกว่าความคิดหรือจิตที่คิดนั้นไม่เที่ยง หรือควรจะตัดความคิดที่ฟุ้งซ่านนั้นค่ะ เหมือนที่พระอาจารย์ชาท่านได้บอกว่าให้ดึงจิตกลับเหมือนดึงว่าว ทุกวันนี้หนูพยายามทำอย่างหลังค่ะ คือเมื่อจิตตก ก็จะพยายามตัดความคิดนั้นค่ะ แต่บางท่านว่าให้ดูจิตแทนค่ะ กรุณาขอความกระจ่างค่ะ

สุดท้ายนี้ หนูขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยช่วยคุ้มครองอาจารย์และครอบครัวค่ะ
    โมทนาสาธุค่ะ

คำตอบ
    ดูจิตอย่างที่หลวงพ่อชาท่านแนะนำไว้นั้นถูกต้องแล้ว แต่จะดูเห็นสัจจธรรมของจิตได้ ผู้ดูต้องมีศีลคุมใจให้ได้ก่อน
       

825.
กราบสวัสดีค่ะ ท่าน ดร.สนอง

ขอความเมตตาช่วยชี้แนะแนวทาง
   ปัจจุบันดิฉันมีเรื่องทุกข์ใจ ที่หาทางปล่อยวางลงไม่ได้ ดิฉันไม่อยากหนีปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย แล้วต้องมาชดใช้อีก 500 ชาติ จึงมาขอความเมตตาจากท่านช่วยชี้แนะแนวทางสว่างให้ด้วยค่ะ

   ดิฉันไม่มีงานทำแถมยังมีหนี้สินที่ต้องใช้ในแต่ละเดือนมากมาย ด้วยความเครียดทุกวัน ๆ มันสะสมมากขึ้นจนทำให้ดิฉันเป็นคนนิสัยใจร้อน ขี้โมโห จนบางครั้งสติตามไม่ทันก็ยิ่งแย่หนักกว่าเดิม แล้วก็ต้องมานั่งเครียดและเสียใจซ้ำลงไปอีกกับการกระทำดังกล่าว เพราะรู้ว่าไม่ดีแต่ไม่มีสติที่จะยั้งอารมณ์ของตนเองได้ วิธีแก้ที่พยายามอยู่ในปัจจุบันก็ได้แต่พยายามอ่านหนังสือธรรมะ และอ่านสิ่งที่ท่านสอนในเว็บแห่งนี้ แต่มันมีอุปสรรคเพิ่มขึ้นมาที่จิตใจของดิฉัน คือว่าเมื่อดิฉัน มีความตั้งแต่ที่จะทำดี และพยายามจะนั่งสมาธิ และฝึกสติให้ตนเองมีสติมากขึ้น แต่มันมีเหตุเกิดขึ้นคือทำไหมดิฉันจึงเฝ้าหวนคิดแต่เรื่องกรรมเก่า ๆ ที่ทำไปในชาตินี้ตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ว่าจะเป็นกรรมที่ทำมาไม่นานหรือตั้งแต่ยังเป็นเด็ก มันตามหลอกหลอนอยู่ตลอดเวลา (ไม่ว่าจะเป็นกรรมที่ได้กระทำไปด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ หรือแม้กระทำไปด้วยความไม่รู้เดียงสาเมื่อยังเป็นเด็กที่ยังไม่เข้าใจคำว่าบาปบุญก็ตาม ) นับวันมันจะทวีความหนักขึ้น มันทำให้ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น การฆ่าแมลงวัน การเผาปลวกที่มากินเสาบ้าน การเผาหนูและจิ้งจกที่ติดยางที่คุณแม่ดักไว้ (แต่มันยังไม่ตายดิฉันก็มีหน้าที่ต้องเก็บไปเผา) ดิฉัน จำได้ว่าตอนเด็กขณะที่นำมันไปเผาดิฉันเสียใจมาก ต้องร้องไห้ที่ต้องทำ ดิฉันขอให้มันอโหสิให้ดิฉัน เพราะดิฉันไม่ได้ทำการดักมัน ดิฉันไม่มีเจตนาจะฆ่ามัน แต่ที่ต้องเก็บมาเผ่าไฟเพราะถูกใช้ให้ทำ

    เท่าที่จำได้อย่างแน่นอนตั้งแต่เด็กจนโตดิฉันทำให้สัตว์ต้องตาย สัตว์ใหญ่สุดก็คือ หนู รองลงมาก็จิ้งจก แมลงสาบ ตะขาบ แมลงป่อง แมลงวัน แมลงเม้ายุง มด และอาจจะมีพวกแมลง ๆ ตัวเล็กต่าง ๆ ประปราย แต่ตั้งแต่ดิฉันเริ่มนั่งสมาธิ เรียนรู้เรื่องบาปบุญ ผ่านมาประมาณ 17 ปี กว่า ดิฉันก็ พยายามรักษาศีลข้อที่ 1 ให้ได้แต่ก็ยังไม่ 100% เฉพาะสำหรับยุงและมด อีกทั้ง สำหรับแมลงเม้า ดิฉัน ก็ได้ชดใช้กรรมให้เขาแล้วในชาตินี้

    ขอเล่า ว่าสมัยยังเป็นเด็ก ดิฉันเอากะละมังใส่น้ำไปรองใต้ไฟ ที่แมลงเม้าบินเล่นไฟอยู่ พอมันตกลงมาในกะละมังดิฉัน ก็เล่นด้วยวิธีจับมันกดลงไปในน้ำทีละตัว ๆ พอเห็นว่ามันแน่นิ่งไป ก็จะรีบเอามันขึ้นมาประถมพยาบาลด้วยวิธีเอาผ้าซับน้ำให้ตัวมันหายเปียก แล้วก็เอาปากเป่าลมไปที่หน้ามันเพื่อให้มันได้มีอากาศหายใจแล้วจะได้ฟื้นพอมันฟื้นดิฉันก็ช่วยชีวิตตัวต่อไป แล้วก็เอาเข็มหมุดมาจิ้ม ๆ โดยจิ้มเฉพาะตามลำตัว แต่ส่วนหัวของแมลงเม้าดิฉันไม่แตะต้อง เพราะกลัวมันเจ็บ ที่ทำไปก็เพราะหมายว่าตัวเองเป็นหมอรักษาคนไข้ ทั้งหมดที่ดิฉัน กระทำไปกับแมลงเม้า ดิฉัน ไม่เคยพูดว่าไม่ได้ตั้งใจ ดิฉันตั้งใจเล่นกับชีวิตเขาอย่างตั้งใจ เพียงความตั้งใจนั้นมันไม่ได้ตั้งอยู่บนฐานของคนที่รู้บาปรู้บุญแต่เล่นไปตามประสาเด็กเพราะไม่รู้ว่ามันเป็นบาป

    ดิฉันจำได้ว่าเล่นไปไม่กี่ครั้ง ( แต่มันหลายชีวิต ) จนเมื่อตอนอายุ 19 ปี ดิฉัน ก็ไปโดนไสยศาสตร์ถูกเขาทำเข็มเข้าตัว ขณะรักษาตัวก็ต้องทนทุกข์ทรมาน มากตอนกลางคืนก็นอนไม่ได้ เพราะพอจะล้มตัวลงนอนก็หายใจไม่ออก 1 คืน เป็นถึงเกือบ 20 ครั้ง ตอนนั้น ก็พยายามรำลึกให้ได้ว่าทำกรรมใดไว้ ก็หวนนึกได้ว่าก็เคยทำกับแมลงเม้ายังไงเล่า ใครอ่านมาถึงตรงนี้ ดิฉัน ขอบอกไว้เลยว่ากรรมไม่ต้องรอชาติหน้าจริง ๆ เราทำไปในชาตินี้ก็ได้รับชาตินี้ อาการหายใจไม่ออกทุกวันนอนไม่ได้ต้องชดใช้แมลงเม้าอยู่เกือบ 10 ปี ที่ไปทำเขาโดยเอาเขากดลงน้ำ ดิฉัน เข้าใจความรู้สึกของแมลงเม้าเลยว่ามันทรมานขนาดไหน เหมือนคนใกล้จะจมน้ำแล้วก็ทะลึงตัวขึ้นเพื่อหายใจเหนือน้ำให้ได้ ต้องถูกเขาทำเข็มเข้าตัวเจ็บไปหมดยกเว้นเข็มจะไม่วิ่งขึ้นเลยคอมาที่ส่วนหัวของดิฉันเลย ก็เพราะตอนดิฉัน เอาเข็มจิ้มแมลงเม้านั้น ดิฉัน จิ้มเฉพาะตามลำตัวแมลงเม้าอย่างเดียว ท่านอื่น ๆ ที่เข้ามาอ่านส่วนที่ดิฉัน เล่ามาถ้าใครคิดจะฆ่าสัตว์ เลิกซะเถอะนะค่ะ เพราะคำว่าขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการ มันยุติกรรมที่จะมาส่งผลจากกรรมที่เราได้กระทำไปแล้วไม่ได้...จากคนสำนึกผิด ซึ่งในปัจจุบันที่ดิฉันทำอยู่ ก็คือเมื่อเห็นแมลงเม้าจมน้ำหรือสัตว์ใดจมน้ำ ดิฉัน ก็จะรีบนำมันขึ้นมาจากน้ำแล้วรีบช่วยชีวิต ไม่ว่าจะกี่นาทีดิฉันก็จะช่วยจนสุดความสามารถ จนกว่ามันจะฟื้น เพราะบางตัวก็ใช้เวลานานเพราะดิฉันก็ไม่ทราบว่าเขาจมน้ำอยู่ ณ ที่นั้น ๆ มานานแค่ไหนแล้ว พอดิฉันช่วยชีวิตได้ 1 ตัว ดิฉันก็บอกว่ากุศลจากการช่วยในครั้งนี้ ดิฉัน จะนำไปช่วยชีวิตดวงจิตอื่นต่อไป

    เล่ามาถึงตรงนี้ขอเสริมอีกนิดว่า มีครั้งหนึ่ง ดิฉันไป พบแมลงปีกแข็ง (ไม่รู้ชื่อแมลง) มันนอนจมในน้ำซันไลท์ผสมน้ำที่ใช้ล้างจาน ดิฉัน ก็คิดว่าโอกาสรอดคงมีน้อยเหลือเกินเพราะเป็นน้ำซันไลท์ผสมน้ำมิใช่น้ำเปล่าอย่างเดียว และท่าทางจะจมมานานแล้ว แต่ดิฉันคิดว่าการที่ดิฉันมาเจอก็ต้องลองช่วยดู ดิฉัน ช่วยเขาอยู่นานเวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที มันไม่มีผลอะไรเลย ดิฉัน รู้สึกเสียใจ แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่า กรรมดีผลในชาตินี้ก็ได้รับแล้ว กรรมชั่วที่ทำไว้ก็ได้รับมาแล้ว เพราะฉะนั้น ด้วยความเชื่อผลของกรรม จึงใช้วิธีสุดท้ายทำจิตให้นิ่งแล้วระลึกว่าด้วยผลของกรรมดีจากการช่วยชีวิตแมลงเม้าที่เคยจมน้ำในวันก่อน ดิฉัน ขอเอากุศลตัวนั้นมาช่วยแมลงตัวนี้ด้วยถ้าเขาไม่ถึงคราวต้องตายจริง ๆ ก็ขอให้กุศลตัวนั้นมาช่วยชีวิตเขาได้ พอดิฉัน อธิษฐานจบภาพที่ดิฉันเห็นมันทำให้ดิฉัน ต้องร้องไห้ออกมา เพราะแมลงตัวนั้นมันกระดุกกระดิกแล้วเริ่มหายใจ แล้วในที่สุดมันก็รอดชีวิต ( ต้องขออภัยท่าน ดร.สนอง ที่ดิฉัน เล่ามามากมาย ก็หวังเพียงว่าจะเป็นประโยชน์เตือนใจหลาย ๆ ท่านที่ได้เข้ามาอ่านบ้างไม่มากก็น้อย ค่ะ )

    คำถามที่ 1) เหตุการณ์ในปัจจุบันที่ดิฉัน ตั้งใจและพยายามจะนั่งสมาธิ ทำไมภาพกรรมที่ดิฉันกระทำไว้กับสัตว์ มันถึงมาเตือนที่ใจให้ดิฉันระลึกถึงอยู่ทุกวันค่ะ (ที่ดิฉันกลัวที่สุดในตอนนี้ คือที่เผาหนูและปลวกที่มากัดกินเสาบ้าน) มันเป็นเพราะดิฉันเครียดหลายเรื่องในปัจจุบันแล้วส่งผลให้จิตใจฟุ้งซ่าน หรือ เพราะเจ้ากรรมนายเวรมาเตือนแล้วว่าถึงเวลาแล้วที่ดิฉันต้องชดใช้เขา (ถัดจากที่ชดใช้แมลงเม้าไปแล้ว) หรือค่ะ หรือเป็นเพราะเจ้ากรรมนายเวรเขารู้ว่าดิฉันกำลังจะปฏิบัติธรรมแล้วเป็นการเตือนว่าพอมีกุศลแล้วอย่าลืมอุทิศบุญกุศลให้เขาค่ะ บอกตามตรงว่าดิฉัน กลัวมาก ๆๆๆ ถ้าเป็นการเตือนว่าถึงเวลาแล้วที่ดิฉันต้องชดใช้เขาเหมือนที่ทำกับเขา ดิฉันกลัวไฟมากที่สุด ดิฉัน ได้อ่านที่ ดร.สนอง แนะท่านอื่นที่ถามว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้ากรรมนายเวรเขาอโหสิให้เราแล้ว เมื่อเราแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้ไป แล้วท่านแนะว่าเราจะสามารถรับรู้ได้ที่ใจของเราว่าเจ้ากรรมนายเวรเขาอโหสิให้เราแล้ว ซึ่งดิฉันเข้าใจว่าถ้าเจ้ากรรมนายเวรอโหสิให้ภาพของกรรมที่ทำไว้จะไม่มาหลอกหลอนย้ำเตือนที่ใจของเราอีก (ไม่ทราบว่าดิฉันจะเข้าใจถูกหรือไม่) ดิฉัน จึงกลัวและผวาหนักขึ้นเพราะดิฉัน รู้สึกแต่ว่าเราไปทำกรรมอะไรไว้บ้างมันเรียงรายการมาให้ระลึกได้เลย ท่าน ดร.สนอง ค่ะ ช่วยเมตตาแนะทางที่ดีให้ดิฉันด้วยเถอะค่ะ ว่าดิฉัน ควรจะทำอย่างไรดี ดิฉัน จะสร้างกุศลอย่างไรที่จะส่งทำให้เจ้ากรรมนายเวรเหล่านี้ ให้เขาคลายความทุกข์ความทรมานได้ดีและเร็วที่สุด ดิฉันสำนึกผิดมานานแล้ว แล้วไม่คิดจะหนี แต่ดิฉันได้แต่บอกเจ้ากรรมนายเวรเหล่านี้ว่า ดิฉัน ขอโทษ ดิฉันขอโอกาสให้ได้สร้างกุศลส่งให้เขาแทนการชดใช้ด้วยชีวิตได้ไหม

   คำถามที่ 2) ดิฉัน สังเกตมาตลอดชีวิต เรื่องร้าย ๆ ในชีวิตที่ดิฉันได้รับบางอย่างไม่ได้มาจากกรรมที่ดิฉันกระทำในชาตินี้ ก็แสดงว่าต้องเป็นกรรมที่เคยสร้างไว้ในชาติใดชาติหนึ่ง ซึ่งบางครั้งก็ชดใช้ก่อนกรรมในชาตินี้บ้าง ชดใช้หลังกรรมในชาตินี้บ้าง จึงอยากจะถามว่า กรรมที่คนเราต้องชดใช้แต่ละรายการนั้น มันไม่ได้เรียง 1 , 2 ,3 ของแต่ละรายการของแต่ละชาติใช่ไหมค่ะ แล้วมันเรียงคิวมาให้ชดใช้อะไรก่อนอะไรหลังจากอะไร หรือจากความรุนแรงของกรรมค่ะ

   คำถามที่ 3) ด้วยเหตุตอนเป็นวัยรุ่น ดิฉันเป็นคนพูดมุสาไว้มาก มาคิดได้ก็สายเสียแล้ว ปัจจุบัน ดิฉัน ก็คิดว่าคงกำลังชดใช้กรรมอยู่อีกเรื่อง ด้วยการเป็นฝีที่ต่อมทอมซิล ทุกวันต้องกดหนองตรงคอออกวันละหลายครั้ง ทุกคืนนอน หนองก็ไหลให้กลืนกินไปโดยปริยายทุกวัน ๆ กลิ่นหนองก็ไม่ได้ต่างจากเวลาไปงานศพแล้วเขาวนรอบเมรุเผาศพ แล้วได้กลิ่นน้ำหนองของศพที่นอนอยู่ในโลง (เปรียบเทียบไม่ผิดหรอกค่ะ) เพราะดิฉัน จำกลิ่นได้จากที่เคยไปงานเผาศพมามันไม่ต่างกันเลย มีคนบอกก็ไปรักษา ดิฉัน ก็รู้ตัวว่ามันทำไม่ได้เพราะดิฉันไม่มีเงินรักษา จึงขอถามท่านว่า ดิฉัน จะสร้างกุศลอย่างไรอาการของดิฉันจึงจะดีขึ้นค่ะ

    ทั้งหมดนี้ ขอถามท่าน ดร.สนอง ว่า สำหรับชีวิตของดิฉันที่เล่ามาทั้งหมดตั้งแต่ต้น มันหมายถึงชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่สูญสิ้นหมดทุกอย่างแล้วใช่ไหมค่ะ ปัจจุบันมันสายไปแล้วใช่ไหมค่ะ ดิฉัน สำนึกผิดได้แล้ว ระลึกได้ถึงกรรมและผลของกรรมที่ตามมา แต่หาหนทางแก้ไขมันไม่ได้ ได้แต่ขอความเมตตาจากท่านช่วยชี้ทางสว่างให้เดินด้วยเถิดค่ะ

....ขอบกราบขอบพระคุณท่าน ดร.สนอง ล่วงหน้าค่ะ

คำตอบ
    (1) ผู้ใดทำกรรมไว้เมื่อกรรมให้ผลผู้ทำกรรมต้องรับวิบากของกรรมที่ทำ สิ่งที่บอกเล่าไปเป็นอกุศลกรรม เมื่อใดที่กรรมให้ผลจะให้ผลเป็นอกุศลวิบากดังที่ผู้ถามปัญหากำลังได้รับอยู่ขณะนี้ เจ้ากรรมนายเวรมิได้มาเตือน แต่เขามาทวงหนี้เวรกรรมที่ผู้ถามปัญหาเคยก่อไว้กับเขาซึ่งจำเป็นต้องชดใช้หนี้เวรกรรมจนกว่าจะหมดสิ้น หรือเจ้ากรรมนายเวรยกเลิกการจองเวร แล้วอกุศลวิบากและการระลึกถึงกรรมเก่าจะยุติโปรดอ่านการบริหารหนี้กรรมจากเว็บไซด์ข้อ 728

สิ่งที่ผู้ถามควรทำคือสร้างบุญใหญ่สุด ด้วยการนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรมตามสำนักปฏิบัติธรรมต่าง ๆ อยู่เสมอ และก่อนจะจบ course การฝึกต้องขอความเมตตาจากเพื่อนร่วมปฏิบัติธรรมช่วยกันอุทิศบุญกุศลที่แต่ละคนมีให้กับเจ้ากรรมนายเวรของผู้ถามปัญหาไปเรื่อยๆ จนกว่าอกุศลวิบากจะเบาบางหรือหมดไป และไม่ระลึกถึงกรรมในอดีตที่เคยทำอีกต่อไป และจะดีที่สุด หากผู้ถามปัญหาสามารถพัฒนาจิตตนเองจนเข้าถึงความเป็นอริยบุคคลขั้นต้น นั่นหมายความวา ประตูอบายภูมิได้ถูกปิดตายสำหรับการเดินทางชีวิตของผู้ถามปัญหาได้ตลอดไป

  (2) ผู้ถามปัญหาโปรดไปหาอ่านเรื่องกรรม 12 ทำความเข้าใจได้แล้ว จึงจะรู้ว่ากรรมชนิดใดให้ผลก่อน-หลัง กรรมชนิดใดให้ผลรุนแรง หรือยกเลิกให้ผลฯลฯ

  (3) โรคที่เกิดจากรรมเป็นต้นเหตุ ไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยวิธีการทางแพทย์ปัจจุบัน แต่โรคจะหายได้ต่อเมื่อชดใช้หนี้กรรมจนหมดสิ้นหรือเจ้ากรรมนายเวรยกเลิกการจองเวร

ทั้งหมดที่ผู้ถามปัญหาบอกเล่าไปมิได้หมายความว่า ชีวิตได้สูญสิ้นหมดทุกอย่าง เพราะชีวิตยังมีลมหายใจเข้า-ออก ยังมีร่างกายเป็นเครื่องมือให้จิตได้ใช้ประกอบกรรม กรรมไม่ดีก็เคยทำมาแล้วจนปรากฏผลประจักษ์แจ้งกับตนเอง ทำไมไม่ลองทำกรรมดีดูบ้าง เอาวิกฤติของชีวิตมาสร้างโอกาสให้ตัวเอง พัฒนาจิตวิญญาณให้สูงส่งด้วยบุญเลิกนึกถึงอดีตที่ไม่เคยมีใครผู้ใดแก้ไขได้ พระพุทธะ พระมหาโมคคัลลานะ อัมพปาลี อิสิพาสี ฯลฯ ล้วนเคยทำกรรมไม่ดีมาทั้งนั้นท่านเหล่านั้นเลิกเอาใจไปผูกติดอยู่กับอดีต แต่ใช้เวลาในปัจจุบันอย่างมีคุณค่า พัฒนาจิตวิญญาณของตัวเอง จนสามารถนำพาชีวิตไปพบกับอริยสมบัติชั้นสูงสุดได้

ย้อนกับมาสู่กรณีของผู้ถามปัญหา ยังมีโอกาสสร้างบุญบารมีให้กับตัวเองได้ ด้วยการใช้เวลาที่เหลืออยู่ในปัจจุบันให้เป็นประโยชน์นำตัวเข้าปฏิบัติธรรมแล้วอุทิศบุญให้ถูกตรงตามคำแนะนำ แล้วโอกาสเป็นเจ้าของสวรรค์สมบัติ พรหมสมบัติ แม้อริยสมบัติยังเปิดให้เข้าถึงได้
      

824.
กราบเรียนอาจารย์ ดร.สนอง ค่ะ

   หนูสวดมนต์และตั้งจิตว่างๆ ประมาณ 5-10 นาที แล้วก็แผ่เมตตา แต่ช่วงเวลาสวดมนต์ก็ไม่คิดอย่างอื่นก็จะพยายามดึงจิตให้กลับมามีสติกับการสวดมนต์ทันที อย่างนี้ตอนแผ่เมตตาในสมาธิจะได้บุญมั้ยค่ะ

   การที่เราพยามยามมีสติตั้งมั่นกับการสวดมนต์และนั่งสมาธิแต่อาจไปคิดอย่างอื่นแต่ก็รีบตั้งสติทันที อย่างนี้จะได้บุญมั้ยค่ะ

คำตอบ
    การสวดมนต์เป็นการเจริญสติแบบหนึ่ง ผู้ใดทำได้แล้วผู้นั้นเป็นผู้มีบุญ ผู้ใดมีบุญสามารถอุทิศบุญให้สรรพสัตว์ได้ และจะยิ่งได้ผลมากหากอุทิศบุญในขณะที่จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ส่วนการแผ่เมตตาเป็นอีกเรื่องหนึ่งโปรดดูคำตอบในข้อ 713 (1) ส่วนคำถามในตอนที่สอง เป็นการกระทำที่ให้ผลเป็นบุญเช่นกัน
  

823.
กราบเรียนอาจารย์ อ. สนอง

   ก่อนอื่นดิฉันขอกราบแทบเท้า อ. สนอง ที่ท่านได้ให้แนะนำ และเรื่องราวต่างๆที่อยู่ในหนังสือทุกเล่ม คำถาม-ตอบทุกข้อ ทำให้ดิฉันเข้าใจเรื่องราวต่างๆที่เกิดกับดิฉัน ดิฉันเคยปรึกษาอ.สนองข้อ 809 หลังจากที่ได้รับคำตอบจากอาจารย์ก้อสืบค้นหาประวัติของ นาง อิสิทาสี และอ่านหนังสือของอาจารย์ทุกเล่มค่ะ

   ขณะนี้ดิฉันไม่ฝันร้ายอีกแล้ว และไม่โกรธไม่เกลียด ผู้ชายคนนั้นแล้วคะเพราะรู้สึกว่าการที่เราเกลียดคน ทำให้เราทุกข์ ดังนั้นในเมื่อเกลีดกันแล้วทุกข์ เราก้อรักไปซะเลย รักด้วยความเมตตา และเข้าใจ หวังดี และยินดีที่เค้าจะได้มีความสุข ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นตั้งอยู่ แล้วเดี๋ยวก้อดับไป จะโศรกเศร้าไปทำไม หลังจากที่คิดได้แบบนี้แล้ว ก้อรู้สึกสบาย ไม่ฝันร้ายอีกแล้วคะ และนอกเหนือจากนั้นตอนนี้ดิฉันเข้าใจจิตใจตัวเองมากขึ้น และเริ่มฝึกหักปฏิบัติธรรม ใจเย็นขึ้นมากค่ะ

   ต้องกราบขอบพระคุณอาจารย์ สนอง ด้วยความรักและศรัทธา ทั้งนี้อยากจะให้เพื่อนๆที่ได้อ่านคำถาม-ตอบ ทุกข์ท่านจงใช้ศิล สมาธิ และปัญญา เพื่อนำพาเราให้ผ่านปัญหาต่างๆด้วยดี นะคะ โชคดีทุกข์ท่านค่ะ

กราบแทบเท้า อ. สนอง

คำตอบ
    สาธุ ที่ตาสว่างได้ ผู้รู้ไม่ประมาทที่จะรักษาปฏิปทาเช่นนี้ไว้ จนกระทั่งวันทิ้งขันธ์ลาโลกมาถึงแล้ว สุคติภพหรือนิพพานเป็นที่หวังได้ ดังที่อิสิทาสีมีจิตเป็นทาสของสามีที่ปฏิเสธอยู่ร่วม แล้วเกิดความเห็นถูก (ตาสว่าง) สามารถปลดจิตให้เป็นอิสระจากอุปาทานได้ อรหัตตผลจึงเป็นสุดยอดของรางวัลชีวิต
   

822.
กราบเรียนท่านอาจารย์

1.นอกจากสวดมนต์ในตอนกลางคืนการถวายน้ำและพวงมาลัย ให้พระพุทธรูป ในห้องพระ จะทำให้ได้บุญมากขึ้นมั้ย
2.บุญที่ได้จากการถวาย พวงมาลัย+น้ำ คืออะไร
3.การมีสติจดจ่ออยู่กับกิจกรรมประจำวัน เช่น ทำงาน ก็จอจ่อกับงาน ขับรถ ก็จดจ่อกับรถรอบๆรถเรา อย่างนี้จะเกิดบุญหรือไม่ เพราะเรามีสติจดจ่อและเป็นสัมมาสติ แล้วถ้ามีบุญเราควรอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวรได้หรือไม่ เช่น พอเราขับรถ อย่างมีสติ จนไปถึงที่จุดหมาย แล้ว เราก็อุทิศ บุญที่ได้จากการมีสติในการขับรถ ให้เจ้ากรรมนายเวรจะได้หรือไม่

คำตอบ
    (1) ได้บุญมากขึ้น

   (2) การกระทำถือว่าเป็นอามิสบูชาต่อองค์พระพุทธะ ผลของบุญส่งให้เกิดความเป็นมงคลเกิดขึ้นกับผู้บูชาซึ่งเป็นหนึ่งในมงคล 38

   (3) การกระทำที่บอกเล่าไป เป็นการประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 ข้อที่ว่าด้วยการภาวนา ประพฤติได้แล้วเป็นบุญ ผู้ใดมีบุญ ผู้นั้นสามารถอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวรได้
   

821.
เรียน อาจารย์สนองที่เคารพ

จะมีกรณีที่เป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้ที่ยังเป็นฆราวาส สามารถบรรลุอรหัตตผล และสามารถเข้าถึงนิพพานได้หรือไม่ โดยที่ฆราวาสผู้นั้นครองตนโดยไม่ผิดศีล ผิดธรรม ดำเนินชีวิตในสภาพที่มีครอบครัว และปฏิบัติจิตตภาวนาแนวทางสติปัฐฐานสี่ สามารถใช้ปัญญาวิปัสสนาสิ่งต่างๆ และเห็นตามความจริง

กราบขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    เป็นไปไม่ได้ครับ
  

820.
สวัสดีค่ะ ดร . สนอง วรอุไร

คุณแม่ของดิฉันให้ส่งปัญหาธรรมมาถาม มี 4 คำถาม ดังนี้

1. สมัยเด็กของคุณแม่มีคุณยายหนึ่งคนพึ่งไปทำแท้งมา แต่คุณแม่ไม่ทราบ คุณยายวานให้คุณแม่เหยียบขา เหยียบท้องให้ เพราะว่าเด็กยังออกไม่หมด อย่างนี้เป็นกรรมติดตัวรึป่าวแม้ไม่ได้เจตนา ถ้าเป็น จะมีวิธีแก้กรรมอย่างไร

2. ในสมัยเด็กของดิฉัน เด็กมากจนจำความไม่ได้ คุณแม่เล่าให้ฟังว่าดิฉันเคยดึงคอนกกระจอกตาย ( นกตกลงมาจากรังบนต้นไม้ ด้วยความเด็กจึงไปกำนกเล่นแล้วดึงคอนกหลุด) ด้วยความไม่ตั้งใจ อย่างนี้เป็นกรรมติดตัวรึป่าวแม้ไม่ได้เจตนา ถ้าเป็น จะมีวิธีแก้กรรมอย่างไร

3. คุณแม่ได้ร่วมหุ้นลงทุนทำธุรกิจแชร์กับอาจารย์คนนึง ที่อยู่ในโรงเรียนที่คุณแม่ขายของอยู่ อาจารย์โกงเงินแม่ ไม่จ่ายต้นทุนให้ เป็นเวลามากกว่า 10 ปีมาแล้ว อยากถามว่าอย่างนี้เป็นกรรมเนื่องมาจากอะไร และต้องทำอย่างไรถึงจะแก้กรรมนี้ได้

4. ถ้าคุณพ่อมีภรรยาน้อย คุณแม่เป็นทุกข์ใจหลายครั้งที่ฝันซ้ำๆว่าคุณพ่ออยู่กับผู้หญิงคนอื่น ยิ่งทำให้เป็นทุกใจยิ่งขึ้น อยากถามว่าอย่างนี้เป็นกรรมเนื่องมาจากอะไร และต้องทำอย่างไรถึงจะแก้กรรมนี้ได้

ด้วยความเคารพอย่างสูง

เสาวณีย์

คำตอบ
    (1) ถือว่าเป็นบาปผู้เข้าร่วมกระบวนอกุศลกรรมเมื่อใดที่บาปให้ผล จะทำให้ชีวิตมีปัญหา เช่น เจ็บป่วย ทำกิจการงานใดแล้วเกิดความติดขัด ถูกโกง ขาดทุน วิบัติ ฯลฯ วิธีแก้กรรมโปรดดูคำตอบในเว็บไซด์ ข้อ 728

   (2) สิ่งทำไปโดยไม่มีเจตนาในสมัยที่ยังเป็นเด็กเป็นเรื่องของการจองเวรที่ยังผูกกันไว้ระหว่างมนุษย์กับสัตว์นกได้ก่อเวรเป็นลูกหนี้เวรกรรมกับผู้ทำกรรม เมื่ออกุศลวิบากให้ผลนกจึงต้องตายด้วยวิธีการดังที่บอกเล่าไป ถามว่าบาปหรือไม่ขึ้นอยู่กับนกที่ตายไป หากจิตวิญญาณของนกยังคงผูกเวรอยู่กับผู้ทำกรรม เมื่อใดที่เหตุปัจจัยลงตัวโคจรมาพบกันอีก ผู้ทำกรรมต้องรับอานิสงส์แห่งบาปนั้นบ้าง ฉะนั้นควรทำบุญใหญ่เชื่อปฏิบัติธรรมแล้วอุทิศบุญกุศลให้กับนกไปเรื่อย ๆ จนกว่านะจะเลิกจองเวร โดยมีเครื่องวัดคือผู้ทำกรรม ไม่ระลึกถึงนกที่ตายอีกต่อไป

   (3) นี่เป็นผลของกรรมที่ทำไว้ในข้อ (1) ประสงค์จะแก้กรรมโปรดดูคำตอบในเว็บไซด์ข้อ 728

   (4) เป็นผลของกรรมที่ทำไว้ในข้อ (1) เช่นกัน ประสงค์จะแก้กรรมต้องทำตามเว็บไซด์ข้อ 728
  

819.
กราบเรียนท่านอาจารย์ สนอง ที่เคารพ

   กระผมมีเรื่องอยากสักถามเกี่ยวกับอาชีพครับ อยากทราบถึงผลกรรมของอาชีพที่ถูกกฎหมายแต่ผิดศีลและผลของบาปที่จะให้ผลโดยมีอาชีพที่สงสัยดังนี้
1.ร้านเสริมสวย
2.ร้านอินเตอร์เน็ต เกมส์
3.เปิดร้านซ่อมคอมพิวเตอร์โดยใช้ soft ware เถื่อน ให้แก่ผู้ใช้บริการ
4.รับจ้างทำรายงาน ทำโปรเจ็ค ให้กับเด็กนักศึกษาเพื่อส่งงานให้กับอาจารย์
5.การทำโต๊ะจีนซึ่งก็ต้องมีเหล้าเบียร์ด้วย อาชีพเหล่านี้ถูกกฎหมายแต่ผิดศีลยังไงครับและให้ผลบาปแก่ผู้ประกอบการอย่างไรบ้างครับ

อยากให้อาจารย์สนองโปรดแนะนำแนวทางในการเลือกอาชีพที่ถูกกฎหมายแต่ไม่ผิดศีล เพื่อใช้พิจารณาในการประกอบอาชีพที่ถูกต้อง

ขอกราบขอบคุณอาจารย์สนอง เป็นอย่างสูงครับ

คำตอบ
    (1) การประกอบอาชีพเปิดร้านเสริมสวย ทำแล้วไม่ผิดกฎหมาย ทำแล้วไม่ผิดศีล แต่ผิดธรรมตรงที่ทำให้ผู้มาใช้บริการบางคน มีจิตเป็นทาสของความสวยงาม ถือว่าเป็นบาป แต่มีผลไม่รุนแรงเท่ากับการประพฤติผิดกฎหมายและผิดศีล หากยังมีความจำเป็นต้องแสวงหาทรัพย์มาจุนเจือชีวิตให้ดำรงอยู่กับโลก สามารถทำได้ต่อไป แต่ไม่ควรลืมประพฤติบุญกิริยาวัตถุ 10 อยู่เสมอ แล้วอุทิศบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรบ่อย ๆ

   (2) การเปิดร้านอินเตอร์เน็ตเกมส์ ในทางโลกทำให้ผู้มาใช้บริการเกิดความสนุกสนาน บันเทิงใจ แต่ในทางธรรมถือว่าเป็นการส่งเสริมให้กิเลสเข้าสู่จิตวิญญาณของผู้มาใช้บริการ เป็นบาป แต่ไม่บาปมากเท่ากับประพฤติผิดกฎหมายและประพฤติผิดศีล

   (3) การกระทำในเรื่องเช่นนี้เป็นการประพฤติผิดศีล บาปมากกว่าข้อ (2)

   (4) ผู้รับจ้างทำรายงาน หรือรับจ้างทำโปรเจ๊คให้นักศึกษาเป็นการประพฤติผิดศีลบาปมากกว่าข้อ (2)

   (5) ผิดศีลตรงที่อาชีพนี้ ต้องสั่งเนื้อสัตว์มาปรุงเป็นอาหารเป็นการประพฤติผิดศีลข้อปาณาติบาต ส่วนการให้บริการเหล้า เบียร์ เป็นการประพฤติผิดศีลข้อสุราเมรยะ เมื่อใดที่อกุศลกรรมให้ผลผู้ประกอบกรรมต้องรับอานิสงส์บาปด้วยการเจ็บป่วยและความจำเสื่อมไปก่อนเวลาอันควร

   อาชีพที่ถูกกฎหมาย ไม่ผิดศีลและถูกต้องเช่น ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับค้าขายโลงศพ ค้าขายอุปกรณ์ก่อสร้าง การค้าขายอุปกรณ์ไฟฟ้าส่องสว่าง การค้าชายเครื่องคอมพิวเตอร์ ค้าขายโทรศัพท์มือถือ ค้าขายอุปกรณ์บันทึกภาพฯลฯ
  

818.
กราบเรียนท่านอาจารย์

ผมตั้งใจว่าจะเปิดธุรกิจส่วนตัวอย่างหนึ่ง(แม่ลงทุนให้) จึงมีเรื่องสงสัยอยากจะถามท่านดังนี้
1. หากผมต้องการมีทรัพย์(เงิน)มาก ผมควรนั่งสมาธิ หรือ บริจาคทรัพย์ เป็นทาน แบบไหนจะทำให้เหตุกับปัจจัยลงตัวที่สุดครับ

2. ผมเพิ่งเรียนจบ อยากให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรื่อง ผมควรปฎิบัติธรรมธรรมข้อใด เพิ่มเติมเพื่อที่จะส่งเสริมธุรกิจที่ทำอยู่ อย่างสุจริต

3. อนิสงจากการนั่งสมาธิจะทำให้ธุรกิจเราประสบความสำเร็จและมีทรัพย์มากหรือไม่ หรือว่า การบริจาคทานจะทำให้มีทรัพย์มากกว่า
เพี่เหตุกับปัจจัยลงตัว อย่างถวายยารักษาโรคแก่พระก็ทำให้เราไม่เป็นโรคใช่หรือไม่

4. แม่ผมชอบไปถวาย brandรังนก แก่พระสงฆ์เป็นประจำ เพราะต้องการให้พระท่านแข็งแรงเพราะพระท่านทานข้าวไม่ค่อยได้ แบบนี้จะได้บุญหรือบาปและควรหรือไม่ควรทำครับ

ขอบพระคุณท่านอาจารย์มากๆครับ
  ถ้ามีอะไรที่ล่วงเกินไปผมและครอบครัวขอ ขอขมาท่านอาจารย์ด้วยครับ

คำตอบ
    (1) ควรทำทั้งสองอย่าง เพราะการให้ทรัพย์เป็นทานเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 อานิสงส์การให้ทำให้เป็นที่รักของคนหมู่มาก ทำให้มั่งมีในสิ่งที่ให้ การนั่งสมาธิเป็นจิตตภาวนา ซึ่งเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 เช่นกัน แต่การเจริญจิตตภาวนาเป็นบุญสูงสุดผู้มีบุญประกอบกิจการงานใด ย่อมให้ผลเป็นความเจริญทุกเมื่อ

   (2) ควรมีศีล 5 คุมใจอยู่ทุกขณะตื่น เพราะอานิสงส์ของศีลทำให้เกิดเป็นความมั่งมีในโภคะ นอกจากนี้ยังต้องมีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ (พ่อแม่) และผู้มาใช้บริการ(ลูกค้า) ก็เป็นผู้มีพระคุณเช่นกัน

   (3) เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับบุญที่เกิดจากการประพฤติ การบริจาคทานให้กับคนหมู่มาก การถวายทานแก่หมู่อริยสงฆ์หรือปัจเจกพุทธะ จัดเป็นมหาทาน ทำแล้วบุญจะถูกสั่งสมอยู่ในจิตวิญญาณมาก เมื่อใดที่บุญส่งผล ย่อมทำให้มีทรัพย์มาก

ทุกคนมีศรัทธาในคำสอนของพระพุทธะ สามารถปฏิบัติธรรม (นั่งสมาธิ)ได้ แต่ผู้ที่เข้าถึงมรรคผลของธรรมมีน้อย เมื่อใดที่บุญให้ผลยังไม่ทำให้มีทรัพย์ (มนุษยสมบัติ) มากเหมือนกับการบริจาคมหาทานซึ่งผู้เข้าถึงธรรมได้จะมีอริยสมบัติมาก

การถวายยารักษาโรคแก่พระสงฆ์ แล้วตัวเองยังทำบาปอยู่หากแรงของอกุศลกรรมที่ทำในปัจจุบันรวมกับแรงของอกุศลกรรมที่ทำไว้แต่อดีตส่งผล ผู้นั้นยังต้องรับอกุศลวิบากเป็นโรคภัยไข้เจ็บได้

   (4) การให้สิ่งดีเป็นทาน เช่นอาหารที่ทำให้สุขภาพของผู้รับทาน (ปฏิคาหก) แข็งแรง การให้ทานเช่นนี้เป็นบุญ ควรประพฤติต่อไป
   

817.
เรียนถาม ดร. สนองที่เคารพ

เพื่อนดิฉันเป็นหมอ และมีความเมตตาสูงมาก คนไข้รายหนึ่งอยู่ ICUหายใจเองไม่ได้ หมอจึงอธิษฐานให้เจ้ากรรมนายเวรหันมาเอาเรื่องหมอแทน รวมถึงเจ้ากรรมนายเวรของคนไข้หนักรายอื่นอีก เจ้ากรรมนายเวรเหล่านั้นจะรุมทำร้ายหมอจนเป็นอันตรายไหมคะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ
   พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์พระอรหันตขีณาสพทุกพระองค์ ฯลฯ ล้วนเป็นผู้รู้แจ้งชีวิต และมีเมตตาสูงไม่มีอริยบุคคลผู้ใด อธิษฐานใช้หนี้เวรกรรมแทนเจ้ากรรมนายเวรของบุคคลอื่น เหตุเพราะเจ้าหนี้เวรกรรมตัวเองมีมาก จนไม่สามารถปลดหนี้ได้หมด ผู้รู้บริหารหนี้เวรกรรม 4 วิธีดังได้กล่าวไว้ในเว็บไซด์ข้อ 728

ดังนั้นที่ถามไปจึงเป็นการกระทำที่ทำร้ายตัวเองที่ไม่ฉลาดที่สุด บรรดาพระโพธิสัตว์ที่มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วไม่ประพฤติและไม่แนะนำผู้อื่นให้ประพฤติเช่นนั้น
   

816.
เรียน ท่าน ดร.สนอง

   ผมได้ไปตั้งจิตบอกกล่าวกับพระพุทธรูปในวัดแห่งหนึ่งว่า “ ขอให้ข้าพเจ้า สอบได้เข้าไปเรียนปริญญาโทในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แล้วจะนำความรู้และความสามารถที่ได้ มาทำให้ตัวเองดีขึ้น คนรอบตัวดีขึ้น สังคมดีขึ้นจนถึง แผ่นดินดีขึ้น ขอให้ข้าพเจ้าได้เข้าไปเรียนและสำเร็จด้วยเทอญ ” ซึ่งมหาวิทยาลัยประกาศผลสอบออก มาว่าสอบได้

ตามที่ตั้งจิตกับพระพุทธรูปไว้ ผมคิดว่า ตัวเองดีขึ้นนั้น ดีขึ้นอยู่แล้วตามวิชาความรู้และโอกาสที่ได้มาจากการศึกษาปริญญาโทรอบตัวดีขึ้นนั้นคือการช่วยเหลือ บิดา มารดา และคนรอบตัวใกล้ชิด เมื่อมีโอกาส สังคมและแผ่นดินดีขึ้นนั้น คือการที่ได้เข้าไปช่วยเหลืองานของพระศาสนา หรือกิจกรรมช่วยเหลือสังคม เช่น ให้ทุนการศึกษา หรือการทำความดีแก่ส่วนรวมเมื่อมีโอกาสขอทราบความคิดเห็นของ ดร.สนอง ว่าความเห็นของผม ถูกต้อง หรือควรเพิ่มเติม หรือแก้ไข ประการใดเพื่อจะได้ไม่ผิดคำที่ได้ให้ไว้กับพระ พุทธรูปพระองค์นั้น ครับ

กราบขอบพระคุณครับ

คำตอบ
   คำกล่าวอธิษฐานเป็นการตั้งโปรแกรม เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ในทางโลก เพราะการได้เข้าเรียนในระดับปริญญาทา เป็นการพัฒนาสุตมยปัญญาและจินตามยปัญญาให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ปัญญาที่ผู้ถามปัญหามุ่งเน้นพัฒนานั้น นำไปช่วยตัวเองได้ช่วยคนอื่นได้ในทางโลกแต่ช่วยงานของพระศาสนาได้เพียงบางส่วน ไม่ถือว่าผิดไปจากคำอธิษฐานที่ให้ไว้กับพระพุทธรูป แต่หากอธิษฐานให้ได้ดวงตาเห็นธรรมแล้วนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรม จะเข้าถึงมรรคผลแห่งธรรมของพระพุทธะได้งานช่วยเหลือพระพุทธศาสนาจะทำได้ถูกตรง และเป็นผลดีต่อการรักษาธรรมและวินัย มิให้เสื่อมไปจากใจของคนที่เข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับพุทธบริษัทผู้เข้าถึงธรรมได้
 

815.
เรียนท่านอาจารย์ดร.สนอง

เพื่อนดิฉันตั้งท้องได้ประมาณ 4 เดือนกว่าแล้วแต่เพิ่งไปอัลตราซาวน์มาคุณหมอแนะนำให้เอาเด็กออกเพราะเด็กไม่สมประกอบ ถึงคลอดออกมาก็ต้องเสียชีวิต เพื่อนก็เสียใจมากแต่คงต้องเอาออกตามคุณหมอแนะนำภายในเร็วๆนี้ เข้าใจว่าเป็นวิบากกรรมของเพื่อนคนนี้
อยากขอคำแนะนำอาจารย์ค่ะว่ามีวิธีไหนช่วยผ่อนหนักเป็นเบา บาปปาณาที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ได้บ้างคะ จะชวนเพื่อนไปทำ

ขอบคุณค่ะ

คำตอบ
   เมื่อใดที่กรรมให้ผลเป็นวิบาก ผู้ทำกรรมต้องเป็นผู้รับวิบากนั้นซึ่งไม่มีใครสามารถช่วยได้ หากผู้ถามปัญหาจะช่วยเพื่อน ต้องทำให้เพื่อนเข้าใจบริหารธรรม (ดูคำตอบจากข้อ 728) และปฏิบัติให้ได้ตามนั้น จึงจะถือว่าช่วยเพื่อนสัมฤทธิ์ผล
  

814.
กราบเรียนอาจารย์สนองที่เคารพ

    ผมได้เรียนการทำสมาธิภาวนาจากวัดแห่งหนึ่ง (ผมไปฝึกที่วัด 3 วันแล้วหลังจากนันไม่ได้ไปอีกเพราะวัดอยูไกล) โดยภาวนา เกศา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ - ตะโจ ทันตา นะขา โลมา เกศา กลับไปกลับมาโดยไม่ต้องสนใจลมหายใน กระผมได้ฝึกอยู่ระยะหนึ่งแต่ไม่ได้ทุ่มเทเต็มที่ ก็ไม่ค่อยก้าวหน้าเท่าไร แต่ช่วงหลังผมอ่านตำราเกี่ยวกับการฝึกสมาธิภาวนามากขึ้น เลยลองเปลี่ยนวิธีภาวนาไปใช้พุทโธตามลมหายใจ หลังจากนั้นผมก็เกิดปํญหาคือ พอภาวนาพุทโธไปได้สักพักหนึ่งใจก็อยากกลับไปภาวนาแบบเดิม ก็เลยออกมาแล้วเริ่มต้นใหม่โดยภาวนาแบบเดิม คือ เกศาฯ พอเริ่มนิ่งใจก็อยากกลับไปภาวนาพุทโธอีก เป็นอย่างนี้มาได้ระยะหนึ่งแล้วจนเดี๋ยวนี้การปฏิบัติไม่ก้าวหน้าเลยเพราะพอมีความขัดแย้งขึ้นในใจก็ต้องเลิก

จึงเรียนอาจารย์ช่วยให้คำแนะนำด้วย
    ขอบพระคุณอาจารย์มากครับ

คำตอบ
    ส่วนภาวนาต้องมีศีล 5 คุมใจให้ได้ก่อนแล้วจึงเร่งความเพียรในการปฏิบัติจิตตภาวนา ด้วยการเปรียบเทียบบทภาวนาทั้งสองแบบวา การภาวนาแบบไหน ทำให้จิตตั้งมั่น เป็นสมาธิได้เร็ว จริตของผู้ถามปัญหาเหมาะสมกับบทภาวนานั้นให้ใช้บทภาวนานั้นตลอดไปเพียงอย่างเดียว ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการปฏิบัติที่ผิดไปจากธรรม
      

813.
เรียนท่านอาจารย์ดร.สนอง ที่เคารพยิ่ง

ขอเรียนถามท่านอาจารย์ เกี่ยวกับเรื่อง การผูกเวรและการตัดเวรครับ

1. หากมีใครมาเบียดเราในชาตินี้ ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าว่า ผลที่เกิดนี้ย่อมมีเหตุ นั่นคือ ผมได้เคยเบียดเบียนเขามาก่อน พอผมถูกเขาเบียดเบียนแล้ว หากผมยังผูกใจเจ็บ ต่อเขาในอนาคตก็จะมีเหตุ ให้เรากลับไปเบียดเบียนเขาเป็นเช่นนี้ ไปจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเลิกผูกใจเจ็บ หรือพ้นจากสังสารวัฏ
ผมเข้าใจถูกมั้ยครับท่านอาจารย์?

2. การที่เจ้านายเคี่ยวเข็ญ ให้ทำงานหนักหนาดึกดื่น แม้วันหยุดก็ต้องเสียสละ หนึ่งก็เพราะทำเพื่องาน ผมเป็้นผู้น้อยก็ต้องปฏิบัติตาม และก็รู้สึกคับแค้นใจ รู้สึกเหมือนถูกเบียดเบียนตลอดเวลา อย่างนี้เป็นกรรมที่ต้องชดใช้ใช่หรือเปลาครับ? หรือเป็นความเห็นผิดจึงไปรับผัสสะมาปรุงเป็นอารมณ์ครับ?

3. เวรอื่น ที่ผมเคยผูกใจเจ็บไว้ในอดีตชาติ มาถึงตอนนี้ก็ไม่สามารถระลึกได้ จะมีข้อปฏิบัติอย่างไร ที่จะเป็นการประกาศว่า ผมต้องการตัดเวร
ไม่ขอไปจองเวรอีกพวกเขาเหล่านั้นอีกแล้วครับ?

ขอกราบแทบเท้าท่านอาจารย์ครับ

คำตอบ
    เข้าใจถูกครับ ด้วยเหตุนี้พระพุทธะจึงได้ตรัสว่า “ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ”

   เจ้านายเคี่ยวเข็ญให้ทำงานหนักหนาดึกดื่น แล้วรู้สึกเกิดเป็นความคับแค้นใจ นั่นคือผลของกรรมเก่าซึ่งต้องชดใช้ให้หมดไปความคับแค้นใจเกิดขึ้นกับผู้ใด ผู้นั้นมีความเห็นผิดไปจากธรรมผู้ใดทำงานหนักแล้วไม่เกิดเป็นความคับแค้นใจ ผู้นั้นมีความเห็นถูกตามธรรม

   ความต้องการตัดเวร ที่ผู้ถามปัญหาเคยผูกใจเจ็บไว้กับสรรพสัตว์ในอดีตชาติ จะหมดไปได้ ต้องไปกล่าววาจาต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์วา “ นับจากนี้ต่อไป ข้าพเจ้ายกเลิกการจองเวรกับทุกสรรพสัตว์ที่ระลึกได้และระลึกไม่ได้ ”
  

812.
กราบเรียน อ.สนอง วรอุไร ที่เคารพครับ

   กระผมมีปัญหาจะถามและขอความให้อาจารย์ช่วยแนะนำด้วยครับ

   1.ผมเคยมีสัญญาและสาบานว่าจะรักกันกับคนรักมาก่อนเพราะถ้าไม่ทำตามนั้นชีวิตจะประสบแต่สิ่งไม่ดี จะมีวิธีใดบ้างครับที่ถอนคำสาบานนั้นเพราะปัจจุบันผมไม่ได้ทำตามนั้นโดยมีคนรักใหม่ และผมได้ปรับปรุงตัวใหม่ว่าจะรักเดียวใจเดียวอยู่ในศีล 5 ครับ

    2.เมื่อตอนบวชเณรได้สำเร็จความใคร่ตัวเองตอนนั้นอายุประมาณ 10 ขวบ บาปมากมั้ยครับ และตอนบวชพระเมื่ออายุ 23 บวชให้พ่อแม่ครับประมาณ 14 วัน เผลอไปดูหนังโป้แค่แว้บเดียว แบบนี้บาปมากมั้ยครับผมรู้สึกสำนึกผิดจะมีวิธีใดบ้างเพื่อให้ผลกรรมเบาบางลง ไม่อยากไปเกิดในอบายภูมิ

   3.ตอนบวชพระและเณร ปัจจัยต่างๆที่ได้พอตอนสึกผมได้นำเงินนั้นมาใช้ส่วนตัวแบบนี้บาปมากมั้ยครับ ปัจจุบันผมได้ทำบุญอยู่เป็นประจำและได้อธิฐานจิตว่าขอใช้หนี้สงฆ์ที่ได้เคยนำเงินมาใช้ แบบนี้จะพอลดกรรมได้มั้ยครับ ขอได้โปรดให้ อ.สนอง วรอุไร แนะนำด้วย

   ผมสำนึกผิดในสิ่งที่กระทำมาทั้งหมดและตั้งใจจะประพฤติปฏิบัติธรรมไปจนตลอดชีวิต หากแม้ว่าได้มีโอกาศบวชก็จะขอบวชตลอดชีวิตจะดำเนินตามรอยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ เพื่อสู่ความหลุดพ้น (นิพพาน)

   กราบขอบพระคุณ อาจารย์ สนอง วรอุไร ครับ

คำตอบ
    (1) คำสัญญาและคำสาบาน หากได้ร่วมกระทำไว้แล้วกับบุคคลอื่น หากประสงค์จะถอนคำสัญญาและคำสาบาน ต้องไปกล่าววาจาบอกเลิกกับผู้ร่วมกระทำ หากผู้ร่วมกระทำเห็นดีด้วย และยกเลิกคำที่ให้ไว้แก่กัน กรรมดังกล่าวจะเป็นอโหสิกรรม แต่หากผู้ร่วมกระทำไม่เห็นดีด้วย และไม่ยอมยกเลิกกรรมที่เคยทำไว้แก่กันคำสัญญาและคำสาบานยังมีโอกาสให้ผลอยู่

  (2) เป็นบาปทั้งสองกรณี ถามว่าจะบาปมากหรือไม่อยู่ที่ใจเก็บบันทึกข้อมูลกรรมไว้เหนียวแน่นหรือไม่ ผู้มีจิตบริสุทธิ์ทำกรรมใดไว้แม้เพียงเล็กน้อย จิตจะเก็บบันทึกข้อมูลกรรมไว้อย่างเหนียวแน่น

   ผู้ใดดำรงชีวิตอยู่ในเพศของนักบวชในพุทธศาสนา ต้องนำตัวเอาเข้าปริวาสกรรมแล้วปฏิบัติตามข้อบัญญัติของวินัยสงฆ์ แต่หากอยู่ในเพศฆราวาส ให้ไปขอขมากรรมต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่นต่อหน้าพระพุทธรูป แล้วต้องไม่ประพฤติผิดเช่นนั้นอีก กรรมไม่ดีที่ทำไว้ก่อนแล้วจึงจะมีโอกาสหมดไปได้

   (3) ฆราวาสมีเจตนาถวายปัจจัยให้แก่สงฆ์และเณรเพื่อนำไปใช้ในจิตของนักบวช เมื่อสึกมาเป็นฆราวาสแล้วหากได้นำปัจจัยนั้นมาใช้เป็นการส่วนตัวของฆราวาส ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดเจตนารมณ์ของผู้ถวาย หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยพูดไว้ว่า การกระทำเช่นนี้เป็นการ “ ย้ายฐานาเจดีย์ ” ให้ผลเป็นบาป ส่วนจะบาปมากหรือบาปน้อย ให้อ่านคำตอบในข้อ (2) ดังนั้นสิ่งที่ผู้ถามปัยหาได้กระทำลงไปจึงเป็นบาป

   ปัจจุบันผู้ถามปัญหาได้ทำบุญอยู่เป็นประจำ กรรมที่ทำจะให้ผลเป็นบุญ ซึ่งบุญและบาปเป็นคนละส่วนกัน จึงไม่สามารถลดกรรมไม่ดีที่ได้ทำไว้แล้วได้
      

811.
เรียนอ.สนองที่เคารพ

   หนูนับถือหลวงพ่อฤาษีและเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพรฯ มาก บ้านเพื่อนรักคือบ้านสายลม ส่วนเสด็จในกรมฯ หนูรู้สึกว่ารักท่านมากโดยไม่มีเหตุผล มาทราบทีหลังจากคุณแม่ว่า คุณปู่เป็นนักเรียนของท่าน วันหนึ่งหนูมีทุกข์ได้ไปกราบร่างของหลวงพ่อฤาษีที่ใส่โลงแก้วไว้ที่วัดท่าซุงเล่าให้ท่านฟังว่า เพื่อนจะลาออกจากงาน หนูเศร้า เช้าวันรุ่งขึ้นแรกทันทีที่ลืมตา มีเสียงทางใจบอกว่า "ตอนมาก็ไม่ได้มาด้วยกัน ตอนไปก็ต่างคนต่างไป ใครจะทำอะไรก็..." จำไม่ได้หมด ตอนแรกคิดว่าคิดไปเอง แต่ก็ยังสงสัยว่า เราจะคิดอะไรฉลาดๆ แบบนี้ได้หรือ กัลยาณมิตรบอกว่าเป็นสัญญาเก่า แต่หนูว่าหนูไม่ฉลาดขนาดนั้นหรอก

   ต่อมาเวลาหนูมีปัญหา หนูชอบไปจุดธูปเล่าเรื่องยาวให้เสด็จฯ ฟัง คือนิสัยไม่ดี ยังพัฒนาใช้ปัญญาตัวเองแก้ไขปัญหาไม่ออก ก็ได้คำตอบเสมอ แต่เป็นคำๆ สั้นๆ ตอนแรกหนูไม่แน่ใจ และไม่ได้เล่าให้ใครฟังเพราะช่วงนั้นมีเรื่อง หมอประกิตติเผ่าที่มีหูแว่ว ที่ได้ชัดมากเป็นประโยค ก็ตอนที่ไปไหว้เสด็จฯ ที่ศาลายา แล้วทะเลาะกับสามีเรื่อง U-turn พอปักดอกกุหลาบเสร็จ มีคำผุดมาว่า " อีบ้า ที่หลังอย่าดื้อกับสามี" คราวนี้แน่ใจว่าไม่ใช่สัญญาเก่าแน่ๆ

   คำที่หนูได้ยิน ไม่ได้ยินทางหูค่ะ คือมันค่อยๆ เคลื่อนออกมาทางใจ แบบผุดๆ และเร็วมาก แต่ก่อนท่านมาตอนตี 2 จะมีแสงสีขาวๆเงินๆเป็นประกายสีรุ้งสวยมากเลย บางทีเป็นสีเหลืองแบบเสื้อเหลืองในหลวง และครั้งแรกเลยมีกลิ่นดอกเขี้ยวกระแตหอมมาให้ห้อง หนูก้มลงกราบเลย เสียงที่หนูได้ยินทางใจให้คำตอบฉลาดๆ หนูเข้าข้างตัวเองว่าอาจเหมือนที่อาจารย์ว่าคือ มีอาจารย์ดีมาสอน ถ้าเราจูนเครื่องรับเขาได้ เราก็จะติดต่อกับเขาได้ หนูไม่ได้มีเจตนาอวดอ้างอะไร คือช่วงนี้ท่านหายไป หนูคิดถึงท่าน เข้าใจเอาเองว่าช่วงนี้หนูโกรธคน ไม่สามารถสลัดออกจากใจได้ สมาธิเราจึงไม่ดี คำถามของหนูคือ ที่อาจารย์ว่าถ้าเราจูนคลื่นสมาธิให้ตรงกับเขา เราจะรับเขาได้ ความโกรธพวกนี้ จะทำให้คลื่นความถี่เราไม่ดีใช่หรือไม่ แล้วทำไมคนไม่ดีๆ เช่นพวกหมอผี พระเทวทัต ก็มีกิเลสมาก มีพยาบาท ทำไมเขาจึงมีอภิญญา คนมีอภิญญาต้องมีสมาธิละเอียดใช้หรือไม่

  ศิษย์หลวงตาและเสด็จฯ

คำตอบ
    กัลยาณมิตรบอกว่าเป็นสัญญาเก่านั้นถูกต้องแล้วการคิดว่าตัวเองไม่คลาดขนาดนั้น เป็นความคิดที่ผิด (มิจฉาสังกัปปะ) ควรลบให้หมดไปจากใจ

ส่วนคำที่ผุดออกมาจากการระลึกได้ของจิตว่า “ ทีหลังอย่าดื้อกับสามี ” ก็เป็นสัญญาเกาอีกนั่นเอง

ความโกรธเป็นกิเลสตัวใหญ่ ใครผู้ใดมีจิตขาดสติ รับเอาสิ่งกระทบที่ขัดใจมาปรุงเป็นอารมณ์โกรธ จะทำให้จิตสูญเสียพลังส่งผลถึงความถี่คลื่นจิตไม่คงที่ ความตั้งมั่นของจิตจะไม่เกิดขึ้นได้

ปุถุชนสามารถเจริญสมถภาวนา จนจิตตั้งมั่นเข้าสู่ระดับฌานได้เมื่อนำจิตออกจากฌานแล้ว โลกิยอภิญญาย่อมเกิดขึ้นได้ หมอผีหรือพระเทวทัตยังมีสภาวะของจิตเป็นปุถุชน คือยังไม่สามารถกำจัดกิเลส (พยาบาท) ให้หมดไปจากใจได้ ขณะเวลาใดที่กิเลสมีกำลังอยู่เหนือกำลังของสติ พฤติกรรมไม่ดีย่อมเกิดขึ้นได้ ดังที่พระเทวทัตได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
   

810.
กราบเรียนถามค่ะ

   เดิมคุณแม่ของหนูมีรายได้พอไม่เดือดร้อน ท่านอายุ72 ลูกที่ยังอยู่กัยท่านก็ให้เงินท่านก็แค่เพียงค่าใช้จ่ายของเค้าเพราะลูกไม่ได้มีรายได้มาก ส่วนพี่ชายแต่งไปแล้วแต่ปัจจุบันไม่มีงานทำมานาน3 ปีแล้ว ตอนนี้อายุ45 ปี ปัจจุบันแต่งงานแล้วมา 2ปีกว่าแล้ว มีลูก1 คน อายุ 2ปี ลักษณะนิสัยของพี่ชายเรื่องนอนเรื่องใหญ่ นอนดึกเที่ยงคืนขึ้นไป ตื่นสาย 10-11 โมง ช่วงที่มีงานทำชอบไปสาย แต่กลับช้ากว่าคนอื่น เค้าคิดว่าทดแทนกัน ไม่นานก็ออกเพราะเค้าไม่ค่อยอดทนกับงานที่มีความกดดัน พอมีลูกก็ดูแลได้ไม่ดี เช่นลูกร้องไม่ยอมตื่นมาให้นมปล่อยให้ลูกร้องนานมาก(ส่วนแฟนเค้าไปทำงาน) ทำให้แม่หนูห่วงหลานมากเลยชวนเค้ามาอยู่บ้านเดียวกันจนตอนนี้ก็สองปีกว่าแล้ว
 
    ปัญหาคือ ปัจจุบัน(17/04/08) แม่เริ่มเครียด เพราะข้าวยากหมากแพงภาระที่บ้านเยอะขึ้นเพราะแม่ต้องจ่ายทุกอย่างในบ้าน ในขณะที่แฟนเค้าไม่เคยจ่ายค่าใช้จ่ายในส่วนเฉพาะของตัวเค้าเลย ทั้งที่เค้ามีรายได้มากกว่าแม่หนูอีก (พวกเค้าไม่รู้น่ะว่าที่บ้านเรารู้ว่ารายได้เค้าเยอะ แต่เค้ามักจะบอกว่างานไม่ดีเงินไม่ดี) อยู่ฟรีกินฟรีมาตลอด แฟนเค้าเป็นคนกินดุมากคือเยอะมากๆ ใครเห็นก็งง หนูเห็นแม่เครียดทนไม่ไหว เลยไปคุยกะพี่ชายให้บอกแฟนจ่ายค่าใช้จ่ายเฉพาะของเค้าซึ่งไม่ว่าเค้าจะไปอยู่ที่ไหนก็ต้องมีค่าใช้จ่ายนี้อยู่แล้วเพราะคนเรามันต้องกินต้องใช้เพื่อช่วยลดภาระแม่ ทำไมคนมีรายได้ต้องให้คนแก่มาเลี้ยงอีก แต่เค้าบอกว่าเค้าเป็นสามีจะไปบอกให้เฟนจ่ายค่าใช้จ่ายเฉพาะของตัวเมียเค้าไม่กล้าพูด เป็นสามีต้องมีหน้าที่จ่ายให้แฟน นั้นก็หมายความว่าแม่หนูต้องจ่ายเพราะเค้าไม่มีรายได้ (ในส่วนของตัวเค้าและหลานแม่หนูออกให้อยู่แล้วเพราะเค้าไม่มีรายได้) เค้าบอกว่าที่มาอยู่ที่นี้เพราะแม่เรียกให้มาอยู่เอง เค้าไม่ยอมรับว่าเค้าเลี้ยงลูกบกพร่องแม่เลยต้องให้มาที่บ้าน แล้วเค้าก็บอกว่าหนูมาพูดแบบนี้หนูเป็นคนใจแคบมากๆ เค้าเริ่มไม่ชอบหนูแล้ว หนูเลยหยุดพูดเพราะกลัวทะเลาะกัน แล้วขอโทษเค้าที่ทำให้เค้าเครียด

คำถาม หนูอยากถามว่าหนูควรทำใจกะเรื่องนี้อย่างไรให้อยู่ได้อย่างเป็นสุข หนูอึดอัดมากค่ะ เพราะต้องอยู่กันอย่างนี้กันไปอีกนานมันเป็นปัญหาที่ต้องเห็นทุกวัน เค้าเบียดเบียนแม่หนูอยู่หรือเปล่า แม่หนูมีโรคเยอะเช่นหัวใจ หนูยิ่งห่วงถ้าเค้าเครียด (แต่ถ้าเค้าออกไปอยู่กันเองเค้าจ่ายได้น่ะค่ะแปลกไม๊ค่ะ)

ขอขอบพระคุณค่ะที่สละเวลาให้

คำตอบ
    ที่ถามไปเป็นเรื่องของการาชดใช้หนี้เวรกรรม ระหว่างแม่สามีและลูกสะใภ้ ซึ่งต้องชดใช้กันจนกวาหนี้เวรกรรมจะหมดสิ้น เรื่องนี้จึงจะยุติ ส่วนผู้ถามปัญหาในฐานะลูก ผู้รู้เห็นว่าเป็นเรื่องดีที่ผู้เป็นลูกสาวมีครูดี (ลูกสะใภ้) อยู่ใกล้ เพราะเขาสอนให้ผู้ถามปัญหาได้ปฏิบัติขันติบารมี เมตตาบารมี และอุเบกขาบารมี ให้มากยิ่ง ๆ ขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของอุเบกขาต้องอยู่บนพื้นฐานของการช่วยเหลือผู้เป็นแม่ เท่าที่ตนเองสามารถช่วยได้ ส่วนในเรื่องที่ช่วยไม่ได้ต้องปล่อยวาง แล้วอุเบกขาบารมีจึงจะเกิดขึ้นได้
  

809.
กราบเรียนปรึกษาอาจารย์สนอง

   ดิฉันกราบเรียนปรึกษาอาจารย์สนองด้วยความเคารบอย่างยิ่ง ที่ต้องการหาทางออกของการแก้ปัญหาทางจิตของดิฉัน ดิฉันถูกแฟนทิ้งไปมีผู้หญิงใหม่ ดิฉันต้องนอนผวากับเสียงที่ตะโกนด่าดิฉีนว่าเป็นผู้หญิงใจง่าย งี่เง่า ไล่ให้ไปยังไงก้อไม่ไป ไม่ได้มีค่าอะไรในสายตาเค้าเลย ทั้งๆที่เราคบกันมา 10 ปี ดิฉันดูแลเค้าที่ป่วยมาตลอด 3ปี ที่เค้าป่วยเก็บล้างทำความสะอาด อุจาระ ปัสสาวะ ต่างๆ ทำทุกอย่างเพียงแค่ให้เค้าหายดี แต่เมื่อเค้าหายป่วย เค้าก้อไปทำผู้หญิงอื่นท้อง ไม่นานเค้าก้อเลิกลากับผู้หญิงคนนั้น จากนั้นเรากลับมาคบกันใหม่ และเค้าก็แอบไปคบกับผู้หญิงอื่นอีก และทำเลวๆอีกหลายอย่าง และเค้าก้อจากดิฉันไป กับความทรงจำที่สุดจะปวดร้าว นี่เป็นเวลา 5 ปี แล้วที่ดิฉันต้องนอนร้องไห้และสะดุ้งขึ้นมากลางดึกกับเสียงที่แว่วเข้ามาในหู จนกระทั่งได้มาศึกษาธรรมะได้ 4 เดือน ดิฉันรู้สึกดีขึ้นมากไม่ได้ยินเสียงนั้นอีกแล้ว ดิฉันดีใจมากคะ จนกระทั่งวันนี้ดิฉันได้รู้ข่าวว่าเค้ามีอนาคตที่ดี มีการงานที่ดี ดิฉันกลับโกรธแค้น ที่คนทำความเลว ทำให้ชีวิตดิฉันต้องทนทุกทรมาน แต่เค้ากลับมีชีวิตที่เจริญ ขึ้น และแล้วดิฉันก้อกลับมาได้ยินเสียงตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง นอนไม่หลับ ได้แต่ร้องไห้ และท้อใจที่จะทำความดี เพราะเหตุที่ว่า ทำดีกับเข้ามากขนาดนี้ ทำไมชีวิตดิฉันถึงได้มีแต่ความเศร้า เหงา ไม่มีมีคู่ ดิฉันสับสน และท้อไม่รู้ว่าจะตั้งสติ เริ่มต้นยังไงดี คิดว่านี่เป็นกรรม และไม่อยากต้องมาชดใช้กรรมกันไปอีกหลายชาติ จะตัดมันออกไปจากจิตใจได้อย่างไร รบกวนอาจารย์แนะนำด้วยคะ

กราบขอบคุณคะ

คำตอบ
    ตราบใดที่อกุศลวิบากยังไม่เลิกแสดงผลผู้เสวยวิบากที่มีความเห็นผิด ย่อมประสบกับความทุกข์กายทุกข์ใจเป็นธรรมดา ความทุกข์นั้นจะหมดไปได้ต่อเมื่ออกุศลวิบากหยุดให้ผลหรือผู้รับอกุศลวิบากได้พัฒนาจิตวิญญาณตัวเอง จนเกิดปัญญาเห็นแจ้งแล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งส่องนำทางให้กับชีวิต ความมีจิตเป็นอิสระจากความทุกข์จะเกิดขึ้น ดังตัวอย่างของอิสินาสี ผู้ถูกสามีถึงสามคนปฏิเสธที่จะอยู่ร่วม ได้พัฒนาจิตตนเองจนพ้นไปจากความทุกข์ได้หมด
  

808.
กราบเรียนท่านอาจารย์ดร. สนอง วรอุไร ที่เคารพครับ

   มันเป็นปัญหาที่เก็บกดไว้ในใจจนแทบจะทนไม่ไหวแล้วครับ เพราะผมมีคำด่าลบหลู่ในใจต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพระอริยะเจ้า พระรัตนตรัย ทั้งๆที่ในใจกระผม เคารพและนับถือทั้งพระอริยะเจ้า พระรัตนตรัย รวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย มิได้มีใจที่จะลบหลู่ดูถูกเลยแม้แต่น้อย แต่ใจยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ พอเมื่อใดที่คิดคำด่าในใจต่อสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลาย ผมก็จะทวนคำพูดในใจกล่าวขอโทษทุกครั้งไป จนมันทรมานแทบทนไม่ไหว เพราะผมกลัวบาปกรรมมากครับ กลัวจะไปตกนรกกลัวไม่ได้บรรลุธรรม กลัวจะไม่ได้เจอพระพุทธศาสนาอีก ทุกวันนี้ทรมานใจมาก เพราะรู้ว่าถ้าไปกล่าวคำหยาบต่อสิ่งศักสิทธิ์ยิ่งต่อพระอริยะเจ้าและยิ่งต่อรัตนตรัย แล้วเป็นบาปมากๆเลย ผมจะกำจัดคำด่าเหล่านี้ไปจากจิตใจผมยังไงดีครับ ที่ผมอ่านเจอก็มีให้ทำแบบที่ อ.สนอง แนะนำนะครับคือ

• นำพวงมาลัยดอกไม้ขาวล้วน ธูป เทียน ไปกราบขอขมาต่อพระรัตนตรัย ต่อองค์เจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ กล่าวถึงต้นเหตุที่ทำให้เกิดปรามาส ผลกรรมที่ได้รับและกล่าวคำปฏิญญาว่า “ บัดนี้ข้าพเจ้าได้สำนึกผิดแล้ว ขอองค์พระรัตนตรัยได้โปรดผูกโทษให้แก่ข้าพเจ้าด้วย ต่อไปข้าพเจ้าจะไม่กระทำกรรมอันใด ที่จะเป็นเหตุล่วงเกินต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อีกต่อไป ”
     • นำตัวเองบวชเป็นโยคีปฏิบัติธรรมนาน 3 เดือน เพื่อชำระจิตวิญญาณให้ปลอดจากมลทิน
     • รักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์
     • รักษาสัจจะให้มีอยู่กับใจให้ได้ทุกขณะตื่น


   วิธีการนี้จะทำให้จิตใจกระผมมันหายจากคำหยาบๆต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้ใช่มั้ยครับ
แต่ถ้าเกิดมันยังเกิดขึ้นอีกละครับ ก็ต้องทำแบบที่อาจารย์แนะนำใช่มั้ยครับ
สิ่งศักสิทธิ์ทั้งหลาย พระอริยะเจ้าพระรัตนตรัย จะรับรู้มั้ยครับว่าใจจริงไม่ต้องการกล่าวคำหยาบในใจเป็นเพียงแค่จิตของผมมันห้ามคิดไม่ได้ แต่ใจลึกๆจริงๆนับถือและเคารพยิ่ง
ผมมีความปรารถนายิ่งว่าชาตินี้จะพยายามปฏิบัติธรรม ให้ถึงมรรคผมนิพาน ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่หวังสูงเกินไปมากๆแม้ขณะนี้ผมก็ยังเป็นฆารวาสอยู่ ผมก็อธิฐานว่าสักวันในชาตินี้ผมจะมีโอกาสได้สละทุกสิ่งทุกอย่างทางโลกได้ โดยไม่มีภาระทางโลกที่ต้องเกี่ยวโยงกันอีกแล้วและได้เข้าสู่ธรรมขององสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกวันนี้ผมก็พยายามอยู่ในศีล 5 สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน และปฏิบัติธรรมโดยการนั่งสมาธิ

  
 ขอให้อาจารย์สนอง วรอุไร โปรดชี้แนวทางในผมด้วยครับ ผมดีใจที่ได้พบกัลยาณมิตร เช่นอาจารย์สนองครับ บุญกุศลที่ผมได้กระทำมาโปรด ดลบันดาลให้อาจารย์ สนอง วรอุไร มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และมีอายุยืน เพื่อคอยชี้แนะแนวทางแก่มนุษย์ผู้ยังหลงอยู่ในวัฏสงสารต่อไปนะครับ

คำตอบ
   ผู้ใดทำตัวเองให้เหมือน “ น้ำชาล้นถ้วย ” การแก้ปัญหาชีวิตจะไม่สัมฤทธิ์ผล และหากผู้ใดทำใจให้เหมือนถ้วยน้ำแล้วปฏิบัติตามคำแนะนำโดยไม่สงสัยด้วยใจเต็มร้อย ความสำเร็จในการแก้ปัญหาจึงเกิดขึ้นได้กับผู้นั้น
  

807.
กราบเรียนท่าน ดร.สนองที่เคารพครับ

   ได้ศึกษาธรรมมะและศรัทธาในพระธรรมของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริงทั้งที่คิดว่าเอาเงินเอาทองมากองอยู่ตรงหน้าก็จะไม่แลกกลับชีวิตเดิมๆที่ผ่านมาแล้ว (ชีวิตที่ไร้ระเบียบ ไร้สาระ ไร้ประโยชน์) เพราะมีธรรมมะของพระพุทธเจ้าเป็นเครื่องนำทางที่ถูกต้องแล้ว แต่พอไม่ได้ฟังธรรมมะ(เสียงหลวงพ่อเทศ)หลายวันเข้ามันถดถอยมาเหมือนศรัทธามันเริ่มคอนแคลน เช่น ตอนที่ศรัทธามากๆ แม้ยุงกัดก็จะไล่มันไป แต่พอห่างจากธรรมมะเข้า แม้มันบินอยู่เฉยๆยังตบให้มันตายเลย จึงอยากจะทราบว่าคนอื่นเขาเป็นกันอย่างนี้หรือไม่ และมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้างไหมครับที่จะทำให้ศรัทธามันเต็มเปี่ยมตลอดเวลาไม่ให้มันย่อหย่อนลงไป (อีกกระผมยังทำสมาธิไม่ได้เลยพยายามทำแล้วแต่เข้าสมาธิไม่ได้สักที)

กราบขอบพระคุณอาจารย์ดร.สนองมากครับ

คำตอบ
    คนที่ไม่ประมาทในธรรมของพระพุทธะ จะเจริญพละ 5 อยู่เสมอ เขาจึงไม่เป็นผู้เสื่อมไปจากธรรม เขาจึงรักษาธรรมของพระพุทธะไว้ได้ ฉะนั้นผู้ถามปัญหาประสงค์จะเป็นผู้ไม่เสื่อมไปจากธรรมที่เคยเข้าถึงได้ ต้องทำตัวเองให้มีศีล 5 คุมใจให้ทุกขณะตื่นแล้วเจริญพละธรรม 5 ประการอยู่เสมอ
  

806.
การเรียนท่านอาจารย์ด้วยความเคารพ

   ดิฉันมีความศรัทธาในปฏิปทาของท่านอาจารย์เป็นอย่างมาก ขออนุญาตเรียนถามท่านอาจารย์ดังนี้ค่ะ ก่อนที่ดิฉันจะแยกแยะออกว่าอะไรเป็นของจริง อะไรเป็นของปลอม ดิฉันเหนื่อยยากกับการแสวงหาครูบาอาจารย์อยู่หลายปี ช่วงระหว่างนั้นจะได้หนังสือธรรมะบ้าง, รูปถ่ายพระอาจารย์, ไหมผูกแขน, เส้นเกศา ฯลฯ ทั้งได้ฟรี และเสียเงินเช่ามาโดยการทำบุญ ตอนนี้ได้รู้แล้วว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ ยิ่งมีมากยิ่งเป็นภาระอย่างยิ่ง จะเผาทิ้งเสียก็กลัวเป็นบาป เป็นเวรกรรม

กราบขอคำปรึกษาจากท่านอาจารย์ผู้รู้จริงว่าควรทำอย่างไรดีคะ

คำตอบ
    สิ่งใดที่มีเกินพอสิ่งใดที่ไม่เป็นประโยชน์กับตนควรสละหรือบริจาคให้ผู้อื่นได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป ผู้ใดทำได้แล้วถือว่าเป็นการสร้างบุญวิธีหนึ่ง ที่ผู้รู้นิยมทำกัน
     

805.
เรียนอาจารย์สนองที่เคารพค่ะ

   หนูเป็นแพทย์อยู่รพ.รัฐบาลขนาดกลาง ที่รพ.ใช้ยาทั้งของบริษัทในประเทศและต่างประเทศ เมื่อหนูมาอยู่ใหม่ๆ มีตัวแทนขายยาบริษัทต่างประเทศซึ่งมักเป็นผู้หญิงสาวๆ หน้าตาดี พูดจาดี เข้ามาพูดคุยโฆษณาสินค้ายา แรกๆ ก็เอาขอกำนัลเช่นปากกา ตุ๊กตามาให้ ต่อมาก็มีการเชิญไปประชุมฟังวิชาการตามสถานที่ๆ น่าพึงใจหรูหราโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

   หนูเห็นว่าหัวหน้าไป หนูก็เลยไปบ้าง คิดว่าเป็นการประชุมวิชาการ แต่ต่อมาพบว่าบริษัทยาเหล่านี้ไม่ได้หวังให้เรามีความรู้อะไรหรอก แต่เขาต้องการโฆษณายา และต้องการความสนิทสนมและผลประโยชน์ และพบความจริงว่า เขาจะเชิญเฉพาะผู้ที่ให้คุณให้โทษแก่ยาของเขาได้ เพราะเพื่อนคนอื่นๆ มิได้ไปเหมือนๆ กัน หนักเข้ามีการเชิญไปต่างประเทศ ฟรี การติดต่อไม่ได้ผ่านส่วนกลางของรพ. แต่จะมาติดต่อเป็นการส่วนตัว งุบๆ งิบๆ กัน มีหมอที่ทำอย่างนี้เยอะมาก

   หนูมีความรู้สึกมานานแล้วว่ามันคือ สินบน ลาภอันได้จากตำแหน่งหน้าที่ แต่เห็นหัวหน้าทำ และใครๆ ก็ว่าเขาเป็นคนดี และเขาก็บอกว่า เราไปประชุมของเขา แต่เราไม่ใช้ยาเขาก็ได้นี่ หนูก็เลยทำตาม ว่าไปก็กิเลสของตัวเองด้วยแหละ หนูทำไปแล้วละค่ะ แต่เป็นเวลา 3 ปีมาแล้วที่หนูไม่รับเชิญอีกเลย หนูกลายเป็นอีสวนกระแส แต่หนูมาคิดดู ก็พบว่ามีหมออยู่จำนวนอีกจำนวนหนึ่ง ถึงจะน้อยที่ไม่เอา แต่ก็มีนะ

   อาจารย์คะ หนูคิดถูกใช่ไหม ถ้าหนูรับเชิญไป แล้วหนูจะเป็นอย่างนักการเมืองท้องถิ่นที่รับซองเงินไหม คือเป็นเปรต การทำแบบนั้นจะได้รับโทษเช่นไร คือไปรับของที่เขานำมาเสนอ เอามาล่อ อย่างแรกที่หนูคิดออกคือสูญเสียการเป็นตัวของตัวเอง และทำอย่างไรเราจึงจะไม่โกรธเมื่อมีคนไปไปประชุม แล้วเราต้องทำงานแทน เพื่อนร่วมงานของหนูหลายคนก็มีความรู้สึกเดียวกัน แต่ไม่ได้พูดออกมา

   ศิษย์หลวงพ่อฤาษี

คำตอบ
    การไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนอกุศลกรรมเป็นความเห็นถูกของคนดี แต่คนไม่ดีเป็นเรื่องปกติที่ควรประพฤติคนไม่ดีมีจิตเป็นทาสของยศ ของตำแหน่ง ของคำสรรเสริญ ฯลฯ

   ผู้ใดมองชีวิตได้ยาวไกลจะเห็นสิ่งเหล่านี้เป็นตัวขัดขวางความก้าวหน้าของชีวิต ทำให้ชีวิตขาดอิสรภาพ ถูกมารดักจับผูกมัดไว้ชั่วคราวแล้วปล่อยชีวิตให้ลงสู่ภพต่ำเมื่อตาย

   ฉะนั้นเมื่อผู้บังคับบัญชามอบหมายหน้าที่ให้ปฏิบัติแทน หรือผู้ร่วมงานถูกมารนำตัวไปร่วมอกุศลกรรมแล้วคุณต้องทำงานมากขึ้น ต้องคิดให้ถูกว่าโอกาสเปิดให้เราได้ทำความดีจะได้ทำงานให้เกิดประสบการณ์กับชีวิต “ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ” เป็นสัจจธรรมที่จริงแท้แน่นอน
  

804.
กราบเรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพ

  ดิฉันมีคำถามที่จะขอคำแนะนำจากท่านอาจารย์ในการที่จะปฏิบัติอย่างไรดีที่จะสามารถช่วยคุณแม่ได้ เนื่องจากคุณแม่มีลูกหลายคน และมีหลานๆ ที่เกิดมาจากลูกๆ และมีการหย่าร้างของลูกๆ จึงทำให้ท่านเป็นห่วงทั้งลูก และหลานมาก จนกระทั่งปัจจุบันคุณแม่อายุย่างเข้า 73 ปีแล้ว แต่ยังไม่สามารถที่จะสงบสุขได้เลย จิตของท่าน จะถูกเหวี่ยงไปตามเหตุการณ์ต่างๆ ที่ลูก หลาน ชักนำเข้ามาทำให้ไม่สงบได้เลย ดิฉันพยายามปฏิบัติธรรม และอธิษฐานขอให้คุณแม่ได้มีโอกาสได้ปฏิบัติธรรมบ้าง สักครั้งในชีวิตก็ยังดี แต่คุณแม่จะมีข้อติดว่าไปไม่ได้ เพราะห่วงหลานที่พี่ๆ นำมาฝากให้ดูแลตลอดเวลา และการดูแลหลานก็ดูเหมือนจะสร้างความหงุดหงิด ความเดือดร้อนแก่ท่าน แต่ท่านก็ยังต้องติดอยู่ในวังวนนั้น คือเหมือนจะบ่นว่าเหนื่อย แต่ก็ดูเหมือนอยากทำแบบนั้น แต่สภาพจิตใจของท่านที่เป็นอยู่นั้น แสดงถึงความทุกข์ใจอยู่เนืองๆ

    ปัจจุบันดิฉันทำได้เพียงชวนพูดคุยให้ท่านสบายใจ ถ้าคุยเรื่องธรรมะได้ก็จะคุย เช่นเล่าว่าไปฟังพระอาจารย์อะไรมา แล้วท่านพูดอะไรบ้างให้คุณแม่ฟัง หรือชวนพูดคุยในเรื่องที่จะทำให้ท่านลืมความทุกข์จากเรื่องลูกเรื่องหลานไปได้แค่ชั่ว ครั้งชั่วคราว พอสักพักท่านก็จะวกกลับไปเรื่องที่ทุกข์อีกเรื่อยๆ บางทีก็พูดซ้ำๆ เรื่องเดิมๆ ตั้งแต่เริ่มปัญหาเล่าได้ทุกครั้ง ไม่รู้จบ ดิฉันนำหนังสือธรรมะให้ท่านอ่านได้บ้าง แต่สายตาท่านไม่ค่อยดีแล้ว และ ถ้ามีโอกาสก็เปิดเทปธรรมะหรือวิทยุธรรมะของสังฆทานธรรมให้ฟังได้บ้าง แต่สังเกตว่าท่านไม่ได้ฟัง เพราะจิตท่านยังวนเวียนคิดอยู่แต่เรื่องปัญหาลูกหลาน พอปิดเทปท่านก็เริ่มพูดวกกลับไปเรื่องเดิมที่ติดพันอยู่นั้นเอง แต่ดิฉันก็ไม่กล้าไปเร่งรัดท่านมากค่ะ

   จึงจะขอรบกวนท่านอาจารย์ช่วยแนะนำดิฉันว่า ดิฉันควรจะทำอย่างไรได้บ้าง ควรจะทำบุญแบบไหนได้บ้างที่ลูก จะสามารถส่งกุศลผลบุญให้คุณแม่ให้ได้โอกาสที่จะเป็นอิสระ ได้ปฏิบัติธรรมหรือได้โอกาสที่จะมีชีวิตที่ไม่ใช่เป็นทาส ลูกหลานไปจนสิ้นชีวิตได้บ้างคะ

ขอแสดงความนับถือ
   วรรณวิภา

คำตอบ
   สัตว์โลกมีกรรมเป็นของตน เมื่อหนี้เวรกรรมยังชดใช้ไม่จบสิ้น ผู้นั้นยังต้องทุกข์อยู่ ดังนั้นสิ่งที่ผู้ถามปัญหาคิดจะช่วยแม่ให้ดีที่สุด ณ ขณะปัจจุบันคือ ตอบแทนคุณของแม่ด้วยการประพฤติจริยธรรมของลูกที่ดีต่อแม่ พร้อมทั้งทำตัวเองให้เป็นผู้มีศีล มีธรรม ประจำใจอยู่ทุกขณะตื่น เมื่อใดหนี้เวรกรรมของแม่ที่ต้องชดใช้ให้กับลูกและหลานหมดสิ้นลง และกลับมาศรัทธาในพฤติกรรมของผู้ถามปัญหาแล้ว เมื่อนั้นจึงจะสามารถชวนแม่ให้เข้ามาสู่ธรรมที่คุณประสงค์จะมอบให้ท่าน
  

803.
เรียน อาจารย์ดร. สนอง ที่เคารพ

หนูมีปัญหาที่คิดไม่ตกมาถามอาจารย์ค่ะ

แฟนหนูอยู่ต่างประเทศและเป็นมะเร็งสมอง หนูอยากไปดูแล แต่หนูมีภาระหน้าที่การงานที่ต้องทำอยู่ที่นี่ หนูควรจะลาออกจากงานแล้วไปดูแล แต่ก็เกรงว่าหลังจาก 6 เดือนที่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศและกลับมาประเทศไทย หนูเกรงว่าหนูจะตกงานค่ะ เพราะตอนนี้อายุก็ไม่น้อยแล้ว และหางานก็ไม่ใช่ง่ายค่ะ

หนูก็คิดว่าถ้าไม่ไปดูแล หนูคงจะเสียใจถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเค้า ฝากอาจารย์ให้คำแนะนำและชี้ทางสว่างค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ

คำตอบ
    การเกิด การตายเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ไม่มีใครสักคนสามารถนำพาชีวิตให้พ้นไปจากวงจรนี้ได้ ดังนั้นผู้ที่คิดว่าจะต้องตายทีหลังและยังจำเป็นต้องดูแลชีวิตของคนอีกยาวไกล จึงควรต้องประเมินผลได้ ผลเสีย ของการละทิ้งอาชีพที่ใช้เลี้ยงชีวิต เพื่อไปช่วยในสิ่งที่ไม่มีผู้ใดช่วยได้ เพราะสัตว์โลกเป็นไปตามกรรม จึงต้องคิดให้รอบด้าน และตัดสินใจด้วยตัวเองทั้งนี้เพราะชีวิตเป็นของตัวเองที่ต้องบริหารจัดการดูแลให้ดำเนินไปในแนวทางที่ตนปรารถนา
   

802.
เรียน ท่านอาจารย์ ดร.สนอง ที่เคารพ

ตามที่ท่านอาจารย์ได้เคยกล่าวว่าการนั่งสมาธิจะช่วยให้มีความจำดีขึ้น หนูอยากทราบว่าหากหนูเดินจงกรมแทนการนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ หรือกำหนดจิตโดยใช้การยกมือ หรือการใช้วิธีตามดูจิต จะเสมือนการนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจและช่วยให้ความจำดีขึ้นด้วยหรือไม่

กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

คำตอบ
    คลื่นสมองเปลี่ยนมาอยู่ในช่วงความถี่คลื่นสั้นซึ่งส่งผลให้เก็บความจำมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องมาจากเหตุที่จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ฉะนั้นอิริยาบถใดที่นำมาใช้พัฒนาจิตแล้วทำให้เกิดเป็นสมาธิขึ้นได้สามารถนำอิริยาบถนั้นมาใช้ได้
  

801.
กราบเรียนท่านอาจารย์

อาจารย์คะ หากหนูได้มีโอกาสสร้างทานบารมีกับพระอรหันต์ 2 ท่าน ท่านแรกเป็นพระวัดป่า เมื่อถวายทานกับท่านแล้วจิตใจเบิกบานเปิดกว้างและเบาสบาย ถวายทีไรก็เป็นแบบนั้นทุกครั้งไป กับอีกท่านหนึ่งท่านเป็นฆราวาส เมื่อถวายทานกับท่านแล้วจิตใจไม่ได้ไม่เปิดกว้างเบาสบายเหมือนท่านแรก แต่รู้สึกหนักแน่นเป็นมวลพลังงานทางใจที่อิ่มเอิบยาวนาน และถวายครั้งใดก็เป็นแบบนั้นทุกทีเหมือนกันค่ะ

1.)การถวายทานกับผู้ทรงคุณ 2 ท่านนี้แตกต่างกับเพราะใจของผู้ถวายทาน หรือเป็นเพราะบารมีของท่านต่างกันคะ

2.)ทาน 2 แบบนี้ให้ผลที่แตกต่างกันอย่างไรคะ

3.) หนูมีปัญหากระดูกสันหลังคด ทำให้มัปัญหาด้านบุคลิกภาพ เกิดจากเหตุใดคะ และแก้ไขอย่างไรคะ

ขอบพระคุณท่านอาจารย์ค่ะ
สิ่งใดที่หนูได้ล่วงเกินท่านอาจารย์ไม่ว่าทางกาย วาจา หรือใจ หนูกราบขอขมาลาโทษ และขออโหสิกรรมต่อท่านอาจารย์ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ

คำตอบ
    (1) แตกต่างกันด้วยความศรัทธาที่เกิดขึ้นในใจของผู้ถวายทาน เป็นเหตุทำให้เกิดอาการดังที่บอกเล่าไป

   (2) ผู้ที่ครองเพศเป็นนักบวช (พระสงฆ์) มีโอกาสที่จะพัฒนาจิตให้เข้าถึงอรหัตตผลได้และยังครองความเป็นมนุษย์อยู่ได้ไม่มีโอกาสเป็นพระอรหันต์ได้ พัฒนาจิตได้สูงสุดแค่เป็นพระอนาคามีเท่านั้น ดังตัวอย่างปิปผลิมาณพ (พระมหากัสสปะ) ก่อนบวชมีสภาวะจิตเป็นพระอนาคามี

     ด้วยเหตุนี้ทานที่ถวายแด่พระสงฆ์ผู้เป็นอรหันต์ ผู้ให้ย่อมได้รับอานิสงส์แห่งทานสูงกวาให้กับฆราวาสผู้เป็นพระอนาคามี

   (3) เหตุมาจากกรรมเก่าส่งผลให้ต้องรับอกุศลวิบาก กระดูดสันหลังคด วิธีแก้ไข (บริหารกรรม) คือยอมรับความจริงว่าอดีตเคยได้ก่อหนี้เวรกรรมไว้กับผู้อื่น จึงต้องยอมชดใช้หนี้เวรกรรมให้หมดสิ้นไป ทำบุญใหญ่ (จิตตภาวนา) แลกหนี้ ด้วยการอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร ทำดีหนีหนี้กรรมอื่นที่ยังตามให้ผลไม่ทันและสุดท้ายพัฒนาจิตเพื่อหนีหนี้เวรกรรมที่เหลือจนเข้าสู่นิพพาน